The Revenge ความแค้นที่หอมหวาน

9.2

เขียนโดย MeTang

วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 04.06 น.

  36 ตอน
  10 วิจารณ์
  43.36K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 15.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

35) ตอนที่ 35

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               แสงจันทร์สาดแสงอันน้อยนิดส่องลอดผ่านหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่เข้ามา ตกกระทบไปยังร่างของชายหนุ่มหุ่นสูงใหญ่ที่นั่งเงียบไร้ชีวิตชีวา ดวงตาที่เลื่อนลอยบ่งบอกถึงภาวะจิตใจที่ไม่คงที่ หน้าตาเขาเหมือนคนครุ่นคิดอยู่ในสมองตลอดเวลา ริวกินั่งอยู่อย่างนี้มาเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว

                ริวกิชายผู้ทระนงต่อทุกพายุที่พัดโหมกระหน่ำเข้ามาในชีวิต เขาเผชิญหน้าต่ออันตรายทุกรูปแบบด้วยสมองที่เฉลียวฉลาด แม้ในสถานการณ์ที่ยากจะรับมือ ริวกิก็สามารถมองหาทางออกให้กับทุกอุปสรรคในชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม แต่นั่นเป็นเมื่อก่อน… ก่อนที่เขาจะเจอกับชายหนุ่มหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่กลมโตใสของเด็กคนนั้นยามจ้องมองมาที่เขา มันทำให้โลกของริวกิรู้สึกเจิดจ้าขึ้นมา แก้มนุ่มนิ่มที่น่าทะนุถนอมนั้นมันทำให้ปอนด์ละความคิดถึงออกไปไม่ได้ และเพราะเด็กหนุ่มคนนี้ที่ชื่อปอนด์ ทำให้หัวใจของเขาเต้นในจังหวะที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ริวกิรู้สึกตัวเองอ่อนแอราวกับว่าความเข้มแข็งที่มีมานานกำลังจะละลายลงไป เหมือนเทียนแท่งเล็กที่โดนไฟลน

                ภายนอกที่มีแต่แสงไฟและตึกสูงชันมากมาย ไม่ได้มีอะไรที่ดึงดูดให้น่าสนใจสักเท่าไหร่ แต่การมองไปที่หน้าต่างใสนั้นในทำให้เขาได้นึกภาพของปอนด์ออกบ้าง เขาใช้ความทรงจำที่มีอยู่น้อยนิดเพื่อปลอบประโลมความเศร้าหมองของตัวเอง หัวใจที่อยากจะโบยบินถูกกักขังไว้ด้วยความคิดของตัวเขาเอง

                ริวกิไม่ได้สนใจสิ่งที่มองอยู่แม้แต่น้อย เขาคิดทบทวนแต่เรื่องที่โจ๊กพูดกับเขา ทุกสิ่งทุกอย่างวนเวียนอยู่ข้างในสมองซ้ำไปซ้ำมาเหมือนน้ำตกที่ไหลไม่มีวันหยุด

                “เจสัน” ริวกิทักเข้าไปในมุมมืดของห้อง

                “ครับท่าน” เสียงหนุ่มใหญ่ขานรับ

                “แกว่าถ้าตอนนี้ท่านแม่กับท่านพี่ยังอยู่ แกกับฉันเราจะยังเป็นเพื่อนเหมือนคนทั่วๆไปหรือเปล่า”

                “ผมเองก็ไม่ทราบครับ”

                “อย่างนั้นเหรอ” ริวกิหัวเราะ “เราสองคนก็เหมือนหุ่นยนต์… แกว่ามั้ย”

                “ทำไมท่านริวกิถึงพูดแบบนี้ล่ะครับ”

                “พวกเราถูกตั้งโปรแกรมและป้อนหน้าที่ให้ทำ บางครั้งฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใช่คน” ริวกิพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน “แต่พอเด็กคนนั้นเข้ามาในชีวิตฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เริ่มเปลี่ยนไป ฉันรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นอยู่ในร่างกายของตัวเอง เมื่อก่อนชีวิตของฉันอยู่ไปเพื่อรักษาสิ่งที่ท่านพ่อเฝ้าสั่งสอนให้พ้นผ่านไปอย่างไร้จุดหมาย แต่ตอนนี้… ฉันมีคนให้คิดถึง มันทำให้ฉันรู้สึกว่าชีวิตฉันมีค่าและมีความหมาย”

                ความในใจที่ล้นออกมาจากริวกิทำให้เจสันตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของเจ้านาย เขาไม่เคยเห็นริวกิพร่ำเพ้อถึงเรื่องอื่นนอกจากเรื่องงานมาก่อน           

                “ภารกิจที่ฉันได้รับมอบหมายจากท่านพ่อคือการดูแลธุรกิจที่นี่ให้ดี” ริวกิเอนหลังพิงเก้าอี้หนังอย่างเหนื่อยล้า “แต่ตั้งแต่ที่ปอนด์เข้ามาในชีวิต เป้าหมายในชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไป ฉันคิดถึงเขาเหนือสิ่งอื่นใดก่อนเสมอ นั่นมันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกอ่อนแอและจะพาฉันสู่หายนะ”

                “ผมไม่มองว่ามันเป็นความอ่อนแอนะครับท่านริวกิ ผมคิดว่าสิ่งที่คุณปอนด์มีน่าจะเรียกว่าความอ่อนโยน”

                “ฉันไม่รู้ว่าใครจะเรียกมันว่าอะไร แต่มันเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจฉันมาก มันเหมือนไวรัสที่แทรกแซงการทำงานทุกระบบของฉัน” ริวสูดหายใจเข้าปอดเพื่อผ่อนคลาย “แค่คำพูดกร่างๆของเด็กคนหนึ่งที่ไม่เคยอยู่ในสายตาฉัน กลับทำให้ฉันวุ่นวายใจได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันจะไม่มีทางเป็นแบบนี้อย่างแน่นอน”

                “คุณโจ๊กคงพูดออกมาเพื่อต้องการเอาชนะครับ”

                “แต่สิ่งที่เด็กคนนั้นพูดมันก็เป็นเรื่องจริง” ริวกิสูดหายใจลึกๆเข้าไปอีกครั้งหนึ่ง “อันที่จริงฉันไม่ควรจะมาเสียเวลาไขว้เขวจากงานที่ท่านพ่อสั่ง”

                ริวกิผู้เด็ดเดี่ยวพยายามตั้งสติอีกครั้ง เขารู้สึกว่าเขาฝ่าขวางหนามบนเส้นทางอันสูงชันนี้มาได้ตั้งไกล เขาไม่อยากยอมปล่อยให้สิ่งที่พยายามรักษาไว้ต้องพังทลายไปอย่างง่ายดาย

                “ฉันอยากจะพักเรื่องวุ่นวายที่นี่ไปก่อน”

                “แต่ท่านพ่อของท่านริวกิคงจะไม่ยอมง่ายๆหรอกครับ”

                “เรื่องท่านพ่อฉันจัดการเอง” ริวกิหันเก้าอี้มาเผชิญความมืดมิดในห้อง “อันที่จริงฉันควรจะสะสางทุกเรื่องที่ติดค้างอยู่ในของฉันให้หมดก่อน ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่สามารถเริ่มต้นอะไรใหม่ได้อย่างแท้จริง”

                ความเด็ดเดี่ยวฉายแววออกจากดวงตามคู่เรียวงามของริวกิอีกครั้ง แม้แต่เจสันก็ไม่อาจรู้ว่าริวกิจะทำอะไร แต่เขาก็พร้อมเคารพการตัดสินใจทุกอย่างของริวกิ แม้ว่าสิ่งนั้นอาจจะไม่ถูกต้องในความคิดเขาก็ตาม

 

 

 

                ผ่านไปหลายวันแล้วนับตั้งแต่ที่กลับจากดูหนังคราวก่อน ปอนด์ไม่ได้รับการติดต่อจากริวกิหรือเจสันเลย อันที่จริงเขาเองก็ไม่กล้าโทรไปหาด้วยซ้ำ แม้จะทั้งเป็นห่วงและถวิลหา แต่ความเกรงใจก็ทำให้เขาได้แค่เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นลงแถวๆชื่อของริวกิเท่านั้น

                “ปอนด์อยู่มั้ย” เสียงเคาะประตูดังขึ้นในยามสาย “โจ๊กเองนะ”

                “รอแป๊บนะโจ๊ก” ปอนด์รีบเปิดประตูห้องต้อนรับเพื่อนสนิทอย่างรวดเร็ว “เข้ามาก่อนสิ”

                “ไม่เชิญก็เข้าอยู่แล้ว” โจ๊กเดินตรงไปนอนลงบนเตียงในห้องของปอนด์ด้วยความคุ้นเคย บิดขี้เกียจนิดหน่อยเหมือนคนที่กำลังจะเข้านอน

                “วันนี้ไม่กลับบ้านเหรอ” ปอนด์นั่งที่เตียงข้างๆโจ๊ก

                “ไม่ดีกว่า ขี้เกียจฟังแม่ถามเรื่องลูกสะใภ้ไม่ยอมแวะไปหา”

                “แกก็บอกแม่ไปสิว่าหาลูกเขยน่าจะง่ายกว่า”

                “นี่แกจะเปลี่ยนจากเป็นเมียฉันมาเป็นผัวฉันแทนเหรอ”

                “ไอ้บ้า ฉันไม่ได้หมายความถึงตัวฉัน”

                “ว่าแต่แผลแกหายดีหรือยัง” โจ๊กลุกนั่งลูบหลังของปอนด์อย่างแผ่วเบา

                “ก็ดีขึ้นมากแล้ว” ปอนด์ยิ้มไม่เต็มปาก เขาสัมผัสถึงความห่วงใยจากโจ๊กที่ส่งผ่านฝ่ามือที่อบอุ่นเข้ามา

                “แกรำคาญฉันหรือเปล่าที่คอยเป็นห่วงแกแบบนี้”

                “ม… ไม่เลย ทำไมแกพูดแบบนี้” ปอนด์รีบปฏิเสธ “ฉันแค่เกรงใจแกที่ต้องคอยดูแลฉัน”

                “เกรงฉันหรือเกรงใจคนที่ชื่อริวกิ” โจ๊กเอนตัวนอนอีกครั้ง “แกดูเปลี่ยนไปตั้งแต่หมอนั่นเข้ามาในชีวิต แกรู้ตัวบ้างหรือเปล่า”

                ปอนด์ไม่ตอบคำถามใดๆ เพราะเขาไม่สามารถหาคำตอบที่ดีพอให้โจ๊กได้ ความรู้สึกของโจ๊กที่แสดงออกมาต่อปอนด์นับวันยิ่งเด่นชัดมากจนเขาเริ่มรู้สึกตัวได้ และมันก็เริ่มเป็นเรื่องที่ยากขึ้นหากปอนด์อยากจะเก็บรักษามิตรภาพที่มีอยู่นี้ไม่ให้บุบสลายไป

                “แกรักริวกิมั้ยวะ” โจ๊กถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

                “ฉัน… ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะโจ๊ก” ปอนด์ก้มหน้าตอบ

                “ทำไมล่ะ ฉันก็เห็นพวกแกสองคนทำตัวพิเศษต่อกันอยู่ เขาถอยรถใหม่เพราะแก ดูแลเหมือนลูกคุณหนูขนาดนั้น มันยังไม่ชัดเจนอะไรอีกเหรอ”

                “ถ้าส่วนของเขาฉันก็ตอบแทนไม่ได้ว่ะ ว่าเขารู้สึกกับฉันอย่างไร เราไม่เคยพูดหรือถามกัน” ปอนด์บีบสองมือของตัวเองไว้แน่น “แต่สำหรับฉันที่ไม่รู้ว่ารักหรือเปล่า ก็เพราะว่าฉันเองยังไม่แน่ใจว่าที่ฉันคิดถึงเขาหรือห่วงใยเขา ฉันทำไปในฐานะอะไร ฉันไม่อยากคิดไปเองฝ่ายเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลยยังไม่ชัดเจน”

                “ฉันเองก็เป็นนะ ไอ้อาการทั้งหมดที่แกพูดมา ฉันเข้าใจแกดีที่สุด”

                “โจ๊ก…” ความรู้สึกผิดแวบขึ้นมาในหัวสมองของปอนด์ เขากลัวว่าตัวเองจะจนมุมจนเผลอพูดอะรี่ทำลายมิตรภาพของทั้งคู่ออกไป

                “แกก็รู้ว่าฉันคิดอะไรกับแก หรือแกจะหลีกหนีความจริงนี้ไปก็ได้ แต่ฉันจะไม่หนีมันต่อไปแล้ว ต่อให้ใครมองว่าฉันเป็นตัวประหลาด ฉันก็จะยอมรับคำดูถูกเหล่านั้น ฉันอยากจะซื่อสัตย์กับหัวใจของตัวเอง”

                “ฉ… ฉัน… ฉันไม่รู้จะพูดบอกกับแกว่าอะไรดี” ปอนด์อ้ำอึ้ง

                “ก็แค่ความจริง ความรู้สึกของแกจริงๆในตอนนี้”

                แม้คำพูดของโจ๊กจะดูบีบเค้นปอนด์ให้ยอมรับความรู้สึกจริงๆภายใจ แต่ปอนด์ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เขาไม่อาจหลีกหนีความจริงได้อีกต่อไปแล้ว มันถึงเวลาที่ปอนด์จะต้องหันหน้าสู้กับความรู้สึกของตัวเอง แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะทำให้เขาปวดร้าว หรือต้องสูญเสียอะไรไปก็ตาม

                “ฉันก็รักแกนะโจ๊ก” ปอนด์กลั้นใจพูด “ฉันรู้สึกว่าแกเป็นเพื่อนที่ดีกับฉันมาโดยตลอด แกคอยช่วยเหลือดูแลฉันหลายครั้ง จนฉันเองก็คิดว่าถ้าไม่มีแกอยู่ข้างๆชีวิตฉันคงขาดสีสันและจืดชืด แต่ความรู้สึกดีๆของฉันทั้งหมดที่มีต่อแกมันก็คือความรู้สึกของเพื่อนสนิทที่มีให้กัน”

                “ก็ไม่ผิดจากที่คาด”

                “แกจะโกรธฉัน เกลียดฉันก็ได้… แต่ฉันไม่อยากเลิกเป็นเพื่อนกับแกเลยว่ะ”

                “ฉันเกลียดแกไม่ลงหรอกปอนด์ คงเหมือนกับที่แกเองก็คงเกลียดริวกิไม่ลง ฉันว่ามันคงเป็นความรู้สึกแบบเดียวกัน”

                “ฉันขอโทษ” ปอนด์พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ความรู้สึกของโจ๊กคงเจ็บปวดเหมือนหัวใจจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ปอนด์เข้าใจถึงความรู้สึกเหล่านั้นดี หากสามารถโอบอุ้มความรู้สึกของโจ๊กไว้กับตัวได้ ปอนด์ก็ยินดีทำเพื่อให้เพื่อนที่เขารักรู้สึกสบายใจ

                “เฮ้ย… ไม่ต้องขอโทษหรอกเพื่อน” โจ๊กกัดฟันพูด “คราวก่อนฉันยังรอดตายจากน้องท๊อฟฟี่ได้เลย คราวนี้มันจะสักเท่าไหร่กันเชียว”

                “ฉันขอโทษ… ฉันขอโทษ” ปอนด์เฝ้าทวนคำอย่างเจ็บช้ำ เขาอยากให้โจ๊กด่าหรือระบายความอัดอั้นตันใจอะไรออกมาให้ปอนด์รับรู้บ้างก็ได้ ยิ่งโจ๊กทำท่าทางเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ มันยิ่งทำให้ปอนด์สัมผัสถึงความปวดร้าวของมิตรภาพที่เป็นไปไม่ได้ทำ จนน้ำตาใสๆล้นเอ่อออกมาโดยไม่รู้ตัว

                “เลิกขอโทษได้แล้ว” โจ๊กลุกขึ้นนั่งข้างๆปอนด์ เขาให้นิ้วมือเช็ดน้ำตาที่ล้นเต็มสองแก้มของปอนด์ “ทำอย่างกับว่าฉันจะตายอย่างนั้นแหละ เรื่องพวกนี้มันไม่ทำให้ใครตายหรอกนะ”

                ความอบอุ่นจากนิ้วมือที่ลูบไล้ลงบนแก้มนวลเนียนของปอนด์ทำให้เขายิ่งรู้สึกผิด เขาอยากจะกอดโจ๊กสักครั้งแต่ก็ไม่กล้า ปอนด์ไม่อยากทำร้ายโจ๊กมากไปกว่านี้อีกแล้ว

                “ว่าแต่แกจะเล่าเรื่องริวกิให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ย ว่ามันอะไรกัน” โจ๊กรีบเปลี่ยนเรื่องชวนคุย

                “มันก็… อธิบายยากนะ” ปอนด์พยายามควบคุมน้ำตาไม่ให้ไหล

                “ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร” โจ๊กตบไหล่ปอนด์เบาๆ

                “ไม่ฉันเล่าให้ฟังได้… ทุกอย่างระหว่างฉันกับเขามันเกิดขึ้นจากความผิดพลาด แต่ฉันก็อยากจะแก้ไขให้ทุกอย่างมันดีขึ้น ฉันอยากทำให้ความผิดพลาดนั้นมันกลายเป็นความถูกต้องในสักวันหนึ่ง”

                “ฉันรู้แกทำได้” โจ๊กปลอบใจ

                “ฉ… ฉันก็ไม่รู้สิ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้ และฉันก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับฉันบ้าง มันตลกใช่มั้ยกับการที่อยู่ดีๆฉันก็ไปรักผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันแค่เดือนกว่าๆ” ปอนด์ยิ้มทั้งน้ำตาอีกครั้ง “ฉันก็เลยไม่รู้ว่าความผิดพลาดที่เราทั้งคู่ก่อ มันจะกลายเป็นมิตรภาพที่แท้จริงได้มั้ย หรือทั้งหมดที่เขาทำมันก็แค่ความรู้สึกสนุกกับเรื่อวแปลกใหม่ในชีวิต”

                “ฉันเองก็เริ่มต้นกับแกด้วยความผิดพลาด และฉันเองก็อยากแก้ไขให้มันถูกต้องเหมือนแก”

                “ไม่หรอกโจ๊ก… สำหรับเรื่องของแกกับฉันในคืนนั้น จริงๆแล้วแกอาจจะแค่รู้สึกผิด ฉันเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร และฉันก็ไม่ได้ติดค้างอะไรกับเรื่องนั้นแล้วด้วย”

                “อาจจะถูกที่เมื่อก่อนฉันอยากจะชดใช้สิ่งที่ฉันทำลงไป แต่ตอนนี้ความรู้สึกมันเกินไปมากกว่านั้นแล้ว” โจ๊กมองปอนด์ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “ฉันไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ทุกครั้งที่ฉันอยู่กับแกความรู้สึกพวกนั้นมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมันยากเกินกว่าจะห้ามได้”

                คำพูดที่พร่ำเพ้อของโจ๊กทำให้ปอนด์หวนนึกถึงอดีต ในวันที่เขาทั้งคู่เผลอปล่อยตัวให้เป็นของกันและกัน แม้เรื่องมันจะผ่านมานานลายปีแต่ทั้งปอนด์และโจ๊กต่างก็ไม่เคยลืม

                ปอนด์ยังจำได้ว่าเป็นคืนที่โจ๊กพาเขาและฟ้าไปเลี้ยงฉลองปลอบใจตัวเองในความโสด เพราะตลอดช่วงเวลาที่จิตใจของโจ๊กทรมารกับอาการอกหัก โจ๊กก็ได้ปอนด์และฟ้าคอยปลอบใจและอยู่เป็นเพื่อนไม่ขาดหาย แต่อาจเป็นเพราะโจ๊กอยู่อพาร์ทเม้นต์เดียวกัน จึงทำให้ปอนด์อยู่ดูแลโจ๊กได้ถนัดกว่า

                เมื่อถึงช่วงเวลาที่โจ๊กคิดว่าตัวเองดีขึ้นมากแล้ว เขาจึงอยากหาความบันเทิงให้กับชีวิตเพื่อเป็นการส่งสัญญาณการเริ่มต้นใหม่ในชีวิต โจ๊กจึงนัดปอนด์กับฟ้าไปเที่ยวที่วายสตาร์คลับ

                ทั้งหมดสนุกเฮฮาตามประสาเพื่อนฝูงกันอย่างรื่นเริง แต่อาจเพราะปกติปอนด์ก็ไม่ใช่คนเที่ยวกลางคืนบ่อยอยู่แล้ว จึงทำให้เขามึนเมาได้ง่าย เมื่อโจ๊กเห็นว่าสภาพของปอนด์เริ่มไม่ไหวประกอบกับตัวเองก็เริ่มไม่ได้สติแล้วเช่นกัน จึงตัดสินใจแยกย้ายกันกับฟ้า และหิ้วปอนด์กลับมานอนที่ห้องของตัวเอง

                ด้วยอารมณ์หลายๆอย่างที่รุมเร้าโจ๊กมานานหลายอาทิตย์ ทั้งความเหงา ความเมาหรืออะไรก็ตาม มันทำให้โจ๊กเผลอตัวเผลอใจล่วงเกินคำว่าเพื่อนกับปอนด์ลงไป และนั่นจึงทำให้เขารู้สึกผิดกับปอนด์มาโดยตลอด และโจ๊กก็อยากรับผิดชอบกับการกระทำของเขาอย่างลูกผู้ชาย แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่ผู้หญิงก็ตาม

                หลังจากนั้นปอนด์ก็พยายามปลอบใจไม่ให้โจ๊กโทษตัวเอง เขาพยายามอธิบายไปว่าตอนนั้นปอนด์เองก็รู้สึกตัวและมีสติอยู่ประมาณหนึ่ง ปอนด์จึงถือว่าเขาเองก็ยินยอมพร้อมใจที่จะเป็นของโจ๊กในคืนนั้น และเขาเองก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก อาจจะมีแค่ปวดเกร็งกับครั้งแรกนิดหน่อย แต่ปอนด์ก็ไม่อยากให้โจ๊กเอามาใส่ใจ               

                และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของความรู้สึกสับสนของโจ๊ก เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าครั้งเดียวนั้นมันทำให้เขารู้สึกดีกับปอนด์ได้นานขนาดนี้ หรือเป็นเพราะอะไรกันแน่จึงทำให้เขาลืมปอนด์ไม่ได้ ทั้งๆที่ควรจะปล่อยเรื่องนี้ไปนานแล้วด้วยซ้ำ

                “ฉันขอโทษถ้าทำให้แกอึดอัดใจนะ” โจ๊กถามด้วยสีหน้าเสียใจ

                “ไม่เลยแก ฉันรู้สึกดีมากที่แกพูดให้ฉันรู้”

                “ถ้าอย่างนั้นเราจะยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ใช่มั้ย”

                “ถ้าแกต้องการ ฉันก็พร้อมเสมอ”

                “สำหรับแกฉันยังมีความหวังอยู่มั้ยปอนด์”

                “ฉันก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ะโจ๊ก ฉันยังไม่รู้จักความรักที่แท้จริงเลยว่ามันเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นฉันเองก็ไม่รู้ว่าฉันจะรักใครได้มั้ย”

                “มันก็คงดีที่สุดสำหรับฉันแล้วล่ะ”

                “ให้มันเป็นเรื่องขออนาคตดีกว่า วันหนึ่งแกอาจจะเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้แกกลับไปใช้ความรักบนเส้นทางปกติแบบเดิมก็ได้” ปอนด์ยิ้มให้โจ๊กด้วยความอ่อนหวาน “แม่แกจะได้ลูกสะใภ้สมใจ”

                “แกก็เป็นแบบนี้ตลอดแหละ ฉันถึงได้ชอบแก” โจ๊กยิ้มตอบ

                “จะหาว่าฉันอ่อยเก่งเหรอ”

                “เออดิ… อ่อยไปทั่ว มั่วไม่เลิก” โจ๊กขยี้หัวปอนด์เบา

                “ไอ้บ้า… ถึงข้างหลังจะผ่านการใช้งานแบบไม่ธรรมดา แต่ข้างหน้ายังซิงนะครับ”

                “ลองได้มั้ย”

                “พูดเล่นแล้วเอาจริงตลอด”

                ปอนด์รู้สึกว่าเขาได้เพื่อนคนเดิมกลับคืนมาแล้ว แม้ไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่เขาก็จะพยายามมีความสุขกับช่วงเวลาปัจจุบันให้ดีที่สุด แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

                “ว่าแต่แกกินอะไรหรือยัง จะเที่ยงแล้วแกไปหาอะไรกินเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ”

                “ได้อยู่แล้ว” ปอนด์ยิ้มให้โจ๊กด้วยความสดใส

                “ความจริงเพื่อนฉันมีเยอะแล้ว อยากได้แฟนมากกว่าว่ะ”

                “เดี๋ยวเหอะ!”

                อย่างน้อยที่สุดเมื่อสถานะเพื่อนของทั้งคู่ชัดเจน ความสุขสดใสที่ถูกปกปิดก็เริ่มเด่นชัดขึ้น โจ๊กและปอนด์ต่างก็สบายใจขึ้นเมื่อได้คุยกันอย่างจริงจัง สำหรับโจ๊กนั้นแม้เขาจะรู้ว่าตอนนี้มันยังเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ไม่อาจตัดใจจากปอนด์ในทันที ความผูกพันที่ถูกสานต่อร้อยเรียงมานานหลายปี มันไม่อาจสะบั้นลงได้ภายในเสี้ยววินาที ส่วนปอนด์เองก็โล่งใจที่ได้พูดความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แม้เขาจะไม่รู้ว่าโจ๊กจะคิดอย่างไรต่อไป แต่ปอนด์ก็พร้อมจะเป็นเพื่อนที่ดี แบะเป็นคู่จิ้นที่มหาวิทยาลัยให้คนอื่นกรี๊ดได้เหมือนเดิม

                ปอนด์และโจ๊กต่างพากันเดินลงมาข้างล่างอพาร์ทเม้นต์เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะกินอะไร แม้ปอนด์จะยังไม่ค่อยหิวมาก แต่เขาก็อยากจะใช้เวลาตามประสาเพื่อนกับโจ๊กเหมือนเดิม

                “น้องปอนด์… น้องปอนด์” พี่หมูที่นั่งอยู่ห้องรับแขกของอพาร์ทเม้นต์กวักมือเรียกปอนด์ทันทีที่เห็นเขาเดินลงมา “น้องปอนด์มานี่เร็ว”

                “ครับพี่หมู” ปอนด์เข้าไปเมื่อเห็นหมูมีท่าทีเลิ่กลั่ก “มีอะไรครับ”

                “นี่ใช่คนที่มาส่งน้องปอนด์บ่อยๆใช่มั้ยครับ” หมูยื่นหนังสือพิมพ์ให้ปอนด์ พร้อมชี้นิ้วไปยังภาพในกรอบเล็กๆของคอลัมน์แวดวงไฮโซ

                ปอนด์เพ่งมองไปยังจุดที่หมูชี้ให้ดูโดยมีโจ๊กยืนชะโงกหน้าอยู่ข้างหลัง ในภาพนั้นเป็นรูปผู้ชายสองคน คนหนึ่งถูกคาดแถบดำไว้ที่ตา เด็กหนุ่มคนนั้นดูเหมือนจะนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนกำยำของผู้ชายอีกคนหนึ่ง ที่กำลังทำท่าจูบลงที่หน้าผากของเด็กหนุ่ม ผู้ชายทั้งคู่อยู่ในสภาพที่เปลือยอกเหมือนกัน

                สายตาที่กวาดดูรายละเอียดของบุคคลในภาพเพียงไม่นาน ก็ทำให้ปอนด์รู้ได้ทันทีว่าบุคคลในนั้นคือริวกิเพราะใบหน้าเรียงงามภายใต้เส้นผมสีดำนั้น ไม่ได้ถูกปกปิดอะไรแม้แต่น้อย ส่วนชายหนุ่มที่ถูกคาดหน้าตาด้วยแถบสีดำนั่นต้องเป็นตัวเขาอย่างแน่นอน เขาจำโครงหน้าของตัวเองและความทรงจำบนเตียงนั้นได้อย่างดี

                “ช… ใช่ครับ ใช่คุณริวกิ” ปอนด์มีสีหน้าตกใจสุดขีด

                “ไม่น่าเชื่อเลยนะครับนี่ เห็นแต่งตัวดูดีมีภูมิฐาน ไม่นึกว่าจะมีรสนิยมแบบนี้” พี่หมูเสริมความคิดเห็นส่วนตัวลงไป “อีกคนในรูปนี่หวังว่าคงไม่ใช่น้องปอนด์หรอกนะครับ เห็นดูสนิทกันดี”

                “แล้วข่าวลงว่าอะไรครับพี่หมู” ปอนด์รีบร้อนถาม

                “ข่าวก็เขียนประมาณว่า” หมูลากหนังสือพิมพ์มาอ่าน “ริวกิ มิยากาว่า เจ้าพ่อไนต์คลับคนดังถูกมือดีปล่อยภาพลับกับคู่ขาหนุ่มออกมา นับว่าเป็นเรื่องที่สั่นสะเทือนแวดวงไฮโซไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้ชายหนุ่มสุดฮอตคนนี้มักมีเรื่องพัวพันกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา ทั้งจากวงการบันเทิงและแวดวงไฮโซมากมาย แต่ก็ไม่มีใครได้รับเกียรติควงคู่ออกงานเลยสักคน จนเมื่อความจริงถูกเปิดเผยว่าแท้จริงแล้วริวกินั้นไม่ใช่ชายแท้ แต่เขามีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกัน งานนี้คุณหญิงคุณนายต่างตกอกตกใจกันเป็นแถว ไม่รู้ว่าการเปิดตัวสุดช็อคแบบนี้ จะส่งผลต่อธุรกิจที่เจ้าตัวดูแลอยู่หรือไม่”

                “ข่าวเมื่อไหร่คับพี่หมู”

                “หนังสือพิมพ์ของเมื่อวานครับ น้องปอนด์คงไม่ได้ถูกผู้ชายคนนั้นกินหัวกินหางไปแล้วใช่มั้ยครับ”

                นับเป็นข่าวที่กระชากสติของปอนด์ให้หลุดออกจากตัวไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขารีบก้าวเท้าออกจากอพาร์ทเม้นต์ไปโดยลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ในหัวของเขาคิดแต่จะหาคำตอบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เท่านั้น เขาพยายามไล่เรียงรายละเอียดจากภาพที่ได้เห็นมาเป็นข้อๆ แต่ปอนด์ก็ไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงมีรูปริวกิกอดเขาอยู่บนเตียง? เขามั่นใจว่าไม่ได้เป็นคนถ่ายภาพนั้นด้วยตัวเองย่างแน่นอน

                “น้องปอนด์ครับ จะรีบไปไหนครับ” หมูถามเมื่อเห็นปอนด์จากไปอย่างเร่งรีบ

                “พี่หมูก็เหลือเกิน พูดจาเกินไป” โจ๊กชักน้ำเสียงใส่หมู

                “เกินไปอะไรครับน้องโจ๊ก”

                “ก็พูดจาเหมือนรังเกียจ ดูถูกริวกิอย่างนั้น”

                “พี่ไม่ได้รังเกียจอะไรเลยนะครับน้องโจ๊ก พี่แค่ตกใจแล้วก็เป็นห่วงน้องปอนด์ ข่าวเกิดขึ้นกับคนที่เห็นหน้ากันอยู่แบบนี้เป็นใครก็ต้องตกใจครับ อีกอย่างพี่เห็นเขาสนิทกันมากกลัวเขามาหลอกลวงน้องปอนด์” พี่หมูแก้ต่าง “น้องปอนด์ยิ่งเป็นพวกโลกสวยไม่ทันคนอยู่ด้วย”

                “เขาจะสนิทกันหรือว่าได้กันก็ปล่อยเขาไปเถอะครับพี่หมู เป็นห่วงตัวเองเหอะ ได้เมียเป็นกะเทยสักวันแล้วจะถอนตัวไม่ขึ้น” โจ๊กทิ้งท้ายประโยคก่อนจะรีบวิ่งตามปอนด์ไป “โจ๊กเตือนพี่หมูด้วยความเป็นห่วงนะครับ พี่หมูยิ่งเป็นพวกอ่อนประสบการณ์ไม่เคยลองของใหม่อยู่”

                “น้องโจ๊ก… ถึงพี่หมูจะด้อยประสบการณ์แต่พี่หมูไม่เล็กนะครับ” พี่หมูตะโกนตามโจ๊กไปอย่างทะเล้น

                ปอนด์วิ่งไปด้วยคำถามที่รบกวนจิตใจเขาอย่างมากมาย ใครกันที่ทำร้ายริวกิแบบนี้ ซินดี้กับป้องศักดิ์ก็ถูกตำรวจรวบตัวไปแล้ว หรืออาจจะเป็นลูกน้องของซินดี้ที่หลงเหลืออยู่ ไม่ก็คงเป็นศัตรูใหม่ที่เข้ามาอีก แต่ทำไมคนร้ายถึงจงใจทำร้ายแค่ริวกิ และช่วยเหลือปอนด์ด้วยการปกปิดใบหน้าของเขาไว้ นั่นดูเหมือนว่าคนร้ายมีเจตนาพุ่งเป้าโจมตีไปที่ริวกิเท่านั้น อีกประเด็นหนึ่งคือรูปที่เหมือนว่าริวกิจะเป็นคนถ่ายเอง นั่นแสดงว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในที่สนิทกับริวกิมากพอที่จะขโมยรูปเหล่านี้ไว้ได้

                ยิ่งคิดปอนด์ก็ยิ่งปวดหัว ในสมองเขาคิดถึงคนรอบตัวริวกิมากมายทั้งรุ่งรัตน์ เจสัน หรือใครอีกเยอะแยะ เขาได้แต่สันนิษฐานไปต่างๆนาๆโดยที่ไม่รู้ความจริง ความเป็นห่วงริวกิพุ่งขึ้นมากลางหัวใจ

                ปอนด์รีบขึ้นแท็กซี่โดยมีโจ๊กตามมาอยู่ใกล้ๆ แม้โจ๊กจะยังเรียงลำดับเรื่องราวทั้งหมดได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่เขาก็พร้อมจะเผชิญหน้ากับปัญหาใหม่ๆเคียงข้างปอนด์เสมอ ขอเพียงแค่ปอนด์ยังมีพื้นที่ให้เขาได้ยืนอยู่ด้วยก็พอ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา