NR & The Suspiria's School นรินทร์กับโรงเรียนยมทูต
6.5
เขียนโดย AmakusaKanade
วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.42 น.
4 ตอน
3 วิจารณ์
9,686 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2557 22.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ไม่รู้อิโหน่อิเหน่.....งั้นเหรอ!!!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ..... ตอนที่1 ไม่รู้อิโหน่อิเหน่!!! งั้นเหรอ!!
..........ณ บ้านเมืองอันสงบสุข เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสิ่งก้อสร้าง ตึกระฟ้าอาคารบ้านช่อง ผู้คนสัญจรไปสัญจรมา มีพ่อค้าแม่ค้า มากหน้าหลายตา กำลังขายของกันอย่างปกติ
"ผักมั้ยจ๊า ผักสดๆร้อนๆเลยจร้า!!!"แม่ค้าสาวสวยวัย18ปี รูปร่างผอมเรียวสวย ผมสีทองยาวถึงกลางหลังถูกมัดรวมเป็นทรงหางม้า ดวงตาสีฟ้าที่จับจ้องไปที่ผู้คนมากมายพร้อมรอยยิ้มอันสดใส ปากสีชมพูของเธอได้อ้าและตะโกนขายผักอย่างขยันขันแข็งท่ามกลางผู้คนที่เดิน ผ่านไปมา
"อิ๊ๆ กินผักอย่างเดียว มันไม่อร่อยหรอกน๊าา มาซื้อเนื้อร้านพี่มั้ยแจ๊!!!"
"วันนี้ ลด20เปอร์เซ็นต์เลยนะแจ๊ !!!" เสียพ่อค้าหนุ่มวัย18 ปี ท่าทางโรคจิต ผมยาวรุงรัง มีหนวดเครายาวเทอะทะ ก็กำลังเรียกลูกค้า พร้อมแซวแม่ค้าขายผักที่อยู่ร้านตรงข้ามร้านขายเนื้อของเขาอย่างสบายอารมณ์
"หนอย....!!! ไอ้กร๊วกเอ้ย!!! จะมาแซวพี่ตูเหรอฟะ!! จะเอาเหรอไง!!" หนุ่มน้อยที่คาดว่าน่าจะเป็นน้องชายของแม่ค้าขายผักกำลังโวยวายใหญ่ ด้วยสีหน้าที่โกรธ 'แต่น่ารัก' เพราะหน้าตาน่ารักราวกับเด็กอายุ 12 ปี ผมสีน้ำตาลปนดำๆ ดวงตาสีเขียว พร้อมโครงหน้าที่สวยคล้ายผู้หญิง
"แหมๆ ไม่เป็นไรหรอกนะจ๊ะ เอลวิน" แม้ค้าสาวพูดพร้อมเอามือลูบหัวน้องชายผู้น่ารักของเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้ม อย่างเป็นมิตร "คิดซะว่าพวก หมู หมา กา ไก่ แถวนี้มันร้องหาอาหารนะจ๊ะ น้องรัก" แม้ค้าสาวพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสวยงามราวกับเทพธิดา แต่คำพูดนั้นโหดร้ายราวกับซาตาน "ฮะพี่ชิลล์" เอลวินตอบด้วยใบหน้าฉีกยิ้มให้เห็นฟันสีขาวเรียงสวยโดยมีเขี้ยว2เขี้ยวคล้าย แวมไพร์อยู่ด้วยแสดงถึงความชื่นชมและพอใจในตัวพี่สาวที่จิตใจยังงดงามเหมือนหน้าตาพี่(ในสายตาของเอลวิน)
แต่ทว่า ไม่ใช่แค่เอลวินเท่านั้นที่คิดอย่างนั้น
"อะเฮือก!!!?" ราวกับฝ้าผ่าลงมาอย่างรุนแรงใส่พ่อค้าหนุ่มนั่น 'โดนใจพี่' นี่คือสิ่งที่พ่อค้าหนุ่มคิดในตอนนี้ พร้อมกับหน้าตาที่แสยะยิ้มหื่นๆ แล้วพ่อค้าแม่ค้าก็ถกเถียงกันเล่นอยู่อย่างนั้นไป
.......จนเวลาก็ผ่านไป ประมาณ 10 นาที....
พ่อค้าหนุ่มก็กำลังยิ้มไม่หุบหลังจากได้ฟังคำด่าของแม่ค้าสาวสวยไม่ว่าจะเป็น "หน้าหื่นเอย บ้ากามเอย น่าหยะแหยงเอย" เหตุผลง่ายสั้นๆเพราะว่า "โดนใจพี่"
และแล้วทั้งฝั่งแม่ค้าและพ่อค้า ก็ต้องรู้สึกแปลกๆเมื่อหันไปเห็นผู้คนที่อยู่นอกเมืองที่ดูเหมือนเริ่มเอะอะโวยวายแล้วเริ่มหายไปทีละนิดๆ
ที่พ่อค้าและแม่ค้าเห็นเพราะสถานที่ที่พวกเขาขายของเป็น ตัวเมืองชั้นในซึ่งจะมีพื้นที่สูงกว่ามากขึ้นเรื่อยๆจากนอกเมืองมาในเมืองเหมือนภูเขาเลยเห็นชัดเจนและที่ที่3คนนั้นอยู่ก็เป็นทางถนนเดินใหญ่ด้วย เรียกว่าที่ทำเลดีๆก็ว่าได้
“เฮ้ย!!! เอะอะโวยวายเอะอะโวยวาย”
“พวกเอ็งทำอะไรว่ะ”
“ก็ฉันกำลังเอะอะโวยวายไง”
"อ่าวเร๊อะ บทพวกข้ามีแค่นี้สินะ"
“ใช่ๆ บทน้อยๆอยู่ตั้งใจเล่นหน่อยดิ ฉันกำลังเอะอะโวยวายอยู่น๊า”
" เอาหว่ะ ฉันด้วย ฉันเอะอะโวยวาย"
“ฉันก็กำลังเอะอะโวยวายเหมือนกันล่ะ”
“ผมก็เอะอะโวยวายเหมือนกันนะฮะ”เสียงผู้คนเริ่มเอะอะโวยวายกันใหญ่
"เกิด อะไรขึ้นหว่า ทำไมดูเหมือนคนที่อยู่นอกเมืองนี้ค่อยๆลดลงๆ เรื่อยๆแว๊ะ ?" พ่อค้าหนุ่มเอ่ยขึ้นดังๆโดยหวังตำตอบจากใครสักคนที่เดินผ่านไปมา ซึ่งแน่นอนว่าแม้ค้าสาวกับน้องชายของเธอก็อยากรู้เหมือนกัน
...... แต่แล้ว............................................................
"จะถามไรกันนักหนาเล่า!! ฉันก็เอะอะโวยวายไงโว้ยยยย!!"
เงิ้บ (‘ ‘) (‘ ‘) (‘ ‘).....
แต่แล้วพ่อค้าหนุ่มและแม่ค้าสาวก็หาได้สนใจไม่ พลางคิด
'เดี๋ยวเราเก็บข้าวของกลับดีกว่า รู้สึกสังหรใจไม่ดีชอบกลแหะ' พ่อค้าหนุ่มและแม่ค้าสาวคิดในใจเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย โดยจู่ๆเหล่าผู้คนก็เริ่มมาอัดแน่นทางผ่านร้านของพ่อค้าหนุ่ม และแม่ค้าสาว
...............................................
'ว๊ากกก !!!? ขอโทษคร๊าบบบบ!! หลบไปครับ!! หลบไป๊!!! 'ชายหนุ่มผมดำตะโกนออกมาในขณะที่วิ่งมาด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง (..มั้ง) พร้อมกับผู้คนที่เดินไปมาตอนนี้ได้วิ่งหนีจากที่นั่นอย่างรวดเร็วราวกับซักซ้อมกันมาเนิ่นนานโดยมีเสียงบ่นเล็กน้อย
"ชิ!!! นริทร์อีกแล้วรึฟระ!!!เสียงผู้คนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความขุ่นเคือง
"ขุบๆขวับๆ"
"หนอยเจ้าตัวยุ่งนั่น!!!"
"ขวับๆขวุบๆ"
"น่ารำคาญชะมัดโว๊ย!!"
"ตุบๆ" เสียงผู้คนบ่นเสร็จพลางก็เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้น
................. "หู้ว!!~" เสียงสายลมพัดผ่านที่แห่งนั้น......
ทางเดินเปิดโล่งในพริบตาภายในเวลาไม่ถึง 30 วินาที เว้นไว้แต่เพียงพ่อค้าแม่ค้า 3 คนที่ขายของอยู่แถวนั้น อย่าง งงๆ ??.... = = ? / = = ?/ = = ?
‘เอ๋ มันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ!?’ พ่อค้าหนุ่ม แม่ค้าสาวและน้องชายของเธอสงสัย
"ขวับ!!!" "โครมๆ !!!" "ฟู้ว !!!"
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นแทนคำตอบทันทีที่ยืนงงอยู่ก็มีเด็กหนุ่มวิ่งมาอย่างเอาเป็นเอาตาย ตามด้วยหม้อ ตะหลิ่ว จวัก ที่ไม่รู้มาจากไหนตามมาด้วย ความเร็วและพลังทำลายนั้น อย่างกับลูกประทัดปิงปองเลยทีเดียว
พริบตาที่ภาพชายหนุ่มวิ่งผ่านหน้าร้านพ่อค้าและแม่ค้าไปพร้อมเสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นทันที "อ๊ะ ขอโทษนะครับ ^^อิอิ"
จวัก หม้อ ตะหลิว และขยะต่างๆสารพัดได้พุ่งชนกับร้านของพวกเขาเล่นเอาทั้งร้านและข้าวของในร้านพลันล้มระเนระนาดไปกับพื้น โดยที่ไม่โดนชายหนุ่มที่วิ่งผ่านมาเลยสักนิ๊ด
แถมยัง....ตามด้วย'ลูกไฟ'ที่มาซ้ำเติมร้านของพวกเขาอีกทีจนทั้งร้านทั้งข้าวของมลายหายสิ้นไปในพริบตา....ทิ้งไว้แต่อาหารชั้นเลิศที่ย่างได้กร๊อบกรอบ
เหลือแต่ 3 ผู้โชคดี๊ดี ยืนอึ้งอ้าปากค้าง หน้าซีดเผือก ตาเหมือนจะถล่นออกมาพร้อมเพียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย..... 0.0!!! 0.0!!! 0.0!!!
ทั้ง 3 คนได้แต่ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น...ไม่มีไครพูดอะไรและถามอะไรสักคำ เพราะสิ่งที่เห็นมันยากกว่าจะรับได้..........ละมั้ง
สิ่งที่พ่อค้าหนุ่มคิดในใจตอนนี้ คือ ‘เหอะๆๆ ดูสิ เนื้อของเราที่ขายไม่ค่อยออกตอนนี้ดันถูกย่างซะน่ากินเลยเนอะ มันน่าดีใจมั้ยล่ะเนี่ยหึหึ’ประชด
สิ่งที่แม่ค้าสาวคิดตอนนี้คือ ^^‘ขอให้คนที่พังร้านฉันตายบาดนะจ๊ะ^^’ สาปแช่งในใจ
(‘ ‘) ‘โห สุดยอดอ่ะเท่สุดๆเลยวุ้ยย !!!><’ มีเพียงหนุ่มน้อยผู้น่ารักไร้เดียงสาเท่านั้นที่คิดแบบนี้
และแล้วพ่อค้าหนุ่มและแม่ค้าสาวก็เดินเข้าไปยังซอกตึกพร้อมๆกันโดยไม่ได้นัดหมาย
‘บรรยากาศไม่น่าให้แฮะ งั้นก็ตามๆน้ำไปล่ะกัน’หนุ่มน้อยคิดเสร็จก็เดินตามพวกผู้ใหญ่ไปในซอกตึก
แล้วทุกคนก็นั่งลงกอดเข่าราวกับเด็กน้อยขี้แย แล้วนั่งซึมอยู่ที่ตรงนั้น พลางคิดในใจพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมายอีกครั้ง
T T / T T 'หมดกัน' พ่อค้าหนุ่มและแม่ค้าสาวคิด
(‘ ‘) ‘เอ๋ ไม่ค่อยเข้าใจพวกผู้ใหญ่เลยแฮะ โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วยังทำแบบนี้อีก’หนุ่มน้อยคิดพลางแสยะยิ้มและส่งสายตาเวทนาพวกผู้ใหญ่รวมถึงพี่สาวของเขาด้วย
ทันทีที่หนุ่มน้อยส่งสายตาเวทนาไปสัก 3 วินาทีแม่ค้าสาวรู้สึกตัวทันก็เงยหน้าขึ้นมาทางเขาพร้อมส่งสายตาดุแต่ยังอยู่ในสีหน้ายิ้มแย้มราวกับจะบอกว่า ‘เหอะ เดี๋ยวโดนนะจ๊ะ^^’
‘เอ๋....1?’ หนุ่มน้อยผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเอาซะเลยได้แต่โอดครวญในใจพร้อมนึกภาพการลงโทษของพี่สาว เล่นเอาหนุ่มน้อยขนลุกเลยทีเดียว
“ไม่นะ!! ผมทำอะไรผิดไปล่ะเนี่ย ใครรู้ช่วยบอกผมหน่อยเหอะ T T ฮือออๆ?” หนุ่มน้อยก็ได้แต่โอดครวญในใจพร้อมก้มหน้าลงชิดกับเข่าในท่านั่งกอดเข่าอยู่ในตอนนี้พร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลรินพร้อมตัวสั่นผับๆๆ ด้วยความหวาดกลัว
....ทางด้านชายหนุ่มผู้ที่วิ่งอย่างเหนื่อยๆหอบ แหกๆๆอยู่......
"หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะว้อย !!!" "ขวับๆ" "ฟู่วๆ" เสียงชายชราลำตัวอ้วนพลี(= = ?)ผู้ใส่ผ้ากันเปื้อนสีขาววิ่งมาพร้อมขว้าง ขยะ กระป๋องน้ำ จวัก ลูกไฟ และ อื่นๆ อีกมากมายที่ไม่รู้ไปเอามาจากไหนมาทางชายหนุ่มคนหนึ่ง อย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมหน้าตาที่แดงปิ๊ด แสดงถึงความโกรธเกรี๊ยวอย่างรุนแรง โดยไม่สนสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อยนอกจากชายหนุ่มผู้ที่กินแล้วไม่จ่ายที่ร้านของเขา
"เย้ย!!! เกือบ...!!หยุดก็โง่สิครับ !!!!"ชายหนุ่มผู้กินไม่จ่ายพูดพลางหลบการโจมตีของอีกฝ่าย
'บ้างก็กระทะ บ้างก็หม้อแกง ทำไมไม่เอาถังแก๊สมาโยนใส่ตูเลยฟระ!!' ชายหนุ่มคิดในใจอย่างหัวเสีย
"ก็บอกแล้วใงล่ะครับ ว่าเดี๋ยวผมมาจ่าย อ๊ะ !!!" เด็กหนุ่มวิ่งหน้าตั้งด้วยฝีเท้าราวกับ ...ใส่เกียร์หมา(มั้ง) วิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายจนเส้นผมอันดกดำของหนุ่มนั่นชี้โด่ เผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาอย่างกับกำลังแว๊นอยู่ในชุด เสื้อคอปกสีขาวแขนยาว กับกางเกงวอร์มสีดำยาวที่ไม่น่าจะเข้ากันเล๊ยย
แถมยังใส่ซะเรียบร้อย ( ใส่เสื้อไว้ในกางเกง )
"ไม่ฟังโว้ยยย!! ไอ้เด็กชอบแก้ตัวเอ้ย!! แบบนี้ต้องเอาให้เข็ดหลาบ!!" นั่นเป็นคำตอบที่ออกมาจากปากเจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยวพร้อมด้วย ลูกไฟ จวัก ต่างๆนาๆ อย่างต่อเนื่องไปตลอดทาง
"เย้ยย!!!" "ฟุบ!!!" ชายหนุ่มกระโดด หลบลูกไฟ กับ จวักที่พุ่งเข้ามา ราวกับลูกปืนใหญ่ที่พร้อมสอยเขาร่วงได้อย่างทันควัน พร้อมเบ้หน้า ล่อลิ้นใส่เจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยวอย่างหน้าหมั่นไส้ หน้าตื๊บให้เละ!!คาฝ่าเท้า
"เพล้งๆ!!!" "ขวับๆ!!!"
"แบร่ๆ ไม่โดนหรอก!!"
"ไอ้ตาแก่โง่!!---งี้เง่า---ขี้งก!!--- อ้วนพลี!!---อีกหน่อยขอให้หัวล้านบ้านแป้วไปเลยนะเฟ้ย!!(เกี่ยวมั้ย) ฮ่าๆๆ!!!"คำด่าออกมาจากปากชายหนุ่มอย่างไม่บันยะบันยังเลยแม้แต่น้อย
และนั่นทำเอาเจ้าของร้านขายก๋วนเตี๋ยวได้ยินประโยคดังกล่าวเต็ม2รูหู ทำให้เกิดรอยย่นที่หน้าผากทันที พร้อมความโกรธและจิตสังหารที่พุ่งสูงปรี๊ดดดดด....ดั่งภูเขาไฟประทุ!!!
"งั้นเหรอ หึหึ!!! " สั้นๆแต่ให้ความรู้สึกสยองอีกแบบเจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยวพูดพลางแสยะยิ้มพร้อมกับความกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวชายแก่ ทำเอาชายหนุ่มถึงกับอยากจะอาเจียนออกมาเลยทีเดียว
......
ตี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด....!!!!
7.00น.
......"ยะเฮ้ย !!!!"
"ขวับๆ!! ครุบๆ!! ตุ๊บๆ!!.....โป๊กกกก โอ้ยยย ..........................แฮะ...แฮะ.. ฝันเหรอเนี่ย !?"
"เจ็บชะมัดเลยวุ้ย!! ตกเตียงเลยหรอเนี่ย อู๊ยยยย.." ชายหนุ่มผู้ที่พึ่งตื่นจากฝันกำลังลุกจากพื้นห้องนอนของตนอย่างตะกุกตะกักพร้อมเอามือกุมศรีษะที่กำลังปูดขึ้นมาเล็กน้อย
"ฝันแปลกชะมัด อูยยย แถวยังเจ็บอีกต่างหาก" ชายหนุ่มบ่นเบาๆพร้อมหันหน้าไปมองนาฬิกา
"7 โมงเช้าแล้วหรอ อาบน้ำดีกว่าแฮะ" พูดเสร็จชายหนุ่มก็ตรงไปที่ห้องน้ำพร้อมอาบน้ำ ทำธุระต่างๆนาๆ เพื่อไปโรงเรียน
.....30 นาทีผ่านไป
"เห้ออออ !!!"เด็กหนุ่มเดินด้วยสีหน้าหมดแรงในขณะที่เดินไปโรงเรียนใกล้บ้านเขา
'นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว แฮะๆๆ'
'อ้อ!! ลืมไป เด็กหนุ่มที่ว่านั่นไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ก็ผมนี่แหละครับ ผมชื่อ นรินทร์ มาดูเอล เองครับ แฮะๆๆ เนื่องจากเมื่อเช้าพึ่งตื่นจากฝันบ้าบอคอแตก ที่ผมคาดว่าน่าจะเกิดขึ้น เพราะผมอ่าน การ์ตูน กับนิยายมากไปหน่อยมั้งฮะ วันนี้เป็นวันเปิดเรียนเทอม 2 ของ ม.6 ของผมนะครับ จะว่าไปผมก็ยังง่วงอยูเลยนะฮะเนี่ย' นรินทร์เอามือปิดปากแล้วหาวหนักๆ 1 ครั้ง
'จะว่าไป โรงเรียนเนี่ย!! คุณคิดว่ามันสนุกมั้ยครับ?'
ผมพูดในใจพลางเดินไปโรงเรียน ซึ่งบัดนี้เวลา 7.34 น.แล้ว
'สำหรับผม ผมคิดว่ามันเป็นสถานที่ที่บ้าบอสิ้นดีครับ แต่มันก็ไม่ได้บ้าบอซะทุกอย่าง อย่างการเรียนผมก็ตั้งใจเรียนดี เพียงแต่แค่สังคมเท่านั้นที่ยังไงๆผมก็ไม่สามารถเข้ากับคนรอบข้างได้จริงๆสักที เอ๋ เดี๋ยว? จะว่าไปผมก็เคยเข้ากับคนอื่นได้นะครับ แล้วก็ได้เป็นเพื่อนสนิทด้วย’
'รึว่าสังคมไม่ได้บ้าบอ แต่ผมต่างหากที่บ้าบอ? ....เอ่าเฮ้ย...แต่ยังใงก็ชั่งมันเหอะครับ'
............ ระหว่างที่ผมงุมงำมา ผมก็เดินมาถึงโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว
และผมก็กำลังจะก้าวเท้าเข้าสู่เขตโรงเรียนแล้ว!!!
ณ บัดนี้ผมก็พร้อมที่จะเข้าสู่โหมดนักเรียนเฟรนลี่แล้ว ผมปั้นใบหน้าที่ยิ้มแย้มแล้วทักทาย สวัสดีคุณครู และเพื่อนๆ ของผม ‘ถึงผมจะแค่แกล้งเป็นเพื่อนก็เถอะ'
'อ้อ!ครับ โรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ ณ ตอนนี้คือ โรงเรียนนานาชาติเชสโต้นะครับ ก็....เป็นโรงเรียนนานาชาติปกตินั่นแหละครับ ที่ผมเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนี้ก็เพราะผมคิดว่า สังคมที่เต็มไปด้วยคนหลายสัญชาติเป็นสังคมที่แปลกดี และผมก็หวังว่าผมจะได้เข้าไปเรียนแล้วมีเพื่อนดีๆสัก 5-10 คน.....พูดคุยกัน...กินข้าวด้วยกัน....ทำรายงานด้วยกัน...นั่งเป็นกลุ่มๆ ประมาณนี้แฮะๆๆ'
ผมเดินจึนถึงหน้าห้องเรียนแล้ว แล้วผมก็เดินเข้าไปในห้องเรียนเพื่อวางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะ
'แต่แล้วผมก็ต้องล้มเลิกความคิดอันโลกสวยนั่น นั่นก็เพราะ...ตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เข้ามาในห้องเรียนนี้ ผมก็เห็นคนในห้องส่วนนึงที่ทำหน้าตาพร้อมท่าทางต่างๆสารพัดแสดงถึงความรังเกียจผม ที่สอบได้คะแนน อันดับ1 ของโรงเรียน เล่นเอาความคิดโลกสวยผมแตกสลายในพริบตาเหอะๆๆ'
พอวางกระเป๋าเสร็จ ผมก็เดินไปรอเข้าแถวที่สนามหน้าโรงเรียนทันที เพราะผมก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ตรงไหนดี และอีกอย่างก็ใกล้จะถึงเวลาเข้าแถวแล้วด้วย?
แน่นอนว่าระหว่างทางผมก็ได้ทักทายเพื่อนๆ ทั้ง ชาย และ หญิง อย่างเป็นมิตรกับทุกๆคน ทุกคนก็ยิ้มให้ผม แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะผมรู้ว่าพวกนี้แค่ทำท่าทางเป็นมิตรเพราะต้องการป้องกันการโดนกลั่นแกล้ง และไม่อยากมีเรื่องกับคนที่สอบได้อันดับ1 และแถมยังมีข่าวว่าผมเป็นนักเลงเถื่อนที่เหี้ยมโหดที่สุดในโรงเรียนอีกด้วย.......ถึงอย่างนั้นผมก็คิดว่าในใจพวกนั้นอยากตื๊บผมให้เละ แหงมๆ' ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริงเพราะว่า
"ชิ!! ไอ้นรินทร์ หน้าหมั่นไส้ชะมัด!! ทำท่าทางเป็นมิตรอยู่ได้!! อยากตื้บให้เละคา...ชิบหาย!!"เสียงดังแจวมาจากแถวข้างหลังผม ห่างออกไปราวๆ 5 เมตร แต่ผมก็ได้ยินชัดเปรี๊ยะ!!
'เหอะๆ จะนินทาก็ขอให้นินทาเบาๆได้มั้ยฟระ น่ากลัวชะมัด T T โรงเรียนนี้ ทำไมไม่เห็นเหมือนในนิยายหรือการ์ตูนที่อ่านมาเลยฟระ และอีกอย่างวีรกรรมต่างๆที่ทำให้ได้ฉายานักเลงนั่นน่ะมันก็แค่ตอนผมยังเด็กเองนะเฮ้ย ชกต่อยตามประสาเด็กเองโว้ยยย ความจริงชั่งโหดร้ายเหลือเกิ๊น!!!'ผมได้แต่โวยวายอยู่ในใจ
แค่เดินไปที่สนามหน้าโรงเรียนพร้อมทักทายไปเรื่อยๆตามมารยาทก็กินเวลาไปตั้งเยอะจนตอนนี้ก็ปาเข้าไป 8โมงแล้ว
พอผมมาถึงสนามหน้าโรงเรียนก็.....
"กริ๊งงงงงงงงงงงงง....!!!" เสียงออดก็ดังขึ้นถี่ยิบ
"เอาล่ะ!! เจ้าพวกนักเรียนทั้งหลาย!!!! มาเข้าแถวได้แล้วอย่าเดินเอ้อระเหิดล่องลอยไปตามสายลมอยู่ น๊าาาาค๊าาาาา!!!!" อาจารย์สาววัย 20 ปี หน้าตาโลลิ ตัวเล็กๆ ผมสีทองยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีแดง ในชุดเสื้อยืดแขนยาวใส่สบายสีฟ้า ตัดกับกระโปรงยาวสีชมพูกำลังพูดด้วยไมค์อยู่ที่หน้าเวทีตรงหน้าแถว ดูแล้วน่ารักมาก โดนใจพวกโลลิค่อน โดยเฉพาะ 'ผม' ที่มองแล้วเคลิ้มกับอาจารย์ (ฮิฮิ)
'มีแค่คนนี้เท่านั้นที่คอยเติมกำลังใจผมอย่างล้นเหลือ ฮิฮิ' ผมนึกพร้อมทำหน้าฟิน
'ฮิ ฮิ๊......ณ จุดจุดนี้ ถ้ามีอุกาบาตหล่นใส่หัวผม แล้วผมตายคาที่ ผมก็ไม่เสียใจแล้ว หึหึ' (ผมไม่ได้ชอบแบบจริงๆจังๆนะครับ แค่ชื่นชอบเพราะมันน่ารักดีเท่านั้นเอง)
และแล้วเวลาในการเข้าแถว ทำกิจกรรมหน้าเสาธงก็ได้เริ่มขึ้น ถึงจะเป็นโรงเรียนนานาชาติก็เหอะ
.....และเมื่อเวลาแห่งการเข้าแถวผ่านไป...................
ผมก็ได้เดินมาอยู่ในห้องเรียนเดิมๆ แล้วผมก็นั่งลงอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องสุด เพราะจะได้เรียนได้สะดวก 'เห้อ!!! ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมก็ไม่เป็นไรหรอก ชั่งหัวมัน 3 กิโล!! คือประโยคเดียวที่ผมช๊อบชอบ'
......................ในขณะที่ผมโวยวายในใจอาจารย์ก็ได้เข้ามาสอนคาบแรกแล้ว.....................
จากนั้น เวลาเรียนเดิมๆก็ได้ผ่านพ้นไปอย่างปกติเหมือนเดิม แต่ว่าวันนี้ผมมีความรู้สึกว่าความเงียบสงบสุ๊ขสุข(?)ของผมกำลังจะจบลงแล้ว............................... ล่ะมั้งนะ!?......ไมเราคิดแบบนี้หว่า...?
เมื่อเลิกเรียน ผมเดินกลับจากโรงเรียนแล้วมาถึงบ้านของผม ผมอาศัยอยู่คนเดียวเนื่องจาก พ่อกับแม่ได้เสียไปตั้งแต่ผมอายุ 7 ขวบ ส่วนตัวผมก็ไม่ได้เศร้าเสียใจอะไรมากหรอกครับ แต่ก็ยังเสียใจอยู่ดีนั่นแหละแต่แค่นิดส์ๆ(เติมS)อ่ะนะครับ หลังจากท่านเสียไปคุณน้าผมก็รับผมมาเลี้ยง แต่สุดท้าย ผมก็ขอแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวก่อนเพราะผมอยากใช้ชีวิตคนเดียวเหมือนใน การ์ตูนบางเรื่องบ้างเพราะว่า.......
.................. มันเท่ดีออกจะตายไป ไงล่ะครับ !!!
บ้านของผมเป็นบ้าน ทำจากปูน แฮะๆๆก็บ้านจัดสรร ปกติ 2 ชั้นนั่นแหละครับ
'มีหลังคาด้วยนะเออ ^^' โดยที่ชั้น2 ห้องใกล้ระเบียงนั้น เป็นห้องนอนของผมเองครับ และห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น จะอยู่ชั้นล่างครับ
พอผมเดินมาถึงบ้าน ผมก็.................เข้าบ้าน จากนั้นก็.........ถอดรองเท้า............แล้วก็ถุงเท้าต่างๆ.........แล้ว ผมก็ทำธุระต่างๆ
เมื่อผมจัดการธุระอะไรต่างๆ ส่วนตัวในบ้านเสร็จ ผมก็อาบน้ำ เข้านอน ตามปกติ บัดนี้เวลา 22.00 น. พอดีเป๊ะครับ ผมก็ได้นอนลงบนเตียงนอนที่นุ่มนิ่มสีขาว พร้อมเปิดดนตรีเบาๆกล่อมผมเข้านอนครับ
แล้วผมก็หลับไป zzZZ...
และเมื่อ .........เวลา 0.03 น.
"เห้อ!!! ถึงซะที ทีนี่สินะ แฮะๆๆ ฉันมารับดวงวิญญาณแล้วนะค๊า!! มารับดวงวิญญาณไม่ใช่ผู้อื่นใดที่ไหนหรอกค่ะ ก็'ยมทูต' นั่นแหละค๊าา^^ ฮิฮิ"
'คราวนี้จะได้ไม่โดน เพื่อนๆแกล้งเรื่องซุ่มซ่ามซะทีเหอะๆๆ ^^' หญิงสาวในชุดนักเรียนสีขาวและใส่กางเกงนักเรียนสีดำยาว และทั้งยังมีเสื้อคลุมสีดำไว้ ถือเคียวสีดำอันใหญ่โตกว่าตัวของเธอ ใบเคียวยาวประมาณ 1.5 เมตร ก้านเคียวยาวประมาณ 2 เมตร กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศพร้อมบ่นออกมาพร้อมหอบ หิกๆ ดวงตาสีม่วงทึบได้จับจ้องไปที่บ้าน 2 หลังที่รูปร่างเหมือนกันเด๊ะ!! พร้อมกับเส้นผมสีเงินของเธอที่ยาวเหยียดถึงเอวได้พัดผลิ้วไปตามสายลมยามรัตติกาล เธอจำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อมารับดวงวิญญาณ ที่อยู่ในบ้านจัดสรร แถวนี้โดยยมทูตสาวมีนามว่า
"เซเลน่า อาธิส" ฉายา จอมมหารั่ววงเล็บในบางเวลา
"เอ......?" เซเลน่าลากเสียงยาวพร้อม ขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย
"แล้วบ้าน 2 หลังนี้มันหลังไหนกันหว่า เหมือนกันเด๊ะเลยอ๊ะ !!!"
"เอ.........?"ยมทูตสาวทำท่าครุ่นคิด โดยเอานิ้วชี้และนิ้วโป้งของมือขวาหนีบคางไว้ ในสภาพที่ตัวลอยอยู่กลางอากาศ
"เอ...... นิน? .... นิน? ..... นินไรน๊า?.....รา?"
"ติ๊ก!!" ยอมทูตสาวดีดนิ้ว 1 ครั้งเหมือนคิดอะไรออก (ชื่อ ของผู้ที่เธอจะมารับดวงวิญญาณนั่นเอง)
"นาริน.....นรินทร์!!" เซเลน่าตะเผลอโกนออกมา และทันทีที่ตะโกนออกมาเธอก็รีบเอามือปิดปางของตน
"อุ๊ป ใช่ๆ นรินทร์ นี่เอง แฮะๆๆ^^ แหมๆ... กว่าจะนึกออก ฮิฮิ" ยมทูตสาวเซเลน่าทำท่าทางดีใจใหญ่ที่คิดชื่อออก พร้อมสายตาสีม่วงของเธอที่จับจ้องไปยังป้ายชื่อ บ้านจัดสรรหลังที่อยู่ใกล้สุดกับเธอ
"นรินทร์ มาดูเอล" ยมทูตสาวยิ้มร่าพร้อมดีใจใหญ่ที่หาเป้าหมายเจอได้ทันที ทันใดนั้น....
"เอ๊ะ?"
"อื่มมมม นามสกุลไม่ใช่ 'สุขบรรเจิด' หรอกเหรอ?" ยมทูตสาวเซเลน่าเอะใจเล็กน้อยแต่ด้วยความดีใจที่จะทำงานเสร็จง่ายๆ เลยกลบความสงสัยนั้นของเธอ พร้อมสบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆนั่นออกไป
"เอา เถ๊อะ!!! นรินทร์ก็คือนรินทร์สินะค่ะ เราคงจำนามสกุลผิดล่ะมั้ง แฮะๆๆ น่าอายจังถึงจะไม่มีใครรู้ก็เถอะ^^" ยมทูตสาวเซเลน่าบ่นกับตนเอง พลางบุกบ้านผู้อื่นโดยถือวิสาสะ เทเลพอร์ต เอาดื้อๆ มาในบ้านจัดสรร 2 ชั้น
เพียงแค่พริบตาเดียว ยมทูตสาวก็มาอยู่ในห้องของนรินทร์แล้ว "อิอิ งานแรกๆ เย้ๆๆ ^^ ง่ายดายซะเหลือเกิ๊น!! ไม่มีพวกตัวป่วนด้วย ฮิฮิ"หญิงสาวพูดพลางอมยิ้มพลางเดินเข้าใกล้เป้าหมายเพื่อหวังจะ 'เก็บดวงวิญญาณ' ไปตัดสินโทษ แต่ทว่า เมื่อเจอเป้าหมายเธอก็ต้องชะงัก!?
"อ้าว!!? วิญญาณ ยังไม่ออกจากร่างงั้นเหรอ" เธอตะลึงเล็กน้อย ก่อนใบหน้าที่ตกใจของเธอจะหายไป และความหายนะของนรินทร์ หนุ่มน้อยผู้โชคดีจะเริ่มขึ้น
"แหมๆ ไหนๆก็จะตายละ ฮิฮิ!! ^^ ขอกระชากวิญญาณกลับไปเร็วๆเลยแล้วกันนะค่ะ คุณนรินทร์ ^^" หญิงสาวคิดขึ้นมา พลางง้างเคียวในมือขึ้นสูงแล้ว ฟันลงที่เตียงของผู้ที่เธอคิดว่านั่นเป็นดวงวิญญาณที่ท่านพญามัจจุราช สั่งให้เธอมาเก็บและพาไปยังทางเดินที่ถูกต้องทันที
"ควับ !!! ฟุ๊ปป !!!" พริบตาที่เคียวยมทูตอันใหญ่โตฟันเข้าที่ร่างของนรินทร์นั้น ดวงวิญญาณของนรินทร์ ก็หลุดออกจากร่างแล้วลอยออกมาเป็นดวงไฟเล็กอยู่ตรงหน้าเซเลน่าทันที โดยที่เจ้าของดวงวิญญาณไม่รู้เลยว่า ตนถูกยมทูตจอมเซ่อซ่า 'ดึงวิญญาณไปเสียแล้ว!!'
....ไม่มีรอยแผลในร่างกาย ไร้ร่องรอยการลงคมเขี้ยว ไร้เสียง สรุปคือไร้ร่องรอยใดๆทั้งสิ้น
ทันทีที่ดวงวิญญาณหลุดออกมายมทูตสาวเซเลน่า ก็ได้เอามือไปสัมผัส จับดวงวิญญาณของนรินทร์ ที่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เลยว่าตนถูกดึงวิญญาณไปเรียบร้อยแล้ว
ทันทีที่จับได้ ดวงวิญญาณก็ได้เข้าไปอยู่ในตัวของเซเลน่าเรียบร้อยแล้ว เป็นการเก็บดวงวิญญาณขั้นพื้นฐานปกติ
"ฮิฮิ๊ ไม่นึกเลยว่าจะง่ายดายขนาดนี้....ที่เหลือก็ เทเลพอ...อ๊ะ!!!" ยมทูตสาวคิดไม่ทันจบก็ยิ้มขึ้น
"กลางคืนของที่โลกมนุษย์ สวยดีนี่นา………ไปเที่ยวบินชมเมืองสักหน่อยก่อนเทเลพอร์ตกลับสักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไรหนิเนอะ!! ^^" เมื่อคิดดังนั้นยมทูตสาวเซเลน่า ก็เทเลพอร์ตออกจากบ้านอย่างเงียบงัน พร้อมทะยานร่าง หายไปในท้องฟ้าอันมืดมิด ทิ้งร่างอันไร้วิญญาณของชายหนุ่มนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงซะอย่างนั้น
โดยที่เธอไม่ทันสังเกตเลยว่า บ้านจัดสรรหลังถัดไปนั้น มีป้ายเขียนชื่อของคนที่อยู่ที่นั่นว่า
นินรา สุขบรรเจิด (0.0 โอ้ว....!!!)
--------------------------------------------------------------------------------
จบ ตอนที่ 1 นะครับ ^^ แฮะๆๆ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ พึ่งเขียนครั้งแรกครับ ยากอยู่พอสมควรแหะครับ แต่จะพยายามเขียนให้ดีที่สุดนะครับ จะวิจารณ์ก็ได้นะครับ ตามสบายๆ แฮะๆ
..........ณ บ้านเมืองอันสงบสุข เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสิ่งก้อสร้าง ตึกระฟ้าอาคารบ้านช่อง ผู้คนสัญจรไปสัญจรมา มีพ่อค้าแม่ค้า มากหน้าหลายตา กำลังขายของกันอย่างปกติ
"ผักมั้ยจ๊า ผักสดๆร้อนๆเลยจร้า!!!"แม่ค้าสาวสวยวัย18ปี รูปร่างผอมเรียวสวย ผมสีทองยาวถึงกลางหลังถูกมัดรวมเป็นทรงหางม้า ดวงตาสีฟ้าที่จับจ้องไปที่ผู้คนมากมายพร้อมรอยยิ้มอันสดใส ปากสีชมพูของเธอได้อ้าและตะโกนขายผักอย่างขยันขันแข็งท่ามกลางผู้คนที่เดิน ผ่านไปมา
"อิ๊ๆ กินผักอย่างเดียว มันไม่อร่อยหรอกน๊าา มาซื้อเนื้อร้านพี่มั้ยแจ๊!!!"
"วันนี้ ลด20เปอร์เซ็นต์เลยนะแจ๊ !!!" เสียพ่อค้าหนุ่มวัย18 ปี ท่าทางโรคจิต ผมยาวรุงรัง มีหนวดเครายาวเทอะทะ ก็กำลังเรียกลูกค้า พร้อมแซวแม่ค้าขายผักที่อยู่ร้านตรงข้ามร้านขายเนื้อของเขาอย่างสบายอารมณ์
"หนอย....!!! ไอ้กร๊วกเอ้ย!!! จะมาแซวพี่ตูเหรอฟะ!! จะเอาเหรอไง!!" หนุ่มน้อยที่คาดว่าน่าจะเป็นน้องชายของแม่ค้าขายผักกำลังโวยวายใหญ่ ด้วยสีหน้าที่โกรธ 'แต่น่ารัก' เพราะหน้าตาน่ารักราวกับเด็กอายุ 12 ปี ผมสีน้ำตาลปนดำๆ ดวงตาสีเขียว พร้อมโครงหน้าที่สวยคล้ายผู้หญิง
"แหมๆ ไม่เป็นไรหรอกนะจ๊ะ เอลวิน" แม้ค้าสาวพูดพร้อมเอามือลูบหัวน้องชายผู้น่ารักของเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้ม อย่างเป็นมิตร "คิดซะว่าพวก หมู หมา กา ไก่ แถวนี้มันร้องหาอาหารนะจ๊ะ น้องรัก" แม้ค้าสาวพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสวยงามราวกับเทพธิดา แต่คำพูดนั้นโหดร้ายราวกับซาตาน "ฮะพี่ชิลล์" เอลวินตอบด้วยใบหน้าฉีกยิ้มให้เห็นฟันสีขาวเรียงสวยโดยมีเขี้ยว2เขี้ยวคล้าย แวมไพร์อยู่ด้วยแสดงถึงความชื่นชมและพอใจในตัวพี่สาวที่จิตใจยังงดงามเหมือนหน้าตาพี่(ในสายตาของเอลวิน)
แต่ทว่า ไม่ใช่แค่เอลวินเท่านั้นที่คิดอย่างนั้น
"อะเฮือก!!!?" ราวกับฝ้าผ่าลงมาอย่างรุนแรงใส่พ่อค้าหนุ่มนั่น 'โดนใจพี่' นี่คือสิ่งที่พ่อค้าหนุ่มคิดในตอนนี้ พร้อมกับหน้าตาที่แสยะยิ้มหื่นๆ แล้วพ่อค้าแม่ค้าก็ถกเถียงกันเล่นอยู่อย่างนั้นไป
.......จนเวลาก็ผ่านไป ประมาณ 10 นาที....
พ่อค้าหนุ่มก็กำลังยิ้มไม่หุบหลังจากได้ฟังคำด่าของแม่ค้าสาวสวยไม่ว่าจะเป็น "หน้าหื่นเอย บ้ากามเอย น่าหยะแหยงเอย" เหตุผลง่ายสั้นๆเพราะว่า "โดนใจพี่"
และแล้วทั้งฝั่งแม่ค้าและพ่อค้า ก็ต้องรู้สึกแปลกๆเมื่อหันไปเห็นผู้คนที่อยู่นอกเมืองที่ดูเหมือนเริ่มเอะอะโวยวายแล้วเริ่มหายไปทีละนิดๆ
ที่พ่อค้าและแม่ค้าเห็นเพราะสถานที่ที่พวกเขาขายของเป็น ตัวเมืองชั้นในซึ่งจะมีพื้นที่สูงกว่ามากขึ้นเรื่อยๆจากนอกเมืองมาในเมืองเหมือนภูเขาเลยเห็นชัดเจนและที่ที่3คนนั้นอยู่ก็เป็นทางถนนเดินใหญ่ด้วย เรียกว่าที่ทำเลดีๆก็ว่าได้
“เฮ้ย!!! เอะอะโวยวายเอะอะโวยวาย”
“พวกเอ็งทำอะไรว่ะ”
“ก็ฉันกำลังเอะอะโวยวายไง”
"อ่าวเร๊อะ บทพวกข้ามีแค่นี้สินะ"
“ใช่ๆ บทน้อยๆอยู่ตั้งใจเล่นหน่อยดิ ฉันกำลังเอะอะโวยวายอยู่น๊า”
" เอาหว่ะ ฉันด้วย ฉันเอะอะโวยวาย"
“ฉันก็กำลังเอะอะโวยวายเหมือนกันล่ะ”
“ผมก็เอะอะโวยวายเหมือนกันนะฮะ”เสียงผู้คนเริ่มเอะอะโวยวายกันใหญ่
"เกิด อะไรขึ้นหว่า ทำไมดูเหมือนคนที่อยู่นอกเมืองนี้ค่อยๆลดลงๆ เรื่อยๆแว๊ะ ?" พ่อค้าหนุ่มเอ่ยขึ้นดังๆโดยหวังตำตอบจากใครสักคนที่เดินผ่านไปมา ซึ่งแน่นอนว่าแม้ค้าสาวกับน้องชายของเธอก็อยากรู้เหมือนกัน
...... แต่แล้ว............................................................
"จะถามไรกันนักหนาเล่า!! ฉันก็เอะอะโวยวายไงโว้ยยยย!!"
เงิ้บ (‘ ‘) (‘ ‘) (‘ ‘).....
แต่แล้วพ่อค้าหนุ่มและแม่ค้าสาวก็หาได้สนใจไม่ พลางคิด
'เดี๋ยวเราเก็บข้าวของกลับดีกว่า รู้สึกสังหรใจไม่ดีชอบกลแหะ' พ่อค้าหนุ่มและแม่ค้าสาวคิดในใจเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย โดยจู่ๆเหล่าผู้คนก็เริ่มมาอัดแน่นทางผ่านร้านของพ่อค้าหนุ่ม และแม่ค้าสาว
...............................................
'ว๊ากกก !!!? ขอโทษคร๊าบบบบ!! หลบไปครับ!! หลบไป๊!!! 'ชายหนุ่มผมดำตะโกนออกมาในขณะที่วิ่งมาด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง (..มั้ง) พร้อมกับผู้คนที่เดินไปมาตอนนี้ได้วิ่งหนีจากที่นั่นอย่างรวดเร็วราวกับซักซ้อมกันมาเนิ่นนานโดยมีเสียงบ่นเล็กน้อย
"ชิ!!! นริทร์อีกแล้วรึฟระ!!!เสียงผู้คนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความขุ่นเคือง
"ขุบๆขวับๆ"
"หนอยเจ้าตัวยุ่งนั่น!!!"
"ขวับๆขวุบๆ"
"น่ารำคาญชะมัดโว๊ย!!"
"ตุบๆ" เสียงผู้คนบ่นเสร็จพลางก็เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้น
................. "หู้ว!!~" เสียงสายลมพัดผ่านที่แห่งนั้น......
ทางเดินเปิดโล่งในพริบตาภายในเวลาไม่ถึง 30 วินาที เว้นไว้แต่เพียงพ่อค้าแม่ค้า 3 คนที่ขายของอยู่แถวนั้น อย่าง งงๆ ??.... = = ? / = = ?/ = = ?
‘เอ๋ มันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ!?’ พ่อค้าหนุ่ม แม่ค้าสาวและน้องชายของเธอสงสัย
"ขวับ!!!" "โครมๆ !!!" "ฟู้ว !!!"
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นแทนคำตอบทันทีที่ยืนงงอยู่ก็มีเด็กหนุ่มวิ่งมาอย่างเอาเป็นเอาตาย ตามด้วยหม้อ ตะหลิ่ว จวัก ที่ไม่รู้มาจากไหนตามมาด้วย ความเร็วและพลังทำลายนั้น อย่างกับลูกประทัดปิงปองเลยทีเดียว
พริบตาที่ภาพชายหนุ่มวิ่งผ่านหน้าร้านพ่อค้าและแม่ค้าไปพร้อมเสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นทันที "อ๊ะ ขอโทษนะครับ ^^อิอิ"
จวัก หม้อ ตะหลิว และขยะต่างๆสารพัดได้พุ่งชนกับร้านของพวกเขาเล่นเอาทั้งร้านและข้าวของในร้านพลันล้มระเนระนาดไปกับพื้น โดยที่ไม่โดนชายหนุ่มที่วิ่งผ่านมาเลยสักนิ๊ด
แถมยัง....ตามด้วย'ลูกไฟ'ที่มาซ้ำเติมร้านของพวกเขาอีกทีจนทั้งร้านทั้งข้าวของมลายหายสิ้นไปในพริบตา....ทิ้งไว้แต่อาหารชั้นเลิศที่ย่างได้กร๊อบกรอบ
เหลือแต่ 3 ผู้โชคดี๊ดี ยืนอึ้งอ้าปากค้าง หน้าซีดเผือก ตาเหมือนจะถล่นออกมาพร้อมเพียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย..... 0.0!!! 0.0!!! 0.0!!!
ทั้ง 3 คนได้แต่ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น...ไม่มีไครพูดอะไรและถามอะไรสักคำ เพราะสิ่งที่เห็นมันยากกว่าจะรับได้..........ละมั้ง
สิ่งที่พ่อค้าหนุ่มคิดในใจตอนนี้ คือ ‘เหอะๆๆ ดูสิ เนื้อของเราที่ขายไม่ค่อยออกตอนนี้ดันถูกย่างซะน่ากินเลยเนอะ มันน่าดีใจมั้ยล่ะเนี่ยหึหึ’ประชด
สิ่งที่แม่ค้าสาวคิดตอนนี้คือ ^^‘ขอให้คนที่พังร้านฉันตายบาดนะจ๊ะ^^’ สาปแช่งในใจ
(‘ ‘) ‘โห สุดยอดอ่ะเท่สุดๆเลยวุ้ยย !!!><’ มีเพียงหนุ่มน้อยผู้น่ารักไร้เดียงสาเท่านั้นที่คิดแบบนี้
และแล้วพ่อค้าหนุ่มและแม่ค้าสาวก็เดินเข้าไปยังซอกตึกพร้อมๆกันโดยไม่ได้นัดหมาย
‘บรรยากาศไม่น่าให้แฮะ งั้นก็ตามๆน้ำไปล่ะกัน’หนุ่มน้อยคิดเสร็จก็เดินตามพวกผู้ใหญ่ไปในซอกตึก
แล้วทุกคนก็นั่งลงกอดเข่าราวกับเด็กน้อยขี้แย แล้วนั่งซึมอยู่ที่ตรงนั้น พลางคิดในใจพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมายอีกครั้ง
T T / T T 'หมดกัน' พ่อค้าหนุ่มและแม่ค้าสาวคิด
(‘ ‘) ‘เอ๋ ไม่ค่อยเข้าใจพวกผู้ใหญ่เลยแฮะ โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วยังทำแบบนี้อีก’หนุ่มน้อยคิดพลางแสยะยิ้มและส่งสายตาเวทนาพวกผู้ใหญ่รวมถึงพี่สาวของเขาด้วย
ทันทีที่หนุ่มน้อยส่งสายตาเวทนาไปสัก 3 วินาทีแม่ค้าสาวรู้สึกตัวทันก็เงยหน้าขึ้นมาทางเขาพร้อมส่งสายตาดุแต่ยังอยู่ในสีหน้ายิ้มแย้มราวกับจะบอกว่า ‘เหอะ เดี๋ยวโดนนะจ๊ะ^^’
‘เอ๋....1?’ หนุ่มน้อยผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเอาซะเลยได้แต่โอดครวญในใจพร้อมนึกภาพการลงโทษของพี่สาว เล่นเอาหนุ่มน้อยขนลุกเลยทีเดียว
“ไม่นะ!! ผมทำอะไรผิดไปล่ะเนี่ย ใครรู้ช่วยบอกผมหน่อยเหอะ T T ฮือออๆ?” หนุ่มน้อยก็ได้แต่โอดครวญในใจพร้อมก้มหน้าลงชิดกับเข่าในท่านั่งกอดเข่าอยู่ในตอนนี้พร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลรินพร้อมตัวสั่นผับๆๆ ด้วยความหวาดกลัว
....ทางด้านชายหนุ่มผู้ที่วิ่งอย่างเหนื่อยๆหอบ แหกๆๆอยู่......
"หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะว้อย !!!" "ขวับๆ" "ฟู่วๆ" เสียงชายชราลำตัวอ้วนพลี(= = ?)ผู้ใส่ผ้ากันเปื้อนสีขาววิ่งมาพร้อมขว้าง ขยะ กระป๋องน้ำ จวัก ลูกไฟ และ อื่นๆ อีกมากมายที่ไม่รู้ไปเอามาจากไหนมาทางชายหนุ่มคนหนึ่ง อย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมหน้าตาที่แดงปิ๊ด แสดงถึงความโกรธเกรี๊ยวอย่างรุนแรง โดยไม่สนสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อยนอกจากชายหนุ่มผู้ที่กินแล้วไม่จ่ายที่ร้านของเขา
"เย้ย!!! เกือบ...!!หยุดก็โง่สิครับ !!!!"ชายหนุ่มผู้กินไม่จ่ายพูดพลางหลบการโจมตีของอีกฝ่าย
'บ้างก็กระทะ บ้างก็หม้อแกง ทำไมไม่เอาถังแก๊สมาโยนใส่ตูเลยฟระ!!' ชายหนุ่มคิดในใจอย่างหัวเสีย
"ก็บอกแล้วใงล่ะครับ ว่าเดี๋ยวผมมาจ่าย อ๊ะ !!!" เด็กหนุ่มวิ่งหน้าตั้งด้วยฝีเท้าราวกับ ...ใส่เกียร์หมา(มั้ง) วิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายจนเส้นผมอันดกดำของหนุ่มนั่นชี้โด่ เผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาอย่างกับกำลังแว๊นอยู่ในชุด เสื้อคอปกสีขาวแขนยาว กับกางเกงวอร์มสีดำยาวที่ไม่น่าจะเข้ากันเล๊ยย
แถมยังใส่ซะเรียบร้อย ( ใส่เสื้อไว้ในกางเกง )
"ไม่ฟังโว้ยยย!! ไอ้เด็กชอบแก้ตัวเอ้ย!! แบบนี้ต้องเอาให้เข็ดหลาบ!!" นั่นเป็นคำตอบที่ออกมาจากปากเจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยวพร้อมด้วย ลูกไฟ จวัก ต่างๆนาๆ อย่างต่อเนื่องไปตลอดทาง
"เย้ยย!!!" "ฟุบ!!!" ชายหนุ่มกระโดด หลบลูกไฟ กับ จวักที่พุ่งเข้ามา ราวกับลูกปืนใหญ่ที่พร้อมสอยเขาร่วงได้อย่างทันควัน พร้อมเบ้หน้า ล่อลิ้นใส่เจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยวอย่างหน้าหมั่นไส้ หน้าตื๊บให้เละ!!คาฝ่าเท้า
"เพล้งๆ!!!" "ขวับๆ!!!"
"แบร่ๆ ไม่โดนหรอก!!"
"ไอ้ตาแก่โง่!!---งี้เง่า---ขี้งก!!--- อ้วนพลี!!---อีกหน่อยขอให้หัวล้านบ้านแป้วไปเลยนะเฟ้ย!!(เกี่ยวมั้ย) ฮ่าๆๆ!!!"คำด่าออกมาจากปากชายหนุ่มอย่างไม่บันยะบันยังเลยแม้แต่น้อย
และนั่นทำเอาเจ้าของร้านขายก๋วนเตี๋ยวได้ยินประโยคดังกล่าวเต็ม2รูหู ทำให้เกิดรอยย่นที่หน้าผากทันที พร้อมความโกรธและจิตสังหารที่พุ่งสูงปรี๊ดดดดด....ดั่งภูเขาไฟประทุ!!!
"งั้นเหรอ หึหึ!!! " สั้นๆแต่ให้ความรู้สึกสยองอีกแบบเจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยวพูดพลางแสยะยิ้มพร้อมกับความกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวชายแก่ ทำเอาชายหนุ่มถึงกับอยากจะอาเจียนออกมาเลยทีเดียว
......
ตี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด....!!!!
7.00น.
......"ยะเฮ้ย !!!!"
"ขวับๆ!! ครุบๆ!! ตุ๊บๆ!!.....โป๊กกกก โอ้ยยย ..........................แฮะ...แฮะ.. ฝันเหรอเนี่ย !?"
"เจ็บชะมัดเลยวุ้ย!! ตกเตียงเลยหรอเนี่ย อู๊ยยยย.." ชายหนุ่มผู้ที่พึ่งตื่นจากฝันกำลังลุกจากพื้นห้องนอนของตนอย่างตะกุกตะกักพร้อมเอามือกุมศรีษะที่กำลังปูดขึ้นมาเล็กน้อย
"ฝันแปลกชะมัด อูยยย แถวยังเจ็บอีกต่างหาก" ชายหนุ่มบ่นเบาๆพร้อมหันหน้าไปมองนาฬิกา
"7 โมงเช้าแล้วหรอ อาบน้ำดีกว่าแฮะ" พูดเสร็จชายหนุ่มก็ตรงไปที่ห้องน้ำพร้อมอาบน้ำ ทำธุระต่างๆนาๆ เพื่อไปโรงเรียน
.....30 นาทีผ่านไป
"เห้ออออ !!!"เด็กหนุ่มเดินด้วยสีหน้าหมดแรงในขณะที่เดินไปโรงเรียนใกล้บ้านเขา
'นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว แฮะๆๆ'
'อ้อ!! ลืมไป เด็กหนุ่มที่ว่านั่นไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ก็ผมนี่แหละครับ ผมชื่อ นรินทร์ มาดูเอล เองครับ แฮะๆๆ เนื่องจากเมื่อเช้าพึ่งตื่นจากฝันบ้าบอคอแตก ที่ผมคาดว่าน่าจะเกิดขึ้น เพราะผมอ่าน การ์ตูน กับนิยายมากไปหน่อยมั้งฮะ วันนี้เป็นวันเปิดเรียนเทอม 2 ของ ม.6 ของผมนะครับ จะว่าไปผมก็ยังง่วงอยูเลยนะฮะเนี่ย' นรินทร์เอามือปิดปากแล้วหาวหนักๆ 1 ครั้ง
'จะว่าไป โรงเรียนเนี่ย!! คุณคิดว่ามันสนุกมั้ยครับ?'
ผมพูดในใจพลางเดินไปโรงเรียน ซึ่งบัดนี้เวลา 7.34 น.แล้ว
'สำหรับผม ผมคิดว่ามันเป็นสถานที่ที่บ้าบอสิ้นดีครับ แต่มันก็ไม่ได้บ้าบอซะทุกอย่าง อย่างการเรียนผมก็ตั้งใจเรียนดี เพียงแต่แค่สังคมเท่านั้นที่ยังไงๆผมก็ไม่สามารถเข้ากับคนรอบข้างได้จริงๆสักที เอ๋ เดี๋ยว? จะว่าไปผมก็เคยเข้ากับคนอื่นได้นะครับ แล้วก็ได้เป็นเพื่อนสนิทด้วย’
'รึว่าสังคมไม่ได้บ้าบอ แต่ผมต่างหากที่บ้าบอ? ....เอ่าเฮ้ย...แต่ยังใงก็ชั่งมันเหอะครับ'
............ ระหว่างที่ผมงุมงำมา ผมก็เดินมาถึงโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว
และผมก็กำลังจะก้าวเท้าเข้าสู่เขตโรงเรียนแล้ว!!!
ณ บัดนี้ผมก็พร้อมที่จะเข้าสู่โหมดนักเรียนเฟรนลี่แล้ว ผมปั้นใบหน้าที่ยิ้มแย้มแล้วทักทาย สวัสดีคุณครู และเพื่อนๆ ของผม ‘ถึงผมจะแค่แกล้งเป็นเพื่อนก็เถอะ'
'อ้อ!ครับ โรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ ณ ตอนนี้คือ โรงเรียนนานาชาติเชสโต้นะครับ ก็....เป็นโรงเรียนนานาชาติปกตินั่นแหละครับ ที่ผมเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนี้ก็เพราะผมคิดว่า สังคมที่เต็มไปด้วยคนหลายสัญชาติเป็นสังคมที่แปลกดี และผมก็หวังว่าผมจะได้เข้าไปเรียนแล้วมีเพื่อนดีๆสัก 5-10 คน.....พูดคุยกัน...กินข้าวด้วยกัน....ทำรายงานด้วยกัน...นั่งเป็นกลุ่มๆ ประมาณนี้แฮะๆๆ'
ผมเดินจึนถึงหน้าห้องเรียนแล้ว แล้วผมก็เดินเข้าไปในห้องเรียนเพื่อวางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะ
'แต่แล้วผมก็ต้องล้มเลิกความคิดอันโลกสวยนั่น นั่นก็เพราะ...ตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เข้ามาในห้องเรียนนี้ ผมก็เห็นคนในห้องส่วนนึงที่ทำหน้าตาพร้อมท่าทางต่างๆสารพัดแสดงถึงความรังเกียจผม ที่สอบได้คะแนน อันดับ1 ของโรงเรียน เล่นเอาความคิดโลกสวยผมแตกสลายในพริบตาเหอะๆๆ'
พอวางกระเป๋าเสร็จ ผมก็เดินไปรอเข้าแถวที่สนามหน้าโรงเรียนทันที เพราะผมก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ตรงไหนดี และอีกอย่างก็ใกล้จะถึงเวลาเข้าแถวแล้วด้วย?
แน่นอนว่าระหว่างทางผมก็ได้ทักทายเพื่อนๆ ทั้ง ชาย และ หญิง อย่างเป็นมิตรกับทุกๆคน ทุกคนก็ยิ้มให้ผม แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะผมรู้ว่าพวกนี้แค่ทำท่าทางเป็นมิตรเพราะต้องการป้องกันการโดนกลั่นแกล้ง และไม่อยากมีเรื่องกับคนที่สอบได้อันดับ1 และแถมยังมีข่าวว่าผมเป็นนักเลงเถื่อนที่เหี้ยมโหดที่สุดในโรงเรียนอีกด้วย.......ถึงอย่างนั้นผมก็คิดว่าในใจพวกนั้นอยากตื๊บผมให้เละ แหงมๆ' ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริงเพราะว่า
"ชิ!! ไอ้นรินทร์ หน้าหมั่นไส้ชะมัด!! ทำท่าทางเป็นมิตรอยู่ได้!! อยากตื้บให้เละคา...ชิบหาย!!"เสียงดังแจวมาจากแถวข้างหลังผม ห่างออกไปราวๆ 5 เมตร แต่ผมก็ได้ยินชัดเปรี๊ยะ!!
'เหอะๆ จะนินทาก็ขอให้นินทาเบาๆได้มั้ยฟระ น่ากลัวชะมัด T T โรงเรียนนี้ ทำไมไม่เห็นเหมือนในนิยายหรือการ์ตูนที่อ่านมาเลยฟระ และอีกอย่างวีรกรรมต่างๆที่ทำให้ได้ฉายานักเลงนั่นน่ะมันก็แค่ตอนผมยังเด็กเองนะเฮ้ย ชกต่อยตามประสาเด็กเองโว้ยยย ความจริงชั่งโหดร้ายเหลือเกิ๊น!!!'ผมได้แต่โวยวายอยู่ในใจ
แค่เดินไปที่สนามหน้าโรงเรียนพร้อมทักทายไปเรื่อยๆตามมารยาทก็กินเวลาไปตั้งเยอะจนตอนนี้ก็ปาเข้าไป 8โมงแล้ว
พอผมมาถึงสนามหน้าโรงเรียนก็.....
"กริ๊งงงงงงงงงงงงง....!!!" เสียงออดก็ดังขึ้นถี่ยิบ
"เอาล่ะ!! เจ้าพวกนักเรียนทั้งหลาย!!!! มาเข้าแถวได้แล้วอย่าเดินเอ้อระเหิดล่องลอยไปตามสายลมอยู่ น๊าาาาค๊าาาาา!!!!" อาจารย์สาววัย 20 ปี หน้าตาโลลิ ตัวเล็กๆ ผมสีทองยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีแดง ในชุดเสื้อยืดแขนยาวใส่สบายสีฟ้า ตัดกับกระโปรงยาวสีชมพูกำลังพูดด้วยไมค์อยู่ที่หน้าเวทีตรงหน้าแถว ดูแล้วน่ารักมาก โดนใจพวกโลลิค่อน โดยเฉพาะ 'ผม' ที่มองแล้วเคลิ้มกับอาจารย์ (ฮิฮิ)
'มีแค่คนนี้เท่านั้นที่คอยเติมกำลังใจผมอย่างล้นเหลือ ฮิฮิ' ผมนึกพร้อมทำหน้าฟิน
'ฮิ ฮิ๊......ณ จุดจุดนี้ ถ้ามีอุกาบาตหล่นใส่หัวผม แล้วผมตายคาที่ ผมก็ไม่เสียใจแล้ว หึหึ' (ผมไม่ได้ชอบแบบจริงๆจังๆนะครับ แค่ชื่นชอบเพราะมันน่ารักดีเท่านั้นเอง)
และแล้วเวลาในการเข้าแถว ทำกิจกรรมหน้าเสาธงก็ได้เริ่มขึ้น ถึงจะเป็นโรงเรียนนานาชาติก็เหอะ
.....และเมื่อเวลาแห่งการเข้าแถวผ่านไป...................
ผมก็ได้เดินมาอยู่ในห้องเรียนเดิมๆ แล้วผมก็นั่งลงอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องสุด เพราะจะได้เรียนได้สะดวก 'เห้อ!!! ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมก็ไม่เป็นไรหรอก ชั่งหัวมัน 3 กิโล!! คือประโยคเดียวที่ผมช๊อบชอบ'
......................ในขณะที่ผมโวยวายในใจอาจารย์ก็ได้เข้ามาสอนคาบแรกแล้ว.....................
จากนั้น เวลาเรียนเดิมๆก็ได้ผ่านพ้นไปอย่างปกติเหมือนเดิม แต่ว่าวันนี้ผมมีความรู้สึกว่าความเงียบสงบสุ๊ขสุข(?)ของผมกำลังจะจบลงแล้ว............................... ล่ะมั้งนะ!?......ไมเราคิดแบบนี้หว่า...?
เมื่อเลิกเรียน ผมเดินกลับจากโรงเรียนแล้วมาถึงบ้านของผม ผมอาศัยอยู่คนเดียวเนื่องจาก พ่อกับแม่ได้เสียไปตั้งแต่ผมอายุ 7 ขวบ ส่วนตัวผมก็ไม่ได้เศร้าเสียใจอะไรมากหรอกครับ แต่ก็ยังเสียใจอยู่ดีนั่นแหละแต่แค่นิดส์ๆ(เติมS)อ่ะนะครับ หลังจากท่านเสียไปคุณน้าผมก็รับผมมาเลี้ยง แต่สุดท้าย ผมก็ขอแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวก่อนเพราะผมอยากใช้ชีวิตคนเดียวเหมือนใน การ์ตูนบางเรื่องบ้างเพราะว่า.......
.................. มันเท่ดีออกจะตายไป ไงล่ะครับ !!!
บ้านของผมเป็นบ้าน ทำจากปูน แฮะๆๆก็บ้านจัดสรร ปกติ 2 ชั้นนั่นแหละครับ
'มีหลังคาด้วยนะเออ ^^' โดยที่ชั้น2 ห้องใกล้ระเบียงนั้น เป็นห้องนอนของผมเองครับ และห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น จะอยู่ชั้นล่างครับ
พอผมเดินมาถึงบ้าน ผมก็.................เข้าบ้าน จากนั้นก็.........ถอดรองเท้า............แล้วก็ถุงเท้าต่างๆ.........แล้ว ผมก็ทำธุระต่างๆ
เมื่อผมจัดการธุระอะไรต่างๆ ส่วนตัวในบ้านเสร็จ ผมก็อาบน้ำ เข้านอน ตามปกติ บัดนี้เวลา 22.00 น. พอดีเป๊ะครับ ผมก็ได้นอนลงบนเตียงนอนที่นุ่มนิ่มสีขาว พร้อมเปิดดนตรีเบาๆกล่อมผมเข้านอนครับ
แล้วผมก็หลับไป zzZZ...
และเมื่อ .........เวลา 0.03 น.
"เห้อ!!! ถึงซะที ทีนี่สินะ แฮะๆๆ ฉันมารับดวงวิญญาณแล้วนะค๊า!! มารับดวงวิญญาณไม่ใช่ผู้อื่นใดที่ไหนหรอกค่ะ ก็'ยมทูต' นั่นแหละค๊าา^^ ฮิฮิ"
'คราวนี้จะได้ไม่โดน เพื่อนๆแกล้งเรื่องซุ่มซ่ามซะทีเหอะๆๆ ^^' หญิงสาวในชุดนักเรียนสีขาวและใส่กางเกงนักเรียนสีดำยาว และทั้งยังมีเสื้อคลุมสีดำไว้ ถือเคียวสีดำอันใหญ่โตกว่าตัวของเธอ ใบเคียวยาวประมาณ 1.5 เมตร ก้านเคียวยาวประมาณ 2 เมตร กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศพร้อมบ่นออกมาพร้อมหอบ หิกๆ ดวงตาสีม่วงทึบได้จับจ้องไปที่บ้าน 2 หลังที่รูปร่างเหมือนกันเด๊ะ!! พร้อมกับเส้นผมสีเงินของเธอที่ยาวเหยียดถึงเอวได้พัดผลิ้วไปตามสายลมยามรัตติกาล เธอจำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อมารับดวงวิญญาณ ที่อยู่ในบ้านจัดสรร แถวนี้โดยยมทูตสาวมีนามว่า
"เซเลน่า อาธิส" ฉายา จอมมหารั่ววงเล็บในบางเวลา
"เอ......?" เซเลน่าลากเสียงยาวพร้อม ขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย
"แล้วบ้าน 2 หลังนี้มันหลังไหนกันหว่า เหมือนกันเด๊ะเลยอ๊ะ !!!"
"เอ.........?"ยมทูตสาวทำท่าครุ่นคิด โดยเอานิ้วชี้และนิ้วโป้งของมือขวาหนีบคางไว้ ในสภาพที่ตัวลอยอยู่กลางอากาศ
"เอ...... นิน? .... นิน? ..... นินไรน๊า?.....รา?"
"ติ๊ก!!" ยอมทูตสาวดีดนิ้ว 1 ครั้งเหมือนคิดอะไรออก (ชื่อ ของผู้ที่เธอจะมารับดวงวิญญาณนั่นเอง)
"นาริน.....นรินทร์!!" เซเลน่าตะเผลอโกนออกมา และทันทีที่ตะโกนออกมาเธอก็รีบเอามือปิดปางของตน
"อุ๊ป ใช่ๆ นรินทร์ นี่เอง แฮะๆๆ^^ แหมๆ... กว่าจะนึกออก ฮิฮิ" ยมทูตสาวเซเลน่าทำท่าทางดีใจใหญ่ที่คิดชื่อออก พร้อมสายตาสีม่วงของเธอที่จับจ้องไปยังป้ายชื่อ บ้านจัดสรรหลังที่อยู่ใกล้สุดกับเธอ
"นรินทร์ มาดูเอล" ยมทูตสาวยิ้มร่าพร้อมดีใจใหญ่ที่หาเป้าหมายเจอได้ทันที ทันใดนั้น....
"เอ๊ะ?"
"อื่มมมม นามสกุลไม่ใช่ 'สุขบรรเจิด' หรอกเหรอ?" ยมทูตสาวเซเลน่าเอะใจเล็กน้อยแต่ด้วยความดีใจที่จะทำงานเสร็จง่ายๆ เลยกลบความสงสัยนั้นของเธอ พร้อมสบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆนั่นออกไป
"เอา เถ๊อะ!!! นรินทร์ก็คือนรินทร์สินะค่ะ เราคงจำนามสกุลผิดล่ะมั้ง แฮะๆๆ น่าอายจังถึงจะไม่มีใครรู้ก็เถอะ^^" ยมทูตสาวเซเลน่าบ่นกับตนเอง พลางบุกบ้านผู้อื่นโดยถือวิสาสะ เทเลพอร์ต เอาดื้อๆ มาในบ้านจัดสรร 2 ชั้น
เพียงแค่พริบตาเดียว ยมทูตสาวก็มาอยู่ในห้องของนรินทร์แล้ว "อิอิ งานแรกๆ เย้ๆๆ ^^ ง่ายดายซะเหลือเกิ๊น!! ไม่มีพวกตัวป่วนด้วย ฮิฮิ"หญิงสาวพูดพลางอมยิ้มพลางเดินเข้าใกล้เป้าหมายเพื่อหวังจะ 'เก็บดวงวิญญาณ' ไปตัดสินโทษ แต่ทว่า เมื่อเจอเป้าหมายเธอก็ต้องชะงัก!?
"อ้าว!!? วิญญาณ ยังไม่ออกจากร่างงั้นเหรอ" เธอตะลึงเล็กน้อย ก่อนใบหน้าที่ตกใจของเธอจะหายไป และความหายนะของนรินทร์ หนุ่มน้อยผู้โชคดีจะเริ่มขึ้น
"แหมๆ ไหนๆก็จะตายละ ฮิฮิ!! ^^ ขอกระชากวิญญาณกลับไปเร็วๆเลยแล้วกันนะค่ะ คุณนรินทร์ ^^" หญิงสาวคิดขึ้นมา พลางง้างเคียวในมือขึ้นสูงแล้ว ฟันลงที่เตียงของผู้ที่เธอคิดว่านั่นเป็นดวงวิญญาณที่ท่านพญามัจจุราช สั่งให้เธอมาเก็บและพาไปยังทางเดินที่ถูกต้องทันที
"ควับ !!! ฟุ๊ปป !!!" พริบตาที่เคียวยมทูตอันใหญ่โตฟันเข้าที่ร่างของนรินทร์นั้น ดวงวิญญาณของนรินทร์ ก็หลุดออกจากร่างแล้วลอยออกมาเป็นดวงไฟเล็กอยู่ตรงหน้าเซเลน่าทันที โดยที่เจ้าของดวงวิญญาณไม่รู้เลยว่า ตนถูกยมทูตจอมเซ่อซ่า 'ดึงวิญญาณไปเสียแล้ว!!'
....ไม่มีรอยแผลในร่างกาย ไร้ร่องรอยการลงคมเขี้ยว ไร้เสียง สรุปคือไร้ร่องรอยใดๆทั้งสิ้น
ทันทีที่ดวงวิญญาณหลุดออกมายมทูตสาวเซเลน่า ก็ได้เอามือไปสัมผัส จับดวงวิญญาณของนรินทร์ ที่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เลยว่าตนถูกดึงวิญญาณไปเรียบร้อยแล้ว
ทันทีที่จับได้ ดวงวิญญาณก็ได้เข้าไปอยู่ในตัวของเซเลน่าเรียบร้อยแล้ว เป็นการเก็บดวงวิญญาณขั้นพื้นฐานปกติ
"ฮิฮิ๊ ไม่นึกเลยว่าจะง่ายดายขนาดนี้....ที่เหลือก็ เทเลพอ...อ๊ะ!!!" ยมทูตสาวคิดไม่ทันจบก็ยิ้มขึ้น
"กลางคืนของที่โลกมนุษย์ สวยดีนี่นา………ไปเที่ยวบินชมเมืองสักหน่อยก่อนเทเลพอร์ตกลับสักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไรหนิเนอะ!! ^^" เมื่อคิดดังนั้นยมทูตสาวเซเลน่า ก็เทเลพอร์ตออกจากบ้านอย่างเงียบงัน พร้อมทะยานร่าง หายไปในท้องฟ้าอันมืดมิด ทิ้งร่างอันไร้วิญญาณของชายหนุ่มนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงซะอย่างนั้น
โดยที่เธอไม่ทันสังเกตเลยว่า บ้านจัดสรรหลังถัดไปนั้น มีป้ายเขียนชื่อของคนที่อยู่ที่นั่นว่า
นินรา สุขบรรเจิด (0.0 โอ้ว....!!!)
--------------------------------------------------------------------------------
จบ ตอนที่ 1 นะครับ ^^ แฮะๆๆ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ พึ่งเขียนครั้งแรกครับ ยากอยู่พอสมควรแหะครับ แต่จะพยายามเขียนให้ดีที่สุดนะครับ จะวิจารณ์ก็ได้นะครับ ตามสบายๆ แฮะๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ