P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

8.1

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.

  46 chapter
  28 วิจารณ์
  49.38K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 7 [เส้นทางที่แตกต่าง]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

P.P. Rising: The Bullet Time

เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

  1. Ch.17 เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 7 [เส้นทางที่แตกต่าง]

Rewrite V.3

 

◊◊◊

 

[13:51] [02/01/2058]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, ห้างสรรพสินค้าเซ็นเตอร์บีส]

 

‘แลกเงินมาได้พันเก้าร้อยๆ กว่าชิฟ

อัตราแลกเปลี่ยนจากบาทไทยเป็นชิฟ 9.53

ก็ได้ประมาณนี้แหละมั้ง’

 

พีเอาธนบัตรและเหรียญสกุลเงินชิฟเก็บใส่กระเป๋าตังค์ หลังจากเพิ่งเดินออกจากธนาคารในห้างสรรพสินค้าบีสมาอยู่ตรงใจกลางห้างที่เป็นสวนน้ำพุขนาดเล็กได้ไม่นาน

 

‘คนเยอะเอาเรื่องแฮะ’

 

ปี๊บๆ

 

เสียงเมล์เข้ามือถือ พีเอาขึ้นมาดู เป็นเมล์จากเฟียน่าที่เขียนว่า ‘เลิกยุ่งเรื่องของฉัน’ ทำให้เขาหงุดหงิดขึ้น ก่อนที่จะพิมพ์ตอบกลับไปสั้นๆ ว่า ‘เออ’

 

‘ไม่ยุ่งก็ได้ จะเป็นจะตาย ไม่สนใจแล้ว

เชอะ

ที่จริงรู้สึกผิดเรื่องอดีตที่เธอเล่ามา...แต่มันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องตอนนี้นี่หว่า?’

 

พีไม่สบอารมณ์แล้วเก็บมือถือลงไป แล้วเขาก็บิดขี้เกียจท่ามกลางฝูงคนที่เดินช๊อปปิ้งกัน...และเงยหน้าขึ้นไปเห็น จอใสๆ ขนาดใหญ่มาก ในภาพมีข่าวประชาสัมพันธ์เรื่องรับสมัครอาสาการ์เดี้ยนชั่วคราว ก่อนที่จะตัดข่าวรายการข่าวที่มีนักข่าวหญิงกำลังรายงานพร้อมภาพทั้งตัวโกดังหายไปเหลือแต่เสานิดหน่อย เหมือนโดนระเบิดไปทั้งแถบ

 

“เมื่อเวลาตีสี่ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุระเบิดที่โรงงานผลิตยาเวชภัณฑ์ของบริษัทเซคชั่นในเครือของไฮเทคอัพเปอร์ ณ Area TH-6 ค่ะ ความเสียหายไปต่ำกว่าสองร้อยล้านชิฟ และ---”

 

จู่ๆ ภาพในทีวีก็ถูกตัดและมีวิดีโอลึกลับเป็นภาพซ้อนโทนขาวดำที่ดูไม่ค่อยออกเป็นอะไรนอกจากจุดซ่าๆ แต่มีข้อความสีขาวสลับเขียวและดำให้เห็นสั้นๆ เป็นระยะๆ โผล่เข้ามา

 

::::

:::Fact::::::::

:::::Darkside::

:Violence::::::

:::::Lie:::::::

::::Everything:

::Incoming:::::

:::::::::::::::

::::::Axiom-X::

::::

 

หลังจากข้อความสุดท้าย ภาพก็ตัดเข้าสู่พิธีกรข่าวหญิงอีกครั้ง

 

‘เมื่อกี้เป็นสารแจ้งเตือนล่วงหน้าของกลุ่มแฮคเกอร์แอคเซียมเอ็กซ์ (Axiom-X) ที่ชอบทำแบบนี้ประจำนี่หว่า ถ้าจำไม่ผิด หลังจากวันที่แจ้งเตือนไม่กี่วัน ก็จะมีข้อมูลลับระดับสูงหลุดออกมาโดยฝีมือพวกเขา

งานนี้จะมีความลับอันยิ่งใหญ่อะไรออกมาอีกล่ะ?

ฮ่าๆๆ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว’

 

-พีคุง-

 

เสียงกระซิบอันอ่อนหวานไพเราะที่คุ้นเคยดังก้องหูทั้งสองข้าง จนเขาต้องหันซ้ายขวาหาต้นตอของเสียง

 

‘เสียงเธอ...เมงุมิ!’

‘-พี...คุง-’

‘ไหน? ไหน? เธออยู่ไหน?’

 

เขาเริ่มกระวนกระวายใจ เมื่อมองไปรอบๆ ตัวที่มีแต่คนอื่นเดินมากมายเต็มไปหมด แต่ไม่เจอเมงุมิ

 

‘-ช่วยฉัน...ที-’

 

แล้วเจ้าตัวก็รู้สึกถึงได้ว่ามีอะไรมาอยู่ข้างหลัง รีบหมุนตัวหันไปหาถึงกับผงะเป็นหุ่นยนต์รูปร่างคล้ายคนเล็กหน่อย สองมือยกรายการสองอย่างขึ้นมาให้ดูและอธิบายโปรโมชั่น

 

“คุณผู้หญิง สนใจร้านเสื้อผ้า Black&White ไหมคะ? ตอนนี้กำลัง Sale อยู่เลยค่ะ หรือจะเป็นร้านเสริมสวยชั้นนำทางซ้ายมือก็ได้นะคะ”

 

‘หุ่นยนต์แนะนำสินค้าของห้างนี่หว่า ทำเอาตกใจหมด

แต่ฉันว่าได้ยินเสียงเมงุมิจริงๆ นี่น่า?

หรือหูฟาด?’

 

“สนใจไหมคะ?”

 

หุ่นยนต์ประจำห้างถามอีกรอบ

 

“อะอ๋อ ไม่สน”

“ต้องขออภัยที่รบกวนนะคะ ขอให้ช็อปปิ้งอย่างสำราญใจนะคะ ดิฉันขอตัวก่อน”

 

แล้วหุ่นยนต์ตัวนั้นก็เคลื่อนที่ไปหาคนอื่นต่อ

 

‘ทำเอาตกอกตกใจหมด’

 

พีลงไปนั่งตรงม้านั่งใกล้ๆ อย่างหมดแรง ก่อนที่จะเงยหน้าหายใจเข้าออกช้าๆ

 

‘เสียงที่ได้ยิน...มันเหมือนกับตอนที่เรสเทียร์พูดในใจกับ---’

 

ยังไม่ทันคิดจบ ดันไปเห็นสิ่งที่ทำให้สะดุดตาเข้าจากชั้นสองของห้าง ตรงข้างๆ เสาทรงกระบอกใหญ่ สาวน้อยผมออกสีม่วงๆ สูงประมาณร้อยห้าสิบ สวมแว่นครอบตาอันใหญ่สีเขียว กำลังชะเงอหน้าจากหลังเสามองมาทางเขาก่อนที่จะทำท่าตกใจที่เขามองไปที่เธอแล้วมุดหัวแอบหลังเสาตามเดิม

 

‘เอ๊ะ!?’

 

พีสงสัยขึ้นมา ก่อนที่จะทำแกล้งหันหน้าไปทางอื่น แล้วพยายามมองด้วยหางตาไปที่เสาต้นเดิมชั้นสอง เด็กผู้หญิงคนนั้นค่อยๆ โผล่หน้าขึ้นมาแอบดูเขาเหมือนเดิม พอหันไปสบตาตรงๆ ก็หลบหลังเสาไปอีก

 

‘เฮ เฮ่...เด็กคนนั้นทำอะไรเขานิ?’

 

พีจ้องมองที่เดิม เด็กคนนั้นก็ยังพยายามโผล่หน้าขึ้นมาดู แล้วหลบไปสี่ห้ารอบ

 

‘น่าสงสัย...’

 

พีลุกขึ้นรีบเดินไปขึ้นบันไดเลื่อนที่อยู่ใกล้ๆ พอขึ้นมาก็เลี้ยวซ้ายไปหาตาตรงที่ๆ เด็กคนนั้นแอบดู เห็นเจ้าตัวกำลังใช้เครื่องอะไรสักอย่างเล็กๆ ในมือที่กำลังยื่นออกไปจากเสา แล้วมีภาพปรากฎตรงจอด้านหลัง

 

‘โห้ยๆ ลงทุนขนาดนี้เป็นสตอล์กเกอร์หรือเปล่าเนี่ย?

เฮ้ย แต่เดี๋ยวก่อนนะ...หรือความลับของฉันแตกแล้ว!?

ไม่มั้ง เด็กขนาดนั้น...คงเล่นอะไรพิเรนๆ เฉยๆ’

 

พีเดินเข้าไปใกล้ๆ สะกิดที่ไหล่ เด็กคนนั้นสะดุ้งถอยหลังออกมา เพิ่งเห็นเด็กคนนี้แบบใกล้ๆ หน้าตาดูน่ารักดี ที่หัวใส่หูฟังครอบหัวสีฟ้ามีลำโพงเป็นหูแมวติดอยู่ด้วย ชุดที่ใส่อยู่เหมือนชุดกึ่งๆ ไปเที่ยวป่าเขา สีเขียวเกือบทั้งตัว กำลังทำหน้าหวั่นๆ เหมือนคนโดนจับผิดได้

 

“นี่เธอ...แอบดูฉัน มีอะไร?” พีถาม

“คะคะใครแอบดูคุณ!?”

“ก็เธอไง ฉันเห็นเธอแอบดูฉันต้องหลายรอบแล้วนะ” ที่จริงเขาเห็นแค่รอบเดียว แต่โม้ไว้ก่อน “เป็นเด็กเป็นเล็กมาทำอะไรแบบนี้---”

“หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะ!”

 

‘ใช่ชัดๆ เดี๋ยวต้องเค้นถามให้หนักๆ’

 

“บอกมาซะดีๆ เถอะ เด็กน้อย ทำไม---”

“อ้าว หนูพี!”

 

เสียงผู้หญิงแทรกเข้ามาจากข้างหลัง พีหันไปดูก็เจอกับคนที่เจอกันเมื่อเช้า ผมบ๊อบหน้าม้าสีดำสูงร้อยหกสิบ นัยน์ตาสีเหลือง ใส่ชุดกราวน์เช่นเคย แต่เธอใส่หมวกสีน้ำเงินที่มีโลโก้ของไฮเทคอัพเปอร์มาด้วย

 

“คุณเอริส!”

 

‘ทำไมออกมาข้างนอกนิ? โดนทางหัวหน้าสั่งให้เก็บตัวอยู่ไม่ใช่รึไง?’

 

“ยังจะเรียกแบบนั้นอีก” เอริสทำหน้าบูด “เคยบอกตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้วไง เรียกฉันว่า เอริสซ่า”

“อ่า ขอโทษครับ”

 

ที่คุณเอริสให้เขาเรียกแบบนี้เพราะเหตุผลที่ว่า ใช้คุณนำหน้ามันดูแก่เกินไปหน่อย

 

“อ่า...เอริสซ่า ทำไมถึงออกมาแบบทั้งแบบนี้ล่ะครับนิ?” พีหมายถึงชุดที่เธอใส่ “เดี๋ยวมีคนจำได้ขึ้นมา จะเป็นเรื่องนะครับ”

“อ๋อ...ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่มีใครจำฉันได้หรอก ดูนี่สิ” เอริสชี้ไปที่หมวกที่ใส่มา “แค่ใส่หมวกก็ไม่มีใครจำได้แล้ว!!”

“หา!?”

 

พีตะลึงกับเทคนิคการปลอมตัวของเอริส...ที่ดูเหลวไม่เป็นท่า

 

‘...คุณเอริส...เอาอะไรคิดเนี่ย!’

 

แล้วเธอก็ยิ้มหัวเราะชอบใจกับความคิดของตนเอง

 

‘ให้ตายสิ ทำไมฉันต้องมาเจอคนเพี๊ยนๆ ตลอดล่ะเนี่ย’

 

พีส่ายหัวก่อนที่จะถอดหมวกสีแดงที่ใส่อยู่ออกมา

 

“เอริสซ่าครับ ปลอมตัวทั้งทีอย่างน้อยก็เปลี่ยนชุดบ้างนะครับ...แล้วก็หมวกนี้” พีพูดแล้วถอดหมวกสีน้ำเงินของคุณเอริสออกมา แล้วจับหมวกสีแดงสวมแทน “อย่าใส่ของบริษัทตัวเองสิครับ”

“เอ๋! นั่นสิ ลืมคิดได้ไงหว่า?” คุณเอริสทำหน้าได้ไร้เดียงสาสุดๆ “ขอบใจนะ หนูพี...ไม่น่าเป็นผู้ชายเลย”

 

‘อ่า...ครับๆ’

 

พีเอาหมวกสีน้ำเงินที่มีโลโก้ของไฮเทคอัพเปอร์มาสวมศีรษะตัวเองแทน แล้วคุณเอริสก็ถาม

 

“หนูพี มาทำอะไรแถวนี้หร๊า?”

“อ๋อ เดินเล่นครับ พอดีกำลังคุยกับเด็กคนนี้---” พีหันไปหาเด็กที่เล่นเป็นสตอล์กเกอร์...แต่ไม่อยู่ “อ้าว! หายไปไหนแล้ว!?”

 

‘ตะกี้ยังอยู่---’

 

“ว่างใช่ม่ะ! มาเดินช๊อปด้วยกันดีกว่า!”

 

เอริสพูดเสร็จก็ลากเขาเดินคู่กันไปด้วย

 

‘เด็กนั่น หายไปไหนแล้ว?’

 

◊◊◊

 

[16:00] [02/01/2058]

 

‘ยังตามไม่เลิก’

 

พีรู้สึกตะหงิดๆ มาตั้งหนึ่งชั่วโมงกับการถูกสะกดรอยตามโดยเจ้าเด็กคนเดิมนั่น เป็นเวลาสองชั่วโมงได้แล้วที่คุณเอริสลากเขาไปดูของในห้าง เธอเข้าแทบจะทุกร้านที่เดินผ่าน ดูนั่นดูนี่และจบด้วยการไม่ซื้ออะไร...ตอนนี้เขากับเอริสก็เดินดูของกันไปเรื่อยๆ มีแต่ร้านเสื้อผ้าผู้หญิงที่ผ่านมาเมื่อครู่เท่านั้นล่ะ ที่เธอซื้อไปสองสามตัว และจับเขาเป็นตุ๊กตาแต่งตัวแล้วจะซื้อให้

 

‘ดีนะ ที่ฉันคะยักคะยอไม่ให้เธอซื้อชุดให้ฉันไว้ไส่

เด็กคนนั่นจะตามไปถึงไหนเนี่ย?’

 

พีแอบมองด้วยหางตา เห็นเด็กคนนั้นแอบอยู่หลังเสานี้ที มาแอบตรงกำแพงที แอบในร้านนั้นที

 

‘เหอะๆ ไม่สนใจดีกว่า คงเป็นแค่เด็กเล่นพิเรนๆ’

 

“เอ๊...ไม่คิดจะถามบ้างเลยหร๊า” เอริสเอ่ยขึ้นมา

“ถาม?” พีพูดทวน

“อย่างเช่นว่า เฟียน่าฟื้นหรือยัง? แอบไปทำเรื่องอะไร? ทำไมต้องทำอะไรแบบนั้นหนอ” เอริสหันหน้ามายิ้ม

“...ถามไปก็ไม่ยอมบอกอยู่ดี จะถามไปทำไมครับ?” พีตอบไปตรงๆ พร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมากดแสดงข้อความของฉันและเฟียน่าที่ส่งถึงกันก่อนหน้านี้ให้เอริสดู “และก็ผมคุยกับเฟียน่าแล้ว”

 

พอเอริสเห็นข้อความเมล์ เอริสทำหน้าเจือดๆ

 

“เฟียน่านี่ล่ะน่า เป็นแบบนี้ประจำ” เอริสถอนหายใจ “เรื่องของเฟียน่า...ฉันไม่รู้หรอก”

“หือ!?” พีตกใจนิดหน่อยกับคำตอบที่ไม่คาดคิด “ทำไมครับ?”

“ก็เพราะเป็นฉันไง คนในทีมถึงไม่ยอมบอกอะไร”

“อ่า...หมายความว่ายังไง?”

“ก็ฉันนะ เก็บความลับไว้ไม่เป็นนะสิ”

 

เอริสยังคงตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม ก่อนที่พีจะครุ่นคิด

 

‘น่าจะจริงแฮะ ก่อนหน้านี้หลายวันที่อยู่ด้วยกันมา เห็นเธอเป็นคนที่พูดตามที่คิดทันทีเลย...แม้กระทั่งในร้านเสื้อผ้าผู้หญิงตะกี้ พนักงานมาแนะนำชุดให้ฉันเพราะนึกว่าเป็นผู้หญิง คุณเอริสก็ปากโป้งทันทีเลยว่าเป็นผู้ชาย นี่ยังไม่รวมถึงร้านไอศกรีมก่อนหน้านี้ ที่คุณเอริสสั่งรสมะนาวแล้วบอกว่าไม่อร่อยลั่นร้าน จนแทบหนีกันไม่ทัน แถมโดนสั่งให้อยู่เฉยๆ ในสถาบันวิจัยลับ แต่ดันออกมาเดินช๊อปปิ้ง

เอาเถอะ เรื่องของเฟียน่าและพวกด็อกเตอร์ซิส ฉันไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว’

 

“แล้วคุณเอริสซ่ามาบอกผมทำไมครับ?” พีถาม

“เรียกเอริสซ่าเฉยๆ สิ!” เธอสวนมา “เชอะ...ที่บอกไป เพราะฉันคิดว่าเธออยากรู้นะสิ อีกอย่าง...ตอนที่อยู่ห้องพยาบาลนั่น ฉันยังพูดไม่จบเลย โดนเธอตวาดใส่ก่อน เลยมาพูดให้หายข้องใจนิดหน่อยนะ หึหึ”

 

พอคุณเอริสพูด ก็นึกถึงเรื่องตอนเช้า

 

เอ่อ...คือว่า...ฉันก็คงช่วยไม่ได้หรอกนะ เพราะว่า---

ก็ได้!!”

 

‘อ่า...จริงแฮะ...ตอนนั้นคุณเอริสยังพูดไม่ทันจบนี่หว๊า แต่...’

 

“ขอบคุณนะครับ แต่ว่า...ฉันคงจะไม่รบกวนพวกคุณไปมากกว่านี้แล้ว พวกคุณมีเรื่องที่ต้องทำกันอยู่ใช่ไหมครับ พีไม่อยากเอาตัวเองไปเป็นภาระเพิ่มอีก”

 

คุณเอริสมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนที่จะมองไปข้างหน้าหลับตาพูดออกมา

 

“เลือกเดินคนละเส้นทางสินะ” เอริสเข้าสู่โหมดจริงจัง “เส้นทางของพวกเรา...ถึงแม้ว่าฉันจะมองไม่ค่อยเห็นก็ตาม แต่ก็เชื่อนะ สิ่งที่เฟียน่าและทีมกำลังทำอยู่ มันต้องดีแน่ๆ”

“เหมือนคุณเอริสจะเชื่อใจพวกเขามากนะครับ”

“อือ” เอริสพยักหน้า “ทั้งฉันทั้งเฟียน่าและก็ทีม ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะ...มากพอที่จะเชื่อใจอย่างไร้ข้อสงสัยเลยล่ะ”

 

‘ขนาดนั้นเลยเหรอ?

เวลาคุณเอริสพูดเรื่องแบบนี้ สายตาของเธอ...มันบอกให้ฉันเชื่อตามแฮะ’

 

“แล้วเธอล่ะ เส้นทางที่จะเดินไป...มั่นใจมากน้อยแค่ไหน?”

 

คุณเอริสหยุดเดินหันมาถามพี

 

‘เส้นทางที่ฉันเลือก...ที่จริงฉันไม่อยากเลือกมันนักหรอก สถานการณ์พาไปล้วนๆ เพราะฉะนั้น...’

 

“ไม่มั่นใจสักนิดครับ” พีตอบไปอย่างเซ็งๆ

“ฮ่าๆ ว่าแล้วเชียวหนูพีต้องตอบแบบนี้” คุณเอริสออกวิ่งไปข้างหน้าแล้วหยุดอยู่ที่ร้านหนึ่ง “งั้นมาเสริมความมั่นใจกันสักหน่อยไหม?”

“เสริม...ความมั่นใจ?” พีถาม

“ใช่ๆ ด้วยอุปกรณ์เสริมที่นี่ไง!!”

 

คุณเอริสชี้ไปทางขวามือ เป็นร้านที่มีเสื้อผ้า ของประดับ ของตกแต่ง ฯลฯ มากมายจากการ์ตูนชื่อดัง หน้าร้านเขียนว่า ‘Cosplay’

 

‘ร้านคอสเพลย์เนี่ยนะ!’

 

“เส้นทางที่เธอจะเลือก...เป็นฮีโร่ปกป้องเหล่ามวลมนุษย์ใช่ป่ะล่ะ?” คุณเอริสพูดรัวเป็นปืนกลแถมตาส่องเปร่งประกายอีก “แล้วท่าโพสล่ะ? ไหนชุดเปิดตัวอีก...ลืมไป ชอบแนวไหนล่ะ เปิดตัวด้วยท่าที่สง่างาม หรือจะเป็นเงาดำมืดคลานกระดืบๆ ค่อยช่วยผู้คน?”

 

‘ไม่ใช่นะครับ!

ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ล่ะเนี่ย!’

 

ยังไม่ทันจะทำอะไร เอริสจับมือเขาแล้วลากเข้าร้านทันที

 

“เวลาค่อยช้าไม่ได้แล้วนะหนูพี! เดี๋ยวเอริสซ่าคนนี้ จะช่วยแปลงโฉมให้เอง!!” ตอนนี้พีหยุดคุณไอริสไม่อยู่แล้ว

“อ้าว คุณลูกค้าต้องการอะไรเป็นพิเศษไหมครับ?” ชายแก่ไว้หนวดจิ๋มที่ยืนอยู่ข้างหลังเค้าเตอร์ถาม

“อยากได้ชุดเปิดตัวฮีโร่สาวผดุงความยุติธรรมคนนี้หน่อยค่ะ!” คุณเอริสตะโกนลั่นร้าน แถมวางเงินไว้บนเค้าเตอร์ทันที

“โอ้ว ถ้าผมเดาไม่ผิด ฮีโร่สาวน้อยที่พูดถึง คือสาวผมสีน้ำตาลใช่ไหมครับ” ตาลุงมันมองหัวจรดเท้าพี “คุณลูกค้าตาถึงนะครับเนี่ย ไม่ว่าจะใส่อะไรก็ดูดีไปหมดแน่ๆ”

“ดะดะเดี๋ยวก่อน คุณเอริส---” พีพยายามจะถอนตัว

“จัดมาเลยค่ะ!” เอริสไม่สน

“ได้เลยครับ!” เจ้าของร้านตอบรับ

 

ตาลุงหนวดจิ๋มทุบเข้าที่ปุ่มแดงอันใหญ่ๆ บนโต๊ะ ประตูลับหลังกระจกถูกเปิดออกให้เห็นห้องลับที่มีชุดคอสเพลย์แขวนเต็มไปหมด ปลายทางข้างในมีห้องลองชุดอยู่

 

‘โห้ยๆ ลางไม่ดีชัดๆ’

 

พอพีรู้สึกแบบนั้น คุณเอริสหันมายิ้มที่แฝงไปด้วยความชั่วร้าย พร้อมกับลากเขาไปล้มลงหน้าทิ่มกับพื้นที่ห้องลองชุด พีพลิกตัวกลับมาก็เห็นคุณเอริสหยิบชุดหนึ่งมา เป็นชุดที่เรียกว่า ‘นางแมวยั่วสวาท’ ช่วงบนมันคล้ายๆ เอาสายมารัดกันทั้งตัว ช่วงล่างก็มีแต่กางเกงในสีม่วงตัวเดียว

 

“หนูพีจร๊า...เดี๋ยวพี่เอริสซ่าจะช่วยแต่งตัวให้เธออีกสักรอบน่า ทุกซอกทุกมุมเลย...หึหึหึ ย๊าก!”

 

เอริสพูดเสร็จก็กระโจนเข้าใส่พี

 

“ยะยะอย่านะ! คุณเอริส...อย่าแตะตรงนั้นสิ! มันจั๊กจี้...ฮ่าๆๆๆๆ ฮ่ะๆๆ ฮ๊าก!”

 

[ครึ่งชั่วโมงต่อมา]

 

‘ไปหมดแล้ว กรามฉัน...’

 

ตอนนี้พีเอามือซ้ายกุมกรามหน้าตัวเองอยู่ เพราะก่อนหน้าโดนคุณเอริสจี้จุดตายของเขา หัวเราะไม่หยุดจนปวดกรามไปหมดแล้ว แถมโดนจับแต่งตัวชุดบ้าๆ บอๆ เป็นสิบ ในมือขวาก็ถือถุงที่ข้างในมีชุดคอสเพลย์ตัวหนึ่งติดมาด้วย พีเลือกชุดที่ดูปกติมากที่สุด เป็นชุดที่มีแค่ ผ้าคลุมตัวสีน้ำตาลมีลายนิดหน่อยและหน้ากากหน้าเรียบๆ สีขาวมา

 

‘ที่จริงฉันจะไม่เอาสักอย่าง แต่โดนคุณเอริสบังคับ เลยเอาตัวนั้นที่ดูเป็น ‘ปกติ’ มากที่สุดมา

เหอะๆ ขืนเอาชุดแมวซาดิสมานี้...คิดแล้วสยอง’

 

“ลั่นล่า ลั่นล๊า”

 

คุณเอริสที่เดินนำหน้าอย่างสบายใจร้องเพลงลั่นลาไปทั่ว

 

‘ให้ตายสิ เมื่อไรคุณเอริสจะกลับสักทีเนี่ย’

 

“มานั่งพักตรงนี้ก่อนดีกว่าน้า หนูพี”

 

คุณไอริสพูดขึ้นมาแล้วไปนั่งตรงม้านั่ง ณ กลางห้างที่มีสวนน้ำพุขนาดเล็กที่เขาเคยนั่งก่อนก่อนนี่ พีก็นั่งตามไปแล้วถอนหายใจยาวๆ

 

“หนูพีเป็นอะไรไปจ๊ะ?” เอริสถาม

“เหนื่อยนิดหน่อยครับ”

“โอ้ว ฉันขอโทษ”

“อ่า ไม่ใช่ครับ คือ...หมายถึงเรื่องของตัวเองครับ”

“เฮ้อ” เอริสถอนหายใจ

“หือ? คุณเอริส...”

“อยากลองทำตามดูเฉยๆ นะ รู้สึกดีเหมือนกัน นานๆ ทีจะได้ออกมาข้างนอก...ฉันเองก็เจอเรื่องเหนื่อยๆ มาเยอะ จากนี้คงต้องเหนื่อยหนักขึ้นแน่ๆ เธอก็เหมือนกันนะ หนูพี”

“นั่นสิ...เอ๊ะ? คุณเอริสหมายความว่ายังไงครับ?”

“ก็เรื่องสนธิสัญญานั่นไง...จริงสิ เธอไม่ได้อยู่วงในนี่น่า...เดี๋ยวพรุ่งนี้คงมีประกาศจากตัวแทนแล้วล่ะ...ที่ว่าจะใช้สนธิสัญญาเวิลด์เจเนรัล”

 

‘สนธิสัญญาเวิลด์เจเนรัลนี่มัน...เป็นสนธิสัญญาที่ถูกกำหนดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สามนี่หน่า...เป็นข้อตกลงกันร่วมทั่วโลกเพื่อป้องกันความสัมพันธ์ระหว่าง Area ซึ่งกันและกัน โดยไม่ให้เป็นสาเหตุในการก่อสงครามอีก หรือเกิดเหตุภัยพิบัติระดับรุนแรงหลายอาณาเขตหลาย Area สนธิสัญญานี้ก็สามารถเข้ามาช่วยจัดการความวุ่นวายต่างๆ ได้ โดยผู้ที่เข้ามาจัดการก็คือกองทัพแม่เวิลด์เจเรนัลจาก Area RU

ถ้าเป็นอย่างที่คุณเอริสบอก...ที่นี่ต้องวุ่นวายแน่ๆ

เพราะหนึ่งในข้อสัญญานั้น คือ พื้นที่ ณ จุดที่จะประชุมหารือโดยผู้นำทั่วโลกเป็นระยะทางห้าสิบกิโลเมตรโดยรอบ จะตกอยู่ภายใต้การปกครองพิเศษของกองกำลังพิเศษเวิลด์เจเนรัลชั่วคราว

ที่ๆ พวกผู้นำจะประชุมกัน คงไม่พ้นในเขต Area TH ที่เจ็ดนี้แน่

และคนที่อาศัยในเขตนี้ตามทะเบียนบ้านก็จะถูกเปลี่ยนสัญชาติชั่วคราวไปด้วย เพื่อให้เอื้อต่อการปกครองโดยกองกำลังพิเศษเวิลด์เจเนรัล นี่ยังไม่รวมถึงข้อตกลงหลังจากการประชุมที่สามารถทำอะไรก็ได้ทั้งสิทธิเสรีภาพ ทรัพยากร อำนาจ ฯลฯ’

 

“ต่อไปคงทำอะไรได้ลำบากขึ้น” คุณเอริสพูดก่อนที่จะมีเสียงมือถือของเธอดังขึ้น หยิบขึ้นมารับ “ค่ะ...อ๋อ...ใกล้แล้วค่ะ...ข๊า...อุ๊ย!! ลืมไปเลย...ขออีกสักชั่วโมงหน๊า...แฮะๆ คะ...ค่ะๆ แค่นี้นะคะ...เฮ้อ ลืมไปซะสนิทเลย หนูพี เดี๋ยวเอริสซ่าไปทำธุระที่ธนาคารแป๊บหนึ่งนะ”

“อ๋อ...ครับ...” พีรับปากแล้วก็ลุกขึ้น “เดี๋ยวเจอกันตรงนี้นะครับ เดี๋ยวไปห้องน้ำก่อน”

“จ้า”

 

เอริสวิ่งเข้าธนาคารไป พีหยิบถุงที่ใส่ชุดคอสเพลย์ไว้ติดมือมาด้วย...ตอนที่หยิบนั่นแอบมองฝั่งซ้ายตรงสวนน้ำพุ ยังเห็นเด็กแว่นเขียวคนเดิมแอบตามติดชีวิตเขามาหลายชั่วโมงแล้ว

 

‘อะไรของเด็กคนนี้เนี่ย...

เดี๋ยวต้องหาทางสลัดหลุดให้ได้...’

 

พีมองไปทางห้องน้ำ แล้วก้มมองลงถุงที่ถืออยู่

 

‘อ๋อรู้ล่ะ...เดี๋ยวใส่ชุดนี้ออกมา พอไม่เจอฉัน คงเลิกตามเอง’

 

พีเดินตรงไปยังหน้าห้องน้ำที่มีสองประตูให้เข้า...

 

‘เวรล่ะ...เข้าห้องน้ำฝั่งไหนดี...ชายหรือหญิง?

ไหนๆ ปลอมตัวเป็นผู้หญิงแล้วก็เข้าฝั่งผู้หญิงนั่นแหละ!’

 

พอเดินเข้ามาก็รีบเข้าประตูห้องส้วมทันที โชคดีที่ไม่มีใครอยู่นี้ ทำการสวมผ้าคุมตัวและหน้ากากสีขาว แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ ยังคงเห็นเด็กแว่นเขียวแอบอยู่ที่เดิม แต่คงไม่รู้ว่าที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นเขา เลยเดินไปทางอื่นให้แน่ใจ ก็ไม่เห็นเด็กคนนั้นมองตาม

 

‘หลอกได้จริงๆ แฮะ แต่คนรอบข้างนี่สิ...มองฉันใหญ่’

 

ปัง!

 

เสียงปืนดังขึ้นจากในธนาคาร ผู้คนที่เดินช๊อปปิ้งอยู่ก็หนีกันจ้าละหวั่น ยกเว้นคนในธนาคารที่โดนสั่งให้หมอบลงไปนอนกับพื้น พีรีบวิ่งไปแอบตรงกำแพงก่อนที่จะถึงตัวธนาคารเพื่อที่จะดูสถานการณ์ข้างใน มีคนในชุดโม่งดำห้าคน ถือปืนอาวุธสงครามมาทั้งนั้น ที่เหลือก็มีพนักงานธนาคารสี่คนที่ยืนเอามือกุมหัว อยู่ทางซ้ายสอง ข้างหน้าอีกสองที่โดนจี้ปืนอยู่ และลูกค้าที่นอนหมอบอยู่อีกสี่คน...รวมทั้งคุณเอริสที่นอนยิ้มมองมาทางเขาอีกด้วย

 

‘สถานการณ์แบบนี้ ยังจะยิ้มอีก’

 

พีทำหน้าดุๆ ส่งกลับไป แต่เอริสส่งสายตาไปทางซ้ายมือเป็นสัญญาณให้จัดการโม่งห้าคนนั่นแทน

 

‘อยากจะเข้าไปเตะอัดหน้าอยู่ แต่ยังไม่รู้ว่าพวกมันมีลูกเล่นอะไรหรือเปล่า’

 

วิ๊งๆๆๆๆๆ

 

เสียงใบพัดอะไรสักอย่างจำนวนมากกำลังลอยมาทางนี้ พีรีบแอบเข้าที่เดิมก่อนที่จะดูชัดๆ เป็นโดรนบินได้ของทางเอ็มแอลเอจำนวนสิบตัวที่มีปืนกลขนาดเล็กติดอยู่ บินมาล้อมหน้าธนาคาร แล้วมีเสียงลำโพงดังออกมาจากโดรนนั่น

 

“นี่คือเจ้าหน้าที่เอ็มแอลเอ ยอมจำนนซะดีๆ อย่าให้ใช้กำลังขัด---”

 

ปี๊ด! แคร๊กๆ ตูม!

 

เสียงปริศนาที่มาพร้อมกับลำแสงสีฟ้าแว๊บๆ จากในธนาคารตรงเข้าที่โดรนตำรวจตัวหนึ่งก่อนที่จะเห็นสะเก็ดไฟฟ้าล่ามไปทุกตัวและระเบิดทั้งหมด

 

เฮ้ย! นั่นมันอะไรว่ะนั่น!

 

“แกโคตรเจ๋งเลยวะ” มีเสียงจากข้างในธนาคาร

“ถ้าพวกเรามีพีทูแบบนี้กันทุกคน ปล้นทุกที่ได้สบาย”

“พวกแกสองตัวรีบๆ ไปขนเงินได้แล้ว!! เต! มาเฝ้าหน้าร้านกับข้า ส่วนต๋อม ยืนคุมในร้านไว้ ใครตุกติก ซ็อคไฟฟ้าใส่แม่งเลย!!”

“ครับ”

 

‘พวกมันมีคนที่มีพลังจิตอันตรายอยู่ด้วยแฮะ

แต่ถ้าฉันรีบจัดการภายในห้าวินาที ไม่น่าเป็นปัญหา

แล้วไหงฉันถึงคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ เนี่ย!?’

 

“เอ๊กซ์แทรคกัน”

 

พีพูดเบาๆ ปืนกระบอกขาวฟ้าขึ้นมาอยู่ในมือขวา เล็งปืนออกไปขนานทางเดินหน้าธนาคาร กดลั่นไกค้างไว้เป็นการชาร์จพลังปืน รอจังหวะที่โจรทั้งสองคนเดินออกมาพร้อมกัน พอทั้งสองคนเดินออกมา ปล่อยลั่นไกทันที ผลก็คือโจรทั้งสองคนปลิ้วกระเด็นไปชนกับเสาต้นหนึ่งจนสลบไปทั้งคู่

 

“เฮ้ย!”

 

โจรที่ปล่อยสายฟ้าได้ร้องตะโกนตกใจ

 

“โฟกัส!”

 

พีรีบใช้บลูเลตไทม์ มีเสียงนาฬิกาเดินหนึ่งครั้ง แสดงว่าพลังได้ถูกทำงานแล้ว และเขาก็วิ่งตรงหน้าทางเข้าธนาคาร ยกปืนขึ้นเล็งจะยิงใส่โจรที่มีพลังจิตปล่อยกระแสไฟฟ้า แต่ต้องชะงักเพราะว่าด้านหลังเขามีพนักงานธนาคารที่ยืนยกมือกุมหัวอยู่

 

‘ขืนยิงใส่หมอนี่ไปโดนคนข้างหลังแน่’

 

พีรีบโยนปืนจากมือขวาไปมือซ้ายแล้ววิ่งไปใกล้ๆ โจรตรงหน้า ใช้มือขวาที่รวบรวมพลังลมมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ชกกดหน้ามันลงไปกับพื้นจนสลบไปอีกราย เวลารอบข้างกลับมาเป็นปกติ โจรอีกสองคนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ที่กำลังโยนธนบัตรลงกระเป๋าอยู่ หันมาดูแล้วรีบหยิบปืนที่วางไว้บนโต๊ะ เส้นสีแดงที่เตือนอันตรายปรากฎขึ้นหลายสิบเส้นพุ่งใส่เขา

 

“โฟกัส!”

 

เสียงนาฬิกาเดินอีกครั้ง รอบตัวเคลื่อนที่ช้าลง มือข้างขวารวบรวมลมอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจพุ่งกระโดดตัวข้ามเค้าเตอร์เพื่อที่ไปต่อยใส่โจร

 

เปล้ง!

 

หัวเข่าของพีดันไม่ข้ามขอบเคาน์เตอร์ ร่างเขาหยุดชะงักกลางอากาศ แต่มือขวาเขาก็ใส่เต็มๆ หน้าโจรคนซ้ายมือจนกระเด้งไปชนกับตู้เอกสารสลบไป แต่ตัวเขาหน้าคว่ำลงกลับพื้นหลังเคาน์เตอร์แทน หน้ากากที่ใส่อยู่ไม่ได้ช่วยบรรเทาความเจ็บที่หน้าแม้แต่น้อย โจรอีกคนที่ยังอยู่ เอาปืนมาจ่อหัวพี

 

“แก! ตาย---”

“เดี๋ยวก่อนสิ พี่ชาย”

 

เสียงคุณเอริสที่เข้ามาแตะไหล่โจร แน่นอนโจรสะดุ้งจะหันปืนไปหา แต่มีสิ่งที่น่าเหลือเชื่อเกิดขึ้น อยู่ดีๆ ร่างกายของโจรหายไปต่อหน้า แล้วไปปรากฎตัวอยู่ใต้เพดานที่สุดสองเมตรในสภาพนอนกลางอากาศ แล้วทั้งตัวร่วงลงมากระแทกกับเคาน์เตอร์ พีอ้าปากค้าง

 

‘เฮ้ย...เมื่อกี้มันอะไร...’

 

“เพื่อความแน่ใจ ขออีกทีแล้วล่ะกัน”

 

เอริสพูดแล้วเอามือไปแตะตัวโจรที่เพิ่งร่วงลงมาอีกรอบ คราวนี้โจรก็ถูกวาปขึ้นไปบนหัวแล้วร่วงลงมา ศีรษะของโจรกระแทกริมเคาน์เตอร์จนสลบไป

 

‘คุณเอริส...ก็มีพลังจิต...น่าจะเป็นแบบ---’

 

“พีทู-เทเลพอร์ตเทชั่นจ้า (Teleportation) เพิ่งค้นพบไม่กี่วันก่อนเองจร๊า”

 

เอริสเฉลยขึ้นมาเหมือนรู้ใจเขา

 

‘ถ้าพูดถึงเทเลพอร์ต เครื่องมือที่ในปัจจุบันมีการทดลองใช้อยู่ที่ไฮเทคอัพเปอร์ ไม่คิดว่าพลังจิตจะทำแบบนี้ได้ด้วย...และนั่นอาจจะเป็นหนทางเดียวที่เมงุมิรอดจากเครื่องบิน’

 

“มันอันตรายนะครับ” เสียงพีอู้อี้เล็กหน่อยเพราะใส่หน้ากากอยู่ “ถึงจะมี---”

“จ้าจ๊ะ แต่อย่าลืมสิ ฉันช่วยหนูพีไว้นะ”

 

คุณเอริสเข้ามาจับมือเขา แล้วก็ถูกวาปมาข้างนอกธนาคาร เอริสก็วาปมาพร้อมๆ กันด้วย แล้วเอริสถามเขาเรื่องหนึ่ง

 

“แล้วหนูพีจะเป็นฮีโร่แบบไหนล่ะ? จะอยู่รอเอ็มแอลเอมาหรือจะกลับเงามืดล่ะจ๊ะ?”

“ไม่เอาแบบไหนทั้งนั้นครับ”

 

พีก็พูดตามที่คิด

 

“พี่ๆ ทั้งสองคนเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ?”

 

เสียงเด็กผู้หญิงคุ้นตา วิ่งเข้ามาถามแล้วอยู่ดีๆ มากอดขาเขา

 

‘ไอ้เด็กแว่นเขียวนี่หว่า!

เดี๋ยวๆ เด็กนี่ยังไม่รู้ว่าเป็นฉัน’

 

“เอ่อ...”

“ว้าว!! เด็กคนนี้น่ารักจัง!” คุณเอริสชมก่อนที่จะหักหน้าทีหลัง “ว่าแต่ทำไมถึงแอบตามพี่มาล่ะจ๊ะ?”

 

เด็กแว่นเขียวหน้าซีด

 

‘อ้าว คุณเอริสก็รู้ตัวด้วยหรือเนี่ย?’

 

เปล้ง! ทึ่ม!

 

เสียงโดมกระจกด้านบนของสวนน้ำพุแตก แล้วมีอะไรขนาดใหญ่ลงมา เป็นหุ่นยนต์รูปร่างแมงมุมที่คุ้นเคย แต่สภาพเหมือนจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ และรอบๆ ตัวมันมีปืนกลติดอยู่หลายกระบอกเกินยี่สิบได้

 

‘เนโอสไปเดอร์! มันมาได้ไง!?’

 

พีตื่นตระหนกก่อนที่จะรีบส่งตัวเด็กแว่นเขียวให้เอริส

 

“คุณเอริส! ช่วยพาเด็กคนนี้ไปหลบที”

“ได้ค่ะ ได้ค่ะ” สิ้นเสียงเธอก็พาเด็กคนนั้นวาปหายไป

 

เส้นสีแดงที่พุ่งออกจากปลายกระบอกปืนจำนวนมากมาทางเขา แต่ก่อนที่พีจะทำอะไรนั้น ก็มีร่างผู้หญิงชุดสีขาวคนหนึ่งกระโดดลงมาอยู่ข้างหน้า เธอใส่หน้ากากแมว แล้วใช้ดาบสีขาวในมือเธอยื่นไปข้างหน้า มีบาเรียสีฟ้าขึ้นมาคลุมทั้งเขาและเธอ กระสุนจำนวนมาที่ยิงออกมาจากเนโอสเปเดอร์ถูกปัดออกไปหมด

 

‘เรสเทียร์! ยัยนี่โผล่มาได้จังหวะอีกแล้ว!’

 

“ขอโทษนะคะ ที่มาช้า” เธอก็ยังมาพูดสเต็ปเดิม “พี่หญิง ช่วยแตะตัวฉันหน่อยค่ะ”

 

พีก็ว่าตามง่าย เอามือข้างขวาไปแตะที่ไหล่ขวาเธอ เหมือนยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนปืนที่ยิงมาจากเนโอสไปเดอร์เงียบไป เรสเทียร์จึงค่อยพูดใช้พลัง

 

“โฟกัส!”

 

มีเสียงนาฬิกาหนึ่งครั้ง ทุกอย่างรอบข้างช้าลง ยกเว้นพีและเรสเทียร์ที่กำลังยกดาบขึ้นมาชี้ตรงไปยังเนโอสไปเดอร์ ที่ฝ่ามือขวาของพีเหมือนมีแสงอะไรบางอย่างกำลังไหลเข้าตัวเรสเทียร์ และที่ปลายดาบของเรสเทียร์มีแสงสีฟ้ากำลังรวมตัวกัน แล้วเธอก็ลั่นเสียงอีกครั้ง

 

“บีม...แคนนอน!!”

 

กระจุกแสงสีฟ้าที่อยู่ปลายดาบเป็นลำแสงขนาดกว้างพอๆ กับแขนเขา พุ่งออกไปใส่กลางลำตัวของเนโอสไปเดอร์จนเป็นรูขนาดใหญ่...หุ่นยนต์ตัวนั้นค่อยๆ ล้มลงในที่สุด พีที่อยู่ข้างหลังยืนอึ้งไปชั่วขณะ

 

‘โห...’

 

“พี่หญิงไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?” เรสเทียร์ถอดหน้ากากออกแล้วเข้ามากอดที่แขน

“เหอะๆ ไม่เป็นไรหรอก”

 

‘แต่ตะกี้ เธอสุดยอดเลย’

 

พียังแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองกับเหตุการณ์เมื่อครู่

 

“ดีแล้วค่ะ...แต่ก่อนหน้านี้ พี่หญิงใจร้ายมากเลย ทิ้งเรสเทียร์ไว้คนเดียวได้ไงคะ...”

“อ่า...ขอโทษจ้า”

 

แล้วเอริสก็วาปเข้ามาหา

 

“เมื่อกี้มีอะไรกันเหรอ?” เอริสถาม

“ทำไมพี่หญิงต้องใส่หน้ากากด้วยค่ะ?” เรสเทียร์พูดแทรกขึ้นมา “เรสเทียร์ลองใส่ตามแล้วมันทำให้วิสัยทัศน์การมองเห็นแย่ลง”

“ปลอมตัวยังไงจ๊ะ” เอริสช่วยอธิบายให้ “ก็หนูพีเป็นคนดังนี่หน๊า”

 

หวี๊ดว๊อ

 

มีเสียงไซเรนของเอ็มแอลเอเข้ามาใกล้ๆ

 

“อืมมมม...พวกนั้นมาปิดท้ายแล้วสิ...” เอริสเดินมาจับมือพีและเรสเทียร์ไว้ “ไปคุยต่อกันทีอื่นดีกว่านะ”

 

แล้วเธอก็พาทั้งฉันและเรสเทียร์วาปมาด้านหลังของห้างสรรพสินค้าบีสที่ถนนเล็กเส้นหนึ่งและป่าไม้ พีถอดหน้ากากและผ้าคลุมออก ส่วนเรสเทียร์...ดาบสีขาวในมือเธอค่อยๆ หายไปเอง

 

“เฮ้อ” เอริสถอนหายใจแล้วนั่งลงกับม้านั่งใกล้ๆ “หลังจากนี้พวกเธอจะเอายังไงล่ะ? จะไปอยู่ไหนกัน?”

“คงจะเป็นบ้านเพื่อนครับ” พีพูดแล้วหยิบมือถือเวลา “เดี๋ยวคงได้เวลาที่มันจะมารับแล้ว”

“หว๊าาาาาาา แย่จัง...นี่คงต้องบอกลากันแล้วใช่ไหม?” เอริสพูด “ขอบคุณทุกๆ เรื่องที่ช่วยเหลือมาตลอดนะ โดยเฉพาะเรื่องที่สนามบิน...”

 

เอริสเธอยิ้มด้วยสีหน้าที่ชวนเขาอุ่นใจด้วยนิดหน่อย

 

“ฉันก็ต้องขอบคุณเหมือนกันครับ คุณเอริส”

“เอริสซ่าสิ หลายรอบแล้วนะเธอ”

“ฮ่าๆ” พีหัวเราะ

“เอาเถอะๆ คราวหน้าถ้ามีโอกาสได้เจอกัน...เรียกให้ถูกล่ะ” เอริสพูด

 

ติ๊ดๆๆ

 

เสียงโทรศัพท์มือถือของพีดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมารับสายและเดินออกไปจากหลังห้างจนไม่เห็นเอริส และเสียงในสายเป็นเสียงทอมมี่พูดทักทายมา

 

“พีจังจร๊า มีเรื่องจะบอกจ้า” ทอมมี่พูดเสียงต่ำเหมือนทำอะไรผิดมา “คือว่าติดธุระด่วนไปรับไม่ได้แล้ว...ขึ้นรถไฟฟ้ากลับมาบ้านผมก่อนเลยได้หน่า...แค่นี้นะ ต้องรีบแล้ว บ๊ายๆ”

 

และแล้วทอมมี่ก็วางสายไป โดยที่พีไม่มีโอกาสได้ถามอะไรเลย

 

‘ไอ้ทอมมี่! เอาอีกแล้วนะแก...เหมือนเมื่อก่อนเด๊ะๆ’

 

พีกำลังนึกถึงความหลังสมัยมอปลายที่ทอมมี่เวลาผิดนัดอะไร ชอบโทรมาพูดประโยคเดียวแล้ววางสายไปเลย

 

“พี่หญิงค่ะ”

 

เรสเทียร์พูดด้วยเสียงเหนื่อยๆ ที่เดินตามเขามา ก่อนที่เธอจะแปลงร่างเป็นร่างนางฟ้าน้อยบินลอยมาเข้ากระเป๋าเสื้อ แล้วเธอก็พูดทิ้งท้ายก่อนที่จะงีบไป

 

“เมื่อกี้เรสเทียร์เผลอใช้พลังมากไปหน่อย...ขอหลับในเสื้อพี่หญิงก่อนนะคะ”

“เด๊ะๆ เดี๋ยว เรสเทียร์---“

 

‘หลับไปซะแล้ว...’

 

พีก้มมองดูเรสเทียร์ก่อนที่จะคิดบางเรื่องขึ้นมา

 

‘หลับซะให้พอนะ ตื่นขึ้นมามีเรื่องต้องถามกันอีกเยอะ โดยเฉพาะที่เธอปล่อยลำแสงอะไรนั่น’

 

เขาถอนหายใจก่อนที่จะมองเห็นป้ายทางขึ้นไปสถานีไฟฟ้าใกล้ๆ พอดี ก่อนที่เขาจะเดินตรงไปและรู้สึกว่าตรงหัวมีอะไรอยู่ ก็เอามือขึ้นไปจับดูก็เป็นหมวก

 

‘อ้าว หมวกสีน้ำเงินของไฮเทคอัพเปอร์นี่หว่า นี่ไม่ได้ถอดไว้ก่อนหน้านี้หรอเนี่ย?’

 

◊◊◊

 

คุยกับคนแต่งหน่อยหน๊า

และแล้วก็จบไปอีกบทนะจ๊ะ

ในที่สุดพีกับพวกของเฟียน่าก็เดินคนละทางกันแล้ว!?

แล้วเรสเทียร์เป็นอะไรไป?

แล้วเนโอสไปเดอร์มาจากไหน?

โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 8 [เอชและพ้องเพื่อน]

แต่ทว่า เรามีตอนพิเศษให้ทุกท่านได้อ่านกัน มีชื่อตอนว่า เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 7.5 [Triple F]

เป็นเรื่องราวของเด็กแว่นเขียวเนี่ยแหละจ๊ะ

ขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะจ๊ะ ^_^

By Spy442299 & Nattanan Srising

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา