เหตุใดถึงรักเธอ
เขียนโดย lambor
วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.54 น.
แก้ไขเมื่อ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 21.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) ตอนที่ 10
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ณ ผับMMG
"เอ้าหมดแก้วววว!!" เสียงไอมาอิบอกให้หมดแก้วเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ผมก็จำไม่ได้เหมือนกัน รู้แค่ว่ากระดกให้หมดแก้วเท่านั้นเอง ตาผมเริ่มลายมองอะไรก็เป็นภาพซ้อนไปหมด ผมเห็นพี่ริเคียวมีสองหัวด้วย
"พี่ริเคียว พี่มีสองหัวอะ" ผมชี้มือไปยังพี่ริเคียวที่กำลังเดินเข้ามาหาผมและเพื่อนๆ
"เนบิว มึงเมามากแล้วนะ ยังไม่หายไข้เสือกมานั่งแดกเหล้า กลับบ้าน" พี่ริเคียวดึงมือผมเพื่อให้ลุกตามไป แต่ผมยังอยากอยู่กับเพื่อนนะ
"ยังไม่กลับ ผมอยากอยู่กะเพื่อนก่อน เดี๋ยวค่อยกลับ" อ๊ากก พี่ริเคียวมีสองหัวทำหน้าโหดใส่ผมด้วย
"กลับเดี๋ยวนี้เลย มึงจะกลับดีๆหรือต้องให้กูใช่กำลัง"
"อ่อๆ กลับก็กลับ ทำไม่ต้องขู่กันด้วย เห้ยพวกมึงกูกลับก่อนนะ เดี๋ยวพ่อกูตี" ผมก็ไม่วายที่จะพูดแขวะพี่ริเคียว
"หึ โดนมากกว่าโดนตีแน่ๆ หน้ามึงตอนนี้แม่งโคตรยั่วเลยว่ะ" อยู่ๆพี่ริเคียวก็กระซิบที่ข้างหูผม ตอนนี้หน้าผมคงแดงเป็นลูกมะเขือเทศแล้วแน่เลย เพราะมันร้อนจนแทบจะระเบิด
"งั้นเปลี่ยนใจไม่กลับแล้ว" ผมกระซิบกลับไปบ้างทำเอาคนฟังหน้าตึงกันเลยทีเดียว
"แน่ใจนะ ถ้าไม่อยากอายก็จงกลับเดี๋ยวนี้" กลายเป็นผมแล้วสิที่หน้าตึง เมาก็เมายังจะมาบังคับขู่เข็นกันอีก หลังจากออกมาจากผับผมก็หลับไปโดยไม่รู้ตัวตื่นมาอีกทีก็เที่ยงของอีกวันด้วยอาการมึนหัวแบบสุดๆ
"ไงตื่นแล้วหรอ ปวดหัวล่ะสิเอากินยาก่อน รู้ว่าตัวเองไม่สบายแล้วยังจะเสือกไปแดกเหล้า มึงนี่จริงๆเลยเนบิว" โห้ย นี่แฟนหรือพ่อเนี่ยบ่นจังเลย
"ไม่ได้ปวดหัวสักหน่อย แล้วก็ไม่กินยาด้วยอยากนอน" ว่าแล้วผมก็ล้มตัวลงนอนแล้วคลุมโปงทันที
"ลุกขึ้นมาอาบน้ำ กินข้าวก่อนแล้วค่อยมานอน เมื่อคืนกลับมายังไม่ได้อาบน้ำเลยไปๆ เหม็นเน่าว่ะ" พี่ริเคียวมานอนข้างผมแล้วกอดผมไว้
"ชิ แล้วใครใช้ให้มากอดกันเล่า" ผมรีบขยับตัวหนีแขนปลาหมึกที่เกี่ยวไปเกี่ยวมาบนตัวอย่างหงุดหงิด
"พี่ริเคียวปล่อยได้แล้วจะไปอาบน้ำ"
"เดี๋ยวอาบให้ แฮ็งอยู่ไม่ใช่หรอ คงอาบน้ำไม่ไหวหรอก" พูดเสร็จพี่ริเคียวก็ลากผมเข้าไปในห้องน้ำ
"ผมแฮ็งเหล้าไม่ได้เป็นหง่อย อาบน้ำเองได้ออกไปเลย ถ้าพี่ไม่ออกไปผมจะโกรธพี่เดี๋ยวนี้ล่ะ" สุดท้ายพี่ริเคียวก็ยอมแพ้ปล่อยผมไปแต่โดยดี
สองวันผ่านไป
ผมมาเรียนตามปกติครับ ช่วงนี้ยังคงเป็นช่วงของการรับน้องอยู่ถึงแม้ว่าจะรู้สายรหัสแล้วแต่การรับน้องก็ไม่มีท่าทีว่าจะยุติลง บางวันพวกพี่ๆก็จะเรียกหา เหล่าน้องๆปีหนึ่งที่น่ารักทุกคน แล้ววันนี้ก็เช่นกันพวกพี่ๆเรียกพวกเรามารวมตัวเพื่อแจ้งกิจกรรมต่างๆที่จะเกิดขึ้น ซึ่งพวกเราทุกคนก็มากันอย่างพร้อมเพรียง
"เอาล่ะครับน้องๆทุกๆคน พี่มีข่าวจะมาแจ้ง เราจะมีกิจกรรมรับน้องพิธีบายศรีสู่ขวัญนะครับ ภายในอีกสองวันข้างหน้าที่จะถึงนี้ กำหนดการเดี๋ยวพี่กระซู้จะเป็นคนอธิบายรายละเอียดให้ฟังนะครับ" พอพี่คนที่เพิ่งพูดจบพี่คนที่ชื่อกระซู้ก็ก้าวขาออกมายืนตรงกลางและพูดแทนทันที
"กำหนดการนะครับ น้องๆมาเจอกันหน้าคณะเวลาหกโมงเย็น พิธีจะเริ่มตอนหนึ่งทุ่มตรงและสิ้นสุดในเวลาห้าทุ่มเวลาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม การแต่งกายใส่เสื้อสีขาวกางเกงขายาว น้องๆคนไหนมีอะไรสงสัยหรืออยากถามมั้ยครับ ถ้าไม่มีวันนี้ก็แยกย้ายได้ครับ"
เป็นอันว่าการประชุมสิ้นสุดลงจะบอกว่าพวกผมยังคงต้องใส่ป้ายชื่อไว้ที่คออยู่นะครับ อันใหญ่โตมโหฬารใส่กว่ากระดาษ A4สองแผ่นเย็บติดกันอีก ภายในป้ายชื่อ จะบอกรายละเอียดทุกอย่างสายรหัสมีใครบ้างพี่ลุงป้าปู่ย่ามีหมด เบอร์โทรศัพท์ รหัสนักศึกษา วันเดือนปีเกิด บัดดี้ โรคประจำตัว เบอร์โทรศัพท์ผู้ปกครอง เป็นอันว่าประวัติส่วนตัวนี้ใส่ลงไปในนี้หมดล่ะครับ
ระหว่างที่ผมและเพื่อนๆแยกย้ายแล้วกำลังจะกลับบ้านผมก็พบกับไปเนปจูนที่มายืนขวางทางพวกผมอยู่
"อ้าว น้องเนบิวลาที่รักไม่เจอกันตั้งหลายวันคิดถึงจังเลย" ไม่พูดเปล่ามันเอามืออันใหญ่ยักษ์มาเกลี่ยข้างๆแก้มผม ซึ่งผมก็ปัดออกอย่างไม่ใยดี
"มึงมีอะไรก็ว่ามา กูไม่ได้ว่างมากพอที่จะมาต่อปากต่อคำกับคนอย่างมึงหรอกนะ"
"เนบิวกูว่ารีบกันเถอะ กูไม่อยากอยู่แถวนี้นานๆ รู้สึกคันตีนว่ะ" จิ๊กซอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"เดี๋ยวสิครับน้องจิ๊กซอร์ พี่แค่อยากเสนอข้อแลกเปลี่ยนนิดๆหน่อยเรื่องทรัพย์สินของน้องเนบิวเท่านั้นเอง"
"ข้อแลกเปลี่ยนอะไรของมึง"
"ไม่ยากหรอกแค่มึงกับกูแข่งรถกัน ถ้ามึงชนะทรัพย์สินของครอบครัวมึงทั้งหมดกูจะคืนให้" ทรัพย์สินทั้งหมดเลยหรอผมจะ ได้มันมาทั้งหมดเลยหรอถ้าผมแข่งรถชนะมัน
"อย่านะโว๊ยเนบิว กูว่ามันต้องมีแผนเล่นตุกติกกะมึงแน่นอน" มาอิรีบห้ามผมแต่ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้วล่ะ นอกจากทรัพย์สินทุกอย่างที่เป็นของครอบครัวผม
"ได้ กูตกลง ที่ไหนเมื่อไหร่"
"เห้ย!!" เพื่อนๆทั้งสี่คนตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน จนหูผมแทบแตก
"พวกมึงจะตะโกนทำไมเนี่ย"
"แต่"
"แต่อะไรของมึงไอเนปจูน กลัวแพ้กูรึไง" ผมกอดอกและยิ้มให้มันด้วยสายตาที่ดูถูก
"ถ้ามึงแพ้ มึงต้องเป็นของกูแต่มึงก็ยังจะได้ทุกอย่างคืน" ห๊าา ถ้าผมแพ้ผมต้องตกเป็นของมันงั้นหรอ ฝันไปเถอะกูไม่มีวันแพ้คนอย่างมึงหรอกเนปจูน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ