Love Unlimited! รักนี้ไม่มีจำกัด
เขียนโดย Fame
วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.46 น.
แก้ไขเมื่อ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557 22.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) Knight?!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter 3: Knight?!
มันเป็นเช้าลงทะเบียนเริ่มเรียนที่สุดแสนจะวุ่นวายพอๆกับวันรับน้องอีกหนึ่งวันเรือนผมที่เคยสว่างไสวกลายเป็นสีดำสนิทและนั่นแหละจะทำให้เจ้าของลูกครึ่งร่างเล็กเป็นจุดสนใจ เพราะใบหน้าเรียวผิวที่ไม่ขาวและไม่คล้ำแลดูเป็นสีผิวน้ำผึ้ง ปากเรียวบางได้รูปกระจั๊บ จมูกโด่งเป็นสันและปลายจมูกรั้นนิดๆแสดงให้เห็นถึงนิสัยที่แท้จริง ดวงตาเรียวคู่สวยสีม่วงเข็มที่สะกดสายตาของใครหลายคนที่เผลอมอง คิ้วเรียวยาวที่ดูเข้ากับใบหน้าที่ดึงดูดทั้งเพศตรงข้ามและ... เพศเดียวกัน นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้หัวคิ้วเรียวขมวดมุ่นทันทีที่เดินเข้ามาลงทะเบียน
‘อะไรอีกเนี่ย...’
ฟิล์มพึมพำกับตัวเองในใจอย่างเซ็งๆ ตอนนี้ร่างบางตามล่าหาลายเซ็นรุ่นพี่เฮดว้ากครบทุกคนแล้วรวมถึงพี่ทศ...แต่เขาเหลือเพียงลายเซ็นของพวกรุ่นรหัสกันเท่านั้นเอง
“ฟิล์ม! นั่นฟิล์มใช่มั้ย!!?”
“หือ?”
คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างแปลกใจก่อนจะมองคนตรงหน้าที่ยืนหอบแฮ่กๆอย่างกับคนวิ่งมาราธอนซัก4รอบ (จริงๆก็วิ่งไม่ใช่เหรอะ) ฟิล์มมองคนร่างสูงอย่างแปลกใจก่อนที่บุคคลปริศนาจะพูดขึ้นปนหอบหน่อยๆ
“เรา จอมทัพ ปี1คณะเดียวกัน”
“อืม” ฟิล์มตอบเสียงสั้น
“แล้วไปเปลี่ยนสีผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เมื่อวาน”
“เร็วมาก”
“คงงั้น”
เป็นจอมทัพเองที่เงียบไป ดวงตาสีม่วงเข้มจ้องมองคนข้างๆอย่างสังเกตสังกังให้ละเอียด จอมทัพเป็นหนุ่มเอเชียที่ค่อนข้างสูงทรงผมซอยรากไทรยาวที่กัดสีทำไฮไลท์สีเข้มเป็นจุดๆอย่างเป็นสไตล์หนุ่มรักอิสระ ร่างสูงที่ดูมีมัดกล้ามเนื้ออย่างนักกีฬาและใบหน้าที่ดูคมเข้มสาวๆคนไหนได้เผลอมองแล้วเป็นต้องมองตามหลังมาอย่างช่วยไม่ได้ เสน่ห์เหลือร้าย
“แล้วนายลงอะไรบ้าง”
“ก็ลงพื้นฐาน”
“โอ้ เหมือนกันแฮะ” จอมทัพยิ้ม
“จริงดิ?”
“ใช่”
“OMG….”
“ทำไม ตกใจอะไรขนาดนั้น?”
ฟิล์มมองเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักมาหมาดๆ ร่างเล็กขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเมื่ออยู่ๆก็เจอมอส...รุ่นพี่ที่เขาเจอเมื่อวันรับน้อง ฟิล์มยอมรับเลยว่าหลังจากที่เขาได้คำใบ้จากเดียร์แล้ว เขาเองก็แทบไม่ได้คุยกับใครทั้งสามคนเลย รวมถึงโอเชี่ยนที่เขารู้จักผ่านภูมิด้วย และมันทำให้เขาอึกอักพูดอะไรไม่ถูกนักหรอกเพราะอยู่ๆคนที่เรารู้จักเป็นเพื่อนมากลายเป็นรุ่นพี่เขาไปซะได้
“สวัสดีครับพี่มอส”
“ไงจอมทัพ” และเสียงของทั้งสองคนนั้นเองที่ทำให้ฟิล์มตื่นจากพวังค์
“อ้า ฟิล์มเราลืมบอกไป นี่พี่มอส พี่รหัสเราเอง”
“..............”ฟิล์มนิ่ง
“ไงฟิล์ม เป็นไงบ้าง?”
“ปกติ”
ฟิล์มตอบเสียงเรียบเหมือนที่เคยด้วยความที่ไม่สนิทกัน
“เฉยชาชะมัด”
“ก็ปกติ”
“ไม่ขัดละกัน” มอสพูดปัดๆแล้ว
“แล้วพี่มีอะไรหรอถึงมาหาผมอ่ะ”
“เปล่าๆ พอดีอยากรู้ว่าแกเดินมากับใครเพราะไม่ค่อยคุ้นหน้า แต่ไม่คิดว่าจะเป็นฟิล์มไง ”
“เพราะสีผม?”ฟิล์มหลุดเสียงฉงน
“ใช่ เปลี่ยนสีจนจำไม่ได้เลยแค่วันเดียวเอง”มอสตอบแทน
ร่างบางยักไหล่อย่างที่เคยชอบทำ แล้วก็เดินตามนิสิตรุ่นเดียวกันเพื่อไปเรียนโดยที่ไม่ได้สนใจพี่น้องรหัสที่เขารู้จักเลยซักนิด ทั้งๆที่เขาพยายามทำตัวไม่เด่นแล้วแท้ๆแต่ทำไมถึงมีคนจ้องมองเขาด้วย และด้วยความที่ว่าเจ้าตัวเป็นคนรักสงบไม่ชอบความวุ่นวายเลยตัดปัญหาด้วยการเสียบสายสโมทอล์คใส่หูทั้งสองข้างแล้วเปิดเพลงร็อกที่เจ้าตัวชอบฟัง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“กินไรกันดี”
ร่างสูงของจอมทัพดังขึ้นหลังจากที่หลายๆคนเริ่มเก็บข้าวของออกจากห้องเรียนที่อาจารย์สอนเสร็จ ร่างบางของฟิล์มหันไปมองเพื่อนใหม่ที่ยิ้มแฉ่งอย่างอารมณ์ดีฟิล์มทำได้แค่ยิ้มเนือยๆแล้วตอบกลับเสียงเรียบๆที่เจ้าตัวชอบทำ
“ไว้ไปถึงโรงอาหารก่อนค่อยถามละกัน”
“โอเค”
จอมทัพยิ้มทะเล้นให้ก่อนจะเดินนำไป ฟิล์มแค่ยิ้มนิดๆตามหลังไปเท่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนใหม่คงไม่แย่เหมือนตอนรับน้องละมั้ง ฟิล์มคิดในใจขณะที่เดินตามร่างสูงของจอมทัพไป ร่างบางเดินตามมาจนถึงตัวโรงอาหาร จอมทัพที่รู้ว่าเพื่อนตัวเล็กของเขาไม่ชอบคนเยอะๆก็เลยพูดให้ฟิล์มไปหาที่นั่งสงบๆแล้วตัวเขาก็เลยไปหาอะไรซื้อกินให้แทน
“ขอบใจมากไนท์เดียวเราไปหาที่นั่งนะ”
“อ่าๆ เอ้อฟิล์มแล้วเราจะรู้ได้ไงว่าฟิล์มจะนั่งไหน?”
“มีเมลมั้ย?”
“มีๆ”
“เมลเรา”
ไม่ว่าเปล่ามือบางติดหยาบนิดๆก็คว้าเอาโทรศัพท์ของอีกคนมากดซะงั้นส่วนเจ้าของโทรศัพท์ทำได้แค่เอ๋อรับประทานแล้วจำตัวก็พยักหน้าหงึกหงักก่อนจ็ะแยกไปซื้อของ ฟิล์มยิ้มให้นิดๆก่อนจะตีหน้านิ่งทันทีแล้วเจ้าตัวก็หาที่นั่งทันทีและก็จบด้วยที่ตรงม้าหินอ่อนที่เงียบงสบไม่มีคนกวนและไกลจากโรงอาหารมาประมาณ2-3เมตร ร่างบางนั่งลงบนม้าหินอ่อนก่อนจะหยิบ Nokia Lumia 1020มากดยิกๆเล่นแล้วส่งข้อความให้เพื่อนตัวโตของเขารู้ก่อนจะหยิบPSPสีดำมาเล่นฆ่าเวลา ไนท์ หรือก็จอมทัพที่หลายๆคนเรียกกันแต่ด้วยคามที่ว่าแม้ฟิล์มจะพูดหรือฟังภาษาไทยรู้เรื่องแต่เรื่องเขียนและสำนวนรวมถึงสำเนียงบางตัวเขาเองก็ยังทำไม่ได้เลย ด้วยความที่ว่าตอนเข้าเรียนจอมทัพก็เข้ามาคุยกับเขาต่อจนอาจารย์เข้ามาและเขาเองก็พูดคำว่าจอมทัพไม่ได้ด้วยเลยได้แต่เปรียบคำแทบจะเรียกจอมทัพว่าไนท์ ไนท์ที่แปลว่าอัศวินและจอมทัพคือผู้ที่ต่อสู้เพื่อบ้านเมืองและอัศวินเองก็ต่อสู้เพื่อบ้านเมืองด้วยเช่นกัน และฟิล์มถึงได้เรียกจอมทัพว่าไนท์ เวลาผ่านไปประมาณราวๆ15นาทีได้ที่ จอมทัพหรือไนท์เอาข้าวเที่ยงมาเสิร์ฟ ร่างสูงยิ้มแห้งๆให้เนื่องจากคนมันเยอะเลยต้องรอคิวนานแต่ใช่ว่าฟิล์มจะไม่เข้าใจเจ้าตัวยักไหล่ให้อย่างไม่ใส่ใจแล้วหยิบมื้อกลางวันมากิน
“เออฟิล์ม แกเจอพี่รหัสแกยังวะ?”
“แค่กๆๆๆ!!!!!!”
ฟิล์มสำลักน้ำทันที ร่างบางไอจนหน้าแดงจัดก่อนที่จะกลับมาเป็นปกติ
“ขอโทษๆ”
“damn it….”
จอมทัพได้ยินเสียงสบถออกมาก็ยิ้มเจือนๆ ฟิล์มหันมามองเพื่อนร่างสูงอย่างหาเรื่องก่อนจะล้วงเข้ากระเป๋าเสื้อแล้วโยนกระดาษแผ่นเล็กๆสามแผ่นไปข้างหน้าของตน จอมทัพเลิกคิ้วมองก่อนจะคลี่กระดาษแผ่นเล็กออกมาดูแล้วก็พยักหน้าให้พอเข้าใจกับตัวเอง
“ลูกโซ่หรอ?”
“อืม”
“แล้วอันสุดท้ายคือ?”
ฟิล์มไม่ตอบเพียงแต่เอากระดาษคำใบ้แผ่นที่สองให้จอมทัพดู
“ ‘ช่ำชองเรื่องการต่อสู้’ นี่หรอคำใบ้?”
ฟิล์มพยักหน้าหงึกๆ ส่วนจอมทัพทำได้แค่เหงื่อตกใน ร่างสูงยิ้มจางๆก่อนจะพูดอย่างเป็นมิตร
“เดี๋ยวเราช่วย”
“อืม”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ฟิล์มที่ตอนนี้กำลังรู้สึกปวดตับคำใบ้ภาษาไทยที่ตัวเขาไม่ชอบเอาเสียเลย ใบหน้าหวานหงิกงออย่างไม่สบอารมณ์ ตอนนี้เขากำลังเดินมาที่โรงยิมซ้อมกีฬากับเพื่อนตัวสูงผิวสีแทน หรือก็คือ ไนท์ หรือ จอมทัพนั่นเองจากที่หมดช่วงเที่ยงไป ฟิล์มเองก็ไม่มีเรียนบ่าย เจ้าตัวเลยจะไปทำธุระอีกเรื่องที่ยังไม่ได้ทำตั้งแต่ก่อนเข้าให้มันจบๆเรื่อง คือการสมัครเข้าชมรมบาสของ‘มหาลัยในขณะนี้ โดยที่เขาลากเจ้าเพื่อนตัวโตที่เพิ่งรู้จักกันวันแรกมาด้วย ด้วยความที่โรงยิมเป็นแบบโดมปิดชั้นล่าางจะเป็นสนามกีฬาและอัฑจันทร์ย่อมๆและด้านบนจะเป็นระเบียงกว้างขนาด3เมตรพอให้คนขึ้นไปดูได้ ตรงมุมของโรงยิมที่เป็นสนามบาสกำลังมีนักกีฬาบาสซ้อมอยู่ก่อนเจ้าตัวเล็กไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปทันที ส่วนจอมทัพเองก็ได้แต่เดินตามต้อยๆ ทำไงได้เขาไม่อยากขัดเพื่อนตัวเล็กของเขานี่นา และด้วยความที่ตัวเล็กกว่ามาตราฐานคนรุ่นเดียวกันแล้วทำให้ฟิล์มจึงเป็นจุดเด่นที่สุดในสนาม (ง่ายๆก็ตัวเตี้ยนั่นแหละ) และก็เพราะร่างบอบบางและตัวเล็กนั่นแหละทำให้ฟิล์มถูกแซวโดยรุ่นพี่ที่เขาซ้อมๆกันนั่นแหละ คิ้วเรียวกระตุกอย่างหงุดหงิด ตอนนี้เขาสามารถฆ่าคนได้หลายสิบคนอย่างสบาย จอมทัพที่เห็นท่าไม่ดีได้แค่ตบบ่าเบาๆไม่ให้อารมณ์ของเพื่อนตัวเล็กคุกรุ่นไปมากกว่านี้
“ว่าไงครับน้อง มาทำอะไรแถวนี้หรอครับ?”
และก็มีรุ่นพี่(ที่ดูเหมือน)ใจดีเดินเข้ามาทักร่างสูงเกือบ2เมตรกำยำที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ได้สัดส่วนอยู่ในชุดนักกีฬาบาสสีดำตามสถาบัน ฟิล์มเงยมองรุ่นพี่ที่ตอนนี้กำลังเอาผ้าขนหนูที่พาดคอมาเช็ดเหงื่อที่กำลังไหล
“ผมจะมาสมัครเข้าชมรมครับ”
ฟิล์มตอบเสียงเรียบ
“ฮ่าๆๆ โหน้องครับตัวแค่เนี้ยจะเล่นบาสหรอครับ พี่ว่าเราน่าจะเหมาะกับเล่นหมากเก็บอยู่บ้านนะครับ อีกอย่างที่นี่ไม่รับคนที่ต่ำกว่า180เซนติเมตรนะครับน้องไม่เหมาะหรอก ถ้าเป็นไอ้คนที่อยู่ข้างๆน้องก็ว่าไปอย่าง”
ฟิล์มกำมือแน่น จอมทัพได้แค่อึกอักเพราะอีกฝ่ายก็เป็นรุ่นพี่อีกคนก็เพื่อนแล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น
“เกิดไรขึ้นวะ?”
“แม่งเด็กที่ไหนไม่รู้มาขอเข้าชมรมว่ะ”
ผู้มาใหม่เดินเข้ามาพร้อมกับหมุนลูกบาสในมือ ฟิล์มเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อคนที่เข้ามาคือคนที่เขา...
“เอาไงทศกูไม่อยากเสียเวลา”
“เดี๋ยวกูจัดการเอง”
ร่างสูงของทศบอกเพื่อนก่อนที่เพื่อนคนนั้นจะเข้ากลุ่มสนามไป ดวงตาคมเข้มและใบหน้าที่ดุดันหน้ากลัวเหมือนยักษ์ทำให้จอมทัพได้แค่เงียบไม่กล้าหือด้วยเพราะเขากลัวที่จะโดนไล่ออกจากชมรมถ้าไปหือกับ ‘กัปตัน’ ชมรมบาสได้ไงล่ะ และดูเหมือนเพื่อนตัวเล็กเขาดูไม่หือไม่อือไม่กลัวกับความน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาและบุคคลิกที่น่ากลัวสมชื่ออย่างทศกัณตร์เลยซักนิด แต่ลืมไปแล้วหรือว่าฟิล์มเองตั้งแต่เด็กจนโตมาเขาไม่เคยอ่านตำนานของไทยที่เกี่ยวกับยักษ์เลยแม้แต่น้อย
“อยากเข้าชมรม?”
“ครับ”
“หึ ตัวแค่นี้คงไปเกะกะเขาซะมากว่าละมั้ง”
“........”
“ถ้าแย่งบาสจากฉันได้ ก็จะรับไว้พิจารณานะกัน”
“ก็เอาสิ”
ทศแสยะยิ้มให้เจ้าของร่างเล็ก ใบหน้าคมคายของจอมทัพที่ตอนนี้ไร้เลือดไปแล้วทำได้แต่อึ้งและไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เขาได้ยินเต็มสองรูหูของเขา ฟิล์มกับพี่ทศจะดวล one on one กัน!!!
ร่างบางของฟิล์มถอดกระเป๋าสะพายข้างใบโปรดออกไปวางตรงอัฑจันทร์ข้างสนาม มือเรียวพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นถึงศอกทั้งสองข้างอีกทั้งเนคไทด์สีดำก็ถูกรูดออกไปวางตำแหน่งเดียวกันกับกระเป๋าเป้ และโชคดีที่ว่าเขาใส่รองเท้ากีฬาNikeสีดำที่เขาชอบมาด้วย และความที่ไม่ชอบยอมแพ้บวกกับความดื้อรั้นของเจ้าตัวจึงรับคำท้าจากรุ่นพี่ที่เขาไม่คิดอยากจะถูกชะตาด้วยเลยได้แต่เดินตามเจ้าคนสูงกว่าไปที่กลางสนามซ้อมโดยที่ร่างสูงของจอมทัพเดินตามไปติดๆ
“พักซ้อม!!”
เสียงของกัปตันทีมดังขึ้นและเสียงซ้อมก็หยุดลงโดยอัตโนมัติ และสายตาของนักกีฬาในสนามก็พุ่งตรงมาที่เจ้าของร่างบางผมสีดำที่ยืนเด่นอยู่กลางสนามอย่างสงสัย และฟิล์มเองก็ตกเป็นเป้าสายตาโดยทันที
“มีไรทศ?”
เสียงที่ฟิล์มคุ้นเคยดังขึ้นเจ้าของเสียงเดินเข้ามาใกล้กัปตันทีมก่อนจะตกใจเสียงดัง!!
“ฟิล์ม!!!”
มาดขี้เก็กที่เคยเห็นได้สลายหายไปในทันที
“พี่เดียร์...?”
ฟิล์มเลิกคิ้วมอง ส่วนเดียร์ที่ตอนนี้มองร่างสูงคนข้างๆที่เขารู้จักดีจอมทัพได้แต่ยิ้มแห้งๆให้รุ่นพี่ร่างสูงและไม่ได้พูดอะไรออกมาเป็นเชิงว่าเรารู้กันสองคนพอ
“ไปพักกันได้ เดียร์ แกมาเป็นกรรมการ ฉันจะเล่น 1 : 1 กับเจ้าเด็กนี่!!!”
“ห๊ะ!!!!/เฮ้ย!!!!”
เสียงที่ร้องหลงออกมาจากข้างสนามรวมทั้งสองคนที่ในสนามแล้วสองคน จอมทัพค้างไปแล้วส่วนเดียร์ได้แต่ปลงและยอมรับสภาพสายตาคู่คมของเดียร์เหลีอบมองฟิล์มอย่างรู้สึกเวทนาแทนที่จะให้กำลังใจ
“ตลกเปล่าวะทศ กะอีแค่เด็กตัวกระจิ๋วเดียวแกถึงออกโรงเองเลยหรอ?”
ฟิล์มกัดฟันกรอด มองเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ตรงอัฑจันทร์ที่เดินเข้ามาในสนามพร้อมกับเดาะลูกบาสมาด้วยสายตาดูหมิ่นเหยียดหยามมองมาทางเขาอย่างไม่ปิดบัง ดวงตาสีม่วงเข้มวาวโรจน์
“อย่าดูถูกผมให้มากนักนะครับรุ่นพี่”
เป็นความเร็วที่เหลือเชื่อที่มองตามไม่ทัน ลูกบาสที่เคยอยู่ในมือของผู้มาใหม่ที่จะเดินเข้าสนาม แต่ตอนนี้เจ้าลูกสีส้มๆกับมาอยู่ในมือเรียวแทน ฟิล์มยิ้มเยาะอย่างนึกสะใจ ส่วนร่างสูงนักกีฬาที่ถูกชิงบาสไปต่อหน้าต่อตาแทบไม่รู้ตัวได้แต่ยืนอึ้งส่วนหลายๆคนถึงกับผิวปากหวือให้กับความท้าทายและความสนุกที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า
“แกก็เห็นแล้วนะ เดี๋ยวฉันจัดการเองซัน”
เจ้าของชื่อ ‘ซัน’ พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเดินกลับมานั่งข้างสนามเหมือนเดิม ในสนามเหลือแค่ฟิล์มและทศ ส่วนเดียร์ได้แต่ยืนข้างสนามเป็นกรรมการส่วนจอมทัพ..... ไปนั่งข้างสนามตามรุ่นพี่ที่เขารู้จักแทน
“นักกีฬาประจำตำแหน่ง”
ฟิล์มเดินมาอยู่ตรงกลางสนามโดยมีลูกบาสที่ถูกถือไว้ด้วยเดียร์ที่คั่นกลางเขากับทศไว้
“เตรียม.....เริ่มได้!!!”
สิ้นเสียงกรรมการ ลูกบาสสีส้มก็ถูกโยนขึ้นข้างบน ทั้งสองคนที่อยู่ในสนามกระโดดขึ้นหมายที่จะปัดลูกบาสมาทางฝั่งตนและทศก็คิดในใจว่าเขาตัวสูงกว่ามีสิทธิ์ที่จะเปิดเกมส์รุกแต่ผิดคาด เมื่อเจ้าตัวเล็กที่ถูกคนในทีมต่างพากันดูถูกนั้นกระโดดขึ้นเทียบเท่านั้น ปากบางคลี่ยิ้มอย่างคนเหนือกว่าแล้วคว้าเอาเจ้าลูกบาสสีส้มไป เมื่อถูกแย่งตัดหน้าไปร่างสูงมีหรือจะอยู่เฉยยืนอึ้งเหมือนอาการเดียวกันกับคนนอกสนามหรือไง ตอนนี้มีเพียงแค่ว่าเขาต้องทำสองแต้มแรกให้ได้ ร่างสูงวิ่งเข้าปะทะกับร่างเล็กที่ตอนนี้กำลังเลี้ยงลูกหลบวิถีมือที่กำลังเข้ามาแย่งลูกบาสสีส้ม ฟิล์มเลี้ยงหลบไปก่อนจะวิ่งขึ้นเขตสามแต้มของอีกฝ่ายโดยที่ทศวิ่งไล่ตามมาติดๆ เมื่อร่างเล็กตั้งท่าจะชู้ตสามแต้มแล้วนั้น ร่างสูงก็กระโดดขึ้นหมายจะปัดลูกบาสให้ออกจากมือเรียว แต่ใครจะรู้ว่าท่าชู้ตสามแต้มเป็นท่าชู้ตหลอกๆแต่จริงๆแล้ว!!! ร่างบางเมื่อเทคตัวลงได้แล้วก็เลี้ยงลูกเข้าเขตสองแต้มแล้วกระโดดเลย์อัพให้ลูกบาสเข้าห่วงอย่างสวย เป็นสองแต้มแรกที่ไม่เคยมีใครชิงมาจากกัปตันทีมบาสได้เลยเพียงคนเดียว ทั้งสนามได้แต่เงียบราวกับเจอเหตุการณ์ไม่ขาดฝันฟิล์มยิ้มอย่างสะใจก่อนจะพูดเสียงเรียบๆให้กับคนในยิมนี้เจ็บใจเล่น ในเมื่อไม่ยอมรับเขาเข้าชมรมบาสที่นี่เขาก็ไม่ง้อให้ยุ่งยาก เพราะยังไงซะตำแหน่งนักกีฬาเยาวชนบาสชายที่ อเมริกา ก็รอเขาอยู่ถ้าเรียนจบ
“ที่อเมริกาเขาเล่นเก่งกว่าที่นี่หลายเท่า ผมจะไม่คิดมากเพราะว่าที่นี่แค่ระดับสถาบัน แต่ที่ๆผมเคยเล่นด้วยนั้นเป็นระดับเยาวชนชาติ”
สิ้นเสียงนุ่มที่กล่าวอย่างดูหมิ่น เขาไม่สนแล้วว่าพี่รหัสเขาเป็นใครแค่ได้หักหน้าคนที่ไม่ถูกชะตาก็สะใจสุดๆแล้ว ฟิล์มเดินออกมาจากโรงยิมคนเดียวเพราะดูเหมือนไนท์มัวแต่ช็อกอยู่ละมั้งเลยไม่ได้ออกมา เสียงลมหายใจที่พ่นออกมาอย่างเซ็งๆ ฟิล์มตัดสินใจที่จะตรงกลับบ้านทันทีเพราะเขาเองก็เสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องเข้าจนได้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
หลังจากที่การดวล 1 : 1 จบลงไปอย่างค้างคาใจของเล่าบรรดาสมาชิกทั้งหลายแหล ทศเพียงแค่บอกว่าจะแค่รับไว้พิจารณาแต่ไม่ได้คิดที่จะรับเข้าทีมแต่อย่างได้ เจ้าของร่างสูงที่ตอนนี้นั่งก้มหน้ามองพื้นแล้วเอาผ้าขนหนูที่เย็นไปด้วยน้ำผ้าคลุมหัวไว้โดยมีสายของเดียร์และจอมทัพมองมา เขาเข้าความรู้สึกของทศดี เกมส์ที่เกิดนั้นเป็นเพียงแต่หักหน้ากันเท่านั้นและใครจะรู้ว่าเด็กปี1ที่น่าหมั่นไส้คนนั้นดันเก่งบาสขั้นเทพขนาดนั้น แถมไม่รั้งไว้ให้เข้าชมรมด้วย อาจเป็นเพราะทิฐิและนิสัยหยิ่งทรนงอย่างกับยักษาละมั้งที่ทำให้ร่างสูงของกัปตันทีมอย่างทศเลือกที่จะเงียบและไม่ตอบคำถามซ้ำๆจากสมาชิกในทีม จอมทัพกับเดียร์มองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายร่างสูงของคนทั้งคู่ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ จะไม่ให้เซ็งได้ไง ในเมื่อคนที่ให้คำใบ้ กับคนที่รอให้คำใบ้เฉลยนั้นกำลังภาวนาในใจว่าถ้าจบคอสรับน้องคนนี้อย่าได้เจอเหตุด่วนเหตุร้ายอะไรเลย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
(จริงๆแล้วกับพวกนั้นแกก็ไม่น่าเอาจริงก็ได้นี่)
“ไม่รู้ มันหงุดหงิดเลยเผลอปล่อยไปตามอารมณ์”
ฟิล์มพูดน้ำเสียงเซ็งๆใสคนปลายสายสไกป์ เฟรดหัวเราะใส่เขาจนอดที่จะหมั่นไส่ไม่ได้
(แต่ทำแบบนี้ทางนั้นจะไม่ช็อกหรอ? เล่นซะขนาดนั้น)
“ช่างมันเถอะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลยซักนิด”
**********************************************************
End chapter 3
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ