Friendship กูเมะ มึงเมะ แล้วใครจะเคะวะ!? [ํYaoi]
-
เขียนโดย Nice40
วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.51 น.
3 chapter
1 วิจารณ์
11.42K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557 23.51 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) FS03 : Show about...
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความFS3: Show about…
Martin’s part.
[In his dream]
สวัสดีฮะ J
ผมชื่อมาร์ติน ตอนนี้ผมอายุเพียงแค่เจ็ดขวบ ผมเป็นเด็กชายตัวเล็ก ขาวและมีหุ่นผอมแห้งคนนึง ที่มักจะถูกเพื่อนรังแกอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากผมค่อนข้างจะอ่อนแอ สู้ไม่เป็น เวลาใครมารังแก ผมก็ตอบโต้ไม่ได้ ก็ผมกลัวนี่น่า เด็กพวกนั้นทั้งตัวใหญ่ ทั้งน่ากลัว อ๊ะ! ลืมบอกไปว่าผมกำลังนั่งรถมาโรงเรียนฮะ
ผมถูกรังแกแบบนี้มาตั้งแต่ตอนย้ายมาเรียนที่นี่วันแรกเลยล่ะครับ ฮ่ะๆ เจ๋งสุดๆ เลยว่าไหมครับ J
คุณพ่อกับคุณแม่ของผมท่านไม่ทราบเรื่องที่ผมถูกรังแกหรอกครับ ท่านเอาแต่ทำงาน ทำงาน ทำงาน แล้วก็ทำงาน จนผมแทบจะคิดไปแล้วว่าตัวเองมีพ่อมีแม่รึเปล่า =_=
แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมต้องเตรียมใจรับมือรับเท้าของพวกที่กำลังเดินมารีดไถเงินกับผม หลังจากที่ผมเดินลงจากรถแล้ว ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปในโรงเรียน
พระเจ้า! ช่วยผมด้วยครับ ผมเบื่อที่จะถูกรังแกแล้ว ผมไม่อยากถูกรังแกอีกแล้ว >O<
ผมได้แต่ภาวนาในใจ ทั้งๆ ที่เท้ายังคงเดินไปเรื่อยๆ ตามหน้าที่ของมัน ผมไม่สนใจที่จะมองไปที่ไหนนอกจากเท้าตัวเอง ผมกลัวฮะ กลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว ><
หมับ!
กึก!
จนได้! พวกมันตามมาทันจนได้
“ไง ไอ้คุณหนูเงินล้าน วันนี้เอาตังค์มาเท่าไหร่ เอามาให้ฉันดูดิ” ไอ้หัวโจกมันจับคอเสื้อผมดึงขึ้น นั่นทำให้ผมเกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาฉับพลัน มะ...มันดึงข้อเสื้อผม แถมยังล้วงกระเป๋ากางเกงผมอีกด้วย
“อะไรวะ สองร้อยเองเหรอ ทำไมวันนี้เอามาน้อยจังวะ!?” ไอ้คนเดิมมันตะคอกใส่หน้าผม ฮึก! ผมกลัวแล้วครับ TOT
“มะ...แม่เราให้แค่นี้” ผมก้มหน้าก้มตาตอบมันทั้งๆ ที่ยังหลับหูหลับตาอยู่
“แกมันไอ้ลูกคุณหนูอ่อนแอ! ไอ้อ่อนเอ๊ย!”
“แกก็ดีแต่ขู่ทำร้ายคนไม่มีทางสู้นั่นแหละ!”
เฮ้ย! ผมเปล่าพูดนะ ประโยคเมื่อครู่ผมไม่ใช่คนพูดนะ >///<
“ติน ติน ติน ไอ้เชี่ยยตีนนนนนน!”
“อื้อ”
ผมครางในลำคอด้วยความขัดใจทันทีที่ได้ยินเสียงของใครบางคนดังข้างหู ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาอย่างขัดใจ แต่ด้วยบาดแผลและรอยช้ำตามตัว ทำให้ผมได้แต่กัดฟันลุกขึ้นด้วยความงัวเงีย
“ข้าวต้มอยู่ในหม้อ หากินเองนะ วันนี้กูมีนัดกับน้องรหัส เดี๋ยวเย็นๆ คงกลับ อ่อ แล้วถ้ามึงเหมือนใกล้จะตาย โทรหาป่อเต็กตึ๊งมารับศพเลยนะ เดี๋ยวกูตามไปรับศพ ฮ่าๆ”
“ไอ้เวร แช่งให้กูตายแต่เช้า”
ผมผลักไหล่ไอ้แทนเบาๆ ส่วนเจ้าตัวมันก็ได้แต่ฉีกยิ้มกว้างจนจะถึงหูอยู่แล้วนั่น
“กูล้อเล่นน่า เออ เดี๋ยวกูไปแล้วนะ สายแล้ว เดี๋ยวเด็กแม่งงอแง” ไอ้แทนตีหน้าแบ๊วใส่ผม คล้ายๆ กับว่าล้อเลียนท่าทางน้องรหัสของมัน
“จะไปไหนก็ไปเลย ไอ้บ้าเอ้ย!” ผมว่า ก่อนจะล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม ส่วนไอ้แทนก็เดินผิวปากออกไป ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงปิดประตู ทำให้ผมแน่ใจว่ามันออกจากห้องแล้ว
ความฝันเมื่อคืนนี้มันคืออะไรกัน...
ผมว่ามันไม่ใช่ความฝันแน่นอน ถ้าเป็นความฝัน มันจะต้องเอาความทรงจำวัยเด็กของผมมาฉายแน่ และผมรู้ว่าใครคือคนที่มาช่วยเด็กอ่อนแออย่างผมในวันนั้น ผมรู้ว่าคุณๆ ก็เดาออก
ใช่ เด็กผู้ชายอีกคนที่มาปกป้องผมจากพวกเด็กเกเรพวกนั้น ก็คือ ไอ้แทน
นั่นแหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมเวลาผมมีเรื่องกับใคร ผมต้องหมดสภาพแบบนี้ตลอด หึๆ ผมมันตัวใหญ่เปล่าๆ แต่กลับปกป้องไอ้แทนไม่ได้เลยสักอย่าง มีแต่มันที่คอยปกป้องผม เพราะเหตุนี้ไง ผมถึงทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ตอบแทนมัน
ผมอยากดูแลมันบ้าง ไม่ใช่ให้มันมาดูแลผมตลอดแบบนี้ บ้าที่สุด!
Tan’s part.
“เฮียๆ ผมต้องทำยังไงบ้าง เวลาเจอหน้ามายด์อ่ะ โอ๊ย! ตื่นเต้น”
ผมกรอกตาขึ้นฟ้าด้วยความรำคาญ นี่ผมไม่อยากจะบอกเลยนะว่า ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้างแห่งนี้ ไอ้เด็กนี่มันยังไม่หยุดพูดเลย แม่ง...กูหนวกหู =_=
“เฮียจับมือผมดูดิ แบบเย็นโคตรใช่ป่ะ” คาราเมลถือวิสาสะจับมือผมไปจับมือตัวเอง เอิ่ม...คือผมไม่รู้ว่าเด็กมันตั้งใจจะให้ผมสัมผัสความเย็นในมือมันหรือให้ผมสัมผัสความนุ่มของมือมันกันแน่! >O<
“ไงเฮีย เย็นมั้ยครับ” คาราเมลเอียงคอพร้อมกับมองหน้าผมด้วยแววตาเป็นประกาย แถมมือที่น้องมันจับผมยังไม่ปล่อยอีกด้วย
คือ...มึงจะน่ารักเกินไปละ! >O<
“อืม” ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เงียบแบบนี้ ทั้งๆ ที่ปกติผมไม่ใช่คนแบบนี้เลยนะ แต่ว่ามันมีเหตุผลบางอย่าง ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ ก็ตอนที่ไอ้เด็กนี่ไปเปิดประตูรถให้ผมที่ลานจอดรถ มันโคตรอยู่ในมุมเลย อารมณ์ประมาณว่าทำให้ผมใจสั่นเล็กๆ กับผิวขาวอมชมพูของมัน แก้มสีเรื่อกับริมฝีปากบางแดงๆ แถมยังตัวเล็กน่ากอดอีก ไหนจะมือเล็กๆ นุ่มๆ ที่กำลังจับมือผมอยู่นี่อีก
ง่ะ เด็กมันยั่วผมรึเปล่าวะ!?
“เฮ้ย! เฮียเป็นอะไรเนี่ย มองผมตาเยิ้มเชียว ฮั่นแน่ คิดอะไรกับผมป่ะเนี่ย” คาราเมลฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับชี้หน้าผมเชิงหยอกเย้า จะบ้าเหรอ! ผมแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอวะ
ผมเบือนหน้าหนี พร้อมกับปล่อยมือออกจากมือเล็ก พร้อมกับกระแอมไอเบาๆ เพื่อเรียกสติตัวเองกลับมา
“มึงมั่วละ กูแค่กำลังคิดถึงสาวๆ ในฮาเร็มกูต่างหาก โวะ! มั่วชิบ” ผมตีหน้าขรึมใส่มัน ไม่ไหวๆ เสียภาพพจน์หมด
ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมเดินมาถึงร้านอาหารแล้ว ซึ่งคาราเมลบอกว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่มันนัดพบสาว
ไม่อยากจะวิจารณ์อ่านะ แต่โคตรเชย =_= (น้องรหัสกู)
“เฮียแทน วันนี้เฮียดูเงียบๆ นะครับ เฮียไม่สบายรึเปล่า” คาราเมลถือวิสาสะใช้หลังมือมาอังที่หน้าผากผม ผมเลยปัดมือเด็กมันออก พร้อมกับตีคิ้วยุ่ง
“อย่าให้มันมากนัก มึงเป็นน้อง กูเป็นพี่ ท่องไว้บ้างก็ดี”
ผมพูดจบก็เดินไปนั่งโต๊ะที่ทางร้านจัดไว้ให้ทันที ที่ผมทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะอะไรหรอก เพื่อตัวผมเองนี่แหละ ถ้าผมปล่อยให้คาราเมลมาทำแบบนั้นกับผมบ่อยๆ มีหวัง ผมได้มีอะไรกับเด็กนี่จริงๆ แน่
“ผมขอโทษนะเฮีย ผมลืมไป” คาราเมลก้มหน้าสำนึกผิด ก่อนจะหย่อนก้นนั่งเก้าอี้ตรงกันข้ามกับผม
“ช่างเหอะ ว่าแต่...ไหนอ่ะ สาวที่มึงจะมาเดทด้วยอ่ะ” ผมกวาดสายตาหาเป้าหมายที่ว่า
“ใจเย็นสิเฮีย มายด์โทรมาบอกว่ากำลังจะถึงแล้ว” คาราเมลฉีกยิ้มกว้าง ให้ตาย! จะยิ้มแบบนั้นทำไมวะเนี่ย
“เฮียแทน เมลมีอะไรจะบอก” คาราเมลมองผมด้วยแววตาพราวระยับใจทำให้หัวใจของผมอดที่จะเต้นแรงๆ ไม่ได้ เพราะหวั่นไหวกับแววตากลมโตคู่ที่กำลังสบสายตากับผม
“เอ่อ ...ความจริงแล้ว เอ่อ...” คาราเมลพูดตะกุกตะกัก พร้อมกับก้มหน้าลง ราวกับไม่กล้าสบตาผม
“อะไร” ผมบังคับเสียงตัวเองให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้เด็กมันผิดสังเกตว่าผมก็กำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่มันกำลังจะบอกเหมือนกัน
“ที่จริงแล้ว...วันนี้ผมไม่ได้จะมาออกเดทกับคนที่ชื่อมายด์ แต่ผมแค่เอาสาวมาเป็นข้ออ้าง เพียงเพราะผมอยากจะเจอหน้าเฮียเท่านั้นเอง”
ร่างเล็กพูดรัวจนผมฟังแทบไม่ทัน แต่นั้นก็ทำให้ผมถึงกับหลุดยิ้มออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ แต่คาราเมลยังไม่มีท่าทีว่าจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมด้วยซ้ำ
“เฮียอย่าเพิ่งโกรธผมนะ ฟังให้จบก่อน...คือที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะว่าผมชอบเฮียมานานแล้ว ตั้งแต่วันที่รู้ว่าเฮียเป็นพี่รหัสของผม ตะ...แต่ว่า ผมไม่ต้องการให้เฮียชอบผมเหมือนที่ผมชอบเฮียหรอกนะครับ” ประโยคสุดท้ายร่างเล็กเปล่งเสียงออกมาแผ่วเบา แต่นั่นไม่ทำให้การสนทนาของเราขัดข้องแต่อย่างใด ผมอมยิ้มเล็กๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้ผมของคาราเมลเบาๆ
“แล้วทำไมถึงไม่อยากให้พี่ชอบตอบล่ะ” ผมว่าเสียงเบาและเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองใหม่ คาราเมลเงยหน้าขึ้นมามองผมช้าๆ ก่อนจะส่งสายตาที่มีความหมายมายังผม
“ก็เพราะเฮียมีคนที่เฮียรักอยู่แล้วยังไงล่ะ ผมถึงไม่อยากคาดหวังอะไร” คาราเมลก้มหน้าลงราวกับผิดหวัง ผมชักมือกลับ ก่อนจะเชยคางเด็กมันขึ้นมาเพื่อสบตากับผม
“แล้วคนที่พี่รักคือใครล่ะ” ผมมองตาคาราเมลด้วยความรู้สึกพึงพอใจที่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายชอบผม
“กะ...ก็”
“หึๆ ไม่รู้จริงๆ ก็อย่าคิดไปเองสิ” ผมยิ้มบางๆ ให้คาราเมล ส่วนเจ้าตัวก็ได้แต่ยิ้มแหย ก่อนที่ร่างเล็กจะสบตากับผมด้วยสายตามาดมั่น
“เฮีย...ผมชอบเฮียว่ะ”
“...”
“คบกับผมนะครับ”
“O[]O!”
ดะ...เดี๋ยว ที่ผมได้ยินเมื่อกี้คือเรื่องล้อเล่นใช่มั้ย! ผมถูกน้องรหัสตัวเองขอเป็นแฟนเนี่ยนะ!
“ว่าไงครับเฮีย แต่ถ้าเฮียไม่ตกลงก็ไม่เป็นไรครับ ผมเตรียมใจมาแล้ว”
“มะ...ไม่ใช่แบบนั้น คือว่า พี่ดีใจนะที่เราชอบพี่ แต่พี่...ไม่อยากคบใคร พี่กลัวพี่ทำให้เราเสียใจ” ผมว่า ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว ผมไม่อยากเอาคำว่าแฟนมาเป็นตัวผูกมัดผม =_=
“ฮ่าๆ ไม่ต้องตอบรักษาน้ำใจผมหรอกครับ แค่เฮียไม่รังเกลียดผม ผมก็ดีใจแล้ว” คาราเมลฉีกยิ้ม แม้มันจะเป็นรอยยิ้มที่ฝืนมากก็ตาม
“เฮ้ย! อย่ายิ้มแบบนั้นสิ เอางี้ เราอยากจะให้พี่ทำยังไงล่ะ พี่ไม่อยากเสียน้องรหัสที่น่ารักไปหรอกนะ” ผมว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้ผมเด็กมัน
“ผมขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ และได้ดูแลเฮียได้มั้ยครับ”
“J” ผมฉีกยิ้มกว้าง แทนคำตอบ
Rrrr
โทรศัพท์ผมสั่นทำให้ผมหยุดสนทนากับคาราเมล ก่อนจะสไลด์หน้าจอเพื่อรับสาย
“ไง” ผมกรอกเสียงโดยที่สายตายังจ้องมองเจ้าของร่างบางตัวเล็กที่หน้าอยู่ตรงหน้า เด็กบ้านี่มันมีมนต์อะไรรึเปล่า ทำไมผมยิ่งมองผมยิ่งหลง >O<
[เฮ้! ฟังกูบ้างสิ มึงทำอะไรอยู่เนี่ย!] ปลายสายตะโกนจนผมสะดุ้ง อ่ะ! ลืมไปว่าคุยโทรศัพท์อยู่
“เออๆ มีอะไรก็ว่ามา” ผมตอบด้วยความหงุดหงิด ไม่บอกก็รู้ว่าผมกำลังคุยกับไอ้เพื่อนซี้สุดที่เลิฟอยู่
[ก่อนกลับมึงแวะซื้อชุดปฐมพยาบาลมาให้กูด้วยนะ แผลกูมัน...]
“มันเป็นอะไร!” ผมตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ เพราะกลัวไอ้มาร์ตินมันจะเป็นอะไรไป จนทำให้คาราเมลที่นั่งอยู่ตรงหน้าสะดุ้งโหยง
[มันฉีก พอดีกูเดินชนประตูห้องอ่ะ]
“ไอ้ตูดเอ๊ย! โง่แล้วยังซุ่มซ่ามอีก เออๆ รอกูแป๊บนึงนะ”
ผมวางสายมัน ก่อนจะควักเงินวางไว้ที่โต๊ะ แต่ไม่ลืมบอกร่างเล็กที่นั่งมองผมด้วยความสงสัยและอยากรู้
“พี่ต้องกลับแล้ว ไว้ค่อยคุยกันนะ บาย” ผมว่าก่อนรีบเดินออกจากร้านอาหารแห่งทันที
“คนรักของเฮียที่ผมว่า...เขาก็คือคนที่เฮียต้องรีบไปหา โดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะเจ็บมากหรือเจ็บน้อยแค่ไหนคนนั้นยังไงล่ะครับ”
“ไอ้โง่! ประตูมันอยู่ที่เดิม มึงเดินไปชนแม่งทำไมหะ”
“ก็กู...”
“มึงอะไร” ผมกระแทกเสียงด้วยความหงุดหงิด แม่ง...ไอ้โง่!
“กูเล่นคุกกี้รัน แล้ว...”
ป้าบ!
“เชี่ย! ตบหัวกูทำไม โอ๊ย! >_<” ไอ้มาร์ตินส่งเสียงครวญคราง เหอะ! สมควรมั้ยล่ะ ใครบอกให้แม่งเล่นเกมจนไม่ดูหน้าดูหลัง สมน้ำหน้า เจอตบหัวยังน้อยไป L
“ไอ้โง่! เจอแค่นั้นถือว่าน้อยไป ดูแผลมึงดิ ดูม้านนนนนน” มันลากเสียงสูงพลางชี้นิ้วไปที่แผลบริเวณท้องของไอ้ติน ตอนนี้ปากแผลของมันเปิดกว้างมากกว่าเดิมอีก แถมเลือดก็ยังไหลมากกว่าเดินด้วย อารมณ์ประมาณว่า “ฉีกแล้วฉีกอีก” อ่ะครับ
ผมเบ้ปากใส่มัน ก่อนจะทำการราดแอลกอฮอลล์ลงบนแผลของมันอย่างช้าๆ ฮ่าๆ
สะใจโว้ยยยย!!!
งับ!
“อ๊ากกกกกกก ไอ้เชี่ยยยย กูเจ็บ!” ผมร้องจ๊าก เมื่อไอ้ตินมันเกิดบ้าโน้มตัวลงมากัดคอผม
“กูก็แสบ มึงจะแกล้งกูอีกนานมั้ย ถ้าไม่หยุดกูกัดต่อ” มันช้อนตาขึ้นมาถามผม นั่นมันทำให้เอ่อ...หัวใจของผมมันเต้นผิดจังหวะ
“เออๆ กูไม่แกล้งละ แม่ง...กัดมาได้ คอคนนะโว้ย ไม่ใช่คอควาย L” ผมตีหน้ายุ่งพร้อมกับลูบคอตัวเองด้วยความเจ็บปวด ไม่อยากจะบอกเลยว่ามันกัดคอผมอย่างกับเป็นหมา ผมว่าคอผมจะต้องเป็นรอยฟันของไอ้ตินชัวร์ๆ ไอ้เวรเอ๊ย! คอกูเป็นรอยก็เพราะฟันมึงเนี่ย =_=
“ไม่ใช่ก็เกือบใช่”
“ไอ้ติน!”
“กูผิด?” มันตีเซ่อ พร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง กรอดดด~
หมั่นเขี้ยวไอ้ตินจริงโว้ยยย!
งับ!
“แง่ง แง่ง” ผมคำรามในลำคอ
“อ๊ากกกก! ไอ้เชี่ยแทน ปล่อยโว้ย! ปล่อยๆ”
“แง่ง แง่ง” ผมไม่มีทางปล่อยมันหรอกให้มันรู้ซะบ้าง ในเมื่อมึงมาทำรอยบนคอกู มึงก็อย่าได้รอดเหอะ ฮ่าๆ
“แทน กูยอมแล้ว กูยอม ปล่อยเหอะ กูเจ็บ ซี้ดดด!”
>O<
ดูมันครางสิ อ๊าก! ขนลุกว่ะ แต่ทำไมฟังดูแล้ว มัน...เซ็กซี่แปลกๆ >O<
ผมผละออกจากคอไอ้ติน ก่อนจะเช็ดน้ำลายที่มันเลอะปาก แต่ดูสีหน้าไอ้ตินแล้ว ดูมันไม่เห็นเจ็บอย่างที่มันครางเลยอ่ะ =_=
“แหม! ครางซะ =_=” ผมว่าพร้อมกับสายหน้าใส่มัน ไอ้ตินดูมันเอาแต่จ้องหน้าผม ก่อนจะผลักหัวผมเบาๆ
“หึๆ เล่นเป็นเด็กไปได้ รอยของกูบนคอมึง อย่าให้ใครลบนะ”
“ยึ๋ย! ขนลุกว่ะ พูดไรน่ากลัว” ผมลูบแขนด้วยความขยะแขยง แม่ง...ดูคำพูดมันสิครับ หลายรอบแล้วนะ
ชอบเล่นนักนะไอ้คำพูดพวกนี้ หึ! งั้นผมเล่นบ้าง
“ถ้างั้น...รอยของกูรอยนี้ มึงอย่าให้ใครมาทับรอยเด็ดขาดนะ หึๆ”
ผมโน้มตัวลงไปประทับจูบลงบนคอเรียวขาวของไอ้ติน ก่อนจะดูดให้มันเป็นรอย หึๆ ไอ้ตินถึงกับนั่งตัวแข็งเลยทันที
เป็นไงล่ะ เล่นกับใครไม่เล่น ทีผมแกล้งกลับแล้วจะอึ้ง ชอบพูดกับกูจัง ไอ้คำเลี่ยนๆ เนี่ย =_=
ผมผละตัวออกจากตัวของไอ้ตินช้าๆ ก่อนที่เราสองคนจะสบสายตากัน เหมือนกับมีอะไรบางอย่างมาดลใจให้ผม โน้มตัวเข้าหาไอ้ตินอีกครั้ง และ...สายตาของผมก็อดไม่ได้ที่จะมองริมฝีปากหยักได้รูปคู่นั้นของมัน
ใบหน้าของเราสองคนห่างกันเพียงแค่คืบเท่านั้น...
ตึก ตึก ตึก
เสียงหัวใจของผมเต้นแรงจนมันแทบจะทะลุออกมาเต้นอยู่นอกร่างกาย ใบหน้าหล่อของมาร์ตินห่างกับในหน้าของผมเพียงแค่คืบ ลมหายใจอุ่นๆ รดรินบนใบหน้าของกันและกัน
ณ วินาทีนี้ ถึงแม้สมองมันจะสั่งการให้ผมหยุดการกระทำนี้ซะ แต่ทำยังไงได้ ในเมื่อ...
Feel มันพาไป =_=
Rrrr
กึก
ผมชะงักค้างทันทีเมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ตัวเองดังขึ้น
บ้าเอ๊ย! ริมฝีปากจะจรดกันอยู่แล้วเชียว !!!
ผมผละตัวเองออกจากตัวไอ้มาร์ติน ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ตัวปัญหาออกมารับ แม่ง...ขัดจังหวะชิบ L
“ฮัลโหล”
ผมกรอกเสียงด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหันไปสบตากับไอ้ติน ซึ่งตอนนี้มันกำลังจ้องผมด้วยสายตาอ่านยาก
ผมไม่รู้สิ ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงต้องทำแบบนั้น แล้วตอนนี้...ไอ้ตินมันจะรู้สึกยังไง มันจะเกลียดผมมั้ย
ผมมองหน้ามันด้วยความรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้น ให้ตายเหอะ! ผมน่าจะฟังสมองมากกว่า Feeling
[ไอ้แทนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!]
“หะ...หะ อะไรนะ แม่ง...มึงจะตะโกนทำแป๊ะอะไร โว้!” ผมชักเสียงใส่ปลายสาย ผมไม่รู้หรอกว่าแม่งเป็นใคร แต่แบบ...ผมยังไม่อยากคุยกับใครตอนนี้ ผมอยากเคลียร์กับไอ้มาร์ตินก่อน เพราะตั้งแต่คบกันเป็นเพื่อนมา ผมไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้กับมันเลยสักครั้ง
[มึงก็ฟังกูบ้างดิ ไอ้เวร!]
“เออๆ มีอะไรก็รีบๆ ว่ามา กูไม่ว่าง” ผมขมวดคิ้วมุ่น พอจะนึกได้ลางๆ แล้วว่าปลายสายเป็นใคร
[วันนี้วันขึ้นปีใหม่ช่ะ?]
“เออ! กูขอเนื้อ ไม่ขอน้ำ” ผมว่า
[พรุ่งนี้ก็หยุดไง ไปเที่ยวกันมั้ย กูชวนแก๊งค์เราไปได้เกือบหมดละ เหลือมึงกับไอ้มาร์ติน ไปเปล่า?]
“แป๊บนึงนะ ถามไอ้ตินก่อน” ผมกล่าว ก่อนจะหันไปถามไอ้ติน
“ติน ไอ้มาร์คมันชวนไปเที่ยว ไปเปล่า?”
ไอ้มาร์ตินไม่ตอบ มันเอาแต่มองหน้าผม ก่อนมันจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มึงจะไปป่ะล่ะ ถ้ามึงไปกูก็ไป” มันตอบเสียงเนือยๆ พร้อมกับก้มมองแผลตัวเอง
“อัพทูกูอีกละ =_=” ผมเกาหัวแกรกๆ
ก็นะ ถ้าเป็นเรื่องตัดสินใจอะไร ไอ้ตินมันจะให้ผมตัดสินใจหมด ยกเว้นเรื่องบางเรื่องที่มันทำเองอ่านะ (?)
“ฮัลโหลมาร์ค” ผมกลับมาคุยกับไอ้มาร์คที่ถือสายรออยู่อีกครั้ง
[ไง ได้คำตอบยัง]
“อืม ตกลง แต่นอกจากกูกับไอ้ตินแล้ว กูขอเพิ่มผู้โดยสารอีกคนนึงแล้วกัน...หึๆ”
.................................................................................................
ใครฟินกับตอนหลังบ้าง ขอเสียงหน่อยจ้า ฮ่าๆ เขียนไปยิ้มไป เขียนไป พร้อมกับสับสนว่าใครจะเคะใครจะเมะกันแน่ บ่องตง ไรท์ก็เริ่มงงละ ฮ่าๆๆ
ตามตอนต่อไปด้วยนะคะ ไปแอ่วเหนือกันเจ้า รับรองมีอะไรสนุกๆ ให้ดูเยอะเลยจ้า ^O^
ปล.ขอโทษที่มาส่งเลทนิดนึง บังเอิญว่าไรท์ลืมดูนาฬิกาอ่ะค่ะ แฮะๆ ให้อภัยเค้าด้วยน้าตัว TOT
ขอบคุณทุกๆ คนนะคะที่ติดตามและคอมเม้นท์
คอมเม้นท์เป้นกำลังใจที่ดีที่สุดเลยล่ะค่ะ ^O^
Martin’s part.
[In his dream]
สวัสดีฮะ J
ผมชื่อมาร์ติน ตอนนี้ผมอายุเพียงแค่เจ็ดขวบ ผมเป็นเด็กชายตัวเล็ก ขาวและมีหุ่นผอมแห้งคนนึง ที่มักจะถูกเพื่อนรังแกอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากผมค่อนข้างจะอ่อนแอ สู้ไม่เป็น เวลาใครมารังแก ผมก็ตอบโต้ไม่ได้ ก็ผมกลัวนี่น่า เด็กพวกนั้นทั้งตัวใหญ่ ทั้งน่ากลัว อ๊ะ! ลืมบอกไปว่าผมกำลังนั่งรถมาโรงเรียนฮะ
ผมถูกรังแกแบบนี้มาตั้งแต่ตอนย้ายมาเรียนที่นี่วันแรกเลยล่ะครับ ฮ่ะๆ เจ๋งสุดๆ เลยว่าไหมครับ J
คุณพ่อกับคุณแม่ของผมท่านไม่ทราบเรื่องที่ผมถูกรังแกหรอกครับ ท่านเอาแต่ทำงาน ทำงาน ทำงาน แล้วก็ทำงาน จนผมแทบจะคิดไปแล้วว่าตัวเองมีพ่อมีแม่รึเปล่า =_=
แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมต้องเตรียมใจรับมือรับเท้าของพวกที่กำลังเดินมารีดไถเงินกับผม หลังจากที่ผมเดินลงจากรถแล้ว ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปในโรงเรียน
พระเจ้า! ช่วยผมด้วยครับ ผมเบื่อที่จะถูกรังแกแล้ว ผมไม่อยากถูกรังแกอีกแล้ว >O<
ผมได้แต่ภาวนาในใจ ทั้งๆ ที่เท้ายังคงเดินไปเรื่อยๆ ตามหน้าที่ของมัน ผมไม่สนใจที่จะมองไปที่ไหนนอกจากเท้าตัวเอง ผมกลัวฮะ กลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว ><
หมับ!
กึก!
จนได้! พวกมันตามมาทันจนได้
“ไง ไอ้คุณหนูเงินล้าน วันนี้เอาตังค์มาเท่าไหร่ เอามาให้ฉันดูดิ” ไอ้หัวโจกมันจับคอเสื้อผมดึงขึ้น นั่นทำให้ผมเกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาฉับพลัน มะ...มันดึงข้อเสื้อผม แถมยังล้วงกระเป๋ากางเกงผมอีกด้วย
“อะไรวะ สองร้อยเองเหรอ ทำไมวันนี้เอามาน้อยจังวะ!?” ไอ้คนเดิมมันตะคอกใส่หน้าผม ฮึก! ผมกลัวแล้วครับ TOT
“มะ...แม่เราให้แค่นี้” ผมก้มหน้าก้มตาตอบมันทั้งๆ ที่ยังหลับหูหลับตาอยู่
“แกมันไอ้ลูกคุณหนูอ่อนแอ! ไอ้อ่อนเอ๊ย!”
“แกก็ดีแต่ขู่ทำร้ายคนไม่มีทางสู้นั่นแหละ!”
เฮ้ย! ผมเปล่าพูดนะ ประโยคเมื่อครู่ผมไม่ใช่คนพูดนะ >///<
“ติน ติน ติน ไอ้เชี่ยยตีนนนนนน!”
“อื้อ”
ผมครางในลำคอด้วยความขัดใจทันทีที่ได้ยินเสียงของใครบางคนดังข้างหู ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาอย่างขัดใจ แต่ด้วยบาดแผลและรอยช้ำตามตัว ทำให้ผมได้แต่กัดฟันลุกขึ้นด้วยความงัวเงีย
“ข้าวต้มอยู่ในหม้อ หากินเองนะ วันนี้กูมีนัดกับน้องรหัส เดี๋ยวเย็นๆ คงกลับ อ่อ แล้วถ้ามึงเหมือนใกล้จะตาย โทรหาป่อเต็กตึ๊งมารับศพเลยนะ เดี๋ยวกูตามไปรับศพ ฮ่าๆ”
“ไอ้เวร แช่งให้กูตายแต่เช้า”
ผมผลักไหล่ไอ้แทนเบาๆ ส่วนเจ้าตัวมันก็ได้แต่ฉีกยิ้มกว้างจนจะถึงหูอยู่แล้วนั่น
“กูล้อเล่นน่า เออ เดี๋ยวกูไปแล้วนะ สายแล้ว เดี๋ยวเด็กแม่งงอแง” ไอ้แทนตีหน้าแบ๊วใส่ผม คล้ายๆ กับว่าล้อเลียนท่าทางน้องรหัสของมัน
“จะไปไหนก็ไปเลย ไอ้บ้าเอ้ย!” ผมว่า ก่อนจะล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม ส่วนไอ้แทนก็เดินผิวปากออกไป ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงปิดประตู ทำให้ผมแน่ใจว่ามันออกจากห้องแล้ว
ความฝันเมื่อคืนนี้มันคืออะไรกัน...
ผมว่ามันไม่ใช่ความฝันแน่นอน ถ้าเป็นความฝัน มันจะต้องเอาความทรงจำวัยเด็กของผมมาฉายแน่ และผมรู้ว่าใครคือคนที่มาช่วยเด็กอ่อนแออย่างผมในวันนั้น ผมรู้ว่าคุณๆ ก็เดาออก
ใช่ เด็กผู้ชายอีกคนที่มาปกป้องผมจากพวกเด็กเกเรพวกนั้น ก็คือ ไอ้แทน
นั่นแหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมเวลาผมมีเรื่องกับใคร ผมต้องหมดสภาพแบบนี้ตลอด หึๆ ผมมันตัวใหญ่เปล่าๆ แต่กลับปกป้องไอ้แทนไม่ได้เลยสักอย่าง มีแต่มันที่คอยปกป้องผม เพราะเหตุนี้ไง ผมถึงทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ตอบแทนมัน
ผมอยากดูแลมันบ้าง ไม่ใช่ให้มันมาดูแลผมตลอดแบบนี้ บ้าที่สุด!
Tan’s part.
“เฮียๆ ผมต้องทำยังไงบ้าง เวลาเจอหน้ามายด์อ่ะ โอ๊ย! ตื่นเต้น”
ผมกรอกตาขึ้นฟ้าด้วยความรำคาญ นี่ผมไม่อยากจะบอกเลยนะว่า ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้างแห่งนี้ ไอ้เด็กนี่มันยังไม่หยุดพูดเลย แม่ง...กูหนวกหู =_=
“เฮียจับมือผมดูดิ แบบเย็นโคตรใช่ป่ะ” คาราเมลถือวิสาสะจับมือผมไปจับมือตัวเอง เอิ่ม...คือผมไม่รู้ว่าเด็กมันตั้งใจจะให้ผมสัมผัสความเย็นในมือมันหรือให้ผมสัมผัสความนุ่มของมือมันกันแน่! >O<
“ไงเฮีย เย็นมั้ยครับ” คาราเมลเอียงคอพร้อมกับมองหน้าผมด้วยแววตาเป็นประกาย แถมมือที่น้องมันจับผมยังไม่ปล่อยอีกด้วย
คือ...มึงจะน่ารักเกินไปละ! >O<
“อืม” ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เงียบแบบนี้ ทั้งๆ ที่ปกติผมไม่ใช่คนแบบนี้เลยนะ แต่ว่ามันมีเหตุผลบางอย่าง ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ ก็ตอนที่ไอ้เด็กนี่ไปเปิดประตูรถให้ผมที่ลานจอดรถ มันโคตรอยู่ในมุมเลย อารมณ์ประมาณว่าทำให้ผมใจสั่นเล็กๆ กับผิวขาวอมชมพูของมัน แก้มสีเรื่อกับริมฝีปากบางแดงๆ แถมยังตัวเล็กน่ากอดอีก ไหนจะมือเล็กๆ นุ่มๆ ที่กำลังจับมือผมอยู่นี่อีก
ง่ะ เด็กมันยั่วผมรึเปล่าวะ!?
“เฮ้ย! เฮียเป็นอะไรเนี่ย มองผมตาเยิ้มเชียว ฮั่นแน่ คิดอะไรกับผมป่ะเนี่ย” คาราเมลฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับชี้หน้าผมเชิงหยอกเย้า จะบ้าเหรอ! ผมแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอวะ
ผมเบือนหน้าหนี พร้อมกับปล่อยมือออกจากมือเล็ก พร้อมกับกระแอมไอเบาๆ เพื่อเรียกสติตัวเองกลับมา
“มึงมั่วละ กูแค่กำลังคิดถึงสาวๆ ในฮาเร็มกูต่างหาก โวะ! มั่วชิบ” ผมตีหน้าขรึมใส่มัน ไม่ไหวๆ เสียภาพพจน์หมด
ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมเดินมาถึงร้านอาหารแล้ว ซึ่งคาราเมลบอกว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่มันนัดพบสาว
ไม่อยากจะวิจารณ์อ่านะ แต่โคตรเชย =_= (น้องรหัสกู)
“เฮียแทน วันนี้เฮียดูเงียบๆ นะครับ เฮียไม่สบายรึเปล่า” คาราเมลถือวิสาสะใช้หลังมือมาอังที่หน้าผากผม ผมเลยปัดมือเด็กมันออก พร้อมกับตีคิ้วยุ่ง
“อย่าให้มันมากนัก มึงเป็นน้อง กูเป็นพี่ ท่องไว้บ้างก็ดี”
ผมพูดจบก็เดินไปนั่งโต๊ะที่ทางร้านจัดไว้ให้ทันที ที่ผมทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะอะไรหรอก เพื่อตัวผมเองนี่แหละ ถ้าผมปล่อยให้คาราเมลมาทำแบบนั้นกับผมบ่อยๆ มีหวัง ผมได้มีอะไรกับเด็กนี่จริงๆ แน่
“ผมขอโทษนะเฮีย ผมลืมไป” คาราเมลก้มหน้าสำนึกผิด ก่อนจะหย่อนก้นนั่งเก้าอี้ตรงกันข้ามกับผม
“ช่างเหอะ ว่าแต่...ไหนอ่ะ สาวที่มึงจะมาเดทด้วยอ่ะ” ผมกวาดสายตาหาเป้าหมายที่ว่า
“ใจเย็นสิเฮีย มายด์โทรมาบอกว่ากำลังจะถึงแล้ว” คาราเมลฉีกยิ้มกว้าง ให้ตาย! จะยิ้มแบบนั้นทำไมวะเนี่ย
“เฮียแทน เมลมีอะไรจะบอก” คาราเมลมองผมด้วยแววตาพราวระยับใจทำให้หัวใจของผมอดที่จะเต้นแรงๆ ไม่ได้ เพราะหวั่นไหวกับแววตากลมโตคู่ที่กำลังสบสายตากับผม
“เอ่อ ...ความจริงแล้ว เอ่อ...” คาราเมลพูดตะกุกตะกัก พร้อมกับก้มหน้าลง ราวกับไม่กล้าสบตาผม
“อะไร” ผมบังคับเสียงตัวเองให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้เด็กมันผิดสังเกตว่าผมก็กำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่มันกำลังจะบอกเหมือนกัน
“ที่จริงแล้ว...วันนี้ผมไม่ได้จะมาออกเดทกับคนที่ชื่อมายด์ แต่ผมแค่เอาสาวมาเป็นข้ออ้าง เพียงเพราะผมอยากจะเจอหน้าเฮียเท่านั้นเอง”
ร่างเล็กพูดรัวจนผมฟังแทบไม่ทัน แต่นั้นก็ทำให้ผมถึงกับหลุดยิ้มออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ แต่คาราเมลยังไม่มีท่าทีว่าจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมด้วยซ้ำ
“เฮียอย่าเพิ่งโกรธผมนะ ฟังให้จบก่อน...คือที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะว่าผมชอบเฮียมานานแล้ว ตั้งแต่วันที่รู้ว่าเฮียเป็นพี่รหัสของผม ตะ...แต่ว่า ผมไม่ต้องการให้เฮียชอบผมเหมือนที่ผมชอบเฮียหรอกนะครับ” ประโยคสุดท้ายร่างเล็กเปล่งเสียงออกมาแผ่วเบา แต่นั่นไม่ทำให้การสนทนาของเราขัดข้องแต่อย่างใด ผมอมยิ้มเล็กๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้ผมของคาราเมลเบาๆ
“แล้วทำไมถึงไม่อยากให้พี่ชอบตอบล่ะ” ผมว่าเสียงเบาและเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองใหม่ คาราเมลเงยหน้าขึ้นมามองผมช้าๆ ก่อนจะส่งสายตาที่มีความหมายมายังผม
“ก็เพราะเฮียมีคนที่เฮียรักอยู่แล้วยังไงล่ะ ผมถึงไม่อยากคาดหวังอะไร” คาราเมลก้มหน้าลงราวกับผิดหวัง ผมชักมือกลับ ก่อนจะเชยคางเด็กมันขึ้นมาเพื่อสบตากับผม
“แล้วคนที่พี่รักคือใครล่ะ” ผมมองตาคาราเมลด้วยความรู้สึกพึงพอใจที่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายชอบผม
“กะ...ก็”
“หึๆ ไม่รู้จริงๆ ก็อย่าคิดไปเองสิ” ผมยิ้มบางๆ ให้คาราเมล ส่วนเจ้าตัวก็ได้แต่ยิ้มแหย ก่อนที่ร่างเล็กจะสบตากับผมด้วยสายตามาดมั่น
“เฮีย...ผมชอบเฮียว่ะ”
“...”
“คบกับผมนะครับ”
“O[]O!”
ดะ...เดี๋ยว ที่ผมได้ยินเมื่อกี้คือเรื่องล้อเล่นใช่มั้ย! ผมถูกน้องรหัสตัวเองขอเป็นแฟนเนี่ยนะ!
“ว่าไงครับเฮีย แต่ถ้าเฮียไม่ตกลงก็ไม่เป็นไรครับ ผมเตรียมใจมาแล้ว”
“มะ...ไม่ใช่แบบนั้น คือว่า พี่ดีใจนะที่เราชอบพี่ แต่พี่...ไม่อยากคบใคร พี่กลัวพี่ทำให้เราเสียใจ” ผมว่า ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว ผมไม่อยากเอาคำว่าแฟนมาเป็นตัวผูกมัดผม =_=
“ฮ่าๆ ไม่ต้องตอบรักษาน้ำใจผมหรอกครับ แค่เฮียไม่รังเกลียดผม ผมก็ดีใจแล้ว” คาราเมลฉีกยิ้ม แม้มันจะเป็นรอยยิ้มที่ฝืนมากก็ตาม
“เฮ้ย! อย่ายิ้มแบบนั้นสิ เอางี้ เราอยากจะให้พี่ทำยังไงล่ะ พี่ไม่อยากเสียน้องรหัสที่น่ารักไปหรอกนะ” ผมว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้ผมเด็กมัน
“ผมขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ และได้ดูแลเฮียได้มั้ยครับ”
“J” ผมฉีกยิ้มกว้าง แทนคำตอบ
Rrrr
โทรศัพท์ผมสั่นทำให้ผมหยุดสนทนากับคาราเมล ก่อนจะสไลด์หน้าจอเพื่อรับสาย
“ไง” ผมกรอกเสียงโดยที่สายตายังจ้องมองเจ้าของร่างบางตัวเล็กที่หน้าอยู่ตรงหน้า เด็กบ้านี่มันมีมนต์อะไรรึเปล่า ทำไมผมยิ่งมองผมยิ่งหลง >O<
[เฮ้! ฟังกูบ้างสิ มึงทำอะไรอยู่เนี่ย!] ปลายสายตะโกนจนผมสะดุ้ง อ่ะ! ลืมไปว่าคุยโทรศัพท์อยู่
“เออๆ มีอะไรก็ว่ามา” ผมตอบด้วยความหงุดหงิด ไม่บอกก็รู้ว่าผมกำลังคุยกับไอ้เพื่อนซี้สุดที่เลิฟอยู่
[ก่อนกลับมึงแวะซื้อชุดปฐมพยาบาลมาให้กูด้วยนะ แผลกูมัน...]
“มันเป็นอะไร!” ผมตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ เพราะกลัวไอ้มาร์ตินมันจะเป็นอะไรไป จนทำให้คาราเมลที่นั่งอยู่ตรงหน้าสะดุ้งโหยง
[มันฉีก พอดีกูเดินชนประตูห้องอ่ะ]
“ไอ้ตูดเอ๊ย! โง่แล้วยังซุ่มซ่ามอีก เออๆ รอกูแป๊บนึงนะ”
ผมวางสายมัน ก่อนจะควักเงินวางไว้ที่โต๊ะ แต่ไม่ลืมบอกร่างเล็กที่นั่งมองผมด้วยความสงสัยและอยากรู้
“พี่ต้องกลับแล้ว ไว้ค่อยคุยกันนะ บาย” ผมว่าก่อนรีบเดินออกจากร้านอาหารแห่งทันที
“คนรักของเฮียที่ผมว่า...เขาก็คือคนที่เฮียต้องรีบไปหา โดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะเจ็บมากหรือเจ็บน้อยแค่ไหนคนนั้นยังไงล่ะครับ”
“ไอ้โง่! ประตูมันอยู่ที่เดิม มึงเดินไปชนแม่งทำไมหะ”
“ก็กู...”
“มึงอะไร” ผมกระแทกเสียงด้วยความหงุดหงิด แม่ง...ไอ้โง่!
“กูเล่นคุกกี้รัน แล้ว...”
ป้าบ!
“เชี่ย! ตบหัวกูทำไม โอ๊ย! >_<” ไอ้มาร์ตินส่งเสียงครวญคราง เหอะ! สมควรมั้ยล่ะ ใครบอกให้แม่งเล่นเกมจนไม่ดูหน้าดูหลัง สมน้ำหน้า เจอตบหัวยังน้อยไป L
“ไอ้โง่! เจอแค่นั้นถือว่าน้อยไป ดูแผลมึงดิ ดูม้านนนนนน” มันลากเสียงสูงพลางชี้นิ้วไปที่แผลบริเวณท้องของไอ้ติน ตอนนี้ปากแผลของมันเปิดกว้างมากกว่าเดิมอีก แถมเลือดก็ยังไหลมากกว่าเดินด้วย อารมณ์ประมาณว่า “ฉีกแล้วฉีกอีก” อ่ะครับ
ผมเบ้ปากใส่มัน ก่อนจะทำการราดแอลกอฮอลล์ลงบนแผลของมันอย่างช้าๆ ฮ่าๆ
สะใจโว้ยยยย!!!
งับ!
“อ๊ากกกกกกก ไอ้เชี่ยยยย กูเจ็บ!” ผมร้องจ๊าก เมื่อไอ้ตินมันเกิดบ้าโน้มตัวลงมากัดคอผม
“กูก็แสบ มึงจะแกล้งกูอีกนานมั้ย ถ้าไม่หยุดกูกัดต่อ” มันช้อนตาขึ้นมาถามผม นั่นมันทำให้เอ่อ...หัวใจของผมมันเต้นผิดจังหวะ
“เออๆ กูไม่แกล้งละ แม่ง...กัดมาได้ คอคนนะโว้ย ไม่ใช่คอควาย L” ผมตีหน้ายุ่งพร้อมกับลูบคอตัวเองด้วยความเจ็บปวด ไม่อยากจะบอกเลยว่ามันกัดคอผมอย่างกับเป็นหมา ผมว่าคอผมจะต้องเป็นรอยฟันของไอ้ตินชัวร์ๆ ไอ้เวรเอ๊ย! คอกูเป็นรอยก็เพราะฟันมึงเนี่ย =_=
“ไม่ใช่ก็เกือบใช่”
“ไอ้ติน!”
“กูผิด?” มันตีเซ่อ พร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง กรอดดด~
หมั่นเขี้ยวไอ้ตินจริงโว้ยยย!
งับ!
“แง่ง แง่ง” ผมคำรามในลำคอ
“อ๊ากกกก! ไอ้เชี่ยแทน ปล่อยโว้ย! ปล่อยๆ”
“แง่ง แง่ง” ผมไม่มีทางปล่อยมันหรอกให้มันรู้ซะบ้าง ในเมื่อมึงมาทำรอยบนคอกู มึงก็อย่าได้รอดเหอะ ฮ่าๆ
“แทน กูยอมแล้ว กูยอม ปล่อยเหอะ กูเจ็บ ซี้ดดด!”
>O<
ดูมันครางสิ อ๊าก! ขนลุกว่ะ แต่ทำไมฟังดูแล้ว มัน...เซ็กซี่แปลกๆ >O<
ผมผละออกจากคอไอ้ติน ก่อนจะเช็ดน้ำลายที่มันเลอะปาก แต่ดูสีหน้าไอ้ตินแล้ว ดูมันไม่เห็นเจ็บอย่างที่มันครางเลยอ่ะ =_=
“แหม! ครางซะ =_=” ผมว่าพร้อมกับสายหน้าใส่มัน ไอ้ตินดูมันเอาแต่จ้องหน้าผม ก่อนจะผลักหัวผมเบาๆ
“หึๆ เล่นเป็นเด็กไปได้ รอยของกูบนคอมึง อย่าให้ใครลบนะ”
“ยึ๋ย! ขนลุกว่ะ พูดไรน่ากลัว” ผมลูบแขนด้วยความขยะแขยง แม่ง...ดูคำพูดมันสิครับ หลายรอบแล้วนะ
ชอบเล่นนักนะไอ้คำพูดพวกนี้ หึ! งั้นผมเล่นบ้าง
“ถ้างั้น...รอยของกูรอยนี้ มึงอย่าให้ใครมาทับรอยเด็ดขาดนะ หึๆ”
ผมโน้มตัวลงไปประทับจูบลงบนคอเรียวขาวของไอ้ติน ก่อนจะดูดให้มันเป็นรอย หึๆ ไอ้ตินถึงกับนั่งตัวแข็งเลยทันที
เป็นไงล่ะ เล่นกับใครไม่เล่น ทีผมแกล้งกลับแล้วจะอึ้ง ชอบพูดกับกูจัง ไอ้คำเลี่ยนๆ เนี่ย =_=
ผมผละตัวออกจากตัวของไอ้ตินช้าๆ ก่อนที่เราสองคนจะสบสายตากัน เหมือนกับมีอะไรบางอย่างมาดลใจให้ผม โน้มตัวเข้าหาไอ้ตินอีกครั้ง และ...สายตาของผมก็อดไม่ได้ที่จะมองริมฝีปากหยักได้รูปคู่นั้นของมัน
ใบหน้าของเราสองคนห่างกันเพียงแค่คืบเท่านั้น...
ตึก ตึก ตึก
เสียงหัวใจของผมเต้นแรงจนมันแทบจะทะลุออกมาเต้นอยู่นอกร่างกาย ใบหน้าหล่อของมาร์ตินห่างกับในหน้าของผมเพียงแค่คืบ ลมหายใจอุ่นๆ รดรินบนใบหน้าของกันและกัน
ณ วินาทีนี้ ถึงแม้สมองมันจะสั่งการให้ผมหยุดการกระทำนี้ซะ แต่ทำยังไงได้ ในเมื่อ...
Feel มันพาไป =_=
Rrrr
กึก
ผมชะงักค้างทันทีเมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ตัวเองดังขึ้น
บ้าเอ๊ย! ริมฝีปากจะจรดกันอยู่แล้วเชียว !!!
ผมผละตัวเองออกจากตัวไอ้มาร์ติน ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ตัวปัญหาออกมารับ แม่ง...ขัดจังหวะชิบ L
“ฮัลโหล”
ผมกรอกเสียงด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหันไปสบตากับไอ้ติน ซึ่งตอนนี้มันกำลังจ้องผมด้วยสายตาอ่านยาก
ผมไม่รู้สิ ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงต้องทำแบบนั้น แล้วตอนนี้...ไอ้ตินมันจะรู้สึกยังไง มันจะเกลียดผมมั้ย
ผมมองหน้ามันด้วยความรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้น ให้ตายเหอะ! ผมน่าจะฟังสมองมากกว่า Feeling
[ไอ้แทนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!]
“หะ...หะ อะไรนะ แม่ง...มึงจะตะโกนทำแป๊ะอะไร โว้!” ผมชักเสียงใส่ปลายสาย ผมไม่รู้หรอกว่าแม่งเป็นใคร แต่แบบ...ผมยังไม่อยากคุยกับใครตอนนี้ ผมอยากเคลียร์กับไอ้มาร์ตินก่อน เพราะตั้งแต่คบกันเป็นเพื่อนมา ผมไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้กับมันเลยสักครั้ง
[มึงก็ฟังกูบ้างดิ ไอ้เวร!]
“เออๆ มีอะไรก็รีบๆ ว่ามา กูไม่ว่าง” ผมขมวดคิ้วมุ่น พอจะนึกได้ลางๆ แล้วว่าปลายสายเป็นใคร
[วันนี้วันขึ้นปีใหม่ช่ะ?]
“เออ! กูขอเนื้อ ไม่ขอน้ำ” ผมว่า
[พรุ่งนี้ก็หยุดไง ไปเที่ยวกันมั้ย กูชวนแก๊งค์เราไปได้เกือบหมดละ เหลือมึงกับไอ้มาร์ติน ไปเปล่า?]
“แป๊บนึงนะ ถามไอ้ตินก่อน” ผมกล่าว ก่อนจะหันไปถามไอ้ติน
“ติน ไอ้มาร์คมันชวนไปเที่ยว ไปเปล่า?”
ไอ้มาร์ตินไม่ตอบ มันเอาแต่มองหน้าผม ก่อนมันจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มึงจะไปป่ะล่ะ ถ้ามึงไปกูก็ไป” มันตอบเสียงเนือยๆ พร้อมกับก้มมองแผลตัวเอง
“อัพทูกูอีกละ =_=” ผมเกาหัวแกรกๆ
ก็นะ ถ้าเป็นเรื่องตัดสินใจอะไร ไอ้ตินมันจะให้ผมตัดสินใจหมด ยกเว้นเรื่องบางเรื่องที่มันทำเองอ่านะ (?)
“ฮัลโหลมาร์ค” ผมกลับมาคุยกับไอ้มาร์คที่ถือสายรออยู่อีกครั้ง
[ไง ได้คำตอบยัง]
“อืม ตกลง แต่นอกจากกูกับไอ้ตินแล้ว กูขอเพิ่มผู้โดยสารอีกคนนึงแล้วกัน...หึๆ”
.................................................................................................
ใครฟินกับตอนหลังบ้าง ขอเสียงหน่อยจ้า ฮ่าๆ เขียนไปยิ้มไป เขียนไป พร้อมกับสับสนว่าใครจะเคะใครจะเมะกันแน่ บ่องตง ไรท์ก็เริ่มงงละ ฮ่าๆๆ
ตามตอนต่อไปด้วยนะคะ ไปแอ่วเหนือกันเจ้า รับรองมีอะไรสนุกๆ ให้ดูเยอะเลยจ้า ^O^
ปล.ขอโทษที่มาส่งเลทนิดนึง บังเอิญว่าไรท์ลืมดูนาฬิกาอ่ะค่ะ แฮะๆ ให้อภัยเค้าด้วยน้าตัว TOT
ขอบคุณทุกๆ คนนะคะที่ติดตามและคอมเม้นท์
คอมเม้นท์เป้นกำลังใจที่ดีที่สุดเลยล่ะค่ะ ^O^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ