P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

8.1

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.

  46 chapter
  28 วิจารณ์
  50.45K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

29) อิลลูชั่น (illusion) บทที่ 2 [ด้วยคำมั่นสัญญา]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

P.P. Rising: The Bullet Time

เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

  1. Ch.25 อิลลูชั่น (illusion) บทที่ 2 [ด้วยคำมั่นสัญญา]

Rewrite V.3

 

◊◊◊

 

[16:30] [03/01/2058]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, สุสานชาวคริสต์ ‘มิสเทน’]

 

‘เมงุมิ!? นั่นเธอ...จริงๆ เหรอ?

 

ความสงสัยพร้อมกับความสับสนแล่นแปรเข้าสู่หัวใจของพีอย่างเต็มแรง เมื่อได้เห็นคนที่ไม่น่าจะมีอยู่บนโลกใบนี้แล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะคิดว่าเธอคนนั้นยังไม่น่าจะตายแน่นอน แต่เมื่อเห็นสภาพเธอครึ่งคนเครื่องจักรแบบนี้แล้ว มันทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก

 

‘เหมือนกับในฝัน...ตาสีแสงที่ส่องแสงแสบตานั่น’

 

“ฉันไม่อยากให้คนนอกรู้เท่าไรหรอก” เคนชิโร่เอ่ยขึ้น “แต่โปรเจคเรซเซอร์เรกชั่นตัวนี้เหมือนจะควบคุมไม่สมบูรณ์ดี เลยชอบออกมาเดินเพ่นพ่าน”

“ควบคุม?” พีเอียงคอ “นี่คุณ...เดี๋ยวก่อนสิ เมงุมิรอดจากระเบิดเครื่องบินลำนั่นได้ยังไง?”

“หือ? นี่เธอรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?” เคนชิโร่หรี่ตาลง “งั้นเธอบอกมาให้หมดว่ารู้อะไรบ้าง เดี๋ยวฉันพิจารณาว่าจะบอกความจริงกับเธอดีไหม?”

 

พีจ้องตาเคนชิโร่ ผู้ที่เป็นพ่อของเมงุมิ ก่อนที่จะตัดสินใจบอกอย่างไม่มีทางเลือก เพราะความอยากรู้เรื่องของเมงุมิ

 

“ก็รู้ว่าเธอถูกพวกของไอริสทำร้าย...รู้ว่าเธอต้องกลับไป Area JP เพื่อที่จะสานงานอะไรบางอย่าง และก็แต่งงานกับใครก็ไม่รู้ด้วย---”

“อ๋อ...นึกว่าเธอจะรู้อะไรมากกว่านี้ซะอีก” เคนชิโร่ทำเสียงเหมือนผิดหวัง “ถึงยังไง เมงุมิเธอก็ตายไปแล้ว รู้อะไรเกี่ยวกับเธอจงเงียบซะ”

“แล้วที่ยืนตรงนี้?”

“เธอไม่ใช่เมงุมิ...เธอตายไปพร้อมกับเครื่องบินลำนั้นแล้ว ฉันรู้สึกได้”

                “รู้สึกได้บ้าบออะไรกัน!?” พีขึ้นเสียง “นี่คุณเป็นพ่อของเธอจริงๆ เหรอ? ทำไมถึงทำกับลูกสาวตัวเองแบบนั้น!? ทำไม---”

“เธอจะไปเข้าใจอะไร! เคยเห็นสภาพครอบครัวตัวเองไหม? ลูกฉันใช้เทเลพอร์ตวาปมาก่อนที่เครื่องบินจะระเบิด” เคนชิโร่ยกแท่งสีฟ้าสี่เหลี่ยมให้ดู เหมือนจะสื่อว่าสิ่งนั่นคือเทเลพอร์ต “...แต่ร่างกายครึ่งหนึ่งของเธอ...ถูกสะเก็ตระเบิด...เมงุมินะ...มองฉันด้วยตาข้างเดียว ขาซ้ายก็ไม่มี ขาสองขาก็ไม่มี เลือดไหลเต็มพื้นต่อหน้าพ่อคนนี้!”

 

เมื่อพีได้ยินพ่อของเมงุมิพูดแบบนั้น เขาหันไปพิจารณาร่างกายของเมงุมิที่ยังยืนนิ่งคล้ายร่างไร้วิญญาณอีกรอบ ใบหน้าซีกซ้ายที่เป็นเครื่องจักร แขนขวา และขาทั้งสองขาก็เป็นเครื่องจักรด้วย

 

‘หา!? หมายความว่า...เมงุมิหนีออกมาทันด้วยเครื่องเทเลพอร์ตนั่นหรอ?’

 

“แล้วหลังจากนั้น...เธอเป็นยังไงต่อ?” พีถาม

“หัวใจหยุดเต้น...หมอที่ดีสุดก็ช่วยไว้ไม่ได้...ฉันเลยเอาเข้าโปรเจคเรซเซอร์เรกชั่น ให้เธอกลายเป็นหุ่นยนต์---”

“คุณจะบ้าหรือไง!?” พีตะคอก “ถ้าเมจังตายจริง แล้วทำไมเธอยังเรียกหาฉันอยู่เลย!”

“เรียก?”

 

เคนชิโร่ขมวดคิ้ว พีเลยรีบบอกเรื่องพลังจิตของเมงุมิ โดยที่ไม่ทันได้คิดก่อนว่าเป็นการดีที่จะพูดหรือไม่

 

“ก็...เมงุมินะ...ยังใช้พีทูเทเลพาธีของเธอเองพยายามคุยกับฉันอยู่เลย! ใช่ไหม? เมงุมิ!”

“...รีบหนี...ไปค่ะ...ก่อนที่จะถูก...ฆ่า...”

 

คำพูดที่พยายามสะกดออกมาด้วยความทรมานของเมงุมิ โดยทั้งตัวเธอไม่ได้มีส่วนไหนขยับเลยแม้แต่นัยน์ตาที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก เว้นซะแต่ริมฝีปากของเธอที่พูดเตือนพี เมื่อเคนชิโร่ได้ยินแบบนั้นแล้ว เขาแสดงท่าทีประหลาดใจเล็กหน่อยก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้าง

 

“งืม...ในที่สุด ปริศนาเรื่องคลื่นประหลาดถูกไขแล้วสินะ” เคนชิโร่เดินเข้าจับไหล่ของเมงุมิ ก่อนที่จะหันมาทางพี “เหมือนว่าจะลดระดับสารควบคุมอารมณ์ความรู้สึกต่ำไปหน่อย...สิ่งที่เธอได้ยินหรือได้เห็นจากเธอ มันไม่ใช่ตัวเมงุมิจริงๆ ก็แค่ข้อมูลความทรงจำกับการตอบสนองอัตโนมัติเท่านั้น แต่ก็ขอบคุณมากสำหรับเรื่องเทเลพาธีที่คุยผ่านจิตอะไรนั่น...จริงสิ เธอชื่อว่าอะไร? โอ้วๆ ไม่ๆ คงไม่จำเป็นแล้ว...เอาล่ะ โปรเจคเรซเซอร์เรกชั่น...ถึงเวลาเก็บคนที่รู้เรื่องความลับของเราแล้ว ฆ่าเธอคนนั่นซะ!”

 

‘เฮ้ย!? ฆ่าฉัน?’

 

พีผงะตัวถอยหลัง หลังรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเคนชิโร่ แต่ผู้ที่รับคำสั่ง เมงุมิกลับปฏิเสธได้หน้านิ่งเช่นเดิม

 

“ไม่...นะ...ไม่...ไม่”

“นี่...ถึงกับปฏิเสธคำสั่งได้ขนาดนี้เชียวเลยเหรอ?” เคนชิโร่เอ่ย “หึ วันนี้เธอรอดตัวไปนะ ถ้าทำเป็นไม่รู้ไม่เป็นเรื่องนี้ ฉันจะไว้ชีวิตเป็นกรณีพิเศษ เอาล่ะ กลับกันเถอะ เราต้องปรับแก้ไขเธอครั้งใหญ่เลยนะ โปรเจคเรซเซอร์เรกชั่น”

“เดี๋ยว!”

 

พีที่ยังไม่เข้าใจเรื่องราวต่อหน้าทั้งหมด ตะโกนห้าม แต่เคนชิโร่กดปุ่มบนแท่งสีฟ้านั้น ทำให้มีแสงออร่าสีฟ้ารอบรองทั้งตัวเคนชิโร่และเมงุมิ เขาเห็นน้ำตาของเธอไหลออกมาก่อนที่แสงสีฟ้านั่นจะครอบคลุมทั้งสองแล้วสลายหายไป พีเข่าอ่อนลงไปกับพื้น สายฝนที่ตกโปรยปรายเริ่มหนักขึ้น

 

‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน...เมงุมิยังไม่ตายจริงๆ

ใช่ ยังไม่ตาย แต่ทำไมรู้สึกว่ามันไม่ดีสักนิด

เธอถูกเปลี่ยนเป็นครึ่งคนครึ่งหุ่นยนต์งั้นเหรอ?

ฉันสมควรต้องดีใจสิ ที่เธอรอดจากเครื่องบินลำนั้น...แต่พอเห็นเมงุมิที่ดูเหมือนทรมานแล้ว มันกลับ...’

 

พีที่สับสนตนเอง เอามือข้างขวากุมหน้าอกที่เขารู้สึกจุกแน่นเพราะเรื่องที่เพิ่งเจอมาเมื่อครู่ เรสเทียร์บินออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เรียกเขาด้วยความเป็นห่วง

 

“พี่หญิง...”

 

พีไม่เอ่ยคำตอบรับอะไรทั้งนั้น...จนเรสเทียร์เป็นฝ่ายเริ่มพูดบางเรื่องขึ้นมา

 

“ดูเหมือนว่า...คนๆ นั้นที่พี่หญิงเรียกว่า เมงุมิ...มีร่างกายที่เป็นเครื่องจักรกลกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์นะคะ”

“แปดสิบเปอร์เซ็นต์?”

“ม่านตาสแกนของเรสเทียร์เห็นค่ะ...เครื่องจักรที่อยู่ติดตัวเธอ ราวกับว่ามันกำลังควบคุมการทำงานส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยตรงผ่านคำสั่งภายนอกค่ะ”

“งั้นก็หมายความว่า...”

“ค่ะ เธอคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ถูกคอนโทรลด้วยอะไรบางอย่าง”

 

‘งั้นเหรอ? ถ้าฉันแก้มันได้ล่ะก็...บางที เมงุมิจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ได้’

 

พีรวบรวมแรงกายเท่าที่มีลุกขึ้นอีกครั้ง แล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีฝนตกโปรยปราย

 

“นี่ เรสเทียร์...ฉันอยากจะช่วยเมงุมิ...ต่อไปนี้คงต้องรบกวนเธอมากขึ้นหน่อยนะ”

 

คำขอร้องจากพี ที่เขาสำนึกตนเองได้ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียว เรสเทียร์ที่ได้ยินคำขอร้อง...เธอชั่งใจอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะตัดสินใจได้

 

“ไม่ว่าพี่หญิงจะทำอะไร เรสเทียร์ก็ยินดีทำตามด้วยค่ะ”

“เธอนี่มันตามใจฉันมากไปหรือเปล่านิ?”

“เรื่องของเรสเทียร์ค่ะ ขอไม่บอกล่ะกัน”

“เฮ้อ...”

 

พีถอนหายใจกับความลับของเรสเทียร์

 

‘ยัยนี่ยังทำตัวลึกลับเหมือนเดิม...แต่ก็ช่างเหอะ ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่า

เมงุมิ ไม่รู้ว่าเธอได้ยินสิ่งที่ฉันคิดหรือเปล่านะ ถ้าได้ยินล่ะก็...ฉันขอสัญญาว่า จะต้องช่วยเธอให้ได้! คอยดูสิ!’

 

◊◊◊

 

[19:10] [03/01/2058]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, สำนักงานการ์เดี้ยนเขตกลางประจำ Area TH-7]

 

“อือๆ พักผ่อนให้เยอะๆ ล่ะกันครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาลุยงานหนักกันต่อนะ...พีจัง”

 

ทอมมี่พูดทิ้งทายก่อนที่เขาจะกดวางสายไป เอชที่นอนโทรมอยู่บนโซฟาโบกมือเรียก

 

“พี่ทอมมี่...ขอผ้าเย็นหน่อยฮ่ะ”

“ครับๆ”

 

เขาเดินไปหยิบผ้าเย็นที่แช่ไว้ในตู้เย็นตรงกลางขวาของห้องสำนักงาน แล้วยื่นให้เอชที่โซฟา

 

“ขอบคุณ...ฮะ” เอชที่ยื่นแขนขวารับผ้าเย็นอย่างอ่อนแรง แกะซองผ้าเย็นแล้วเอามาโปกที่หน้าผาก

“เป็นไงล่ะครับ เห็นว่าโดนของร่วงใส่หัวมาเหรอ?”

 

ทอมมี่ถามเอช ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที เอชถูกแบกห่ามมาโดยเจนนิก้าและนิฟที่สำนักงานการ์เดี้ยนแห่งนี้ที่ทอมมี่เฝ้าอยู่คนเดียว แล้วทั้งสองคนก็ขอร้องให้ช่วยฝากดูแลและรีบไปทำงานต่อทันที ส่วนหัวหน้าไลพ์และเทลเห็นว่ารีบไปดูอาการของต้นที่ถูกคนร้ายที่ระเบิดโรงงานผลิตยาทางเหนือ

 

“ก็ใช่สิฮะ...กำลังเคลียร์เศษซากตึก อยู่ๆ ก็มีแท่งเหล็กร่วงใส่หัวซะงั้น”

“พลังจิตของเธอไม่ได้ช่วยบ้างเลยหรือไงครับนี่” ทอมมี่ยืนเท้าเอวถาม

“ช่วยก็ช่วยอยู่หรอกฮ่ะ ที่จริงหน้าผากผมต้องมีแผลใหญ่มากๆ แต่มันสมานกันเรียบร้อยไปแล้ว เว้นแต่อาการปวดหัวนี่...ไม่หายฮ่ะ ฮือๆ” เอชพยายามทำเสียงน่าสงสาร

“สมน้ำหน้า ฮ่าๆ” แต่ทอมมี่หาได้สงสารไม่ “ทำอะไรไม่ระมัดระวังตัวเองบ้างเลย นี่ถ้าไม่มีพลังจิตรักษาตัวเองได้ ป่านนี้เธอคงนอนอยู่ในโลงแล้วนะครับ เอช”

“โห พี่ทอมมี่แช่งผมทำไมฮะ?”

“ไม่ได้แช่ง...แค่อยากให้รู้ไว้ว่า งานที่เราทำกันอยู่มันเสี่ยงอันตรายตลอดเวลาเท่านั้นเองครับ ยิ่งช่วงหลังภัยก่อการร้ายซะด้วยสิ”

“ไม่ต้องเป็นห่วงฮะ” เอชเริ่มพูดโอเวอร์ “ด้วยจิตวิญญาณของการ์เดี้ยนในใจผม จะคอยชำระล้างมลทินออกจากเมืองนี้ให้หมดไปเองฮะ!”

“ครับ ครับ...ตอนนี้ก็อยู่นิ่งๆ ก่อนล่ะกัน บัดดี้ของพี่”

“ฮ่ะ พี่บัดดี้”

“เรียกว่า พี่ทอมมี่ดีกว่ามั้ง”

“ขี้โกงฮะ พี่ยังเรียกผมว่าบัดดี้ได้เลย แต่ไงเอชเรียกบ้างไม่ได้ล่ะ?”

“เอาหน่า ถือว่าพี่ขอเรื่องนี้ล่ะกัน”

“โอเค โอเคฮ่ะ งั้นเอชก็งีบสักพักก่อนนะฮ่ะ ถ้ามีเรื่องด่วนอะไรก็ปลุกได้เลยนะฮะ เอชพร้อมรับใช้ในฐานะการ์เดี้ยนเสมอ”

“ครับ ครับ พักอุดมการณ์ไฟแรงของเธอไว้ก่อน นอนให้หายปวดหัวเถอะ”

 

ทอมมี่ส่งยิ้มให้เอชทิ้งท้าย ก่อนที่จะเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ที่มีโต๊ะคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง บนหน้าจอมีข้อมูลเกี่ยวกับ ‘พื้นที่กักกันพิเศษ-สนามบินดอนเมือง’ ซึ่งมีข้อความระบุไว้บางส่วนว่า อยู่ภายในการดูแลของ ‘เวิลด์เจเนรัล’ และ ‘ไฮเทคอัพเปอร์’ อีกทั้งมีรูปแท่งสีฟ้าใหญ่มหึมาที่ผุดขึ้นจากพื้นดินอีกด้วย เขาใช้นิ้วชี้ข้างซ้ายเคาะที่คีย์บอร์ดเล่นๆ

 

‘ในนั้นมีอะไรกันแน่...ถึงได้ห้ามเอ็มแอลเอกับการ์เดี้ยนเข้าไป นอกจากแร่คริสตัลชายน์นั่น จะถามพีจังก็...คงไม่รู้อะไรหรอก ส่วนเฟียน่าก็ติดต่อไม่ได้อีก

ดีล่ะ คงต้องรบกวนหมอนั่นอีกรอบ’

 

ทอมมี่หมุนเก้าอี้ไปอีกทาง ก่อนที่จะหยิบมือถือของเขาขึ้นมาโทรหาคนๆ หนึ่ง พอปลายทางรับสายแล้วเขาก็เริ่มสนทนา

 

“ฮัลโหล...นี่ทอมมี่ มีเรื่องรบกวนอีกเรื่อง ไม่ทราบว่ายินดีจะช่วยหรือเปล่าครับ คุณแม็กซิม”

 

◊◊◊

 

[19:32] [03/01/2058]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, ดาดฟ้าหอบังคับการบิน ณ สนามบินดอนเมือง]

 

ชอบวิวตรงนี้หรือไง?”

 

เสียงเล็กแหลมของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไว้ผมชมพูหวานที่ยาวถึงต้นคอ นัยน์ตาสีม่วง อยู่ในชุดปฏิบัติการณ์ของเวิลด์เจเนรัลสีเหลืองน้ำเงินที่น้อยชิ้นเน้นความคล่องตัว ที่ข้างเอวมีปืนพกสองกระบอกสีขาวเหน็บอยู่ เธอถามถึงวิวทัศน์กับคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ เป็นผู้ชายผมสีเขียวเข้มคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน เขาคนนั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

 

“มันสงบดี”

“หึ เจ้านี่มันชอบปลีกตัวอยู่คนเดียวเหลือเกินนะ”

 

สาวผมชมพูเดินเข้ามาอยู่ข้างๆ ชายผ้าคลุมดำถาม

 

“เธอมาที่นี่ มีเรื่องอะไร?”

“มีข้อความส่งถึงเจ้านะ” สาวผมชมพูตอบ

“จากใคร?”

“จากเรานี่แหละ...อยากจะถามว่า ได้ตัวเรดหรือยัง? เอ๊ะ หรือว่าล้มเหลว“

“ภารกิจยังไม่จบสักหน่อย อย่าเพิ่งด่วนสรุป”

“แต่ฉันว่าเห็นปัญหาอยู่ร่ำไรแล้วนะ ตามเดิมนายต้องส่งศพของเธอให้ฉันหลายวันล่ะ จนป่านนี้ฉันยังไม่เห็นเอามาให้สักที”

“มันเป็นปัญหาของภารกิจลับ เธอแค่ทำหน้าที่ ‘รอ’ อย่างเดียวก็พอ”

“อ๋อเหรอ...” สาวผมชมพูขึ้นเสียงสูง “เหอะๆ ถ้าจะพูดขนาดนี้แล้ว จะยอมไว้ใจสักครั้งล่ะกัน ยูริ”

 

ชาผมเขียว นัยน์ตาสีเทาที่มีนามว่า ‘ยูริ’ ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์

 

“พูดเหมือนว่าฉันโกหก!?”

“คงประมาณนั้น...” สาวผมชมพูเอ่ยก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่อง “แล้วนายทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะเนี่ย!? มองจากตรงนี้มันจะเห็นพวกนั้นทำงานหรือ?”

“ฉันชอบมองจากที่สูง มันเห็นสภาพภูมิประเทศโดยรอบได้ดี”

“ที่นี่ไม่ใช่ Yellow Zone นะ ไม่ต้องระวังถึงขนาดนั้นก็ได้ แต่ก็เข้าใจอยู่ คนที่อยู่ในพื้นที่สงครามมานาน ย่อมที่จะระแวงอยู่เสมอ”

“ไม่ใช่ระแวง แต่เป็นความรอบครอบ”

“นายนี่ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย...คนอื่นถึงไม่อยากทำงานคู่กับนายไง มีแต่ฉันที่ตื้ออยู่เนี่ย”

“วุ่นวายซะมากกว่า รันเนอร์”

 

สาวผมชมพูที่ถูกเรียกชื่อยิ้มรับ ก่อนที่จะบอกลา

 

“เหอะๆ งั้นขอตัวไปดูชิ้นส่วนเจ้าแมงมุมยักษ์ก่อนล่ะกัน”

“เรื่องของเธอ”

“อือ...”

 

สาวผมชมพูกระโดดลงจากชั้นดาดฟ้าไป ยูริเดินก้าวไปข้างหน้าจนอยู่ริมดาดฟ้า แล้วมองลงมาเห็นแท่งแก้วคริสตัสชายน์สีฟ้าขนาดใหญ่คล้ายดอกบัวที่ผุดขึ้นมาพื้นของสนามบินที่ถูกถล่มด้วยอาวุธสงครามจนไม่เหลือโครงเค้าเดิม โดยรอบมีไฟสปอนต์ไลท์มากมาย คนและเครื่องจักรกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่โดยรอบแท่งแก้วยักษ์ เขาคิดบางเรื่องขึ้นมา

 

‘เรด...เธอหายไปไหนกันแน่นะ’

 

◊◊◊

 

[02:02] [04/01/2058]

[ในความฝัน]

 

‘นี่ฉัน...ฝันมาอยู่ที่นี่อีกแล้วเหรอ?’

 

พีที่ลืมตาขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่บนพื้นดินที่ลอยกลางอากาศท่ามกลางมหาสมุทรกว้างใหญ่  คิดอย่างเหนื่อยใจ

 

“พีคุง!”

 

เจ้าของเสียงเรียกวิ่งเข้ามาหา แน่นอนว่าคือ เมงุมิ ที่หน้าซีกซ้ายและตาซ้ายของเธอเป็นเครื่องจักร

 

“เมงุมิ!?”

“ดีใจจังค่ะ ที่พีคุงปลอดภัย” เมงุมิถอนหายใจ

“เอ่อ...คือ นี่เมงุมิ จริงๆ ใช่ไหม?”

 

พีถามด้วยความหวาดระแวง กลัวจะเป็นฝันเมื่อคร่าวก่อน เมงุมิเห็นท่าทางของเขาแล้ว ก็ก้มหัวลง

 

“ก่อนหน้านี่ขอโทษด้วยค่ะ คือตอนนั้นฉันเพี๊ยนๆ ไป เลย...ทำอะไรแปลกๆ”

 

‘แปลกๆ จนฉันกลัวหัวหดเลยแฮะ’

 

พีคิดแบบนั้นจริงๆ เมงุมิเงยหน้าขึ้นมาแล้วรีบอธิบายเรื่องราวบางอย่าง

 

“คือตอนนี้ไม่มีเวลามากแล้ว เกรงว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ติดต่อกันได้” เมงุมิมีสีหน้าที่ร้อนรนอย่างชัดเจน “ฉันเพิ่งรู้เรื่องที่สนามบินกับพลังจิตของตัวเอง เลยพยายามติดต่อพีคุงด้วยพลังจิตเทเลพาธีนี่ล่ะค่ะและคราวนี้ได้ผลจริงๆ ด้วย”

“งั้น เธอก็ยังไม่ตายจริงๆ ใช่ไหม?”

“เมงุมิเองก็ไม่มั่นใจว่าจะเรียกยังไงดีค่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้ได้มาคุยกับพีคุงก็ดีใจมากแล้วค่ะ”

“อือๆ ดีแล้วล่ะ...แต่เรื่องตัวเธอกับพ่อของเธอ---”

“เรื่องนี้ล่ะค่ะ ที่ฉันอยากอธิบายให้ฟัง...ตอนนี้ร่างกายฉันถูกเข้าโปรแกรมลับของไฮเทคอัพเปอร์ที่มีชื่อว่า ‘โปรเจคเรซเซอร์เรกชั่น’ ค่ะ เป็นโปรเจคที่ดัดแปลงร่างกายมนุษย์ด้วยเครื่องจักรกลเพื่อยืดชีวิตออกไปค่ะ”

“ดัดแปลงร่างกายมนุษย์เพื่อรักษาชีวิตงั้นเหรอ? ก็ดีสิ เธอจะได้---“

 

เมงุมิส่ายหัว

 

“แต่ไม่ใช่แค่นั้นสิค่ะ ตัวโปรเจคนี่ยังมีตัวชิฟควบคุมพฤติกรรมผ่านสมองของมนุษย์โดยตรงอีก...”

“แล้วทำไมพ่อเธอถึงคิดว่าเธอตายไปแล้วล่ะ?”

“พ่อฉัน...เป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ คิดว่าลูกของตัวเองตายไปนานแล้ว...ไม่รู้เหมือนกันว่าเขามีความคิดแบบนี้ได้ไง...คงเป็นเพราะเหตุการณ์ที่ Area RU นั่น...อ๊าก!”

 

เมงุมิร้องเจ็บลั่นขึ้นมาก่อนที่จะล้มลงไป แล้วเอามือซ้ายกุมหัว

 

“เมงุมิ! เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“นี่พวกเขาเริ่มเปิดเครื่องนั่นแล้วแน่ๆ” เมงุมิพูดกัดฟัน

“เปิดเครื่อง!? อะไร?”

“พีคุง ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับฉันและไฮเทคอัพเปอร์นะคะ ฉันไม่อยากให้คุณมีอันตราย”

 

พีที่ถูกเมงุมิร้องขอ แต่เขาปฏิเสธ

 

“ไม่ได้! ฉันจะปล่อยให้เธอเป็นแบบหุ่นยนต์ทำตามคำสั่งพ่อบ้าๆ ของเธอได้ยังไงกัน!?”

“พีคุง...คุณยังไม่รู้ถึงความน่ากลัวของพวกเขาหรอกค่ะ ว่ามันอันตรายขนาดไหน”

“ฉันไม่สน! ฉันจะช่วยเธอให้ได้ เมจัง”

“แต่ว่า...”

“เราสัญญากันไว้แล้วนี่ ว่าจะไม่ทิ้งกัน”

“พีคุง...”

 

เมงุมิกล่าวทั้งน้ำตา

 

“ฉันขอร้องอีกเรื่องได้ไหมคะ? อย่าทำร้ายพ่อของดิฉันนะคะ พ่อนะ...ไม่ใช่คนแบบที่พีคุงเห็นหรอกค่ะ”

“อืม”

 

ประโยคสัญญาสุดท้ายก่อนที่ทุกๆ อย่างขาวโพลนไปหมด

 

◊◊◊

 

[10:02] [04/01/2058]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, เต้นท์ผู้ประสบภัยพิบัติก่อการร้ายใกล้ๆ สำนักงานการ์เดี้ยนเขตกลาง]

 

“ยื่น ID การ์ดมาด้วยค่ะ”

“คือว่า มันหายไปแล้วครับ”

“งั้น กรุณาไปทางซ้ายมือเพื่อรับการตรวจสแกน ID ม่านตาค่ะ” พียกมือไปทางขวาชี้ให้เห็นโต๊ะที่มีการ์เดี้ยนสองคนนั่งอยู่ “จะเห็นเจ้าหน้าที่สองคนนั้นอยู่นะคะ”

“ครับ”

 

พีที่แต่งตัวชุดดำโชว์เอวคล้ายผู้หญิง นั่งทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจเช็คข้อมูลขั้นตอนแรก พูดกับผู้ชายคนหนึ่งที่ต่อคิวเข้ามา ตอนนี้เขาได้รับหน้าที่จากการ์เดี้ยน เป็นผู้ตรวจเช็คข้อมูลในเต้นท์ผู้ประสบภัยจากการออกอาลวาดของหุ่นยนต์เนโอ-ไททันสไปเดอร์เมื่อวาน

 

‘ใช่ เพราะผลจากเมื่อวานนี้ ทำให้ Area TH ที่เจ็ด ตกอยู่ในความวุ่นวายอีกละรอบ ชาวเมืองแถวนี้กว่าพันครอบครัวไร้ที่อยู่อาศัย การ์เดี้ยนเลยมีมาตรการช่วยเหลือโดยแจกจ่ายข้าวของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้ชั่วคราวทุกวัน โดยต้องทำการยืนยันตนก่อนว่าเป็นผู้ที่อยู่  Area TH ที่เจ็ดจริงและที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหาย โดยอิงข้อมูลจาก ID ประชาชนหรือฐานข้อมูลทะเบียนบ้านผ่านทางม่านตาคนๆ นั้น ถ้านับตั้งแต่ตอนเช้าที่เข้าแถวมาล่ะก็ ก็ปาเข้าไปร้อยกว่าคนแล้ว ดีนะที่มีหลายเต้นท์ และคนเมื่อครู่เป็นคนสุดท้ายของแถวที่เขาให้บริการอยู่พอดี

ถ้าจบงานวันนี้เมื่อไหร่ เราต้องรีบหาทางช่วยเมงุมิ...บางที การ์เดี้ยนอาจจะมีข้อมูลเกี่ยวกับไฮเทคอัพเปอร์อยู่บ้างนะ?’

 

“คงหมดช่วงเช้าแล้วสินะครับ” ทอมมี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ กล่าว “เดี๋ยวอีกสิบนาทีถ้าไม่มีใครมาอีก เราไปหาอะไรกินมื้อกลางวันเถอะครับ”

“เย้ๆ!” เรสเทียร์ในร่างนางฟ้าน้อย พูดออกมาจากในกระเป๋าเสื้อพี “เรสเทียร์หิวแล้ว!”

“เบาเสียงหน่อยก็ได้ เรสเทียร์ คนอื่นเขาทำงานกันอยู่”

 

พีพูดเตือนเรสเทียร์ เขาหมายถึงการ์เดี้ยนอีกหลายคนที่อยู่ข้างหลัง พวกเขากำลังตรวจเช็ค จัดแจงและมอบให้ผู้ประสบภัยที่ต่อแถวเป็นจำนวนมากอยู่

 

“ขอโทษค่ะ พี่หญิง แต่เรสเทียร์หิวนี่หน่า”

“อดทนหน่อยล่ะกัน” พีกล่าว “ทอมมี่...แล้วหัวหน้าไลพ์หายไปไหนล่ะ? ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว”

“อ๋อ...ไปดูอาการของคนที่โดนทำร้ายล่ะครับ” ทอมมี่พูดให้พีสงสัย “พอดีเมื่อวาน...พูดถึงก็มาพอดีเลย”

 

พีมองหันไปมองข้างหน้าก็พบกับไลพ์และเทลที่เดินตรงมายังทางที่เขาอยู่ และไลพ์ก็เรียกพวกเขาทั้งสองคน

 

“คุณพี่ทอมมี่ คุณไอร่า ช่วยตามฉันมาหน่อยค่ะ เราจะไปเขตเหนือด้วยกัน”

 

◊◊◊

 

คุยกับคนเขียนกันนะ >_<

จบลงไปแล้วสำหรับบท ‘อิลลูชั่น (illusion) บทที่ 2 [ด้วยคำมั่นสัญญา]’ นะจ๊ะ

ในที่สุดเมงุมิก็ยังไม่ตายจ้า!

แล้วเมงุมิกลายเป็นตัวอะไรไปล่ะ?

แล้วพีจะหาทางช่วยเธอจากพ่อของเธอได้หรือไม่?

แล้วหัวหน้าไลพ์จะพาทอมมี่และพีไปทางเหนือทำไมล่ะ?

โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า อิลลูชั่น (illusion) บทที่ 3 [ตามล่า]

ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ ฮ่าๆ

By Spy442299 & Nattanan Srising

ปล. พักครึ่ง EP. แรกนะจ๊ะ ขอตัวไปปั่นโปรเจคส่งอาจารย์ก่อน ฮ่าๆ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา