The last Blood.สายเลือด นิทรา [BL , Yaoi]
9.0
เขียนโดย เฟรล่าฟลอเร
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.47 น.
24 ตอน
0 วิจารณ์
25.68K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
7)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความถึงเขาจะมีบัญชีส่วนตัว แต่ขืนทิ้งร่องรอยไว้มากเข้า น้องสาวตัวแสบของเขาคงตามรอยมาถึงสักวัน แค่นี้เธอก็หายใจรดต้นคอเขาแล้ว
“เงินสด...ทั้งหมด”
ถึงจำนวนเงินที่อีกฝ่ายต้องการนำมาแลกจะมากเกินเจ็ดหลัก แต่สำหรับคาสิโนที่มีเงินสะพัดในแต่ละชั่วโมงมากกว่าเก้าหลัก เงินสดตามที่อีกฝ่ายต้องการไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยแม้แต่นิด หลังจัดการอยู่ครู่หนึ่ง กระเป๋าบรรจุธนบัตรทรงสี่เหลี่ยมก็ถูกส่งมอบแก่เขาอย่างเรียบร้อย ทั้งยังเป็นสกุลเงินที่แลกเปลี่ยนได้ง่ายในหลายประเทศทั่วโลก ส่วนเงินสดอีกปึกหนึ่งนั้นเป็นสกุลเงินพื้นฐานของที่นี่
จนกว่าน้องสาวตัวแสบจะตามกลิ่นมาถึง เขาคงพาทริสทรี่ตระเวนเที่ยวสถานที่ได้อักโข...หรืออย่างน้อย เขาก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น
ทริสทรี่ซึ่งยืนเหม่ออยู่ตั้งแต่รอแลกชิพสะดุ้งขึ้นน้อยๆ เมื่อมีใครมาสัมผัสมือตน เขาสบนัยน์ตาสีนิลนั่นราวกับจะถามว่าอีกฝ่ายทำธุระเสร็จแล้วหรือ
“เสร็จแล้วล่ะ ได้มาเพียบเลย” ฮิโรชิชูธนบัตรโบกไหวๆ “ไปกันเถอะ ฉันพอจะรู้จักคนที่หามื้อค่ำให้เธอได้นะ หลังจากนั้นก็ของหวานล้างปาก อ้า! ที่นี่มีทาร์ตไข่อร่อยๆ ด้วยนะ รับรองได้ว่าเธอต้องชอบมันแน่ๆ”
ทริสทรี่พยักหน้า “ถ้าอา...ถ้าฮิโรชิว่าอย่างนั้น ข้าก็อยากกิน”
เขาพยายามระมัดระวังไม่ให้ตนเรียกชื่อใครผิดไป ถึงอีกฝ่ายจะเป็นร่างกลับชาติมาเกิด แต่ฮิโรชิดูไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย หากเขาเรียกนามของในชาติก่อนนั่น แต่สำหรับตัวเขา คนรักของเขาคืออายาซาชิ และฮิโรชิเองก็คืออายาซาชิเช่นกัน จะเรียกด้วยชื่อนั้นหรือชื่อไหนก็มีค่าเท่าเทียมกัน
สิ่งสำคัญคือความรู้สึก
ไม่ใช่แค่ชื่อที่เรียกผิดไม่ได้ แต่ฮิโรชิก็ต่างจากอายาซาชิ นับวัน ยิ่งเขาอยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกแบบนั้น เขาเริ่มคิดถึงวาเลนเซียมากขึ้นทุกขณะ ในชีวิตอันยาวนานหลายร้อยปีนี้ บุคคลเพียงสองคนในโลกเท่านั้นที่เขารู้จักและให้การสนิทสนม คนหนึ่งตายไปแล้ว ส่วนอีกคน เขาก็ทอดทิ้งเธอมา
เขาทิ้งเธอมาทำไมกันนะ...
เขามาเพื่อตามหาอายาซาชิ
แล้วอายาซาชิอยู่ที่ไหนกัน
ท่ามกลางทางเดินที่ประดับไฟสว่างและนักท่องเที่ยวที่ออกมาเดินเที่ยวย่านการค้ายามราตรี ทริสทรี่มองเงาที่ไหววูบวาบอยู่บนมือที่เกี่ยวกันไว้ของพวกเขาทั้งสอง เขาโดยสารด้วยพาหนะและลงเดินเพื่อมองหาของน่าสนใจในย่านนี้ เพราะมันเป็นเส้นทางไปสู่จุดหมายที่ฮิโรชิวางเอาไว้
จุดหมายของฮิโรชิ
แล้วจุดหมายของเขาเล่า
“อายาซาชิ”
ร่างที่เดินนำทางอยู่พลันยุติฝีเท้า เขาหันมาด้วยแววตาไม่พึงพอใจเท่าไหร่นัก แต่กระนั้น ริมฝีปากก็ยังคงยิ้ม เพราะก่อนหน้านี้ทริสทรี่กล่าวว่ารอยยิ้มของเขาดูสวยงาม
ถ้ามันสวย ทริสทรี่ก็สมควรจะได้รับมันทั้งหมด ทุกครั้ง ทุกเวลา เช่นเดียวกับที่เขาจะได้ทริสทรี่มาไม่ว่ายามใด
“ฉันบอกแล้วไง เรียกฉันว่า...”
“อายาซาชิ!” ทริสทรี่สะบัดมือคนตรงหน้าออกโดยพลัน ปฏิกิริยารุนแรงนี้ทำให้ฮิโรชิอึ้งไปชั่วขณะ นัยน์ตาสีเลือดคู่นั้นฉายแววแข็งขืนต่อต้าน “ข้าตามเจ้ามาเพราะเจ้าคืออายาซาชิ ถ้าเจ้ายืนกรานว่าเจ้าคือฮิโรชิ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องไปกับเจ้าอีกแล้ว!”
อายาซาชิอีกแล้ว!
“ไม่หรอก” ริมฝีปากนั้นยังคงยิ้ม แม้จะเป็นรอยยิ้มที่แลดูอำมหิตอย่างล้นเหลือก็ตาม เขาจุมพิตเรียวมือที่ฉวยมาอย่างว่องไวนั้นด้วยความรักใคร่ “นายเป็นของฉันต่างหาก ทริสทรี่”
แวมไพร์ผู้มีรูปลักษณ์บอบบางชวนให้หลงใหล มองเขาด้วยสายตาประหนึ่งมองคนแปลกหน้า “ข้าไม่ใช่ของใคร”
ฮิโรชิกัดริมฝีปาก “แม้ฉันจะเป็นอายาซาชิน่ะรึ”
ความไหววูบปรากฏขึ้นในจักษุสีนิลชั่วขณะ เห็นได้ชัดว่านามนั้นยังคงมีผลต่อหัวใจเขาอย่างแรงกล้า และนั่นทำให้ฮิโรชิรู้สึกเกลียดนามนั้นขึ้นมาทุกขณะ
ทริสทรี่ดึงมือเขาออก “ใช่ แม้เจ้าจะเป็นอายาซาชิก็ตาม ข้าก็ยังคงเป็นข้า ไม่ใช่ของของใครทั้งนั้น”
ฮิโรชิหลุบตาลง เขาหยิบของสิ่งหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงด้วยสีหน้าอันรู้สึกผิด มันคือกุญแจมือสีเงินแข็งแรงที่สะท้อนกับแสงไฟโดยรอบจนเกิดเป็นเงาวิบวับ เรียกความสนใจของทริสทรี่ได้เป็นอย่างดี เขาเอาห่วงด้านหนึ่งคล้องกับข้อมือซ้ายของตัวเอง ขณะจับข้อมือขวาของผู้ที่ไม่ทันจะตั้งตัวมาล็อคไว้เช่นเดียวกัน
เขายกมือข้างนั้นขึ้นคล้ายจะโชว์ให้อีกฝ่ายเห็นชัดๆ คราวนี้รอยยิ้มของเขาดูอารมณ์ดีขึ้นมาก “ไง ทีนี้เราก็ต้องไปด้วยกันแล้ว ลูกกุญแจก็สั่งทำพิเศษ ไปตามคนมาช่วยไขช่วยงัดน่ะ ไม่มีทางออกหรอก”
ทริสทรี่มองพันธนาการสีเงินด้วยสายตาอันไร้ความกังวล เขาสบตาคนที่ดูเป็นต่อด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไมเจ้าถึงไม่ทำแบบนี้แต่แรก ตั้งแต่ตอนอยู่ในคฤหาสน์ ทำไมเจ้าถึงต้องใช้ชีวิตตัวเองเป็นตัวประกันให้ข้ายอมตามมา”
ฮิโรชิไม่ตอบอะไร เขามองไปทางร้านค้าเบื้องหน้าและกล่าวว่าของกินในร้านนั้นก็ดีน่าอร่อยดี
“เพราะวาเลนเซียสินะ” ทริสทรี่ตอบโจทย์ของตัวเอง “ถ้าเจ้าสังหารวาเลนเซีย ข้าย่อมไม่มีทางมากับเจ้าแน่ ถ้าเจ้าคืออายาซาชิ เจ้าก็ต้องรู้ว่านางสำคัญกับข้าเพียงไร หรือไม่...นั่นเพราะเจ้าเคยเห็นนางต่อสู้มาแล้ว ถึงจะเป็นตอนกลางวัน แต่พลังของนางไม่ใช่น้อยๆ ความต่างกันของมนุษย์กับแวมไพร์อยู่ตรงนี้เอง”
ทริสทรี่จับโซ่คล้องระหว่างกุญแจไว้มั่น ก่อนจะออกแรงกระชากให้หลุดภายในคราวเดียว เศษโซ่หล่นกระทบกับพื้นจนดังไปทั่วบริเวณ ขณะที่ข้อมือของฮิโรชิยังถูกคล้องด้วยห่วง ข้อมือของทริสทรี่กลับเป็นอิสระจากการใช้แรงของตนปลดพันธนาการออก มันหักออกอย่างง่ายดาย ราวกับสิ่งที่ตนสัมผัสอยู่เป็นกิ่งไม้กิ่งเดียว
“และตัวข้าเอง...ก็เป็นแวมไพร์เช่นเดียวกัน”
ไกล...เขาจากบ้านมาไกลเกินไป
ทริสทรี่นั่งกอดเข่าอยู่ในตรอกมืดๆ แห่งหนึ่ง ข้างกายเขามีร่างของอันธพาลร่างใหญ่สิ้นใจอยู่ ในปากของเขายังมีรสเลือดหวานหอมเหลืออยู่ หากเป็นยามปกติ วาเลนเซียจะส่งน้ำให้เขาดื่มเป็นการตบท้าย ส่วนเธอจะกำจัด ‘เศษอาหาร’ อย่างไร เขาไม่เคยไปติดตามดูเลยสักครั้ง
อันที่จริง นี่ไม่ใช่การล่าเหยื่อครั้งแรก วาเลนเซียประคบประหงมเขามากกว่าเดิมหลายเท่าหลังจากเกิดเรื่องคราวอายาซาชิ แต่ก่อนหน้านั้น เธอเคยสอนให้เขาล่าเหยื่ออยู่เหมือนกัน แน่นอนว่าเหยื่อย่อมไม่ใช่คนในหมู่บ้าน เมื่อร้อยปีก่อนการบุกรุกของป่ายังไม่มากมายเท่านี้ด้วยซ้ำ ด้วยความเร็วและกำลังของแวมไพร์ สถานที่ล่าเหยื่อตอนนั้นอยู่พ้นชายป่าไปมาก ช่วงเวลานั้นเองที่วาเลนเซียสอนให้เขารู้จักความสามารถของแวมไพร์ในด้านต่างๆ บางครั้งเขายังแยกตัวไปล่าเหยื่อและเที่ยวชมสถานที่แต่ละแห่งเพียงลำพังได้เลยทีเดียว
แต่ชายป่าอันแสนไกลนั่น คงจะใกล้กว่าทางกลับบ้านของเขาตอนนี้แน่ๆ
ถ้าแสงอาทิตย์ขึ้นเมื่อไหร่ เงาของตรอกนี้คงจะช่วยยืดชีวิตเขาได้ แต่แสงอาจทำให้ผู้คนเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น และถ้าพวกนั้นลากตัวเขาออกไปล่ะก็ ทุกอย่างคงจบลง
และเขาจะไม่ได้เจอวาเลนเซียอีกแล้ว
เธอพูดถูก พวกมนุษย์ไว้ใจไม่ได้ ทำไมเขาถึงไว้ใจร่างกลับชาติมาเกิดของอายาซาชิถึงเพียงนี้กัน ความโหยหาทำให้เขาฟั่นเฟือนไปแล้วหรือไร แต่ความคิดถึงที่กัดกร่อนหัวใจเขามาหลายร้อยปี และภาพแห่งสิ้นชีวิตของบุคคลอันเป็นที่รัก จะกี่ครั้งเขาก็ยังคงจำมันได้ดี
เขาแค่ไม่อยากสัมผัสช่วงเวลาที่อายาซาชิต้องตายอีกแล้ว
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามความเงียบงันของร่างที่จมอยู่ในห้วงความคิด เสียงเอะอะโวยวายของผู้หญิงคนหนึ่งที่มองเข้ามาส่งเสียงกรี๊ดลั่น ครั้นทริสทรี่จะหนีก็หนีไม่ได้ เพราะทางออกสองฝั่งตอนนี้มีแสงแผดจ้าเต็มที่แล้ว
เจ้าหน้าที่สองนายวิ่งเข้ามาหลังจากเสียงกรี๊ดนั่นดังขึ้นไม่นาน ชะรอยว่าไม่เธอก็ต้องผู้ที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นเป็นคนแจ้งเหตุ ทริสทรี่สบตากับคนทั้งสองและใช้พลังสะกดจิตอย่างรวดเร็ว “บุคคลนี้ไม่ใช่ศพ พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”
เจ้าหน้าที่ทั้งสองพยักหน้า หนึ่งในนั้นขจัดความยุ่งยากโดยการหาผ้าใบผืนหนามาคลุมร่างไว้ อีกคนกำลังอธิบายให้ผู้ที่เดินผ่านไปมารับทราบว่านั่นเป็นเพียงหุ่นจำลองในละครเวทีที่ถูกทิ้งอยู่แถวๆ นี้ ทำให้กระแสฮือฮาของมวลชนพลันสงบลง
เวลาผ่านไปถึงช่วงหัวค่ำอีกครั้ง ทริสทรี่เตรียมออกล่าเหยื่อและวางแผนกลับบ้าน ถึงจะต้องใช้เวลาเป็นร้อยปี แต่แวมไพร์อย่างเขามีอายุยืนนานถึงวันนั้นได้แน่นอน
ทว่า...กลิ่นเลือดและกลิ่นอันคุ้นเคยกลับปรากฏขึ้นกะทันหัน
“อยู่ตรงนี้จริงๆ ด้วย”
ทริสทรี่หรี่ตาลง เขาหันหลังจะออกเดินทางหาเหยื่อเพื่อเป็นมื้อค่ำคืนนี้ หากแต่ผู้มาเยือนใหม่กลับวิ่งเข้ามายื้อไว้โดยเร็ว โดยไม่ลืมกระโดดข้ามศพใต้ผ้าใบผืนใหญ่นั่นด้วย ในมือเขามีถุงเลือดอยู่ แต่อักษรของมันกลับเป็นภาษาญี่ปุ่น สิ่งนี้ของมาจากแหล่งเดียวกันกับมื้อค่ำในคอนโดที่พักแรก
เขาเหลือบมองกลับมาเล็กน้อย “ไปเสีย เจ้ามนุษย์”
‘แค่ชื่อยังไม่ยอมเรียก...’
ฮิโรชิคิดอย่างเจ็บปวดในใจภายใต้สีหน้าระรื่นนั่น เขาคงไม่ทราบว่าทริสทรี่กำลังสับสนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น สับสนว่าตนควรจะเรียกฮิโรชิว่าฮิโรชิ หรือควรจะเรียกด้วยนามที่คุ้นเคยเมื่อร้อยปีก่อนกันแน่ เพราะสำหรับเขา เขาเดินตามอายาซาชิมา ไม่ใช่คนด้านหลังที่ไม่รู้จัก
“ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ ไม่ช้าก็เร็วศพนั่นได้โดนพบแน่ ฉันจัดการเอง” ฮิโรชิเปลี่ยนเรื่องโดยมุ่งความสนใจไปยังร่างไร้วิญญาณ สายข่าวของเขาแน่อยู่แล้ว กับข่าวลือที่ฮือฮากันไปเมื่อเช้า ไหนเลยจะไม่ได้ยิน “ส่วนเธอก็ดื่มนี่เสียก่อนนะ แล้วจะโกรธกันอยู่หรือไม่ก็ค่อยว่ากันอีกที เพราะถ้าเธอไม่ดื่ม คนให้มาคงตายฟรี”
นั่นย่อมเป็นคำโป้ปดแน่นอนอยู่แล้ว เขาซื้อเลือดนี้มาได้โดยวิธีการที่ค่อนข้างจะใต้ดินอยู่สักหน่อย แต่เจ้าของเลือดยังมีชีวิตอยู่และปลอดภัยดี
ทริสทรี่นิ่วหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้แยแสเรื่องความตายของมนุษย์ แวมไพร์ที่ออกล่าเหยื่อมาหลายครั้งหลายคราย่อมชินชากับการสังหารผู้คน แต่เขาตัดสินใจรับมันมาดื่ม เนื่องจากไม่ชอบใจในคำว่า ‘ตายฟรี’ ของอีกฝ่ายนัก มันแลดูเหยียดหยามลมหายใจของผู้คนเกินไป
เมื่อเห็นว่าทริสทรี่รับไมตรี คุณชายสายเลือดซามูไรยื่นมือออกมาทักทาย “ฉันชื่อฮิโรชิ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ทริสทรี่ขมวดคิ้ว อีกฝ่ายเล่นอะไรกันนี่
“งั้นเข้าประเด็นเลยนะ” เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางยกปืนขึ้นส่องตำแหน่งหัวใจของแวมไพร์ผู้กำลังส่งสายตาตื่นตะลึงได้เย้ายวนใจที่สุดในความคิด “ฉันไม่อยากให้เธอมองฉันในนามอายาซาชิอีกแล้ว ทริสทรี่ที่รัก หลังจากนี้ทุกคืนทุกวัน ฉันจะอยู่ในฐานะคนรักคนใหม่ของเธอเอง”
To be continue.
“เงินสด...ทั้งหมด”
ถึงจำนวนเงินที่อีกฝ่ายต้องการนำมาแลกจะมากเกินเจ็ดหลัก แต่สำหรับคาสิโนที่มีเงินสะพัดในแต่ละชั่วโมงมากกว่าเก้าหลัก เงินสดตามที่อีกฝ่ายต้องการไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยแม้แต่นิด หลังจัดการอยู่ครู่หนึ่ง กระเป๋าบรรจุธนบัตรทรงสี่เหลี่ยมก็ถูกส่งมอบแก่เขาอย่างเรียบร้อย ทั้งยังเป็นสกุลเงินที่แลกเปลี่ยนได้ง่ายในหลายประเทศทั่วโลก ส่วนเงินสดอีกปึกหนึ่งนั้นเป็นสกุลเงินพื้นฐานของที่นี่
จนกว่าน้องสาวตัวแสบจะตามกลิ่นมาถึง เขาคงพาทริสทรี่ตระเวนเที่ยวสถานที่ได้อักโข...หรืออย่างน้อย เขาก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น
ทริสทรี่ซึ่งยืนเหม่ออยู่ตั้งแต่รอแลกชิพสะดุ้งขึ้นน้อยๆ เมื่อมีใครมาสัมผัสมือตน เขาสบนัยน์ตาสีนิลนั่นราวกับจะถามว่าอีกฝ่ายทำธุระเสร็จแล้วหรือ
“เสร็จแล้วล่ะ ได้มาเพียบเลย” ฮิโรชิชูธนบัตรโบกไหวๆ “ไปกันเถอะ ฉันพอจะรู้จักคนที่หามื้อค่ำให้เธอได้นะ หลังจากนั้นก็ของหวานล้างปาก อ้า! ที่นี่มีทาร์ตไข่อร่อยๆ ด้วยนะ รับรองได้ว่าเธอต้องชอบมันแน่ๆ”
ทริสทรี่พยักหน้า “ถ้าอา...ถ้าฮิโรชิว่าอย่างนั้น ข้าก็อยากกิน”
เขาพยายามระมัดระวังไม่ให้ตนเรียกชื่อใครผิดไป ถึงอีกฝ่ายจะเป็นร่างกลับชาติมาเกิด แต่ฮิโรชิดูไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย หากเขาเรียกนามของในชาติก่อนนั่น แต่สำหรับตัวเขา คนรักของเขาคืออายาซาชิ และฮิโรชิเองก็คืออายาซาชิเช่นกัน จะเรียกด้วยชื่อนั้นหรือชื่อไหนก็มีค่าเท่าเทียมกัน
สิ่งสำคัญคือความรู้สึก
ไม่ใช่แค่ชื่อที่เรียกผิดไม่ได้ แต่ฮิโรชิก็ต่างจากอายาซาชิ นับวัน ยิ่งเขาอยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกแบบนั้น เขาเริ่มคิดถึงวาเลนเซียมากขึ้นทุกขณะ ในชีวิตอันยาวนานหลายร้อยปีนี้ บุคคลเพียงสองคนในโลกเท่านั้นที่เขารู้จักและให้การสนิทสนม คนหนึ่งตายไปแล้ว ส่วนอีกคน เขาก็ทอดทิ้งเธอมา
เขาทิ้งเธอมาทำไมกันนะ...
เขามาเพื่อตามหาอายาซาชิ
แล้วอายาซาชิอยู่ที่ไหนกัน
ท่ามกลางทางเดินที่ประดับไฟสว่างและนักท่องเที่ยวที่ออกมาเดินเที่ยวย่านการค้ายามราตรี ทริสทรี่มองเงาที่ไหววูบวาบอยู่บนมือที่เกี่ยวกันไว้ของพวกเขาทั้งสอง เขาโดยสารด้วยพาหนะและลงเดินเพื่อมองหาของน่าสนใจในย่านนี้ เพราะมันเป็นเส้นทางไปสู่จุดหมายที่ฮิโรชิวางเอาไว้
จุดหมายของฮิโรชิ
แล้วจุดหมายของเขาเล่า
“อายาซาชิ”
ร่างที่เดินนำทางอยู่พลันยุติฝีเท้า เขาหันมาด้วยแววตาไม่พึงพอใจเท่าไหร่นัก แต่กระนั้น ริมฝีปากก็ยังคงยิ้ม เพราะก่อนหน้านี้ทริสทรี่กล่าวว่ารอยยิ้มของเขาดูสวยงาม
ถ้ามันสวย ทริสทรี่ก็สมควรจะได้รับมันทั้งหมด ทุกครั้ง ทุกเวลา เช่นเดียวกับที่เขาจะได้ทริสทรี่มาไม่ว่ายามใด
“ฉันบอกแล้วไง เรียกฉันว่า...”
“อายาซาชิ!” ทริสทรี่สะบัดมือคนตรงหน้าออกโดยพลัน ปฏิกิริยารุนแรงนี้ทำให้ฮิโรชิอึ้งไปชั่วขณะ นัยน์ตาสีเลือดคู่นั้นฉายแววแข็งขืนต่อต้าน “ข้าตามเจ้ามาเพราะเจ้าคืออายาซาชิ ถ้าเจ้ายืนกรานว่าเจ้าคือฮิโรชิ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องไปกับเจ้าอีกแล้ว!”
อายาซาชิอีกแล้ว!
“ไม่หรอก” ริมฝีปากนั้นยังคงยิ้ม แม้จะเป็นรอยยิ้มที่แลดูอำมหิตอย่างล้นเหลือก็ตาม เขาจุมพิตเรียวมือที่ฉวยมาอย่างว่องไวนั้นด้วยความรักใคร่ “นายเป็นของฉันต่างหาก ทริสทรี่”
แวมไพร์ผู้มีรูปลักษณ์บอบบางชวนให้หลงใหล มองเขาด้วยสายตาประหนึ่งมองคนแปลกหน้า “ข้าไม่ใช่ของใคร”
ฮิโรชิกัดริมฝีปาก “แม้ฉันจะเป็นอายาซาชิน่ะรึ”
ความไหววูบปรากฏขึ้นในจักษุสีนิลชั่วขณะ เห็นได้ชัดว่านามนั้นยังคงมีผลต่อหัวใจเขาอย่างแรงกล้า และนั่นทำให้ฮิโรชิรู้สึกเกลียดนามนั้นขึ้นมาทุกขณะ
ทริสทรี่ดึงมือเขาออก “ใช่ แม้เจ้าจะเป็นอายาซาชิก็ตาม ข้าก็ยังคงเป็นข้า ไม่ใช่ของของใครทั้งนั้น”
ฮิโรชิหลุบตาลง เขาหยิบของสิ่งหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงด้วยสีหน้าอันรู้สึกผิด มันคือกุญแจมือสีเงินแข็งแรงที่สะท้อนกับแสงไฟโดยรอบจนเกิดเป็นเงาวิบวับ เรียกความสนใจของทริสทรี่ได้เป็นอย่างดี เขาเอาห่วงด้านหนึ่งคล้องกับข้อมือซ้ายของตัวเอง ขณะจับข้อมือขวาของผู้ที่ไม่ทันจะตั้งตัวมาล็อคไว้เช่นเดียวกัน
เขายกมือข้างนั้นขึ้นคล้ายจะโชว์ให้อีกฝ่ายเห็นชัดๆ คราวนี้รอยยิ้มของเขาดูอารมณ์ดีขึ้นมาก “ไง ทีนี้เราก็ต้องไปด้วยกันแล้ว ลูกกุญแจก็สั่งทำพิเศษ ไปตามคนมาช่วยไขช่วยงัดน่ะ ไม่มีทางออกหรอก”
ทริสทรี่มองพันธนาการสีเงินด้วยสายตาอันไร้ความกังวล เขาสบตาคนที่ดูเป็นต่อด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไมเจ้าถึงไม่ทำแบบนี้แต่แรก ตั้งแต่ตอนอยู่ในคฤหาสน์ ทำไมเจ้าถึงต้องใช้ชีวิตตัวเองเป็นตัวประกันให้ข้ายอมตามมา”
ฮิโรชิไม่ตอบอะไร เขามองไปทางร้านค้าเบื้องหน้าและกล่าวว่าของกินในร้านนั้นก็ดีน่าอร่อยดี
“เพราะวาเลนเซียสินะ” ทริสทรี่ตอบโจทย์ของตัวเอง “ถ้าเจ้าสังหารวาเลนเซีย ข้าย่อมไม่มีทางมากับเจ้าแน่ ถ้าเจ้าคืออายาซาชิ เจ้าก็ต้องรู้ว่านางสำคัญกับข้าเพียงไร หรือไม่...นั่นเพราะเจ้าเคยเห็นนางต่อสู้มาแล้ว ถึงจะเป็นตอนกลางวัน แต่พลังของนางไม่ใช่น้อยๆ ความต่างกันของมนุษย์กับแวมไพร์อยู่ตรงนี้เอง”
ทริสทรี่จับโซ่คล้องระหว่างกุญแจไว้มั่น ก่อนจะออกแรงกระชากให้หลุดภายในคราวเดียว เศษโซ่หล่นกระทบกับพื้นจนดังไปทั่วบริเวณ ขณะที่ข้อมือของฮิโรชิยังถูกคล้องด้วยห่วง ข้อมือของทริสทรี่กลับเป็นอิสระจากการใช้แรงของตนปลดพันธนาการออก มันหักออกอย่างง่ายดาย ราวกับสิ่งที่ตนสัมผัสอยู่เป็นกิ่งไม้กิ่งเดียว
“และตัวข้าเอง...ก็เป็นแวมไพร์เช่นเดียวกัน”
ไกล...เขาจากบ้านมาไกลเกินไป
ทริสทรี่นั่งกอดเข่าอยู่ในตรอกมืดๆ แห่งหนึ่ง ข้างกายเขามีร่างของอันธพาลร่างใหญ่สิ้นใจอยู่ ในปากของเขายังมีรสเลือดหวานหอมเหลืออยู่ หากเป็นยามปกติ วาเลนเซียจะส่งน้ำให้เขาดื่มเป็นการตบท้าย ส่วนเธอจะกำจัด ‘เศษอาหาร’ อย่างไร เขาไม่เคยไปติดตามดูเลยสักครั้ง
อันที่จริง นี่ไม่ใช่การล่าเหยื่อครั้งแรก วาเลนเซียประคบประหงมเขามากกว่าเดิมหลายเท่าหลังจากเกิดเรื่องคราวอายาซาชิ แต่ก่อนหน้านั้น เธอเคยสอนให้เขาล่าเหยื่ออยู่เหมือนกัน แน่นอนว่าเหยื่อย่อมไม่ใช่คนในหมู่บ้าน เมื่อร้อยปีก่อนการบุกรุกของป่ายังไม่มากมายเท่านี้ด้วยซ้ำ ด้วยความเร็วและกำลังของแวมไพร์ สถานที่ล่าเหยื่อตอนนั้นอยู่พ้นชายป่าไปมาก ช่วงเวลานั้นเองที่วาเลนเซียสอนให้เขารู้จักความสามารถของแวมไพร์ในด้านต่างๆ บางครั้งเขายังแยกตัวไปล่าเหยื่อและเที่ยวชมสถานที่แต่ละแห่งเพียงลำพังได้เลยทีเดียว
แต่ชายป่าอันแสนไกลนั่น คงจะใกล้กว่าทางกลับบ้านของเขาตอนนี้แน่ๆ
ถ้าแสงอาทิตย์ขึ้นเมื่อไหร่ เงาของตรอกนี้คงจะช่วยยืดชีวิตเขาได้ แต่แสงอาจทำให้ผู้คนเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น และถ้าพวกนั้นลากตัวเขาออกไปล่ะก็ ทุกอย่างคงจบลง
และเขาจะไม่ได้เจอวาเลนเซียอีกแล้ว
เธอพูดถูก พวกมนุษย์ไว้ใจไม่ได้ ทำไมเขาถึงไว้ใจร่างกลับชาติมาเกิดของอายาซาชิถึงเพียงนี้กัน ความโหยหาทำให้เขาฟั่นเฟือนไปแล้วหรือไร แต่ความคิดถึงที่กัดกร่อนหัวใจเขามาหลายร้อยปี และภาพแห่งสิ้นชีวิตของบุคคลอันเป็นที่รัก จะกี่ครั้งเขาก็ยังคงจำมันได้ดี
เขาแค่ไม่อยากสัมผัสช่วงเวลาที่อายาซาชิต้องตายอีกแล้ว
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามความเงียบงันของร่างที่จมอยู่ในห้วงความคิด เสียงเอะอะโวยวายของผู้หญิงคนหนึ่งที่มองเข้ามาส่งเสียงกรี๊ดลั่น ครั้นทริสทรี่จะหนีก็หนีไม่ได้ เพราะทางออกสองฝั่งตอนนี้มีแสงแผดจ้าเต็มที่แล้ว
เจ้าหน้าที่สองนายวิ่งเข้ามาหลังจากเสียงกรี๊ดนั่นดังขึ้นไม่นาน ชะรอยว่าไม่เธอก็ต้องผู้ที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นเป็นคนแจ้งเหตุ ทริสทรี่สบตากับคนทั้งสองและใช้พลังสะกดจิตอย่างรวดเร็ว “บุคคลนี้ไม่ใช่ศพ พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”
เจ้าหน้าที่ทั้งสองพยักหน้า หนึ่งในนั้นขจัดความยุ่งยากโดยการหาผ้าใบผืนหนามาคลุมร่างไว้ อีกคนกำลังอธิบายให้ผู้ที่เดินผ่านไปมารับทราบว่านั่นเป็นเพียงหุ่นจำลองในละครเวทีที่ถูกทิ้งอยู่แถวๆ นี้ ทำให้กระแสฮือฮาของมวลชนพลันสงบลง
เวลาผ่านไปถึงช่วงหัวค่ำอีกครั้ง ทริสทรี่เตรียมออกล่าเหยื่อและวางแผนกลับบ้าน ถึงจะต้องใช้เวลาเป็นร้อยปี แต่แวมไพร์อย่างเขามีอายุยืนนานถึงวันนั้นได้แน่นอน
ทว่า...กลิ่นเลือดและกลิ่นอันคุ้นเคยกลับปรากฏขึ้นกะทันหัน
“อยู่ตรงนี้จริงๆ ด้วย”
ทริสทรี่หรี่ตาลง เขาหันหลังจะออกเดินทางหาเหยื่อเพื่อเป็นมื้อค่ำคืนนี้ หากแต่ผู้มาเยือนใหม่กลับวิ่งเข้ามายื้อไว้โดยเร็ว โดยไม่ลืมกระโดดข้ามศพใต้ผ้าใบผืนใหญ่นั่นด้วย ในมือเขามีถุงเลือดอยู่ แต่อักษรของมันกลับเป็นภาษาญี่ปุ่น สิ่งนี้ของมาจากแหล่งเดียวกันกับมื้อค่ำในคอนโดที่พักแรก
เขาเหลือบมองกลับมาเล็กน้อย “ไปเสีย เจ้ามนุษย์”
‘แค่ชื่อยังไม่ยอมเรียก...’
ฮิโรชิคิดอย่างเจ็บปวดในใจภายใต้สีหน้าระรื่นนั่น เขาคงไม่ทราบว่าทริสทรี่กำลังสับสนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น สับสนว่าตนควรจะเรียกฮิโรชิว่าฮิโรชิ หรือควรจะเรียกด้วยนามที่คุ้นเคยเมื่อร้อยปีก่อนกันแน่ เพราะสำหรับเขา เขาเดินตามอายาซาชิมา ไม่ใช่คนด้านหลังที่ไม่รู้จัก
“ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ ไม่ช้าก็เร็วศพนั่นได้โดนพบแน่ ฉันจัดการเอง” ฮิโรชิเปลี่ยนเรื่องโดยมุ่งความสนใจไปยังร่างไร้วิญญาณ สายข่าวของเขาแน่อยู่แล้ว กับข่าวลือที่ฮือฮากันไปเมื่อเช้า ไหนเลยจะไม่ได้ยิน “ส่วนเธอก็ดื่มนี่เสียก่อนนะ แล้วจะโกรธกันอยู่หรือไม่ก็ค่อยว่ากันอีกที เพราะถ้าเธอไม่ดื่ม คนให้มาคงตายฟรี”
นั่นย่อมเป็นคำโป้ปดแน่นอนอยู่แล้ว เขาซื้อเลือดนี้มาได้โดยวิธีการที่ค่อนข้างจะใต้ดินอยู่สักหน่อย แต่เจ้าของเลือดยังมีชีวิตอยู่และปลอดภัยดี
ทริสทรี่นิ่วหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้แยแสเรื่องความตายของมนุษย์ แวมไพร์ที่ออกล่าเหยื่อมาหลายครั้งหลายคราย่อมชินชากับการสังหารผู้คน แต่เขาตัดสินใจรับมันมาดื่ม เนื่องจากไม่ชอบใจในคำว่า ‘ตายฟรี’ ของอีกฝ่ายนัก มันแลดูเหยียดหยามลมหายใจของผู้คนเกินไป
เมื่อเห็นว่าทริสทรี่รับไมตรี คุณชายสายเลือดซามูไรยื่นมือออกมาทักทาย “ฉันชื่อฮิโรชิ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ทริสทรี่ขมวดคิ้ว อีกฝ่ายเล่นอะไรกันนี่
“งั้นเข้าประเด็นเลยนะ” เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางยกปืนขึ้นส่องตำแหน่งหัวใจของแวมไพร์ผู้กำลังส่งสายตาตื่นตะลึงได้เย้ายวนใจที่สุดในความคิด “ฉันไม่อยากให้เธอมองฉันในนามอายาซาชิอีกแล้ว ทริสทรี่ที่รัก หลังจากนี้ทุกคืนทุกวัน ฉันจะอยู่ในฐานะคนรักคนใหม่ของเธอเอง”
To be continue.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ