วุ้นรักโรงเรียนแปรธาตุ

     ในปัจจุบันการแปรธาตุนั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเมื่อคนธรรมดา
ก็สามารถเรียนรู้ได้และยังมีโรงเรียนที่เน้นศึกษาเรื่องของศาสตร์การแปรธาตุอีกด้วย
    แซค ซาวเวฟ เด็กนักเรียน ม.ปลาย ที่มีความสามารถในการแปรธาตุที่โดดเด่นจึงได้ทุนเข้ามาเรียนใน Alchemist School โรงเรียนที่โด่งดังในเรื่องการสอนการเล่นแร่แปรธาตุ ส่วนใหญ่จะมีแต่พวก ลูกคุณหนูหรือไม่ก็เป็นพวกตระกูลที่มาจากผู้สืบทอดวิชาแปรธาตุหลักๆแล้วจะแบ่งออกเป็น 4 ตระกูลใหญ่ๆ คือ ไอออนไฮด์  วาเลนไทน์  กริมมัว  และ วิงค์ ในแต่ละตระกูลก็จะมีตระกูลสาขาย่อยออกไปอีก
    คนธรรมดาถึงจะมีความสามารถในการแปรธาตุทั่วไปก็ใช่ว่าจะ  สามารถเข้ามาเรียนที่นี่ได้ง่ายๆ แต่สำหรับแซคนั้นถือว่าเป็นข้อยกเว้นเพราะเจ้าตัวมีความสามารถที่หายากมาก จึงทำให้เขาได้เข้ามาเรียนรวมกับยอดฝีมือและในวันเปิดภาคเรียนวันแรก
“แอ๊ดด”
เสียงเปิดประตูห้องเรียนดังขึ้นเด็กหนุ่มที่ทำหน้าหอบกับการวิ่งวนหาห้องเรียนและในที่สุด
“เอ่อขอโทษที่มาสายนะครับพอดีผมหลงทาง”
ทามกลางสายตาของอาจารย์และคนทั้งห้องเด็กหนุ่มค่อยๆเดินไปหาที่นั่งของตัวเอง
“อะไรกันมาวันแรกก็สายสะแล้วใช้ไม่ได้เอาสะเลย”
เด็กสาวผมยาวสีฟ้าลุกขึ้นพร้อมกับคำพูดถากถาง
“อะไรกันคุณหนูนี้เพิ่งจะวันแรกเองมาพูดกับคนที่ยังไม่รู้จักกันแบบนี้ไม่นารักเอาสะเลย”
เด็กหนุ่มไม่ยอมและพูดสวนไปแต่หลังจากแซคพูดจบลงทั้งห้องก็อยู่ในภาวะเงียบสนิทดวงตาทุกคู่มองไปยังเด็กหนุ่มราวกับว่าเขาได้ขุดหลุมฟังตัวเองซะแล้ว
“นี้นายรู้ไหมว่ากำลังพูดอยู่กับใครหะ!”
เด็กสาวโมโหพร้อมกับจ้องหน้าของแซคยังกับว่าจะกินเลือดกินเนื้อกันเลยทีเดียว
“เอ่อใจเย็นๆกันก่อนนะคะทั้ง2คนนี้เป็นวันแรกแซ็คเขาเพิ่งย้ายมาใหม่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเธออย่าไปถือสาอะไรเขาเลยนะ แอน”
สิ้นเสียงของคุณครูก็ดูเหมือนว่าทั้ง2จะเริ่มใจเย็นลงถึงยังมีเขม็งกันบ้างและการแนะนำตัวก็เริ่มขึ้น
“ผม แซค ซาวเวฟ เป็นนักเรียนที่เพิ่งย้ายเข้ามาเรียนที่นี้ฟากตัวด้วยนะครับ”
สิ้นเสียงแนะนำตัวเด็กหนุ่มก็กลับไปยังที่นั่งของตัวเอง
“นี้ๆนายเนี่ยเจ๋งไปเลยเปิดมาวันแรกก็มีเรื่องกับคุณหนูแอนนี่สะแล้ว”
เสียงของนักเรียนชายที่นั้งข้างๆแซคพูดขึ้น
“ทำไมหละเธอคนนั้นเป็นใครหรอ”
แซคถามกลับ
“นี้นายไม่รู้จริงๆหรอเธอคือคุณหนู แอนนี่ วาเลนไทน์ หนึ่งในตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สุดในศาสตร์ของการแปรธาตุเชียวนะ”
“อ๋อเป็นลูกคุณหนูนี้เองสินะ”
“นี้นายไม่เข้าใจเลยใช่ไหมเนี้ยก็ถ้าเปรียบศาสตร์แห่งการแปรธาตุเป็นโลกใบหนึ่งวาเลนไทน์ก็เหมือนกับ1ใน4ประเทศมหาอำนาจเชียวนะ”
“ใช่แล้วหละ!”
แอนนี่ที่ได้ฟังทั้งคู่คุยกันได้สักพักก็อยากจะพูดข่มเด็กนักเรียนใหม่อย่างแซค
“รู้ไว้หละชื่อของตระกูลฉันนะมาจาก เชอรี่ วาเลนไทน์ผู้ที่เริ่มคิดวงแหวนแปรธาตุและยังเป็น1ในศิษย์เอกของ นิโคลัส แฟลมเมล ผู้ที่คิดค้นศิลานักปราชญ์ขึ้นมาด้วย รู้ยังงี้แล้วก็สำนึกผิดสะด้วยหละนายเด็กใหม่”
“เอ่อวงแหวนแปรธาตุมันคืออะไรหรอ”
แซคถามกลับไปอย่างงงๆ
“อะไรกัน!ถ้านายไม่รู้จักวงแหวนแปรธาตุนายใช้คาถาในการหลอมและสร้างสิ่งของขึ้นมางั้นหรอนั้นมันยากกว่าการวาดวงแหวนอีกนะ”
“ปล่าวอะก็แค่วาดภาพขึ้นมาในใจแล้วก็จินตนาการถึงการเปลี่ยนแปลงแค่นั้นมันก็ออกมาเป็นรูปร่างแล้ว”
เมื่อแซคพูดจบแอนนี่ถึงกับอึ้งไปเลยเพราะไม่ใช่แค่ไม่ใช้คาถาหรือวงแหวนเวทในการแปรธาตุเท่านั้นแต่แค่จินตนาการก็สามารถสร้างรูปร่างที่ต้องการหรือเปลี่ยนมันให้เป็นไปตามที่คิดไว้
“ฉันไม่เชื่อนายหรอกมันจะเป็นไปได้ยังไงขนาดพวกมืออาชีพยังต้องใช้คาถาในการแปรธาตุเลยแล้วนักเรียน ม.ปลายอย่างนาย จะบอกว่าแค่คิดก็สามารถทำให้เกิดรูปร่างได้แล้วเนี้ยนะ”
“ถ้าเธอไม่เชื่อหละก็จะให้ฉันทำอะไรกับสิ่งของดีหละ”
“งั้นลองเปลี่ยนน้ำตรงนั้นให้กลายเป็นน้ำแข็งสิ”
เพื่อพูดจบแซคก็จินตนาการภาพน้ำที่ค่อยๆเย็นจนถึงจุดเยือกแข็งแล้วจากนั้นแซคก็เอานิ้วของเขาแตะลงไปที่น้ำทันไดนั้นน้ำก็เริ่มกลายเป็นน้ำแข็งทันที”
“นายทำได้ยังไงหนะ!”
แอนนี่พูดขึ้นด้วยความตกใจ
“แค่นี้เองแนยังทำยังงี้ได้อีกนะ”
เมื่อพูดจบแซคก็จินตนาการถึงน้ำแข็งที่กำลังก่อตัวกันออกมาเป็นรูปของกระต่ายแล้วแตะไปที่น้ำแข็งก้อนนั้นแต่แค่นั้นยังไม่พอเมื่อแอนนี่และเพื่อนคนอื่นๆสังเกตุเห็นว่าภายในน้ำแข็งรูปกระต่ายนั้นมีลูกไฟลูกเล็กๆลอยอยู่ข้างในความสามารถของแซคดูเหมือนว่าจะสามารถแปรธาตุได้โดยไม่สนใจกฎของการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียวเพื่อนๆคนอื่นอึ้งกันหมดร่วมถึงแอนนี่เองก็ด้วย
“นะ..นายเป็นใครกันเนี้ย”