Arahabaki action
-
เขียนโดย คุกกี้คามุอิ
วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 23.32 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
8,633 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 03.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ราตรีที่สวยงาม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอึ้งกันไปนานเป็นชั่วโมง ทั้งสามตัวปัญญาอ่อนของเกาะเบียงเพิ่งตื่นจากภวังค์ห้วงคิดของตัวเอง เวลาตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะลับลาสายตาชาวโลกแฟนตาซีแล้ว พระจันทร์ยังไม่ทันโผล่หัวมา พระอาทิตย์นี่แหละกลายเป็นพระจันทร์ ท้องฟ้าสดใสเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มบอกถึงยามราตรีทันใด อาราฮาบากิ หมุนตัวเข้าหาแสงจันทร์แล้วกล่าวอย่างสดชื่น
"เวลานี้แหละ ข้าชอบที่สุด"
เอลฟ์หนุ่มถามต่อด้วยความสงสัย
"ทำไมถึงชอบพระจันทร์ครับ แสงจันทร์มีอะไรหรือครับ?"
"ก็ข้านี่แหละเกิดขึ้นที่ดวงจันทร์ เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ก่อสร้างตัวข้ามา แล้วส่งมายังโลก จุดประสงค์ก็คงเป็นเพราะความสนุกของเทพเจ้ามั้ง ข้าจึงต้องมายึดครองแผ่นดินให้ท่านเทพเจ้า บ้าชะมัด งานเข้า งานอะไรก็ไม่รู้ ต้องจุติลงมาเกิดที่โลกแล้วโลกต้องมาปั่นป่วนเพราะตัวข้า"
อาราฮาบากิมองแสงจันทร์อย่างนิ่งเฉยตลอดเวลา ไม่รู้สึกว่าตัวเองเหนี่อย หิว และก็ง่วง ไอ้ชาวเกาะเบียงสองคนก็เริ่มสนทนากัน เริ่มยอมรับเป็นมิตรภาพมากขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะอาราฮาบากิแล้วใครล่ะที่จะทำให้สองคนนี้เป็นพันธมิตรกันขึ้นมาได้
ฝ่ายประชาชนกับฝ่ายทหารพระราชวังเหลือแค่สองคนนี้แหละ ซะงั้นน่ะเนอะ ขืนปล่อยให้สู้กันมันก็ไม่รู้แพ้รู้ชนะกันสักที
จ๊อก จ๊อก เสียงท้องของทั้งคู่ส่งเสียงร้องออกมาอย่างเปิดเผย เอลฟ์บ่นออกมา
"ท่านอาราฮาบากิครับ ผมหิว"
แต่อาราฮาบากิไม่สนใจเรื่องอาหาร
"ข้าอิ่มแล้ว พลังงานของข้าได้จากแสงจันทร์นี่แหละ เมื่อข้ามองแสงจันทร์ ข้าก็จะมีชีวิตต่อไป"
ไอ้ทหารพระราชวังแอบคิดหมั่นไส้ตุ๊กตาอาถรรพ์ในใจ
ขอให้โลกไม่มีพระจันทร์สักหนึ่งวัน จะได้สงบ เอฟบีไอมันก็ไม่ต้องโผล่มาทิ้งบอมบ์ ถุย
เอลฟ์หนุ่มเดินเข้าไปในบ้านของดิกกอรี่เพื่อจะหาอุปกรณ์ทำอาหาร ฝ่ายทหารก็ขอเดินออกไปที่ป่าเพื่อหาวัตถุดิบที่แสนโอชะให้กับลิ้นรับ คินนี้ทั้งสองคิดจะทำอะไรกินกัน ยังต้องติดตาม แต่อาราฮาบากิยังคงยืนอยู่เฉยๆ เมื่อไม่มองแสงจันทร์แล้วมันจะระเบิดแตกตายหรือไงไม่ทราบ ยังยืนดูต่อ ใช้เวลาสักหน่อย
"สตู กระหรี่ เปรี้ยวปากมากเลย เร็วๆหน่อยนะไอ้ทหารเพื่อนยาก เราจะซดแกงมันทีเดียวทั้งหม้อเลย แหะๆ"
เอาเข้าไปสำหรับเอลฟ์หนุ่มผู้นี้ ท่าทางจะไม่มีแรงหรือพลังงานหลังจากรบราฆ่าฟัน
อาราฮาบากิอิ่มเอิบกับแสงจันทร์เสร็จแล้ว หันตัวเข้าหามนุษย์
"ฉลองกันไหม ด้วยข้าวแกงของพวกเจ้าน่ะ อีกไม่นานเบียงอาจจะเป็นของข้า ข้าจะมีพรรคพวกที่ดวงจันทร์มาจุติเพิ่มอีกสองตน แล้วข้าจะให้พวกของข้าบริหารประเทศเบียง"
"จะไหวเหรอไงท่าน ก็ท่านน่ะ รู้ตัวว่าโชคมันไม่เข้าข้างท่าน ท่านจะสำเร็จรุล่วงภารกิจนั้นได้เหรอ ท่านคิดว่ายังไง"
"เอาน่า สักวันข้าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ข้ามันเป็นทั้งตัวถูกสาบและตัวให้คำสาบ ถ้าข้าไม่พอใจ ข้าจะสาบให้เจ้ากินอาหารไม่อร่อยเลยนะจะบอกให้"
เอลฟ์หนุ่มรับฟังคำกล่าวโดยดี ในใจก็คิดว่าอาราฮาบากิจะล้มเหลวไม่เป็นท่ากับภารกิจของมัน และหวังว่าโบว์กูวป์คงไม่ประหลาดที่จะต้องมาโจมตีด้วยการยิงระเบิดใส่เกาะเบียงอีก เอฟบีไอมันของอเมริกา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับโบว์กูวป์ อาราฮาบากินี่ช่างน่ากลัวจริงๆ น่านับถือ แต่น่ากำจัดทิ้งซะดีกว่า
เจ้าทหารพระราชวังเดินกลับมาหาอาราฮาบากิและเอลฟ์หนุ่มแล้ว ในมือขวาถือถุงย่ามใส่วัตถุดิบที่เป็นผัก เครื่องเทศมาเยอะจนล้นจากถุงย่าม แล้วท้องของทหารก็ส่งเสียงร้องจ๊อก จ๊อก อีกครั้ง แลบลิ้นปัดกวาดริมฝีปาก คิดว่า คืนนี้คงละเลงอาหารจนพุงป่องแน่ๆ
"กระหรี่ไหม ไอ้เอลฟ์"
"ทำกระหรี่เหรอ เออดีนะ ก็ดี"
อาราฮาบากิได้ยินดังนั้นจึงถามว่า
"กระหรี่นี่เขากินตอนเย็นกันเหรอ เพิ่งรู้ นึกว่ากินเฉพาะตอนเช้ากับเที่ยงเหมือนข้าวมันไก่จากประเทศไทย ตอนเย็นก็กินกระหรี่กันได้แฮะ พวกเจ้า พวกเจ้ามีอะไรบ้าง"
"มันสำปะหลัง หัวผักกาดแดง(แครอท) เนื้อวัว หมู ไก่ หัวไชเท้าก็ใช้ได้นะ แต่ไม่ค่อยมีใครนิยมใส่หัวไชเท้าให้กับแกงกระหรี่ครับท่าน"
"พวกแก กินอาหารของญี่ปุ่นนี่หว่า แล้ววัฒนธรรมพวกแกอะ มีอาหารอะไรบ้างเนี่ย"
"ยังไม่มีเป็นของตัวเองเลยครับ เรากินอะไรก็กินธรรมดามาก ข้าวหนึ่งจาน มีปลา เนื้อ ผัก ฯลฯ นานๆทีจะกินอาหารพวกสตู หรือแกงกระหรี่นี่ล่ะครับ"
"ยอดมาก วัฒนธรรมพวกแกนี่ ง่ายดายมาก แค่นั้นก็อร่อยแล้ว อย่าพูดถึงอาหารมากมาย ข้าจะหิวเอา"
"ท่านกินอาหารได้เหรอ พูดแบบนั้น แปลกนะท่าน"
อาราฮาบากิไม่ตอบอะไร หมุนตัวเข้าหาแสงจันทร์อีกครั้ง
"ข้ายินดีให้พวกเจ้ามีกินกันะ แล้วจะพัฒนาเมืองเบียงเป็นเมืองพอมีพอกิน ไม่เอาเปรียบกัน ไม่ขัดแย้งทางประโยชน์ ไม่มีใครเห็นแก่ตัวเพื่อประโยชน์ส่วนตนนะ ข้าหวังดีจริงๆ รู้ไหม"
ประชาชนทั้งคู่สบตากันแล้วกล่าวด้วยสำเนียงกวนประสาท
"หรอ.... ครับ..... เหอๆ พวกเราเชื่อครับ(เวรกรรม อาราฮาบากิมันคิดอะไรอยู่เนี่ย)"
ทันใดนั้น ทั้งสองคนที่นั่งบนพื้นหญ้า ก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะลอย หม้อไฟที่ตั้งไว้ดูเหมือนจะอยู่ต่ำลง ทั้งสองนั่งอยู่บนเห็ดยักษ์ที่งอกออกมานั่นเอง
"ท่านอาราฮาบากิครับ เห็ดครับเห็ด บรรยากาศมันเป็นใจ เห็ดยักษ์เป็นเก้าอี้ให้เรา"
อาราฮาบากิหมุนตัวหันมา
"เห็กยักษ์พันธุ์อะไรน่ะ ท่าทางจะกินไม่ได้ เห็ดพิษหรือเปล่าเนี่ย อายุราวๆพันกว่าปีร่วงมาแล้ว"
เห็ดต่างๆ ผุดขึ้นมาท่ามกลางยามราตรีที่สวยงดงาม มีบางพันธุ์ที่สูงเท่าต้นไม้ยืนต้น โดยไม่ปรากฏว่าเคยพบเห็นที่ใดในโลก
"หู เห็ดยักษ์ เห็ดต้นไม้เว้ย เอาขวานมาจามที จะกินได้ไหมเนี่ย"
"นั่นก็เห็ดพิษนะ"
อาราฮาบากิกระโดดขึ้นบนเห็ดที่งอกมาเป็นที่สำหรับนั่ง ทำตัวเด่นเหมือนเป็นที่เคารพนับถือ
"ข้าอาราฮาบากิ ราชาอณาจักรเห็ด !! "
ทั้งสามหัวเราะเกลียวกลาวไปพร้อมกัน ผีพุ่งใต้ก็ปรากฏบนท้องฟ้า แสงสีขาวนวลสะดุดสายตาเอลฟ์หนุ่ม จนต้องขอพร
"ผีพุ่งใต้เว้ยทหาร ข้าขอพรว่า ข้าจะร่ำรวยเป็นเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่ในเบียง ภรรยาชั้นเลิศสี่ห้าคน ประชาชนให้ความเคารพนับถือ"
"ข้าขอให้คำขอพรของเอลฟ์หนุ่มนี้ไม่เป็นความจริง และข้าจะยึดครองเบียงเป็นของทหาร"
"แกว่าอะไรนะ เสียอารมณ์หมดเลย"
แต่ทั้งคู่ก็คงหัวเราะด้วยกัน ไม่ถือสากับคำยอของฝ่ายใด อาราฮาบากิขอพรจากผีพุ่งใต้นั้นด้วยว่า
"ข้าเอง ก็ขอเป็นราชาครองแผ่นดินเบียง จนกว่าข้าจะกลับพระจันทร์ แต่ไม่มีที่ให้กลับ ข้าอยู่ในโลกใบนี้ตลอดชีพเว้ยเฮ้ย "
ประชาชนทั้งสองนั่งนิ่ง ทำตาหรี่ๆเหมือนเซ็งอะไรสักอย่าง
เห็ดเป็นพืชชั้นต่ำชนิดหนึ่ง แม้จะจัดอยู่ในพวกเดียวกับราและไม่มีการสังเคราะห์แสง แต่เมื่อเทียบคุณค่าและประโยชน์แล้วมีมากไม่แพ้พืชชนิดอื่น เห็ดทั่วไปให้โปรตีนมากกว่าสารอื่นๆ เรื่องราวของเห็ดก็เป็นเรื่องที่น่าศึกษาเรื่องหนึ่ง แต่ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนใดที่ทำชื่อเสียง ข่าวลือเรื่องเห็ดสมัยใหม่ๆประกาศเป็นข่าว ลงหนังสือพิมพ์แฟนตาซี ฯลฯ เห็ดบางขนิดมีพิษ บางรายรับประทานเข้าไปอาจจะรู้สึกมึนเมาจนต้องอาเจียน บางรายเกิดอาหารขั้นรุนแรงจนเสียชีวิตได้
ที่เกาะเบียงนี้มีอณาจักรเห็ดอยู่แห่งหนึง เป็นหมู่บ้านรูปเห็ด ประชากรเป็นเห็ด ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของที่ใด ที่อณาจักรเห็ดสงบเงียบกว่าเมืองเกษตรกรรม ประชากรเห็ดเป็นประชากรที่ฉลาด ใฝ่การศึกษา ทำงานสุจริต แตกต่างกับมนุษย์ร่างใหญ่ที่คดโกง ไม่เคยจริงใจ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน วันหนึ่งสงครามมันถึงเกิดขึ้นเพราะต้องการเรียกร้องหาความสุขเพราะนิสัยของมนุษย์ที่มีต่อบ้านเมือง
เอลฟ์หนุ่มมองดูหม้อไฟซึ่งบัดนี้ แกงกระหรี่พอจะรับประทานได้ น้ำลายหยดยืดเหมือนไร้สติปัญญา มือจับช้อนยื่นตัดแกงมาใส่จาน ในจานมีข้าวสวยที่ปะปนกับข้าวเหนียว วัฒนธรรมชาโปเหนะ(ญี่ปุ่น)ชัดๆ ดีนะไม่มีตะเกียบสักคู่ ถ้ามี ก็คงถูกวัฒนธรรมชาโปเหนะครอบงำเอาดื้อๆเลยเกาะเบียงเอ๋ย อาราฮาบากิคิดสูตรใหม่ๆเรื่องอาหารอย่างเร็ว
"กินแกงกระหรี่แล้วใส่เห็ดลงไปด้วยสิพ่อหนุ่มเอลฟ์"
"เห็ดพิษหรือเปล่า? ไม่เจอเห็ดไหนที่มันกินได้เลย"
"ข้าว่ามันคงอร่อยนะ แต่ข้ากินอาหารไม่ได้ เสียใจด้วย ข้าไม่หิว ข้าอาจจะเป็นอมตะก็ได้"
"ยินดีด้วยท่าน ท่านคงรอเป็นชาติเลยน่ะ กว่าจะเป็นพระราชา เอิ๊กๆ"
"สามหาวน่า กินไปไม่ต้องพูดมาก ข้ามันอาถรรพ์นะเว้ย"
"จะว่าไปนะครับท่าน ท่านมีพระสหายอยู่สองท่าน มีพระนามว่าอะไรบ้างครับ"
อาราฮาบากิหมุนตัวเข้าหาแสงจันทร์อีกครั้ง
"ไม้กางเขน ศาสนาคริสต์ ร่างมนุษย์ใช้ชื่อ คายุ และหยินหยาง ศาสนาเต๋า ร่างมนุษย์ใช้ชื่อ ไทจิ"
"ท่านอากิไม่มีร่างมนุษย์เหรอครับ"
"ไม่แน่ใจเหมือนกัน ข้าคิดว่าต้องถอนคำสาบก่อน ถึงจะเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ได้ เออ พวกเจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ"
"อาราฮาบากิ เรียกอย่างย่อๆ ว่า อากิ ครับท่าน"
ชื่อนี้โคตรเท่ห์เลยนี่หว่า อาราฮาบากิปลื้มปิติอย่างมาก ตกลงจะใช้ชื่อนี้สำหรับตัวเอง อาราฮาบากิ มีชื่อว่า อากิ ฟังแล้วรู้สึกว่ารูปปั้นตุ๊กตานี้จะเหมาะที่จะเป็นพระเอกของเรื่อง อนาคตที่ใฝ่ฝันคือ พระราชาอากิ
"เยี่ยมมาก พวกเจ้าไอเดียดีมาก ข้าขอคารวะเลย"
อาราฮาบากิกระโดดหมุนตัวตีลังกาหลายตลบ พร้อมกับมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ บ้านเกษตรกรรมหลังเล็ก เปลี่ยนรูปเป็นเวทีคอนเสิร์ต เอลฟ์สาวๆสวมชุดฮาวายมาเริงระบำหลายคู่ เสียงเพลงสบายๆสไตล์ฮาวาย เอลฟ์สาวคนหนึ่งโยนสับปะรดสไตล์ฮาวายไปที่หนุ่มเอลฟ์ หนุ่มเอลฟ์ยกมือรับได้ทัน ก็จึงลุกขึ้นเดินไปยังเวทีคอนเสิร์ต
"นี่ครับคนสวย สับปะรดคุณ"
"รับไว้เถอะค่ะ ถ้าชอบดิฉัน ก็ขอดอกไม้สักช่อก็ยังดีค่ะ"
เอลฟ์หนุ่มยื่นอะไรให้สักอย่างที่เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง
"เห็ดพิษ นี่คิดได้ไงเอาเห็ดพิษมาให้สาว"
"เปลี่ยนเป็นหมามุ่ยก็ได้นะครับ?"
เอลฟ์สาวในชุดฮาวายอึ้งไปชั่วขณะ ยกมือพร้อมส่ายศรีษะเป็นเชิงบอกว่า กลับไปกินข้าวเถอะ เจ้าหนุ่มเอลฟ์ไร้สติ
อาราฮาบากิยังคงตีลังกาอยู่ เพราะมันเป็นท่าที่เสกคาถาให้บ้านเกษตรกรรมเป็นคอนเสิร์ต
ทหารพระราชวังก็คิดว่า ทำไมมีแต่เอลฟ์ ก็เลยบอกท่านอาราฮาบากิว่า ขอสาวที่เป็นมนุษย์มาแสดงบนเวทีกับเขาบ้าง
สักพัก ทางขึ้นเวทีก็ปรากฏนางสาวไทย สาวจีน ญี่ปุ่น ตามมาด้วยสาวเบียงที่สวยที่สุด ทั้งหมดอยู่ในชุดประจำชาติของตัวเอง ทหารหนุ่มใจจะแตก วิ่งขึ้นไปบนเวที แล้วประกาศใส่ไมโครโฟน
"ต่อไปนี้จะเป็นการแสดงของฉากละเลงรักมนุษย์ชายหญิง"
คอนเสิร์ตหายวับไปกับตาทันที ทหารตกลงมากลิ้งที่พื้น กลิ้งไปถึงหม้อไฟ แล้วศีรษะก็ชนเข้ากับหม้อ น้ำแกงกระเซ็นลงที่ใบหน้าทำให้รู้สึกร้อน เอลฟ์หนุ่มก็ถามด้วยความหมดอารมณ์
"แก แกคิดจะทำอะไรของแกวะ"
"โธ่ เราแค่เล่นอะไรนิดเดียวเอง"
"ส้นตีง นิดเดียวของแก ทำไมคิดได้อย่างงี้ หมดอารมณ์เลย"
อาราฮาบากิหยุดตีลังกาแล้วลงมาบนหัวเห็ดยักษ์
"หัดใจเย็นๆบ้างสิวะไอ้ทหาร เอ็งเป็นทหารมาได้ไงวะ เอ้านี่ เสกให้ สาเกชาโปเหนะ ร้อนๆ ดับความกระหาย"
"ขอบคุณมากท่านอากิ ต่อไปผมจะระมัดระวังใจ ไม่ทำอีกแล้ว"
"แน่ใจ?"
"สาบานให้ฟ้าผ่ากระบาลผม.."
เปรี้ยง
ทหารถูกฟ้าผ่าตัวดำปี๋ ถอดเกราะที่หัวออก สังเกตดูหน้าในกระจกว่าตัวเองหัวฟูขึ้นมา
"เหทห์เนอะ แบบนี้น่ะ เพื่อนๆเขาชอบกัน"
"เหรอ จะได้ไปเข้าร้านทำผมซะหน่อย ทรงแอลโฟ่นี่เพื่อนเยอะเนอะ"
ยังไงๆ เหตุการณ์นี้ก็ยังทำให้ทั้งสามหัวเราะเกลียวกลาวไปเรื่อยๆจนในที่สุด ห้าทุ่มได้ขอแยกย้ายกลับที่อาศัย กล่าวคำลาท่านรูปปั่น
"พวกเราสนุกมากเลยครับ พวกเราขอตัวไปพักผ่อนก่อนครับ มีอะไรก็ฝากติดต่อได้นะครับ ทั้งหมู่บ้านและพระราชวัง แต่มีเรื่องที่จะแนะนำให้ท่าน เบียงมีอณาจักรเห็ดอยู่ครับ ถ้าท่านฃื่นชอบเห็ด ท่านจะรู้เรื่องเห็ดได้มากมายที่นั่นครับ"
"อณาจักรเห็ดเหรอ น่าสนใจมาก ที่ไหนล่ะ"
"ตะวันตกจากเมืองนี้ครับ มุ่งหน้าผ่านหมู่บ้านประชาชนและเอลฟ์ไปก่อน อาจจะเห็นเมืองเห็ด"
"ขอบใจมาก ที่นั้นมีใครใหญ่โตบ้าง"
"ข้าว่า ..น่าจะเป็นท่านผู้เฒ่าเห็ดอายุหมื่นปีกว่านะครับ ท่านลองเจรจากันดู เผื่อท่านจะทราบเรื่องเบียงด้วย"
ทั้งสองกล่าวลาอาราฮาบากิเสร็จ ก็แยกย้ายกันไปแล้ว อาราฮาบากิเคลื่อนตัวเข้าไปในกระท่อมของดิกกอรี่เด็กชาวเกษตรที่หนีหายไประหว่างสงคราม
"อณาจักรเห็ดของเบียง.......อณาจักรเบียงของข้า"
เอาเข้าไป ในใจยังไม่ละทิ้งความพยายาม
=======================================
"เวลานี้แหละ ข้าชอบที่สุด"
เอลฟ์หนุ่มถามต่อด้วยความสงสัย
"ทำไมถึงชอบพระจันทร์ครับ แสงจันทร์มีอะไรหรือครับ?"
"ก็ข้านี่แหละเกิดขึ้นที่ดวงจันทร์ เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ก่อสร้างตัวข้ามา แล้วส่งมายังโลก จุดประสงค์ก็คงเป็นเพราะความสนุกของเทพเจ้ามั้ง ข้าจึงต้องมายึดครองแผ่นดินให้ท่านเทพเจ้า บ้าชะมัด งานเข้า งานอะไรก็ไม่รู้ ต้องจุติลงมาเกิดที่โลกแล้วโลกต้องมาปั่นป่วนเพราะตัวข้า"
อาราฮาบากิมองแสงจันทร์อย่างนิ่งเฉยตลอดเวลา ไม่รู้สึกว่าตัวเองเหนี่อย หิว และก็ง่วง ไอ้ชาวเกาะเบียงสองคนก็เริ่มสนทนากัน เริ่มยอมรับเป็นมิตรภาพมากขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะอาราฮาบากิแล้วใครล่ะที่จะทำให้สองคนนี้เป็นพันธมิตรกันขึ้นมาได้
ฝ่ายประชาชนกับฝ่ายทหารพระราชวังเหลือแค่สองคนนี้แหละ ซะงั้นน่ะเนอะ ขืนปล่อยให้สู้กันมันก็ไม่รู้แพ้รู้ชนะกันสักที
จ๊อก จ๊อก เสียงท้องของทั้งคู่ส่งเสียงร้องออกมาอย่างเปิดเผย เอลฟ์บ่นออกมา
"ท่านอาราฮาบากิครับ ผมหิว"
แต่อาราฮาบากิไม่สนใจเรื่องอาหาร
"ข้าอิ่มแล้ว พลังงานของข้าได้จากแสงจันทร์นี่แหละ เมื่อข้ามองแสงจันทร์ ข้าก็จะมีชีวิตต่อไป"
ไอ้ทหารพระราชวังแอบคิดหมั่นไส้ตุ๊กตาอาถรรพ์ในใจ
ขอให้โลกไม่มีพระจันทร์สักหนึ่งวัน จะได้สงบ เอฟบีไอมันก็ไม่ต้องโผล่มาทิ้งบอมบ์ ถุย
เอลฟ์หนุ่มเดินเข้าไปในบ้านของดิกกอรี่เพื่อจะหาอุปกรณ์ทำอาหาร ฝ่ายทหารก็ขอเดินออกไปที่ป่าเพื่อหาวัตถุดิบที่แสนโอชะให้กับลิ้นรับ คินนี้ทั้งสองคิดจะทำอะไรกินกัน ยังต้องติดตาม แต่อาราฮาบากิยังคงยืนอยู่เฉยๆ เมื่อไม่มองแสงจันทร์แล้วมันจะระเบิดแตกตายหรือไงไม่ทราบ ยังยืนดูต่อ ใช้เวลาสักหน่อย
"สตู กระหรี่ เปรี้ยวปากมากเลย เร็วๆหน่อยนะไอ้ทหารเพื่อนยาก เราจะซดแกงมันทีเดียวทั้งหม้อเลย แหะๆ"
เอาเข้าไปสำหรับเอลฟ์หนุ่มผู้นี้ ท่าทางจะไม่มีแรงหรือพลังงานหลังจากรบราฆ่าฟัน
อาราฮาบากิอิ่มเอิบกับแสงจันทร์เสร็จแล้ว หันตัวเข้าหามนุษย์
"ฉลองกันไหม ด้วยข้าวแกงของพวกเจ้าน่ะ อีกไม่นานเบียงอาจจะเป็นของข้า ข้าจะมีพรรคพวกที่ดวงจันทร์มาจุติเพิ่มอีกสองตน แล้วข้าจะให้พวกของข้าบริหารประเทศเบียง"
"จะไหวเหรอไงท่าน ก็ท่านน่ะ รู้ตัวว่าโชคมันไม่เข้าข้างท่าน ท่านจะสำเร็จรุล่วงภารกิจนั้นได้เหรอ ท่านคิดว่ายังไง"
"เอาน่า สักวันข้าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ข้ามันเป็นทั้งตัวถูกสาบและตัวให้คำสาบ ถ้าข้าไม่พอใจ ข้าจะสาบให้เจ้ากินอาหารไม่อร่อยเลยนะจะบอกให้"
เอลฟ์หนุ่มรับฟังคำกล่าวโดยดี ในใจก็คิดว่าอาราฮาบากิจะล้มเหลวไม่เป็นท่ากับภารกิจของมัน และหวังว่าโบว์กูวป์คงไม่ประหลาดที่จะต้องมาโจมตีด้วยการยิงระเบิดใส่เกาะเบียงอีก เอฟบีไอมันของอเมริกา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับโบว์กูวป์ อาราฮาบากินี่ช่างน่ากลัวจริงๆ น่านับถือ แต่น่ากำจัดทิ้งซะดีกว่า
เจ้าทหารพระราชวังเดินกลับมาหาอาราฮาบากิและเอลฟ์หนุ่มแล้ว ในมือขวาถือถุงย่ามใส่วัตถุดิบที่เป็นผัก เครื่องเทศมาเยอะจนล้นจากถุงย่าม แล้วท้องของทหารก็ส่งเสียงร้องจ๊อก จ๊อก อีกครั้ง แลบลิ้นปัดกวาดริมฝีปาก คิดว่า คืนนี้คงละเลงอาหารจนพุงป่องแน่ๆ
"กระหรี่ไหม ไอ้เอลฟ์"
"ทำกระหรี่เหรอ เออดีนะ ก็ดี"
อาราฮาบากิได้ยินดังนั้นจึงถามว่า
"กระหรี่นี่เขากินตอนเย็นกันเหรอ เพิ่งรู้ นึกว่ากินเฉพาะตอนเช้ากับเที่ยงเหมือนข้าวมันไก่จากประเทศไทย ตอนเย็นก็กินกระหรี่กันได้แฮะ พวกเจ้า พวกเจ้ามีอะไรบ้าง"
"มันสำปะหลัง หัวผักกาดแดง(แครอท) เนื้อวัว หมู ไก่ หัวไชเท้าก็ใช้ได้นะ แต่ไม่ค่อยมีใครนิยมใส่หัวไชเท้าให้กับแกงกระหรี่ครับท่าน"
"พวกแก กินอาหารของญี่ปุ่นนี่หว่า แล้ววัฒนธรรมพวกแกอะ มีอาหารอะไรบ้างเนี่ย"
"ยังไม่มีเป็นของตัวเองเลยครับ เรากินอะไรก็กินธรรมดามาก ข้าวหนึ่งจาน มีปลา เนื้อ ผัก ฯลฯ นานๆทีจะกินอาหารพวกสตู หรือแกงกระหรี่นี่ล่ะครับ"
"ยอดมาก วัฒนธรรมพวกแกนี่ ง่ายดายมาก แค่นั้นก็อร่อยแล้ว อย่าพูดถึงอาหารมากมาย ข้าจะหิวเอา"
"ท่านกินอาหารได้เหรอ พูดแบบนั้น แปลกนะท่าน"
อาราฮาบากิไม่ตอบอะไร หมุนตัวเข้าหาแสงจันทร์อีกครั้ง
"ข้ายินดีให้พวกเจ้ามีกินกันะ แล้วจะพัฒนาเมืองเบียงเป็นเมืองพอมีพอกิน ไม่เอาเปรียบกัน ไม่ขัดแย้งทางประโยชน์ ไม่มีใครเห็นแก่ตัวเพื่อประโยชน์ส่วนตนนะ ข้าหวังดีจริงๆ รู้ไหม"
ประชาชนทั้งคู่สบตากันแล้วกล่าวด้วยสำเนียงกวนประสาท
"หรอ.... ครับ..... เหอๆ พวกเราเชื่อครับ(เวรกรรม อาราฮาบากิมันคิดอะไรอยู่เนี่ย)"
ทันใดนั้น ทั้งสองคนที่นั่งบนพื้นหญ้า ก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะลอย หม้อไฟที่ตั้งไว้ดูเหมือนจะอยู่ต่ำลง ทั้งสองนั่งอยู่บนเห็ดยักษ์ที่งอกออกมานั่นเอง
"ท่านอาราฮาบากิครับ เห็ดครับเห็ด บรรยากาศมันเป็นใจ เห็ดยักษ์เป็นเก้าอี้ให้เรา"
อาราฮาบากิหมุนตัวหันมา
"เห็กยักษ์พันธุ์อะไรน่ะ ท่าทางจะกินไม่ได้ เห็ดพิษหรือเปล่าเนี่ย อายุราวๆพันกว่าปีร่วงมาแล้ว"
เห็ดต่างๆ ผุดขึ้นมาท่ามกลางยามราตรีที่สวยงดงาม มีบางพันธุ์ที่สูงเท่าต้นไม้ยืนต้น โดยไม่ปรากฏว่าเคยพบเห็นที่ใดในโลก
"หู เห็ดยักษ์ เห็ดต้นไม้เว้ย เอาขวานมาจามที จะกินได้ไหมเนี่ย"
"นั่นก็เห็ดพิษนะ"
อาราฮาบากิกระโดดขึ้นบนเห็ดที่งอกมาเป็นที่สำหรับนั่ง ทำตัวเด่นเหมือนเป็นที่เคารพนับถือ
"ข้าอาราฮาบากิ ราชาอณาจักรเห็ด !! "
ทั้งสามหัวเราะเกลียวกลาวไปพร้อมกัน ผีพุ่งใต้ก็ปรากฏบนท้องฟ้า แสงสีขาวนวลสะดุดสายตาเอลฟ์หนุ่ม จนต้องขอพร
"ผีพุ่งใต้เว้ยทหาร ข้าขอพรว่า ข้าจะร่ำรวยเป็นเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่ในเบียง ภรรยาชั้นเลิศสี่ห้าคน ประชาชนให้ความเคารพนับถือ"
"ข้าขอให้คำขอพรของเอลฟ์หนุ่มนี้ไม่เป็นความจริง และข้าจะยึดครองเบียงเป็นของทหาร"
"แกว่าอะไรนะ เสียอารมณ์หมดเลย"
แต่ทั้งคู่ก็คงหัวเราะด้วยกัน ไม่ถือสากับคำยอของฝ่ายใด อาราฮาบากิขอพรจากผีพุ่งใต้นั้นด้วยว่า
"ข้าเอง ก็ขอเป็นราชาครองแผ่นดินเบียง จนกว่าข้าจะกลับพระจันทร์ แต่ไม่มีที่ให้กลับ ข้าอยู่ในโลกใบนี้ตลอดชีพเว้ยเฮ้ย "
ประชาชนทั้งสองนั่งนิ่ง ทำตาหรี่ๆเหมือนเซ็งอะไรสักอย่าง
เห็ดเป็นพืชชั้นต่ำชนิดหนึ่ง แม้จะจัดอยู่ในพวกเดียวกับราและไม่มีการสังเคราะห์แสง แต่เมื่อเทียบคุณค่าและประโยชน์แล้วมีมากไม่แพ้พืชชนิดอื่น เห็ดทั่วไปให้โปรตีนมากกว่าสารอื่นๆ เรื่องราวของเห็ดก็เป็นเรื่องที่น่าศึกษาเรื่องหนึ่ง แต่ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนใดที่ทำชื่อเสียง ข่าวลือเรื่องเห็ดสมัยใหม่ๆประกาศเป็นข่าว ลงหนังสือพิมพ์แฟนตาซี ฯลฯ เห็ดบางขนิดมีพิษ บางรายรับประทานเข้าไปอาจจะรู้สึกมึนเมาจนต้องอาเจียน บางรายเกิดอาหารขั้นรุนแรงจนเสียชีวิตได้
ที่เกาะเบียงนี้มีอณาจักรเห็ดอยู่แห่งหนึง เป็นหมู่บ้านรูปเห็ด ประชากรเป็นเห็ด ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของที่ใด ที่อณาจักรเห็ดสงบเงียบกว่าเมืองเกษตรกรรม ประชากรเห็ดเป็นประชากรที่ฉลาด ใฝ่การศึกษา ทำงานสุจริต แตกต่างกับมนุษย์ร่างใหญ่ที่คดโกง ไม่เคยจริงใจ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน วันหนึ่งสงครามมันถึงเกิดขึ้นเพราะต้องการเรียกร้องหาความสุขเพราะนิสัยของมนุษย์ที่มีต่อบ้านเมือง
เอลฟ์หนุ่มมองดูหม้อไฟซึ่งบัดนี้ แกงกระหรี่พอจะรับประทานได้ น้ำลายหยดยืดเหมือนไร้สติปัญญา มือจับช้อนยื่นตัดแกงมาใส่จาน ในจานมีข้าวสวยที่ปะปนกับข้าวเหนียว วัฒนธรรมชาโปเหนะ(ญี่ปุ่น)ชัดๆ ดีนะไม่มีตะเกียบสักคู่ ถ้ามี ก็คงถูกวัฒนธรรมชาโปเหนะครอบงำเอาดื้อๆเลยเกาะเบียงเอ๋ย อาราฮาบากิคิดสูตรใหม่ๆเรื่องอาหารอย่างเร็ว
"กินแกงกระหรี่แล้วใส่เห็ดลงไปด้วยสิพ่อหนุ่มเอลฟ์"
"เห็ดพิษหรือเปล่า? ไม่เจอเห็ดไหนที่มันกินได้เลย"
"ข้าว่ามันคงอร่อยนะ แต่ข้ากินอาหารไม่ได้ เสียใจด้วย ข้าไม่หิว ข้าอาจจะเป็นอมตะก็ได้"
"ยินดีด้วยท่าน ท่านคงรอเป็นชาติเลยน่ะ กว่าจะเป็นพระราชา เอิ๊กๆ"
"สามหาวน่า กินไปไม่ต้องพูดมาก ข้ามันอาถรรพ์นะเว้ย"
"จะว่าไปนะครับท่าน ท่านมีพระสหายอยู่สองท่าน มีพระนามว่าอะไรบ้างครับ"
อาราฮาบากิหมุนตัวเข้าหาแสงจันทร์อีกครั้ง
"ไม้กางเขน ศาสนาคริสต์ ร่างมนุษย์ใช้ชื่อ คายุ และหยินหยาง ศาสนาเต๋า ร่างมนุษย์ใช้ชื่อ ไทจิ"
"ท่านอากิไม่มีร่างมนุษย์เหรอครับ"
"ไม่แน่ใจเหมือนกัน ข้าคิดว่าต้องถอนคำสาบก่อน ถึงจะเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ได้ เออ พวกเจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ"
"อาราฮาบากิ เรียกอย่างย่อๆ ว่า อากิ ครับท่าน"
ชื่อนี้โคตรเท่ห์เลยนี่หว่า อาราฮาบากิปลื้มปิติอย่างมาก ตกลงจะใช้ชื่อนี้สำหรับตัวเอง อาราฮาบากิ มีชื่อว่า อากิ ฟังแล้วรู้สึกว่ารูปปั้นตุ๊กตานี้จะเหมาะที่จะเป็นพระเอกของเรื่อง อนาคตที่ใฝ่ฝันคือ พระราชาอากิ
"เยี่ยมมาก พวกเจ้าไอเดียดีมาก ข้าขอคารวะเลย"
อาราฮาบากิกระโดดหมุนตัวตีลังกาหลายตลบ พร้อมกับมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ บ้านเกษตรกรรมหลังเล็ก เปลี่ยนรูปเป็นเวทีคอนเสิร์ต เอลฟ์สาวๆสวมชุดฮาวายมาเริงระบำหลายคู่ เสียงเพลงสบายๆสไตล์ฮาวาย เอลฟ์สาวคนหนึ่งโยนสับปะรดสไตล์ฮาวายไปที่หนุ่มเอลฟ์ หนุ่มเอลฟ์ยกมือรับได้ทัน ก็จึงลุกขึ้นเดินไปยังเวทีคอนเสิร์ต
"นี่ครับคนสวย สับปะรดคุณ"
"รับไว้เถอะค่ะ ถ้าชอบดิฉัน ก็ขอดอกไม้สักช่อก็ยังดีค่ะ"
เอลฟ์หนุ่มยื่นอะไรให้สักอย่างที่เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง
"เห็ดพิษ นี่คิดได้ไงเอาเห็ดพิษมาให้สาว"
"เปลี่ยนเป็นหมามุ่ยก็ได้นะครับ?"
เอลฟ์สาวในชุดฮาวายอึ้งไปชั่วขณะ ยกมือพร้อมส่ายศรีษะเป็นเชิงบอกว่า กลับไปกินข้าวเถอะ เจ้าหนุ่มเอลฟ์ไร้สติ
อาราฮาบากิยังคงตีลังกาอยู่ เพราะมันเป็นท่าที่เสกคาถาให้บ้านเกษตรกรรมเป็นคอนเสิร์ต
ทหารพระราชวังก็คิดว่า ทำไมมีแต่เอลฟ์ ก็เลยบอกท่านอาราฮาบากิว่า ขอสาวที่เป็นมนุษย์มาแสดงบนเวทีกับเขาบ้าง
สักพัก ทางขึ้นเวทีก็ปรากฏนางสาวไทย สาวจีน ญี่ปุ่น ตามมาด้วยสาวเบียงที่สวยที่สุด ทั้งหมดอยู่ในชุดประจำชาติของตัวเอง ทหารหนุ่มใจจะแตก วิ่งขึ้นไปบนเวที แล้วประกาศใส่ไมโครโฟน
"ต่อไปนี้จะเป็นการแสดงของฉากละเลงรักมนุษย์ชายหญิง"
คอนเสิร์ตหายวับไปกับตาทันที ทหารตกลงมากลิ้งที่พื้น กลิ้งไปถึงหม้อไฟ แล้วศีรษะก็ชนเข้ากับหม้อ น้ำแกงกระเซ็นลงที่ใบหน้าทำให้รู้สึกร้อน เอลฟ์หนุ่มก็ถามด้วยความหมดอารมณ์
"แก แกคิดจะทำอะไรของแกวะ"
"โธ่ เราแค่เล่นอะไรนิดเดียวเอง"
"ส้นตีง นิดเดียวของแก ทำไมคิดได้อย่างงี้ หมดอารมณ์เลย"
อาราฮาบากิหยุดตีลังกาแล้วลงมาบนหัวเห็ดยักษ์
"หัดใจเย็นๆบ้างสิวะไอ้ทหาร เอ็งเป็นทหารมาได้ไงวะ เอ้านี่ เสกให้ สาเกชาโปเหนะ ร้อนๆ ดับความกระหาย"
"ขอบคุณมากท่านอากิ ต่อไปผมจะระมัดระวังใจ ไม่ทำอีกแล้ว"
"แน่ใจ?"
"สาบานให้ฟ้าผ่ากระบาลผม.."
เปรี้ยง
ทหารถูกฟ้าผ่าตัวดำปี๋ ถอดเกราะที่หัวออก สังเกตดูหน้าในกระจกว่าตัวเองหัวฟูขึ้นมา
"เหทห์เนอะ แบบนี้น่ะ เพื่อนๆเขาชอบกัน"
"เหรอ จะได้ไปเข้าร้านทำผมซะหน่อย ทรงแอลโฟ่นี่เพื่อนเยอะเนอะ"
ยังไงๆ เหตุการณ์นี้ก็ยังทำให้ทั้งสามหัวเราะเกลียวกลาวไปเรื่อยๆจนในที่สุด ห้าทุ่มได้ขอแยกย้ายกลับที่อาศัย กล่าวคำลาท่านรูปปั่น
"พวกเราสนุกมากเลยครับ พวกเราขอตัวไปพักผ่อนก่อนครับ มีอะไรก็ฝากติดต่อได้นะครับ ทั้งหมู่บ้านและพระราชวัง แต่มีเรื่องที่จะแนะนำให้ท่าน เบียงมีอณาจักรเห็ดอยู่ครับ ถ้าท่านฃื่นชอบเห็ด ท่านจะรู้เรื่องเห็ดได้มากมายที่นั่นครับ"
"อณาจักรเห็ดเหรอ น่าสนใจมาก ที่ไหนล่ะ"
"ตะวันตกจากเมืองนี้ครับ มุ่งหน้าผ่านหมู่บ้านประชาชนและเอลฟ์ไปก่อน อาจจะเห็นเมืองเห็ด"
"ขอบใจมาก ที่นั้นมีใครใหญ่โตบ้าง"
"ข้าว่า ..น่าจะเป็นท่านผู้เฒ่าเห็ดอายุหมื่นปีกว่านะครับ ท่านลองเจรจากันดู เผื่อท่านจะทราบเรื่องเบียงด้วย"
ทั้งสองกล่าวลาอาราฮาบากิเสร็จ ก็แยกย้ายกันไปแล้ว อาราฮาบากิเคลื่อนตัวเข้าไปในกระท่อมของดิกกอรี่เด็กชาวเกษตรที่หนีหายไประหว่างสงคราม
"อณาจักรเห็ดของเบียง.......อณาจักรเบียงของข้า"
เอาเข้าไป ในใจยังไม่ละทิ้งความพยายาม
=======================================
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ