my little pony : Fluttershy x Big Macintosh

7.3

เขียนโดย Ormsin2541

วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.40 น.

  15 ตอน
  6 วิจารณ์
  23.06K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2565 03.06 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ฝันแห่งลางร้ายของฟลัตเตอร์ชาย [2/2]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“นี้ ตื่นได้แล้ว”

“อะ...อือ” ฟลัตเตอร์ชายลืมตาขึ้นแล้วเจอฟลัตเตอร์แบทยืนมองเธอด้วยสายตาอยู่ที่ไม่สบอารมณ์อยู่ตรงหน้า

“แบทเองเหรอ? แล้วมีอะไรเหรอถึงได้มาหาฉันละ?  -_-?

“ฉันสิที่ควรจะถามเธอมากกว่านะ ทำไมเธอยังอยู่ที่นี้? แทนที่จะไปจะเข้าร่างนะ? = _ = *” ฟลัตเตอร์แบทมองฟลัตเตอร์ชายด้วยสายตาแบบไม่พอใจสุดๆ

“พูดอะไรของเธอนะ? แบท ก็ฉันนะเข้าร่างแล้วนะ?” ฟลัตเตอร์ชายเอียงคอแบบไม่เข้าที่ฟลัตเตอร์แบทพูด ฟลัตเตอร์แบทถอนหายใจเสียงดังแบบความไม่สบอารมณ์เธอเข้าใกล้ๆฟลัตเตอร์ชาย ฟลัตเตอร์แบทยื่นหน้าไปที่หูของฟลัตเตอร์ชายแล้วเธอก็สูดหายใจเข้า

“เข้าร่างบ้านเธอนะสิ!! > o <!! ” ฟลัตเตอร์แบทตะโกนใส่หูฟลัตเตอร์ชายแบบสุดเสียง พอฟลัตเตอร์ชายโดนตะโกนใส่ถึงกับสะดุ้งและแสบแก้วหูไปเลย พอฟลัตเตอร์แบทตะโกนไปแล้วก็เดินถอยออกมานิดนึง

“โอ๊ย~ไม่เห็นต้องตะโกนเลยก็ได้อ้า~ Q-Q” ฟลัตเตอร์ชายน้ำตาคลอเธอยกมือขึ้นมาปิดหูข้างที่โดนฟลัตเตอร์แบทตะโกนใส่เมื่อกี้ ฟลัตเตอร์แบทไม่สนใจที่ฟลัตเตอร์ชายพูดเธอหันมองรอบๆตัวแต่สิ่งที่เธอเห็นมีแต่ความมืด

“แล้วเธอพอรู้ไหมว่าพวกเราอยู่ส่วนไหนของจิตเธอ? ฟลัตเตอร์ชาย?” ฟลัตเตอร์แบทหันมามองฟลัตเตอร์ชายที่ตอนนี้หายแสบแก้วหูแล้ว ฟลัตเตอร์ชายหันไปมองรอบๆตัว

“อือ~เท่าที่ดูน่าจะเป็นส่วนของความฝันนะ?”

“ความฝันงั้นเหรอ? -_-?” ฟลัตเตอร์แบทเงยหน้ามองข้างบนเพื่อจะมีทางออกจากที่นี้แต่สุดท้ายก็เจอความมืดอยู่ดี

“เธอนี้มีฝันที่มืดมนมากขนาดนี้เลยเหรอ? =_=;;

“เปล่าซะหน่อย ฉันไม่เคยฝันอะไรแบบนี้นะ” ฟลัตเตอร์ชายหันมามองฟลัตเตอร์แบทด้วยสายตาไม่พอใจ

“งั้นจะแล้วไอ้ที่มันมืดๆอยู่รอบตัวเรานี้มันเรียกว่าอะไรทราบ” ฟลัตเตอร์แบทยกมือชี้ไปด้านหลังของตัวเอง ฟลัตเตอร์ชายทำท่าจะเถียงแต่เธอก็เงียบไปหูของเธอกระดิกสองสามครั้งจากนั้นเธอก็หันไปทิศทางนึง ฟลัตเตอร์แบทมองท่าทางฟลัตเตอร์ชายด้วยความสงใส

“เป็นอะไรไป? ฟลัตเตอร์ชาย?” ฟลัตเตอร์แบทเอียงคอมองฟลัตเตอร์ชายด้วยความสงใส

“เสียง...ฉันได้ยินเสียงของทไวไลท์?”

“หา!? 0_0!!” ฟลัตเตอร์แบทตาโตด้วยความตกใจในสิ่งที่ฟลัตเตอร์ชายพูด ฟลัตเตอร์ชายไม่ได้สนใจท่าทางของฟลัตเตอร์แบทเลย เอาแต่มองไปทางทิศนั้นอยู่ตลอดด้วยสายตาห่วงใยสักซักเธอก็ออกตัววิ่งไปทางนั้น ส่วนฟลัตเตอร์แบทยังยืนยู่ที่เดิมแหละมองฟลัตเตอร์ชายที่วิ่งไปด้วยสายตาสงใส

“ฮะ..เฮ้ย!! นั้นเธอจะไปไหนนะ!! รอฉันด้วยสิ!!” ฟลัตเตอร์แบทได้สติแล้วเธอก็วิ่งตามหลังฟลัตเตอร์ชายไปติดๆ ฟลัตเตอร์ชายวิ่งโดนไม่สนใจฟลัตเตอร์แบทที่กำลังตามเลยสักนิด

รู้สึกไม่ดีเลย หวังว่าความรู้สึกนี้เราจะคิดไปเองนะ?

ณ ด้านโลกแห่งความจริง

หลังจากที่ฟลัตเตอร์ชายหมดสติไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ทไวไลท์ได้แบกตัวฟลัตเตอร์ชายด้วยเวทย์เข้ามาด้านในของปราสาร เธอคิดจะแบกร่างของฟลัตเตอร์ชายไปที่ห้องของเธอเพราะห้องของเธอมีอุปกรณ์ที่อาจจะช่วยทำให้ฟลัตเตอร์ชายตื่นขึ้นมาก็ได้

“แฮ่กๆๆๆ หะ...เห็นเธอตัวผอมๆอย่างนี้ แฮ่กๆๆๆ ตะ..แต่ทำไมตัวเธอถึงได้หนักขนาดนี้ละ!? แฮ่กๆๆๆ =_=;;” ทไวไลท์พึมพำกับตัวเองเกี่ยวกับน้ำหนักของฟลัตเตอร์ชายด้วยท่าทางที่เหนื่อยหอบ ทไวไลท์หยุดเดินแล้วก็วางร่างของฟลัตเตอร์ชายลงข้างตัวจากนั้นเธอก็นั่งลงเอาหลังพิงกำแพงปราสารด้วยท่าทางที่เหนื่อยมากเหมือนกับไปแบกหินก้อนใหญ่ยังไงอย่างไง

แฮ่กๆๆๆ คะ...คะ...ค่อยดูนะฟลัตเตอร์ชาย ถ้าเธอฟื้นเหมือนไรละก็...แฮ่กๆๆๆๆ ฉันจะจับเธอไปฝากให้แรรีตี้ลดน้ำหนักซะจนไม่ให้เหลือน้ำหนักให้ลดเลยค่อยดูสิ!! แฮ่กๆๆๆ =_=;;;’ ทไวไลท์หันไปมองฟลัตเตอร์ชายด้วยสายตาคาดโทษ

“น้าทไวไลท์ครับ?” ระหว่างที่ทไวไลท์กำลังนั่งมองฟลัตเตอร์ชายด้วยสายตาคาดโทษ ก็มีเสียงของใครบ้างคนดันมาจากข้างเธอ

ทไวไลท์หันไปมองก็เจอกรีนฮาร์ดเบลดที่ตอนนี้อยู่ในชุดนอนสีเขียวมีลายเดียวกับคิวตี้มาร์คของทไวไลท์ยืนถือแก้วน้ำอยู่ในมือ

“อ้าว? ฮาร์ด? นี้หลานยังไม่นอนอีกงั้นเหรอ?” ทไวไลท์เริ่มหายเหนื่อยเธอลุกขึ้นยืนขึ้นแล้วหันตัวมาทางกรีนฮาร์ดเบลด

“เปล่าครับ ที่จริงผมหลับไปแล้วรอบหนึ่งนะครับแต่จู่ๆก็มีเสียงอะไรไม่รู้ดังมาจากข้างนอก ผมตกใจเสียงก็เลยตื่นขึ้นมานะครับ” และก็เป็นห่วงน้าด้วยครับ กรีนฮาร์ดเบลดเก็บประโยคสุดท้ายไว้ในใจ ทไวไลท์ก็ร้อง อ้อ ทันทีที่กรีนฮาร์ดเบลดบอกเธอเหล่ไปมองที่ต้นเหตุ ของ เสียงดังเมื่อกี้นี้

“งั้นเหรอจ๊ะ แล้วนี้หลานออกมาทำไมละ? ^-^” ทไวไลท์ยิ้มและพยายามเขยิบตัวบังตัวฟลัตเตอร์ชายไว้ไม่ให้กรีนฮาร์ดเบลดเห็นเพราะถ้ารู้ว่ามีโพนี่คิดจะทำร้ายพวกเธอและส่งมาแทบทุกคืนละก็...

เขาอาจจะเอาไปบอกไชนิ่งอาร์เมอร์หรือไม่ก็เคนเดนซ์ก็ได้ จากนั้นถ้าไม่ใช้ไชนิ่งอาร์เมอร์ก็เคเดนซ์แน่ที่จะส่งพวกรอยัลการ์ดมาคุมกันพวกเธอและถ้าเป็นแบบนั้นพวกทไวไลท์ก็คงทำเรื่องส่วนตัวไม่ได้แน่ๆ

“อ้อ ผมลงมาชงนมอุ่นๆนะ เพราะเคยได้ยินจากท่านพ่อนะครับ ว่าถ้าเราดื่มนมอุ่นๆก่อนนอนมันจะทำให้เราหลับง่ายขึ้นน่ะครับ”

“งั้นเหรอจ๊ะ”

“ว่าแต่...น้าทไวไลท์ครับ ทำไมน้าฟลัตเตอร์ชายถึงมานอนหลับอยู่ตรงนั้นเหรอครับ?” กรีนฮาร์ดเบลดชี้มาทางฟลัตเตอร์ชายที่อยู่หลังทไวไลท์ ทไวไลท์สะดุ้งและหน้าซีดเป็นเป็นไก่ต้ม

“เอ่อ...คือว่า...เอ่อ ^-^;;;” ทไวไลท์อำอึงและเหงื่อไหลเล็กน้อยเพราะเธอไม่รู้ว่าจะอธิบายนี้ยังไง กรีนฮาร์ดเบลดหรี่ตามองทไวไลท์ด้วยสายตาจับผิด

“คือว่า? อะไรงั้นเหรอครับ? น้า-ท-ไว-ไลท์” กรีนฮาร์ดเบลดเน้นชื่อของทไวไลท์เพื่อกดดันและต้อเธอให้จมมุม ทไวไลท์เหงื่อไหลหนักขึ้นกว่าเมื่อกี้เล็กน้อย  

ทำไงดีเรา เราจะบอกอธิบายยังไงดี?ทไวไลท์พยายามคิดหาทางรอดไปจากสถานการณ์นี้

“ฉันเอง” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงปริศนานาดังมาจากข้างหลังทไวไลท์ เธอและกรีนฮาร์ดเบลดหันไปมองก็เจอบิ๊กแม็กยืน

“บิ๊กแม็ก!?” ทไวไลท์มองบิ๊กแม็กด้วยสายตาตกใจและสงใสที่จู่ๆบิ๊กแม็กก็ปรากฏตัวออกมา ส่วนกรีนฮาร์ดเบลดมองบิกแม็กด้วยสายตางง บิ๊กแม็กเดินมายืนข้างทไวไลท์โดนไม่สนใจสายตาของทไวไลท์หรือกรีนฮาร์ดเบลดเลยสักนิด

“ฉันเอง ขอที่ทไวไลท์พาฟลัตเตอร์ชายเข้ามา” บิ๊กแม็กจ้องกรีนฮาร์ดเบลดด้วยสายตาที่นิ่งๆมากจนทำให้คนที่ถูกจ้องถึงกับเกร็งโดยไม่รู้ตัว

กรีนฮาร์ดเบลดตัวสั่นด้วยความกลัวเขารีบหันหน้าไปทางทไวไลท์เพื่อหลบจากสายตาของบิ๊กแม็กเพราะเขารู้สึกกลัว กลัวมากๆยังไงไม่รู้กับสายตานิ่งๆคู่นั้นเหมือนเขาเคยเห็นสายตาแบบนี้มากแน่

“ปะ..เป็นอย่างที่เขาพูดหรือเปล่าครับ? แฮ่กๆๆๆ น้าทไวไลท์?” กรีนฮาร์ดเบลดหอบด้วยท่าทางเหนื่อยแต่เขาไม่รู้สึกเหนื่อยแต่เขากลับรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกยังไงไม่รู้ เหมือนที่ๆเขายืนอยู่มันไม่มีอากาศให้หายใจ มือที่ถือแก้วไว้เริ่มสั่นเล็กน้อย

ทไวไลท์มองท่าทางของกรีนฮาร์ดเบลดด้วยความสงใสแล้วเธอก็เหล่ไปทางบิ๊กแม็กที่ยังคงจ้องกรีนฮาร์ดเบลดแบบไม่กระพริบตา เธอรู้แล้วทำไมหลานของเธอถึงได้หอบแบบนั้นทั้งๆที่ยืนอยู่เฉยๆ

“ใช้แล้วจ๊ะ ^-^ พอดีบิ๊กแม็กเขาเจอฟลัตเตอร์ชายนอนหมดสติอยู่ที่หน้าปราสารของน้านะ เขาก็เลยมาให้น้าพาฟลัตเตอร์ชายมานอนที่ห้องของน้านะใช้ไม? บิ๊กแม็ก ^-^

eeyup” บิ๊กแม็กเหล่มองทไวไลท์แปปนึงจากนั้นก็หันกลับไปที่กรีนฮาร์ดเบลดเหมือนเดิม กรีนฮาร์ดเบลดหอบหนักกว่าเดิม

“ยะ...อย่างงั้นเองเหรอครับ แฮ่กๆๆๆ”

“จ๊ะ งั้น...ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกน้าขอตัวก่อนะจ๊ะ อ๊ะ” ทไวไลท์หันไปข้างหลังแล้วกำลังจะใช้เวทย์ยกตัวฟลัตเตอร์ชายอีกครั้งแต่บิ๊กแม็กยกตัวฟลัตเตอร์ชายมาว่างไว้บนหลังของตัวเองก่อนทไวไลท์

“ห้องเธอ?” บิ๊กแม็กมองทไวไลท์ด้วยสายตาที่สืบมาประมาณว่า นำไปสิ ตอนแรกทไวไลท์ทำท่าจะปฏิเสธแต่เธอก็นึกขึ้นได้ว่าถ้ามัวแต่ยืนทะเลาะอยู่ตรงนี้ละก็กรีนฮาร์ดเบลดอาจจะหมดสติก็ได้

ทไวไลท์มองบิ๊กแม็กอย่างคาดโทษไว้ก่อน ระหว่างที่เธอกำลังเดินผ่านกรีนฮาร์ดเบลดอยู่นั้นเหล่มองเขาด้วยสายตาที่จะสืบว่าน้าขอโทษ จากนั้นเธอก็เดินผ่านไป ต่อจากนั้นบิ๊กแม็กก็เดินตามทไวไลท์ไปโดยไม่มองกรีนฮาร์ดเบลดเลยสักนิด

สักพักหลังจากที่บิ๊กแม็กเดินตามทไวไลท์ไป กรีนฮาร์ดเบลดยืนหอบพิงกำแพงด้วยท่าทางที่เหนื่อยล้า ความรู้สึกอึดอัดของเขาก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้วอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“แฮ่กๆๆๆ ไอ้ความรู้สึกอึดอัดเมื่อกี้มันคืออะไรกันนะ?”  กรีนฮาร์ดเบลดหันไปมองทางที่บิ๊กแม็กและทไวไลท์พึ่งเดินไปด้วยสายตาที่สับสนและหวาดกลัว

หลังที่แยกกับกรีนฮาร์ดเบลดแล้วทไวไลท์และบิ๊กแม็กก็ได้พาฟลัตเตอร์ชายมาถึงห้องของเธอโดยไม่มีใครเห็นพวกเธออีก บิ๊กแม็กคอยๆว่างตัวฟลัตเตอร์ชายลงบนเตียงของทไวไลท์อย่างนิ่มนวดบิ๊กแม็กนั่งลงบนเตียงข้างๆตัวฟลัตเตอร์ชาย  เขาใช้มือจับใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยนราวกับว่าใบหน้าของเธอเป็นแก้วเปราะบางที่พร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อเขามองเธออย่างอ่อนโยนและห่วงใย

“แล้ว...ทำไมนายมาอยู่ที่นี้ได้? บิ๊กแม็ก?”  ทไวไลท์เดินมาจากมุมหนึ่งของห้องพร้อมกับขนอุปกรณ์หลายอย่างมาว่างไว้ข้างๆบิ๊กแม็ก

บิ๊กแม็กรีบชักมือกลับและสายตาก็เปลี่ยนไปเป็นแบบปกติเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยที่ทไวไลท์มองไม่ทันเลยสักนิด

“ลืมของ” บิ๊กแม็กหันไปมองทไวไลท์ที่กำลังประกอบอุปกรณ์บางอย่าง ทไวไลท์หันมามองบิ๊กแม็กด้วยสีหน้าแปลกใจ

“ของ? ของที่ว่ามันคืออะไรและสำคัญขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ? ถึงกับทำให้คนที่ไม่เคยกลับไร่สายอย่างนายมาเอาในเวลาดึกๆแบบนี้ได้นะ?” ทไวไลท์หันกลับไปประกอบอุปกรณ์ต่อ บิ๊กแม็กมองทไวไลท์อยู่อย่างนั้นโดยไม่ตอบคำถามของเธอ สักพักแล้วเขาก็หันกลับมามองฟลัตเตอร์ชาย ทไวไลท์เหล่มองบิ๊กแม็กแล้วเธอก็ถอนหายใจ

“ช่างมันเถอะ แล้วก็ขอบใจนะที่มาช่วยแก้สถานการณ์”

“ไม่เป็นไร” บิ๊กแม็กมองฟลัตเตอร์ชายแบบไม่ละสายตา

ทำไมเราต้องห่วงเธอด้วยนะบิ๊กแม็กถามตัวเองในใจ ที่จริงเขาควรกลับไร่ไปแล้วแต่เพราะเขาบังเอิญได้ยินเธอบอกทไวไลท์ว่าเธอจะช่วยเก็บกวาดก่อน ตอนแรกเขากะจะเดินออกไปข้างนอกแล้วกลับไปไร่แบบปกติ แต่พอเขาพ้นประตูไปเขาก็พุ่งไปที่พุ่มไม้ข้างๆปราสารแล้วรอเธออยู่ตรงนั้นตั้งแต่ตอนนั้น

“เอาละ เสร็จแล้ว” เสียงของทไวไลท์ปลุกบิ๊กแม็กจากห้วงความคิดของตัวเอง เขาหันไปมองทไวไลท์ที่ตอนนี้เธอถืออุปกรณ์รูปร่างคล้ายๆหมวกกันน็อกสีขาวมีลวดลายรูปผีเสื้อสีขมพูที่มีสายไฟละโยงละยางเต็มไปหมดบิ๊กแม็กมองมันอย่างสงใส ทไวไลท์เหล่มองสายตาของบิ๊กแม็กแล้วเธอก็อ่านสายตาของเขาออกจากนั้นเธอก็ยิ้มออกมาอย่างภาพภูมิใจ

“บิ๊กแม็ก...ฉันขอแนะนำให้รู้จักกับ “Machine Boost Soul (เครื่องกระตุ้นจิตใจ) หรือที่ฉันเรียกย่อๆว่า MBS รุ่นที่หนึ่งจ้า~” ^o^” ทไวไลท์ยื่นมาสมาให้บิ๊กแม็กมองมันชัดๆ บิ๊กแม็กมองเจ้าเครื่องเอ็มบีเอสด้วยสายตาไม่ไว้ใจแบบสุดๆโดยฉะเพราะไอ้คำว่า “รุ่นหนึ่ง” เนี่ยแหละ

“ใช้ทำอะไร?”

“ก็ตามชื่อมันนั้นแหละ มันมีไว้ใช้สำหรับโพนี่ที่เป็นโรคเจ้าชายหรือเจ้าหญิงนิทรา โดยมันจะส่งคลื่นพลังเวทย์เข้าไปกระตุ้นให้จิตใจที่หลับอยู่ของผู้ป่วยให้ตื่นก็เท่านั้นเองไม่มีอะไรมาก” ทไวไลท์อธิบายไปด้วยส่วมให้ฟลัตเตอร์ชายไปด้วยแล้วเธอก็หันไปกดสวิทช์เปิดเครื่องจากนั้นก็จอมอนิเตอร์ก็สว่างขึ้น ทไวไลท์พยักหน้าอย่างพอใจจากนั้นเธอเริ่มต่อสายต่างๆเข้าที่เครื่องเอ็มบีเอส บิ๊กแม็กนั่งมองทไวไลท์ต่อสายไปมาอยู่อย่างนั้นโดยไม่ถามอะไรเลยถึงแม้เขามีเรื่องที่สงใสอยู่ก็ตามทีเถอะ

“มันปลอดภัยไหม?”

“ปลอดภัยไหมงั้นเหรอก็....ถ้าให้ฉันพูดเป็นเปอร์เซ็นต์ละก็คงประมาณยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ได้มั้งนะ?”

WHAT!! 0o0!!” บิ๊กแม็กตาโตด้วยความตกใจ ทไวไลท์หันต่อสายสุดท้ายพอดีเธอหันไปที่ปุ่มเปิดการทำงานเธอยื่นมือไปเพื่อกดมัน บิ๊กแม็กรีบพุ่งตัวเพื่อหยุดไม่ให้ทไวไลท์กดปุ่ม

5 นาทีก่อนที่ทไวไลท์จะต่อสายสุดท้าย ณโลกแห่งจิตของฟลัตเตอร์ชาย

ฟลัตเตอร์แบทยังวิ่งตามฟลัตเตอร์ชายไม่หยุดเธอทั้งสองคนวิ่งกันมาแบบนี้มาหลายชั่งโมง*แล้ว แต่ทั้งสองคนไม่มีท่าทีว่าจะหยุดวิ่งโดยฉะเพราะฟลัตเตอร์ชายที่ยิ่งจะวิ่งเร็วขึ้นไปอีก

[ส่วนใหญ่เวลาในโลกแห่งจิตจะเร็วกว่าโลกแห่งความจริง by ไรเตอร์]

“นี้ เธอจะวิ่งไปถึงไหนเนี่ย?”

“ใกล้แล้วละ อีกนิดเดียว” ฟลัตเตอร์ชายหันมาตอบผู้ถาม ฟลัตเตอร์แบทแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาแบบไม่ปิดบัง

 “เมื่อกี้เธอพูดแบบนี้ทีหนึ่งแล้วนะ =*=” คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน

“คราวนี้ ใกล้ถึงจริงๆแล้ว อ๊ะ” จู่ๆฟลัตเตอร์ชายก็หยุดวิ่งกะทันหันจนฟลัตเตอร์แบทเกือบชนเข้าหลังให้แล้ว

“นี้!! ถ้าเธอจะหยุดวิ่งละก็ช่วยบอกกันมั้ง...สิ 0-0!!” ฟลัตเตอร์แบทเดินมายืนข้างๆฟลัตเตอร์ชายแต่แล้วเธอก็ตาโตด้วยความตกใจกับที่อยู่ตรงหน้า

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของทั้งสองสาวคือเมืองโพนี่วิลล์ที่กำลังถูกเผาอยู่ทามกลางกองเพลิงสีแดงฉาน ตามถนนทางเดินในเมืองมีศพของชาวเมืองและพวกรอยัลการ์ดนอนอยู่เต็มไปหมดรวมถึงพวกลูกโพนี่ด้วย ฟลัตเตอร์ชายหันไปทางซ้ายเจอปราสารของทไวไลท์ที่ตอนนี้กลายเป็นซากเศษหิน ฟลัตเตอร์แบทหันไปทางขวาเจอซากไร่สวีทแอปเปิ้ลเอเคอร์ที่กำลังลุกเป็นไฟ

“หะ...โหดร้าย!! ใครเป็นคนทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้กัน!!” ฟลัตเตอร์ชายน้ำตาคลอเบาเธอยกมือป้องปากแหละมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างสะเทือนใจ

“มัวแต่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีประโยคอะไรขึ้นมา เข้าไปดูในเมืองเถอะ” ฟลัตเตอร์แบทเดินตรงไปที่เมืองโดยไม่รอฟลัตเตอร์ชาย

“เอ๊ะ? เดียวก่อนสิ!? แบท!!” ฟลัตเตอร์ชายเช็ดที่คลอเบาออกแล้วเธอรีบวิ่งตามฟลัตเตอร์แบทที่เข้าไปในเมืองแล้ว

ทั้งสองสาวเข้ามาในเมืองเรียบร้อยแล้วพวกเธอมองไปรอบๆอย่างระวังตัว ฟลัตเตอร์ชายเดินตามฟลัตเตอร์แบทแบบไม่ห่างตัวเธอหันไปรอบๆด้วยสายตาที่หวาดกลัวสุดๆ

“หือ?” ฟลัตเตอร์ชายหยุดแล้วหันไปทางจัตุรัสกลางเมืองด้วยความรู้สึกแปลกๆ เธอเดินไปทางนั้นโดยไม่บอกฟลัตเตอร์แบทที่เดินไปไกลมากแล้ว ฟลัตเตอร์ชายเดินไปอย่างช้าๆจนมาถึงจัตุรัสกลางเมืองแล้วเธอก็ตาโตด้วยความตกใจอีกครั้งเพราะตรงหน้าเธอคือพวกทไวไลท์ที่ยังไม่ตายแต่อยู่สภาพสะบักสะบอมอย่างหนัก

 “ทะ...ทุกคน!!”  ฟลัตเตอร์ชายวิ่งไปหาพวกทไวไลท์ แต่แล้วเธอก็หยุดวิ่งเพราะมีเงาดำประหลาดโผล่ขึ้นมาจากพื้นมาขวางทางเธอไว้เงาดำร่วมตัวกันจนกลายเป็นโพนี่ส่วมผ้าคลุมสีดำสนิด

“คะ...คุณเป็นใคร!? ทำไมถึงต้องทำลายเมืองด้วย!!” ฟลัตเตอร์ชายมองโพนี่ปริศาด้วยสายที่โกรธและกลัวในเวลาเดียวกัน โพนี่ปริศายังคงเงียบไม่พูดอะไรเลย

 “หึๆๆๆๆๆ” จู่ๆมันก็หัวเราะด้วยเสียงที่ช่วนขนลุก

“หะ...หัวเราะอะไรของคุณนะ!?” ฟลัตเตอร์ชายเดินถอยหลังออกมาห่างๆโพนี่ปริศา

“อีกไม่นานหรอ เธอก็จะรู้ว่าฉันเป็นใครเอง My Angel

“เอ๋?!” ฟลัตเตอร์ชายมองโพนี่ปริศาด้วยสายตาสับสนและไม่เข้าใจ แต่ฟลัตเตอร์ชายยังไม่ถามอะไรเพิ่มเธอก็รู้สึกเหมือนมีใครไม่รู้มาจับหลังเธอแล้งดึงหลังเธอแรงๆหนึ่งครั้ง ตัวของฟลัตเตอร์ชายก็ลอยไปตามแรงโดยที่เธอยังไม่ยอมละสายตาจากโพนี่ปริศา

ณ โลกแห่งความจริง

“อะ..อือ” ฟลัตเตอร์ชายลืมตาขึ้นมาสิ่งแรกที่เธอเห็นคือเพดาสีม่วงเธอมองมันอย่างงัวเงียจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบ เจอทไวไลท์กับบิ๊กแม็กยื่นอยู่ข้างเตียงด้วยใบหน้าที่ดำสุดๆ ฟลัตเตอร์ชายยกมือขึ้นมาปิดปากกันหัวเราะไว้

“ไม่ต้องมาขำเลยฟลัตเตอร์ชาย!!” ทไวไลท์มองฟลัตเตอร์ชายด้วยสายตาเคืองๆ บิ๊กแม็กมองฟลัตเตอร์ชายด้วยสายตาเดียวกัน

“ก็หน้าของทั้งสอง มันตลกนี้น่า ^-^” ฟลัตเตอร์ชายหันมายิ้มให้ทั้งสองคน พอสองคนนั้นเห็นรอยยิ้มของเธอสายตาเคืองเมื่อกี้ก็หายไป ทไวไลท์รู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่ว่ายังก็ไมเคยชนะรอยยิ้มของเธอได้ ส่วนบิ๊กแม็กรู้สึกว่ารอยยิ้มของฟลัตเตอร์ชายตอนนี้มันงดงามมากเลย

“แล้วตอนที่เธอนอนอยู่เธอเห็นอะไรหรือเปล่า? ” ฟลัตเตอร์ชายหลุบยิ้มทันทีได้คำถามนี้ จากนั้นภาพเมืองโพนี่วิลล์ในตอนนั้นก็ลอยเข้ามาในหัวของเธอ ฟลัตเตอร์ชายก้มหน้าลงไม่ยอมมองหน้าทไวไลท์ ทไวไลท์มองหน้าบิ๊กแม็กด้วยสายตาเชิงถามว่าฉันถามอะไรผิด? แต่บิ๊กแม็กก็สายหน้าไม่รู้

“เอาเถอะ ถ้าเธอไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบหรอ”

“อือ” ฟลัตเตอร์ชายพยักหน้าจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินผ่านทไวไลท์และบิ๊กแม็กไปที่ประตูโดยไม่มองหน้าทไวไลท์ด้วยซ้ำ

“บิ๊กแม็ก ตามไปส่งเธอที”

 

eeyup

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา