Kiss me Kill me [YURI]
6.0
เขียนโดย Nekoyu
วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.52 น.
7 chapter
0 วิจารณ์
12.00K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557 03.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) 01 First Impressions
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ .................................................................................................................
Thai of Asia University หรือ มหาวิทยาลัยเอเชีย มหาวิทยาลัยเอกชนขนาดใหญ่เด่นด้วยการสอดแทรกภาษาอังกฤษในหลักสูตรต่างๆ เปิดรับทั้งระบบสมัครตรงรับระบบสอบเข้า25%และรับระบบโควตานักกีฬา25% เป็นมหาวิทยาลัยใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่ถึง5ปีแต่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพ
วันนี้เป็นเปิดภาคเรียนใหม่สำหรับนักศึกษารุ่นที่สามจึงมีกิจกรรมปรับสภาพขึ้น ให้รุ่นพี่คณะต่างๆพากันไปรอรับนิสิตป้ายแดงด้วยความตื่นเต้น ขนาดพี่สต๊าฟในสาขาอังกฤษธุรกิจที่ขึ้นชื่อเรื่องเคร่งครัดระเบียบวินัยที่สุดในคณะบริหารยังออกอาการตื่นเต้นจนแทบคุมมาดนิ่งๆไม่อยู่
“เฮ้ย...เดี๋ยวจะมีเด็กมาเรียกพี่แล้วเว้ยเฮ้ย” หนุ่มอ้วนพูดทะเล้นเรียกเสียงโห่จากเพื่อนๆที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่ เพราะหน้าดุเลยโดนโหวตให้เป็นหัวหน้าพี่อบรมปีนี้แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนสบายๆติดจะคุยเก่งด้วยซ้ำ
“น้องมาโน้นแล้ว” สาวแว่นป้องปากตะโกนบอกเมื่อเห็นเด็กเฟรสชี่พากันเดินเป็นแถวตรงมาหารุ่นพี่ที่นั่งรออยู่ใต้ต้นไม้ แต่ในกลุ่มนักศึกษาปีหนึ่งของสายบริหารหมาดๆกลับมีดาวรุ่งเด่นสะดุดตาพวกพี่อย่างจัง รุ่นน้องตัวสูงในชุดเสื้อยืดสีเข้มกางเกงยีนส์สีซีดที่เข้าคู่กับรองเท้าผ้าใบสีอ่อน ใบหน้าเรียวได้รูปแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ นัยน์ตาสีเทาคู่คมแฝงแววดื้อดึง จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากบางเรียวสวยและผมสีแดงเพลิงที่เป็นจุดเด่น
“โอโห่เฮ้ย ปีนี้ใช่เล่นเลยว่ะ มีลูกครึ่งด้วยผมแดงมาเลยว่ะ” หนุ่มตี๋หนึ่งในพี่อบรมจงใจพูดน้องคนนี้เป็นลูกครึ่งก็จริงแต่เขาคิดว่าหัวแดงๆแบบนั้นไม่ใช่สีผมธรรมชาติแน่ๆ ทำให้หัวหน้าทีมสุดเข้มรีบเดินไปหาเป้าหมายเพื่อทำหน้าที่ทันที
“หัวนิแดงมาเลยนะ แรงครับแรง”
เขาบอกเสียงเข้มข่มขวัญให้พวกที่นั่งอยู่ในแถวพากันผวา
“ไหนยืนขึ้นสิ”
แค่พูดเรื่องสีผมเด่นชัดขนาดนั้นเจ้าตัวก็รู้ตัวดีเลยลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่าย ใบหน้าสวยไม่แสดงสีหน้าใดๆตาสีเทาที่เด่นไม่แพ้สีผมหรี่ลง
“ชื่ออะไรครับ ชื่อเล่นก็ได้”
รุ่นพี่ร่างใหญ่กอดอกถาม
เหอะ...ชื่อก็เขียนอยู่บนป้ายแท้ๆ เจอหน้าทีถามชื่อกันทียังงี้จะให้ห้อยไว้เป็นแฟชั่นรึไง?
เธอกรอกตาไปมา
“มิ้นท์ค่ะ”
แล้วบอกเสียงเรียบ
“น้องมิ้นท์นะ พี่เข้าใจว่าอยู่ม.ปลายอัดอั้นมานานเลยอยากปล่อยผี แต่ที่ไหนๆก็มีกฎครับ ไม่ใช่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ! ต่อให้น้องเป็นลูกครึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าน้องจะทำหัวแดงแฟชั่นจ๋ามาเรียนที่นี่ได้ หวังว่าพรุ่งนี้หัวน้องคงจะเป็นสีเดิมที่บรรพบุรุษให้มาได้ใช่ไหม ตอบ ”
เสียงเข้มตวาดจนพวกที่อยู่ในแถวมองหน้ากันไปมา แต่คนโดนตำหนิยืนนิ่งชักสีหน้าใส่รุ่นพี่
หนุ่มร่างท้วมเลิกคิ้ว โอ้โหตำหนิไปแล้วไม่มีสลดเลยจริงๆ
“ถามไม่ตอบ คุณมีปัญหาอะไรครับ พูดครับพูด! มายืนสวยเฉยๆผมไม่เข้าใจกับคุณหรอก”
เขากระแทกเสียงข่มขู่เต็มที่
...เธอเลยหยิบอย่างขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ กระเป๋าสตางค์แบรนเนมสุดหรูที่เพิ่งเปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่ออาทิตย์ก่อนดึงดูดทุกสายตาให้มองพุ่งมาหาด้วยความตกตะลึง ถึงที่นี่จะมีพวกคุณหนูบ้านรวยลูกเข้ามาเรียนกันเยอะ แต่คุณเธอเล่นมีของแพงเวอร์จากต่างประเทศมาอยู่ในมือได้เนี่ยไม่ธรรมดาจริงๆ
“อ่าวๆ นี่จะยัดเงินปิดปากพี่รึไง” พี่อบรมร่างใหญ่แกล้งทำหน้าดุใส่ในใจแอบขำเล็กๆปีก่อนรุ่นเขาเองก็มีเหมือนกันพวกอวดร่ำอวดรวยใส่รุ่นพี่
“ก็แค่จะหาหลักฐานให้ดูน่ะค่ะว่าผมสีนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว หรือว่าพี่หวังอยากจะได้จริงๆ”
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม
“นี่ค่ะ”
บัตรประชาชนถูกยื่นใส่มือกร้าน
“จะเอามาให้พี่ดูทำไมบัตรประชาชนน่ะ?”
เขาเลิกคิ้ว
“หลักฐานไงคะ”
ตอนแรกก็งงไปหลายวิพอมองเจ้าของบัตรอีกทีก็ถึงบางอ้อว่าเด็กมันอยากอวดว่าตัวเองเป็นลูกครึ่ง
“อ่อ ไม่ต้องอวดครับพี่ดูรู้ว่าน้องเป็นลูกครึ่ง”
เลยหัวเราะเสียงดังใส่
“ที่นี่พวกเด็กพิเศษมันเยอะลูกทหาร ตำรวจ สส.เยอะครับเยอะ เป็นแค่ลูกครึ่งธรรมดาหาได้ดาดๆ”
พอได้ยินประโยคเด็ดพวกเฟรสชี่ที่กำลังคิดว่าตัวเองมีดีบ้านรวยนามสกุลใหญ่ได้นั่งสะดุ้งกันเป็นแถว
“ จะเอาไว้อ้างที่ทำหัวแดงๆมารึไงคะน้อง”
รุ่นพี่สาวแว่นก็ไม่เชื่อแถมยกมือป้องปากตะโกนให้ได้ยินกันถ้วนหน้า ถ้าเด็กมันคิดจะโกหกก็จะได้หน้าแหกต่อหน้าเพื่อนๆให้อายตั้งแต่ปี1ยันจบปี4ไปเลย
รุ่นน้องได้แต่ยิ้มรับ
“ก็ลองพลิกดูอีกด้านสิคะมีรูปถ่ายหมู่ในตระกูลแด๊ดอยู่ญาติๆของแด๊ดผมสีนี้กันทุกคนค่ะ ของมิ้นท์นี่ถือว่าสีอ่อนลงแล้วนะคะถ้าไม่ได้เป็นลูกครึ่งจะแดงยิ่งกว่านี้อีก”
นัยน์ตาสีเทาส่งสายตาท้าทาย
โดนมองขนาดนี้เขาเลยพลิกบัตรในมือดูซะหน่อย ด้านหลังมีรูปถ่ายฝรั่งผู้ชายวัยสามสิบต้นๆผมสีแดงเข้มอุ้มเด็กผู้หญิงตัวเล็กผมสีแดงเอาไว้แนบอก ข้างๆกันนั้นมีรูปถ่ายสีค่อนข้างเก่าเป็นรูปหมู่ผู้คนในรูปมีหลากหลายเพศและอายุแต่ทุกคนมีผมสีแดงเข้มกันหมด เขาถึงกับใบ้กินขึ้นมาทันใดหน้าแหกสิงานนี้ได้แต่เดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนเงียบๆแล้วยื่นบัตรให้ดู
“ของจริงนี่หว่า!”
หนุ่มตี๋ทำหน้าบอกบุญไม่รับ ส่วนสาวแว่นเบ้หน้างานนี้เจ้าตัวเสียหน้าเต็มๆแถมยังรู้สึกหน้าแหกเข้าให้ซะเอง พี่อบรมแต่ละคนนั่งนิ่งรูดซิบปากเงียบสนิทไม่เหมือนตอนทำท่าข่มใส่น้องก่อนหน้านั้นเลย หนุ่มร่างใหญ่มองซ้ายมองขวาก็มีแต่คนส่ายหน้าใส่เลยถอนหายใจออกมา ในฐานะหัวหน้าทีมคงต้องเป็นฝ่ายไปกู้หน้าเองซะแล้วหน่วยกล้าตายจึงเดินกลับมาหาน้องผมสีเพลิงอีกครั้ง
“โอเคครับน้องมิ้นท์ พวกพี่เข้าใจน้องผิดเอง ก็นะคนเรามีผิดพลาดกันได้พวกพี่ก็โตกว่าน้องแค่ปีเดียวเอง แต่อย่าถือโทษโกรธกันเลยเนอะ เดี๋ยวต่อไปเราก็มาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมรั้วมหาลัยเดียวกันเหมือนพี่เหมือนน้องกันแล้ว”
เขาพูดยิ้มๆแล้วยื่นบัตรคืนให้
“ค่ะ มิ้นท์เข้าใจว่าคนเรามีระดับความคิดไม่เท่ากัน”
บอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วรับของคืนมา แต่คำพูดที่ตรงจนเกินไปทำเอาใบหน้าคมเข้มถอดสีทันที ในใจได้แต่คิดว่าเด็กปีนี้แรงจริงๆแต่จะพูดอะไรได้ล่ะเพราะตัวเองกับเพื่อนก็ผิดที่ใส่ความน้องเค้าก่อนนี่นา เลยทำได้แต่ถอยออกมาเงียบๆ วีรกรรมการหักหน้าพวกพี่ต่อหน้าเพื่อนร่วมรุ่นทำให้เกิดเสียงซุบซิบถึงนิสัยสุดแรงไปต่างๆนาๆ
“แรงว่ะเนอะป้าทิพย์”
สาวผมสั้นมาดห้าวกระซิบบอกเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“ป้าบ้านแกสิ เดี๊ยะเหนี่ยว”
สาวหมวยเลยยกมือขึ้นทำท่าจะตบหัวตัวปากดีที่เอี้ยวตัวหลบซ้ายหลบขวา
“เออแต่จะว่าไปก็แรงเกิ้น”
“ดูน่ากลัวเนอะ”
เสียงหวานที่ดังมาจากข้างหลังทำให้สองสาวหันไปมองพร้อมกัน
ใบหน้าหวานที่เผยยิ้มน่ามอง ดวงตากลมโต ใบหน้าเรียวเล็กและผมสีน้ำตาลที่รวบเป็นทรงหางม้า ให้เธอคนนี้ดูน่ารักชนิดที่มองเท่าไรก็ไม่มีเบื่อ สิ่งที่สะดุดพอๆกับหน้าตาคงจะเป็นนามสกุลที่อยู่บนป้ายห้อยคอ
งานนี้สาวหน้าหมวยรีบเอนตัวเข้ามากระซิบบอกเพื่อนตัวดี
“หลานอธิการน่ะ”
คนได้ยินถึงกับตาโต
“อ่า...เอ่อ เราชื่อมินตรานะ เรียกมินก็ได้”
สาวผมสั้นรีบแนะนำตัวใหญ่ รีบตีสนิทหลานอธิการเข้าไว้จะได้เกาะบารมีให้ตัวเองอยู่ในมออย่างเฉิดฉายกับเค้าบ้าง
“เราทิพยาดานะ เรียกทิพละกัน”
คนหน้าหมวยเลยต้องแนะนำตัวไปด้วยที่จริงก็ไม่ได้อยากจะสนิทสนมอะไรด้วยนักหรอก เห็นว่าเป็นหลานอธิการก็เลยคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อกันบ้าง
“ฟานะ ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ”
สาวหน้าหวานบอกพร้อมรอยยิ้ม
....................................................................................................................
...... คนผมแดงเดินไปหามุมสงบปลีกตัวจากคนอื่นด้วยความรำคาญ วีรกรรมเด็ดเมื่อเช้าทำให้ชื่อเสียงเรื่องความแรงเกินพิกัดโด่งดังไปทั่วแถมยังมีคนเอาไปซุบซิบนินทาให้รำคาญใจอีก เธอเอนหลังพิงต้นไม้แล้วเปิดชาแอปเปิ้ลบรรจุขวดใส่หลอดก่อนจรดริมฝีปากลงลิ้มรสชาดอันหอมหวาน
กลุ่มคนที่นั่งพูดคุยเสียงดังอยู่ไม่ไกลเป็นอะไรที่เธอมักหลีกเลี่ยงอยู่เสมอ สังคมเหรอ?มันก็แค่นั้น หาความจริงใจได้ซะที่ไหน นัยน์ตาสีเทามองไปเห็นคนเป็นจุดศูนย์กลางอยู่ในวงล้อมนั้น
สาวหน้าหวานตัวเล็กๆคนนั้น
ก็น่ารักดี...
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มกับความคิดตัวเอง
“มิ้นท์...”
เสียงเรียกทำให้เจ้าของชื่อหันมามอง
“อ่อ มิ้นท์ที่เขียนเหมือนรสมิ้นท์นี่เอง”
สาวร่างท้วมผู้สวมชุดเสื้อยืดลายการ์ตูนสีสดใสยิ้มตาหยีแสดงความเป็นมิตร ข้างๆมีสาวมาดเซอร์ผมยาวระดับไหล่สวมแว่นกรอบสีดำทำหน้าบอกบุญไม่รับ
“อืม มีอะไรกับชั้นเหรอ”
คิ้วเรียวเลิกสูง
“เปล่าหรอก เราเห็นมิ้นท์มานั่งคนเดียวเลยมานั่งเป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไรชั้นชอบอยู่คนเดียวมากกว่า”
รีบออกตัวปฏิเสธทันทีเพราะไม่อยากให้ใครเข้ามาใกล้
คนถูกปฏิเสธน้ำใจเศร้าลงทันที
“บอกแล้วว่าอย่ามายุ่งกับเค้า เค้าอยากอยู่คนเดียวก็ปล่อยเค้าไป”
เสียงเรียบจากคนใส่แว่นที่พูดออกมาตรงๆทำให้นัยน์ตาสีเทาหรี่มอง
“โซดาอ่ะ! ให้มาเป็นเพื่อนกับเค้านะไม่ใช่มาหาเรื่อง”
สาวอวบค้อนใส่เพื่อนตัวดี
“อ่าวก็จริงไหมล่ะ เค้าไม่อยากมีเพื่อนแล้วจะไปยุ่งกับเค้าทำไม”
สาวผมสั้นบอกแล้วหันมามองคนผมแดงที่ทำหน้านิ่ง
“ขอโทษแทนเพื่อนเราด้วยนะไม่รบกวนล่ะ”
พูดแล้วก็เตรียมจะลากคนข้างๆเดินหนี
“มีณชญา เรียก มิ้นท์จะง่ายกว่า”
เสียงเรียกทำให้คนใส่แว่นชะงักก่อนจะหันมาผิดกับสาวอวบที่ยิ้มดีใจรีบเดินเข้ามาแนะนำตัวบ้าง
“เราแมวน้ำนะ อ่อนี่เพื่อนเราโซดา เค้าเป็นคนแบบนี้แหละอย่าไปถือสาเลย”
แมวน้ำรีบแก้ตัวให้คนข้างๆ อุส่าพามาหาเพื่อนใหม่ดันทำตัวเหมือนจะมาหาเรื่องเค้าแทนซะงั้น \
“ไม่หรอก พูดตรงๆแบบนี้แหละดี”
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม
“ฟา ตรงนี้ว่างมานั่งด้วยกันไหม” “ฟามานั่งกับกลุ่มเราก็ได้” “ฟา มานั่งนี่เหอะ”
มีเสียงโวยวายโหวกเหวกจากกลุ่มใหญ่ทำให้สามสาวต้องหันไปมอง
“ฟาเนี่ย...ใครเหรอ”
จริงๆก็ไม่ได้อยากสนใจนักหรอก แต่มันดังจนน่ารำคาญนี่สิเลยอยากเห็นเจ้าของชื่อซักหน่อย
“ฟา?”
แมวน้ำนิ่งคิด
“อ๋อ หลานอธิการไง”
แล้วบอกด้วยรอยยิ้ม
“รู้ดี”
โซดาพูเสียงเนิบนาบใส่เลยโดนตีไหล่เข้าให้
“ได้ยินคนอื่นเค้าพูดกันย่ะ”
ฟา คนตัวเล็กๆคนนั้นนี่นา
นัยน์ตาสีเทามองใบหน้าหวานแจกยิ้มไปทั่ว ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม
ตอนแรกก็คิดว่าน่ารักดี แต่พอยิ้มเสแสร้งแบบนั้น....มันน่ารังเกลียด
“เฟคดีนะ ขนาดยิ้มยังเฟคเลย”
สาวผมแดงเปรยเสียงแผ่วให้แมวน้ำหันมาทำหน้าแปลกใจ
“เมื่อกี้มิ้นท์ว่าอะไรนะ?”
“หือ ไม่มีไรนิก็แค่คิดว่าน่ารักดี”
บอกแล้วกระตุกยิ้มก่อนจะปรายตามองไปทางโซดาที่ทำหน้านิ่งใส่
....................................................................................................................
“เลิกแล้วไปไหนกันดีฟาไปด้วยกันไหม”
อะไรเนี่ยพวกนี้ยังไม่ทันสนิทกันก็มาชวนไปนั่นไปนี่ น่ารำคาญจริง
นัยน์ตาสีน้ำตาลหรี่มองสี่สาวที่เพิ่งได้รู้จักเป็นเพื่อนกันวันนี้
“ไปจ๊ะ คนเยอะท่าทางสนุกดี”
แต่ก็ยิ้มสร้างภาพให้ดูดีไว้ก่อน
“ฟาเป็นกันเองดีจัง”
เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นมา
“ยังไงเหรอ?”
แล้วมันก็ได้ผลเจ้าตัวเลยแกล้งไร้เดียงสาถามต่อ
“ก็เป็นหลานอธิการนึกว่าจะหยิ่งกว่านี้ แต่ไม่หยิ่งเลย”
“ฟาชอบคุยนะ คุยกันมากๆจะได้สนิทกันไวๆไง”
รอยยิ้มน่ารักทำให้คนรอบข้างยิ้มตามไปด้วย การมีคนมารุมล้อมทำให้เธอรู้สึกดีเหมือนได้เป็นจุดศูนย์กลางที่โลกหมุนรอบตัวฉัน แต่จะรู้สึกดีกว่านี้ถ้าไม่เหลือบไปเห็นสายตาของใครบางคน
สายตาที่แสดงท่าทีรังเกียจออกมาอย่างชัดเจน...
อะไรเนี่ย! มองแบบนี้หาเรื่องกันนี่นา
เป็นใครก็ไม่พอใจทั้งนั้นที่โดนมองแบบหาเรื่องก่อน แต่...ตอนนี้ต้องสร้างภาพเข้าไว้
“เอ่อ ฟาชวนกลุ่มโน้นไปด้วยได้ไหม”
ใบหน้าหวานหันไปมองเพื่อนร่วมเอกทั้งสามที่ยืนรวมกลุ่มกันอยู่ ให้พวกที่รายล้อมอยู่ทำหน้าหวาดผวาไปตามๆกัน
“ไม่ดีมั้งดีมั้ง” “อย่าเลยรายนั้นแรงเกิน” “นั่นดิๆเดี๋ยวงานกร่อยหมด”
โธ่เอ้ย...แค่นี้ก็กลัวกันไปได้ จะอะไรนักหนากะอีแค่คนคนเดียว “งั้นเดี๋ยวฟาไปชวนเองจะได้ไปด้วยกัน”
รอยยิ้มสร้างมิตรภาพทำให้ทุกคนจำใจพยักหน้ารับแต่ก็หวังลึกที่อยากไปกันโดยไม่มีคนหัวแดงพ่วงไปด้วย
พอจะเดินไปหายัยคนตัวอ้วนกับยัยคนที่ห้าวๆเหมือนทอมก็ดันแยกตัวไปซะงั้น เหลือคนที่ใครๆต่างก็ขยาดใส่ไว้คนเดียวนี่สิ!
เอาไงดีอ่ะ! ฟาเม้มปากกลืนน้ำลายลงคอจะเปลี่ยนใจก็ไม่ทันแล้วแถมยังวางท่าเอาไว้ซะใหญ่โตขืนไม่ทำก็หมดความน่าเชื่อถือต่อหน้าเพื่อนกันพอดี สองขาเลยตัดสินใจเดินตรงไปหาอีกฝ่าย
สาวหน้าหวานเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวสูง
ยัยนี่ชื่ออะไรเนี่ย อ่อที่ป้ายเขียนว่ามิ้นท์
“มิ้นท์เลิกแล้วจะไปไหนรึเปล่า ไปกับฟาไหมพวกทิพย์ก็ไปนะ ไปกันเยอะๆดีออกจะได้สนิทกันไวๆไง”
พูดแล้วยิ้มเอียงคอหน่อยๆเสริมความน่ารักให้ตัวเอง
ในสายตาคนทั่วไปผู้หญิงคนนี้จัดว่าน่ารัก มนุษย์สัมพันธ์ดีน่าเป็นเพื่อนด้วย แต่ไม่ใช่สำหรับเธอแน่
“นี่” สาวสวยบอกเสียงเบา “ไม่เมื่อยหน้ามั่งเหรอเห็นแกล้งยิ้มตลอด”
แล้วเหยียดยิ้มใส่ วินาทีนี้ฟาได้เข้าใจอย่างท่องแท้เลยว่าเหมือนถูกตบด้วยคำพูดจนหน้าชามันเป็นยังไง ทำเอารอยยิ้มหวานจางหายไปกลายเป็นความกระอักกระอวลเข้ามาแทนที่ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีใครมาพูดแบบนี้ซักราย
ไม่มีเคยมีใครดูออกว่า...เธอแกล้งยิ้ม!
“มะ..มิ้นท์นี่ตลกจังเข้าใจล้อเล่นเนอะ”
เลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้พูดกลบเกลื่อน
“แล้วจะไปกับพวกฟาไหม?”
แล้วเปลี่ยนประเด็นซะ
ใบหน้าสวยเผยยิ้มเย้ยยั่นใส่ ก็รู้ว่าที่ไหนๆต้องมีพวกแอ๊บแตกแบบนี้เพราะงั้นถ้าไม่มีความจำเป็นอะไรคงไม่เอาตัวเองไปคลุกคลีด้วยหรอก
“ตามสบายนะ ชั้นขี้เกียจไปดูเธอสร้างภาพตอนคุยกับคนอื่นน่ะ” พูดจบสาวผมสีเพลิงก็เดินจากไปทิ้งให้อีกคนหน้าเสียยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว ..........................................................................................................
Thai of Asia University หรือ มหาวิทยาลัยเอเชีย มหาวิทยาลัยเอกชนขนาดใหญ่เด่นด้วยการสอดแทรกภาษาอังกฤษในหลักสูตรต่างๆ เปิดรับทั้งระบบสมัครตรงรับระบบสอบเข้า25%และรับระบบโควตานักกีฬา25% เป็นมหาวิทยาลัยใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่ถึง5ปีแต่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพ
วันนี้เป็นเปิดภาคเรียนใหม่สำหรับนักศึกษารุ่นที่สามจึงมีกิจกรรมปรับสภาพขึ้น ให้รุ่นพี่คณะต่างๆพากันไปรอรับนิสิตป้ายแดงด้วยความตื่นเต้น ขนาดพี่สต๊าฟในสาขาอังกฤษธุรกิจที่ขึ้นชื่อเรื่องเคร่งครัดระเบียบวินัยที่สุดในคณะบริหารยังออกอาการตื่นเต้นจนแทบคุมมาดนิ่งๆไม่อยู่
“เฮ้ย...เดี๋ยวจะมีเด็กมาเรียกพี่แล้วเว้ยเฮ้ย” หนุ่มอ้วนพูดทะเล้นเรียกเสียงโห่จากเพื่อนๆที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่ เพราะหน้าดุเลยโดนโหวตให้เป็นหัวหน้าพี่อบรมปีนี้แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนสบายๆติดจะคุยเก่งด้วยซ้ำ
“น้องมาโน้นแล้ว” สาวแว่นป้องปากตะโกนบอกเมื่อเห็นเด็กเฟรสชี่พากันเดินเป็นแถวตรงมาหารุ่นพี่ที่นั่งรออยู่ใต้ต้นไม้ แต่ในกลุ่มนักศึกษาปีหนึ่งของสายบริหารหมาดๆกลับมีดาวรุ่งเด่นสะดุดตาพวกพี่อย่างจัง รุ่นน้องตัวสูงในชุดเสื้อยืดสีเข้มกางเกงยีนส์สีซีดที่เข้าคู่กับรองเท้าผ้าใบสีอ่อน ใบหน้าเรียวได้รูปแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ นัยน์ตาสีเทาคู่คมแฝงแววดื้อดึง จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากบางเรียวสวยและผมสีแดงเพลิงที่เป็นจุดเด่น
“โอโห่เฮ้ย ปีนี้ใช่เล่นเลยว่ะ มีลูกครึ่งด้วยผมแดงมาเลยว่ะ” หนุ่มตี๋หนึ่งในพี่อบรมจงใจพูดน้องคนนี้เป็นลูกครึ่งก็จริงแต่เขาคิดว่าหัวแดงๆแบบนั้นไม่ใช่สีผมธรรมชาติแน่ๆ ทำให้หัวหน้าทีมสุดเข้มรีบเดินไปหาเป้าหมายเพื่อทำหน้าที่ทันที
“หัวนิแดงมาเลยนะ แรงครับแรง”
เขาบอกเสียงเข้มข่มขวัญให้พวกที่นั่งอยู่ในแถวพากันผวา
“ไหนยืนขึ้นสิ”
แค่พูดเรื่องสีผมเด่นชัดขนาดนั้นเจ้าตัวก็รู้ตัวดีเลยลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่าย ใบหน้าสวยไม่แสดงสีหน้าใดๆตาสีเทาที่เด่นไม่แพ้สีผมหรี่ลง
“ชื่ออะไรครับ ชื่อเล่นก็ได้”
รุ่นพี่ร่างใหญ่กอดอกถาม
เหอะ...ชื่อก็เขียนอยู่บนป้ายแท้ๆ เจอหน้าทีถามชื่อกันทียังงี้จะให้ห้อยไว้เป็นแฟชั่นรึไง?
เธอกรอกตาไปมา
“มิ้นท์ค่ะ”
แล้วบอกเสียงเรียบ
“น้องมิ้นท์นะ พี่เข้าใจว่าอยู่ม.ปลายอัดอั้นมานานเลยอยากปล่อยผี แต่ที่ไหนๆก็มีกฎครับ ไม่ใช่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ! ต่อให้น้องเป็นลูกครึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าน้องจะทำหัวแดงแฟชั่นจ๋ามาเรียนที่นี่ได้ หวังว่าพรุ่งนี้หัวน้องคงจะเป็นสีเดิมที่บรรพบุรุษให้มาได้ใช่ไหม ตอบ ”
เสียงเข้มตวาดจนพวกที่อยู่ในแถวมองหน้ากันไปมา แต่คนโดนตำหนิยืนนิ่งชักสีหน้าใส่รุ่นพี่
หนุ่มร่างท้วมเลิกคิ้ว โอ้โหตำหนิไปแล้วไม่มีสลดเลยจริงๆ
“ถามไม่ตอบ คุณมีปัญหาอะไรครับ พูดครับพูด! มายืนสวยเฉยๆผมไม่เข้าใจกับคุณหรอก”
เขากระแทกเสียงข่มขู่เต็มที่
...เธอเลยหยิบอย่างขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ กระเป๋าสตางค์แบรนเนมสุดหรูที่เพิ่งเปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่ออาทิตย์ก่อนดึงดูดทุกสายตาให้มองพุ่งมาหาด้วยความตกตะลึง ถึงที่นี่จะมีพวกคุณหนูบ้านรวยลูกเข้ามาเรียนกันเยอะ แต่คุณเธอเล่นมีของแพงเวอร์จากต่างประเทศมาอยู่ในมือได้เนี่ยไม่ธรรมดาจริงๆ
“อ่าวๆ นี่จะยัดเงินปิดปากพี่รึไง” พี่อบรมร่างใหญ่แกล้งทำหน้าดุใส่ในใจแอบขำเล็กๆปีก่อนรุ่นเขาเองก็มีเหมือนกันพวกอวดร่ำอวดรวยใส่รุ่นพี่
“ก็แค่จะหาหลักฐานให้ดูน่ะค่ะว่าผมสีนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว หรือว่าพี่หวังอยากจะได้จริงๆ”
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม
“นี่ค่ะ”
บัตรประชาชนถูกยื่นใส่มือกร้าน
“จะเอามาให้พี่ดูทำไมบัตรประชาชนน่ะ?”
เขาเลิกคิ้ว
“หลักฐานไงคะ”
ตอนแรกก็งงไปหลายวิพอมองเจ้าของบัตรอีกทีก็ถึงบางอ้อว่าเด็กมันอยากอวดว่าตัวเองเป็นลูกครึ่ง
“อ่อ ไม่ต้องอวดครับพี่ดูรู้ว่าน้องเป็นลูกครึ่ง”
เลยหัวเราะเสียงดังใส่
“ที่นี่พวกเด็กพิเศษมันเยอะลูกทหาร ตำรวจ สส.เยอะครับเยอะ เป็นแค่ลูกครึ่งธรรมดาหาได้ดาดๆ”
พอได้ยินประโยคเด็ดพวกเฟรสชี่ที่กำลังคิดว่าตัวเองมีดีบ้านรวยนามสกุลใหญ่ได้นั่งสะดุ้งกันเป็นแถว
“ จะเอาไว้อ้างที่ทำหัวแดงๆมารึไงคะน้อง”
รุ่นพี่สาวแว่นก็ไม่เชื่อแถมยกมือป้องปากตะโกนให้ได้ยินกันถ้วนหน้า ถ้าเด็กมันคิดจะโกหกก็จะได้หน้าแหกต่อหน้าเพื่อนๆให้อายตั้งแต่ปี1ยันจบปี4ไปเลย
รุ่นน้องได้แต่ยิ้มรับ
“ก็ลองพลิกดูอีกด้านสิคะมีรูปถ่ายหมู่ในตระกูลแด๊ดอยู่ญาติๆของแด๊ดผมสีนี้กันทุกคนค่ะ ของมิ้นท์นี่ถือว่าสีอ่อนลงแล้วนะคะถ้าไม่ได้เป็นลูกครึ่งจะแดงยิ่งกว่านี้อีก”
นัยน์ตาสีเทาส่งสายตาท้าทาย
โดนมองขนาดนี้เขาเลยพลิกบัตรในมือดูซะหน่อย ด้านหลังมีรูปถ่ายฝรั่งผู้ชายวัยสามสิบต้นๆผมสีแดงเข้มอุ้มเด็กผู้หญิงตัวเล็กผมสีแดงเอาไว้แนบอก ข้างๆกันนั้นมีรูปถ่ายสีค่อนข้างเก่าเป็นรูปหมู่ผู้คนในรูปมีหลากหลายเพศและอายุแต่ทุกคนมีผมสีแดงเข้มกันหมด เขาถึงกับใบ้กินขึ้นมาทันใดหน้าแหกสิงานนี้ได้แต่เดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนเงียบๆแล้วยื่นบัตรให้ดู
“ของจริงนี่หว่า!”
หนุ่มตี๋ทำหน้าบอกบุญไม่รับ ส่วนสาวแว่นเบ้หน้างานนี้เจ้าตัวเสียหน้าเต็มๆแถมยังรู้สึกหน้าแหกเข้าให้ซะเอง พี่อบรมแต่ละคนนั่งนิ่งรูดซิบปากเงียบสนิทไม่เหมือนตอนทำท่าข่มใส่น้องก่อนหน้านั้นเลย หนุ่มร่างใหญ่มองซ้ายมองขวาก็มีแต่คนส่ายหน้าใส่เลยถอนหายใจออกมา ในฐานะหัวหน้าทีมคงต้องเป็นฝ่ายไปกู้หน้าเองซะแล้วหน่วยกล้าตายจึงเดินกลับมาหาน้องผมสีเพลิงอีกครั้ง
“โอเคครับน้องมิ้นท์ พวกพี่เข้าใจน้องผิดเอง ก็นะคนเรามีผิดพลาดกันได้พวกพี่ก็โตกว่าน้องแค่ปีเดียวเอง แต่อย่าถือโทษโกรธกันเลยเนอะ เดี๋ยวต่อไปเราก็มาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมรั้วมหาลัยเดียวกันเหมือนพี่เหมือนน้องกันแล้ว”
เขาพูดยิ้มๆแล้วยื่นบัตรคืนให้
“ค่ะ มิ้นท์เข้าใจว่าคนเรามีระดับความคิดไม่เท่ากัน”
บอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วรับของคืนมา แต่คำพูดที่ตรงจนเกินไปทำเอาใบหน้าคมเข้มถอดสีทันที ในใจได้แต่คิดว่าเด็กปีนี้แรงจริงๆแต่จะพูดอะไรได้ล่ะเพราะตัวเองกับเพื่อนก็ผิดที่ใส่ความน้องเค้าก่อนนี่นา เลยทำได้แต่ถอยออกมาเงียบๆ วีรกรรมการหักหน้าพวกพี่ต่อหน้าเพื่อนร่วมรุ่นทำให้เกิดเสียงซุบซิบถึงนิสัยสุดแรงไปต่างๆนาๆ
“แรงว่ะเนอะป้าทิพย์”
สาวผมสั้นมาดห้าวกระซิบบอกเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“ป้าบ้านแกสิ เดี๊ยะเหนี่ยว”
สาวหมวยเลยยกมือขึ้นทำท่าจะตบหัวตัวปากดีที่เอี้ยวตัวหลบซ้ายหลบขวา
“เออแต่จะว่าไปก็แรงเกิ้น”
“ดูน่ากลัวเนอะ”
เสียงหวานที่ดังมาจากข้างหลังทำให้สองสาวหันไปมองพร้อมกัน
ใบหน้าหวานที่เผยยิ้มน่ามอง ดวงตากลมโต ใบหน้าเรียวเล็กและผมสีน้ำตาลที่รวบเป็นทรงหางม้า ให้เธอคนนี้ดูน่ารักชนิดที่มองเท่าไรก็ไม่มีเบื่อ สิ่งที่สะดุดพอๆกับหน้าตาคงจะเป็นนามสกุลที่อยู่บนป้ายห้อยคอ
งานนี้สาวหน้าหมวยรีบเอนตัวเข้ามากระซิบบอกเพื่อนตัวดี
“หลานอธิการน่ะ”
คนได้ยินถึงกับตาโต
“อ่า...เอ่อ เราชื่อมินตรานะ เรียกมินก็ได้”
สาวผมสั้นรีบแนะนำตัวใหญ่ รีบตีสนิทหลานอธิการเข้าไว้จะได้เกาะบารมีให้ตัวเองอยู่ในมออย่างเฉิดฉายกับเค้าบ้าง
“เราทิพยาดานะ เรียกทิพละกัน”
คนหน้าหมวยเลยต้องแนะนำตัวไปด้วยที่จริงก็ไม่ได้อยากจะสนิทสนมอะไรด้วยนักหรอก เห็นว่าเป็นหลานอธิการก็เลยคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อกันบ้าง
“ฟานะ ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ”
สาวหน้าหวานบอกพร้อมรอยยิ้ม
....................................................................................................................
...... คนผมแดงเดินไปหามุมสงบปลีกตัวจากคนอื่นด้วยความรำคาญ วีรกรรมเด็ดเมื่อเช้าทำให้ชื่อเสียงเรื่องความแรงเกินพิกัดโด่งดังไปทั่วแถมยังมีคนเอาไปซุบซิบนินทาให้รำคาญใจอีก เธอเอนหลังพิงต้นไม้แล้วเปิดชาแอปเปิ้ลบรรจุขวดใส่หลอดก่อนจรดริมฝีปากลงลิ้มรสชาดอันหอมหวาน
กลุ่มคนที่นั่งพูดคุยเสียงดังอยู่ไม่ไกลเป็นอะไรที่เธอมักหลีกเลี่ยงอยู่เสมอ สังคมเหรอ?มันก็แค่นั้น หาความจริงใจได้ซะที่ไหน นัยน์ตาสีเทามองไปเห็นคนเป็นจุดศูนย์กลางอยู่ในวงล้อมนั้น
สาวหน้าหวานตัวเล็กๆคนนั้น
ก็น่ารักดี...
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มกับความคิดตัวเอง
“มิ้นท์...”
เสียงเรียกทำให้เจ้าของชื่อหันมามอง
“อ่อ มิ้นท์ที่เขียนเหมือนรสมิ้นท์นี่เอง”
สาวร่างท้วมผู้สวมชุดเสื้อยืดลายการ์ตูนสีสดใสยิ้มตาหยีแสดงความเป็นมิตร ข้างๆมีสาวมาดเซอร์ผมยาวระดับไหล่สวมแว่นกรอบสีดำทำหน้าบอกบุญไม่รับ
“อืม มีอะไรกับชั้นเหรอ”
คิ้วเรียวเลิกสูง
“เปล่าหรอก เราเห็นมิ้นท์มานั่งคนเดียวเลยมานั่งเป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไรชั้นชอบอยู่คนเดียวมากกว่า”
รีบออกตัวปฏิเสธทันทีเพราะไม่อยากให้ใครเข้ามาใกล้
คนถูกปฏิเสธน้ำใจเศร้าลงทันที
“บอกแล้วว่าอย่ามายุ่งกับเค้า เค้าอยากอยู่คนเดียวก็ปล่อยเค้าไป”
เสียงเรียบจากคนใส่แว่นที่พูดออกมาตรงๆทำให้นัยน์ตาสีเทาหรี่มอง
“โซดาอ่ะ! ให้มาเป็นเพื่อนกับเค้านะไม่ใช่มาหาเรื่อง”
สาวอวบค้อนใส่เพื่อนตัวดี
“อ่าวก็จริงไหมล่ะ เค้าไม่อยากมีเพื่อนแล้วจะไปยุ่งกับเค้าทำไม”
สาวผมสั้นบอกแล้วหันมามองคนผมแดงที่ทำหน้านิ่ง
“ขอโทษแทนเพื่อนเราด้วยนะไม่รบกวนล่ะ”
พูดแล้วก็เตรียมจะลากคนข้างๆเดินหนี
“มีณชญา เรียก มิ้นท์จะง่ายกว่า”
เสียงเรียกทำให้คนใส่แว่นชะงักก่อนจะหันมาผิดกับสาวอวบที่ยิ้มดีใจรีบเดินเข้ามาแนะนำตัวบ้าง
“เราแมวน้ำนะ อ่อนี่เพื่อนเราโซดา เค้าเป็นคนแบบนี้แหละอย่าไปถือสาเลย”
แมวน้ำรีบแก้ตัวให้คนข้างๆ อุส่าพามาหาเพื่อนใหม่ดันทำตัวเหมือนจะมาหาเรื่องเค้าแทนซะงั้น \
“ไม่หรอก พูดตรงๆแบบนี้แหละดี”
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม
“ฟา ตรงนี้ว่างมานั่งด้วยกันไหม” “ฟามานั่งกับกลุ่มเราก็ได้” “ฟา มานั่งนี่เหอะ”
มีเสียงโวยวายโหวกเหวกจากกลุ่มใหญ่ทำให้สามสาวต้องหันไปมอง
“ฟาเนี่ย...ใครเหรอ”
จริงๆก็ไม่ได้อยากสนใจนักหรอก แต่มันดังจนน่ารำคาญนี่สิเลยอยากเห็นเจ้าของชื่อซักหน่อย
“ฟา?”
แมวน้ำนิ่งคิด
“อ๋อ หลานอธิการไง”
แล้วบอกด้วยรอยยิ้ม
“รู้ดี”
โซดาพูเสียงเนิบนาบใส่เลยโดนตีไหล่เข้าให้
“ได้ยินคนอื่นเค้าพูดกันย่ะ”
ฟา คนตัวเล็กๆคนนั้นนี่นา
นัยน์ตาสีเทามองใบหน้าหวานแจกยิ้มไปทั่ว ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม
ตอนแรกก็คิดว่าน่ารักดี แต่พอยิ้มเสแสร้งแบบนั้น....มันน่ารังเกลียด
“เฟคดีนะ ขนาดยิ้มยังเฟคเลย”
สาวผมแดงเปรยเสียงแผ่วให้แมวน้ำหันมาทำหน้าแปลกใจ
“เมื่อกี้มิ้นท์ว่าอะไรนะ?”
“หือ ไม่มีไรนิก็แค่คิดว่าน่ารักดี”
บอกแล้วกระตุกยิ้มก่อนจะปรายตามองไปทางโซดาที่ทำหน้านิ่งใส่
....................................................................................................................
“เลิกแล้วไปไหนกันดีฟาไปด้วยกันไหม”
อะไรเนี่ยพวกนี้ยังไม่ทันสนิทกันก็มาชวนไปนั่นไปนี่ น่ารำคาญจริง
นัยน์ตาสีน้ำตาลหรี่มองสี่สาวที่เพิ่งได้รู้จักเป็นเพื่อนกันวันนี้
“ไปจ๊ะ คนเยอะท่าทางสนุกดี”
แต่ก็ยิ้มสร้างภาพให้ดูดีไว้ก่อน
“ฟาเป็นกันเองดีจัง”
เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นมา
“ยังไงเหรอ?”
แล้วมันก็ได้ผลเจ้าตัวเลยแกล้งไร้เดียงสาถามต่อ
“ก็เป็นหลานอธิการนึกว่าจะหยิ่งกว่านี้ แต่ไม่หยิ่งเลย”
“ฟาชอบคุยนะ คุยกันมากๆจะได้สนิทกันไวๆไง”
รอยยิ้มน่ารักทำให้คนรอบข้างยิ้มตามไปด้วย การมีคนมารุมล้อมทำให้เธอรู้สึกดีเหมือนได้เป็นจุดศูนย์กลางที่โลกหมุนรอบตัวฉัน แต่จะรู้สึกดีกว่านี้ถ้าไม่เหลือบไปเห็นสายตาของใครบางคน
สายตาที่แสดงท่าทีรังเกียจออกมาอย่างชัดเจน...
อะไรเนี่ย! มองแบบนี้หาเรื่องกันนี่นา
เป็นใครก็ไม่พอใจทั้งนั้นที่โดนมองแบบหาเรื่องก่อน แต่...ตอนนี้ต้องสร้างภาพเข้าไว้
“เอ่อ ฟาชวนกลุ่มโน้นไปด้วยได้ไหม”
ใบหน้าหวานหันไปมองเพื่อนร่วมเอกทั้งสามที่ยืนรวมกลุ่มกันอยู่ ให้พวกที่รายล้อมอยู่ทำหน้าหวาดผวาไปตามๆกัน
“ไม่ดีมั้งดีมั้ง” “อย่าเลยรายนั้นแรงเกิน” “นั่นดิๆเดี๋ยวงานกร่อยหมด”
โธ่เอ้ย...แค่นี้ก็กลัวกันไปได้ จะอะไรนักหนากะอีแค่คนคนเดียว “งั้นเดี๋ยวฟาไปชวนเองจะได้ไปด้วยกัน”
รอยยิ้มสร้างมิตรภาพทำให้ทุกคนจำใจพยักหน้ารับแต่ก็หวังลึกที่อยากไปกันโดยไม่มีคนหัวแดงพ่วงไปด้วย
พอจะเดินไปหายัยคนตัวอ้วนกับยัยคนที่ห้าวๆเหมือนทอมก็ดันแยกตัวไปซะงั้น เหลือคนที่ใครๆต่างก็ขยาดใส่ไว้คนเดียวนี่สิ!
เอาไงดีอ่ะ! ฟาเม้มปากกลืนน้ำลายลงคอจะเปลี่ยนใจก็ไม่ทันแล้วแถมยังวางท่าเอาไว้ซะใหญ่โตขืนไม่ทำก็หมดความน่าเชื่อถือต่อหน้าเพื่อนกันพอดี สองขาเลยตัดสินใจเดินตรงไปหาอีกฝ่าย
สาวหน้าหวานเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวสูง
ยัยนี่ชื่ออะไรเนี่ย อ่อที่ป้ายเขียนว่ามิ้นท์
“มิ้นท์เลิกแล้วจะไปไหนรึเปล่า ไปกับฟาไหมพวกทิพย์ก็ไปนะ ไปกันเยอะๆดีออกจะได้สนิทกันไวๆไง”
พูดแล้วยิ้มเอียงคอหน่อยๆเสริมความน่ารักให้ตัวเอง
ในสายตาคนทั่วไปผู้หญิงคนนี้จัดว่าน่ารัก มนุษย์สัมพันธ์ดีน่าเป็นเพื่อนด้วย แต่ไม่ใช่สำหรับเธอแน่
“นี่” สาวสวยบอกเสียงเบา “ไม่เมื่อยหน้ามั่งเหรอเห็นแกล้งยิ้มตลอด”
แล้วเหยียดยิ้มใส่ วินาทีนี้ฟาได้เข้าใจอย่างท่องแท้เลยว่าเหมือนถูกตบด้วยคำพูดจนหน้าชามันเป็นยังไง ทำเอารอยยิ้มหวานจางหายไปกลายเป็นความกระอักกระอวลเข้ามาแทนที่ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีใครมาพูดแบบนี้ซักราย
ไม่มีเคยมีใครดูออกว่า...เธอแกล้งยิ้ม!
“มะ..มิ้นท์นี่ตลกจังเข้าใจล้อเล่นเนอะ”
เลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้พูดกลบเกลื่อน
“แล้วจะไปกับพวกฟาไหม?”
แล้วเปลี่ยนประเด็นซะ
ใบหน้าสวยเผยยิ้มเย้ยยั่นใส่ ก็รู้ว่าที่ไหนๆต้องมีพวกแอ๊บแตกแบบนี้เพราะงั้นถ้าไม่มีความจำเป็นอะไรคงไม่เอาตัวเองไปคลุกคลีด้วยหรอก
“ตามสบายนะ ชั้นขี้เกียจไปดูเธอสร้างภาพตอนคุยกับคนอื่นน่ะ” พูดจบสาวผมสีเพลิงก็เดินจากไปทิ้งให้อีกคนหน้าเสียยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว ..........................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ