The last Blood.สายเลือด นิทรา [BL , Yaoi]

9.0

เขียนโดย เฟรล่าฟลอเร

วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.47 น.

  24 ตอน
  0 วิจารณ์
  26.06K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ผ่านมาสามวันแล้ว ฮิโรชิรู้สึกเหมือนความหนาวเยือกที่รุมเร้าเขาอยู่ยังไม่จางลงเลยแม้แต่น้อย อาจเพราะสภาพอากาศโดยรอบมักจะเย็นกว่าปกติอยู่เสมอ ยิ่งช่วงกลางคืน อุณหภูมิจะต่ำกว่าตอนกลางวันเป็นเท่าตัว สมกับเป็นอุณหภูมิบนยอดเขาทางตอนเหนือของประเทศ และส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะได้รับโภชนาการที่ไม่เหมาะสมต่อสภาพร่างกายเท่าที่ควร

 

     ทริสทรี่มองอาหารแช่แข็งในมือซึ่งถูกอุ่นให้ร้อนด้วยฝีมือตนอย่างไม่แน่ใจนัก เขาไม่ทราบว่าคุณค่าทางอาหารของมันน้อยกว่าอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ มาก ร่างงามรู้เพียงแค่รสสัมผัสของมันฝืดคอเหลือเกิน ระคนสงสัยว่ามันเหมาะกับคนป่วยจริงๆ น่ะหรือ

 

     “จะดีเหรอ”

 

     ฮิโรชิลืมตาขึ้นมองคนที่กำลังนั่งมองกล่องข้าวที่เหลือปริมาณอาหารเกินครึ่ง หากบาดแผลที่เกิดขึ้นกินพื้นที่มาก การดื่มเลือดเพียงนิดเดียวก็ไม่สามารถใช้ผสานบาดแผลได้ เขารู้สึกว่ามนุษย์เองก็น่าจะใช้วิธีนี้ในการดูแลร่างกายส่วนหนึ่ง แต่ข้าวในกล่องกลับเหลือทิ้งมากขึ้นทุกทีๆ...

 

     ร่างงามสัมผัสหลังมือที่ร้อนระอุ “ให้ข้าตามคนมาช่วยเถอะ ข้าไม่รู้วิธีรักษาพยาบาลมนุษย์ แต่ถ้าเป็นมนุษย์ด้วยกันล่ะก็...”

 

     “เชื่อสิ” ฮิโรชิเอ่ยขึ้นรอยยิ้มที่เหมือนต้องการสร้างความเชื่อมั่น “ฉันก็เป็นมนุษย์นะ แค่ไข้หวัด ฉันรู้วิธีรักษาอยู่แล้วล่ะ”

 

     ทริสทรี่ก้มมองกล่องข้าวในมือตนอีกครั้ง มันมีร่องรอยถูกรับประทานไม่ถึงห้าคำด้วยซ้ำ ร่างร้อนผ่านนั่นมีเหงื่อซึมอยู่เกือบตลอดเวลาภายใต้ผ้านวมคลุมหนา แต่เจ้าตัวคงไม่ทราบว่าเวลาที่สติลางเลือน เขาจะได้ยินเสียงละเมอคำว่า ‘หนาว’ ออกมาเกือบทุกครั้ง แม้แต่ตอนกลางวันที่อากาศเริ่มอุ่นขึ้นบ้างก็ตาม

 

     ฮิโรชิเข้าสู่นิทราอีกครั้ง โดยมีมือเรียวลูบศีรษะเบาๆ ด้วยความหนักใจ เขาไม่อยากทำแบบนี้เลย แต่ถ้าถึงที่สุด เขาคงต้องสะกดจิตอีกฝ่ายแล้วหาทางรักษาในแบบที่ดีกว่านี้ หากเขาไม่ได้ดำรงชีวิตอยู่ในแบบที่วาเลนเซียเลี้ยงดู เขาคงทราบว่ามนุษย์มีสถานพยาบาลในกรณีที่อาการป่วยทวีความรุนแรงมากขึ้น

 

     ถึงจะไม่รู้เรื่องนั้น แต่เขาคิดว่าน่าจะมีทางเปลี่ยนอาหารจากของแช่แข็งแบบนี้ได้ เขามองเสี้ยวจันทรากลางฟ้า เวลาช่างประจวบเหมาะดีเหลือเกิน เขากล่าวขออนุญาตอยู่ในใจระหว่างหยิบกระเป๋าเงินของฮิโรชิไป เรื่องการใช้สอยเงินตราเหล่านี้ เขาพอจะรู้เห็นมาบ้างหลังเที่ยวท่องไปหลายแห่งหน ที่เหลือก็แค่หาอาหารอร่อยๆ เท่านั้น หากฮิโรชิได้กินของอร่อยคงพอมีแรงต่อสู้กับโรคภัยได้บ้าง

 

    

 

     ค้างคาวตัวใหญ่โฉบบินกลางเวหาบนท้องฟ้ายามราตรี ตัวของมันเล็กเกินกว่าจะถูกโซ่หนาเส้นนั้นล่ามขังไว้ได้ ดวงตาแววาวสอดส่องไปตามสถานที่ต่างๆ ด้วยความหวังว่าจะเจอย่านการค้าสักแห่ง

 

     ความที่เขาเป็นแวมไพร์ ฮิโรชิไม่อยากเสี่ยงเรื่องแสงแดด และไม่อยากทรมานเขาด้วยการสวมชุดคลุมหนาๆ เขาจึงมักจะเจอสถานที่ท่องเที่ยวจำพวกย่านการค้ายามราตรีอยู่เสมอ จนเข้าใจว่าโลกยุคใหม่กลายเป็นโลกอันไร้ซึ่งการหลับไหลเสียแล้ว ทว่า...สิ่งเดียวที่เขาพบเห็นอยู่ตอนนี้ช่างขัดกับบรรยากาศแห่งการตื่น สีสันแห่งการท่องเที่ยวที่เคยได้สัมผัส เขาเริ่มไม่เข้าใจมากขึ้นทุกทีว่าโลกนี้เป็นเช่นไร และเขาจะค้นหาแหล่งอาหารได้อย่างไร

 

     อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความมืด ในที่สุดเขาก็พบแสงไฟจากจุดจุดหนึ่ง เขาร่อนลงบริเวณใกล้ๆ โดยอาศัยความมืดเป็นตัวกำบังระหว่างคืนร่าง ก่อนจะเดินเข้าไปหาบ้านประดับไฟหลังนั้น

 

     คนที่มีทีท่าเฮฮากันอยู่นั้นเริ่มหันมามองผู้มาเยือนไม่ได้รับเชิญ ใบหน้าไม่คุ้นเคยผสานกับรูปลักษณ์ของชาวตะวันตก ทำให้พวกเขาเริ่มไม่แน่ใจถึงจุดประสงค์ของการมาครั้งนี้

 

     หนึ่งในนั้นตะโกนเข้าไปหาชาวต่างชาติคนหนึ่งที่สวมชุดผ้าฝ้ายพื้นเมือง สาวผมทองเหลือบมองเขา ก่อนจะสั่นศีรษะพลางพูดด้วยภาษาที่เขาไม่คุ้นเคย แต่ดูเหมือนสาวผมทองจะถูกโหวตจากทุกคนให้เข้ามาคุยกับเขา

 

     “คุณต้องการความช่วยเหลือหรือ?” สาวผมทองพิจารณาจากดวงตาแสดงความแปลกที่ของอีกฝ่าย

 

     ทริสทรี่ลังเล เขาระบายลมหายใจออกมาช้าๆ “ข้าต้องการอาหาร”

 

     “อาหาร?” สาวผมทองมองรอบกาย “แล้วคุณมาที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ย หลงทางหรือ มันไม่ใช่เส้นทางเข้าสู่ตัวเมืองเลยนะ”

 

     ทริสทรี่พยักหน้ารับ เขาอาจหลงทางจริงๆ

 

     “คุณมีแผนที่ไหม? โอ้...ไม่มีรึ งั้นคุณขับไปตามเส้นทางนี้ จะมีป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ ในเมืองมีร้านอาหารโต้รุ่งอยู่” สาวผมทองมองสีหน้าหวั่นวิตกของทริสทรี่ “คุณต้องการให้ฉันนำไปไหม”

 

     ทริสทรี่ไม่อาจเปิดเผยตัวตนได้ ตัวเขาตอนเป็นค้างคาวก็ไม่สามารถแบกชาวต่างชาติตัวโตๆ ขึ้นไปได้เช่นเดียวกัน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นมนุษย์ เขาตัดสินใจขอความช่วยเหลือเท่าที่จะเป็นไปได้ “ข้ามี...สหาย...ที่กำลังป่วย อาหารอะไรที่พวกเจ้าจะกินกันตอนเกิดไข้”

 

     “โอ้...นั่นฟังดูแย่ทีเดียว คุณคงไม่รู้ว่าอยู่ต่างประเทศควรจะสั่งอาหารแบบไหนดี ไม่ต้องห่วง ทุกประเทศมักมีอาหารพื้นฐาน สั่งตามเสียงนี้แล้วกัน ‘ข้าวต้ม’ อาหารอ่อนๆ น่าจะเหมาะกับผู้ป่วยนะ” สาวผมทองแนะ

 

     “แล้วต้องอุ่นนานไหม”

 

     “อะไรนะ?”

 

     “ข้าเคยอุ่นอาหารกล่องแล้วมันยังเย็นบางส่วน มันไม่อร่อยเอาเสียเลย”

 

     “คุณ...คุณหมายถึงอาหารกล่องแช่แข็งน่ะรึ!” สาวผมทองทำหน้าตกใจอย่างรุนแรง “นั่นมันอาหารอย่างสุดท้ายที่ควรให้คนป่วยกินเลยนะ คุณบ้าไปแล้ว!”

 

     ทริสทรี่อึ้ง “ข้า...ข้าไม่รู้ เขาบอกว่ามันกินได้”

 

     “คนที่กินคือคนแข็งแรงอย่างคุณหรือฉัน แต่มันไม่ได้ถูกหลักโภชนาการนักหรอกนะ” สาวผมทอง “คุณเหมือนดูแลคนป่วยไม่เก่งนะ เอาอย่างนี้ ฉันว่าคุณควรซื้ออาหารที่ทานได้ง่ายและร้อนจำพวกข้าวต้ม ยาแก้ไข้กับผ้าชุบน้ำสำหรับวางบนหน้าผากและเช็ดตัว หรือทางที่ดีควรพาเขาไปโรงพยาบาลในกรณีที่ไข้ขึ้นสูงจนดูอันตราย”

 

     ทริสทรี่จ้องหน้าเขา “เจ้ารู้วิธีรักษาหรือ”

 

     “แน่นอน ฉันเป็นหมออาสาในโครงการแพทย์ พอดีมีทักษะภาษาของประเทศนี้อยู่บ้าง เลยได้มาลงที่นี่ วันนี้เขาเลี้ยงส่งปิดโครงการไง”

 

     เขาไม่รู้ว่าแพทย์คืออะไร แต่อย่างหนึ่งที่รู้คือเธออ้างว่าตัวเองรักษาได้ นัยเนตรสีเลือดจับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าคู่นั้น

 

     “งั้นรักษาเขา ตอนนี้เลย”

 

    

 

     ฮิโรชิรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อสัมผัสได้ถึงมือปริศนากำลังจับตัวเขาอยู่ ความจริงเขาควรจะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ตามแบบน้ำหอมผู้หญิง หากไม่ติดว่าประสาทการรับกลิ่นของเขาด้านชามาหลายวันแล้ว รสสัมผัสทางลิ้นจึงพลอยจืดชืดไปตามๆ กัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะรับประทานข้าวแช่แข็งที่ถูกอุ่นร้อนแห้งๆ ได้น้อยลงทุกที แต่เขาไม่กล้าเสี่ยงให้ทริสทรี่ออกไปไหน สายข่าวของฮิโรมิอาจจะอยู่ที่ไหนก็ได้

 

     แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?

 

     “เธอ...เป็น...คนของฮิโรมิหรือเปล่า”

 

     “ไม่ใช่ ข้าสะกดจิตให้นางมาที่นี่ เจ้าน่าจะดีขึ้น นางบอกว่ารู้วิธีรักษาเจ้า” ทริสทรี่ซึ่งยืนอยู่มุมห้องไม่กล้าเข้าไปรบกวนการตรวจเอ่ยขึ้นให้ผู้ป่วยได้วางใจ

 

     สาวผมทองแกะกล่องอุปกรณ์แพทย์สีขาวออกมา ก่อนจะยื่นยาเม็ดกับน้ำให้เขา เธอหันไปรายงานค่าปรอทกับคนที่กำลังยืนกังวล “แตะสามสิบแปดองศา ยังไม่ร้ายแรงมากหรอกค่ะ แต่อย่าให้สูงกว่านี้ก็พอ หมั่นเช็ดตัวเขาเบาๆ แล้วก็เลิกให้อาหารแช่แข็งให้เขา บ้านนี้มีครัวไหม อาหารอ่อนทำง่ายอย่างข้าวต้มดีมากสำหรับคนเป็นหวัด เพราะทานง่ายและคล่องคอ เอาล่ะ ฉันถามคุณอีกคนบ้างดีกว่า คุณเคยทานยาแก้ไข้ไหม”

 

     คำตอบคือ...ไม่

 

     “คุณไม่เคยทานยา มีอาหารแช่แข็งเป็นมื้อหลัก มันยังดีถ้าคุณทาน น่าเสียดายที่คุณไม่ คุณต้องแข็งแรงพอสมควร อาการถึงยังไม่ทรุดยิ่งกว่านี้ คำแนะนำจากฉันคือทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ให้มากๆ แล้วทานยาตามเวลา เท่านี้ค่ะ”

 

     ดูเหมือนเสียงของสาวผมทองจะยุติลงหลังจากนั้นในฉับพลัน ทริสทรี่สอบถามเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยเธอให้กลับไปงานเลี้ยงดังเดิมและหลับให้เต็มที่ เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง สติของเธอจะกลับมา และจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนี้

 

     ฮิโรชิมองตามร่างบางที่เดินเข้ามาใกล้ เขาสัมผัสข้อมือขาวเนียนด้วยความไม่เข้าใจ “เธอหลุดออกมาได้ยังไง”

 

     “เจ้าประมาทแวมไพร์เกินไป ฮิโรชิ เจ้าคงลืมว่าข้าเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวได้” ทริสทรี่ถอนมือจากการแตะต้องนั้นเพื่อบิดผ้าขาวชุบน้ำ เขาไล้ผ้าในมือไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายเฉกเช่นที่ทำมาตลอดสามวัน ก่อนจะหยุดนิ่งลง ณ ฝ่ามือร้อนผ่าว “เจ้ารักตัวเองบ้าง ข้าจะดีใจกว่านี้”

 

     “ทริสทรี่?”

 

     “เจ้ากักขังข้าไว้ที่นี่เพราะกลัวว่าฮิโรมิจะทำให้ข้าจากไปอีกครั้ง แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าเจ้าตาย”

 

     ความเศร้าหมองฉายอยู่ในดวงตาคู่นั้น

 

     “ข้าสนุกมากตอนที่พยายามออกเสียงอาหารเส้นนั่น ข้าชอบรอยยิ้มของเจ้าหน้าร้านชุดสำหรับวิวาห์ เหนืออื่นใด ข้าซาบซึ้งที่สุดกับสิ่งที่ผ่านมาที่เจ้าพยายามสร้างความประทับใจต่อข้า เพราะเจ้าบอกเองว่าถ้าคนที่ข้าพบเมื่อร้อยปีก่อนคือเจ้าคงดีไม่น้อยเลย แต่ตอนนี้เจ้าพบข้าแล้ว เจ้าควรดูแลตัวเองให้ดีไม่ใช่หรือไร ฮิโรชิ”

 

     ความง่วงเริ่มเข้าแทรกซึมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่คนที่นอนไร้เรี่ยวแรงมาตลอดหลายวันกลับรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาของสาวผมทอง หรือเป็นเพราะอะไรก็ตาม มันเป็นแรงมากพอที่ทำให้เขาเริ่มส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมา

 

     “ดีจัง” ฮิโรชิเผยยิ้มออกมา “ฉันจะหายไวๆ จะพาเธอไปกินของอร่อยๆ อีก คราวนี้จะไม่หาใครมายั่วให้เธอหึงแล้วล่ะ กลัวเธอจะไปกัดคอใครเขา”

 

     “หึง? นั่นมันคืออะไรกันรึ”

 

     “สมมติว่าลี่อินมาหาฉันแล้วทำตัวใกล้ชิดฉันอีก เธอต้องโมโหแน่ๆ นั่นแหละที่เขาเรียกว่าหึง ความหวงในตัวคนรักยังไงล่ะ”

 

     ทริสทรี่สั่นศีรษะ “ไม่”

 

     คำกล่าวสั้นๆ ทำเอาคนฟังใจร่วงลงไปเป็นกอง รอยยิ้มกว้างเมื่อครู่หม่นลงเล็กน้อย “งั้นหรือ”

 

     “เจ้าบอกเองว่านางเป็นสหาย ข้าเชื่อใจเจ้า” ทริสทรี่เอ่ย พลางขยับผ้าในมืออีกครั้ง “อีกอย่าง นางไม่ได้คิดอะไรกับเจ้า ถึงอากัปกิริยาจะดูแปลกๆ บางทีก็ทำทีท่ามาทางข้าเหมือนว่านางชนะอะไรบางอย่าง แต่ดวงตาของนางไม่ได้ส่งความรู้สึกพิเศษกับเจ้าเลยแม้แต่นิดเดียว ข้าไม่มีความจำเป็นต้องโมโหอะไรทั้งสิ้น”

 

     ฮิโรชิแอบประหลาดใจในคำพูดของอีกฝ่าย ดูเหมือนทริสทรี่จะเชี่ยวชาญด้านความรักเป็นพิเศษ แม้กระทั่ง...จุดเล็กๆ น้อยๆ อย่างอารมณ์ในแววตายังอ่านออกเสียขาดขนาดนั้น

 

     เขามองเพดานพลางคิดๆ บางอย่างขึ้นมา “จะว่าไป สาวผมทองคนเมื่อกี้สวยจังเลยเนอะ”

 

     ทริสทรี่พยักหน้ารับ “ข้าก็ว่านางงดงามเช่นกัน”

 

     คนเปิดประเด็นกลายเป็นฝ่ายหงอยขึ้นมาเสียเอง “เธอไม่หึงฉันเหรอ”

 

     ทริสทรี่สั่นศีรษะ ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกขบขันอยู่ในใจอย่างบอกไม่ถูก “เจ้าชมความงามของนาง มิได้บอกสักคำว่ารักนาง ทำไมข้าจะต้องโกรธกันเล่า”

 

     “งั้นถ้าฉันบอกว่าฉันรักสาวผมทองนั่น เธอจะหึงฉันไหม”

 

     “ไม่” ทริสทรี่โน้มตัวลงจับจ้องนัยเนตรสีนิลคู่นั้นด้วยความลึกซึ้งแห่งจิตวิญญาณ “เพราะข้าเห็นหวั่นไหวในหัวใจเจ้า...ทุกครั้งที่เราสบตากัน”

 

    

 

To be continue.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา