โลกใบสุดท้าย
เขียนโดย xoxo
วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 08.45 น.
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 08.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ต่างมิติ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความโลกใบสุดท้าย (เบญจภาคี)
บทที่ 4
ต่างมิติ
“กาญ....กาญ....” กาญรู้สึกตัวขึ้นเมื่อเขาได้ยินเสียงหนึ่งที่หนักแน่นและทุ้มลึกก้องกังวานอยู่ในหู
“กาญ...กาญ...” เสียงนั้นยังคงดังขึ้นอีกและดูเหมือนจะเป็นเสียงที่เขาเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน กาญค่อยๆลืมตาขึ้นและภาพเรือนรางที่เห็นอยู่เบื้องหน้าทำเอากาญถึงกับสะดุ้งน้อยๆและต้องรีบเอามือมาขยี้ตาตัวเองพร้อมกับสะบัดหัวแรงๆเพื่อสลัดความงุนงงให้หายไป
และก็ไม่ผิดเพี้ยนเมื่อภาพที่เขาเห็นอยู่เบื้องหน้ามันชัดเจนมากขึ้น แม้ใบหน้านั้นจะเปลี่ยนไปบ้างตามอายุขัยแต่ก็ยังคงเค้าหน้าเดิมซึ่งกาญเองก็จำได้แม่นยำว่าบุคคลคนนั้นนั่นก็คือ
“พ่อ!” กาญอุทานออกมาเบาๆ บุคคลที่เขาเห็นอยู่เบื้องหน้านั่นก็คือพ่อของเขาที่หายสาบสูญไปนั่นเอง เขาขยี้ตาตัวเองอีกครั้งพร้อมกับที่มือทั้งสองข้างของผู้เป็นพ่อเอื้อมมาจับไหล่ทั้งสองข้างของเขาและดึงเขาเข้าไปกอด
“ใช่...กาญ...พ่อเองลูก” กาญรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่แน่ใจว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า
“นี่ผมฝันไปหรือเปล่า” พ่อของกาญส่ายหน้าน้อยๆ กาญใช้มือลูบคลำไปตามแขนของพ่อก่อนจะพูดออกมา
“พ่อ...นี่พ่อจริงๆด้วย” กาญรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
“พ่อกลับมาได้อย่างไรครับ” มีคำถามมากมายที่กาญอยากจะเอ่ยถามเรื่องราวต่างๆจากพ่อของเขา แต่ในเวลานี้ก็คงไม่มีอะไรที่จะทำมากไปกว่าการกอดตอบกลับอ้อมแขนพ่อซึ่งเขารอมันมานาน ไม่นานนักทั้งสองก็คลายกอดออกจากกัน
“พ่อ...พ่อ...จริงด้วย” กาญยังคงตื่นเต้นไม่หยุด รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นเกิดขึ้นที่ใบหน้าของผู้เป็นพ่อ
“กาญลูกรัก...พ่อรู้ว่าลูกต้องการจะถามคำถามที่เกิดขึ้นมากมายในตัวพ่อ” พ่อของกาญเอ่ยขึ้นเหมือนกับรู้ใจเขา
“ครับพ่อ...เกิดอะไรขึ้นกับพ่อครับ” กาญเปิดฉากถามทันที
“พ่อไม่มีเวลามากพอที่จะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ในเวลานี้....แต่ขอให้ลูกเชื่อในตัวพ่อ...เชื่อในความเป็นพ่อของลูก...แล้ววันหนึ่งลูกจะเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างเอง” คำพูดของพ่อเขาทำเอากาญทำหน้าสงสัยและเอ่ยถามอย่างซื่อๆ
“จะให้ผมเข้าใจเองได้อย่างไรครับ”
“กาญ...มันต้องใช้เวลาสักหน่อยนะลูก”
“ไม่มีเวลาแล้วล่ะครับพ่อ...เวลาของแม่เหลือน้อยลงไปทุกที...แล้วจะให้ผมมาใช้เวลาเข้าใจพ่อ ในขณะที่พ่อไม่อยู่...ผมกับแม่ต้องลำบากขนาดไหน...แล้ววันนี้จะให้ผมมาใช้เวลาเข้าใจพ่ออีก ผมไม่มีเวลาให้พ่อได้อีกแล้วครับ” กาญพูดออกไปด้วยอาการน้อยใจและน้ำตาก็ไหลไป
“กาญ...พ่อขอโทษ” พ่อของกาญก้มหน้าหลับตา
“พ่อรักแม่กับผมหรือเปล่าครับ” กาญก้มหน้าพูดเบาๆถามพ่อของเขา
“รักสิลูก” พ่อของกาญจับไหล่กาญ
“ผมยังไม่เห็นพ่อถามถึงแม่สักคำ...พ่อรู้หรือเปล่าว่าแม่กำลังจะจากเราไป...พ่อรู้หรือเปล่าว่าผมกับแม่กำลังต้องการความช่วยเหลือ” คำพูดของกาญทำเอาผู้เป็นพ่อถึงกับอึ้งไปชั่วครู่ไม่นานนักพ่อของเขาก็พูดออกมา
“กาญลูกรัก...พ่อรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลูกและแม่ทุกอย่าง...พ่อเองก็เสียใจไม่ใช่น้อยที่ไม่สามารถกลับมาช่วยลูกกับแม่ได้ในขณะนี้...แต่กาญเอ๋ย...ลูกจงเชื่อพ่อเถิดแม่ของลูกจะต้องปลอดภัย” กาญฟังพ่อของเขาพูดจนจบก็หลับตาพยายามข่มใจทำความเข้าใจในเรื่องที่พ่อของเขาพูดขึ้น กาญยังคงสงบนิ่งไม่พูดอะไรจนกระทั่งพ่อของเขาเอ่ยขึ้น
“.กาญ...แม่ของลูกจะต้องปลอดภัย เชื่อพ่อเถิด...แม่ของลูกจะนอนสงบนิ่งอย่างสบายเพื่อรอให้ลูกทำภารกิจบางอย่างต่อจากนี้... และถ้าลูกทำภารกิจสำเร็จแล้วแม่ของลูกจะกลับมาอยู่กับลูกอีกครั้ง” กาญยังคงนั่งนิ่งฟังพ่อของเขาพูด แต่ในใจก็ยังอดสงสัยกับคำพูดของพ่อเขาเสียไม่ได้
“หมายความว่าอย่างไรครับ...พ่อพูดเหมือนกับว่าผมจะต้องมีหน้าที่ไปทำอะไร...ผมไม่เข้าใจครับ...เพราะในเวลานี้ผมจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นนอกเสียจากการหาทางช่วยเหลือแม่ของผม...ผมไม่มีเวลาพอจะไปทำภารกิจบ้าบออะไรนั้นหรอกครับ” กาญพูดจบก็หันหน้าไปจากพ่อของเขา พ่อของกาญถอนหายใจเบาๆก่อนจะเอ่ยขึ้น
“แล้วถ้าภารกิจที่พ่อว่า...มันสามารถช่วยแม่ของลูกให้ฟื้นขึ้นมาได้ล่ะ” กาญหันหน้ากลับมาทันทีที่พ่อของเขาพูดจบ
“พ่อกำลังหมายความว่ายังไง” กาญขมวดคิ้วเข้าหากัน
“กาญลูกรัก...มันจะเป็นไปอย่างที่พ่อบอกลูกทุกอย่างแม่ของลูกจะต้องปลอดภัย...และสิ่งที่ลูกจะเจอนับจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นสิ่งที่ลูกไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้... ที่พ่อมาก็เพื่อจะบอกลูกว่าจงตั้งใจและมีสติกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นกับลูก เพราะถ้าลูกทำพลาดทุกสิ่งทุกอย่างก็จบสิ้นลงรวมทั้งครอบครัวของเราด้วย” กาญพยายามตั้งใจที่พ่อเขาพูด แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
“พ่อต้องการให้ผมทำอะไรเพื่อให้แม่ฟื้นขึ้นมาผมทำได้ทุกอย่าง...พ่อบอกผมมาเลยดีกว่า อย่าเสียเวลามากไปกว่านี้เลยครับ” กาญพูดจบก็หายใจเข้าลึกๆส่ายหน้าไปมาพร้อมกับมือลูบหน้าตัวเอง
“กาญ...มันไม่ใช่ความต้องการของพ่อ...แต่” พ่อของกาญหยุดพูด
“แต่อะไรครับพ่อ” กาญถามต่อ
“เอาเป็นว่า...ลูกจะได้รู้เองในอีกไม่ช้านาน...ตอนนี้หมดเวลาของพ่อแล้ว...กาญพ่อต้องไปแล้ว”
“พ่อจะไปไหนอีกครับ...พ่อยังจากผมกับแม่ไปไม่พออีกหรือครับ”
“กาญเราจะได้เจอกันในอีกไม่ช้า...พ่อรักแม่และลูกนะ” พูดจบร่างของพ่อกาญก็ค่อยๆเลือนจางหายไป กาญตกตะลึงเมื่อเห็นภาพที่พ่อของเขากำลังจะจากไปโดยที่ยังไม่ได้ถามประโยคที่ค้างคาใจเขามาตลอด
“ดะเดี๋ยว..พ่อ” แต่ดูเหมือนพ่อของกาญจะไม่ฟังคำทักท้วงของเขา กาญจึงตัดสินใจตะโกนออกไป
“พ่อ....พ่อเป็นผู้ก่อการร้ายอย่างที่เขากล่าวหาหรือเปล่า” กาญตะโกนขึ้นสุดเสียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้รับคำตอบเขาก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน กาญเบิกตาโพลงหายใจอย่างแรงและค่อยผ่อนเบาลงเบาลง
“ปัดโธ่!...นี่เราฝันไปนี่หว่า” กาญยกมือทั้งสองข้างลูบหน้าตัวเองบิดคอไปมาภายในใจก็คิดว่าความฝันที่เขาเพิ่งผ่านมาช่างเหมือนความจริงเสียนี่กระไร เขาถอนหายใจเข้าลึกๆอีกครั้งก่อนจะพาตัวเองลุกขึ้นจากที่นอนและนั่นก็ทำให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อเขามองไปรอบๆตัวพบว่าที่ที่เขาอยู่ในเวลานี้มันไม่ใช่ที่นอนที่เขาใช้นอนอยู่
“เฮ้ย! อะไรกัน ที่นี่ที่ไหน...หรือว่าเราฝันซับฝันซ้อนวะ?” กาญอุทานออกมาเบาๆพร้อมกับยืนเกาหัวตัวเองด้วยความงุนงง เขาพยายามพิจารณาไปรอบๆด้านก็พบว่าตัวเขากำลังอยู่บนพื้นทราย กาญลุกขึ้นยืนและค่อยๆก้าวเดินไปอย่างช้าๆด้วยความประหลาดใจ เขาค่อยๆกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วก็พบว่าเขากำลังยืนอยู่ริมหาดทรายที่ไหนสักแห่ง ซึ่งรอบตัวเขาปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกเต็มไปหมด
กาญพยายามมองหาอะไรสักอย่างบริเวณชายหาดแห่งนั้นเผื่อจะมีอะไรให้ความกระจ่างกับเขาได้ แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากความเวิ้งว้างและเมฆหมอกที่ลอยปกคลุมไปทั่ว กาญยืนนิ่งๆ เขามองไปรอบๆก่อนจะตัดสินใจเดินสำรวจไปเรื่อยๆ
ไม่นานนักเขาเริ่มมองเห็นบางสิ่งบางอย่างลางเลือนอยู่ภายใต้เมฆหมอกเบื้องหน้านั่น รูปร่างมันเหมือนกับเรือหรืออะไรสักอย่างที่กำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา กาญยืนนิ่งเพ่งมองอย่างไม่กระพริบตาจนกระทั่งวัตถุนั้นเคลื่อนใกล้เข้ามา และก็ทำให้เขาเห็นว่าสิ่งที่กำลังเคลื่อนเข้ามานั้นคืออะไร
“เรือสำเภา...มีเรือสำเภาแถวนี้ด้วย” กาญรำพึงออกมาเบาๆ
“ดีเหมือนกันจะได้รู้เสียทีว่าที่นี่มันที่ไหนกันแน่” กาญพูดกับตัวเองเบาๆและยืนรอเรือสำเภาอยู่ตรงนั้นเอง
เรือสำเภาขนาดใหญ่รูปลักษณ์เหมือนเรือโบราณสร้างขึ้นด้วยไม้ทั้งลำ เสากระโดงเรือสามต้นสูงตระหง่าน และขณะนี้ใบสำเภากำลังหุบลง เรือกำลังหยุดการเคลื่อนไหว สมอเรือก็ถูกทิ้งลงน้ำ เสียงดังตูมใหญ่ ไม่นานนักกาญก็เริ่มมองเห็นเรือลำเล็กกำลังพายตรงมายังที่เขายืนอยู่
กาญยืนรออย่างใจจดใจจ่อ และก่อนที่เรือลำนั้นจะใกล้เข้ามา เขาก็ต้องเซถลาด้วยมีอะไรบางอย่างปะทะตัวเขาเข้ามาอย่างแรง
“ตุ้บ!” กาญล้มลงกับพื้นและสิ่งหนึ่งที่เขามองเห็นหลังจากกระแทกกับพื้นนั่นก็คือลูกธนูที่พุ่งลงพื้นบริเวณที่เขายืนอยู่ และเสียงลูกธนูพุ่งหวือผ่าอากาศอีกจำนวนมากก็ตามมา
“ฟิ้ว!....ปึก! ฟิ้ว!....ปึก! ฟิ้ว!...ปึก!” ลูกธนูที่พุ่งลงปักพื้นหลายดอกไล่เลี่ยกันทำให้กาญถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ และคิดอยู่ในใจว่าถ้าเขายืนอยู่ตรงนั้นจะเกิดอะไรขึ้น กาญพยายามมองหาว่าใครกันที่เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ก่อนที่เขาจะคิดทำอะไรต่อไปกาญก็ถูกใครคนหนึ่งทั้งฉุดทั้งลากพาเขาไปหลบที่หลังก้อนหินใหญ่บริเวณชายหาดนั้นเอง
“หมอบลง” เสียงพูดอย่างแผ่วเบาแต่แข็งกร้าวเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย กาญทำตามคำสั่งชายลึกลับคนนั้นอย่างว่าง่าย ในขณะที่สายตาก็เหลือบมองชายลึกลับที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ซึ่งขณะนี้เขากำลังง้างคันธนูเล็งไปที่เป้าหมายที่อยู่เบื้องหน้า กาญเหลือบไปเห็นที่ปลายคันธนูมีวัตถุบางอย่างมัดอยู่รูปร่างของมันคล้ายกับประทัดที่เขาเคยเล่นเมื่อวัยเด็กแต่มันมีขนาดใหญ่กว่ามากและเมื่อชายลึกลับปล่อยลูกธนูออกไปไม่กี่อึดใจเสียงระเบิดตูมใหญ่ก็ดังสนั่นไปทั่ว
“ตูม!” เรือเล็กที่กำลังแล่นเข้ามา กลายสภาพเป็นเศษไม้กระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง กาญถึงกับทำตาโตอีกครั้งเมื่อเห็นภาพระเบิดจากธนูไม้ไผ่ธรรมดาซึ่งแน่นอนว่ากาญไม่เคยเห็นแบบนี้ที่ไหนมาก่อน
“คงหยุดมันได้สักพัก” ชายลึกลับพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะหันมาหากาญ
“ไปกันเถิด...เราอยู่ตรงนี้นานไม่ได้...พวกมันกำลังลงเรือมา ข้ามีลูกธนูเพลิงอยู่แค่ลูกเดียวเท่านั้น” ชายลึกลับฉุดมือกาญให้ลุกขึ้น
“เดี๋ยวก่อน....จะพาผมไปไหน?” กาญยื้อมือเอาไว้ ชายลึกลับหยุดกึกและหันมามองกาญด้วยดวงอันแข็งกร้าว
“ข้าจะพาเจ้าไปในที่ปลอดภัย...หรือเจ้าอยากจะตายอยู่ตรงนี้เล่า” ชายลึกลับตะคอกใส่กาญเบาๆแต่เต็มไปด้วยความแข็งกร้าว
“ฟิ้ว!.....ปึก!” ชายลึกลับพูดยังไม่ทันขาดคำ ลูกธนูอันแหลมคมก็พุ่งใส่ชายเสื้อของกาญผ่านสีข้างของเขาไปนิดเดียวก่อนที่มันจะทะลุลงปักกับพื้นดิน
“เฮ้ย!” กาญอุทานออกมา ยังไม่ทันหายตกใจ กาญก็กระเด็นล้มลงกับพื้นก้นจ้ำเมื่อชายลึกลับผลักเขาให้พ้นจากวิถีของลูกธนูที่พุ่งเข้ามา
“เจ้าอยากตายอยู่ที่นี่หรือเยี่ยงไร... ตามข้ามาเร็ว” พูดจบชายลึกลับก็วิ่งเข้าไปฉุดแขนของกาญอีก คราวนี้กาญปล่อยเลยตามเลยวิ่งตามชายลึกลับไปก่อนเพื่อให้พ้นจากวิถีของลูกธนูนั้น
“เดี๋ยวพี่ชาย จะพาผมไปไหน...เกิดอะไรขึ้น...แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” ในระหว่างที่วิ่งไปกาญก็พยายามถามชายลึกลับต่อไป
“ไปก่อนเถิด...บัดเดี๋ยวค่อยซัก” ชายลึกลับคนนั้นไม่สนใจฉุดมือกาญวิ่งเลาะไปตามโขดหินน้อยใหญ่หายเข้าป่าไป
บนเรือสำเภาใหญ่ กำลังไพล่พลบนเรือหลายคนกำลังสาระวนหยิบอาวุธพากันลงเรือเล็ก แต่ละคนแต่งกายคล้ายกับพวกนินจา บนหัวเรือใครคนหนึ่งกำลังใช้กล้องส่องทางไกลมองหาอะไรบางอย่างอยู่บนพื้นดินเบื้องหน้า
“ท่านนายพลนาซี...มีคนมาช่วยมันหนีไปได้” เสียงแหบแห้งเล็กแหลมของชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าแหลมและเหี่ยวย่น ผมขาวทั้งหัว หนวดเครายาวปะปลายและมีรูปร่างเล็กหลังค่อม
ทั้งตัวของเขาห่อคลุมด้วยผ้าสีดำทั้งผืนในมือถือไม้เท้าค้ำยัน ยืนอยู่ด้านหลังชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าสี่เหลี่ยมหนวดเครารกรุงรัง โดยรวมแล้วน่าตาของเขาช่างดูโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ การแต่งกายของเขาบ่งบอกให้รู้ว่าชายคนนี้คือผู้บัญชาการเรือลำนี้อย่างแน่นอน นายพลนาซีหรือผู้บัญชาการเรือ ค่อยๆลดกล้องส่องทางไกลลง
“ข้าเห็นแล้ว ท่านโยคี” นายพลนาซีกัปตันเรือหันหน้ามาทางโยคีเฒ่า ด้วยสีหน้าอันเย็นชา
“นาชิโร่” นายพลนาซีกัปตันเรือหันมาทางนายกองนาชิโร่ซามูไรชาวญี่ปุ่นที่ยืนถัดไปจากโยคีเฒ่า
“ขอรับท่านนายพลฯ” นายกองนาชิโร่ตอบรับอย่างแข็งขัน
“เจ้าจงนำกำลัง ไปตามล่าไอ้เด็กหนุ่มคนนั้นมาให้ได้” นายพลนาซีออกคำสั่ง
“ขอรับท่านนายพลฯ” นายกองนาชิโร่ซามูไรชาวญี่ปุ่นปฏิบัติตามคำสั่งนายพลนาซีกัปตันเรือทันที
ชายลึกลับพากาญวิ่งลัดเลาะไปตามโขดหินน้อยใหญ่ ผ่านเขตป่าโปร่งมีต้นไม้ขึ้นปะปลาย และเมื่อวิ่งไปเรื่อยๆเขารู้สึกว่าต้นไม้มันเริ่มเยอะมากขึ้นเรื่อยๆจนรกทึบมองแทบไม่เห็นดวงอาทิตย์เลยทีเดียว ไม่นานนักชายลึกลับคนนั้นก็พากาญมาหยุดพักที่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เมื่อเขาเห็นว่าน่าจะปลอดภัยแล้ว
“พี่ชาย...นี่มันมันเกิดอะไรขึ้น?” กาญเปิดฉากถามทันทีที่หยุดวิ่งสายตาก็พลอยพิจารณาการแต่งกายของเขาไปด้วย ชายลึกลับแต่งตัวราวกับคนในสมัยโบราณผมยาวถูกรวบถักเปียเก็บไว้ เขาสวมเสื้อแขนกุดผ่าหน้าอกและกางเกงผ้าสีดำขายาวที่ถูกมันตึงให้แน่นกระชับด้วยเชือกป่านรองเท้าที่ทำจากหนังสัตว์ถักทับด้วยเชือกหวายประหนึ่งนักรบในสมัยโบราณกาล เสื้อด้านหน้าผ่าออกเผยให้เห็นรอยสักรูปเสือเผ่น สายประคดรัดแขนทั้งสองข้างมัดกล้ามที่ใหญ่โตดูแล้วช่างเกรงขามยิ่งนัก
“ข้ามีคำสั่งมาให้มารับตัวเจ้า” ขณะที่ตอบชายลึกลับก็ยังกวาดสายตาไปทั่วอาณาบริเวณ ประหนึ่งสุนัขป่าที่กำลังระวังภัย กาญขมวดคิ้วเข้าหากันแสดงถึงความงุนงงจนบอกไม่ถูก
“มารับตัว...ยังไงครับ...ผมงงไปหมดแล้ว” กาญถามต่อ ชายลึกลับเห็นสีหน้ากาญแสดงความงุนงงอย่างมาก จึงละสายตาจากรอบๆตัวหันมองหน้ากาญอย่างจริงจังก่อนจะพูดขึ้น
“เจ้าคือความหวัง...ของชาวนคร...ท่านดาบสบอกเยี่ยงนั้น แต่พอข้าเห็นเจ้าข้าคิดว่าคราวนี้ท่านดาบสอาจพูดผิดเพี้ยนก็เป็นได้” ชายลึกลับพูดด้วยสีหน้าผิดหวังเมื่อมองมาที่ร่างกายของกาญที่ยังดูเหมือนเพิ่งจะเป็นหนุ่มน้อยขึ้นมาเท่านั้นเอง
“ความหวังของชาวนคร...อะไรกันพี่ชาย...ล้อผมเล่นหรือเปล่า...ตัวผมเองยังหวังอะไรไม่ค่อยได้เลย...แล้วชาวนครอะไรนั่นจะมาหวังอะไรกับผม” กาญทำหน้าสงสัย
“ข้าก็ว่าเยี่ยงนั้น... แต่เพลานี้ข้าไม่มีเวลามาเย้าเล่นกับเจ้าดอก” ชายลึกลับทำเสียงดุก่อนจะเอ่ยต่อ
“ท่านดาบสให้ข้ามารับตัวเจ้า ณ ที่ที่เจ้าปรากฏตัวออกมา...ซึ่งก็คือริมหาดแห่งนั้น” ชายลึกลับพูดจบก็หันไปมองรอบๆ ตัวอีกครั้ง กาญก็ยังแสดงอาการสงสัยอย่างหนัก แต่ฉับพลันในใจก็ฉุกคิดถึงคำพูดของพ่อเขาในความฝันขึ้นมาทันที
”หรือนี่จะเป็นจริงตามที่พ่อพูด ไม่จริงน่า เรากำลังฝันอยู่แน่ๆ” เขารำพึงออกมาเบาๆและยังคิดว่าตัวยังฝันอยู่ก่อนที่จะเอ่ยถามต่อ ชายลึกลับก็ตัดบทเสียก่อน
“เอาล่ะอย่าเพิ่งซักอะไรข้าในเพลานี้เลย เอาไว้เจ้าเจอท่านดาบสแล้วเจ้าอยากจะซักอะไรเจ้าก็ซักได้... เพลานี้ข้าต้องพาเจ้าออกจากพื้นที่ของพวกมันให้ได้เสียก่อน ขืนพวกมันจับตัวข้ากับเจ้าได้มันจะเสียการณ์ใหญ่” และยังไม่ทันที่ชายลึกลับจะพากาญออกไปทางไหน
“ฟิ้ว!....ปึก!” เสียงวัตถุบางอย่างก็พุ่งหวือแหวกอากาศมาปักลงข้างๆเท้ากาญซึ่งวัตถุนั้นก็คือ
“หอก!” กาญอุทานออกมา กาญและชายลึกลับมองหน้ากันก่อนที่ชายลึกลับจะพากาญกระโดดออกจากโขดหิน
“ไป..เร็ว!” ชายลึกลับตะโกนขึ้นพร้อมกับพากาญกระโดดออกมาจากโขดหิน แต่ทั้งสองก็ต้องหยุดกึกทันทีเมื่อภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือ คนป่ากลุ่มหนึ่งยืนถือหอกปลายแหลมหันมาที่พวกเขาทั้งสอง ดวงตาโปนทมึงแสดงถึงความโหดเหี้ยม มันยื่นปลายหอกทำทีจะแทงไม่แทง ชายลึกลับเห็นท่าไม่สู้ดีใช้มือดึงกาญให้มาอยู่ด้านหลังตนเอง ก่อนที่คนป่าคนหนึ่งจะวิ่งถือหอกพุ่งเข้าใส่ เป็นการเปิดฉากการต่อสู้
“ย๊าก!” มันหมายปลายหอกไปที่หน้าอกของชายลึกลับ และก่อนที่ปลายหอกจะพุ่งเข้าใส่หน้าอกของชายลึกลับมันก็ต้องดีดกลับใส่หน้าของคนป่า ด้วยการเตะเสยอย่างแรงเข้าที่ปลายหอกนั้น
“เปรี๊ยะ!” เสียงปลายหอกปะทะใบหน้าทำเอาคนป่าหงายหลังสลบเหมือดทันที กาญยืนมองดูอยู่ข้างหลังก็อดอึ้งกับภาพที่เห็นไม่ได้ ชายลึกลับใช้เท้าดีดด้ามหอกขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนที่คนป่าที่เหลือจะกรูกันเข้ามา พวกมันใช้จังหวะจ้วงแทงหอกเข้าใส่ชายลึกลับอย่างไม่ยั้งแต่ก็ไม่สามารถแทงหอกให้โดนชายลึกลับได้ด้วยลีลาการหลบหลีกอย่างแคล่วคล่องว่องไว
และเมื่อได้จังหวะพวกคนป่าก็โดนหอกฟาดเข้าใส่กันคนละทีสองที พวกมันเริ่มจะรู้แล้วว่ามันไม่ได้สู้อยู่กับคนธรรมดาเสียแล้ว พวกมันพยายามตีวงล้อมเข้ามาใหม่โดยครั้งนี้มันเริ่มหมายตามาที่กาญ ที่อยู่ด้านหลังชายลึกลับบ้างแล้ว
และเป็นอย่างที่คิด คนป่าสี่คนวิ่งเข้าใส่ชายลึกลับพร้อมๆกัน เพื่อไม่ให้มีโอกาสปกป้องกาญในขณะที่คนป่าอีกสองคนวิ่งถือหอกเข้าใส่กาญจากทางด้านข้าง ชายลึกลับเห็นดังนั้นก็ใช้เท้าถีบไปทางด้านหลังในขณะที่ฟาดหอกเข้าใส่คนป่าสี่คนที่วิ่งเข้ามาทางด้านหน้า
กาญหงายหลังหลบเท้าของชายลึกลับก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนป่าทั้งสองคนวิ่งเข้ามาพอดีทำให้ปลายหอกของพวกมันทั้งสองพุ่งเข้าหากันเอง
“ฉึก! ฉึก!” ร่างของคนป่าทั้งสองยืนคาปลายหอกที่ปักอยู่ตรงหน้าอกของพวกมันเอง กาญรีบม้วนหลังแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็วชายลึกลับถอยหลังเข้ามาหากาญในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่พวกคนป่าที่เหลือ ซึ่งตอนนี้พวกมันก็เริ่มจะระวังตัวมากขึ้นและค่อยๆก้าวเข้ามาหาเขาทั้งสองอย่างช้าๆ ยังพอมีเวลาให้ชายลึกลับถอดคันธนูและซองลูกธนูออกจากการสะพายแล่งก่อนจะยื่นให้กาญ
“เจ้าใช้เป็นหรือเปล่า” ชายลึกลับเอ่ยถาม กาญเมื่อเห็นธนูคันเขื่องก็ถึงกับสะดุ้งเล็กๆก่อนจะรับมาอย่างปฏิเสธไม่ได้
“ครับ... ลองดูก็ได้ครับ” กาญรับคันธนูมาจากชายลึกลับอย่างเกร็งๆแม้เขาจะไม่เคยใช้ธนูในการต่อสู้ถึงขั้นเอาเป็นเอาตายแต่เขาก็เคยเล่น ไล่ยิงธนูกับเรในสมัยเด็กๆซึ่งกาญก็พอรู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไรกับคันธนูที่เพิ่งรับมานี้ กาญกระชับคันธนูให้เข้ากับมือหยิบลูกธนูออกมาจากซองซึ่งบัดนี้เขาได้สะพายแล่งไว้ด้านหลังเรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนที่กาญจะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น
“ระวัง!” ชายลึกลับเบิกตากว้างเมื่อเห็นอะไรบางอย่างพุ่งออกมาจากทางด้านหลังกาญ เสียงตะโกนนั่นเป็นเหมือนสัญญาณให้กาญรู้ว่าเขาต้องก้มตัวหลบจากอะไรก็ตามที่พุ่งมาจากด้านหลัง ชายลึกลับง้างแขนออกจนสุดพุ่งหอกในมือเข้าใส่วัตถุที่พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ทันที
“ฉึก!” เสียงปลายหอกทะลวงเข้าก้อนเนื้ออย่างจัง
“แฮ่ก” มันพุ่งเข้าเป้าหมายอย่างแม่นยำและร่วงลงมากระแทกพื้นก่อนที่จะถึงตัวกาญและภาพที่ปรากฏต่อสายตาก็คือ
“หมาป่า!” กาญอุทานออกมา มันเป็นหมาป่าที่มีขนาดใหญ่มากซึ่งขณะนี้มันนอนแยกเขี้ยวยาวลิ้นห้อยออกจากปากตายคาที่ คาดว่าปลายหอกคงพุ่งเข้าเสียบหัวใจของมันพอดี
“เจ้าต้องระวังหลังให้มากกว่านี้” ชายลึกลับเอ่ยขึ้น ในขณะนั้นคนป่าที่เหลืออยู่เห็นทีได้โอกาสเมื่อเห็นชายลึกลับหันหลังให้ พวกมันพากันพุ่งหอกเข้าใส่ชายลึกลับพร้อมกันทันที
“ย๊าก!” ไม่ทันที่ชายลึกลับจะได้ทันตั้งตัวและเขาคงไม่สามารถหลบปลายหอกที่พุ่งเข้ามาพร้อมๆกันได้
“ตุ๊บ!ๆ ๆ ๆ” และไม่พลาดเป้าปลายหอกพุ่งเข้าใส่หลังชายลึกลับทั้งสี่เล่ม ชายลึกลับทำสีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดเซถลามาหากาญด้วยแรงหอก กาญอ้าปากค้างตกใจสุดขีด
“ยิงมัน!” ชายลึกลับตะโกนขึ้น กาญทำอะไรแทบไม่ถูกมองมาที่คันธนูก่อนจะยกขึ้นเล็งไปที่คนป่าอย่างรวดเร็ว
“ย๊ากกกก” กาญง้างคันธนูปล่อยลูกออกไปอย่างรวดเร็ว
“ฟิ้ว! ปึก!” ลูกธนูไม่พลาดเป้า มันพุ่งเข้าหน้าอกคนป่าทั้งสี่ หงายหลังไปทีละคนอย่างรวดเร็ว ไม่น่าเชื่อเลยว่ากาญจะสามารถยิงธนูได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำถึงเพียงนี้ ทั้งทีเขาเพิ่งจะจับมันเป็นเพียงครั้งแรก แต่ในเวลานี้กาญไม่ได้สนใจมันมากไปกว่าชายลึกลับที่นอนล้มอยู่เบื้องหน้าของเขา
“พี่ชาย... เป็นอะไรมากหรือเปล่า” กาญรีบเข้าไปพยุงชายลึกลับและสอบถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร” ชายลึกลับตอบกลับมาก่อนจะทำท่าแอ่นหน้าแอ่นหลัง กาญรีบดูที่แผ่นหลังของชายลึกลับทันที
“เป็นไปได้อย่างไร... ไม่เห็นมีแผลสักนิดเดียว” กาญอุทานออกมาพร้อมกับเอามือเปิดเสื้อดูที่แผ่นหลังของชายลึกลับ เขาไม่พบบาดแผลใดๆ นอกเสียจากรอยฟกช้ำเป็นจ้ำๆสี่รอย
“เฮ้ย! ข้าบอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไรสิ” ชายลึกลับทำท่ารำคาญดึงมือกาญออกจากเสื้อของเขาก่อนจะพูดต่อ
“ขอบใจเจ้าที่เป็นห่วง...ข้าแค่จุกเสียดนิดหน่อยเท่านั้น” พูดจบชายลึกลับก็ลุกขึ้นและเดินไปดูซากศพหมาป่าตัวนั้นทันทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับแผ่นหลังของเขา กาญมองตามตาไม่กระพริบและอดแปลกใจกับภาพที่เห็นไม่ได้ กาญหันไปมองหอกทั้งสี่เล่มและหยิบมันขึ้นมาดู เขาลองลูบไปที่ปลายหอกก่อนจะรำพึงออกมาเบาๆ
“ก็มันคมนี่นา...อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่าหนังเหนียว” กาญเดินตรงไปที่ชายลึกลับซึ่งขณะนี้เขากำลังพินิจพิจารณาซากหมาป่าตัวนั้นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดก่อนจะหันมาหากาญ
“นี่คือหมาป่าตามรอยของพวกมัน” พูดจบชายลึกลับเพ่งมองสายตาไปตามแนวป่า
“หมาป่าตามรอย!” กาญอุทานออกมาเบาๆ
“ใช่... และเพลานี้มันกำลังตามรอยเรามา... รีบไปกันเถิด” ชายลึกลับพูดจบก็ก้มตัวลงเก็บหอกขึ้นมาหนึ่งเล่มและก่อนจะออกวิ่ง
“เดี๋ยว!พี่ชาย” กาญเรียกชายลึกลับเขาหยุดกึกและหันมาหากาญ กาญจึงยื่นคันธนูคืนให้
“เจ้าเก็บไว้ก่อนเถิด... ฝีมือการยิงธนูของเจ้าก็ไม่เบานี่” พูดจบชายลึกลับก็มองไปที่คนป่าทั้งสี่คนแต่ละคนมีลูกธนูปักอยู่ที่หน้าอกนอนสงบนิ่งอยู่บริเวณนั้น
“ข้าใช้ไอ้นี่ ก็พอ” ชายลึกลับยกหอกในมือให้กาญดู
“พี่ชาย คนป่าพวกนี้มันเป็นใครกัน...แล้วทำไมต้องทำร้ายเราด้วย” กาญเอ่ยถามในขณะสายตากวาดมองไปที่พวกคนป่าที่นอนตายบ้างสลบบ้าง
“ไอ้พวกนี้คงเป็นพวกลาดตระเวนของพวกมัน... บังเอิญมาเจอเราเข้า” ชายลึกลับตอบเสร็จก็กวาดสายตามองตามกาญ และก่อนที่กาญจะเอ่ยถามต่อก็ถูกตัดบทเสียก่อน
“ไปกันเร็ว! เราอยู่ตรงนี้นานไม่ได้” ชายลึกลับพูดจบก็ออกวิ่งนำหน้ากาญ
“เดี๋ยวพี่ชาย” กาญเอ่ยออกมาในขณะที่ออกวิ่งตาม
“อะไรของเจ้าอีก”
“พี่ชายชื่ออะไร” ชายลึกลับหยุด ก่อนจะตอบออกมา
“ทุกคนเรียกข้าว่า...ขุนพัน” ชายลึกลับตอบมาโดยที่ไม่ได้หันหลังกลับมาหากาญและเมื่อตอบเสร็จเขาออกวิ่งต่อทันที
“ผมชื่อ..กาญครับ ขุนพัน” กาญตะโกนออกไปบ้าง
“ข้ารู้” ชายลึกลับตอบกลับมา กาญขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาสงสัยอยู่เต็มหัวใจว่าขุนพันรู้ได้อย่างไรในขณะที่ขาก็วิ่งตามขุนพันไปติดๆและก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่า
“...ทำไมเราฝันเหมือนจริงขนาดนี้วะ...” กาญรำพึงออกมาเบาๆและก็คิดอยู่ในใจเสมอว่าเขากำลังฝันอยู่
……………………………………………………………
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ