Arahabaki action
-
เขียนโดย คุกกี้คามุอิ
วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 23.32 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
8,639 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 03.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) WAR (สงคราม)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเกาะมหัศจรรย์ประเทศเบียง ดินแดนแห่งจินตนาการและผู้ดี สุขใจเมื่อได้อาศัยอยู่ ทุกข์ใจเมื่อไม่ได้อาศัยที่นี่ แต่ประวัติศาสตร์ไม่เคยกล่าวถึงสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์กับเผ่าพันธุ์เอลฟ์ จนวันหนึ่งที่ตุ๊กตาอาราฮาบากิหล่นลงมาบนเกาะนี้ ประเทศเปลี่ยนจากหน้ามือให้เป็นหลังส้นติงหรือไม่ เรื่องราวมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว เมื่อเด็กหนุ่มผมสีทองเหลืองช่วยประกอบร่างให้ตุ๊กตาอีกครั้ง และหนีจากไปอย่างไม่ได้อธิบายให้เข้าใจว่าไปไหน
กลายเป็นว่า พื้นดินเกษตรกรรมเป็นสนามสมรภูมิอันดุเดือด ก่อนที่จะได้เห็นเลือดสาดอย่างน่ากลัว อาราฮาบากิควรทำอะไรซะก่อน ให้สงครามมันหยุด ไม่ว่าฝ่ายหนึ่งต้องแพ้และสูญเสียสิ่งที่ตนเรียกร้อง ปฏิวัติไม่สำเร็จ แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายยังคงเรืองอำนาจต่อ ไม่แน่นอนถ้าอาราฮาบากิเป็นตัวที่ทำให้สงครามไม่มีแพ้ไม่มีชนะเลย อาจจะมีสงครามครั้งที่สองและสามตามมาติดๆ
กองทัพของประชาชนเข้ามาถึงปลายภูเขาก่อน กองทัพมีมนุษย์ถือโล่กับดาบวิ่งเท้าเปล่าให้อดทนไปกับพื้นดินร้อนทรหด บางคนไม่ได้มีเสื้อสวม ส่วนเอลฟ์เป็นกึ่งมนุษย์ที่มนุษย์ธรรมดาเคารพบูชา มีฐานะสูงศักดิ์และได้ควบม้าออกรบพร้อมหอกที่แหลมคมพร้อมใช้รบในวันนี้ ส่วนผู้นำเอลฟ์ได้วางแผนมาดีพอแล้ว ถึงกับขอนำหน้าขบวนกองทัพเพื่อใช้หอกคู่พิฆาตโจมตีฝ่ายนักรบได้ดีกว่าลูกน้อง
ใกล้เข้ามาอีกนิด สัญชาตญาณของสรรพสัตว์บอกเตือนตัวเองให้สลายกลุ่มเพื่อเอาตัวรอด ฝูงนกได้บินหนีไปเป็นเส้นทางเดียวกันเรียบร้อย เป็ดไก่ต่างๆที่บินไม่ได้ ก็กระโดดขึ้นหลังม้าและวัวควายแล้วจิตใจของสัตว์เคี้ยวเอื้องเหมือนถูกสัตว์ปีกบังคับได้วิ่งพากันออกไปดินแดนใหม่กัน อาราฮาบากิตอนแรกไม่รู้อีโหน่อีเหน่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เริ่มสังเกตสัตว์ต่างๆที่หนีไม่คิดชีวิตแล้วถึงรู้ว่า อะไรกำลังจะมา
"มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ข้ามาจุติที่นี่ เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว ข้าไม่ได้ขอร้องใครเรื่องนี้เลย"
ระหว่างที่อาราฮาบากิมองไปรอบด้านแล้วอยู่กับที่ กองทัพประชาชนก้าวมาถึงดินแดนเกษตรกรรมนี้แล้ว พวกเขาทั้งหลายหยุดเคลื่อนที่ มาตั้งด่านกันบริเวณนี้ เอลฟ์หนุ่มลงจากม้า และกล่าวกับอาราฮาบากิว่า
"ท่านเทวรูปนี่นา เมื่อก่อนในดินแดนของเอลฟ์แห่งหนึ่งเป็นที่ประดิษฐ์รูปปั้นอาราฮาบากิไว้มากมาย เป็นวัตถุบูชาที่แสดงถึงวัฒนธรรมอินดีน่า ซึ่งยืมวัฒนธรรมมาจากชาโปเหนะหลังสงครามของชินโตกับศาสนาอื่นๆ ข้าเล่าถูกหรือเปล่าไม่ทราบ ท่านว่ายังไง"
"ข้าเป็นหนึ่งในจันทราที่ก่อร่างมาจุติพิภพ ที่ดวงจันทร์เสี้ยวมีเทพเจ้าที่สร้างข้าขึ้นมาให้แตกต่างกับเทวรูปองค์อื่นๆ ข้าจึงสามารถขยับกายอย่างมีชีวิตชีวาได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายบนดวงจันทร์ ล้วนแต่มีชีวิตทั้งสิ้น สหายของข้ามี ไม้กางเขน ศาสนาคริสต์ และ หยินหยาง ศาสนาเต๋า หรืออาจจะเป็นแค่ลัทธิเต๋า สถาปนาโดยชาวจีนนามว่า เล่าจื๊อ"
อาราฮาบากิหมุนตัวไปอีกฟากหนึ่งเห็นเนินเขาที่มีกองทัพของพวกทหารเป็นจุดเล็กๆ ที่เพิ่งจะเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ
"พวกนั้นมันไม่ตั้งใจมารบใช่ไหม ดูพวกมันไม่ค่อยเคลื่อนไหวกันเลย เอาแต่ส่งเสียงกู่ก้องเรียกกำลังใจในการรบสิท่า"
แล้วอาราฮาบากิก็หมุนศีรษะมาหาเจ้าหนุ่มเอลฟ์
"ว่าแต่เจ้าน่ะ จะทำสงครามเพื่อเรียกร้องอะไร"
"พวกเราถูกเอารัดเอาเปรียบจากทหารของพระราชวัง"
"แค่นั้น?" อาราฮาบากิสงสัยที่หนุ่มเอลฟ์ไม่กล่าวอะไรต่อ
"พวกข้าไม่ยอมให้ทหารมันมาลบล้างประชากรที่ด้อยโอกาส มันเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ไม่เคยให้รัฐบาลเปลี่ยนแนวทางการปกครองให้ประขากรเดินดิน ต้อยต่ำ ตาดำๆ น่าทนทุกข์ทรมาร ได้เกิดใหม่เป็นผู้บริหารประเทศบ้าง เศรษฐกิจของเรา ทำให้เราไม่พอมีพอกิน ทั้งๆที่ไม่เคยตกงาน แต่เงินเดือนไม่เคยพอ และสินค้าภายในไม่รุ่ง สินค้านอกมากมาย สินค้าที่ขายในเบียงกลับราคาแพงหูฉี่ แค่อาหารมื้อนึงบางคนไม่ได้รับประทาน เป็นการอดข้าวจนเดือดร้อน"
อาราฮาบากิไตร่ตรองเรื่องราวและการดำเนินตนเอง สาเหตุนี้ไม่ได้เกิดจากอาราฮาบากิ แต่เกิดจากประชาชนกำลังเรียกร้องให้ปฏิวัติ ความสงบสุขหายไปในพริบตา อาราฮาบากิไม่รู้จะฝักใฝ่ฝ่ายใดดีกว่ากัน มันก็ลอยขึ้นกลางอากาศแล้วหมุนตัว ก่อนจะพูดว่า
"ถ้าข้าช่วยเจ้า เจ้าจะรู้ไหมว่าข้าต้องการเบียงเป็นของข้า ข้ามาเพื่อเรื่องนี้อยู่แล้ว"
"ท่าน....นี่มันกบฏต่างแดนนี่นา พวกเราลุยทัพไปโจมตีโดยไม่สนใจอาราฮาบากิ"
"เฮ เฮ"
กองทัพไปเป็นขบวน สง่า สามัคคี ผ่านอาราฮาบากิไปอย่างมองไม่เห็นตัวมัน
"ถ้าเบียงจะมีข้า ข้าจะไม่ยอมให้รบกันซะหน่อย มันไม่ใช่จุดประสงค์ของข้า"
อาราฮาบากิพุ่งตัวในอากาศเพื่อจะไปให้ถึงฝ่ายกองทัพทหารพระราชวังก่อนกองทัพประชาชน
เฟี้ยว หอกจากประชาชนปลิวผ่านร่างเทวรูปไปเฉียดๆ
"ไม่สามารถหยุดข้าผู้นี้ได้หรอก"
แล้วหอกก็พุ่งมาอีกหลายเล่ม คราวนี้อาราฮาบากิโดนจังๆ จนต้องหมุนไปทางซ้ายทางขวา อาราฮาบากิไม่ใช่มนุษย์จึงไม่รู้สึกวิงเวียนศีรษะ แล้วทิศที่มันยังมุ่งไปก็ยังตรงไปทางภูเขาตรงข้าม
ห่างไกลจากกองทัพได้สักที หอกเล่มสุดท้ายเสียบโดนระหว่างล่างวงขา รู้สึกเจ็บส่วนท่อนล่างพิกล เป็นตุ๊กตาก็จริงแต่กลับรู้สึกเจ็บปวดจุดอ่อนได้เหมือนมนุษย์
เมฆฝนกลับมาอีกครั้ง โผล่พรวดมาตามหลังอาราฮาบากิ ส่งฟ้าผ่าลงมาอีกหลายครั้ง และเม็ดฝนเม็ดแรกหยดลงที่ศีรษะอาราฮาบากิ แล้วฝนเม็ดหลังเริ่มตกมาเฉียบพลัน อาราฮาบากิร่างเปียกชื้นไปกับฝน ไม่มีอะไรให้เช็ดร่างที่เปียกปอน ชิ้นส่วนจึงวาววับเหมือนตอนก่อร่างตัวใหม่ๆ ไอพ่นที่เท้าทั้งสองข้างไม่ได้เป็นพลังงานกล แต่เป็นเวทย์มนต์ที่ใช้ในตอนเหาะเหิน เลยไม่หมดสภาพไปกับสายฝน แต่ยังคงต้องหลบสายฟ้าฟาดที่จะผ่ามาเวลาไหนแล้วแต่อารมณ์ของเมฆฝน
ศีรษะตุ๊กตานำร่างบินไปและร่างกายทั้งส่วนหมุนแบบซ้ายทีขวาที เร่งความเร็วหนีเมฆยังไงก็ไม่พ้น เหมือนเมฆมาเพราะคำสาปที่ติดตัวอาราฮาบากิ กองทัพประชาชนกำลังเข้าสู่สภาวะฤดูฝนที่เกิดขึ้นฉับพลัน มนุษย์ที่ถือโล่กับดาบได้ย่ำบนพื้นดินเปียกๆ ไปกับกองทัพม้าของเอลฟ์ เสียงม้าร้องที่ทำให้ดูเหมือนการจู่โจมโถมเข้าหาเป้าหมาย
จะทำสงครามกันทั้งที่ ความเป็นระเบียบสามัคคีจะสู้กับคำสาปอาราฮาบากิได้หรือ ยังเร็วไปหลายร้อยปี เพราะแม้อาราฮาบากิไม่สาปแช่งใส่ ตัวมันก็ทำให้เรื่องต่างๆปั่นป่วนได้ตลอดเวลา ช่างศักดิ์สิทธิ์เหลือหลาย จะหาผู้เคารพต้องรอให้คำสาปมันจบไปจะได้ไม่มีอุบัติเหตุ
กองทัพทหารพระราชวังไม่เร่งความเร็วเหมือนไม่พร้อมรบรากับข้าศึก ทหารเอกกลับอยู่ข้างหลังทัพเหมือนจะบอกกับลูกสมุนของตนว่า "เค้ากลัว" พลทหารคนหนึ่งที่นำขบวนเข้าสู่เขตฝน แล้วตะโกนให้กองทัพรับทราบเหตุการณ์
"ฝนมาแล้ว กลับ ถอบทัพกลับวัง"
ทหารเอกไม่ได้ยินยอมจะทำตาม ปฏิเสธกลับไปให้ทุกคน
"เรื่องแค่นี้จะถอยกลับทำไม เดี๋ยวฝ่ายประชาชนมันมาถึงวังก็ต้องสู้รบกันอยู่ดี ลุยไป ไม่ค้องคิดมาก"
"รับทราบ"
"ข้างหน้าพบเทวรูปครับหัวหน้า"
"เทวรูปอะไร"
"เทวรูปอะไรสักอย่างจากต่างแดน"
"ไส้ศึกหรือเปล่า"
อาราฮาบากิเขยิบไปข้างๆกองทัพแล้วกล่าว
"พวกเจ้าเป็นพวกที่เอาเปรียบประโยชน์ชาวบ้าน รับรองว่าการสู้รบครั้งนี้ไม่จบด้วยชัยขนะแต่จะจบด้วยตัวข้านี่แหละ"
ทหารพระราชวังคิดว่ามันต้องเป็นไส้ศึกแน่ๆร้อยเปอร์เซ็นต์ กองทัพเข้าระบบใหม่ ทหารม้านำทัพวิ่งสะบัดเท้าปัดอาราฮาบากิกระเด็กไปข้างหลัง เท้าทหารที่ตามหลังวิ่งเตะให้เทวรูปจนหมุนวนไปกับบาทาของอาชาและกองทัพ ม้าตัวต่อมาถูกทหารควบไม่ดี ล้มทับเทวรูปแล้วม้ากับทหารกลิ้งตลบหลายรอบไปตามทางเดิน อาราฮาบากิบัดนี้อยู่ท่าตะแคงนอน ลูกตาเริ่มมีสีแสดแดงตรงเส้นลูกตา พลังอำมหิตชักจะเริ่มเดือดขึ้น หวังให้กองทัพต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า ไม่ต้องให้ใครชนะ ใครแพ้
อาราฮาบากิลอยกลับไปฝั่งเดิม จะไปเป็นจุดกลางศูนย์กลางสมรภูมิ มันพุ่งผ่านหว่างขากองทัพทหารพระราชวังทั้งม้าและคน ทำให้เจ้าของหว่างขาลอยขึ้นสักพักหนึ่งก่อนที่จะกลับมาบนพื้นตามปกติ สายลมแห่งความเยือกเย็นพัดหลังทหารในท่ามกลางสายฝน สายฟ้าผ่า และฟ้าก็ร้องตาม
ภาพเทวรูปกับสายฝนช่างน่างดงาม มีสายฟ้าฟาดเป็นฉากหลัง แสดงถึงความฉิบหายหรืออาถรรพ์อย่างรุนแรง
จุดศูนย์กลางสมรภูมิมีอาราฮาบากิหนึ่งองค์ ฝั่งขวาเป็นพวกประชาชน ฝั่งซ้ายมือเป็นพวกทหารพระราชวัง เมื่อถึงคราวเผชิญหน้ากันแล้ว ทั้งสองฝ่ายเลือดขึ้นหน้า อารมณ์เดือดต่างลุยกระหน่ำไม่คิดถึงชีวิตตน เทวรูปถูกกองทัพจู่โจมแล้วกระเด็นขึ้นข้างบนไปเป็นจังหวะ จังหวะสองสามเป็นการตีลังกา ตีลังกา และก็ตีลังกา ดาบทหารสู้รบกับหอกของมนุษย์เอลฟ์ให้โอกาสเพียงห้าสิบๆ สองฝ่ายเสียกำลังล้มตายเป็นจำนวนมาก อย่างกล้าที่จะเอาศักดิ์ศรีว่าตายในสมรภูมิและจะได้บำเน็จหรือเงินพิเศษแก่ครอบครัว
อาราฮาบากิไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ตีลังกากลางอากาศตลอดเวลาระหว่างพวกเขาสู้รบกัน
"สงครามหยุดเมื่อไหร่ ข้านี่แหละผู้ชนะ ผู้ครองแผ่นดิน ไม่ใช่พระราชาของพวกเจ้าที่จะครองนครนี้"
อย่างวางอำนาจที่ตั้งใจ มุ่งมั่น บัดนี้กองทัพล้มตายกันหมดอย่างอนาถ ที่ไม่น่าเชื่อว่าผู้นำทั้งสองจะยังคงตะลุมบอนกันอยู่โดยมีเทวรูปถูกโจมตีและตีลังกากับการโจมตีอย่างเด็กเล่นอะไรสนุกๆ
เจ้าหนุ่มเอลฟ์ควบม้าอย่างดี มือข้างหนึ่งจับบังเหียนม้าไม่ให้พยศก่อนเสร็จกิจการ มือข้างที่ถนัดจับถือหอกไว้จิ้มจมูกฝ่ายตรงข้าม แต่เสียใจที่ทหารเอกสวมเกราะทั้งร่าง
"จงยอมซะดีดี ทหาร"
"เราต่างก็ไม่เหลืออะไรแล้วเอลฟ์บ้าเอ๊ย ตายกันไปข้างซะ"
อาวุธหอกตวัดดาบ และดาบตวัดกลับ อาราฮาบากิตีลังกาอย่างเมามัน แล้วเป็นเหตุที่ทำให้ทั้งสองหยุดรบกัน แล้วมองอาราฮาบากิที่หมุนตีลังกาอยู่ไม่หยุด ทั้งๆที่ไม่ได้ถูกโจมตี
"เฮ้ย ไอ้กบฏนอกแดน สนุกนักเหรอ" เอลฟ์หนุ่มปริปากถาม
"ไส้ศึกของแกไม่ใช่เหรอไอ้เอลฟ์บ้า" ทหารสวนให้หูของเอลฟ์ตั้งชี้ด้วยอารมณ์ฉุน
"มันไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย ไอ้เทวรูปนี่ มันจะอะไรนักหนา"
เทวรูปหยุดตีลังกากลางอากาศแล้วหมุนวนไปทางซ้ายสามรอบ
"กระดูกพวกเจ้าคงแข็ง หรือดวงแข็งจริงๆ รบกันไม่แพ้ชนะ ดูบนฟ้าโน่น"
ท้องฟ้าซึ่งเมฆฝนดำครึ้มเคลื่อนตัวหนีจากเบียงไปอย่างเร็วแล้ว จู่ๆก็มีเฮลิคอปเตอร์ฝ่าเมฆเข้ามา บินสูงเหนือพื้นดิน เฮลิคอปเตอร์ของเอฟบีไอ และเครื่องบินรบสี่ห้าลำมาทิ้งระเบิดลงเป้าหมายนั่นคือ พระราชวัง
ตูม
ทหารเอกได้ยินเสียงระเบิดมาแต่ไกล ทว่าจะรู้หรือไม่ว่าพระราชวังถูกระเบิดทำลายพังพินาศไปแล้ว
เฮลิคอปเตอร์เอฟบีไอที่ลอยหยุดนิ่ง ใบพัดหมุนไปเรื่อยๆ เอฟบีไอสาวชุดดำทั้งเสื้อนอกและกางเกงเปิดประตูทิ้งลูกน้อยหน่าเหล็กลงที่พวกอาราฮาบากิ แล้วทั้งสามก็มองลูกน้อยหน่าที่สลักถูกเปิดแล้ว และสาวคนนั้นก็พูดว่า
"ขอเตือนพวกเบียง นี่คือเอฟบีไอของโบว์กูวป์ พวกเราจะมาทำสงรามกับดินแดนอุดมสมบูรณ์ของท่าน"
บรึม
"จบการปฏิบัติหน้าที่ แล้วเราจะพบกันใหม่ จากเอฟบีไอ"
และแล้วเฮลิคอปเตอร์ก็บินจากไปกับท้องฟ้าเข้ากลีบเมฆไปอย่างลิบลับ ปล่อยให้ตัวประสาทแ-กทั้งสาม ผิวดำเป็นตอตะโก จึงหยุดสงครามกัน ม้าที่ถูกสะเก็ดระเบิดได้ร้อง เอ๋ง เป็นสุนัขไปตัวละทิศทางแล้ว แล้วทหารกับเอลฟ์หนุ่มจึงไม่คิดจะรบราฆ่าฟันกันอีก พวกเขาเริ่มกลับมานับถืออาราฮาบากิมากกวาเดิม หวังว่าจะให้ประเทศไม่ต้องตกเป็นของประเทศอื่นใด
อาราฮาบากิสงบใจลงพูดว่า
"อะเมซิ่ง โบว์กูวป์จะถล่มเบียง"
====================================
กลายเป็นว่า พื้นดินเกษตรกรรมเป็นสนามสมรภูมิอันดุเดือด ก่อนที่จะได้เห็นเลือดสาดอย่างน่ากลัว อาราฮาบากิควรทำอะไรซะก่อน ให้สงครามมันหยุด ไม่ว่าฝ่ายหนึ่งต้องแพ้และสูญเสียสิ่งที่ตนเรียกร้อง ปฏิวัติไม่สำเร็จ แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายยังคงเรืองอำนาจต่อ ไม่แน่นอนถ้าอาราฮาบากิเป็นตัวที่ทำให้สงครามไม่มีแพ้ไม่มีชนะเลย อาจจะมีสงครามครั้งที่สองและสามตามมาติดๆ
กองทัพของประชาชนเข้ามาถึงปลายภูเขาก่อน กองทัพมีมนุษย์ถือโล่กับดาบวิ่งเท้าเปล่าให้อดทนไปกับพื้นดินร้อนทรหด บางคนไม่ได้มีเสื้อสวม ส่วนเอลฟ์เป็นกึ่งมนุษย์ที่มนุษย์ธรรมดาเคารพบูชา มีฐานะสูงศักดิ์และได้ควบม้าออกรบพร้อมหอกที่แหลมคมพร้อมใช้รบในวันนี้ ส่วนผู้นำเอลฟ์ได้วางแผนมาดีพอแล้ว ถึงกับขอนำหน้าขบวนกองทัพเพื่อใช้หอกคู่พิฆาตโจมตีฝ่ายนักรบได้ดีกว่าลูกน้อง
ใกล้เข้ามาอีกนิด สัญชาตญาณของสรรพสัตว์บอกเตือนตัวเองให้สลายกลุ่มเพื่อเอาตัวรอด ฝูงนกได้บินหนีไปเป็นเส้นทางเดียวกันเรียบร้อย เป็ดไก่ต่างๆที่บินไม่ได้ ก็กระโดดขึ้นหลังม้าและวัวควายแล้วจิตใจของสัตว์เคี้ยวเอื้องเหมือนถูกสัตว์ปีกบังคับได้วิ่งพากันออกไปดินแดนใหม่กัน อาราฮาบากิตอนแรกไม่รู้อีโหน่อีเหน่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เริ่มสังเกตสัตว์ต่างๆที่หนีไม่คิดชีวิตแล้วถึงรู้ว่า อะไรกำลังจะมา
"มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ข้ามาจุติที่นี่ เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว ข้าไม่ได้ขอร้องใครเรื่องนี้เลย"
ระหว่างที่อาราฮาบากิมองไปรอบด้านแล้วอยู่กับที่ กองทัพประชาชนก้าวมาถึงดินแดนเกษตรกรรมนี้แล้ว พวกเขาทั้งหลายหยุดเคลื่อนที่ มาตั้งด่านกันบริเวณนี้ เอลฟ์หนุ่มลงจากม้า และกล่าวกับอาราฮาบากิว่า
"ท่านเทวรูปนี่นา เมื่อก่อนในดินแดนของเอลฟ์แห่งหนึ่งเป็นที่ประดิษฐ์รูปปั้นอาราฮาบากิไว้มากมาย เป็นวัตถุบูชาที่แสดงถึงวัฒนธรรมอินดีน่า ซึ่งยืมวัฒนธรรมมาจากชาโปเหนะหลังสงครามของชินโตกับศาสนาอื่นๆ ข้าเล่าถูกหรือเปล่าไม่ทราบ ท่านว่ายังไง"
"ข้าเป็นหนึ่งในจันทราที่ก่อร่างมาจุติพิภพ ที่ดวงจันทร์เสี้ยวมีเทพเจ้าที่สร้างข้าขึ้นมาให้แตกต่างกับเทวรูปองค์อื่นๆ ข้าจึงสามารถขยับกายอย่างมีชีวิตชีวาได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายบนดวงจันทร์ ล้วนแต่มีชีวิตทั้งสิ้น สหายของข้ามี ไม้กางเขน ศาสนาคริสต์ และ หยินหยาง ศาสนาเต๋า หรืออาจจะเป็นแค่ลัทธิเต๋า สถาปนาโดยชาวจีนนามว่า เล่าจื๊อ"
อาราฮาบากิหมุนตัวไปอีกฟากหนึ่งเห็นเนินเขาที่มีกองทัพของพวกทหารเป็นจุดเล็กๆ ที่เพิ่งจะเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ
"พวกนั้นมันไม่ตั้งใจมารบใช่ไหม ดูพวกมันไม่ค่อยเคลื่อนไหวกันเลย เอาแต่ส่งเสียงกู่ก้องเรียกกำลังใจในการรบสิท่า"
แล้วอาราฮาบากิก็หมุนศีรษะมาหาเจ้าหนุ่มเอลฟ์
"ว่าแต่เจ้าน่ะ จะทำสงครามเพื่อเรียกร้องอะไร"
"พวกเราถูกเอารัดเอาเปรียบจากทหารของพระราชวัง"
"แค่นั้น?" อาราฮาบากิสงสัยที่หนุ่มเอลฟ์ไม่กล่าวอะไรต่อ
"พวกข้าไม่ยอมให้ทหารมันมาลบล้างประชากรที่ด้อยโอกาส มันเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ไม่เคยให้รัฐบาลเปลี่ยนแนวทางการปกครองให้ประขากรเดินดิน ต้อยต่ำ ตาดำๆ น่าทนทุกข์ทรมาร ได้เกิดใหม่เป็นผู้บริหารประเทศบ้าง เศรษฐกิจของเรา ทำให้เราไม่พอมีพอกิน ทั้งๆที่ไม่เคยตกงาน แต่เงินเดือนไม่เคยพอ และสินค้าภายในไม่รุ่ง สินค้านอกมากมาย สินค้าที่ขายในเบียงกลับราคาแพงหูฉี่ แค่อาหารมื้อนึงบางคนไม่ได้รับประทาน เป็นการอดข้าวจนเดือดร้อน"
อาราฮาบากิไตร่ตรองเรื่องราวและการดำเนินตนเอง สาเหตุนี้ไม่ได้เกิดจากอาราฮาบากิ แต่เกิดจากประชาชนกำลังเรียกร้องให้ปฏิวัติ ความสงบสุขหายไปในพริบตา อาราฮาบากิไม่รู้จะฝักใฝ่ฝ่ายใดดีกว่ากัน มันก็ลอยขึ้นกลางอากาศแล้วหมุนตัว ก่อนจะพูดว่า
"ถ้าข้าช่วยเจ้า เจ้าจะรู้ไหมว่าข้าต้องการเบียงเป็นของข้า ข้ามาเพื่อเรื่องนี้อยู่แล้ว"
"ท่าน....นี่มันกบฏต่างแดนนี่นา พวกเราลุยทัพไปโจมตีโดยไม่สนใจอาราฮาบากิ"
"เฮ เฮ"
กองทัพไปเป็นขบวน สง่า สามัคคี ผ่านอาราฮาบากิไปอย่างมองไม่เห็นตัวมัน
"ถ้าเบียงจะมีข้า ข้าจะไม่ยอมให้รบกันซะหน่อย มันไม่ใช่จุดประสงค์ของข้า"
อาราฮาบากิพุ่งตัวในอากาศเพื่อจะไปให้ถึงฝ่ายกองทัพทหารพระราชวังก่อนกองทัพประชาชน
เฟี้ยว หอกจากประชาชนปลิวผ่านร่างเทวรูปไปเฉียดๆ
"ไม่สามารถหยุดข้าผู้นี้ได้หรอก"
แล้วหอกก็พุ่งมาอีกหลายเล่ม คราวนี้อาราฮาบากิโดนจังๆ จนต้องหมุนไปทางซ้ายทางขวา อาราฮาบากิไม่ใช่มนุษย์จึงไม่รู้สึกวิงเวียนศีรษะ แล้วทิศที่มันยังมุ่งไปก็ยังตรงไปทางภูเขาตรงข้าม
ห่างไกลจากกองทัพได้สักที หอกเล่มสุดท้ายเสียบโดนระหว่างล่างวงขา รู้สึกเจ็บส่วนท่อนล่างพิกล เป็นตุ๊กตาก็จริงแต่กลับรู้สึกเจ็บปวดจุดอ่อนได้เหมือนมนุษย์
เมฆฝนกลับมาอีกครั้ง โผล่พรวดมาตามหลังอาราฮาบากิ ส่งฟ้าผ่าลงมาอีกหลายครั้ง และเม็ดฝนเม็ดแรกหยดลงที่ศีรษะอาราฮาบากิ แล้วฝนเม็ดหลังเริ่มตกมาเฉียบพลัน อาราฮาบากิร่างเปียกชื้นไปกับฝน ไม่มีอะไรให้เช็ดร่างที่เปียกปอน ชิ้นส่วนจึงวาววับเหมือนตอนก่อร่างตัวใหม่ๆ ไอพ่นที่เท้าทั้งสองข้างไม่ได้เป็นพลังงานกล แต่เป็นเวทย์มนต์ที่ใช้ในตอนเหาะเหิน เลยไม่หมดสภาพไปกับสายฝน แต่ยังคงต้องหลบสายฟ้าฟาดที่จะผ่ามาเวลาไหนแล้วแต่อารมณ์ของเมฆฝน
ศีรษะตุ๊กตานำร่างบินไปและร่างกายทั้งส่วนหมุนแบบซ้ายทีขวาที เร่งความเร็วหนีเมฆยังไงก็ไม่พ้น เหมือนเมฆมาเพราะคำสาปที่ติดตัวอาราฮาบากิ กองทัพประชาชนกำลังเข้าสู่สภาวะฤดูฝนที่เกิดขึ้นฉับพลัน มนุษย์ที่ถือโล่กับดาบได้ย่ำบนพื้นดินเปียกๆ ไปกับกองทัพม้าของเอลฟ์ เสียงม้าร้องที่ทำให้ดูเหมือนการจู่โจมโถมเข้าหาเป้าหมาย
จะทำสงครามกันทั้งที่ ความเป็นระเบียบสามัคคีจะสู้กับคำสาปอาราฮาบากิได้หรือ ยังเร็วไปหลายร้อยปี เพราะแม้อาราฮาบากิไม่สาปแช่งใส่ ตัวมันก็ทำให้เรื่องต่างๆปั่นป่วนได้ตลอดเวลา ช่างศักดิ์สิทธิ์เหลือหลาย จะหาผู้เคารพต้องรอให้คำสาปมันจบไปจะได้ไม่มีอุบัติเหตุ
กองทัพทหารพระราชวังไม่เร่งความเร็วเหมือนไม่พร้อมรบรากับข้าศึก ทหารเอกกลับอยู่ข้างหลังทัพเหมือนจะบอกกับลูกสมุนของตนว่า "เค้ากลัว" พลทหารคนหนึ่งที่นำขบวนเข้าสู่เขตฝน แล้วตะโกนให้กองทัพรับทราบเหตุการณ์
"ฝนมาแล้ว กลับ ถอบทัพกลับวัง"
ทหารเอกไม่ได้ยินยอมจะทำตาม ปฏิเสธกลับไปให้ทุกคน
"เรื่องแค่นี้จะถอยกลับทำไม เดี๋ยวฝ่ายประชาชนมันมาถึงวังก็ต้องสู้รบกันอยู่ดี ลุยไป ไม่ค้องคิดมาก"
"รับทราบ"
"ข้างหน้าพบเทวรูปครับหัวหน้า"
"เทวรูปอะไร"
"เทวรูปอะไรสักอย่างจากต่างแดน"
"ไส้ศึกหรือเปล่า"
อาราฮาบากิเขยิบไปข้างๆกองทัพแล้วกล่าว
"พวกเจ้าเป็นพวกที่เอาเปรียบประโยชน์ชาวบ้าน รับรองว่าการสู้รบครั้งนี้ไม่จบด้วยชัยขนะแต่จะจบด้วยตัวข้านี่แหละ"
ทหารพระราชวังคิดว่ามันต้องเป็นไส้ศึกแน่ๆร้อยเปอร์เซ็นต์ กองทัพเข้าระบบใหม่ ทหารม้านำทัพวิ่งสะบัดเท้าปัดอาราฮาบากิกระเด็กไปข้างหลัง เท้าทหารที่ตามหลังวิ่งเตะให้เทวรูปจนหมุนวนไปกับบาทาของอาชาและกองทัพ ม้าตัวต่อมาถูกทหารควบไม่ดี ล้มทับเทวรูปแล้วม้ากับทหารกลิ้งตลบหลายรอบไปตามทางเดิน อาราฮาบากิบัดนี้อยู่ท่าตะแคงนอน ลูกตาเริ่มมีสีแสดแดงตรงเส้นลูกตา พลังอำมหิตชักจะเริ่มเดือดขึ้น หวังให้กองทัพต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า ไม่ต้องให้ใครชนะ ใครแพ้
อาราฮาบากิลอยกลับไปฝั่งเดิม จะไปเป็นจุดกลางศูนย์กลางสมรภูมิ มันพุ่งผ่านหว่างขากองทัพทหารพระราชวังทั้งม้าและคน ทำให้เจ้าของหว่างขาลอยขึ้นสักพักหนึ่งก่อนที่จะกลับมาบนพื้นตามปกติ สายลมแห่งความเยือกเย็นพัดหลังทหารในท่ามกลางสายฝน สายฟ้าผ่า และฟ้าก็ร้องตาม
ภาพเทวรูปกับสายฝนช่างน่างดงาม มีสายฟ้าฟาดเป็นฉากหลัง แสดงถึงความฉิบหายหรืออาถรรพ์อย่างรุนแรง
จุดศูนย์กลางสมรภูมิมีอาราฮาบากิหนึ่งองค์ ฝั่งขวาเป็นพวกประชาชน ฝั่งซ้ายมือเป็นพวกทหารพระราชวัง เมื่อถึงคราวเผชิญหน้ากันแล้ว ทั้งสองฝ่ายเลือดขึ้นหน้า อารมณ์เดือดต่างลุยกระหน่ำไม่คิดถึงชีวิตตน เทวรูปถูกกองทัพจู่โจมแล้วกระเด็นขึ้นข้างบนไปเป็นจังหวะ จังหวะสองสามเป็นการตีลังกา ตีลังกา และก็ตีลังกา ดาบทหารสู้รบกับหอกของมนุษย์เอลฟ์ให้โอกาสเพียงห้าสิบๆ สองฝ่ายเสียกำลังล้มตายเป็นจำนวนมาก อย่างกล้าที่จะเอาศักดิ์ศรีว่าตายในสมรภูมิและจะได้บำเน็จหรือเงินพิเศษแก่ครอบครัว
อาราฮาบากิไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ตีลังกากลางอากาศตลอดเวลาระหว่างพวกเขาสู้รบกัน
"สงครามหยุดเมื่อไหร่ ข้านี่แหละผู้ชนะ ผู้ครองแผ่นดิน ไม่ใช่พระราชาของพวกเจ้าที่จะครองนครนี้"
อย่างวางอำนาจที่ตั้งใจ มุ่งมั่น บัดนี้กองทัพล้มตายกันหมดอย่างอนาถ ที่ไม่น่าเชื่อว่าผู้นำทั้งสองจะยังคงตะลุมบอนกันอยู่โดยมีเทวรูปถูกโจมตีและตีลังกากับการโจมตีอย่างเด็กเล่นอะไรสนุกๆ
เจ้าหนุ่มเอลฟ์ควบม้าอย่างดี มือข้างหนึ่งจับบังเหียนม้าไม่ให้พยศก่อนเสร็จกิจการ มือข้างที่ถนัดจับถือหอกไว้จิ้มจมูกฝ่ายตรงข้าม แต่เสียใจที่ทหารเอกสวมเกราะทั้งร่าง
"จงยอมซะดีดี ทหาร"
"เราต่างก็ไม่เหลืออะไรแล้วเอลฟ์บ้าเอ๊ย ตายกันไปข้างซะ"
อาวุธหอกตวัดดาบ และดาบตวัดกลับ อาราฮาบากิตีลังกาอย่างเมามัน แล้วเป็นเหตุที่ทำให้ทั้งสองหยุดรบกัน แล้วมองอาราฮาบากิที่หมุนตีลังกาอยู่ไม่หยุด ทั้งๆที่ไม่ได้ถูกโจมตี
"เฮ้ย ไอ้กบฏนอกแดน สนุกนักเหรอ" เอลฟ์หนุ่มปริปากถาม
"ไส้ศึกของแกไม่ใช่เหรอไอ้เอลฟ์บ้า" ทหารสวนให้หูของเอลฟ์ตั้งชี้ด้วยอารมณ์ฉุน
"มันไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย ไอ้เทวรูปนี่ มันจะอะไรนักหนา"
เทวรูปหยุดตีลังกากลางอากาศแล้วหมุนวนไปทางซ้ายสามรอบ
"กระดูกพวกเจ้าคงแข็ง หรือดวงแข็งจริงๆ รบกันไม่แพ้ชนะ ดูบนฟ้าโน่น"
ท้องฟ้าซึ่งเมฆฝนดำครึ้มเคลื่อนตัวหนีจากเบียงไปอย่างเร็วแล้ว จู่ๆก็มีเฮลิคอปเตอร์ฝ่าเมฆเข้ามา บินสูงเหนือพื้นดิน เฮลิคอปเตอร์ของเอฟบีไอ และเครื่องบินรบสี่ห้าลำมาทิ้งระเบิดลงเป้าหมายนั่นคือ พระราชวัง
ตูม
ทหารเอกได้ยินเสียงระเบิดมาแต่ไกล ทว่าจะรู้หรือไม่ว่าพระราชวังถูกระเบิดทำลายพังพินาศไปแล้ว
เฮลิคอปเตอร์เอฟบีไอที่ลอยหยุดนิ่ง ใบพัดหมุนไปเรื่อยๆ เอฟบีไอสาวชุดดำทั้งเสื้อนอกและกางเกงเปิดประตูทิ้งลูกน้อยหน่าเหล็กลงที่พวกอาราฮาบากิ แล้วทั้งสามก็มองลูกน้อยหน่าที่สลักถูกเปิดแล้ว และสาวคนนั้นก็พูดว่า
"ขอเตือนพวกเบียง นี่คือเอฟบีไอของโบว์กูวป์ พวกเราจะมาทำสงรามกับดินแดนอุดมสมบูรณ์ของท่าน"
บรึม
"จบการปฏิบัติหน้าที่ แล้วเราจะพบกันใหม่ จากเอฟบีไอ"
และแล้วเฮลิคอปเตอร์ก็บินจากไปกับท้องฟ้าเข้ากลีบเมฆไปอย่างลิบลับ ปล่อยให้ตัวประสาทแ-กทั้งสาม ผิวดำเป็นตอตะโก จึงหยุดสงครามกัน ม้าที่ถูกสะเก็ดระเบิดได้ร้อง เอ๋ง เป็นสุนัขไปตัวละทิศทางแล้ว แล้วทหารกับเอลฟ์หนุ่มจึงไม่คิดจะรบราฆ่าฟันกันอีก พวกเขาเริ่มกลับมานับถืออาราฮาบากิมากกวาเดิม หวังว่าจะให้ประเทศไม่ต้องตกเป็นของประเทศอื่นใด
อาราฮาบากิสงบใจลงพูดว่า
"อะเมซิ่ง โบว์กูวป์จะถล่มเบียง"
====================================
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ