Zenteria อาณาจักรมนตรา มายาแห่งหมอก

-

เขียนโดย Dark_Shinigami

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.53 น.

  11 มายา
  1 วิจารณ์
  13.84K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 17.29 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) ผู้ช่วยเหลือ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

มายาที่ 11 ผู้ช่วยเหลือ

“อะไรกัน? มีคนตามมาได้ถึงที่นี่เลยหรอเนี่ย?”โร้คไม่มีทีท่าตกใจ มีเพียงความแปลกใจที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น แต่จากที่เฟเรสเห็น มือหนาก็เอื้อมไปคว้าดาบที่เหน็บอยู่ข้างเอวอย่างระแวดระวัง

“แน่นอน รุ่นน้องที่น่ารักโดนลักพาตัวหายไปต่อหน้าต่อตาทั้งคนนี่นะ”เฟเรสละความสนใจจาก โร้คไปมองหนุ่มที่ขานตัวว่าเป็นรุ่นพี่อีกครั้งหนึ่ง คนตรงหน้าถ้าเขาจำไม่ผิด จากลักษณะหน้าตาและเสียงที่คุ้นหู คือ ราเซียส คานาเรน รุ่นพี่เสนาธิการประจำหอของเขาเอง

แต่ที่บอกว่าต่อหน้าต่อตาหมายความว่ายังไง?

“ว่าแล้วว่าข้าไม่ได้รู้สึกไปเอง”โร้คพึมพำขณะยิ้มกว้างขึ้น “เจ้าเองสินะที่คอยมองเจ้าหนุ่มนี่ตอนอยู่ในอาณาเขตโรงเรียน หืม?”

เด็กหนุ่มผมเทาหัวเราะกับคำถามนั้น ก่อนจะโคลงหัวไปมาอย่างอารมณ์ดี “ไม่รู้สิน้า”

“แต่ยังไงข้าก็คงต้องขอตัวเขาคืนล่ะนะ ได้หรือเปล่าล่ะ?”ราเซียสหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาสีนิลฉายแววคมปลาบขัดกับรอยยิ้มบนใบหน้ากับน้ำเสียงระรื่น

“เสียใจ ข้าคงคืนให้เจ้าไม่ได้ ยังไงงานก็เป็นงาน”

“นี่ข้ามาขอดีๆ ตัวเปล่าๆ เลยนะเนี่ย จะยอมปล่อยไปหน่อยไม่ได้เหรอ?”ราเซียสพยายามต่อรองอย่างสันติ แม้ในใจลึกๆ อยากจะเข้าไปต่อสู้กับคนฝีมือไม่ธรรมดาตรงหน้าเต็มแก่

“ข้าขอยืนยันคำตอบเดิม ข้ายังไม่อยากให้ความน่าเชื่อถือของตัวเองหายไปหรอกนะ”คราวนี้ชายวัยค่อนชรายืดตัวยืนขึ้นประจันหน้ากับราเซียสพร้อมดาบในมือที่เตรียมพร้อม เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นราเซียสที่อยู่นอกอาณาเขตห้องจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเรียกอาวุธของตัวเองออกมาบ้าง

ปืนคู่สีเงินวาวที่ปรากฏขึ้นในมือของรุ่นพี่หนุ่มเรียกเสียงผิวปากวิดวิ้วจากโร้ค ปืนเป็นอาวุธที่น้อยคนจะใช้ เพราะนอกจากกระสุนจะมาจากการบีบอัดพลังเวทบริสุทธิ์ที่ใช้สมาธิสูงแล้ว กระสุนแต่ละลูกนั้นใช้พลังเวทเปลืองเสียยิ่งกว่าเวทมนต์ขั้นต่ำเสียอีก!

“ใช้ของเล่นยากนะ เจ้าน่ะ ไม่เลวทีเดียว”โร้คเอ่ยกึ่งชื่นชมไปในตัว ซึ่งราเซียสทำเพียงยิ้มรับก่อนจะลั่นไกปืนโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว!

“...!!”

ชายร่างบึกเอี้ยวตัวหลบด้วยความเร็วอย่างหวิดหวิว รอยแผลบางปรากฏเป็นทางตามแนวแขนที่เกือบเป็นรู กระสุนเปิดศึกพุ่งเข้าใส่กำแพงเหนือหัวเฟเรสที่นั่งมองอยู่บนพื้นอย่างน่าหวาดเสียวก่อนจะสลายหายไป

นัยน์ตาสีไพลินมองรอยกระสุนเหนือหัวตนอย่างยากลำบาก แต่ตาที่ฉายประกายตกใจนั้นบอกได้ชัดเจนว่าเด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อรอยบุ๋มที่ว่านั้นเฉียดหัวเขาไปไม่ถึงสิบเซนติเมตร!

“...”เฟเรสพูดอะไรไม่ออก แต่ในใจชักไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าจะมาช่วยเขาออกไปหรือมาช่วยฆ่ากันแน่...

“โถ อย่าหลบสิ เดี๋ยวไปโดนรุ่นน้องข้าเข้าจะทำยังไงล่ะ”คนใช้อาวุธปืนกล่าวทำลายความเงียบด้วยท่าทางไม่หยี่ระเหมือนกระสุนเมื่อครู่ไม่ได้เฉียดหัวรุ่นน้องของตัวเองไป

คราวนี้เป็นคราวของโร้คที่ไม่ตอบ เขาเปลี่ยนตัวเองให้เป็นฝ่ายโจมตีก่อน เท้าขยับก้าวเข้าประชิดคนอ่อนวัยกว่าพร้อมดาบเล่มยาวที่เริ่มวาดลวดลาย

‘เคร้ง!’คมดาบเข้าปะทะกับตัวปืนข้างขวาที่ราเซียสยกขึ้นมากัน เสนาธิการหนุ่มปัดดาบออกไปทางด้านขวา ก่อนมือซ้ายจะขยับจ่อปืนยิงทหารรับจ้างในระยะประชิด แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่ออีกฝ่ายละแรงต้านจากดาบเผื่อทิ้งตัวลงหลบกระสุนเวทมนต์ที่เฉี่ยวศีรษะไป

โร้คที่อยู่ด้านล่างกวาดขาหมายจะปัดขาให้อีกฝ่ายล้ม แต่โชคดันไม่เข้าข้างเมื่อเขาลืมกะระยะห่างระหว่างเขากับประตูจนขายาวๆ นั่นกระแทกเข้ากับขอบประตูก่อนจะถึงตัวราเซียสที่ยืนบริเวณธรณีประตู

ราเซียสเบ้หน้าอย่างเจ็บแทนก่อนจะฉวยโอกาสที่ชายผมดำชะงักด้วยความเจ็บกระโดดข้ามเข้าไปหาเฟเรส มือข้างขวายกเตรียมยิงร่างบึกบึนในกรณีที่อีกฝ่ายคิดจะจู่โจมเข้ามา ในขณะที่อีกข้างจ่อยิงโซ่พันธนาการ

“เวทมนต์ใช้ไม่ได้!”เฟเรสรีบเอ่ยเตือน พร้อมๆ กันกับโร้คที่พุ่งเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเยาะด้วยคิดว่าราเซียสไม่รู้อะไร

“ใช้ได้สิ”คำกล่าวพร้อมรอยยิ้มเหนือกว่าทำให้เฟเรสงุนงง และทวีความสับสนเข้าไปอีกเมื่อราเซียสยิงกระสุนสองนัดขึ้นพร้อมกันอย่างไร้ปัญหา นัดแรกพุ่งเข้าใส่โร้คทำให้อีกฝ่ายเสียจังหวะเพื่อหลบคมกระสุน นัดที่สองเข้าขยี้โซ่เหล็กจนแหลก ทำให้เฟเรสสามารถเคลื่อนไหวอย่างอิสระได้อีกครั้งหนึ่ง

“ทำไม..?”เฟเรสถามไม่ทันจบ เจ้าของตาสีดำก็ขัดขึ้นมา “ไว้อธิบายทีหลังนะ คุณรุ่นน้อง ตอนนี้ร่ายเวทวาร์ป*หนีไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่าน่า”

ราเซียสหันกลับไปโรมรันกับโร้คเพื่อยื้อเวลา ในขณะเฟเรสเรียกมอร์เช่ ดาบประจำกายตัวเองออกมาแล้วเริ่มร่ายเวทที่อีกฝ่ายบอก

“ใครจะยอมให้พวกเจ้าหนีไปง่ายๆ กันเล่า!”โร้คกู่ร้องขณะที่รุกโหมหนักใส่เด็กหนุ่มผมสีเทา จนราเซียสต้องเร่งรุ่นน้องของตัวเอง

“...จงพาข้าและบุคคลที่ข้าต้องการไปยังจุดหมายปลายทาง อาเวริอัส วาร์ป!”สิ้นเสียงร่างของเฟเรสและราเซียสก็เรืองแสงสีฟ้าสะอาดก่อนจะค่อยสลายหายไปพร้อมๆ กับคมดาบของโร้คที่ฟาดฟันร่างเลือนหายของราเซียส

ชายร่างบึกที่ถูกทิ้งไว้อดไม่ได้ที่จะขยี้หัวตัวเองอย่างเสียดายปนหงุดหงิด ก่อนจะเก็บดาบแล้วทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิแล้วครุ่นคิด

“ทำไมเจ้าหนุ่มนั่นถึงใช้เวทมนต์ในห้องแห่งนี้ได้กัน?”

 

 

ทางด้านสองหนุ่มปราการเหมันต์ เฟเรสได้วาร์ปพาพวกเขาไปยังสวนด้านหลังปราการเหมันต์เพื่อป้องกันไม่ให้ใครพบเข้า แสงแดดที่กระทบผ่านม่านตาทำให้เฟเรสและราเซียสหยีตาเพื่อปรับสภาพจากห้องมืดๆ สู่สถานที่ที่เต็มไปด้วยความสว่างไสวยามเที่ยงวัน

“เจ้าไม่เป็นไรนะ?”ราเซียสเอ่ยถามขึ้นพลางสำรวจมองคู่สนทนา ซึ่งคำถามที่ว่าทำให้เฟเรสสำรวจตัวเองบ้าง แต่นอกจากหัวโนกับรอยช้ำบริเวณข้อมือแล้วก็ไม่มีบาดแผลอะไร

“ข้าไม่เป็นไร ถ้าไม่นับอาการตกใจกับการที่กระสุนเวทมนต์เฉียดหัว”เฟเรสอดไม่ได้ที่จะแขวะอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ราเซียสที่ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะก่อนจะตบหลังอีกฝ่ายดังป๊าบๆ

“เอาน่าๆ เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เพื่อนๆ เจ้าเป็นห่วงอยู่แหนะ รีบกลับไปที่ห้องได้แล้ว ไม่สิ ตอนนี้กำลังเรียนกันอยู่นี่นา อืม...”ราเซียสบอกเฟเรสโดยไม่พักให้อีกฝ่ายแทรก ก่อนจะทำท่านึกสักพัก “ยังไงเจ้าก็ไปรายงานตัวกับอาจารย์นาลินย่ากับข้าที่ห้องพักอาจารย์ที่ตึกเรียนก่อนเถอะ ‘จารย์เขาเป็นกังวลแทบตาย อยู่ดีๆ มีเด็กหายไปหลังจากเกิดเรื่องไม่นานแบบนี้”

“เดี๋ยว...”เฟเรสยังไม่ทันทักอะไรเพิ่ม ดวงตาสีดำที่จ้องตรงมาพร้อมกับนิ้วชี้ที่ทาบลงบนริมฝีปากเขาเป็นเชิงให้หยุดพูดก็ทำให้เขาชะงัก อีกฝ่ายยิ้มให้ก่อนจะตอบคำถามที่เขายังไม่ทันจะถาม “เรื่องอธิบายรายละเอียด ไว้หลังจากนั้นก็ได้ ยังไงตอนเย็นเจ้าก็ว่าง ข้าจะไปหาถึงห้องเลย”

เด็กหนุ่มนิ่งไปกับคำตอบนั้นก่อนจะพยักหน้าเพราะไม่มีทางเลือกอื่น แล้วเดินตามราเซียสไปยังห้องพักอาจารย์ที่ตึกเรียนอย่างว่าง่าย

 

 

“อย่างงั้นหรอ เธอไม่รู้สินะว่าพวกนั้นเป็นใคร?”อาจารย์สาวเจ้าของเส้นผมสีลาเวนเดอร์ยาวเกือบระพื้นรวบครึ่งหัวเอ่ยทวนพลางมองเฟเรส หลังจากที่เด็กหนุ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนจบ “แล้วราเซียสก็ไปช่วยเธอไว้สินะ?”

“ครับ”เฟเรสตอบ เขามองอาจารย์สาวตรงหน้าก็พอจะรู้ว่าเธอยังมีอะไรเคลือบแคลงใจอยู่อีกเยอะ และสิ่งที่เขาเล่าไปก็ถูกดัดแปลงออกไปพอสมควรเลยทีเดียว

“แสดงว่ามีสิทธิ์ว่าจะจับเป็นตัวประกันแบบสุ่มๆ ไว้ต่อรองกับอะไรสักอย่าง...”นาลินย่าพึมพำกับตนเองก่อนจะเงยหน้ามาหาพวกเฟเรสอีกครั้งหนึ่ง “แล้วราเซียส เธอตามหารุ่นน้องของเธอเจอได้ยังไงหรอจ๊ะ? ขนาดพวกอาจารย์ยังไม่มีใครรู้เรื่องเลย?”

“ผมดันเดินเล่นเจอตอนน้องเขาโดนผลักเข้าหลุมมิติหรืออะไรสักอย่างไปน่ะครับ”ราเซียสยิ้มแฉ่งพลางตอบอย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด “’จารย์ก็รู้ว่าผมธาตุสายหมอก เรื่องการตามหาไม่มีธาตุไหนที่จะถนัดกว่าธาตุพวกผมแล้ว”

นาลินย่าพยักหน้าหงึกหงักกับคำอธิบายของเด็กปีสอง “เรื่องความสามารถของเธออาจารย์รู้ดี แต่คราวหน้าคราวหลัง หัดบอกผู้หลักใหญ่ก่อนไปทำอะไรแบบนั้นจะดีกว่านะจ๊ะ เกิดเธอเป็นอะไรไปด้วยอีกคนคนอื่นเขาจะเป็นห่วงที่หายไปไม่กลับมา”

“เอาเถอะ เดี๋ยวอาจารย์จะแจ้งเรื่องให้ทางอาจารย์ใหญ่ทราบ จะได้มีการคุมเข้มเวรยามรักษาการณ์มากกว่านี้ แล้วก็ราเซียส เธอเองก็พาน้องไปตรวจร่างกายกับอาจารย์มีอาที่ห้องพยาบาลแล้วพาน้องกลับไปพักที่หอก่อนแล้วกันนะจ๊ะ”อาจารย์ประจำปราการเหมันต์เอ่ยก่อนจะหันกลับไปสนใจงานเอกสารบนโต๊ะทำงานของตัวเองต่อ

“คร้าบๆ”ราเซียสขานรับ ก่อนจะดันๆ หลังให้เฟเรสเดินออกจากห้องพักอาจารย์ไป

“แค่นั้น?”หลังจากพ้นเขตห้องพักอาจารย์มาสักพักและมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ เฟเรสก็เปิดปากถามเริ่มบนสนทนาอย่างที่นานๆ จะทำสักที

“’จารย์นาลินย่าดูเหมือนไม่ค่อยอะไรก็จริง แต่ระวังๆ ไว้ก็ดี ถึง’จารย์แกจะดูไม่รบเร้าอะไร แต่หลังจากนี้คงจ้องจับสังเกตใช่เล่นเลย”ราเซียสตอบกลับโดยไม่หันมามองเฟเรส “แต่วันนี้คงยังไม่มีอะไรหรอก อย่างน้อยๆ ถ้ามีใครจับตามองข้าก็พอจะจับสัมผัสได้”

คำกล่าวของราเซียสทำให้เฟเรสชะงักฝีเท้าไปครึ่งก้าวก่อนจะเดินต่อพลางพยักหน้าลงเบาๆ “ข้าจะจำไว้”

เดินมาได้สักพักพวกเขาก็มาถึงห้องพยาบาลประจำเขตการเรียน ราเซียสยกมือขึ้นเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปพร้อมส่งเสียงบอกคนที่อยู่ด้านใน

“’จารย์มีอาคร้าบ ข้ามีคนไข้มาให้’จารย์ตรวจคร้าบ”

“อื้ม”น้ำเสียงสดใสดังตอบกลับมา พร้อมกับร่างเล็กจ้อยที่หมุนเก้าอี้มาหาพวกเขาหลังจากที่พวกเขาเข้าไปในห้อง

ห้องพยาบาลเป็นห้องขนาดกลางๆ มีเตียงเรียบๆ สีขาวสะอาดอยู่หกหลัก เรียงอยู่ทางซ้ายมือของเฟเรส ในขณะที่ทางขวามือเป็นตู้ยาและอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ ด้านหน้าเขาเป็นชั้นหนังสือและโต๊ะทำงานของอาจารย์ห้องพยาบาลเจ้าของร่างเล็กเพียง130เซนติเมตรเหมือนเด็กคนหนึ่ง

“เด็ก?”เฟเรสเผลอหลุดปากถามออกไปโดยไม่ทันยั้งคิดทำให้คนถูกกล่าวถึงแก้มป่อง

“ถึงจะเด็กแต่ข้าก็อายุมากกว่ามนุษย์อย่างพวกเจ้านะ!”เธอแหวขึ้นมา หูเรียวแหลมที่โผล่พ้นเส้นผมสีผมชมพูสว่างหยิกยาวคลอเคลียไหล่นั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอคือพงศ์พันธุ์แห่งเอลฟ์ หากคาดเดาจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเหมือนอายุ 11-12ขวบแล้ว บ่งบอกได้ว่าเธอมีอายุอย่างน้อยๆ ก็30ปี ซึ่งแน่นอนว่ามากกว่าอายุของมนุษย์วัยรุ่นทั่วไป

“เอาน่า ‘จารย์ ก็น้องเขาไม่รู้ว่า’จารย์เป็นเอลฟ์นี่นา”ราเซียสเอ่ยขำๆ พลางหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงๆ หนึ่ง

“ฮึ!”มีอาสะบัดหน้างอนน้อยๆ ก่อนจะปรายตามองมาทางเฟเรสแล้วชี้มือไปทางเตียงที่ว่างอยู่ “นั่งลงแล้วอยู่นิ่งๆ ด้วยล่ะ”

เด็กหนุ่มผมดำเดินไปนั่งโดยไม่พูดอะไร ซึ่งอาจารย์สาวยังเด็กก็เดินตามไปพร้อมเรียกคทาประจำตัวออกมาถือไว้ในมือ

วงแหวนเวทขนาดเล็กปรากฏขึ้นใต้ร่างของเฟเรส แสงสีขาววาบขึ้นจางๆ เมื่อมีอาเริ่มร่ายเวท ตัวอักษรสว่างวาบขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกายเฟเรส ซึ่งส่วนมากจะขึ้นเป็นคำว่า ‘ปกติ’ จะมีก็ตรงข้อมือที่ขึ้นเป็นคำว่า ‘รอยช้ำ’ และท้ายทอยที่เป็น ‘ปูดโน’

เฟเรสมองเวทมนต์ทำงานของมันเงียบๆ เวทนอกระบบสายรักษา อินสเปกต์ ที่ไม่ว่ากี่ครั้งก็ยังคงน่าทึ่งกับความสามารถของมันที่สามารถระบุบาดแผลและอาการเจ็บป่วยต่างๆ ได้ในชั่วพริบตา ยิ่งผู้ร่ายมีพลังเวทมากเท่าไหร่ ผลการตรวจสอบก็จะยิ่งเร็วมากขึ้นเท่านั้น แถมดูจากความเร็วแล้วคนตรงหน้าเขามีพลังเวทในระดับค่อนข้างสูงทีเดียว

“อืม...ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ ถ้าแค่นี้ให้ข้ารักษาแปปเดียวก็ปกติแล้ว!”เด็กสาวเอ่ย ก่อนจะเดินหันกลับไปทางตู้เก็บยาแล้วหยิบถ้วยบางอย่างออกมา

ในถ้วยเป็นเหมือนผงอะไรสักอย่างสีม่วงอมแดงที่เด็กสาวตักออกไปช้อนเล็กๆ ผสมกับน้ำนิดหน่อย แล้วเอามันมาทาลงบนแผลสามจุดของเขาแล้วร่ายเวทเบาๆ แสงสีขาวสว่างเรืองขึ้นตามบริเวณที่ทาสมุนไพรลงไปก่อนที่รอยช้ำและรอยโนจะค่อยๆ หายไป

“เอาล่ะ เรียบร้อย!”มีอาบอกพร้อมรอยยิ้มกว้างแบบเด็กๆ เฟเรสเอ่ยขอบคุณเบาๆ ก่อนที่เขาและราเซียสจะขอตัวเดินกลับหอ

 

 

ทันทีที่ก้าวออกมาด้านนอก หลังจากความเงียบปกคลุมระหว่างทั้งสองมาตลอดทางภายในอาคาร ราเซียสก็ทำลายความเงียบนั้นลง “เอาล่ะ ข้ารู้ว่าเจ้าคงสงสัยอะไรหลายอย่าง จะไปที่ห้องของเจ้ามั้ย หรือจะไปที่ห้องของข้า?”

“ของข้าก็ได้”เฟเรสตอบไป เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ยังไม่ไว้ใจคนตรงหน้าร้อยเปอร์เซ็นต์ และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงรึเปล่า

“งั้นก็ห้อง105สินะ”ราเซียสเอ่ยพลางดีดนิ้วดัง ‘เปาะ’ ก่อนที่ทั้งสองคนจะหายไปด้วยเวทวาร์ปที่น่าฉงนเพราะเจ้าตัวสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องพึ่งสื่อกลางและร่ายเวท!

เฟเรสมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเคลือบแคลง ชายหนุ่มรุ่นพี่ทำตัวเหนือความคาดหมายเขามาหลายรอบแล้ว ทั้งท่าทางเหมือนจะเป็นมิตรแต่ก็น่าสงสัยนั่นไม่ได้ช่วยให้การคาดเดาอะไรง่ายขึ้นมาเลย

“เอาล่ะ ถามมาเลย ข้าจะตอบคำถามที่เจ้าสงสัยให้”ราเซียสเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกริ่มเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรแปลกประหลาดเกิดขึ้นแม้แต่น้อย แต่ก่อนที่เฟเรสจะเริ่มถามอะไร ชายหนุ่มก็เสริมเพิ่มขึ้นมา แต่คำเอ่ยนั้นทำให้เฟเรสหรี่ตาจ้องเขม็งไปยังราเซียส

“ลืมบอกไป ถามมาทุกอย่างที่อยากจะถาม ไม่ต้องเก็บอะไรไปคิด เพราะข้าจะตอบให้เท่าที่ตอบได้อย่างตรงไปตรงมาที่สุด เพราะหลังจากนี้เจ้าอาจจะไม่มีโอกาสถามอีกแล้วก็ได้นะ”

+++++++++++++++

*เวทวาร์ป  – เวทนอกสารระบบที่มีลักษณะคล้ายเทเลพอร์ต แต่จะเฉพาะเจาะจงเป็นรายบุคคลที่ผู้ร่ายเวทต้องการ เหมาะสำหรับคนจำนวนไม่กี่คน ซึ่งแน่นอนว่ากินพลังเวทและสมาธิมากกว่าเวทเทเลพอร์ตซึ่งเป็นลักษณะเวทอาณาเขต

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา