The last Blood.สายเลือด นิทรา [BL , Yaoi]
9.0
เขียนโดย เฟรล่าฟลอเร
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.47 น.
24 ตอน
0 วิจารณ์
25.66K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
17)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“มีคนกำลังจะมาที่นี่...!”
วาเลนเซียจับไหล่เขาไว้ ก่อนจะสบตาพนักงานโรงแรม “ฟังคำสั่งเรา”
ปฏิกิริยาของพนักงานเคาท์เตอร์เปลี่ยนไปทันที เธอยกมือห้ามพนักงานคนอื่นที่กำลังมองเข้ามาเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ก็จะยิ้มนบน้อมแก่อาคันตุกะทั้งสองที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมพายุแห่งความร้อนใจ
ทริสทรี่เดาได้ว่าสองพี่น้องฮิโรต้องเข้าพักในโรงแรมแห่งนี้ เพราะตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาฮิโรชิก็พูดถึงห้องพักที่จัดเตรียมไว้เป็นพิเศษ ม่านภายในถูกเปลี่ยนเป็นผ้ากำมะหยี่ทึบแสงเพื่อความสะดวกสบายของเขา แต่ในยามวิกาล มันจะหันไปทางทิวทัศน์ชมเมืองหลวงอันคราคร่ำไปด้วยแสงไฟและผู้คน ทั้งหมดนี้เพียงเพราะต้องการให้เขาประทับใจ
นัยน์ตาสีเลือดหม่นแสงลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขารับฟังมันอย่างสงบโดยไม่ใส่ใจมากมาย ถึงอย่างไร ฮิโรชิก็จัดเตรียมสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับเขาเสมอ มันคืออัตตาและความเอาแต่ใจตามประสาคนที่อยากให้คู่รักได้สิ่งที่ดีที่สุด แต่ถ้ามองอีกด้านหนึ่ง กระจกสะท้อนออกมาถึงความจริงที่ว่าทั้งหมดนั่นเพื่อความประทับใจ
ของที่ราคาแพงที่สุด ดีที่สุด สวยงามที่สุด ไม่ได้มีไว้เพื่อโอ้อวดใคร ทั้งหมดที่ทำไปเพียงหวังจะได้เห็นแววตาแห่งความปีติ แม้เพียงชั่วขณะหนึ่งก็ยังดี...
พนักงานสาวสิริญาหันมารายงาน “ติดต่อไม่ได้ค่ะ คุณผู้หญิง”
วาเลนเซียกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจ เด็กหญิงที่เดินทางมาด้วยกันกับเธอมัวไปทำอะไรอยู่ จากเวลาที่ออกมาถึงวินาทีนี้ก็นานพอสมควร หลับไปหรืออย่างไรกัน “งั้นขึ้นไปพบนางแล้วกัน”
พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ข้างกันหันมามองด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสิริญาหยิบคีย์การ์ดสำรองขึ้นมา เธอคว้าแขนเพื่อนร่วมงานไว้โดยเร็วพลางกระซิบ “ญะ! เจ้าของห้องยังไม่อนุญาต เดี๋ยวผู้จัดการก็เฉ่งลงมาหรอก"
‘ยิ่งงานนี้เป็นลูกสาวเจ้าของยิ่งแล้วใหญ่ พลาดอะไรไปได้ตกงานไม่รู้ตัวกันพอดี...’
สิริญาแกะมือของเธอออกโดยไม่ใส่ใจจนเพื่อนร่วมงานสาวงงแทบยืนไม่อยู่ อนิลตัดสินใจจะต่อสายเรียกผู้จัดการให้มาเคลียร์ปัญหานี้โดยด่วนด้วยความกลัวโดนหางเลขไปด้วย
“อย่าสอดมือมายุ่ง!”
อนิลหันไปทางต้นเสียงตามสัญชาตญาณ ฉับพลันที่สบนัยเนตรคู่นั้น บ่อน้ำโลหิตดึงสติเธอไปราวกับสูบทุกอย่างในอณูวิญญาณและห้วงความคำนึง เธอปล่อยแขนเพื่อนร่วมงานออก แล้วหันกลับไปทำหน้าที่ตามปกติตามคำสั่งเจ้านายคนใหม่ ปล่อยให้สิริญาส่งคีย์การ์ดสำรองต่อไป
หญิงสาวรับกุญแจที่มาในรูปแผ่นพลาสติกมาพลิกดูด้วยสีหน้าอึ้งๆ ก่อนจะส่งกลับไป “นำทางซิ”
เธอมองสิริญาที่กำลังเดินออกจากด้านในเคาท์เตอร์ พลางหันไปมองคนที่กำลังเหม่อ ด้วยเหตุผลที่ควรจะเป็นหรือเพราะความรู้ใจ เธอเดาได้ว่าเจ้านายกำลังคิดถึงบุคคลที่ไม่ควรคิดในสายตาเธอ ซึ่งนั่นดูจะเป็นสิ่งที่หญิงสาวรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย “ได้แล้วค่ะ นายท่าน”
วาเลนเซียอยากจะจับมือคนที่กำลังเหม่อให้วิ่งขึ้นไปยังห้องพักชั้นบนสุด แล้วกระทำจุดประสงค์ของการมาเยือนให้เสร็จสิ้นเสียที แต่การกระทำเช่นนั้นเป็นการกระทำที่เสียมารยาทต่อเจ้านาย สำหรับหญิงสาวผู้ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาให้รู้จักทั้งการเป็นเจ้านายและการได้รับการปฏิบัติจากสาวใช้ในคฤหาสน์ของตน แม้เธอจะทราบว่าทริสทรี่ไม่ถือและไม่ได้มองว่าเธอมีฐานันดรต่ำกว่า เธอก็ไม่อาจทรยศต่อความรู้สึกเทิดทูนในใจได้เลย
ขณะที่เท้าเริ่มออกเคลื่อนไหวอีกครั้ง ก้อนเนื้อในอกของทริสทรี่เต้นรัวด้วยความกังวล เขาหวังว่าตัวเองจะตัดสินใจถูกต้องในการมาพบฮิโรชิอีกครั้ง ฮิโรมิทำให้พี่ชายของตนสลบและพาตัวออกไปโดยไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว อาจเพราะเธอคือน้องสาวที่ใกล้ชิดและรู้ใจพี่ชายดีที่สุดในบรรดาคนทั้งหมด หากปล่อยให้ร่ำลา เรื่องคงไม่จบง่ายๆ
ผู้จัดการเดินเข้ามาตรวจความเรียบร้อย เขามองความบกพร่องของที่เก็บกุญแจพลางขมวดคิ้ว “นิลๆ ทำไมกล่องใส่คีย์การ์ดห้องคุณฮิโรมิมันเปิดอยู่ล่ะ”
อนิลหันมาตอบผู้จัดการ วาเลนเซียกำชับให้เธอทำตัวตามปกติเพื่อลดการทิ้งร่องรอย แต่กระนั้นก็ยังสั่งห้ามมิให้เธอปากโป้งต่อเรื่องที่เกิดขึ้น “คุณฮิโรมิทำคีย์การ์ดหาย เลยมาขอใบใหม่ค่ะ”
“อะไรกัน เธอกลับมาแล้วเรอะ” ผู้จัดการทรงชัยลูบคางตนเองครุ่นคิด “ตอนนั้นเห็นเดินออกไปปนๆ กับแขกฝรั่งกลุ่มใหญ่ รึว่าจะตาฝาด? ตัวเธอน้อยเดียวเสียด้วย เจ้าพวกนั้นบังเสียแทบมิด แล้วเธอกลับมาตอนไหนล่ะ นิล ไหงกลับมาเสียไวเชียว ปกติต้องใช้เวลานานกว่านี้นี่”
“ดิฉันไม่ทราบค่ะ”
ทรงชัยมองลูกน้องที่ใช้น้ำเสียงไร้อารมณ์ด้วยความฉุนเล็กน้อย “ไม่รู้? ไม่รู้เฉพาะขากลับหรือทั้งไปทั้งกลับกันล่ะ”
“ทั้งไปและกลับค่ะ”
“แหงสิ!” เขาแหวเอา “ขนาดพูดกับฉันยังเหม่อเสียขนาดนี้เลย เอ้า! แล้วยัยญะไปไหนแล้วเนี่ย โอ้ย...! พวกเธอสองคนมันใช้ไม่ได้เลยจริงๆ!”
เมื่อลิฟต์วิ่งขึ้นมาถึงชั้นสูงสุด สิริญาเดินเข้ามาเสียบคีย์การ์ดเปิดห้องพักให้เจ้านาย ส่วนตนเองยืนรออย่างสงบเสงี่ยมรู้งาน
วาเลนเซียกางแขนของเธอกั้นระหว่างร่างของทริสทรี่และอาณาเขตของประตูที่มีไอเย็นลอดออกมา แอร์ของที่นี่เป็นระบบอัตโนมัติ หากไม่มีใครอยู่ภายในเครื่องใช้ต่างๆ จะดับลง การที่มีอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศลอดออกมาย่อมหมายความว่ามีคนอยู่ภายใน
วาเลนเซียสบตาเจ้านาย “ข้าจะเข้าไปเองเจ้าค่ะ”
ทริสทรี่สบตาเธออยู่อึดใจ ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ เขาดึงดันจะมาที่นี่ให้ได้โดยไม่สนใจคำทัดท้านใดๆ ทั้งสิ้น เพราะทราบดีว่าสำหรับวาเลนเซีย อายาซาชิก็เหมือนศัตรูคู่แค้นที่อยากกำจัดไม่ว่าในชาติใด แต่ถ้าส่งเธอให้ถึงมือฮิโรมิได้ เขาเชื่อว่าเธอคงเห็นแก่เพื่อนร่วมทางที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายวันบ้าง
วาเลนเซียสอดส่ายสายตาไปรอบๆ ที่นี่มีกลิ่นของฮิโรมิเหลืออยู่ แต่มันจางเกินไป จางเสียจนเธอรู้สึกว่ามันเป็นแค่กลิ่นตกค้างเมื่อนานมาแล้ว เข้าใจได้ว่าเดิมทีเด็กหญิงคนนั้นคงเคยแวะมาพักบ้างเป็นครั้งคราว หากทว่าในตอนนี้เจ้าตัวยังไม่อยู่ในห้อง หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ ด้วยความที่ภารกิจไม่ได้จบลงไวดั่งใจนึก
“นางไม่อยู่... นายท่าน!” เธอมองไปยังบริเวณโดยรอบอย่างร้อนรน สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือร่างไร้สติของสิริญา ซึ่งกำลังนอนทอดกายโดยไร้ร่องรอยบาดแผล
“วาเลนเซีย!”
ต้นเสียงดังมาจากห้องข้างๆ!
เมื่อมันล็อกและถูกคล้องด้วยโซ่นิรภัย เธอตัดสินใจใช้แรงทั้งหมดพังมันเข้าไปโดยไม่สนใจว่ามันจะก่อให้เกิดเสียงอึกทึกเพียงใด เธอจัดการชุดคุ้มกันทุกคนที่รออยู่ภายในห้องด้วยความโกรธถึงขีดสุด กลิ่นหอมชั้นสูงของทริสทรี่ชัดเจนมาจากห้องที่อยู่ด้านในสุด มันนำเธอเข้าไปเสมือนกุญแจนำทาง
สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือร่างของเจ้านายที่นั่งกอดเข่าอยู่ท่ามกลางแสงแดดยามเย็น สิ่งเดียวที่คลุมกายเขาไว้คือผ้านวมผืนหนาที่ช่วยให้ร่างงามยังไม่ถูกเผาให้สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน แต่มันก็ทำให้บริเวณโดยรอบของเขากลายเป็นเขตแสงแดดต้องห้ามสำหรับเธอเช่นกัน
หญิงสาวตวัดสายตามองคนที่โอบกอดร่างเจ้านายด้วยความไม่พอใจ “เจ้า!”
ฮิโรชิจุ๊ปากเบาๆ “อย่าโกรธกันสิ ฉันอุตส่าห์ไว้ชีวิตเธอเชียวนะ ไม่สิ...ต้องพูดว่าทริสทรี่ ‘ของฉัน’ ช่วยเธอไว้ต่างหากเนอะ ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในห้อง ฉันก็ดึงเขาเข้ามาพอดิบพอดีเลยล่ะ”
วาเลนเซียหรี่ตาลง ถึงทริสทรี่แทบจะไม่มีประสบการณ์ต่อสู้ แต่เขาเป็นแวมไพร์ ไม่มีทางที่จะปล่อยให้มนุษย์ตัวจ้อยผู้ไร้พลังทำให้ตนจนมุมได้ขนาดนี้หรอก
“ตอนแรกเขาก็ขัดขืนอยู่หรอก แต่พอฉันพูดว่า...ในห้องที่เธอเพิ่งเข้าไปมีระเบิด แล้วถ้าเขาไม่ตามฉันมาแต่โดยดี ร่างสวยๆ ของเธอได้กลายเป็นเศษเนื้อแน่ เขาก็ยอมอ่อนลงโดยดีเลยล่ะ ก็นะ ฉันเคยบอกเขาว่าฉันเป็นเจ้าของที่นี่ แค่เตรียมห้องแสนสวยนี้ไว้ให้เขามันง่ายแสนง่าย แล้วกับระเบิดสักลูกสองลูกทำไมจะวางไว้ให้ไม่ได้ล่ะ”
วาเลนเซียแยกเขี้ยววาววับของตนด้วยความแค้น
“ใช่ๆ ฉันรู้ว่าน้องสาวที่น่ารักของฉันจะต้องไปแวะร้านเค้กเจ้าโปรดก่อน ก็มันกิจวัตรประจำเลยนี่นะ มาที่นี่ทีไรไม่มีครั้งไหนหรอกที่เธอจะไม่ทำ เพราะงั้นฉันเลยเหลือเวลาสำหรับจัดเตรียมอะไรได้หลายอย่างเลยล่ะ” ฮิโรชิกระซิบที่ข้างหูผ่านผ้านวมผืนหนาที่คลุมร่างแวมไพร์แสนสวยที่ตนยึดเป็นเจ้าของโดยพลการ “ทั้งหมดนี้เพื่อเธอเลยนะ ที่รัก”
ทริสทรี่พึมพำ “เจ้าไม่น่าทำแบบนี้เลย ข้า...ก็ไม่น่าจะมาที่นี่เช่นกัน”
แน่นอนว่าฮิโรชิได้ยินคำพูดนั้นชัดเจน เขาแสร้งหูหนวกชั่วคราวเพื่อให้ความเจ็บปวดลึกๆ กับคำพูดที่ราวกับต้องการผลักไสของคนรักจำยอม
เสียงลงส้นหนักๆ ของรองเท้าบูทสีดำสนิทดังขึ้นเสมือนสัญญาณการมาเยือนของอาคันตุกะคนใหม่
“ถ้าอย่างนั้น...ไหนลองอธิบายมาซิ ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้นายรู้ว่าสองคนนี้จะมาที่นี่”
ทริสทรี่เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงใสนั้นช่างไม่คุ้นหูเอาเสียเลย เพียงแต่มันยังไม่ใช่เสียงของหญิงสาวที่โตเต็มที่เช่นวาเลนเซีย ไม่ใช่เสียงของเด็กหญิงตัวน้อยอย่างฮิโรมิ มันคือเสียงที่อยู่ตรงกลางระหว่างนั้น เสียงของเด็กสาวแรกรุ่น!
“ประตูหน้าเปิดไว้ ขอโทษที่ไม่ได้เคาะแล้วกันนะ” เธอกอดอกพิงวงกบประตู “เอ้า! เล่าต่อเร็วเข้าสิ นิทานกำลังสนุกเลย ฉันยังมีเวลาเหลือพอจะฟังอีกทั้งคืนเลยนะ แต่สำหรับมนุษย์อย่างนาย อีกไม่กี่ชั่วโมงแสงแดดจากดวงอาทิตย์จะดับลง แล้วอาณาเขตที่พาดตั้งแต่หน้าต่างถึงผนังก็จะยุติลง”
ทริสทรี่สบตากับเด็กสาวด้วยความไม่เข้าใจในจุดประสงค์ของการมาเยือน แต่วินาทีที่นัยเนตรสีแดงสดสบกัน สิ่งที่เขาสัมผัสได้จากเธอมีเพียงความเป็นอริอย่างรุนแรงเท่านั้น มันมากพอจะทำให้เขาต้องเลี่ยงโดยการก้มหน้าลงมองพื้นดังเดิม
ฮิโรชิวาดวงยิ้มมุมปากประหนึ่งสิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ความเป็นต่อในมือลดลง
“โอ้! ได้สิ ไม่นึกว่าสาเหตุใหญ่จะอยากฟังเองแบบนี้” เขากล่าวกับเด็กสาวที่เลิกคิ้วข้างหนึ่ง “ถึงสายข่าวเธอจะเร็วจนน่าโมโห แต่ฮิโรมิมาถึงไวเกินไป ไวชนิดที่ฉันตั้งตัวไม่ติดเลยล่ะ ตอนแรกฉันยังงอยู่เลยว่าเดวิดสหายฉันโดนสะกดจิตได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เขาใส่คอนแท็คเลนส์ พอลองโทรไปก็เลยโดนว้ากใหญ่เลย แต่นั่นก็ทำให้ฉันรู้ข้อมูลสองอย่าง”
เขาทำมือคล้ายปืนนิ้ว ชี้ไปยังร่างของเด็กสาวผู้ประดับกายด้วยสีช็อคกิ้งพิ้งค์
“อย่างแรก...นั่นคือเธอไงล่ะ เมอยาสก้า เธอรู้ที่อยู่ของฉันจากเดวิดเพราะเขาดันบอกข้อมูลกับทุกฝ่ายเสียอย่างนั้น ไม่รู้ติดนิสัยจากการยอมให้เล็คเชอร์กับเพื่อนร่วมคณะทุกคนหรือยังไงกัน”
เขาอิงศีรษะกับร่างงามใต้ผ้าคลุม
“อย่างที่สอง...นั่นคือทริสทรี่ สิ่งแรกที่ฉันทำตอนฟื้นขึ้นมาคือการสั่งให้ตามหาเขาเลยล่ะ แต่พอลูกน้องฉันรายงานว่าทั้งคู่กำลังจับตาดูเธออยู่ ฉันก็รู้ว่างานนี้ยังมีหวัง ขืนให้ชุดคุ้มกันไปจับตัวทริสทรี่เอากลางสนามบิน ไม่วาเลนเซียก็ผู้รักษาความปลอดภัยได้ฉีกอกเอาแน่ ฉันไม่รู้ว่าตกลงแล้วทำไมทริสทรี่ที่บอกว่าไม่รู้จักเธอถึงเลือกจะจับตาดู แต่สิ่งที่เข้าใจดีจากการอยู่ด้วยกันมาหลายวัน นั่นคืออุปนิสัยเขาไม่ใช่พวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านถ้าไม่จำเป็น หมายความว่าเรื่องที่ทำให้เขาสนใจเธอได้ คงใหญ่พอที่จะทำให้เขามาหาฮิโรมิ ก็นะ เธอดันสตอล์กเกอร์น้องสาวฉันเอง ฉันเลยรู้ว่าที่อยู่โรงแรมที่พูดเสียจนเขาต้องหนีรำคาญด้วยการหลับเป็นประโยชน์ขึ้นมา”
เสมือนมีศรหนักพุ่งเข้าปักกลางอกของวาเลนเซีย แวมไพร์สาวกำหมัดขบฟันแน่นกับคำบอกเล่าสบายๆ ของฮิโรชิ เพราะคนที่บอกให้ทริสทรี่รู้ถึงอันตรายจากเมอยาสก้านั่นคือเธอ!
ฮิโรมิวิ่งเข้ามาเป็นลำดับที่สาม บ้าจริงๆ! กว่าเธอจะนึกได้ว่าต้องเปิดโทรศัพท์ก็กินของหวานไปไม่รู้เท่าไหร่ ชุดคุ้มกันที่จับตาดูเหตุการณ์อยู่จึงเริ่มติดต่อได้ ซึ่งถนนหนทางเวลานี้ก็คราคร่ำไปด้วยรถน้อยรถใหญ่เสียจนการจราจรเป็นอัมพาตชั่วขณะ กว่าเธอจะมาถึงที่นี่ได้ก็ต้องใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ที่ให้ความคล่องตัว แต่ไม่เป็นมิตรต่อทรงผม ยังโชคดีที่เธอไม่ต้องทนนานเพราะระยะทางจากร้านเค้กถึงโรงแรมก็อยู่ไม่ไกล
เธอเหลือบตาดูสองร่างที่ยืนอยู่ การที่หนึ่งในนั้นเป็นเมอยาสก้าสร้างความตกใจแก่เธอเป็นอันมาก แต่จิตสังหารของเธอยังไม่เข้มข้นขนาดนั้น ตอนนี้สิ่งสำคัญของทริสทรี่ที่โดนจับเป็นตัวประกันอยู่ แสงแดดแบบนี้แวมไพร์คงทำอะไรไม่ได้ กว่าจะไปถึงได้โดนเผาเป็นเถ้ากันพอดี แต่ถ้าใช้ผ้านวม ตอนสู้อยู่กับฮิโรชิได้โดนเขาจับจุดอ่อนกระชากมันออกมาแน่ อันตรายเกินกว่าจะเสี่ยง
งั้นคงเป็นเธอเอง!
สมกับเป็นคู่พี่ชายน้องสาวฟ้าประทาน ความรู้ใจช่างมากมายสมกับที่อยู่ร่วมกันมาหลายปี ฮิโรชิควักปืนสีเงินขึ้นจ่อร่างน้องสาวโดยไม่สนใจว่าผู้ถูกเล็งจะรู้สึกเช่นไร ปลายลำกล้องที่กำลังสะท้อนแสงก่อให้เกิดภาพที่ทั้งงดงามและอันตรายในคราวเดียวกัน จิตสังหารในแววตาสีนิลคู่นั้นมากพอจะบอกให้รู้ว่าเขาฆ่าเธอได้ลง
วาเลนเซียอึ้ง การที่เขาหอบพาทริสทรี่หนีไปสถานที่แล้วสถานที่เล่า โดยไม่แตะต้องหรือทำให้ตัวการไล่ล่าต้องบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย มันทำให้เธอคิดว่าเขาให้ความสำคัญกับฮิโรมิมาก แต่ภาพที่เธอเห็นอยู่นี้กลับพลิกความคิดเธอโดยสิ้นเชิง
“ไม่นึกว่าสุดท้ายแล้วเจ้าจะหันปืนใส่น้องสาวตัวเอง อายาซาชิ”
ทริสทรี่สังเกตปลายปืนที่สั่นระริกไปชั่วขณะ เขาเหลือบมองนัยเนตรของฮิโรชิด้วยความเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังลังเล แต่ความรู้สึกที่อยู่ในแววตาคู่นั้นหาใช่สิ่งนั้นไม่ มันเป็นความหวาดกลัวระคนตกใจ ราวกับคำพูดธรรมดาๆ นั่นได้สร้างบางสิ่งบางอย่างที่ร้ายแรงมากให้เกิดขึ้น
“อายาซาชิ?” ฮิโรมิทวนคำเบาๆ ด้วยความงุนงง เธอวางมือทาบอกพลางหันไปทางวาเลนเซีย “พูดอะไรน่ะ พี่ชายไม่ใช่สักหน่อย ฉันต่างหากล่ะ อายาซาชิ!”
To be continue.
วาเลนเซียจับไหล่เขาไว้ ก่อนจะสบตาพนักงานโรงแรม “ฟังคำสั่งเรา”
ปฏิกิริยาของพนักงานเคาท์เตอร์เปลี่ยนไปทันที เธอยกมือห้ามพนักงานคนอื่นที่กำลังมองเข้ามาเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ก็จะยิ้มนบน้อมแก่อาคันตุกะทั้งสองที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมพายุแห่งความร้อนใจ
ทริสทรี่เดาได้ว่าสองพี่น้องฮิโรต้องเข้าพักในโรงแรมแห่งนี้ เพราะตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาฮิโรชิก็พูดถึงห้องพักที่จัดเตรียมไว้เป็นพิเศษ ม่านภายในถูกเปลี่ยนเป็นผ้ากำมะหยี่ทึบแสงเพื่อความสะดวกสบายของเขา แต่ในยามวิกาล มันจะหันไปทางทิวทัศน์ชมเมืองหลวงอันคราคร่ำไปด้วยแสงไฟและผู้คน ทั้งหมดนี้เพียงเพราะต้องการให้เขาประทับใจ
นัยน์ตาสีเลือดหม่นแสงลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขารับฟังมันอย่างสงบโดยไม่ใส่ใจมากมาย ถึงอย่างไร ฮิโรชิก็จัดเตรียมสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับเขาเสมอ มันคืออัตตาและความเอาแต่ใจตามประสาคนที่อยากให้คู่รักได้สิ่งที่ดีที่สุด แต่ถ้ามองอีกด้านหนึ่ง กระจกสะท้อนออกมาถึงความจริงที่ว่าทั้งหมดนั่นเพื่อความประทับใจ
ของที่ราคาแพงที่สุด ดีที่สุด สวยงามที่สุด ไม่ได้มีไว้เพื่อโอ้อวดใคร ทั้งหมดที่ทำไปเพียงหวังจะได้เห็นแววตาแห่งความปีติ แม้เพียงชั่วขณะหนึ่งก็ยังดี...
พนักงานสาวสิริญาหันมารายงาน “ติดต่อไม่ได้ค่ะ คุณผู้หญิง”
วาเลนเซียกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจ เด็กหญิงที่เดินทางมาด้วยกันกับเธอมัวไปทำอะไรอยู่ จากเวลาที่ออกมาถึงวินาทีนี้ก็นานพอสมควร หลับไปหรืออย่างไรกัน “งั้นขึ้นไปพบนางแล้วกัน”
พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ข้างกันหันมามองด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสิริญาหยิบคีย์การ์ดสำรองขึ้นมา เธอคว้าแขนเพื่อนร่วมงานไว้โดยเร็วพลางกระซิบ “ญะ! เจ้าของห้องยังไม่อนุญาต เดี๋ยวผู้จัดการก็เฉ่งลงมาหรอก"
‘ยิ่งงานนี้เป็นลูกสาวเจ้าของยิ่งแล้วใหญ่ พลาดอะไรไปได้ตกงานไม่รู้ตัวกันพอดี...’
สิริญาแกะมือของเธอออกโดยไม่ใส่ใจจนเพื่อนร่วมงานสาวงงแทบยืนไม่อยู่ อนิลตัดสินใจจะต่อสายเรียกผู้จัดการให้มาเคลียร์ปัญหานี้โดยด่วนด้วยความกลัวโดนหางเลขไปด้วย
“อย่าสอดมือมายุ่ง!”
อนิลหันไปทางต้นเสียงตามสัญชาตญาณ ฉับพลันที่สบนัยเนตรคู่นั้น บ่อน้ำโลหิตดึงสติเธอไปราวกับสูบทุกอย่างในอณูวิญญาณและห้วงความคำนึง เธอปล่อยแขนเพื่อนร่วมงานออก แล้วหันกลับไปทำหน้าที่ตามปกติตามคำสั่งเจ้านายคนใหม่ ปล่อยให้สิริญาส่งคีย์การ์ดสำรองต่อไป
หญิงสาวรับกุญแจที่มาในรูปแผ่นพลาสติกมาพลิกดูด้วยสีหน้าอึ้งๆ ก่อนจะส่งกลับไป “นำทางซิ”
เธอมองสิริญาที่กำลังเดินออกจากด้านในเคาท์เตอร์ พลางหันไปมองคนที่กำลังเหม่อ ด้วยเหตุผลที่ควรจะเป็นหรือเพราะความรู้ใจ เธอเดาได้ว่าเจ้านายกำลังคิดถึงบุคคลที่ไม่ควรคิดในสายตาเธอ ซึ่งนั่นดูจะเป็นสิ่งที่หญิงสาวรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย “ได้แล้วค่ะ นายท่าน”
วาเลนเซียอยากจะจับมือคนที่กำลังเหม่อให้วิ่งขึ้นไปยังห้องพักชั้นบนสุด แล้วกระทำจุดประสงค์ของการมาเยือนให้เสร็จสิ้นเสียที แต่การกระทำเช่นนั้นเป็นการกระทำที่เสียมารยาทต่อเจ้านาย สำหรับหญิงสาวผู้ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาให้รู้จักทั้งการเป็นเจ้านายและการได้รับการปฏิบัติจากสาวใช้ในคฤหาสน์ของตน แม้เธอจะทราบว่าทริสทรี่ไม่ถือและไม่ได้มองว่าเธอมีฐานันดรต่ำกว่า เธอก็ไม่อาจทรยศต่อความรู้สึกเทิดทูนในใจได้เลย
ขณะที่เท้าเริ่มออกเคลื่อนไหวอีกครั้ง ก้อนเนื้อในอกของทริสทรี่เต้นรัวด้วยความกังวล เขาหวังว่าตัวเองจะตัดสินใจถูกต้องในการมาพบฮิโรชิอีกครั้ง ฮิโรมิทำให้พี่ชายของตนสลบและพาตัวออกไปโดยไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว อาจเพราะเธอคือน้องสาวที่ใกล้ชิดและรู้ใจพี่ชายดีที่สุดในบรรดาคนทั้งหมด หากปล่อยให้ร่ำลา เรื่องคงไม่จบง่ายๆ
ผู้จัดการเดินเข้ามาตรวจความเรียบร้อย เขามองความบกพร่องของที่เก็บกุญแจพลางขมวดคิ้ว “นิลๆ ทำไมกล่องใส่คีย์การ์ดห้องคุณฮิโรมิมันเปิดอยู่ล่ะ”
อนิลหันมาตอบผู้จัดการ วาเลนเซียกำชับให้เธอทำตัวตามปกติเพื่อลดการทิ้งร่องรอย แต่กระนั้นก็ยังสั่งห้ามมิให้เธอปากโป้งต่อเรื่องที่เกิดขึ้น “คุณฮิโรมิทำคีย์การ์ดหาย เลยมาขอใบใหม่ค่ะ”
“อะไรกัน เธอกลับมาแล้วเรอะ” ผู้จัดการทรงชัยลูบคางตนเองครุ่นคิด “ตอนนั้นเห็นเดินออกไปปนๆ กับแขกฝรั่งกลุ่มใหญ่ รึว่าจะตาฝาด? ตัวเธอน้อยเดียวเสียด้วย เจ้าพวกนั้นบังเสียแทบมิด แล้วเธอกลับมาตอนไหนล่ะ นิล ไหงกลับมาเสียไวเชียว ปกติต้องใช้เวลานานกว่านี้นี่”
“ดิฉันไม่ทราบค่ะ”
ทรงชัยมองลูกน้องที่ใช้น้ำเสียงไร้อารมณ์ด้วยความฉุนเล็กน้อย “ไม่รู้? ไม่รู้เฉพาะขากลับหรือทั้งไปทั้งกลับกันล่ะ”
“ทั้งไปและกลับค่ะ”
“แหงสิ!” เขาแหวเอา “ขนาดพูดกับฉันยังเหม่อเสียขนาดนี้เลย เอ้า! แล้วยัยญะไปไหนแล้วเนี่ย โอ้ย...! พวกเธอสองคนมันใช้ไม่ได้เลยจริงๆ!”
เมื่อลิฟต์วิ่งขึ้นมาถึงชั้นสูงสุด สิริญาเดินเข้ามาเสียบคีย์การ์ดเปิดห้องพักให้เจ้านาย ส่วนตนเองยืนรออย่างสงบเสงี่ยมรู้งาน
วาเลนเซียกางแขนของเธอกั้นระหว่างร่างของทริสทรี่และอาณาเขตของประตูที่มีไอเย็นลอดออกมา แอร์ของที่นี่เป็นระบบอัตโนมัติ หากไม่มีใครอยู่ภายในเครื่องใช้ต่างๆ จะดับลง การที่มีอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศลอดออกมาย่อมหมายความว่ามีคนอยู่ภายใน
วาเลนเซียสบตาเจ้านาย “ข้าจะเข้าไปเองเจ้าค่ะ”
ทริสทรี่สบตาเธออยู่อึดใจ ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ เขาดึงดันจะมาที่นี่ให้ได้โดยไม่สนใจคำทัดท้านใดๆ ทั้งสิ้น เพราะทราบดีว่าสำหรับวาเลนเซีย อายาซาชิก็เหมือนศัตรูคู่แค้นที่อยากกำจัดไม่ว่าในชาติใด แต่ถ้าส่งเธอให้ถึงมือฮิโรมิได้ เขาเชื่อว่าเธอคงเห็นแก่เพื่อนร่วมทางที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายวันบ้าง
วาเลนเซียสอดส่ายสายตาไปรอบๆ ที่นี่มีกลิ่นของฮิโรมิเหลืออยู่ แต่มันจางเกินไป จางเสียจนเธอรู้สึกว่ามันเป็นแค่กลิ่นตกค้างเมื่อนานมาแล้ว เข้าใจได้ว่าเดิมทีเด็กหญิงคนนั้นคงเคยแวะมาพักบ้างเป็นครั้งคราว หากทว่าในตอนนี้เจ้าตัวยังไม่อยู่ในห้อง หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ ด้วยความที่ภารกิจไม่ได้จบลงไวดั่งใจนึก
“นางไม่อยู่... นายท่าน!” เธอมองไปยังบริเวณโดยรอบอย่างร้อนรน สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือร่างไร้สติของสิริญา ซึ่งกำลังนอนทอดกายโดยไร้ร่องรอยบาดแผล
“วาเลนเซีย!”
ต้นเสียงดังมาจากห้องข้างๆ!
เมื่อมันล็อกและถูกคล้องด้วยโซ่นิรภัย เธอตัดสินใจใช้แรงทั้งหมดพังมันเข้าไปโดยไม่สนใจว่ามันจะก่อให้เกิดเสียงอึกทึกเพียงใด เธอจัดการชุดคุ้มกันทุกคนที่รออยู่ภายในห้องด้วยความโกรธถึงขีดสุด กลิ่นหอมชั้นสูงของทริสทรี่ชัดเจนมาจากห้องที่อยู่ด้านในสุด มันนำเธอเข้าไปเสมือนกุญแจนำทาง
สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือร่างของเจ้านายที่นั่งกอดเข่าอยู่ท่ามกลางแสงแดดยามเย็น สิ่งเดียวที่คลุมกายเขาไว้คือผ้านวมผืนหนาที่ช่วยให้ร่างงามยังไม่ถูกเผาให้สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน แต่มันก็ทำให้บริเวณโดยรอบของเขากลายเป็นเขตแสงแดดต้องห้ามสำหรับเธอเช่นกัน
หญิงสาวตวัดสายตามองคนที่โอบกอดร่างเจ้านายด้วยความไม่พอใจ “เจ้า!”
ฮิโรชิจุ๊ปากเบาๆ “อย่าโกรธกันสิ ฉันอุตส่าห์ไว้ชีวิตเธอเชียวนะ ไม่สิ...ต้องพูดว่าทริสทรี่ ‘ของฉัน’ ช่วยเธอไว้ต่างหากเนอะ ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในห้อง ฉันก็ดึงเขาเข้ามาพอดิบพอดีเลยล่ะ”
วาเลนเซียหรี่ตาลง ถึงทริสทรี่แทบจะไม่มีประสบการณ์ต่อสู้ แต่เขาเป็นแวมไพร์ ไม่มีทางที่จะปล่อยให้มนุษย์ตัวจ้อยผู้ไร้พลังทำให้ตนจนมุมได้ขนาดนี้หรอก
“ตอนแรกเขาก็ขัดขืนอยู่หรอก แต่พอฉันพูดว่า...ในห้องที่เธอเพิ่งเข้าไปมีระเบิด แล้วถ้าเขาไม่ตามฉันมาแต่โดยดี ร่างสวยๆ ของเธอได้กลายเป็นเศษเนื้อแน่ เขาก็ยอมอ่อนลงโดยดีเลยล่ะ ก็นะ ฉันเคยบอกเขาว่าฉันเป็นเจ้าของที่นี่ แค่เตรียมห้องแสนสวยนี้ไว้ให้เขามันง่ายแสนง่าย แล้วกับระเบิดสักลูกสองลูกทำไมจะวางไว้ให้ไม่ได้ล่ะ”
วาเลนเซียแยกเขี้ยววาววับของตนด้วยความแค้น
“ใช่ๆ ฉันรู้ว่าน้องสาวที่น่ารักของฉันจะต้องไปแวะร้านเค้กเจ้าโปรดก่อน ก็มันกิจวัตรประจำเลยนี่นะ มาที่นี่ทีไรไม่มีครั้งไหนหรอกที่เธอจะไม่ทำ เพราะงั้นฉันเลยเหลือเวลาสำหรับจัดเตรียมอะไรได้หลายอย่างเลยล่ะ” ฮิโรชิกระซิบที่ข้างหูผ่านผ้านวมผืนหนาที่คลุมร่างแวมไพร์แสนสวยที่ตนยึดเป็นเจ้าของโดยพลการ “ทั้งหมดนี้เพื่อเธอเลยนะ ที่รัก”
ทริสทรี่พึมพำ “เจ้าไม่น่าทำแบบนี้เลย ข้า...ก็ไม่น่าจะมาที่นี่เช่นกัน”
แน่นอนว่าฮิโรชิได้ยินคำพูดนั้นชัดเจน เขาแสร้งหูหนวกชั่วคราวเพื่อให้ความเจ็บปวดลึกๆ กับคำพูดที่ราวกับต้องการผลักไสของคนรักจำยอม
เสียงลงส้นหนักๆ ของรองเท้าบูทสีดำสนิทดังขึ้นเสมือนสัญญาณการมาเยือนของอาคันตุกะคนใหม่
“ถ้าอย่างนั้น...ไหนลองอธิบายมาซิ ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้นายรู้ว่าสองคนนี้จะมาที่นี่”
ทริสทรี่เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงใสนั้นช่างไม่คุ้นหูเอาเสียเลย เพียงแต่มันยังไม่ใช่เสียงของหญิงสาวที่โตเต็มที่เช่นวาเลนเซีย ไม่ใช่เสียงของเด็กหญิงตัวน้อยอย่างฮิโรมิ มันคือเสียงที่อยู่ตรงกลางระหว่างนั้น เสียงของเด็กสาวแรกรุ่น!
“ประตูหน้าเปิดไว้ ขอโทษที่ไม่ได้เคาะแล้วกันนะ” เธอกอดอกพิงวงกบประตู “เอ้า! เล่าต่อเร็วเข้าสิ นิทานกำลังสนุกเลย ฉันยังมีเวลาเหลือพอจะฟังอีกทั้งคืนเลยนะ แต่สำหรับมนุษย์อย่างนาย อีกไม่กี่ชั่วโมงแสงแดดจากดวงอาทิตย์จะดับลง แล้วอาณาเขตที่พาดตั้งแต่หน้าต่างถึงผนังก็จะยุติลง”
ทริสทรี่สบตากับเด็กสาวด้วยความไม่เข้าใจในจุดประสงค์ของการมาเยือน แต่วินาทีที่นัยเนตรสีแดงสดสบกัน สิ่งที่เขาสัมผัสได้จากเธอมีเพียงความเป็นอริอย่างรุนแรงเท่านั้น มันมากพอจะทำให้เขาต้องเลี่ยงโดยการก้มหน้าลงมองพื้นดังเดิม
ฮิโรชิวาดวงยิ้มมุมปากประหนึ่งสิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ความเป็นต่อในมือลดลง
“โอ้! ได้สิ ไม่นึกว่าสาเหตุใหญ่จะอยากฟังเองแบบนี้” เขากล่าวกับเด็กสาวที่เลิกคิ้วข้างหนึ่ง “ถึงสายข่าวเธอจะเร็วจนน่าโมโห แต่ฮิโรมิมาถึงไวเกินไป ไวชนิดที่ฉันตั้งตัวไม่ติดเลยล่ะ ตอนแรกฉันยังงอยู่เลยว่าเดวิดสหายฉันโดนสะกดจิตได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เขาใส่คอนแท็คเลนส์ พอลองโทรไปก็เลยโดนว้ากใหญ่เลย แต่นั่นก็ทำให้ฉันรู้ข้อมูลสองอย่าง”
เขาทำมือคล้ายปืนนิ้ว ชี้ไปยังร่างของเด็กสาวผู้ประดับกายด้วยสีช็อคกิ้งพิ้งค์
“อย่างแรก...นั่นคือเธอไงล่ะ เมอยาสก้า เธอรู้ที่อยู่ของฉันจากเดวิดเพราะเขาดันบอกข้อมูลกับทุกฝ่ายเสียอย่างนั้น ไม่รู้ติดนิสัยจากการยอมให้เล็คเชอร์กับเพื่อนร่วมคณะทุกคนหรือยังไงกัน”
เขาอิงศีรษะกับร่างงามใต้ผ้าคลุม
“อย่างที่สอง...นั่นคือทริสทรี่ สิ่งแรกที่ฉันทำตอนฟื้นขึ้นมาคือการสั่งให้ตามหาเขาเลยล่ะ แต่พอลูกน้องฉันรายงานว่าทั้งคู่กำลังจับตาดูเธออยู่ ฉันก็รู้ว่างานนี้ยังมีหวัง ขืนให้ชุดคุ้มกันไปจับตัวทริสทรี่เอากลางสนามบิน ไม่วาเลนเซียก็ผู้รักษาความปลอดภัยได้ฉีกอกเอาแน่ ฉันไม่รู้ว่าตกลงแล้วทำไมทริสทรี่ที่บอกว่าไม่รู้จักเธอถึงเลือกจะจับตาดู แต่สิ่งที่เข้าใจดีจากการอยู่ด้วยกันมาหลายวัน นั่นคืออุปนิสัยเขาไม่ใช่พวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านถ้าไม่จำเป็น หมายความว่าเรื่องที่ทำให้เขาสนใจเธอได้ คงใหญ่พอที่จะทำให้เขามาหาฮิโรมิ ก็นะ เธอดันสตอล์กเกอร์น้องสาวฉันเอง ฉันเลยรู้ว่าที่อยู่โรงแรมที่พูดเสียจนเขาต้องหนีรำคาญด้วยการหลับเป็นประโยชน์ขึ้นมา”
เสมือนมีศรหนักพุ่งเข้าปักกลางอกของวาเลนเซีย แวมไพร์สาวกำหมัดขบฟันแน่นกับคำบอกเล่าสบายๆ ของฮิโรชิ เพราะคนที่บอกให้ทริสทรี่รู้ถึงอันตรายจากเมอยาสก้านั่นคือเธอ!
ฮิโรมิวิ่งเข้ามาเป็นลำดับที่สาม บ้าจริงๆ! กว่าเธอจะนึกได้ว่าต้องเปิดโทรศัพท์ก็กินของหวานไปไม่รู้เท่าไหร่ ชุดคุ้มกันที่จับตาดูเหตุการณ์อยู่จึงเริ่มติดต่อได้ ซึ่งถนนหนทางเวลานี้ก็คราคร่ำไปด้วยรถน้อยรถใหญ่เสียจนการจราจรเป็นอัมพาตชั่วขณะ กว่าเธอจะมาถึงที่นี่ได้ก็ต้องใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ที่ให้ความคล่องตัว แต่ไม่เป็นมิตรต่อทรงผม ยังโชคดีที่เธอไม่ต้องทนนานเพราะระยะทางจากร้านเค้กถึงโรงแรมก็อยู่ไม่ไกล
เธอเหลือบตาดูสองร่างที่ยืนอยู่ การที่หนึ่งในนั้นเป็นเมอยาสก้าสร้างความตกใจแก่เธอเป็นอันมาก แต่จิตสังหารของเธอยังไม่เข้มข้นขนาดนั้น ตอนนี้สิ่งสำคัญของทริสทรี่ที่โดนจับเป็นตัวประกันอยู่ แสงแดดแบบนี้แวมไพร์คงทำอะไรไม่ได้ กว่าจะไปถึงได้โดนเผาเป็นเถ้ากันพอดี แต่ถ้าใช้ผ้านวม ตอนสู้อยู่กับฮิโรชิได้โดนเขาจับจุดอ่อนกระชากมันออกมาแน่ อันตรายเกินกว่าจะเสี่ยง
งั้นคงเป็นเธอเอง!
สมกับเป็นคู่พี่ชายน้องสาวฟ้าประทาน ความรู้ใจช่างมากมายสมกับที่อยู่ร่วมกันมาหลายปี ฮิโรชิควักปืนสีเงินขึ้นจ่อร่างน้องสาวโดยไม่สนใจว่าผู้ถูกเล็งจะรู้สึกเช่นไร ปลายลำกล้องที่กำลังสะท้อนแสงก่อให้เกิดภาพที่ทั้งงดงามและอันตรายในคราวเดียวกัน จิตสังหารในแววตาสีนิลคู่นั้นมากพอจะบอกให้รู้ว่าเขาฆ่าเธอได้ลง
วาเลนเซียอึ้ง การที่เขาหอบพาทริสทรี่หนีไปสถานที่แล้วสถานที่เล่า โดยไม่แตะต้องหรือทำให้ตัวการไล่ล่าต้องบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย มันทำให้เธอคิดว่าเขาให้ความสำคัญกับฮิโรมิมาก แต่ภาพที่เธอเห็นอยู่นี้กลับพลิกความคิดเธอโดยสิ้นเชิง
“ไม่นึกว่าสุดท้ายแล้วเจ้าจะหันปืนใส่น้องสาวตัวเอง อายาซาชิ”
ทริสทรี่สังเกตปลายปืนที่สั่นระริกไปชั่วขณะ เขาเหลือบมองนัยเนตรของฮิโรชิด้วยความเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังลังเล แต่ความรู้สึกที่อยู่ในแววตาคู่นั้นหาใช่สิ่งนั้นไม่ มันเป็นความหวาดกลัวระคนตกใจ ราวกับคำพูดธรรมดาๆ นั่นได้สร้างบางสิ่งบางอย่างที่ร้ายแรงมากให้เกิดขึ้น
“อายาซาชิ?” ฮิโรมิทวนคำเบาๆ ด้วยความงุนงง เธอวางมือทาบอกพลางหันไปทางวาเลนเซีย “พูดอะไรน่ะ พี่ชายไม่ใช่สักหน่อย ฉันต่างหากล่ะ อายาซาชิ!”
To be continue.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ