ลิขิตรักคำสั่งวิวาห์ NC+ (หวานๆ กุ๊กกิ๊กน่ารัก)

9.0

เขียนโดย สุภาวดี

วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.22 น.

  15 ตอน
  3 วิจารณ์
  26.30K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557 19.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ตอนที่ 4 เงื่อนไข 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ต่อจาก 50%

               อรณิชามาหยุดยืนตรงหน้าประตูบานใหญ่ที่สาวใช้บอกว่าเป็นห้องนอนของเธอกับชายหนุ่ม หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างทำใจก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูนั้นเบาๆ สองสามครั้ง เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากคนข้างในเธอจึงเปิดแล้วเดินเข้าไปเงียบๆ

            “นั่งก่อนสิ ผมมีเรื่องอยากจะตกลงกับคุณ” วิทยาเชิญหญิงสาวให้นั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าในมุมนั่งเล่นที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเตียงนอน

            “มีอะไรก็ว่ามาสิคะ” อรณิชาเดินเข้าไปหย่อนตัวลงนั่งตามที่เขาบอก ดวงตาหวานกวาดมองไปรอบๆ ห้องอย่างใช้ความคิด ‘นี่เธอต้องนอนห้องเดียวกับเขาจริงๆ หรือเนี่ย’ แค่นึกใบหน้าเนียนใสก็ซับสีเลือดขึ้นมาทันทีอย่างห้ามไม่อยู่ ชายหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างขำๆ ปนเอ็นดูเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เข้มขรึมดังเดิมแล้วพูดต่อ

            “ผมอยากให้คุณพูดกับผมตามความเป็นจริง เพื่อข้อตกลงและความเป็นอยู่ของเราจะได้ง่ายขึ้น” หมอหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ

            “ค่ะ” หญิงสาวรับคำแล้วรอฟังอย่างตั้งใจ

            “คุณมีเงื่อนไขและได้ผลประโยชน์อะไรในการแต่งงานกับผม” ชายหนุ่มถามตรงประเด็นอย่างไม่ต้องอ้อมค้อม จากที่เขาได้พูดคุยกับเธอไปแล้วเมื่อคืน จนได้รู้ว่าทั้งเธอและเขาต่างก็แต่งงานกันด้วยความไม่เต็มใจ ดังนั้น เขาก็อยากจะรู้ว่านายแพทย์สินชัยพ่อของเธอได้หยิบยื่นข้อเสนออะไรกับเธอบ้าง เผื่อมันจะเป็นประโยชน์กับเขาในการคิดหาทางจบชีวิตคู่กับเธอได้เร็วขึ้น

            “ทำไมฉันต้องบอกกับคุณด้วยล่ะ นั่นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน” อรณิชาตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่จู่ๆ คนตรงหน้าก็ถามถึงข้อตกลงที่เป็นความลับระหว่างเธอกับครอบครัว

            “ก็ถ้าคุณไม่บอก การใช้ชีวิตคู่ของเราก็จะยิ่งยุ่งยากวางตัวลำบากและยืดเยื้อออกไปอย่างไม่มีกำหนดด้วย หรือคุณต้องการแบบนั้นล่ะ” หมอหนุ่มพยายามหลอกล่อ โดยหลีกเลี่ยงที่จะบอกความจริงเกี่ยวกับระยะเวลาที่เขาตกลงกับมารดาเอาไว้ เพราะเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายมีเงื่อนไขในเรื่องระยะเวลาเหมือนกับเขาหรือเปล่า

            “ไม่!... ฉันไม่มีวันต้องการแบบนั้น” หญิงสาวเถียงกลับทันควันโดยไม่ต้องคิดนาน

            “งั้นก็บอกมาสิ”

            “สองปีที่ฉันตกลงกับคุณพ่อเอาไว้ว่าจะใช้ชีวิตคู่กับคุณ หลังจากนั้นฉันก็จะเป็นอิสระโดยการหย่ากับคุณและได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อหรือท่องเที่ยวรอบโลกเพื่อศึกษางานออกแบบที่ฉันชอบ” อรณิชาตอบตามความเป็นจริงอย่างไม่คิดจะปิดบัง เพราะเธอก็อยากให้เขารู้เหมือนกันว่าเธอไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มอะไรในตัวเขานักหนาถึงยอมแต่งงานด้วย

            “ผมคิดว่าเงื่อนไขของคุณจะเป็นการได้แต่งงานกับไอ้หน้าหล่อนั่นซะอีก” หมอหนุ่มยียวนอย่างจับผิด เมื่ออดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมผู้ชายที่เธอบอกว่าจะเป็นสามีในอนาคตนั้นกลับไม่อยู่ในความต้องการของเธอด้วย

            “อะ เอ่อ นั่นก็ด้วย ฉันจะแต่งงานกับเขาและเราจะไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน” อรณิชาอึกอักรีบบอกเขาออกไปอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะการที่เธอมีคนรักรออยู่แล้วนั้นมันจะทำให้เธออยู่กับเขาได้อย่างปลอดภัย

            “ผมขออวยพรล่วงหน้าก็แล้วกัน ขอให้คุณได้มีวันนั้นและมีความสุขกับสิ่งที่คุณเลือก” วิทยามีน้ำเสียงอ่อนลงเหมือนกำลังผิดหวังกับอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกเช่นนี้ เมื่อรู้ว่าเธอมีคนรักรออยู่ก่อนแล้ว

            “แล้วคุณล่ะคะ มีเงื่อนไขอะไรในการแต่งงานกับฉัน” ได้ทีหญิงสาวจึงถามกลับไปบ้าง

            “เงือนไขของผมก็คือ ทำตามเงื่อนไขของคุณให้สำเร็จยังไงล่ะ และผมยังได้หุ้นของโรงพยาบาลสินกมลที่เป็นส่วนของคุณแม่มาเป็นรางวัลอีกด้วย ดังนั้น เมื่อถึงกำหนดสองปีที่คุณบอกไว้ผมก็ยินดีจะเซ็นใบหย่าให้ทันทีตามที่คุณต้องการ และเราก็จะจากกันด้วยดี” วิทยาหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงระยะเวลาของเขาที่ตกลงไว้กับมารดา เพราะยังไงมันก็เท่ากันหรืออาจจะน้อยกว่านั้นหากเขาทำให้เธอเป็นฝ่ายขอหย่าจากเขาเอง แม้จะมีเสียงเบาๆ กระซิบอยู่ภายในใจลึกๆ ว่า ขอให้เธออยู่กับเขาจนครบสองปีเต็มก็ตาม ชายหนุ่มก็ไม่อาจยอมรับได้ว่าเสียงแว่วๆ นั้นจะเป็นความต้องการของหัวใจตัวเอง

            “โดยที่คุณจะไม่แตะต้องตัวฉัน” อรณิชายื่นข้อเสนอให้กับเขาเพื่อปกป้องสวัสดิภาพของตัวเอง

            “หากไม่จำเป็น” หมอหนุ่มเอ่ยยียวนอย่างนึกหมั่นไส้ที่เธอทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวกับเขาเพราะจะเก็บเอาไว้ให้แฟนหนุ่มของเธอคนเดียว แค่คิดเขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้

            “ไม่มีความจำเป็นใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ” คนเสียหายรีบแย้งทันควัน

            “โอเค ผมตกลง และอย่ามายั่วผมก็แล้วกัน เพราะหากผมทนไม่ไหวแหกกฎข้อตกลงขึ้นมา คุณเองอาจจะกลับออกไปจากชีวิตของผมแบบไม่เหมือนเดิมก็ได้นะ” วิทยาตอบตกลงแต่ท่าทางและคำพูดของเขากลับดูยียวนกวนประสาทเธอยิ่งนัก

            “คุณวิทยา!” อรณิชาขึ้นเสียงอย่างเหลืออดที่ชายหนุ่มหาว่าเธอคิดจะยั่วเขา ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วกำลังจะก้าวออกไปจากตรงนี้ เพราะเธอหมดเรื่องที่จะพูดกับเขาแล้ว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ฟังคำดูถูกเหยียดหยามของเขาที่ว่าเธออย่างไม่ไว้หน้า

            “อ่อ... ที่ไม่เหมือนเดิมน่ะผมหมายถึง หัวใจของคุณนะ ไม่ใช่ร่างกาย เพราะร่างกายของคุณคงไม่เหลืออะไรให้ผมเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว” ไม่รู้อะไรดลใจให้หมอหนุ่มที่มีความสุขุมนุ่มนวลอย่างเขาพ่นวาจาทิ่มแทงร้ายกาจแบบนั้นออกไป แม้ตัวเองจะรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจก็ตาม

            เพี๊ยะ!...

            ฝ่ามือบางฟาดลงไปที่แก้มสากของเขาเต็มแรง พร้อมกับสาดคำพูดที่เป็นการตักเตือนชายหนุ่มให้รู้ตัวว่าเขากำลังสบประมาทเธอ

            “คุณจะดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะคะ คุณวิทยา” ว่าจบร่างบางก็หมุนตัวทำท่าจะเดินออกไปทันที แต่ยังช้ากว่ามือแกร่งที่ยื่นมากระชากแขนเรียวของเธอเอาไว้ได้ทัน ก่อนร่างหนาจะลุกขึ้นแล้วดึงเธอเข้ามาปะทะกับอกกว้างของเขาท่ามกลางเสียงร้องโวยวายผสมกับแรงดีดดิ้นของเธอ

            “ปล่อยฉันนะ ไอ้หมอบ้า ไอ้หมอปากเสีย ไอ้... อื้อ... อื้อ...” อีกครั้งที่หมอหนุ่มมาดนุ่มนวลอย่างเขาหมดความอดทนและยับยั้งชั่งใจไม่อยู่ เพราะเมื่อเจอแรงตบจากฝ่ามือบางของหญิงสาว ความตั้งใจที่จะปล่อยให้เธอเดินออกไปดีๆ ก็สูญสิ้นอย่างเฉียบพลัน เสียงก่นด่าจากเรียวปากนุ่มถูกกลืนหายเข้าไปทันทีเมื่อริมฝีปากหยักสวยของชายหนุ่มก้มลงมาปิดทับพร้อมทั้งขบเม้มรุนแรงอย่างไม่ใยดี

            อรณิชาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเมื่อจุมพิตของเขาทั้งดุดันและล้ำลึกมากกว่าครั้งที่เขาทำโทษเธอในรถ หญิงสาวสัมผัสได้ถึงลิ้นอุ่นๆ ที่พยายามจะแทรกเข้ามาในโพรงปากเล็กของเธอแต่ไม่สำเร็จเพราะเธอกัดฟันแล้วเม้มปากเอาไว้แน่น ซึ่งนั่นทำให้หมอหนุ่มรู้สึกขัดใจยิ่งนัก ความโกรธที่มีอยู่แล้วจึงยิ่งทวีความพลุ่งพล่านมากขึ้นไปอีกเมื่อหญิงสาวต่อต้านเขาอย่างไม่ลดละ

            วงแขนใหญ่จึงโอบรัดร่างบางเข้ามาเบียดชิดกับอกแกร่งของเขามากขึ้นจนหญิงสาวแทบหายใจไม่ออกจนต้องเผยอปากเพื่อหอบเอาอากาศเข้าไปในปอด จึงเป็นการเปิดทางให้ผู้ที่จ้องจะบุกรุกอยู่แล้วได้พุ่งพรวดเข้าไปครอบครองควานหาความหวานจากโพรงปากของเธอได้สำเร็จ มือบางทั้งหยิกทั้งทุบตีไปที่ไหล่กว้างของเขาอย่างสุดแรงแต่ก็ไม่เป็นผล นอกจากคนตัวใหญ่จะไม่สะทกสะท้านแล้วเขายังเพิ่มแรงในการดูดดึงลิ้นเล็กๆ ของเธอจนแสบไปหมดอีกด้วย

            จากจูบที่รุนแรงในคราแรกค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหญิงสาวในวงแขนมีท่าทีอ่อนลง แม้เขาจะไม่ใช่ผู้ชายที่ช่ำชองในเรื่องพวกนี้มากนัก แต่เมื่อเทียบกับหญิงสาวที่อ่อนประสบการณ์อย่างเธอแล้ว เขาสามารถทำให้เธอโอนอ่อนคล้อยตามไปกับรสจูบของเขาได้อย่างง่ายดายทีเดียว ร่างบางเริ่มเคลิบเคลิ้มไปกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ชายหนุ่มเป็นคนมอบให้จนหมดแรงต้านทาน ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวอิงแอบไปกับอกแกร่งของเขามากขึ้น

            ความหวานจากโพรงปากนุ่มนิ่มของเธอที่เขารู้สึกว่าหอมหวานกว่าหญิงใดที่เขาเคยได้สัมผัสมาก่อน ประกอบกับอาการสั่นน้อยๆ เหมือนคนไม่เคยนั้นทำให้หมอหนุ่มยิ่งหลงใหลจนยากจะหักห้ามใจ มือหนาขยับเลื่อนลงไปที่ชายเสื้อยืดของคนร่างบางก่อนจะสอดแทรกเข้าไปสัมผัสลูบไล้กับแผ่นหลังนวลเนียนของเธออย่างแผ่วเบา และนั่นทำให้เจ้าของร่างบางรู้สึกตัวผละออกจากอกแกร่งของเขาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีจนสำเร็จ หญิงสาวถอยห่างจากเขาด้วยอาการตกใจพร้อมกับฟาดฝ่ามือของตัวเองลงไปที่แก้มสากของเขาอีกครั้งที่เดิม

            เพี๊ยะ!...

            “เลว! คนเลว! ฉันเกลียดคุณ ได้ยินไหม ฉันเกลียดคุณ” อรณิชาตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มด้วยความโกรธแค้นชิงชัง น้ำตาเม็ดโตหลั่งไหลพรั่งพรูอาบสองแก้มนวลปานสายน้ำ

            วิทยายืนนิ่งให้เธอต่อว่าด่าทอจนพอใจ โดยที่เขาไม่คิดจะโต้ตอบคำใดๆ กลับไปทั้งสิ้น เพราะรู้สึกตัวว่าครั้งนี้เขาทำผิดต่อเธอจริงๆ ผิดที่ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจให้ได้ เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าช่วงเวลาเพียงแค่สองวันที่เขารู้จักเธอ จะทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ ทั้งใจร้อนวู่วามและหงุดหงิดเจ้าอารมณ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

            “อรณิชา... ผม... ผมขะ...” ชายหนุ่มกำลังจะเอ่ยปากขอโทษหญิงสาวแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเธอขัดขึ้นมาก่อน

            “หยุด! ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เพราะฉันจะไม่มีวันอภัยให้กับคุณเด็ดขาด” พูดจบหญิงสาวก็วิ่งออกไปจากห้องทันทีโดยไม่หันกลับมามองเขาเลยสักนิด

            วิทยาทำท่าจะวิ่งตามออกไปแต่เพราะกลัวว่าหญิงสาวจะพาลโกรธมากขึ้นไปอีก เขาจึงจำใจต้องชะงักเท้าของตัวเองแล้วเปลี่ยนเป้าหมายเป็นที่เตียงนอนก่อนจะทิ้งตัวลงไปอย่างเหนื่อยอ่อน ภายในใจคิดว่าหญิงสาวคงจะลงไปหาพี่เลี้ยงของเธอข้างล่าง โชคดีที่ผู้ใหญ่ฝ่ายเธอหาคนสนิทที่เป็นที่พึ่งทางใจให้กับเธอมาอยู่ด้วย อย่างน้อยเธอจะได้ไม่เหงาและว้าเหว่จนเกินไปในช่วงที่ต้องอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกับเขา

            ชายหนุ่มหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าจากการที่ร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงหลับไปพร้อมกับความคิดที่ดังกึกก้องอยู่ในหัวใจ เธอถูกบังคับให้แต่งงานเพื่อแลกกับความเป็นอิสระในอนาคต ส่วนเขาแต่งงานกับเธอเพราะมีความฝันอันสูงสุดเป็นรางวัล ดังนั้นเขากับเธอต่างก็ไม่มีความรักต่อกันไม่ว่าจะเป็นวันนี้หรือวันข้างหน้า

 

            เสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากชั้นบนของบ้านทำให้สายใจและชื่นสองสาวใช้ที่กำลังช่วยกันจัดของอยู่ในครัวรีบวิ่งกันออกมาดู แต่ก็ไม่มีใครกล้าขึ้นไปถึงห้องนอนของคนเป็นเจ้านาย ต่างคนก็ต่างเกี่ยงยืนเถียงกันอยู่ตรงบันได ไม่นานก็ได้ยินเสียงกระแทกประตูด้วยแรงโทสะ และตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่วิ่งตึงตังลงมา

            “คุณหนู คุณหนูอร เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ชื่นรีบปรี่เข้าไปประคองร่างนายสาวที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นให้ก้าวลงบันไดอย่างระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย

            “พี่ชื่น... อรจะกลับบ้าน” อรณิชาบอกเสียงปนสะอื้น น้ำตาเจิ่งนองอาบสองแก้มนวลจนชื้นแฉะ

            “เอ่อ... รถของคุณหนูยังอยู่ที่บ้านโน้นน่ะค่ะ ถ้างั้นยืมรถคุณหมอไปไหมคะ เดี๋ยวพี่ชื่นไปขอยืมกุญแจมาให้” พี่เลี้ยงพยายามหาทางออกให้กับนายสาวที่ตนรักและเป็นห่วงไม่น้อย และถือเป็นการดีที่เธอได้มารับใช้ดูแลคุณหนูของเธอถึงที่นี่

            “ไม่เอา! อรไม่เอาอะไรของเขาทั้งนั้น อรจะนั่งแท็กซี่ไปเอง” น้ำเสียงกระแทกกระทั้นของหญิงสาวทำให้สาวใช้ทั้งสองหันมาสบตากันเป็นเชิงเข้าใจในความหมาย ‘แค่วันแรกก็ทะเลาะกันซะแล้วอย่างนี้จะไปรอดไหมเนี่ย’

            “คุณหนู...” ชื่นทำท่าคิดหนักเพราะหากปล่อยให้คุณหนูของเธอนั่งแท็กซี่ไปเองคุณผู้หญิงบ้านโน้นต้องเล่นงานเธอแน่ๆ

            “นะ พี่ชื่น อรอยากไปหาคุณพ่อคุณแม่” หญิงสาวอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร

            “งั้นโทรให้คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายส่งรถมารับดีไหมคะ” คนรับหน้าที่ดูแลเสนอด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่อยากให้นายสาวนั่งรถไปเองเกรงว่าจะเป็นอันตราย

            “อรไม่อยากรอ อรจะไปตอนนี้ให้เร็วที่สุด” เมื่อได้ยินคำยืนยันหนักแน่นของคนเป็นเจ้านาย ชื่นหันไปมองสายใจเหมือนจะขอความคิดเห็น เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าน้อยๆ เป็นการเข้าใจ เธอจึงบอกนายสาว

            “ค่ะๆ งั้นก็ได้ค่ะ แต่ให้พี่ชื่นไปด้วยนะคะ จะได้นั่งรถเป็นเพื่อนคุณหนู” สิ้นคำพูดของพี่เลี้ยง หญิงสาวก็ให้คำตอบเป็นการพยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็เดินออกมาจากบ้านเพื่อไปเรียกรถแท็กซี่ตามที่คนเป็นเจ้านายต้องการ

 

            ภายในห้องชุดของคอนโดสภาพกลางเก่ากลางใหม่ในย่านชานเมือง ชายหนุ่มที่เมามายด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ตั้งแต่ช่วงค่ำคืนที่ผ่านมายังคงนอนหลับสนิทเหยียดกายอยู่บนโซฟาตัวยาวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาง่ายๆ แม้เวลาจะล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่ไปเกือบครึ่งค่อนวันแล้วก็ตาม บนใบหน้าหล่อเหลาคมคายมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ซึมตามไรผม ทั้งที่เครื่องปรับอากาศก็ยังทำงานอยู่เป็นปกติ

            “นนท์... นนท์...” กรรณิการ์เรียกชายหนุ่มที่นอนเหงื่อโซมกายเพื่อให้เขารู้สึกตัว เผื่อจะได้รู้ว่าเขาต้องการอะไรบ้างหรือมีความผิดปกติอะไรที่เป็นผลมาจากการดื่มของมึนเมาจนเกินกำลังของร่างกายหรือเปล่า เมื่อชายหนุ่มยังนอนเงียบ หญิงสาวจึงเข้าไปใกล้แล้วค่อยๆ ยื่นมือออกไปเขย่าแขนของเขาเบาๆ

            “อร!อรกลับมาหานนท์แล้วเหรอ... อร” คนนอนคว้าหมับที่มือบางของหญิงสาวแล้วดึงเข้ามาหาตัวก่อนจะร้องเรียกชื่อคนรักทั้งที่ยังไม่ลืมตา

            “ว๊าย!...” กรรณิการ์อุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ก็ถูกมือหนากระชากเข้าไปจนเกือบล้มทาบทับบนกายของเขา ดีที่เธอใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ยันไว้กับพนักโซฟา ไม่งั้นเธอคงได้ลงไปซุกซบกับอกของเขาแน่

            “นนท์ ตื่นสิ นี่ก้อยนะ” หญิงสาวร้องบอกเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น แก้มเนียนร้อนผ่าวจนซับสีเลือดขึ้นมาเล็กน้อย ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาไม่เคยมีครั้งไหนที่เขากับเธอจะใกล้ชิดกันมากขนาดนี้

            “หือ... จิ๊! โอ๊ย! ปวดหัวชะมัด” นนท์ประวิธกระเด้งตัวลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงใกล้ๆ หู ว่าหญิงสาวที่เขาจะรั้งเข้ามากอดนั้นคือเพื่อนอีกคนที่ชื่อก้อย ไม่ใช่อรณิชาคนรักที่เขากำลังละเมอถึง ก่อนจะร้องลั่นเมื่อความรู้สึกปวดแปลบวิ่งขึ้นมาที่หัวสมองปานว่าจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ มือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นกุมศีรษะที่ปวดตุบเอาไว้โดยอัตโนมัติ ส่วนมืออีกข้างก็ยังบีบกำข้อมือเล็กของหญิงสาวเอาไว้มั่นเหมือนกับว่าจะช่วยระบายความเจ็บปวดที่ได้รับ

            “โอ๊ย! นนท์ ก้อยเจ็บ” กรรณิการ์นิ่วหน้าบอกชายหนุ่มเพื่อให้เขารู้สึกตัวว่ากำลังบีบแขนของเธออยู่

            “อะ ก้อย นนท์ขอโทษ” นนท์ประวิธก้มมองมือของตัวเองแล้วต้องรีบคายออกทันควันเมื่อรู้ว่าเขาล่วงเกินเพื่อนสาวโดยไม่รู้ตัว

            “เอ่อ... มะ ไม่เป็นไร ว่าแต่นนท์เถอะ เป็นยังไงบ้าง” กรรณิการ์ถอยออกไปเล็กน้อยเพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มเห็นถึงอาการตื่นเต้นของเธอ พร้อมทั้งเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

            “อือ ปวดหัวน่ะ... นี่กี่โมงแล้ว” คนเพิ่งตื่นสะบัดศีรษะเพื่อไล่อาการปวดตุบที่แทรกเข้ามาเรื่อยๆ

            “จะเที่ยงแล้วหละ วันนี้วันหยุด หรือนนท์มีนัดที่ไหนหรือเปล่าล่ะ”

            “ไม่มีหรอก นนท์แค่คิดถึง... เอ่อ ก้อยว่าป่านนี้อรจะเป็นยังไงบ้าง... นนท์อยากโทรไปหาจัง” นนท์ประวิธคิดถึงสาวคนรักขึ้นมาจับใจ อยากจะโทรไปหาแต่ก็กลัวเป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ ลึกๆ ภายในใจยังหวังและภาวนาขอให้หญิงสาวผ่านพ้นจากราตรีที่แสนหวานนั้นไปโดยไม่มีอะไรสึกหรอ แม้จะเป็นไปได้ยากและเหลือเชื่อก็ตาม แต่ส่วนหนึ่งเขาก็มั่นใจว่าอรณิชาหญิงสาวที่เขารักคงไม่หลวมตัวปล่อยใจไปกับผู้ชายแปลกหน้าที่เธอบอกว่าไม่เคยรู้จักอย่างแน่นอน

            “ก้อยว่าอย่าโทรไปเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้อรก็ไปทำงานแล้วหละ” กรรณิการ์ปลอบใจเพื่อนชายที่เธอแอบรักด้วยน้ำเสียงปนเศร้าเล็กน้อย ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังรักและคิดถึงหญิงสาวที่เขารักแต่เพียงผู้เดียว แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไปเป็นของคนอื่นแล้วก็ตาม พอคิดถึงตรงนี้แล้วความน้อยใจก็แล่นขึ้นมาจุกอกจนตื้อไปหมด เธอจะต้องกล้ำกลืนฝืนแอบรักเขาต่อไปอย่างนี้หรือไงนะ

            “ก้อย... ก้อย...” นนท์ประวิธเรียกหญิงสาวตรงหน้าเมื่อเห็นเธอยืนนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่คนเดียว

            “อะ อือ ตะกี้นนท์ว่าอะไรนะ” เจ้าของชื่อสะดุ้งตื่นจากภวังค์หันมาถามคนเรียกเมื่อคิดว่าเขาอยากได้อะไร

            “เปล่า นนท์เห็นก้อยเงียบไปก็เลยเรียก”

            “เดี๋ยวก้อยไปเอากาแฟดำมาให้นะ เผื่อจะช่วยได้บ้าง” หญิงสาวบอกก่อนจะรีบเดินเข้าไปในครัวด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวเขาจะจับความรู้สึกของเธอได้ ไม่นานร่างบางก็กลับออกมาพร้อมกับถ้วยกาแฟหอมกรุ่นแล้วนำมายื่นให้ชายหนุ่มที่ตอนนี้กายแกร่งลุกขึ้นนั่งแล้วเอนหลังไปกับพนักพิงโซฟาในท่าผ่อนคลาย

            “ขอบใจนะ” นนท์ประวิธพูดหลังจากรับแก้วกาแฟมาถือไว้ ก่อนจะค่อยๆ ยกขึ้นจิบทีละนิด

            “เมื่อคืนนนท์ขอโทษนะที่ทำให้ก้อยต้องลำบากน่ะ นนท์ดื่มหนักเกินไปจริงๆ แหละ” ชายหนุ่มบอกอย่างรู้สึกผิด เมื่อนึกถึงสภาพของตัวเองที่เมามายจนทำให้เพื่อนสาวต้องลำบากพาเขากลับมา

            “ไม่เป็นไรหรอก... ก้อยเต็มใจ” เสียงหวานบอกด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหม่นหมองลงเมื่อฟังประโยคต่อไปของเขา

            “เพราะเราเป็นเพื่อนกันนี่เนอะ... เฮ้อ... ก้อยรู้ไหม ก้อยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับนนท์เลยนะ นนท์ดีใจที่มีเพื่อนแบบก้อยอยู่ข้างๆ เสมอ” คนพูดยิ้มกว้างออกมาเพื่อแสดงความจริงใจ ในขณะที่คนฟังทำได้แค่ฝืนยิ้มให้อย่างเจ็บปวดกับคำว่าเพื่อนของเขา

            “กะ ก้อยก็ยินดีจะอยู่เคียงข้างนนท์เสมอ” หญิงสาวตอบรับเสียงแผ่วเบา

            “อืม... รู้สึกดีขึ้นแล้วหละ เดี๋ยวนนท์กลับเลยดีกว่า ก้อยจะได้พักผ่อน” นนท์ประวิธบอกพร้อมทั้งลุกขึ้นยืนแล้วตรงดิ่งไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้กับห้องครัวทันที ชายหนุ่มล้างหน้าล้างตาและทำธุระส่วนตัวเพียงไม่นานก็กลับออกมา

            “ไม่ทานข้าวด้วยกันก่อนเหรอ หิวหรือเปล่า” เจ้าของห้องถือผ้าเช็ดหน้าไปให้เขาพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความห่วงใย

            “ไม่ล่ะ ตอนนี้นนท์กินอะไรไม่ลงหรอก ขอบใจนะสำหรับทุกอย่าง” ชายหนุ่มรับผ้าจากเพื่อนสาวมาเช็ดหน้าจนแห้ง แล้วส่งคืนให้เจ้าของพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณจากใจ จากนั้นก็เดินตรงไปที่ประตูห้องก่อนจะเปิดออกไปเขาหันมาบอกลาหญิงสาวอีกครั้ง

            “นนท์ไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”

            กรรณิการ์ทำแค่เพียงยิ้มบางๆ ให้เท่านั้น เพราะหมดทางที่จะรั้งเขาไว้ได้ เธอแค่อยากมีช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเขาตามลำพังเท่านั้น แม้จะพยายามจ้องลึกเข้าไปในแววตาของเขามากแค่ไหนข้างในนั้นก็ไม่เคยมีเธอเลยสักนิด ถึงเขาจะไม่มีอรณิชาแต่เขาก็ไม่รักเธออยู่ดี หญิงสาวคิดในใจอย่างปวดร้าว

 

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

^_^

 

สนใจนิยายเล่มนี้ในรูปแบบ E-Book สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่

http://ookbeetunwalai.s3.amazonaws.com/files/member/7177/1914408155-member.jpg ...หรือ... เสน่หาทาสซาตาน

 

 

หากสนใจสั่งซื้อในรูปแบบเล่ม สามารถติดต่อผู้แต่งได้โดยตรงทาง 

E-mail : oilza24@hotmail.com

โทร/ไลน์ : 094-4942566

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา