The Revenge ความแค้นที่หอมหวาน
9.2
เขียนโดย MeTang
วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 04.06 น.
36 ตอน
10 วิจารณ์
42.61K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 15.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
24) ตอนที่ 24
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ในบ้านพักแถวชานเมืองหลังหนึ่งที่ตั้งโดดเดี่ยวแยกตัวออกมาจากสังคมที่วุ่นวาย ภายนอกเป็นบ้านเดี่ยวหนึ่งชั้นที่ดูไม่เก่ามาก หลังคาสีฟ้าอ่อนสะท้อนแสงดวงอาทิตย์ยามบ่าย มองแล้วดูคล้ายคลื่นทะเลที่สดใส สนามหญ้าหน้าบ้านถูกล้อมรอบด้วยกำแพงและรั้วสูงประมาณสองเมตร หากมองจากสายตาของคนทั่วไปแล้วบ้านหลังนี้ก็ดูน่าอยู่ดี แต่หากไม่เข้าไปดูข้างในตอนนี้ จะไม่มีใครรู้ว่ามีเด็กหนุ่มโชคร้ายนอนรอความช่วยเหลืออยู่
อาการปวดหัวเริ่มกระตุ้นให้ปอนด์ลืมตาตื่นขึ้นมา เขารู้สึกร้อนๆหนาวๆไปทั่วทั้งตัวเนื่องจากไข้ที่ยังไม่หายดีกลับหนักขึ้นอีกครั้ง ปอนด์เริ่มรวบรวมสมาธิเพื่อพยายามทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา
“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่งในห้องนี้
ปอนด์พยายามสำรวจว่าตัวเองอยู่ที่ไหนอย่างรวดเร็ว เขากวาดสายตาไปรอบๆห้องนอนที่เขาอยู่ ที่นี่ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แบบเก่าแต่ไม่ได้ดูหรูหราอะไร มีตู้เสื้อฟ้าไม้เก่าตั้งอยู่ด้านขวามือของปอนด์ และมีโต๊ะเตี้ยๆสำหรับตั้งโคมไฟอยู่ติดกับเตียง
“ใจเย็นๆ ไม่ต้องตกใจ” ชายคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปลายเตียงพูดขึ้น
“แกเป็นใคร?” ปอนด์พยายามลุกขึ้นเมื่อพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง ข้อเท้าของเขาถูกมัดติดกันเช่นเดียวกับข้อมือที่ถูกผูกไว้ข้างหน้าด้วยกันอย่างแน่นหนา
“แกไม่ต้องรู้จักฉันหรอก” ชายคนนั้นพูดขึ้นพลางวางเท้าพาดไว้บนเตียง “ฉันรู้จักแกก็พอ”
“แกต้องการอะไร แล้วที่นี่ที่ไหน?” ปอนด์พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ถามมากแบบนี้ สงสัยจะได้จบชีวิตก่อนเสร็จงานแล้วล่ะมั้ง”
“ถ้าอย่างนั้นก่อนฉันจะตาย ก็ช่วยบอกให้ฉันรู้หน่อยก็ยังดีว่าฉันควรจะตายเพราะอะไร”
“แกไม่ต้องรีบอยากจะตายหรอกเจ้าหนู ไว้ถึงเวลาแกก็จะได้ตายสมใจเอง”
ปอนด์จ้องไปยังใบหน้าที่ค่อนข้างซูบเซียวของชายคนนั้น เขาพยายามนึกว่าเคยรู้จักมาก่อนหรือเปล่า ปอนด์ไล่สังเกตทีละจุดตั้งแต่ผมรองทรงต่ำสีดำ ใบหน้าที่ผอมจนเกือบตอบ และดวงตาที่ฉายแววเศร้าหมองอยู่ตลอดเวลา เขาคาดเดาว่าผู้ชายคนนี้อายุน่าจะเท่าริวกิ หรือไม่ก็แก่กว่าสักสองถึงสามปี ส่วนนอกจากนี้เขาก็ไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากสิ่งที่พบเห็นได้อีกเลย
“ฉันได้ยินว่าแกมีภาพลับของไอ้ริวกิใช่มั้ย”
“ฉันเคยมี” ปอนด์พยายามประคองตัวเองให้นั่งพิงหัวเตียงในสภาพที่ถูกมัดอยู่
“หมายความว่าอะไร”
“ไฟล์ทั้งหมดที่ฉันเคยมีถูกริวกิเอาไปหมดแล้ว”
“ฉันไม่เชื่อแกหรอก” ชายคนนั้นตะคอกออกมา “แกเป็นคนของริวกิ ก็คงเป็นพวกหน้าซื่อใจทรามเหมือนมันนั่นแหละ”
“ฉันไม่ได้โกหก และฉันก็ไม่ใช่คนของริวกิด้วย”
“หาประโยคเอาตัวรอดที่มันฟังแล้วดูแนบเนียนกว่านี้ดีกว่ามั้ย” ชายคนนั้นหัวเราะอย่างเลือดเย็น “ฉันแอบสังเกตดูความเคลื่อนไหวของพวกแกมาสักพักแล้ว คนอย่างริวกิมันไม่ปล่อยให้คนนอกเข้าออกที่พักมันได้ง่ายๆหรอก”
“ฉันก็แค่...” ปอนด์คิดถึงเรื่องที่เขาจะเอาแฟลชไดร์ฟจากซินดี้ไปให้ริวกิ เขานึกขึ้นได้ว่าซินดี้กำชับไว้ว่าให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะหากพวกนี้เป็นแก๊งค์ค้ายา นั่นก็เท่ากับว่าเขารู้เรื่องเยอะเกินไป และอาจจะเป็นการผลักให้ชีวิตปอนด์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายลงกว่าเดิม “ฉันก็แค่จะไปสมัครงาน”
“ตำแหน่งอะไร” เสียงชายคนนั้นทุ้มต่ำลงและแฝงไปด้วยความเยือกเย็น “พนักงานบำเรอความใคร่ให้เจ้าพ่อจิตใจวิปริตเหรอ”
เสียงหัวเราะที่เย้ยหยันดังลั่นทั่วห้องนอน มันเป็นเสียงที่ทำให้ปอนด์รู้สึกกลัวและโกรธแค้น เขาโดนคนแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้ทำร้าย แล้วยังมีหน้ามาหาว่าเขาเป็นเด็กขายบริการอีก
“ฉันรู้เรื่องของพวกแกหมดแล้ว พวกแกมันก็วิปริตด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ” เสียงหัวเราะอย่างสะใจไล่ตามคำพูดมาอย่างรวดเร็ว
“ก... แกเป็นใครกันแน่” ปอนด์ถามทั้งๆที่หัวสมองเริ่มปวดแทบจะระเบิดอีกครั้ง
“ฉันจะบอกให้แกรู้ก็ได้ ฉันชื่อป้องศักดิ์ และฉันจะทำทุกอย่างเพื่อทำลายริวกิ”
“แกอยากจะทำอะไรก็ทำไปสิ มันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”
“เกี่ยวสิ เพราะแกคือจุดอ่อนในชีวิตของริวกิ อีกไม่นานมันก็ต้องโผล่มาช่วยชู้รักที่น่ารังเกียจอย่างแกไป”
“ไม่มีทาง แกคงวางแผนผิดแล้วล่ะ เพราะฉันกับริวกิไม่ได้มีความสำคัญต่อกัน เขาไม่มีทางมาช่วยฉันหรอก แกปล่อยฉันไปดีกว่าแล้วฉันสัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”
“จะเป็นหรือไม่เป็นไม่นานก็รู้ ฉันรู้จักคนอย่างริวกิดี” ป้องศักดิ์ทำท่าคิด “แต่จะว่าไปฉันก็ไม่ได้รู้ดีไปเสียทุกเรื่องหรอกจริงมั้ย”
“ใช่...”
“โดยเฉพาะเรื่องที่ริวกิเป็นพวกผิดเพศ มันทำฉันอึ้งไปเลยว่ะ” ป้องศักดิ์หัวเราะราวอย่างเยาะเย้ย “ฉันก็ไม่เคยเห็นมันเป็นข่าวกับผู้หญิงหน้าไหน ที่แท้มันก็ชอบผู้ชายด้วยกัน น่าสมเพชให้กับความทุเรศของมันจริงๆ”
“มันจะมากไปแล้วนะ”
ปอนด์เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมาในทันใด ผู้ชายคนนี้มีดีอะไรถึงได้มาดูถูกคนอื่นได้หยาบคายแบบนี้ ทั้งตัวเขาและริวกิต่างก็ไม่ได้ทำตัวให้ใครเดือดร้อน หรือน่ารังเกียจขนาดนั้น ทำไมเจ้าบ้านี่ถึงพูดจาได้ร้ายกาจถึงเพียงนี้
“นายดีแต่ว่าคนอื่น แล้วคนอย่างนายล่ะทำตัวไม่ต่างกับพวกหมาบ้าไล่กัดชาวบ้านไปทั่ว”
“โอ้โห... นี่แกกำลังเดือดร้อนแทนคนรักอย่างนั้นสินะ”
“ถึงจะไม่ใช่ริวกิแกก็ไม่เห็นต้องใช้คำพูดที่รุนแรงขนาดนี้ ทำไมแกไม่ลองคิดถึงสิ่งที่แกทำกับฉันดูล่ะ ว่ามันน่ายกย่องอย่างนั้นน่ะเหรอ”
“แกก็คงเป็นอีกคนที่หลงในความดีและเบื้องหน้าจอมปลอมของไอ้ริวกินะ”
“เปล่าเลย... ฉันตัดสินคนจากการกระทำ สิ่งที่แกทำกับฉัน ทำร้ายร่างกายฉัน จับฉันมามัดไว้แบบนี้ มันเป็นสิ่งที่ฉันควรจะขอบคุณอย่างนั้นเหรอ แกจะเล่นงานริวกิแกก็ไม่ควรจะใช้อื่นมาเป็นเครื่องมือด้วยวิธีสกปรกแบบนี้”
“สกปรกอย่างนั้นเหรอ?” ป้องศักดิ์หัวเราะ “จะเล่นงานคนสกปรกอย่างนั้น มันต้องใช้วิธีแบบเดียวกันถึงจะได้ผล”
ปอนด์ไม่รู้ว่าป้องศักดิ์มีเรื่องอะไรกับริวกิ เขาแค่ไม่ชอบที่ตัวเองต้องตกอยู่ในวังวนแห่งปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แม้ริวกิจะเป็นคนอันตรายก็จริงอยู่ แต่สิ่งที่ริวกิแตกต่างจากป้องศักดิ์ก็คือ ริวกิไม่มีทางใช้คนบริสุทธิ์เพื่อเป็นเครื่องมือในการทำร้ายคนอื่นอย่างแน่นอน เขาเชื่อมั่นใจตัวริวกิแม้ว่าทั้งคู่จะรู้จักกันได้เพียงไม่นาน
“คนอย่างริวกิแม้จะดูไม่ค่อยน่าคบ แต่ฉันก็เชื่อว่าเขาไม่ได้เป็นคนชั่วร้ายอย่างที่แกพูดหรอกนะ” ปอนด์นึกถึงเรื่องราวที่ซินดี้เล่าตอนที่ริวกิไปช่วยเธอ ยิ่งทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวริวกิมากขึ้น
“แล้วริวกิคนที่แกคิดว่าดีนักดีหนา แกรู้จักมันด้วยตัวของแกเอง หรือฟังจากปากใครเล่ามาล่ะ”
ปอนด์นิ่งเงียบ อันที่จริงแล้วเขาก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าริวกิเป็นคนดีจริงหรือไม่ แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทำไมเขาถึงยากจะเชื่อว่าริวกิไม่ได้เลวร้าย ปอนด์อยากจะเชื่อเสียเหลือเกินว่าริวกิคนที่เขารู้จัก เป็นคนดีจริงๆ
“ฉันจะเล่าตัวตนที่แท้จริงที่ริวกิมันทำกับฉันให้แกหูตาสว่างเสียที” ปองศักดิ์จ้องหน้าปอนด์อย่างไม่ละสายตา “เมื่อหลายปีก่อนฉันเป็นนักข่าวอยู่ที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ฉันเป็นคนที่ บก. รักและเป็นดาวรุ่งที่ทุกคนจับตามองว่าอนาคตจะต้องไปได้ไกลอย่างแน่นอน เพราะฉันตั้งใจกับงานทุกชิ้น ทุกข่าวที่ฉันเสนอล้วนแต่สร้างประเด็นที่น่าสนใจให้สังคม น่าที่การงาน การเงินของฉันไปได้ด้วยดี”
“มันก็ดีแล้วนี่” ปอนด์ขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงประชด
“ใช่... มันดีมาก” ป้องศักดิ์แสยะยิ้ม “จนกระทั่งวันหนึ่งฉันได้รับรายงานจากสายข่าวถึงความผิดปกติของผู้ชายที่ชื่อริวกิ คนที่ใครๆต่างก็ขนานนามว่าเป็นเจ้าชายแห่งไนต์คลับ ว่าความจริงแล้วเบื้องหลังความสำเร็จของการเปิดกิจการของมัน มีนายตำรวจชั้นสูงคอยหนุนหลังอยู่ ซึ่งฉันคิดว่าแกก็คงรู้ว่านี่เป็นเรื่องจริง”
ปอนด์จำข่าวที่ป้องศักดิ์เล่าให้ฟังนี้ได้ และเขายังจำได้อีกว่าริวกิปฏิเสธไม่รู้จักตำรวจระดับสูงเป็นการส่วนตัว ซึ่งปอนด์รู้ได้ทันทีว่าริวกิโกหก นั่นเพราะรูปที่เขาถ่ายได้ก็คือรูปที่ริวกิกำลังสนทนากันอย่างลับๆกับตำรวจคนดังกล่าว
“จากนั้นฉันก็เริ่มตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะสังคมควรจะได้รู้ความจริงว่าพวกเขากำลังโดนเจ้าคนหน้าเงินนี่หลอกลวงอยู่ ข่าวเสียหายของคนที่ไม่มีตำหนิอย่างริวกิ ฉันเชื่อว่ามันจะต้องขายดีย่างแน่นอน” ป้องศักดิ์เล่าต่อทันทีเมื่อเห็นสีหน้าที่แปลกใจของปอนด์ “ฉันเริ่มสืบและขุดคุ้ยจนได้ข้อมูลพร้อมภาพถ่ายที่จะใช้เปิดโปงความลับของมัน แล้วเชื่อมั้ยว่าทันทีที่ฉันลงข่าวนี้ในเว็บไซต์ ทุกคนต่างให้ความสนใจกับข่าวนี้กันอย่างมากมาย”
“แล้วไงต่อล่ะ” ปอนด์ถามอย่างสงสัย
“หลังจากที่ข่าวของฉันได้ลงบนเว็บไซต์และกำลังจะได้ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้เป็นใบเบิกทางสู่อนาคตที่สวยหรูของฉัน แต่ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมา บก. กลับสั่งยกเลิกระงับการเสนอข่าวของฉัน และไล่ฉันออกโดยให้เหตุผลแค่ว่า ริวกิไม่พอใจกับข่าวนี้เป็นอย่างมาก” ป้องศักดิ์ส่งยิ้มอย่างเบื่อหน่ายให้ปอนด์ “คนอย่างริวกิมันก็ทำลายทุกคนที่ขวางทางมันนั่นแหละ มันใช้อำนาจและเงินทองจ่ายไปเพื่อแลกกับความสำเร็จ โดยไม่สนหรอกว่าชีวิตใครจะเป็นอย่างไร นี่แหละคือริวกิตัวจริง มันพร้อมจะทำทุกอย่างแค่เพื่อสนองความต้องการของมันเท่านั้น”
คำพูดของป้องศักดิ์ทำให้ปอนด์ฉุกคิดขึ้นมาได้ คนอย่างริวกิอาจจะไม่เคยจริงใจกับใครก็ได้ และสิ่งที่ริวกิมอบให้เขา มันอาจเป็นแค่เพื่อตอบสนองความต้องการในอารมณ์ของริวกิก็เท่านั้นเอง
“และหลังจากที่มันทำลายอนาคตของฉัน ฉันก็สัญญากับตัวเองว่าชาตินี้ฉันจะต้องล้างแค้นมันให้ได้” ป้องศักดิ์เสริมต่อทันที “แกคงรู้แล้วสินะว่าวิธีของฉันมันก็สกปรกไม่ต่างจากสิ่งที่ริวกิทำ”
“ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกกับริวกิจะมีปัญหาอะไรมาก่อนหน้านี้ แต่ฉันกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า ฉันไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และฉันก็ไม่ได้เป็นคนที่มีค่าพอให้ริวกิสนใจ สิ่งที่แกคิดทั้งหมดมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
“ฉันก็ไม่ได้ตั้งความหวังว่าการใช้แกเป็นเหยื่อล่อมันจะประสบความสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้ามันไม่ได้ผลฉันก็แค่หาแผนใหม่เพื่อใช้เล่นงานไอ้สารเลวนั่น”
“แกนี่มันเลวกว่าริวกิเสียอีก”
“ฉันควรจะภูมิใจการยกย่องของแกมั้ย” ป้องศักดิ์หัวเราะ “แกไม่ต้องรีบพิสูจน์รักแท้จากคู่รักวิปริตของแกหรอกนะ ฉันให้เลขาหน้าตาซื่อบื้อของมันส่งอีเมลล์ไปบอกข่าวมันที่ญี่ปุ่นแล้ว”
“ต... แต่ว่า...” ปอนด์ฉุกคิดถึงเรื่องที่ริวกิไปญี่ปุ่น เขาจำได้ว่าซินดี้บอกว่าริวกิไม่ได้ไปญี่ปุ่น แต่กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย นี่ก็แสดงว่าปองศักดิ์ไม่รู้เรื่องนี้และอาจจะไม่ใช่แก๊งค์ค้ายาที่กำลังมีปัญหากับริวกิในตอนนี้
“แต่ว่าอะไร” ป้องศักดิ์เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าปอนด์นิ่งเงียบไป
“เปล่า ฉันแค่ตกใจที่แกรู้เรื่องริวกิดี อย่างกับว่ามีคนในเป็นสายสืบให้”
“ฉันจะบอกอะไรให้แกรู้ไว้อีกอย่างนะ คนอย่างริวกิน่ะมีศัตรูอยู่รอบตัวแหละ มันเลยไม่กล้าไว้ใจใครแม้แต่กับเจสันก็ตาม”
“แล้วแกจะทำอะไรต่อหลังจากนี้”
“ฉันก็จะรอให้มันมาตามนัดในวันมะรืนนี้ แล้วฉันเอาชีวิตแกไปแลกกับชีวิตมัน”
“แต่ถ้าริวกิไม่มาตามที่นัดไว้ล่ะ”
“เรื่องนั้น…” ป้องศักดิ์ทำท่าครุ่นคิด “ฉันยังไม่ได้คิดแผนสำรองไว้”
ป้องศักดิ์จ้องมองไปที่ปอนด์ราวกับคิดอะไรไว้ในใจ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างช้าๆและเดินไปหาปอนด์ที่กำลังซุกตัวอยู่สุดขอบของหัวเตียง ความหวาดกลัวในใจปอนด์เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เขายังจำครั้งแรกที่ถูกริวกิจับตัวไปได้อย่างดี สถานการณ์มันช่างคล้ายคลึงกับช่วงเวลานี้เป็นอย่างมาก ปอนด์ได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้เกิดเรื่องเลวร้ายมากไปกว่านี้อีกเลย
“ความจริงหน้าตาแกก็ไม่เลวนะ” ป้องศักดิ์ใช้มือไล้ไปตามใบหน้าที่สั่นกลัวของปอนด์ “ไม่แปลกใจที่ทำไมริวกิถึงหันไปกินของแสลงได้”
“ก… แกจะทำอะไร” ปอนด์เค้นเสียงให้ดูน่ากลัวเพื่อข่มขู่ แต่เสียงที่ออกมากลับสั่นเครือแสดงออกถึงความหวาดกลัวอย่างชัดเจน
“ทำไม… แกกลัวว่าฉันจะหน้ามืดแล้วปล้ำแกเหรอ ฉันไม่ทำอะไรตกต่ำอย่างนั้นหรอก” ป้องศักดิ์หัวเราะทุ้มต่ำ “ถ้าไอ้ริวกิมันไม่มาตามที่นัด ฉันก็กะว่าจะเอาแกไปขายตามร้านที่มีเด็กขายบริการ หน้าตาผิวพรรณดีอย่างแกคงพอทำให้ฉันมีเงินสักก้อนไว้ต่อชีวิตได้”
“แก…”
ปอนด์เหวี่ยงกำหมัดที่ถูกผูกติดกันเข้าที่แก้มขวาของป้องศักดิ์อย่างจัง เขาจะไม่ยอมทนเป็นเหยื่อของใครอีกต่อไป แม้ร่างกายและสมองจะไม่เอื้ออำนวยให้ปอนด์ทำอะไรได้ดีกว่านี้ แต่นี่มันก็ทำให้เขาสะใจเล็กๆอยู่ในใจเมื่อเห็นป้องศักดิ์เซถอยไปเพราะแรงหมัดของเขา
“ฉันไม่ใช่สินค้าหรือของเล่นของใคร จำใส่สมองเลวๆของแกไว้ด้วย”
“ฤทธิ์เยอะใช่เล่นนะแก” ป้องศักดิ์ใช้มือขวานวดที่แก้มเบา “สงสัยฉันคงจะใจดีกับแกมากเกินไป”
ป้องศักดิ์เดินตรงเข้าไปหาปอนด์อย่างช้าๆ ก่อนจะเริ่มปล่อยหมัดซ้ายเข้าไปยังแก้มขวาของปอนด์เข้าอย่างจัง ปอนด์รู้สึกถึงความเจ็บที่สะเทือนไปจนถึงสมอง มันทำให้หัวของเขาเริ่มเบลออีกครั้ง
“ฉันจะไม่เอาให้แกถึงตายหรอกเจ้าหนู เพราะแกยังตายไม่ได้จนกว่างานจะเสร็จเข้าใจมั้ย” ป้องศักดิ์ขู่ในขณะที่เริ่มซัดหมัดขวาเข้าไปยังใบหน้าของปอนด์อีกครั้ง เขาหัวเราะอย่างสะใจ “คนอย่างฉันถ้าใครทำอะไรมา ฉันจะเอาคืนมันให้หนักกว่าที่ฉันได้รับ”
ริมฝีปากที่บอบบางของปอนด์เริ่มมีเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาจากรอยแตกสองถึงสามรอย เขาเริ่มรู้สึกในหัวหนักอึ้งและอ่อนล้าเหมือนคนกำลังจะตาย ชีวิตของปอนด์จะจบลงแค่นี้เองหรือ เขาต้องมาตายโดยที่ยังมีอะไรอีกหลายอย่างบนโลกนี้ที่ยังไม่ได้ทำ ไม่เอานะ! เขายังไม่อยากจะตาย ปอนด์เฝ้าคิดกับตัวเอง
“บัดซบเอ้ย” ป้องศักดิ์สบถอย่างอยาบคายก่อนจะต่อยลงไปยังท้องที่อ่อนแอของปอนด์อีกหลายครั้ง
ปอนด์ทรุดกองลงไปนอนขดตัวบนเตียงด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ทั้งอาการไข้ที่กำเริบขึ้นมา หน้าที่เริ่มชาจากการถูกต่อย และความรู้สึกจุกที่หน้าท้อง ปอนด์หลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยอ่อน สมองเริ่มอื้ออึงอีกครั้งและภาพต่างๆก็พร่ามัวลงเรื่อยๆ ปอนด์ได้แต่ตะโกนโดยที่ไร้เสียงว่า “ริวกิ” หากตอนนี้เขาได้ยาแก้ไขสักเม็ดก็คงดี ปอนด์ได้แต่คิดในใจก่อนที่จะปล่อยให้ตัวเองหมดสติลง
อาการปวดหัวเริ่มกระตุ้นให้ปอนด์ลืมตาตื่นขึ้นมา เขารู้สึกร้อนๆหนาวๆไปทั่วทั้งตัวเนื่องจากไข้ที่ยังไม่หายดีกลับหนักขึ้นอีกครั้ง ปอนด์เริ่มรวบรวมสมาธิเพื่อพยายามทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา
“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่งในห้องนี้
ปอนด์พยายามสำรวจว่าตัวเองอยู่ที่ไหนอย่างรวดเร็ว เขากวาดสายตาไปรอบๆห้องนอนที่เขาอยู่ ที่นี่ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แบบเก่าแต่ไม่ได้ดูหรูหราอะไร มีตู้เสื้อฟ้าไม้เก่าตั้งอยู่ด้านขวามือของปอนด์ และมีโต๊ะเตี้ยๆสำหรับตั้งโคมไฟอยู่ติดกับเตียง
“ใจเย็นๆ ไม่ต้องตกใจ” ชายคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปลายเตียงพูดขึ้น
“แกเป็นใคร?” ปอนด์พยายามลุกขึ้นเมื่อพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง ข้อเท้าของเขาถูกมัดติดกันเช่นเดียวกับข้อมือที่ถูกผูกไว้ข้างหน้าด้วยกันอย่างแน่นหนา
“แกไม่ต้องรู้จักฉันหรอก” ชายคนนั้นพูดขึ้นพลางวางเท้าพาดไว้บนเตียง “ฉันรู้จักแกก็พอ”
“แกต้องการอะไร แล้วที่นี่ที่ไหน?” ปอนด์พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ถามมากแบบนี้ สงสัยจะได้จบชีวิตก่อนเสร็จงานแล้วล่ะมั้ง”
“ถ้าอย่างนั้นก่อนฉันจะตาย ก็ช่วยบอกให้ฉันรู้หน่อยก็ยังดีว่าฉันควรจะตายเพราะอะไร”
“แกไม่ต้องรีบอยากจะตายหรอกเจ้าหนู ไว้ถึงเวลาแกก็จะได้ตายสมใจเอง”
ปอนด์จ้องไปยังใบหน้าที่ค่อนข้างซูบเซียวของชายคนนั้น เขาพยายามนึกว่าเคยรู้จักมาก่อนหรือเปล่า ปอนด์ไล่สังเกตทีละจุดตั้งแต่ผมรองทรงต่ำสีดำ ใบหน้าที่ผอมจนเกือบตอบ และดวงตาที่ฉายแววเศร้าหมองอยู่ตลอดเวลา เขาคาดเดาว่าผู้ชายคนนี้อายุน่าจะเท่าริวกิ หรือไม่ก็แก่กว่าสักสองถึงสามปี ส่วนนอกจากนี้เขาก็ไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากสิ่งที่พบเห็นได้อีกเลย
“ฉันได้ยินว่าแกมีภาพลับของไอ้ริวกิใช่มั้ย”
“ฉันเคยมี” ปอนด์พยายามประคองตัวเองให้นั่งพิงหัวเตียงในสภาพที่ถูกมัดอยู่
“หมายความว่าอะไร”
“ไฟล์ทั้งหมดที่ฉันเคยมีถูกริวกิเอาไปหมดแล้ว”
“ฉันไม่เชื่อแกหรอก” ชายคนนั้นตะคอกออกมา “แกเป็นคนของริวกิ ก็คงเป็นพวกหน้าซื่อใจทรามเหมือนมันนั่นแหละ”
“ฉันไม่ได้โกหก และฉันก็ไม่ใช่คนของริวกิด้วย”
“หาประโยคเอาตัวรอดที่มันฟังแล้วดูแนบเนียนกว่านี้ดีกว่ามั้ย” ชายคนนั้นหัวเราะอย่างเลือดเย็น “ฉันแอบสังเกตดูความเคลื่อนไหวของพวกแกมาสักพักแล้ว คนอย่างริวกิมันไม่ปล่อยให้คนนอกเข้าออกที่พักมันได้ง่ายๆหรอก”
“ฉันก็แค่...” ปอนด์คิดถึงเรื่องที่เขาจะเอาแฟลชไดร์ฟจากซินดี้ไปให้ริวกิ เขานึกขึ้นได้ว่าซินดี้กำชับไว้ว่าให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะหากพวกนี้เป็นแก๊งค์ค้ายา นั่นก็เท่ากับว่าเขารู้เรื่องเยอะเกินไป และอาจจะเป็นการผลักให้ชีวิตปอนด์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายลงกว่าเดิม “ฉันก็แค่จะไปสมัครงาน”
“ตำแหน่งอะไร” เสียงชายคนนั้นทุ้มต่ำลงและแฝงไปด้วยความเยือกเย็น “พนักงานบำเรอความใคร่ให้เจ้าพ่อจิตใจวิปริตเหรอ”
เสียงหัวเราะที่เย้ยหยันดังลั่นทั่วห้องนอน มันเป็นเสียงที่ทำให้ปอนด์รู้สึกกลัวและโกรธแค้น เขาโดนคนแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้ทำร้าย แล้วยังมีหน้ามาหาว่าเขาเป็นเด็กขายบริการอีก
“ฉันรู้เรื่องของพวกแกหมดแล้ว พวกแกมันก็วิปริตด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ” เสียงหัวเราะอย่างสะใจไล่ตามคำพูดมาอย่างรวดเร็ว
“ก... แกเป็นใครกันแน่” ปอนด์ถามทั้งๆที่หัวสมองเริ่มปวดแทบจะระเบิดอีกครั้ง
“ฉันจะบอกให้แกรู้ก็ได้ ฉันชื่อป้องศักดิ์ และฉันจะทำทุกอย่างเพื่อทำลายริวกิ”
“แกอยากจะทำอะไรก็ทำไปสิ มันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”
“เกี่ยวสิ เพราะแกคือจุดอ่อนในชีวิตของริวกิ อีกไม่นานมันก็ต้องโผล่มาช่วยชู้รักที่น่ารังเกียจอย่างแกไป”
“ไม่มีทาง แกคงวางแผนผิดแล้วล่ะ เพราะฉันกับริวกิไม่ได้มีความสำคัญต่อกัน เขาไม่มีทางมาช่วยฉันหรอก แกปล่อยฉันไปดีกว่าแล้วฉันสัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”
“จะเป็นหรือไม่เป็นไม่นานก็รู้ ฉันรู้จักคนอย่างริวกิดี” ป้องศักดิ์ทำท่าคิด “แต่จะว่าไปฉันก็ไม่ได้รู้ดีไปเสียทุกเรื่องหรอกจริงมั้ย”
“ใช่...”
“โดยเฉพาะเรื่องที่ริวกิเป็นพวกผิดเพศ มันทำฉันอึ้งไปเลยว่ะ” ป้องศักดิ์หัวเราะราวอย่างเยาะเย้ย “ฉันก็ไม่เคยเห็นมันเป็นข่าวกับผู้หญิงหน้าไหน ที่แท้มันก็ชอบผู้ชายด้วยกัน น่าสมเพชให้กับความทุเรศของมันจริงๆ”
“มันจะมากไปแล้วนะ”
ปอนด์เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมาในทันใด ผู้ชายคนนี้มีดีอะไรถึงได้มาดูถูกคนอื่นได้หยาบคายแบบนี้ ทั้งตัวเขาและริวกิต่างก็ไม่ได้ทำตัวให้ใครเดือดร้อน หรือน่ารังเกียจขนาดนั้น ทำไมเจ้าบ้านี่ถึงพูดจาได้ร้ายกาจถึงเพียงนี้
“นายดีแต่ว่าคนอื่น แล้วคนอย่างนายล่ะทำตัวไม่ต่างกับพวกหมาบ้าไล่กัดชาวบ้านไปทั่ว”
“โอ้โห... นี่แกกำลังเดือดร้อนแทนคนรักอย่างนั้นสินะ”
“ถึงจะไม่ใช่ริวกิแกก็ไม่เห็นต้องใช้คำพูดที่รุนแรงขนาดนี้ ทำไมแกไม่ลองคิดถึงสิ่งที่แกทำกับฉันดูล่ะ ว่ามันน่ายกย่องอย่างนั้นน่ะเหรอ”
“แกก็คงเป็นอีกคนที่หลงในความดีและเบื้องหน้าจอมปลอมของไอ้ริวกินะ”
“เปล่าเลย... ฉันตัดสินคนจากการกระทำ สิ่งที่แกทำกับฉัน ทำร้ายร่างกายฉัน จับฉันมามัดไว้แบบนี้ มันเป็นสิ่งที่ฉันควรจะขอบคุณอย่างนั้นเหรอ แกจะเล่นงานริวกิแกก็ไม่ควรจะใช้อื่นมาเป็นเครื่องมือด้วยวิธีสกปรกแบบนี้”
“สกปรกอย่างนั้นเหรอ?” ป้องศักดิ์หัวเราะ “จะเล่นงานคนสกปรกอย่างนั้น มันต้องใช้วิธีแบบเดียวกันถึงจะได้ผล”
ปอนด์ไม่รู้ว่าป้องศักดิ์มีเรื่องอะไรกับริวกิ เขาแค่ไม่ชอบที่ตัวเองต้องตกอยู่ในวังวนแห่งปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แม้ริวกิจะเป็นคนอันตรายก็จริงอยู่ แต่สิ่งที่ริวกิแตกต่างจากป้องศักดิ์ก็คือ ริวกิไม่มีทางใช้คนบริสุทธิ์เพื่อเป็นเครื่องมือในการทำร้ายคนอื่นอย่างแน่นอน เขาเชื่อมั่นใจตัวริวกิแม้ว่าทั้งคู่จะรู้จักกันได้เพียงไม่นาน
“คนอย่างริวกิแม้จะดูไม่ค่อยน่าคบ แต่ฉันก็เชื่อว่าเขาไม่ได้เป็นคนชั่วร้ายอย่างที่แกพูดหรอกนะ” ปอนด์นึกถึงเรื่องราวที่ซินดี้เล่าตอนที่ริวกิไปช่วยเธอ ยิ่งทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวริวกิมากขึ้น
“แล้วริวกิคนที่แกคิดว่าดีนักดีหนา แกรู้จักมันด้วยตัวของแกเอง หรือฟังจากปากใครเล่ามาล่ะ”
ปอนด์นิ่งเงียบ อันที่จริงแล้วเขาก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าริวกิเป็นคนดีจริงหรือไม่ แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทำไมเขาถึงยากจะเชื่อว่าริวกิไม่ได้เลวร้าย ปอนด์อยากจะเชื่อเสียเหลือเกินว่าริวกิคนที่เขารู้จัก เป็นคนดีจริงๆ
“ฉันจะเล่าตัวตนที่แท้จริงที่ริวกิมันทำกับฉันให้แกหูตาสว่างเสียที” ปองศักดิ์จ้องหน้าปอนด์อย่างไม่ละสายตา “เมื่อหลายปีก่อนฉันเป็นนักข่าวอยู่ที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ฉันเป็นคนที่ บก. รักและเป็นดาวรุ่งที่ทุกคนจับตามองว่าอนาคตจะต้องไปได้ไกลอย่างแน่นอน เพราะฉันตั้งใจกับงานทุกชิ้น ทุกข่าวที่ฉันเสนอล้วนแต่สร้างประเด็นที่น่าสนใจให้สังคม น่าที่การงาน การเงินของฉันไปได้ด้วยดี”
“มันก็ดีแล้วนี่” ปอนด์ขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงประชด
“ใช่... มันดีมาก” ป้องศักดิ์แสยะยิ้ม “จนกระทั่งวันหนึ่งฉันได้รับรายงานจากสายข่าวถึงความผิดปกติของผู้ชายที่ชื่อริวกิ คนที่ใครๆต่างก็ขนานนามว่าเป็นเจ้าชายแห่งไนต์คลับ ว่าความจริงแล้วเบื้องหลังความสำเร็จของการเปิดกิจการของมัน มีนายตำรวจชั้นสูงคอยหนุนหลังอยู่ ซึ่งฉันคิดว่าแกก็คงรู้ว่านี่เป็นเรื่องจริง”
ปอนด์จำข่าวที่ป้องศักดิ์เล่าให้ฟังนี้ได้ และเขายังจำได้อีกว่าริวกิปฏิเสธไม่รู้จักตำรวจระดับสูงเป็นการส่วนตัว ซึ่งปอนด์รู้ได้ทันทีว่าริวกิโกหก นั่นเพราะรูปที่เขาถ่ายได้ก็คือรูปที่ริวกิกำลังสนทนากันอย่างลับๆกับตำรวจคนดังกล่าว
“จากนั้นฉันก็เริ่มตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะสังคมควรจะได้รู้ความจริงว่าพวกเขากำลังโดนเจ้าคนหน้าเงินนี่หลอกลวงอยู่ ข่าวเสียหายของคนที่ไม่มีตำหนิอย่างริวกิ ฉันเชื่อว่ามันจะต้องขายดีย่างแน่นอน” ป้องศักดิ์เล่าต่อทันทีเมื่อเห็นสีหน้าที่แปลกใจของปอนด์ “ฉันเริ่มสืบและขุดคุ้ยจนได้ข้อมูลพร้อมภาพถ่ายที่จะใช้เปิดโปงความลับของมัน แล้วเชื่อมั้ยว่าทันทีที่ฉันลงข่าวนี้ในเว็บไซต์ ทุกคนต่างให้ความสนใจกับข่าวนี้กันอย่างมากมาย”
“แล้วไงต่อล่ะ” ปอนด์ถามอย่างสงสัย
“หลังจากที่ข่าวของฉันได้ลงบนเว็บไซต์และกำลังจะได้ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้เป็นใบเบิกทางสู่อนาคตที่สวยหรูของฉัน แต่ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมา บก. กลับสั่งยกเลิกระงับการเสนอข่าวของฉัน และไล่ฉันออกโดยให้เหตุผลแค่ว่า ริวกิไม่พอใจกับข่าวนี้เป็นอย่างมาก” ป้องศักดิ์ส่งยิ้มอย่างเบื่อหน่ายให้ปอนด์ “คนอย่างริวกิมันก็ทำลายทุกคนที่ขวางทางมันนั่นแหละ มันใช้อำนาจและเงินทองจ่ายไปเพื่อแลกกับความสำเร็จ โดยไม่สนหรอกว่าชีวิตใครจะเป็นอย่างไร นี่แหละคือริวกิตัวจริง มันพร้อมจะทำทุกอย่างแค่เพื่อสนองความต้องการของมันเท่านั้น”
คำพูดของป้องศักดิ์ทำให้ปอนด์ฉุกคิดขึ้นมาได้ คนอย่างริวกิอาจจะไม่เคยจริงใจกับใครก็ได้ และสิ่งที่ริวกิมอบให้เขา มันอาจเป็นแค่เพื่อตอบสนองความต้องการในอารมณ์ของริวกิก็เท่านั้นเอง
“และหลังจากที่มันทำลายอนาคตของฉัน ฉันก็สัญญากับตัวเองว่าชาตินี้ฉันจะต้องล้างแค้นมันให้ได้” ป้องศักดิ์เสริมต่อทันที “แกคงรู้แล้วสินะว่าวิธีของฉันมันก็สกปรกไม่ต่างจากสิ่งที่ริวกิทำ”
“ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกกับริวกิจะมีปัญหาอะไรมาก่อนหน้านี้ แต่ฉันกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า ฉันไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และฉันก็ไม่ได้เป็นคนที่มีค่าพอให้ริวกิสนใจ สิ่งที่แกคิดทั้งหมดมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
“ฉันก็ไม่ได้ตั้งความหวังว่าการใช้แกเป็นเหยื่อล่อมันจะประสบความสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้ามันไม่ได้ผลฉันก็แค่หาแผนใหม่เพื่อใช้เล่นงานไอ้สารเลวนั่น”
“แกนี่มันเลวกว่าริวกิเสียอีก”
“ฉันควรจะภูมิใจการยกย่องของแกมั้ย” ป้องศักดิ์หัวเราะ “แกไม่ต้องรีบพิสูจน์รักแท้จากคู่รักวิปริตของแกหรอกนะ ฉันให้เลขาหน้าตาซื่อบื้อของมันส่งอีเมลล์ไปบอกข่าวมันที่ญี่ปุ่นแล้ว”
“ต... แต่ว่า...” ปอนด์ฉุกคิดถึงเรื่องที่ริวกิไปญี่ปุ่น เขาจำได้ว่าซินดี้บอกว่าริวกิไม่ได้ไปญี่ปุ่น แต่กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย นี่ก็แสดงว่าปองศักดิ์ไม่รู้เรื่องนี้และอาจจะไม่ใช่แก๊งค์ค้ายาที่กำลังมีปัญหากับริวกิในตอนนี้
“แต่ว่าอะไร” ป้องศักดิ์เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าปอนด์นิ่งเงียบไป
“เปล่า ฉันแค่ตกใจที่แกรู้เรื่องริวกิดี อย่างกับว่ามีคนในเป็นสายสืบให้”
“ฉันจะบอกอะไรให้แกรู้ไว้อีกอย่างนะ คนอย่างริวกิน่ะมีศัตรูอยู่รอบตัวแหละ มันเลยไม่กล้าไว้ใจใครแม้แต่กับเจสันก็ตาม”
“แล้วแกจะทำอะไรต่อหลังจากนี้”
“ฉันก็จะรอให้มันมาตามนัดในวันมะรืนนี้ แล้วฉันเอาชีวิตแกไปแลกกับชีวิตมัน”
“แต่ถ้าริวกิไม่มาตามที่นัดไว้ล่ะ”
“เรื่องนั้น…” ป้องศักดิ์ทำท่าครุ่นคิด “ฉันยังไม่ได้คิดแผนสำรองไว้”
ป้องศักดิ์จ้องมองไปที่ปอนด์ราวกับคิดอะไรไว้ในใจ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างช้าๆและเดินไปหาปอนด์ที่กำลังซุกตัวอยู่สุดขอบของหัวเตียง ความหวาดกลัวในใจปอนด์เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เขายังจำครั้งแรกที่ถูกริวกิจับตัวไปได้อย่างดี สถานการณ์มันช่างคล้ายคลึงกับช่วงเวลานี้เป็นอย่างมาก ปอนด์ได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้เกิดเรื่องเลวร้ายมากไปกว่านี้อีกเลย
“ความจริงหน้าตาแกก็ไม่เลวนะ” ป้องศักดิ์ใช้มือไล้ไปตามใบหน้าที่สั่นกลัวของปอนด์ “ไม่แปลกใจที่ทำไมริวกิถึงหันไปกินของแสลงได้”
“ก… แกจะทำอะไร” ปอนด์เค้นเสียงให้ดูน่ากลัวเพื่อข่มขู่ แต่เสียงที่ออกมากลับสั่นเครือแสดงออกถึงความหวาดกลัวอย่างชัดเจน
“ทำไม… แกกลัวว่าฉันจะหน้ามืดแล้วปล้ำแกเหรอ ฉันไม่ทำอะไรตกต่ำอย่างนั้นหรอก” ป้องศักดิ์หัวเราะทุ้มต่ำ “ถ้าไอ้ริวกิมันไม่มาตามที่นัด ฉันก็กะว่าจะเอาแกไปขายตามร้านที่มีเด็กขายบริการ หน้าตาผิวพรรณดีอย่างแกคงพอทำให้ฉันมีเงินสักก้อนไว้ต่อชีวิตได้”
“แก…”
ปอนด์เหวี่ยงกำหมัดที่ถูกผูกติดกันเข้าที่แก้มขวาของป้องศักดิ์อย่างจัง เขาจะไม่ยอมทนเป็นเหยื่อของใครอีกต่อไป แม้ร่างกายและสมองจะไม่เอื้ออำนวยให้ปอนด์ทำอะไรได้ดีกว่านี้ แต่นี่มันก็ทำให้เขาสะใจเล็กๆอยู่ในใจเมื่อเห็นป้องศักดิ์เซถอยไปเพราะแรงหมัดของเขา
“ฉันไม่ใช่สินค้าหรือของเล่นของใคร จำใส่สมองเลวๆของแกไว้ด้วย”
“ฤทธิ์เยอะใช่เล่นนะแก” ป้องศักดิ์ใช้มือขวานวดที่แก้มเบา “สงสัยฉันคงจะใจดีกับแกมากเกินไป”
ป้องศักดิ์เดินตรงเข้าไปหาปอนด์อย่างช้าๆ ก่อนจะเริ่มปล่อยหมัดซ้ายเข้าไปยังแก้มขวาของปอนด์เข้าอย่างจัง ปอนด์รู้สึกถึงความเจ็บที่สะเทือนไปจนถึงสมอง มันทำให้หัวของเขาเริ่มเบลออีกครั้ง
“ฉันจะไม่เอาให้แกถึงตายหรอกเจ้าหนู เพราะแกยังตายไม่ได้จนกว่างานจะเสร็จเข้าใจมั้ย” ป้องศักดิ์ขู่ในขณะที่เริ่มซัดหมัดขวาเข้าไปยังใบหน้าของปอนด์อีกครั้ง เขาหัวเราะอย่างสะใจ “คนอย่างฉันถ้าใครทำอะไรมา ฉันจะเอาคืนมันให้หนักกว่าที่ฉันได้รับ”
ริมฝีปากที่บอบบางของปอนด์เริ่มมีเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาจากรอยแตกสองถึงสามรอย เขาเริ่มรู้สึกในหัวหนักอึ้งและอ่อนล้าเหมือนคนกำลังจะตาย ชีวิตของปอนด์จะจบลงแค่นี้เองหรือ เขาต้องมาตายโดยที่ยังมีอะไรอีกหลายอย่างบนโลกนี้ที่ยังไม่ได้ทำ ไม่เอานะ! เขายังไม่อยากจะตาย ปอนด์เฝ้าคิดกับตัวเอง
“บัดซบเอ้ย” ป้องศักดิ์สบถอย่างอยาบคายก่อนจะต่อยลงไปยังท้องที่อ่อนแอของปอนด์อีกหลายครั้ง
ปอนด์ทรุดกองลงไปนอนขดตัวบนเตียงด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ทั้งอาการไข้ที่กำเริบขึ้นมา หน้าที่เริ่มชาจากการถูกต่อย และความรู้สึกจุกที่หน้าท้อง ปอนด์หลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยอ่อน สมองเริ่มอื้ออึงอีกครั้งและภาพต่างๆก็พร่ามัวลงเรื่อยๆ ปอนด์ได้แต่ตะโกนโดยที่ไร้เสียงว่า “ริวกิ” หากตอนนี้เขาได้ยาแก้ไขสักเม็ดก็คงดี ปอนด์ได้แต่คิดในใจก่อนที่จะปล่อยให้ตัวเองหมดสติลง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ