สัญญา
10.0
เขียนโดย KlassicBoom
วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.14 น.
3 ตอนที่1-ชีวิตที่กำลังเปลี่ยนไป
1 วิจารณ์
6,086 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 12.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสัญญา คือสิ่งที่คนเราสร้างขึ้นเพื่อผูกมัด ไม่ว่าด้วยทางกาย จิตใจ หรือแม้แต่วิญญาณ ด้วยวิธีต่างๆมากมาย ทุกคนเคยมีคำสัญญาเป็นของตัวเองหรือกับคนอื่น เมื่อตอนเด็กที่สัญญาไปแค่เพียงคำพูดกับเพื่อน ตอนหนุ่มสัญญาใจที่มีไว้กับคนรัก ตอนเป็นผู้ใหญ่ก็สัญญาที่ทำไว้เป็นหนังสือเพื่อที่จะไม่ให้ผิดสัญญา ถ้าดูแบบนี้แล้วสัญญาแบบผู้ใหญ่คงต้องสำคัญมาก แต่ลองย้อนกลับไปดูบางครั้ง สัญญาที่เป็นเพียงคำพูดและลมปากนั้น อาจจะสำคัญที่สุดสำหรับใครบางคน
“บุญๆๆๆๆๆๆไปเล่นกันๆๆๆๆๆๆๆๆ”เสียงดังโวยวายของเด็กหญิงคนหนึ่ง จากทางหน้าบ้าน
“มาแล้วๆ” เด็กผู้ชายวิ่งออกมาจากในบ้าน
“ไปที่สวนเด็กเล่นกัน ที่นั้นมีอะไรให้เล่นเยอะเลย”
“ไปสิๆ วันนี้ว่างทั้งวันเลย” ทั้งสองเดินทางไปในทันที สวนเด็กเล่นนั้น อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก แต่ด้วยอากาศที่ร้อน ทำให้ทั้งคู่ต้องนั่งหลบแดดกันที่ศาลาแถวนั้น
“นี่บุญ โตขึ้นแล้วอยากเป็นอะไรเหรอ”
“ไม่รู้สิ แล้ว....ล่ะ”
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮิฮิ ไม่รู้ว่าจะถามทำไมเนอะ”
“เอางี้ละกัน ถ้าเรานึกออกเมื่อไหร่ จะบอกให้.....รู้เป็นคนแรกเลย”
“จริงเหรอๆ สัญญานะๆ”
“อืม สัญญาเลย”
“กริ๊งงงงงง” เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเช้าของวัน ท้องฟ้ามีหมอกปกคลุมเบาบาง อากาศที่เย็นสบายนี้มันช่างน่านอนต่อมากกว่าที่จะตื่นขึ้นเสียอีก
“ฝันเหรอ นี่เรา ไม่ได้ฝันมานานเท่าไหร่แล้วนะ ทำไมในฝันมันถึงได้รู้สึกคุ้นๆจัง อีกอย่าง ทำไมเราถึงนึกชื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ออกเลยแหะ ช่างเถอะ ไปอาบน้ำดีกว่า” ชายหนุ่มตื่นขึ้น ด้วยอารมเดียวกับคนหลายๆคนตอนนี้ที่ไม่อยากจะลุกขึ้น แต่เมื่อต้องการจะมีเงิน มีชีวิต ก็ต้องยอม
“วันนี้ก็คงเป็นอีกวัน ที่ยังคงเดิมๆ” ชายหนุ่มเดินไปทำกิจกรรมปกติของคนธรรมดาทุกคนในยามเช้า อาบน้ำ แต่งตัว แต่การแต่งตัวของเขานั้นค่อนข้างดูดี ใส่เสื้อเชิ้ต ผูกไทด์ กางเกงขายาวสีดำ เพราะเขาเป็นครูของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง นั้นยิ่งเป็นเหตุผลที่ดีว่าทำไม มันยังคงเป็นชีวิตที่เดิมๆ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เขาเพียงแค่เดินออกจากบ้านและขึ้นรถไฟฟ้าสองป้าย ออกจากเดินเท้าต่ออีกไม่ไกล นี่แหละโรงเรียนเดิมๆ ทำงานเดิมๆ โรงเรียนนี้ตั้งอยู่ตรงนี้มานานหลายช่วงอายุคน “โรงเรียนบูรณาการวิทยา”
“อาจารย์บุญสวัสดีค่ะ” นักเรียนกลุ่มหนึ่งทักทายอย่างมีมารยาท เขายิ้มทักทายกลับ
“เด็กพวกนี้ไม่คุ้นหน้าเลย จริงสิ วันนี้เปิดเทอมใหม่สินะ แต่รู้จักเราได้ไงนะ”เขาคิดพร้อมกับเดินไปที่อาคารใหญ่ตรงหน้า ใช่แล้ว เขาคืออาจารย์บุญ อาจารย์ที่สอนอยู่ที่นี้มาสองสามปีแล้ว
อาคารตรงหน้าที่เขากำลังเดินไปนั้น เป็นอาคารเข้าแถวรวมของนักเรียนทั้งหมดของโรงเรียน มีทั้งหญิงและชาย แต่วันนี้มีเหล่าครูอาจารย์ทั้งหมดอยู่ด้วยเพราะวันนี้เป็นวันปฐมนิเทศของปีการศึกษานี้ ตอนนี้เวลา ๙ โมง ซึ่งเป็นเวลาที่อาจารย์ใหญ่ขึ้นกล่าวต้อนรับ
“วันนี้ วันที่๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ เป็นวันแรกของปีการศึกษานี้ เป็นวันแรกของนักเรียนและอาจารย์ใหม่ของเรา ขอต้อนรับอย่างใจจริง ไม่ว่าพวกคุณจะมาจากไหนเข้ามาได้ยังไง ผมก็ยอมรับเป็นครอบครัวของที่นี่อย่างเต็มภาคภูมิ สิ่งที่ผมเชื่ออย่างที่สุดคือไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่พวกคุณก็ถูกรับเลือกมาว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ขอให้มีความสุข สวัสดี”
“นักเรียนเคารพ” หลังจากที่ประธานนักเรียนสั่งกล่าวทำความเคารพ อาจารย์ใหญ่จึงเดินลงจากแท่นกล่าว ทันทีนั้นอาจารย์หญิงท่านหนึ่งก็เดินขึ้นไปกล่าวต่อ
“ขอให้นักเรียนทุกคนไปที่ห้องเรียนของตัวเองเพื่อที่จะได้จัดที่นั่งและทำความรู้จักทั้งกันทั้งอาจารย์และนักเรียน” พอกล่าวเสร็จนักเรียนและอาจารย์ทุกคนแยกตัวกันไปตามห้องต่างๆทันที
โรงเรียนแห่งนี้มีความพิเศษ เพราะมีอาคารสองอาคารที่แยกกันโดยมีการเรียนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
อาคารที่ ๑ นั้นเป็นการเรียนการสอนแบบปกติธรรมดาอย่าง อังกฤษ คณิตศาสตร์ อาคารมีทั้งหมด ๖ ชั้น แต่ล่ะชั้นก็มีการเรียนการสอนที่แตกต่างกันไป
อาคารที่ ๒ มี ๘ ชั้น มีการเรียนการสอนในแบบศิลปะของแขนงต่างๆ ทั้งการวาดรูป การเต้น การดนตรี ทั้งไทยและสากล ชั้นที่ใช้ในการเรียนนั้นมีเพียงแค่ ๔ ชั้น ส่วนที่เหลือนั้น ไว้สำหรับกิจกรรมและห้องซ้อมดนตรีส่วนตัวของนักเรียน
หลังจากที่นักเรียนได้เข้าห้องเรียนครบแล้ว อาจารย์ประจำห้องก็เริ่มทำการชี้แจ้งร่วมถึงห้องของอาจารย์บุญ
“สวัสดีครับนักเรียนทุกคน เนื่องจากในการเรียนการสอนของคณะศิลปะของเรา ซึ่งเป็นสาขาดนตรีสากลนี้เป็นแบบพิเศษที่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเรียนได้ จึงมีการแบ่งนักเรียนออกเป็นหลายห้องและมีจำนวนนักเรียนในแต่ล่ะชั้นน้อย เพื่อที่จะได้เรียนและสอนกันอย่างเต็มที่ ในห้องเรียน ของม.๔ ห้องที่ ๕ นี้ มีผม อาจารย์บารมี เป็นอาจารย์ประจำชั้น เรียกอาจารย์บุญก็ได้นะ เอาล่ะยังไงก็เลือกที่นั่งกันตามสบาย อีกอย่างหนึ่งการที่มาอยู่ห้องที่ ๕ นี้ ไม่ใช่การจัดลำดับความสามารถแต่อย่างใดขอให้ทุกคนสบายใจได้” อาจารย์บุญยิ้ม และนั่งลงที่โต๊ะอาจารย์ด้านหน้ารอให้นักเรียนเลือกที่นั่งกันตามใจชอบ
“อาจารย์ขา จัดยังไงก็ได้เหรอคะ”
“ตามสบายเลย ตามถนัด”
“อาจารย์ครับชายหญิงนั่งติดกันได้ไหมครับ”
“ตามสบายเลยๆ” ระหว่างที่นักเรียนกำลังเลือกที่นั่งกัน มีอาจารย์หญิงท่านหนึ่งเดินเข้ามาในห้องอย่างลุกลี้ลุกลน
“ขอโทษนะคะอาจารย์บุญ จะให้นักเรียนจัดห้องกันยังไงเหรอคะ”
“ถ้าเป็นห้องผมก็จัดตามใจนักเรียนยังงี้ล่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณคือ”
“อาจารย์ใหม่ค่ะ เรียกว่านุ่นก็ได้ค่ะ เป็นอาจารย์ประจำชั้นของห้องข้างๆค่ะ คือนุ่นพึ่งมาวันนี้ค่ะ เลยยังงงๆอยู่บ้างอ่ะค่ะ”เธอพูดด้วยท่าทีเคอะเขิน
“ครับ ยังไงก็ถามผมได้ทุกเมื่อนะครับ จะให้ผมไปดูที่ห้องไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ลองมาถามความเห็นดูล่ะค่ะ” เธอเดินออกไปจากห้อง ด้วยท่าทีที่ยังดูลุกลี้ลุกลน อาจารย์บุญเห็นท่าทีอย่างนั้นเลยเดินตามไปดูที่ห้องของเธอ
“อาจารย์บุญๆ มีอะไรรึเปล่าครับ” นักเรียนคนหนึ่งถาม
“อ้าว กายนี่นา ไม่นึกเลยนะว่าจะได้เจอกันที่นี่”
“ก็อาจารย์บุญสอนอยู่ที่นี่ผมจะพลาดได้ยังไงล่ะครับ”
“ดีแล้วล่ะ แล้วอาจารย์ประจำชั้นล่ะ”
“เห็นเดินเข้ามาดูพวกผมแล้วเดินออกไปเลยครับ ไม่พูดอะไรซักคำ”
“ก็เรียบร้อยดีนิ ยังไงก็รออาจารย์อยู่เงียบๆล่ะกันนะ” เขาเดินออกจากห้องกลับไปที่ห้องของตัวเอง
ในระหว่างที่เดินกลับห้องก็เขาก็ได้ยินเสียงดังมากๆมาจากห้องถัดไปเขาเดินไปดูทันทีว่ามีอะไร ก็ได้เห็นอาจารย์หญิงคนหนึ่งพูดจาเสียงดังอยู่หน้าห้อง
“เธอนั่งตรงนี้สิ เอาล่ะนั่งคละกันอย่างนี่แหละไม่ต้องเลือก ยังไงก็ทำความรู้จักกันไว้นะ อาจารย์เองก็จะรีบๆทำความรู้จักกับทุกคนให้ไวๆนะ อ้าวใครมายืนอยู่หน้าห้องน่ะ เข้ามาสินักเรียนใหม่เหรอนั้น”
“เอ่อ ผมเป็นอาจารย์ประจำชั้นห้อง ๕ น่ะครับ”
“ขอโทษค่ะ คือฉันมองไม่ค่อยเห็น เพิ่งใส่คอนแทคเลนส์วันแรก ว่าแต่มีอะไรรึเปล่าคะ”
“ได้ยินเสียงดังแต่ไกลน่ะครับเลยมาดูซักหน่อย คุณคงเป็นอาจารย์ใหม่สินะครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“คะๆ” อาจารย์บุญยิ้มรับแล้วเดินกลับห้องของเขา ตอนนี้ที่ห้องของเขาก็เรียบร้อยดีแล้ว
“เอาล่ะ เรียบร้อยกันดีแล้วสินะ วันนี้ไม่มีอะไรมาก ผมจะให้ทุกคนได้คุยกันเองตามสบาย นี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วพอเสียงกระดิ่งดังก็เชิญพักได้เลยนะ ช่วงบ่ายเราค่อยมาเริ่มการเรียนการสอนกันเบาๆนะ”
“ครับ/ค่ะ” พูดจบเขาเดินไปนั่งที่โต๊ะ เปิดสมุดดูรายชื่อและรูปนักเรียนแต่ละคน เพื่อที่จะจดจำใบหน้าและชื่อของนักเรียนทุกคน เป็นวิธีที่จะทำเขานั้นได้รู้จักนักเรียนทุกคนในชั้นได้ง่ายขึ้น เริ่มจากจดจำชื่อของนักเรียนทุกคนและค่อยเขาไปคุยพูดคุยกับนักเรียนแต่ละคนให้ได้รู้จักชื่อเล่น อุปนิสัย รวมถึงจุดเด่นจุดด้อยต่างๆของนักเรียนเหล่านั้น เขาทำอย่างนี้มาหลายปีแล้ว เพราะแบบนี้นักเรียนหลายๆคนจึงรู้จักเขาถึงขั้นสนิทกับเขาเลยก็มี
“กิ่ง ก่องๆ” สัญญาณพักเที่ยงดังขึ้น นักเรียนที่ได้เริ่มทำความรู้จักกันบ้างแล้วต่างจับกลุ่มกัน เดินออกไปพร้อมกัน บ้างก็เดินไปคนเดียวเพราะยังไม่สนิทหรือไม่รู้วิธีหาเพื่อน พวกนี้แหละที่เขาจะเข้าไปทำความรู้จักก่อนเป็นอันดับแรก
เขาลองเดินไปดูนักเรียนที่ไม่ได้จับกลุ่มกับใครเพื่อจะไปทักทายและทำความรู้จัก เขาเจอนักเรียนคนหนึ่งเป็นนักเรียนหญิงท่าทางเงียบๆหมองๆ เขาจึงเดินไปใกล้ๆอย่างยิ้มแย้มแล้วกล่าวทักทาย
“ไง ทำไมเธอถึงเดินคนเดียวล่ะ” นักเรียนหญิงมองหน้าใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขาไม่พูดอะไรและเดินต่อไป เขาถึงกับอึ้งเล็กน้อยกับใบหน้าบอกบุญไม่รับของเธอ แต่เขาก็ไม่ล่ะความพยายาม แล้วเข้าไปทักอีก
“โทษนะ มีปัญหาอะไรกับการเรียนวันแรกไหม ดูไม่ค่อยสนุกนะ”
“หนูไม่มีปัญหาอะไรค่ะ หนูขอตัวนะคะเดี๋ยวเวลาพักเที่ยงของหนูจะหมดก่อนที่จะได้ทานข้าว” เธอพูดโดยไม่มองเขาเลยแม้แต่นิด ทิ้งไว้แต่ความสงสัยในคำพูดของเธอ สร้างความกังวลใจให้กับเขาไม่น้อย
“นี่เราทำอะไรผิดรึเปล่า ดูท่าทางจะต้องจับดูเป็นพิเศษซะแล้วสิ” เขาเดินคิ้วขมวดและครุ่นคิดในใจพลางเดินไปโรงอาหารเพื่อหาอะไรทาน
โรงอาหารแห่งนี้มีความหลากหลายของอาหารอยู่ไม่น้อย เพราะมีแบ่งออกเป็นหลายประเภท อย่างน้อยก็ทำให้อาจารย์บุญคนนี้ไม่เคยออกไปหาทานข้างนอกตลอดวันที่อยู่ในโรงเรียนแห่งนี้
หลังจากที่เขาไปซื้อข้าวที่เขาต้องการมาแล้วก็หาที่นั่งว่างๆนั่งลง แน่นอนสำหรับเขาแล้วต้องมานั่งในที่โซนนักเรียนเพื่อค่อยสังเกตนักเรียนคนอื่นๆ
“อ้าว อาจารย์คนเมื่อกี้นี่”
“คุณนั้นเองเป็นยังไงบ้างครับ สำหรับการเป็นอาจารย์วันแรก”
“ก็ดีค่ะ ตรงนี้ยังว่างใช่ไหมคะ ขอนั่งด้วยนะ”
“เชิญครับๆตามสบายเลย”
“คือฉันยังไม่รู้ชื่อคุณเลย”
“บารมีครับ เรียกบุญก็ได้ครับ”
“ฉันหมิวค่ะ อาจารย์วิลดา”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับอาจารย์หมิว ดูแล้วคุณคงสอนไวโอลินสินะ”
“เดาเก่งจังเลย ฉันเดาไม่ออกเลยว่าคุณเล่นอะไร”
“เปียโนครับ ไม่เก่งซะด้วย”
“ถ่อมตัวจัง ไม่เก่งจริงคงไม่ได้เป็นหัวหน้าฝ่ายทฤษฎีหรอก”
“ก็รู้เยอะกว่าคนอื่นนิดหน่อยน่ะครับ ว่าแต่คุณนี่เสียงดังดีนะครับ ถ้าไม่เห็นรอยดำๆที่คอนั้นคงคิดว่าเป็นนักร้องซะอีก”
“พอดีว่าเคยร้องเพลงอยู่น่ะ แต่ไม่ค่อยดีซะเท่าไหร่ คุณนี่ชั่งสังเกตจริงๆ แต่เจอกันครั้งแรกก็มามองตรงคอกันแบบนี้ มันแปลกๆนะ”
“ก็มันเด่นขนาดนั้นนิครับ ผมว่าเราทานข้าวกันดีกว่านะครับ ที่นี่แม้แต่อาจารย์เวลาพักก็มีค่ามากๆนะครับ”
“ก็ดีค่ะ” ทั้งคู่ทานข้าวไปพลางคุยไป หลังจากทั้งคู่ทานเสร็จ ก็ได้เดินไปที่ร้านกาแฟไม่ไกลจากที่นั้น นั่งคุยกันต่อ
“คุณบอกว่าไม่เก่งแต่ก็เคยไปเล่นเปียโนตามโรงแรมดังๆมาหลายที่แล้ว ยังงี้คงไม่ธรรมดาแล้วละมั้ง”
“อย่าชมผมเลยครับ มันธรรมดาจะตายครับ ก็มีรับงานนอกบ้างอะไรบ้าง คุณเองก็คงต้องมีสินะครับ”
“ไม่มีหรอกค่ะ สำหรับไวโอลิน แต่เรื่องร้องเพลงก็มีบ้างนิดหน่อยเอง เงินไม่ได้เยอะอะไรเลย”
“แค่ได้ร้องเพลงตามงานได้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาเหมือนกันล่ะครับ”
”แล้วคุณยังเล่นที่ไหนอยู่บ้างล่ะ คงมีเยอะแน่ๆเลย”
“ไม่มีเลยครับ”
“เอ๋ คุณต้องล้อฉันเล่นแน่เลย”
“จริงๆครับแค่สอนอยู่นี่ ผมก็แย่แล้ว อีกอย่างผมก็ขี้เกียจนิดหน่อยน่ะครับ”
“อ่ะคะๆ คงทำมาเยอะจนอยากพักบ้างอะไรบ้างสินะ”
“เสียงกริ่งดังแล้วคงต้องขอตัวก่อนนะครับ”
“คุยกับคุณนี้สนุกดี ถ้าไม่รังเกียจพักเที่ยงต่อๆไปเรามาคุยกันอีกนะ”
“ยินดีครับ” เธอขอตัวแล้วเดินจากไป เขามองเธอจนพ้นสายตา ไม่รู้เพราะอะไร มันทำให้เขานั้นได้รู้สึกถึงบางสิ่งที่เขาทิ้งมานานแล้ว แต่ไม่ทันได้รำลึกถึงความหลัง เขาไม่รอช้ารีบเดินไปที่ห้องสอนของเขาในทันที
“เอาล่ะ เรามาเริ่มปรับพื้นฐานกันซักเล็กน้อย ก่อนเรียนจริงวันพรุ่งนี้นะ” เขาเริ่มสอนนักเรียนไปที่ละน้อยจากนับ ๑ ไปอย่างรวดเร็ว โดยที่เขาให้นักเรียนทุกคนได้มีส่วนรวมในการเรียนการสอนนี้อย่างที่สุด เป็นการทำให้เขาได้สังเกตเห็นความเฉลียวฉลาดของแต่ละคนได้
แต่ก็ยังทำให้เขาติดใจอยู่คนหนึ่งคือนักเรียนหญิงที่เงียบๆคนนั้น เธอสามารถตอบคำถามได้ดีกว่าคนอื่น และมีความเข้าใจอย่างดียิ่ง แต่ด้วยท่าทางเหงาๆซึมๆนั้น มันทำให้เขาต้องทำอะไรซักอย่างกับเธอ เขาคิดพลางสอนไปเรื่อยๆ
“ขอโทษนะคะ” เสียงมาจากนอกห้อง
“อ้าว อาจารย์นุ่น” เขาเดินออกไปหาเธอทันที
“มีอะไรให้ช่วยเหรอครับ“
”คือว่านุ่นไม่รู้ว่าจะสอนยังไงต่ออ่ะค่ะ ในการปรับพื้นฐานของนักเรียน นุ่นเริ่มจะงงเองแล้วน่ะค่ะ”
” เอางี้แล้วกันนะครับผมจะไปที่ห้องของคุณแล้วมาดูว่าเราจะต่อยังไงกัน”
“จะดีเหรอคะ แล้วนักเรียนของคุณล่ะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ นักเรียนในห้องผมหัวไวมาก สอนมาได้ไกลแล้วเดี๋ยวให้เขาพักสมองกันซักนิด ระหว่างนี้ผมจะไปดูที่ห้องคุณนุ่นก่อนดีกว่าครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ” เธอเดินกลับห้องไปด้วยท่าที่ยังคงลุกลี้ลุกลน
“นักเรียนทุกคนพักกันก่อนนะเดี๋ยวผมมา” เขาเดินไปที่ห้องของอาจารย์นุ่นมองดูที่กระดานแล้วซักถามนักเรียนถึงการเรียนการสอนเมื่อกี้นี่ แล้วจึงเริ่มสอนต่อจากอาจารย์นุ่นทันที
เขาได้ให้อาจารย์นุ่นยืนดูเขาสอนอยู่ข้างหลังห้องเพื่อค่อยสังเกตการสอนของเขา หลังจากที่เขาสอนไปได้ระดับหนึ่งแล้ว เขาก็ให้เธอสอนต่อจากเขาและแนะนำอีกนิดหน่อย ก่อนที่จะกลับห้อง
“เอาล่ะ พักกันพอแล้วนะเรามาต่อกันสักหน่อยก็คงจะได้กลับบ้านกันแล้ว” เขาสอนในห้องต่อจนถึงบทที่สามารถจะต่อไปถึงพรุ่งนี้ได้
“กิ๊งก่อง” เมื่อเสียงกริ๊งดังตอนนี้นั้นหมายถึงหมดเวลาเรียนของวันนี้แล้ว
“หวังว่าทุกคนคงเข้าใจทุกอย่างได้เป็นอย่างดีแล้วนะ ถ้ามีอะไรสงสัยให้มาหาผมได้เลยนะ”
“นักเรียนเคารพ” นักเรียนแต่ล่ะคนบ้างก็เก็บกระเป๋า บ้างก็เดินมาถามข้อสงสัยที่เก็บไว้จากชั่วโมงเรียนก่อนหน้า แต่อาจารย์บุญก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตนักเรียนคนหนึ่ง
ระหว่างที่เขาตอบข้อสงสัยนักเรียน เขาเห็นนักเรียนหญิงคนนั้นยังนั่งอยู่ที่โต๊ะมองไปนอกหน้าต่าง ด้วยหน้าตาที่ตายด้านของเธอ ที่เหมือนมีอะไรในใจให้ต้องทำหน้าแบบนั้น เขายังคงตอบข้อสงสัยให้กับนักเรียนทุกคนที่เข้ามาซักถามจนหมด จนถึงตอนนี้แล้ว เธอก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมและมองมุมเดิม เขาจึงเดินเข้าไปหา
“คนอื่นก็กลับหมดแล้ว เธอยังไม่กลับอีกเหรอ”
“หนูไม่ได้กลับกับใครอยู่แล้ว หนูไม่เห็นจะต้องรีบร้อนนี่คะ” เธอมองหน้าเขาด้วยสายตาอันแสนเย็นชา เขารู้สึกอึ้งกับสายตาของนักเรียนคนนี้อีกครั้ง
“เอาเถอะ คงต้องรีบแล้วล่ะตอนนี้ เพราะจะไม่มีใครอยู่แล้วมันจะอันตรายนะ ต้องกลับคนเดียวสินะ ให้ไปส่งไหม” ยังไม่ทันจะขาดคำเธอก็ลุกขึ้นเดินออกไปทันที โดยที่ตรงดิ่งไปอย่างไม่สนใจใคร
“เดี๋ยวสิ” เขาเดินตามไปแทบไม่ทัน แต่ก็ไม่ได้เดินประกบกันไป ค่อยเดินตามอยู่ห่างๆจนถึงหน้าโรงเรียน อยู่ๆเธอก็หยุดแล้วหันกลับมามอง ด้วยท่าทีเดิมๆของเธอ
“อาจารย์เดินตามหนูมาทำไมเหรอคะ”
“ก็เธอจะเดินกลับคนเดียวในเวลานี้ ผมเป็นอาจารย์ก็ต้องดูแลจนกว่าจะถึงที่ที่ไม่อันตราย อย่างน้อยก็ส่งเธอขึ้นรถ”
เธอมองหน้าอยู่อย่างนั้น จนเวลาผ่านไปซักพัก อาจารย์บุญรู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรบนใบหน้าของเธอเลย ทำให้เขาอดคิดไม่ได้
"ตั้งแต่เราอยู่ที่นี้มา ถึงไม่นานเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยเจอนักเรียนที่เป็นแบบนี้มาก่อนเลยแหะ”
“อาจารย์คะ......”
“วะ ว่าไง” เขาตกใจกับเสียงเรียกของเธอในระหว่างที่เขาครุ่นคิดอยู่
“ที่อาจารย์เข้ามาคุยกับหนูแล้วยังตามมาจนถึงตรงนี้.........”
“กะ ก็ด้วยความปลอดภัยของเธอเองนะ”
“ทั้งๆที่หนูเป็นแบบนี้......”
“ไม่มีแบ่งแยกหรอกนะ”
“..........”เธอเงียบไป และยังคงมองหน้าเขาเหมือนเดิม ทำให้บรรยากาศในตอนนั้นช่างดูตรึงเครียด อาจารย์บุญถึงกับเหงื่อตก รอลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ
“เออ ถ้าเธอรำคาญ ผมก็จะยืนดูตรงอยู่นี้ จนกว่าจะสุดสายตาล่ะกัน”
“อาจารย์ชอบหนูเหรอคะ”
“บุญๆๆๆๆๆๆไปเล่นกันๆๆๆๆๆๆๆๆ”เสียงดังโวยวายของเด็กหญิงคนหนึ่ง จากทางหน้าบ้าน
“มาแล้วๆ” เด็กผู้ชายวิ่งออกมาจากในบ้าน
“ไปที่สวนเด็กเล่นกัน ที่นั้นมีอะไรให้เล่นเยอะเลย”
“ไปสิๆ วันนี้ว่างทั้งวันเลย” ทั้งสองเดินทางไปในทันที สวนเด็กเล่นนั้น อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก แต่ด้วยอากาศที่ร้อน ทำให้ทั้งคู่ต้องนั่งหลบแดดกันที่ศาลาแถวนั้น
“นี่บุญ โตขึ้นแล้วอยากเป็นอะไรเหรอ”
“ไม่รู้สิ แล้ว....ล่ะ”
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮิฮิ ไม่รู้ว่าจะถามทำไมเนอะ”
“เอางี้ละกัน ถ้าเรานึกออกเมื่อไหร่ จะบอกให้.....รู้เป็นคนแรกเลย”
“จริงเหรอๆ สัญญานะๆ”
“อืม สัญญาเลย”
“กริ๊งงงงงง” เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเช้าของวัน ท้องฟ้ามีหมอกปกคลุมเบาบาง อากาศที่เย็นสบายนี้มันช่างน่านอนต่อมากกว่าที่จะตื่นขึ้นเสียอีก
“ฝันเหรอ นี่เรา ไม่ได้ฝันมานานเท่าไหร่แล้วนะ ทำไมในฝันมันถึงได้รู้สึกคุ้นๆจัง อีกอย่าง ทำไมเราถึงนึกชื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ออกเลยแหะ ช่างเถอะ ไปอาบน้ำดีกว่า” ชายหนุ่มตื่นขึ้น ด้วยอารมเดียวกับคนหลายๆคนตอนนี้ที่ไม่อยากจะลุกขึ้น แต่เมื่อต้องการจะมีเงิน มีชีวิต ก็ต้องยอม
“วันนี้ก็คงเป็นอีกวัน ที่ยังคงเดิมๆ” ชายหนุ่มเดินไปทำกิจกรรมปกติของคนธรรมดาทุกคนในยามเช้า อาบน้ำ แต่งตัว แต่การแต่งตัวของเขานั้นค่อนข้างดูดี ใส่เสื้อเชิ้ต ผูกไทด์ กางเกงขายาวสีดำ เพราะเขาเป็นครูของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง นั้นยิ่งเป็นเหตุผลที่ดีว่าทำไม มันยังคงเป็นชีวิตที่เดิมๆ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เขาเพียงแค่เดินออกจากบ้านและขึ้นรถไฟฟ้าสองป้าย ออกจากเดินเท้าต่ออีกไม่ไกล นี่แหละโรงเรียนเดิมๆ ทำงานเดิมๆ โรงเรียนนี้ตั้งอยู่ตรงนี้มานานหลายช่วงอายุคน “โรงเรียนบูรณาการวิทยา”
“อาจารย์บุญสวัสดีค่ะ” นักเรียนกลุ่มหนึ่งทักทายอย่างมีมารยาท เขายิ้มทักทายกลับ
“เด็กพวกนี้ไม่คุ้นหน้าเลย จริงสิ วันนี้เปิดเทอมใหม่สินะ แต่รู้จักเราได้ไงนะ”เขาคิดพร้อมกับเดินไปที่อาคารใหญ่ตรงหน้า ใช่แล้ว เขาคืออาจารย์บุญ อาจารย์ที่สอนอยู่ที่นี้มาสองสามปีแล้ว
อาคารตรงหน้าที่เขากำลังเดินไปนั้น เป็นอาคารเข้าแถวรวมของนักเรียนทั้งหมดของโรงเรียน มีทั้งหญิงและชาย แต่วันนี้มีเหล่าครูอาจารย์ทั้งหมดอยู่ด้วยเพราะวันนี้เป็นวันปฐมนิเทศของปีการศึกษานี้ ตอนนี้เวลา ๙ โมง ซึ่งเป็นเวลาที่อาจารย์ใหญ่ขึ้นกล่าวต้อนรับ
“วันนี้ วันที่๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ เป็นวันแรกของปีการศึกษานี้ เป็นวันแรกของนักเรียนและอาจารย์ใหม่ของเรา ขอต้อนรับอย่างใจจริง ไม่ว่าพวกคุณจะมาจากไหนเข้ามาได้ยังไง ผมก็ยอมรับเป็นครอบครัวของที่นี่อย่างเต็มภาคภูมิ สิ่งที่ผมเชื่ออย่างที่สุดคือไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่พวกคุณก็ถูกรับเลือกมาว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ขอให้มีความสุข สวัสดี”
“นักเรียนเคารพ” หลังจากที่ประธานนักเรียนสั่งกล่าวทำความเคารพ อาจารย์ใหญ่จึงเดินลงจากแท่นกล่าว ทันทีนั้นอาจารย์หญิงท่านหนึ่งก็เดินขึ้นไปกล่าวต่อ
“ขอให้นักเรียนทุกคนไปที่ห้องเรียนของตัวเองเพื่อที่จะได้จัดที่นั่งและทำความรู้จักทั้งกันทั้งอาจารย์และนักเรียน” พอกล่าวเสร็จนักเรียนและอาจารย์ทุกคนแยกตัวกันไปตามห้องต่างๆทันที
โรงเรียนแห่งนี้มีความพิเศษ เพราะมีอาคารสองอาคารที่แยกกันโดยมีการเรียนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
อาคารที่ ๑ นั้นเป็นการเรียนการสอนแบบปกติธรรมดาอย่าง อังกฤษ คณิตศาสตร์ อาคารมีทั้งหมด ๖ ชั้น แต่ล่ะชั้นก็มีการเรียนการสอนที่แตกต่างกันไป
อาคารที่ ๒ มี ๘ ชั้น มีการเรียนการสอนในแบบศิลปะของแขนงต่างๆ ทั้งการวาดรูป การเต้น การดนตรี ทั้งไทยและสากล ชั้นที่ใช้ในการเรียนนั้นมีเพียงแค่ ๔ ชั้น ส่วนที่เหลือนั้น ไว้สำหรับกิจกรรมและห้องซ้อมดนตรีส่วนตัวของนักเรียน
หลังจากที่นักเรียนได้เข้าห้องเรียนครบแล้ว อาจารย์ประจำห้องก็เริ่มทำการชี้แจ้งร่วมถึงห้องของอาจารย์บุญ
“สวัสดีครับนักเรียนทุกคน เนื่องจากในการเรียนการสอนของคณะศิลปะของเรา ซึ่งเป็นสาขาดนตรีสากลนี้เป็นแบบพิเศษที่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเรียนได้ จึงมีการแบ่งนักเรียนออกเป็นหลายห้องและมีจำนวนนักเรียนในแต่ล่ะชั้นน้อย เพื่อที่จะได้เรียนและสอนกันอย่างเต็มที่ ในห้องเรียน ของม.๔ ห้องที่ ๕ นี้ มีผม อาจารย์บารมี เป็นอาจารย์ประจำชั้น เรียกอาจารย์บุญก็ได้นะ เอาล่ะยังไงก็เลือกที่นั่งกันตามสบาย อีกอย่างหนึ่งการที่มาอยู่ห้องที่ ๕ นี้ ไม่ใช่การจัดลำดับความสามารถแต่อย่างใดขอให้ทุกคนสบายใจได้” อาจารย์บุญยิ้ม และนั่งลงที่โต๊ะอาจารย์ด้านหน้ารอให้นักเรียนเลือกที่นั่งกันตามใจชอบ
“อาจารย์ขา จัดยังไงก็ได้เหรอคะ”
“ตามสบายเลย ตามถนัด”
“อาจารย์ครับชายหญิงนั่งติดกันได้ไหมครับ”
“ตามสบายเลยๆ” ระหว่างที่นักเรียนกำลังเลือกที่นั่งกัน มีอาจารย์หญิงท่านหนึ่งเดินเข้ามาในห้องอย่างลุกลี้ลุกลน
“ขอโทษนะคะอาจารย์บุญ จะให้นักเรียนจัดห้องกันยังไงเหรอคะ”
“ถ้าเป็นห้องผมก็จัดตามใจนักเรียนยังงี้ล่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณคือ”
“อาจารย์ใหม่ค่ะ เรียกว่านุ่นก็ได้ค่ะ เป็นอาจารย์ประจำชั้นของห้องข้างๆค่ะ คือนุ่นพึ่งมาวันนี้ค่ะ เลยยังงงๆอยู่บ้างอ่ะค่ะ”เธอพูดด้วยท่าทีเคอะเขิน
“ครับ ยังไงก็ถามผมได้ทุกเมื่อนะครับ จะให้ผมไปดูที่ห้องไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ลองมาถามความเห็นดูล่ะค่ะ” เธอเดินออกไปจากห้อง ด้วยท่าทีที่ยังดูลุกลี้ลุกลน อาจารย์บุญเห็นท่าทีอย่างนั้นเลยเดินตามไปดูที่ห้องของเธอ
“อาจารย์บุญๆ มีอะไรรึเปล่าครับ” นักเรียนคนหนึ่งถาม
“อ้าว กายนี่นา ไม่นึกเลยนะว่าจะได้เจอกันที่นี่”
“ก็อาจารย์บุญสอนอยู่ที่นี่ผมจะพลาดได้ยังไงล่ะครับ”
“ดีแล้วล่ะ แล้วอาจารย์ประจำชั้นล่ะ”
“เห็นเดินเข้ามาดูพวกผมแล้วเดินออกไปเลยครับ ไม่พูดอะไรซักคำ”
“ก็เรียบร้อยดีนิ ยังไงก็รออาจารย์อยู่เงียบๆล่ะกันนะ” เขาเดินออกจากห้องกลับไปที่ห้องของตัวเอง
ในระหว่างที่เดินกลับห้องก็เขาก็ได้ยินเสียงดังมากๆมาจากห้องถัดไปเขาเดินไปดูทันทีว่ามีอะไร ก็ได้เห็นอาจารย์หญิงคนหนึ่งพูดจาเสียงดังอยู่หน้าห้อง
“เธอนั่งตรงนี้สิ เอาล่ะนั่งคละกันอย่างนี่แหละไม่ต้องเลือก ยังไงก็ทำความรู้จักกันไว้นะ อาจารย์เองก็จะรีบๆทำความรู้จักกับทุกคนให้ไวๆนะ อ้าวใครมายืนอยู่หน้าห้องน่ะ เข้ามาสินักเรียนใหม่เหรอนั้น”
“เอ่อ ผมเป็นอาจารย์ประจำชั้นห้อง ๕ น่ะครับ”
“ขอโทษค่ะ คือฉันมองไม่ค่อยเห็น เพิ่งใส่คอนแทคเลนส์วันแรก ว่าแต่มีอะไรรึเปล่าคะ”
“ได้ยินเสียงดังแต่ไกลน่ะครับเลยมาดูซักหน่อย คุณคงเป็นอาจารย์ใหม่สินะครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“คะๆ” อาจารย์บุญยิ้มรับแล้วเดินกลับห้องของเขา ตอนนี้ที่ห้องของเขาก็เรียบร้อยดีแล้ว
“เอาล่ะ เรียบร้อยกันดีแล้วสินะ วันนี้ไม่มีอะไรมาก ผมจะให้ทุกคนได้คุยกันเองตามสบาย นี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วพอเสียงกระดิ่งดังก็เชิญพักได้เลยนะ ช่วงบ่ายเราค่อยมาเริ่มการเรียนการสอนกันเบาๆนะ”
“ครับ/ค่ะ” พูดจบเขาเดินไปนั่งที่โต๊ะ เปิดสมุดดูรายชื่อและรูปนักเรียนแต่ละคน เพื่อที่จะจดจำใบหน้าและชื่อของนักเรียนทุกคน เป็นวิธีที่จะทำเขานั้นได้รู้จักนักเรียนทุกคนในชั้นได้ง่ายขึ้น เริ่มจากจดจำชื่อของนักเรียนทุกคนและค่อยเขาไปคุยพูดคุยกับนักเรียนแต่ละคนให้ได้รู้จักชื่อเล่น อุปนิสัย รวมถึงจุดเด่นจุดด้อยต่างๆของนักเรียนเหล่านั้น เขาทำอย่างนี้มาหลายปีแล้ว เพราะแบบนี้นักเรียนหลายๆคนจึงรู้จักเขาถึงขั้นสนิทกับเขาเลยก็มี
“กิ่ง ก่องๆ” สัญญาณพักเที่ยงดังขึ้น นักเรียนที่ได้เริ่มทำความรู้จักกันบ้างแล้วต่างจับกลุ่มกัน เดินออกไปพร้อมกัน บ้างก็เดินไปคนเดียวเพราะยังไม่สนิทหรือไม่รู้วิธีหาเพื่อน พวกนี้แหละที่เขาจะเข้าไปทำความรู้จักก่อนเป็นอันดับแรก
เขาลองเดินไปดูนักเรียนที่ไม่ได้จับกลุ่มกับใครเพื่อจะไปทักทายและทำความรู้จัก เขาเจอนักเรียนคนหนึ่งเป็นนักเรียนหญิงท่าทางเงียบๆหมองๆ เขาจึงเดินไปใกล้ๆอย่างยิ้มแย้มแล้วกล่าวทักทาย
“ไง ทำไมเธอถึงเดินคนเดียวล่ะ” นักเรียนหญิงมองหน้าใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขาไม่พูดอะไรและเดินต่อไป เขาถึงกับอึ้งเล็กน้อยกับใบหน้าบอกบุญไม่รับของเธอ แต่เขาก็ไม่ล่ะความพยายาม แล้วเข้าไปทักอีก
“โทษนะ มีปัญหาอะไรกับการเรียนวันแรกไหม ดูไม่ค่อยสนุกนะ”
“หนูไม่มีปัญหาอะไรค่ะ หนูขอตัวนะคะเดี๋ยวเวลาพักเที่ยงของหนูจะหมดก่อนที่จะได้ทานข้าว” เธอพูดโดยไม่มองเขาเลยแม้แต่นิด ทิ้งไว้แต่ความสงสัยในคำพูดของเธอ สร้างความกังวลใจให้กับเขาไม่น้อย
“นี่เราทำอะไรผิดรึเปล่า ดูท่าทางจะต้องจับดูเป็นพิเศษซะแล้วสิ” เขาเดินคิ้วขมวดและครุ่นคิดในใจพลางเดินไปโรงอาหารเพื่อหาอะไรทาน
โรงอาหารแห่งนี้มีความหลากหลายของอาหารอยู่ไม่น้อย เพราะมีแบ่งออกเป็นหลายประเภท อย่างน้อยก็ทำให้อาจารย์บุญคนนี้ไม่เคยออกไปหาทานข้างนอกตลอดวันที่อยู่ในโรงเรียนแห่งนี้
หลังจากที่เขาไปซื้อข้าวที่เขาต้องการมาแล้วก็หาที่นั่งว่างๆนั่งลง แน่นอนสำหรับเขาแล้วต้องมานั่งในที่โซนนักเรียนเพื่อค่อยสังเกตนักเรียนคนอื่นๆ
“อ้าว อาจารย์คนเมื่อกี้นี่”
“คุณนั้นเองเป็นยังไงบ้างครับ สำหรับการเป็นอาจารย์วันแรก”
“ก็ดีค่ะ ตรงนี้ยังว่างใช่ไหมคะ ขอนั่งด้วยนะ”
“เชิญครับๆตามสบายเลย”
“คือฉันยังไม่รู้ชื่อคุณเลย”
“บารมีครับ เรียกบุญก็ได้ครับ”
“ฉันหมิวค่ะ อาจารย์วิลดา”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับอาจารย์หมิว ดูแล้วคุณคงสอนไวโอลินสินะ”
“เดาเก่งจังเลย ฉันเดาไม่ออกเลยว่าคุณเล่นอะไร”
“เปียโนครับ ไม่เก่งซะด้วย”
“ถ่อมตัวจัง ไม่เก่งจริงคงไม่ได้เป็นหัวหน้าฝ่ายทฤษฎีหรอก”
“ก็รู้เยอะกว่าคนอื่นนิดหน่อยน่ะครับ ว่าแต่คุณนี่เสียงดังดีนะครับ ถ้าไม่เห็นรอยดำๆที่คอนั้นคงคิดว่าเป็นนักร้องซะอีก”
“พอดีว่าเคยร้องเพลงอยู่น่ะ แต่ไม่ค่อยดีซะเท่าไหร่ คุณนี่ชั่งสังเกตจริงๆ แต่เจอกันครั้งแรกก็มามองตรงคอกันแบบนี้ มันแปลกๆนะ”
“ก็มันเด่นขนาดนั้นนิครับ ผมว่าเราทานข้าวกันดีกว่านะครับ ที่นี่แม้แต่อาจารย์เวลาพักก็มีค่ามากๆนะครับ”
“ก็ดีค่ะ” ทั้งคู่ทานข้าวไปพลางคุยไป หลังจากทั้งคู่ทานเสร็จ ก็ได้เดินไปที่ร้านกาแฟไม่ไกลจากที่นั้น นั่งคุยกันต่อ
“คุณบอกว่าไม่เก่งแต่ก็เคยไปเล่นเปียโนตามโรงแรมดังๆมาหลายที่แล้ว ยังงี้คงไม่ธรรมดาแล้วละมั้ง”
“อย่าชมผมเลยครับ มันธรรมดาจะตายครับ ก็มีรับงานนอกบ้างอะไรบ้าง คุณเองก็คงต้องมีสินะครับ”
“ไม่มีหรอกค่ะ สำหรับไวโอลิน แต่เรื่องร้องเพลงก็มีบ้างนิดหน่อยเอง เงินไม่ได้เยอะอะไรเลย”
“แค่ได้ร้องเพลงตามงานได้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาเหมือนกันล่ะครับ”
”แล้วคุณยังเล่นที่ไหนอยู่บ้างล่ะ คงมีเยอะแน่ๆเลย”
“ไม่มีเลยครับ”
“เอ๋ คุณต้องล้อฉันเล่นแน่เลย”
“จริงๆครับแค่สอนอยู่นี่ ผมก็แย่แล้ว อีกอย่างผมก็ขี้เกียจนิดหน่อยน่ะครับ”
“อ่ะคะๆ คงทำมาเยอะจนอยากพักบ้างอะไรบ้างสินะ”
“เสียงกริ่งดังแล้วคงต้องขอตัวก่อนนะครับ”
“คุยกับคุณนี้สนุกดี ถ้าไม่รังเกียจพักเที่ยงต่อๆไปเรามาคุยกันอีกนะ”
“ยินดีครับ” เธอขอตัวแล้วเดินจากไป เขามองเธอจนพ้นสายตา ไม่รู้เพราะอะไร มันทำให้เขานั้นได้รู้สึกถึงบางสิ่งที่เขาทิ้งมานานแล้ว แต่ไม่ทันได้รำลึกถึงความหลัง เขาไม่รอช้ารีบเดินไปที่ห้องสอนของเขาในทันที
“เอาล่ะ เรามาเริ่มปรับพื้นฐานกันซักเล็กน้อย ก่อนเรียนจริงวันพรุ่งนี้นะ” เขาเริ่มสอนนักเรียนไปที่ละน้อยจากนับ ๑ ไปอย่างรวดเร็ว โดยที่เขาให้นักเรียนทุกคนได้มีส่วนรวมในการเรียนการสอนนี้อย่างที่สุด เป็นการทำให้เขาได้สังเกตเห็นความเฉลียวฉลาดของแต่ละคนได้
แต่ก็ยังทำให้เขาติดใจอยู่คนหนึ่งคือนักเรียนหญิงที่เงียบๆคนนั้น เธอสามารถตอบคำถามได้ดีกว่าคนอื่น และมีความเข้าใจอย่างดียิ่ง แต่ด้วยท่าทางเหงาๆซึมๆนั้น มันทำให้เขาต้องทำอะไรซักอย่างกับเธอ เขาคิดพลางสอนไปเรื่อยๆ
“ขอโทษนะคะ” เสียงมาจากนอกห้อง
“อ้าว อาจารย์นุ่น” เขาเดินออกไปหาเธอทันที
“มีอะไรให้ช่วยเหรอครับ“
”คือว่านุ่นไม่รู้ว่าจะสอนยังไงต่ออ่ะค่ะ ในการปรับพื้นฐานของนักเรียน นุ่นเริ่มจะงงเองแล้วน่ะค่ะ”
” เอางี้แล้วกันนะครับผมจะไปที่ห้องของคุณแล้วมาดูว่าเราจะต่อยังไงกัน”
“จะดีเหรอคะ แล้วนักเรียนของคุณล่ะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ นักเรียนในห้องผมหัวไวมาก สอนมาได้ไกลแล้วเดี๋ยวให้เขาพักสมองกันซักนิด ระหว่างนี้ผมจะไปดูที่ห้องคุณนุ่นก่อนดีกว่าครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ” เธอเดินกลับห้องไปด้วยท่าที่ยังคงลุกลี้ลุกลน
“นักเรียนทุกคนพักกันก่อนนะเดี๋ยวผมมา” เขาเดินไปที่ห้องของอาจารย์นุ่นมองดูที่กระดานแล้วซักถามนักเรียนถึงการเรียนการสอนเมื่อกี้นี่ แล้วจึงเริ่มสอนต่อจากอาจารย์นุ่นทันที
เขาได้ให้อาจารย์นุ่นยืนดูเขาสอนอยู่ข้างหลังห้องเพื่อค่อยสังเกตการสอนของเขา หลังจากที่เขาสอนไปได้ระดับหนึ่งแล้ว เขาก็ให้เธอสอนต่อจากเขาและแนะนำอีกนิดหน่อย ก่อนที่จะกลับห้อง
“เอาล่ะ พักกันพอแล้วนะเรามาต่อกันสักหน่อยก็คงจะได้กลับบ้านกันแล้ว” เขาสอนในห้องต่อจนถึงบทที่สามารถจะต่อไปถึงพรุ่งนี้ได้
“กิ๊งก่อง” เมื่อเสียงกริ๊งดังตอนนี้นั้นหมายถึงหมดเวลาเรียนของวันนี้แล้ว
“หวังว่าทุกคนคงเข้าใจทุกอย่างได้เป็นอย่างดีแล้วนะ ถ้ามีอะไรสงสัยให้มาหาผมได้เลยนะ”
“นักเรียนเคารพ” นักเรียนแต่ล่ะคนบ้างก็เก็บกระเป๋า บ้างก็เดินมาถามข้อสงสัยที่เก็บไว้จากชั่วโมงเรียนก่อนหน้า แต่อาจารย์บุญก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตนักเรียนคนหนึ่ง
ระหว่างที่เขาตอบข้อสงสัยนักเรียน เขาเห็นนักเรียนหญิงคนนั้นยังนั่งอยู่ที่โต๊ะมองไปนอกหน้าต่าง ด้วยหน้าตาที่ตายด้านของเธอ ที่เหมือนมีอะไรในใจให้ต้องทำหน้าแบบนั้น เขายังคงตอบข้อสงสัยให้กับนักเรียนทุกคนที่เข้ามาซักถามจนหมด จนถึงตอนนี้แล้ว เธอก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมและมองมุมเดิม เขาจึงเดินเข้าไปหา
“คนอื่นก็กลับหมดแล้ว เธอยังไม่กลับอีกเหรอ”
“หนูไม่ได้กลับกับใครอยู่แล้ว หนูไม่เห็นจะต้องรีบร้อนนี่คะ” เธอมองหน้าเขาด้วยสายตาอันแสนเย็นชา เขารู้สึกอึ้งกับสายตาของนักเรียนคนนี้อีกครั้ง
“เอาเถอะ คงต้องรีบแล้วล่ะตอนนี้ เพราะจะไม่มีใครอยู่แล้วมันจะอันตรายนะ ต้องกลับคนเดียวสินะ ให้ไปส่งไหม” ยังไม่ทันจะขาดคำเธอก็ลุกขึ้นเดินออกไปทันที โดยที่ตรงดิ่งไปอย่างไม่สนใจใคร
“เดี๋ยวสิ” เขาเดินตามไปแทบไม่ทัน แต่ก็ไม่ได้เดินประกบกันไป ค่อยเดินตามอยู่ห่างๆจนถึงหน้าโรงเรียน อยู่ๆเธอก็หยุดแล้วหันกลับมามอง ด้วยท่าทีเดิมๆของเธอ
“อาจารย์เดินตามหนูมาทำไมเหรอคะ”
“ก็เธอจะเดินกลับคนเดียวในเวลานี้ ผมเป็นอาจารย์ก็ต้องดูแลจนกว่าจะถึงที่ที่ไม่อันตราย อย่างน้อยก็ส่งเธอขึ้นรถ”
เธอมองหน้าอยู่อย่างนั้น จนเวลาผ่านไปซักพัก อาจารย์บุญรู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรบนใบหน้าของเธอเลย ทำให้เขาอดคิดไม่ได้
"ตั้งแต่เราอยู่ที่นี้มา ถึงไม่นานเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยเจอนักเรียนที่เป็นแบบนี้มาก่อนเลยแหะ”
“อาจารย์คะ......”
“วะ ว่าไง” เขาตกใจกับเสียงเรียกของเธอในระหว่างที่เขาครุ่นคิดอยู่
“ที่อาจารย์เข้ามาคุยกับหนูแล้วยังตามมาจนถึงตรงนี้.........”
“กะ ก็ด้วยความปลอดภัยของเธอเองนะ”
“ทั้งๆที่หนูเป็นแบบนี้......”
“ไม่มีแบ่งแยกหรอกนะ”
“..........”เธอเงียบไป และยังคงมองหน้าเขาเหมือนเดิม ทำให้บรรยากาศในตอนนั้นช่างดูตรึงเครียด อาจารย์บุญถึงกับเหงื่อตก รอลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ
“เออ ถ้าเธอรำคาญ ผมก็จะยืนดูตรงอยู่นี้ จนกว่าจะสุดสายตาล่ะกัน”
“อาจารย์ชอบหนูเหรอคะ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ