The Revenge ความแค้นที่หอมหวาน
9.2
เขียนโดย MeTang
วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 04.06 น.
36 ตอน
10 วิจารณ์
42.63K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 15.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
23) ตอนที่ 23
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ อากาศภายนอกของเช้านี้เย็นสบาย แตกต่างจากอุณหภูมิในร่างกายภายในของปอนด์ที่สูงเกือบสี่สิบองศา แต่ภายนอกกลับหนาวสั่นขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างทรมาน เขาไม่อาจข่มตาให้หลับได้แม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงเวลารุ่งสางเท่านั้น เพราะภายในหัวปวดตุบตับราวกับจะระเบิดออกมา ทำให้ปอนด์ไม่อาจแกล้งทำเป็นลืมความผิดปกติในร่างกายนี้ได้
ความจริงแล้วหากเขาไม่เดินตากฝนเมื่อคืนนี้ เขาอาจไม่เป็นไข้ตัวร้อนขนาดนี้ และหากเขาไม่ไปหาริวกิ หัวใจที่แข็งแกร่งของเขาก็อาจยังปกติอยู่เช่นเดียวกัน ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาต้องเดินตากฝนมาไกลขนาดนี้ แม้แต่ตัวของปอนด์เองก็ไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้เช่นกัน
ปอนด์หอบสังขารที่ไม่ปกติไปยังตู้เสื้อผ้า เขาจำได้ว่าซ่อนยาที่ริวกิซื้อให้คราวก่อนไว้ในนั้น น่าจะพอมียาพาราแก้ไข้ให้เขากินเพื่อบรรเทาอาการได้บ้าง
“เจ้าบ้าริวกิ” ปอนด์บ่นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะโยนยาเข้าปากและดื่มน้ำตามลงไป
ร่างกายที่ถูกไข้หวัดรุมเร้าของปอนด์ค่อยๆทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่อ้างว้าง ก่อนจะขดตัวภายใต้ผ้าห่มดั่งเดิม น้ำตาอุ่นๆไหลรินออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิท ปอนด์รู้สึกเหนื่อยล้าและไร้เรี่ยวแรง เขาไม่อยากจะทำอะไรต่อไป ลึกๆแล้วปอนด์ก็คาดหวังว่า เขาจะไม่ต้องตื่นขึ้นมารับรู้อะไรอีกเลย ปอนด์ไม่รู้ว่าความคิดแบบนี้เกิดขึ้นเพราะอาการหลอนของไข้ หรือเพราะเขารู้สึกว่าโดนคนที่เขาเกลียดทอดทิ้งกันแน่
เวลาและยาช่วยรักษาอาการของปอนด์ให้ทุเลาขึ้น จากตัวที่ร้อนดั่งไฟให้เย็นลงมานิดหนึ่ง ปอนด์ยังคงนอนหลับฝันถึงใครบางคนอยู่ ในฝันช่างต่างจากความเป็นจริงลิบลับ จากใครคนนั้นที่เย็นชาและคอยรังแกปอนด์ แต่ในฝันกลับกลายเป็นสุภาพบุรุษที่อบอุ่นและคอยดูแลปอนด์แทบทุกอย่างก้าว ปอนด์สั่งให้ทำอะไรก็ทำเหมือนแมวเชื่องๆที่ขี้อ้อนเท่านั้น สำหรับปอนด์แล้วมันเป็นฝันที่ดีจนเขาไม่อยากจะตื่น
“ริวกิถ้านายดีแบบนี้ตั้งแต่แรก ฉันคงยอมนายดีๆไปนานแล้ว” ปอนด์ละเมอออกมา
แต่ช่วงเวลาแห่งความฝันไม่ว่าจะดีหรือร้ายย่อมมีจุดสิ้นสุด
“ปอนด์ ปอนด์ ปอนด์” เสียงเคาะประตูสลับกับเสียงขานชื่อดังขึ้น
แม้สติของปอนด์จะถูกกระชากกลับคืนมาแล้ว แต่ร่างกายกลับไม่ยอมทำตามที่คิดเลย อาการปวดเมื่อยและหัวสมองที่หนักอึ้งเข้ามาแทนที่ไข้ที่ลดลงไป เขาค่อยๆลุกขึ้นรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดให้เป็นปกติที่สุด เขาไม่อยากเจอใครในสภาพคนป่วย และยิ่งถ้าคนๆนั้นคือโจ๊ก มันอาจจะทำให้มีคนไม่สบายเพิ่มขึ้น
“มาแล้ว” ปอนด์ตะโกนลั่น ก่อนจะพยุงร่างกายตัวเองไปที่ประตู
“ทำไมเปิดช้าจัง ทำอะไรอยู่นี่” โจ๊กซักถามทันทีเมื่อเจอหน้าปอนด์
“เปล่า” ปอนด์พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด แม้มันจะยากเย็นก็ตาม “เพิ่งตื่น”
“บ่ายสองแล้วนะ ขี้เซาจริงๆ”
“ก็ไม่มีอะไรทำนี่หว่า”
“อ่ะนี่” โจ๊กยื่นกล่องขนมหม้อแกงให้ปอนด์ “ของฝาก”
“ขอบใจมาก” ปอนด์ยื่นมือมารับ ก่อนที่โจ๊กจะขยี้หัวปอนด์เบาๆอย่างเอ็นดู
“เฮ้ย ทำไมตัวร้อนจังวะ”
“ป... เปล่า”
“เปล่าอะไร ตัวร้อนจี๋ขนาดนี้” โจ๊กใช้หลังมือทาบไปที่หน้าผากที่ของปอนด์ “มานี่เลย”
โจ๊กลากมือปอนด์เข้าไปในห้อง เขาแย่งถุงขนมของฝากจากมือปอนด์วางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะจับตัวปอนด์ให้นั่งลงบนเตียง ปอนด์ที่กำลังมึนด้วยอาการไข้อยู่แล้วแม้จะตกใจนิดหน่อย แต่ก็ยอมทำตามแรงกระชากของโจ๊กแต่โดยดี
“กินยาหรือยัง” โจ๊กนั่งยองๆกับพื้น เงยหน้ามองปอนด์ที่นั่งอยู่บนเตียง
“กินแล้ว”
“แล้วกินข้าวหรืออะไรหรือยัง”
“ยัง... ไม่ค่อยหิว”
“เอาอย่างนี้ ฉันเช็ดตัวให้แก แล้วเดี๋ยวฉันออกไปหาซื้อข้าวต้มให้แกกิน” โจ๊กลุกขึ้นทำท่าทางจะถอดเสื้อยืดของปอนด์ออก
“เห้ย! จะบ้าเหรอ ไม่เอา” ปอนด์อุทานลั่น
“จะอายอะไรวะ ก็เพื่อนกัน เป็นผู้ชายเหมือนกันด้วย”
“ไม่เอาอะ ฉันเช็ดเองได้” ปอนด์ทำท่าทางกอดอก
“คราวก่อนที่ฉันไม่สบายแกยังเคยเช็ดตัวให้ฉันเลย คิดมากไปได้”
“ป... เปล่านะ”
“ถ้าเปล่าก็ชูแขนขึ้น ฉันจะได้ถอดเสื้อให้แกได้”
ปอนด์ได้แต่นิ่งเฉย เขาแค่ไม่เคยโดนใครเช็ดตัวมาก่อนในชีวิต มันทำให้ปอนด์รู้สึกทำตัวไม่ถูกและเขินอาย แม้ว่าจะสนิทกับโจ๊กแต่การถูกเนื้อต้องตัวกันในส่วนที่อยู่ใต้เสื้อผ้า ก็เป็นสิ่งที่ปอนด์ไม่ชิน
“ยังอีก” โจ๊กจับมือของปอนด์ให้ชูขึ้น ก่อนจะค่อยๆบรรจงถอดเสื้อยืดคอกลมของปอนด์ออก “อย่าเป็นเด็กดื้อนะครับ เดี๋ยวคุณหมอจับฉีดยาด้วยเข็มแท่งโต เจ็บตัวไม่รู้ด้วยนะครับ”
“ไอ้บ้า ทะลึ่ง”
โจ๊กค่อยๆกดปอนด์ให้นอนลงบนเตียง ก่อนที่จะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อหาผ้าขนหนูผืนเล็ก ไม่นานนักโจ๊กก็เดินเข้าไปยังห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กสีเหลืองที่ปอนด์ใช้พาดคอเวลาออกไปวิ่งตอนเช้าเมื่อปีก่อน
“แล้วนี่กินยาไปโอเคขึ้นบ้างหรือยัง” โจ๊กลงนั่งบนเตียงข้างๆปอนด์ก่อนจะค่อยเอาผ้าขนหนูที่หมาดๆ ซับลงไปตามใบหน้าที่เขินอายของปอนด์
“ก็โอเคแล้วล่ะ นอนอีกเดี๋ยวก็หายดีแล้วล่ะ”
“ผ้าเย็นไปมั้ย” โจ๊กเคลื่อนผ้าจากบนใบหน้าไปยังซอกคอ เขาเช็ดอย่างเบามือและทะนุถนอมที่สุด
“ไม่ล่ะ กำลังพอดี”
ปอนด์เริ่มรู้สึกเขินหนักกว่าเดิมเมื่อโจ๊กเริ่มลงไปเช็ดยังบริเวณหน้าอกของเขา มันเกิดเป็นความรู้สึกแปลกเมื่อมีคนมาลูบไล้ยังจุดที่ไม่ได้ให้ใครมาสัมผัสง่ายๆ แม้จะผ่านผ้าที่พับไว้อยู่ก็ตาม
“เป็นอะไรไปหน้าแดงเชียว ไข้ขึ้นเหรอ” โจ๊กถาม
“ป... เปล่า”
“รู้สึกดีมั้ย” โจ๊กถามขณะที่กำลังวนผ้าขนหนูไปทั่วแผงอกที่ขาวเนียนของปอนด์
“อื้อ” ปอนด์หลับตาพริ้ม
“ก็ดีแล้ว” โจ๊กเริ่มเคลื่อนผ้าลงไปยังแถวๆหน้าท้องของปอนด์ “ว่าแต่ไปทำอะไรมา ทำไมถึงไม่สบาย”
คำถามของโจ๊กมาไวพร้อมกับความรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกของปอนด์ มันแล่นผ่านช่องหูของเขาเดินทางไปถึงยังหัวใจอย่างรวดเร็ว “นั่นน่ะสิ เขาไปทำอะไรมา ทำไมเขาถึงไม่สบาย แล้วที่เป็นอยู่นี้มันเพื่อใคร?”
ภาพของริวกิผุดขึ้นมาในหัวของปอนด์ เขาไม่รู้ว่าอะไรถึงทำให้เขารู้สึกเสียใจได้ขนาดนี้ การที่ริวกิหายตัวไปโดยไม่รู้ว่าจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ แค่เรื่องนี้เท่านั้นหรือที่ทำให้เขารู้สึกแย่ ปอนด์เผลอคิดไปว่าบางทีหากคนที่เช็ดตัวเขาอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่โจ๊กแต่เป็นริวกิ เขาอาจจะรู้สึกดีที่ได้เป็นไข้กว่านี้ก็ได้
ความอัดอั้นและคับแค้นของปอนด์เริ่มกลั่นตัวออกมาเป็นน้ำตาอีกครั้ง เขาอยากจะรู้จริงๆว่าตอนนี้ริวกิจะอยู่ที่ไหน ถ้าหมอนั้นรู้ว่าเขาไม่สบายแบบนี้ จะตามมาดูแลหรือเปล่า
“เฮ้ยเป็นอะไรไป” โจ๊กร้องลั่นเมื่อเห็นดวงตาของปอนด์ที่ปริ่มน้ำตา “แกปวดอะไรตรงไหน หรือฉันทำอะไรตรงไหนแรงไปมั้ย”
“ไม่” ปอนด์จับมือโจ๊กที่กำลังจะเอื้อมไปแตะหน้าผากของเขาไว้ “ฉันไม่เป็นไร”
“แล้วทำท่าเหมือนจะร้องทำไม”
“ฉัน... ปวดหัวนิดหน่อยอยากนอนพัก”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปซื้อข้าวต้มมาให้นะ”
“ไม่เป็นไร ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“แต่...”
“ขอร้อง ฉันอยากนอนพักโดยที่ไม่มีใครรบกวน”
“หมู่นี้แกแปลกๆไปว่ะ” โจ๊กลุกขึ้น ในมือของเขากำผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดตัวปอนด์ไว้แน่น “เดี๋ยวฉันเอาผ้าขนหนูนี่ไปซักให้แล้วกันนะ”
“ขอโทษด้วยนะโจ๊ก”
“ฉันก็อยากพูดคำว่าไม่เป็นไร แล้วไม่รู้สึกอะไรให้ได้เหมือนแกนะ”
“หมายความว่าอะไร” ปอนด์ถาม
“สงสัยฉันต้องพยายามให้มากกว่านี้” โจ๊กยิ้มให้ปอนด์อย่างอบอุ่น ก่อนจะดึงผ้าที่ปลายเท้าขึ้นมาห่มร่างของปอนด์ที่เปลือยเปล่า “ไปนะ มีอะไรก็บอกแล้วกัน”
ปอนด์ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของโจ๊กสักเท่าไหร่นัก อาจเพราะสมองที่อื้ออึงของเขายังไม่พร้อมจะคิดอะไรที่ซับซ้อน แค่เรื่องของริวกิที่อยู่ในหัวของเขา ก็เกินที่หัวใจดวงน้อยๆที่บอบบางของปอนด์จะรับมือได้ เขาหลับตาลงและดึงผ้าห่มไว้แน่น ความรู้สึกที่มีต่อริวกิเริ่มตามมาหลอกหลอน ทั้งโกรธแค้น ทั้งคิดถึง ปอนด์เฝ้าถามกับตัวเองว่านี่ใช่อาการของคนอกหักหรือไม่ เขาจะใจง่ายรักใครเร็วเกินไปหรือเปล่า ยิ่งเป็นกับผู้ชายแล้วมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ?
แสงอาทิตย์สุดท้ายของวันลับหายไปปล่อยให้จันทราทำหน้าที่แทนในยามค่ำคืน ปอนด์ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรู้สึกที่สดชื่นกว่าเก่า แม้จะยังไม่หายดีทั้งหมด แต่ร่างกายของเขาก็เริ่มทำงานได้ปกติมากขึ้น โดยเฉพาะกระเพาะอาหารที่เริ่มส่งเสียงร้องขออะไรสักอย่าง เพื่อไปเติมเต็มท้องที่ว่างเปล่า
ปอนด์เดินไปนั่งที่โต๊ะคว้าขนมหม้อแกงที่โจ๊กซื้อมาฝากเพื่อแก้ไขความหิวของตัวเอง เขายังรู้สึกมึนหัวนิดๆ และอุณหภูมิในร่างกายก็เกือบจะเป็นปกติ ปอนด์นั่งกินของฝากจนเกือบหมดด้วยความหิว แม้ว่าต่อมรับรสของเขาจะยังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร
เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือของปอนด์ดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เขาเดินโซเซไปหยิบมือถือที่ตั้งอยู่บนเตียงอย่างอืดอาด การเดินในห้องแคบๆที่คุ้นเคยในยามที่ไม่สบายนี้ เป็นเรื่องที่ทำได้ยากขึ้นสำหรับปอนด์
“สวัสดีครับ” ปอนด์กดรับสายทันที โดยไม่ได้ดูว่าเป็นใครโทรมา เพราะสมองของเขาไม่อาจสั่งการอะไรที่ยุ่งยากจนเกินไปได้
“สวัสดีค่ะคุณเกรียงไกร” ผู้หญิงปลายสายพูดอย่างตื่นตัว “ฉันซินดี้ค่ะ ฉันมีเวลาไม่มากขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะคะ”
“เอ่อ...”
“คุณไปพบคุณริวกิมาแล้วใช่มั้ยคะ?”
“ครับ”
“ดิฉันทราบเรื่องแล้วค่ะว่าคุณริวกิไม่อยู่ที่ออฟฟิศ ตอนนี้สายข่าวของฉันรายงานมาว่าคุณริวกิถูกพวกค้ายาวางแผนลอบทำร้ายคุณริวกิระหว่างการเดินทางไปที่สนามบิน และตอนนี้คุณริวกิกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศ”
“แล้วริวกิเป็นอะไรมากมั้ยครับ” ปอนด์ถามด้วยความตกใจ
“ได้เจสันดูแลไม่น่าจะเป็นอะไรมากค่ะ แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นก็คือตอนนี้พวกแก๊งค์ค้ายาน่าจะรู้แหล่งที่ซ่อนของคุณริวกิ และกำลังจะวางแผนลบสังหารคุณริวกิในอีกไม่นานค่ะ”
“ล... แล้วจะทำอย่างไรรับ” ปอนด์ตื่นตระหนกเมื่อได้ยินข่าวร้าย
“ฉันอยากจะรบกวนคุณเกรียงไกรมาพบดิฉันอีกสักครั้งเพื่อนำข่าวและข้อมูลลับไปให้ท่านริวกิหน่อยค่ะ”
“ตอนนี้คุณซินดี้อยู่ที่ไหนครับ”
เป็นข่าวที่น่าใจหายสำหรับปอนด์มาก เขาไม่คิดว่าคนอย่างริวกิจะสิ้นท่าและตกอยู่ในอันตรายได้ง่าย แต่อย่างว่าในวงการนี้อะไรก็เป็นสิ่งไม่แน่นอน ปอนด์รู้สึกเป็นห่วงริวกิมาก มากเสียจนคิดถึงตัวเองน้อยลงไปทุกที แม้เมื่อก่อนเขาจะอยากให้ริวกิหายไปจากชีวิตของเขา ก็ไม่ได้หมายความว่าปอนด์อยากจะให้ริวกิตาย
“ตอนนี้ดิฉันอยู่ที่สนามบินค่ะ ดิฉันเองก็แย่เหมือนกันจนต้องหนีไปซ่อนตัวที่ต่างประเทศสักพัก”
“สนามบินไหนครับ เดี๋ยวผมจะรีบไป”
“สุวรรณภูมิค่ะ”
“แล้วเจอกันนะครับ”
“เดี๋ยวค่ะคุณเกรียงไกร”
“มีอะไรครับ”
“ภาพที่คุณส่งมาขายที่สำนักข่าวเรายังอยู่ใช่มั้ยคะ?”
“มีอะไรเหรอครับ?”
“เก็บมันไว้ให้ดีๆนะคะ เพราะอาจมีคนไม่หวังดีใช้รูปภาพนั้นทำร้ายคุณริวกิได้”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมคิดว่ามันปลอดภัยที่สุดแล้วครับตอนนี้”
“ดีค่ะ ถึงที่สนามบินแล้วโทรหาดิฉันนะคะ”
“ครับ”
ปอนด์วางสายด้วยจิตใจที่ร้อนรน เขาก็ไม่รู้ทำไมปัญหาที่ต้องเจอมักจะพัวพันกับผู้ชายที่ชื่อริวกิ และที่สับสนไปกว่านั้นคือทำไมเขาต้องช่วยเหลือและเป็นห่วงผู้ชายคนนั้นมากมายขนาดนี้ ไม่ใช่คนในครอบครัว ไม่ใช่แม้แต่เพื่อน หรือแม้แต่จะเรียกว่าคนรู้จักก็อาจจะไม่ได้ด้วยซ้ำไป
ท่ามกลางความกระวนกระวายที่เกิดขึ้นจนปอนด์ไปจนเกือบสนิทว่าตัวเองยังมีไข้อยู่ แม้จะพอทุเลาลงไปบ้างแล้ว แต่มันก็พร้อมจะทรุดลงได้หากไม่ได้ดูแลตัวเองให้ดี
ด้วยความใจร้อนปอนด์รีบออกจากหอไปอย่างเร่งรีบ เขาตั้งใจว่าจะเดินไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าปากซอย แม้จะสวมเสื้อแขนยาวทับเสื้อยืดคอกลมไว้ แต่ปอนด์ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ดี
ปอนด์เดินผ่านรถตู้ที่จอดอยู่ในซอยเปลี่ยวอย่างไม่สนใจ ตอนนี้ใจของเขาอยู่กับริวกิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และด้วยความชะล่าใจของเขานี่เอง
“ขอโทษนะครับ” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาจากข้างหลังของปอนด์
เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ปอนด์หันหลังไปหาเจ้าของเสียง หมัดหนักๆก็สวนเข้าไปยังท้องของเขาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกจุกและหายใจไม่ออกถาโถมเข้าใส่ตัวของเขา ก่อนที่หมัดที่สองจะซ้ำไปยังจุดเดิม ปอนด์ล้มลงไปงอตัวโดยที่ไม่ทันแม้จะได้เห็นหน้าว่าเป็นใคร เขาพยายามสูดหายใจเข้า ส่วนปากก็พยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่ความเจ็บและจุกแน่นทำให้เขาไม่สามารถเปล่งเสียงอะไรออกมาได้เลย
ปอนด์ถูกปิดตาด้วยผ้าสีขาว และถูกยกไปยังรถตู้ที่จอดรอไว้ เขารู้สึกเหนื่อยอ่อนและหายใจติดขัด ความหนาวเย็นเริ่มจับตัวตามร่างกายของเขาอีกครั้ง สมองเริ่มพล่ามัวและลางเลือน ปอนด์สลบไปเพราะความอ่อนแอของร่างกาย และเสียงสุดท้ายที่ปอนด์ได้ยินก่อนจะหมดสติก็คือ
“ได้ตัวแล้ว ไม่ผิดคนแน่นอน”
ปอนด์ไม่มีโอกาสได้ตั้งคำถามหรือหาคำตอบใดๆในตอนนี้
ความจริงแล้วหากเขาไม่เดินตากฝนเมื่อคืนนี้ เขาอาจไม่เป็นไข้ตัวร้อนขนาดนี้ และหากเขาไม่ไปหาริวกิ หัวใจที่แข็งแกร่งของเขาก็อาจยังปกติอยู่เช่นเดียวกัน ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาต้องเดินตากฝนมาไกลขนาดนี้ แม้แต่ตัวของปอนด์เองก็ไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้เช่นกัน
ปอนด์หอบสังขารที่ไม่ปกติไปยังตู้เสื้อผ้า เขาจำได้ว่าซ่อนยาที่ริวกิซื้อให้คราวก่อนไว้ในนั้น น่าจะพอมียาพาราแก้ไข้ให้เขากินเพื่อบรรเทาอาการได้บ้าง
“เจ้าบ้าริวกิ” ปอนด์บ่นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะโยนยาเข้าปากและดื่มน้ำตามลงไป
ร่างกายที่ถูกไข้หวัดรุมเร้าของปอนด์ค่อยๆทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่อ้างว้าง ก่อนจะขดตัวภายใต้ผ้าห่มดั่งเดิม น้ำตาอุ่นๆไหลรินออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิท ปอนด์รู้สึกเหนื่อยล้าและไร้เรี่ยวแรง เขาไม่อยากจะทำอะไรต่อไป ลึกๆแล้วปอนด์ก็คาดหวังว่า เขาจะไม่ต้องตื่นขึ้นมารับรู้อะไรอีกเลย ปอนด์ไม่รู้ว่าความคิดแบบนี้เกิดขึ้นเพราะอาการหลอนของไข้ หรือเพราะเขารู้สึกว่าโดนคนที่เขาเกลียดทอดทิ้งกันแน่
เวลาและยาช่วยรักษาอาการของปอนด์ให้ทุเลาขึ้น จากตัวที่ร้อนดั่งไฟให้เย็นลงมานิดหนึ่ง ปอนด์ยังคงนอนหลับฝันถึงใครบางคนอยู่ ในฝันช่างต่างจากความเป็นจริงลิบลับ จากใครคนนั้นที่เย็นชาและคอยรังแกปอนด์ แต่ในฝันกลับกลายเป็นสุภาพบุรุษที่อบอุ่นและคอยดูแลปอนด์แทบทุกอย่างก้าว ปอนด์สั่งให้ทำอะไรก็ทำเหมือนแมวเชื่องๆที่ขี้อ้อนเท่านั้น สำหรับปอนด์แล้วมันเป็นฝันที่ดีจนเขาไม่อยากจะตื่น
“ริวกิถ้านายดีแบบนี้ตั้งแต่แรก ฉันคงยอมนายดีๆไปนานแล้ว” ปอนด์ละเมอออกมา
แต่ช่วงเวลาแห่งความฝันไม่ว่าจะดีหรือร้ายย่อมมีจุดสิ้นสุด
“ปอนด์ ปอนด์ ปอนด์” เสียงเคาะประตูสลับกับเสียงขานชื่อดังขึ้น
แม้สติของปอนด์จะถูกกระชากกลับคืนมาแล้ว แต่ร่างกายกลับไม่ยอมทำตามที่คิดเลย อาการปวดเมื่อยและหัวสมองที่หนักอึ้งเข้ามาแทนที่ไข้ที่ลดลงไป เขาค่อยๆลุกขึ้นรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดให้เป็นปกติที่สุด เขาไม่อยากเจอใครในสภาพคนป่วย และยิ่งถ้าคนๆนั้นคือโจ๊ก มันอาจจะทำให้มีคนไม่สบายเพิ่มขึ้น
“มาแล้ว” ปอนด์ตะโกนลั่น ก่อนจะพยุงร่างกายตัวเองไปที่ประตู
“ทำไมเปิดช้าจัง ทำอะไรอยู่นี่” โจ๊กซักถามทันทีเมื่อเจอหน้าปอนด์
“เปล่า” ปอนด์พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด แม้มันจะยากเย็นก็ตาม “เพิ่งตื่น”
“บ่ายสองแล้วนะ ขี้เซาจริงๆ”
“ก็ไม่มีอะไรทำนี่หว่า”
“อ่ะนี่” โจ๊กยื่นกล่องขนมหม้อแกงให้ปอนด์ “ของฝาก”
“ขอบใจมาก” ปอนด์ยื่นมือมารับ ก่อนที่โจ๊กจะขยี้หัวปอนด์เบาๆอย่างเอ็นดู
“เฮ้ย ทำไมตัวร้อนจังวะ”
“ป... เปล่า”
“เปล่าอะไร ตัวร้อนจี๋ขนาดนี้” โจ๊กใช้หลังมือทาบไปที่หน้าผากที่ของปอนด์ “มานี่เลย”
โจ๊กลากมือปอนด์เข้าไปในห้อง เขาแย่งถุงขนมของฝากจากมือปอนด์วางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะจับตัวปอนด์ให้นั่งลงบนเตียง ปอนด์ที่กำลังมึนด้วยอาการไข้อยู่แล้วแม้จะตกใจนิดหน่อย แต่ก็ยอมทำตามแรงกระชากของโจ๊กแต่โดยดี
“กินยาหรือยัง” โจ๊กนั่งยองๆกับพื้น เงยหน้ามองปอนด์ที่นั่งอยู่บนเตียง
“กินแล้ว”
“แล้วกินข้าวหรืออะไรหรือยัง”
“ยัง... ไม่ค่อยหิว”
“เอาอย่างนี้ ฉันเช็ดตัวให้แก แล้วเดี๋ยวฉันออกไปหาซื้อข้าวต้มให้แกกิน” โจ๊กลุกขึ้นทำท่าทางจะถอดเสื้อยืดของปอนด์ออก
“เห้ย! จะบ้าเหรอ ไม่เอา” ปอนด์อุทานลั่น
“จะอายอะไรวะ ก็เพื่อนกัน เป็นผู้ชายเหมือนกันด้วย”
“ไม่เอาอะ ฉันเช็ดเองได้” ปอนด์ทำท่าทางกอดอก
“คราวก่อนที่ฉันไม่สบายแกยังเคยเช็ดตัวให้ฉันเลย คิดมากไปได้”
“ป... เปล่านะ”
“ถ้าเปล่าก็ชูแขนขึ้น ฉันจะได้ถอดเสื้อให้แกได้”
ปอนด์ได้แต่นิ่งเฉย เขาแค่ไม่เคยโดนใครเช็ดตัวมาก่อนในชีวิต มันทำให้ปอนด์รู้สึกทำตัวไม่ถูกและเขินอาย แม้ว่าจะสนิทกับโจ๊กแต่การถูกเนื้อต้องตัวกันในส่วนที่อยู่ใต้เสื้อผ้า ก็เป็นสิ่งที่ปอนด์ไม่ชิน
“ยังอีก” โจ๊กจับมือของปอนด์ให้ชูขึ้น ก่อนจะค่อยๆบรรจงถอดเสื้อยืดคอกลมของปอนด์ออก “อย่าเป็นเด็กดื้อนะครับ เดี๋ยวคุณหมอจับฉีดยาด้วยเข็มแท่งโต เจ็บตัวไม่รู้ด้วยนะครับ”
“ไอ้บ้า ทะลึ่ง”
โจ๊กค่อยๆกดปอนด์ให้นอนลงบนเตียง ก่อนที่จะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อหาผ้าขนหนูผืนเล็ก ไม่นานนักโจ๊กก็เดินเข้าไปยังห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กสีเหลืองที่ปอนด์ใช้พาดคอเวลาออกไปวิ่งตอนเช้าเมื่อปีก่อน
“แล้วนี่กินยาไปโอเคขึ้นบ้างหรือยัง” โจ๊กลงนั่งบนเตียงข้างๆปอนด์ก่อนจะค่อยเอาผ้าขนหนูที่หมาดๆ ซับลงไปตามใบหน้าที่เขินอายของปอนด์
“ก็โอเคแล้วล่ะ นอนอีกเดี๋ยวก็หายดีแล้วล่ะ”
“ผ้าเย็นไปมั้ย” โจ๊กเคลื่อนผ้าจากบนใบหน้าไปยังซอกคอ เขาเช็ดอย่างเบามือและทะนุถนอมที่สุด
“ไม่ล่ะ กำลังพอดี”
ปอนด์เริ่มรู้สึกเขินหนักกว่าเดิมเมื่อโจ๊กเริ่มลงไปเช็ดยังบริเวณหน้าอกของเขา มันเกิดเป็นความรู้สึกแปลกเมื่อมีคนมาลูบไล้ยังจุดที่ไม่ได้ให้ใครมาสัมผัสง่ายๆ แม้จะผ่านผ้าที่พับไว้อยู่ก็ตาม
“เป็นอะไรไปหน้าแดงเชียว ไข้ขึ้นเหรอ” โจ๊กถาม
“ป... เปล่า”
“รู้สึกดีมั้ย” โจ๊กถามขณะที่กำลังวนผ้าขนหนูไปทั่วแผงอกที่ขาวเนียนของปอนด์
“อื้อ” ปอนด์หลับตาพริ้ม
“ก็ดีแล้ว” โจ๊กเริ่มเคลื่อนผ้าลงไปยังแถวๆหน้าท้องของปอนด์ “ว่าแต่ไปทำอะไรมา ทำไมถึงไม่สบาย”
คำถามของโจ๊กมาไวพร้อมกับความรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกของปอนด์ มันแล่นผ่านช่องหูของเขาเดินทางไปถึงยังหัวใจอย่างรวดเร็ว “นั่นน่ะสิ เขาไปทำอะไรมา ทำไมเขาถึงไม่สบาย แล้วที่เป็นอยู่นี้มันเพื่อใคร?”
ภาพของริวกิผุดขึ้นมาในหัวของปอนด์ เขาไม่รู้ว่าอะไรถึงทำให้เขารู้สึกเสียใจได้ขนาดนี้ การที่ริวกิหายตัวไปโดยไม่รู้ว่าจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ แค่เรื่องนี้เท่านั้นหรือที่ทำให้เขารู้สึกแย่ ปอนด์เผลอคิดไปว่าบางทีหากคนที่เช็ดตัวเขาอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่โจ๊กแต่เป็นริวกิ เขาอาจจะรู้สึกดีที่ได้เป็นไข้กว่านี้ก็ได้
ความอัดอั้นและคับแค้นของปอนด์เริ่มกลั่นตัวออกมาเป็นน้ำตาอีกครั้ง เขาอยากจะรู้จริงๆว่าตอนนี้ริวกิจะอยู่ที่ไหน ถ้าหมอนั้นรู้ว่าเขาไม่สบายแบบนี้ จะตามมาดูแลหรือเปล่า
“เฮ้ยเป็นอะไรไป” โจ๊กร้องลั่นเมื่อเห็นดวงตาของปอนด์ที่ปริ่มน้ำตา “แกปวดอะไรตรงไหน หรือฉันทำอะไรตรงไหนแรงไปมั้ย”
“ไม่” ปอนด์จับมือโจ๊กที่กำลังจะเอื้อมไปแตะหน้าผากของเขาไว้ “ฉันไม่เป็นไร”
“แล้วทำท่าเหมือนจะร้องทำไม”
“ฉัน... ปวดหัวนิดหน่อยอยากนอนพัก”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปซื้อข้าวต้มมาให้นะ”
“ไม่เป็นไร ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“แต่...”
“ขอร้อง ฉันอยากนอนพักโดยที่ไม่มีใครรบกวน”
“หมู่นี้แกแปลกๆไปว่ะ” โจ๊กลุกขึ้น ในมือของเขากำผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดตัวปอนด์ไว้แน่น “เดี๋ยวฉันเอาผ้าขนหนูนี่ไปซักให้แล้วกันนะ”
“ขอโทษด้วยนะโจ๊ก”
“ฉันก็อยากพูดคำว่าไม่เป็นไร แล้วไม่รู้สึกอะไรให้ได้เหมือนแกนะ”
“หมายความว่าอะไร” ปอนด์ถาม
“สงสัยฉันต้องพยายามให้มากกว่านี้” โจ๊กยิ้มให้ปอนด์อย่างอบอุ่น ก่อนจะดึงผ้าที่ปลายเท้าขึ้นมาห่มร่างของปอนด์ที่เปลือยเปล่า “ไปนะ มีอะไรก็บอกแล้วกัน”
ปอนด์ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของโจ๊กสักเท่าไหร่นัก อาจเพราะสมองที่อื้ออึงของเขายังไม่พร้อมจะคิดอะไรที่ซับซ้อน แค่เรื่องของริวกิที่อยู่ในหัวของเขา ก็เกินที่หัวใจดวงน้อยๆที่บอบบางของปอนด์จะรับมือได้ เขาหลับตาลงและดึงผ้าห่มไว้แน่น ความรู้สึกที่มีต่อริวกิเริ่มตามมาหลอกหลอน ทั้งโกรธแค้น ทั้งคิดถึง ปอนด์เฝ้าถามกับตัวเองว่านี่ใช่อาการของคนอกหักหรือไม่ เขาจะใจง่ายรักใครเร็วเกินไปหรือเปล่า ยิ่งเป็นกับผู้ชายแล้วมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ?
แสงอาทิตย์สุดท้ายของวันลับหายไปปล่อยให้จันทราทำหน้าที่แทนในยามค่ำคืน ปอนด์ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรู้สึกที่สดชื่นกว่าเก่า แม้จะยังไม่หายดีทั้งหมด แต่ร่างกายของเขาก็เริ่มทำงานได้ปกติมากขึ้น โดยเฉพาะกระเพาะอาหารที่เริ่มส่งเสียงร้องขออะไรสักอย่าง เพื่อไปเติมเต็มท้องที่ว่างเปล่า
ปอนด์เดินไปนั่งที่โต๊ะคว้าขนมหม้อแกงที่โจ๊กซื้อมาฝากเพื่อแก้ไขความหิวของตัวเอง เขายังรู้สึกมึนหัวนิดๆ และอุณหภูมิในร่างกายก็เกือบจะเป็นปกติ ปอนด์นั่งกินของฝากจนเกือบหมดด้วยความหิว แม้ว่าต่อมรับรสของเขาจะยังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร
เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือของปอนด์ดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เขาเดินโซเซไปหยิบมือถือที่ตั้งอยู่บนเตียงอย่างอืดอาด การเดินในห้องแคบๆที่คุ้นเคยในยามที่ไม่สบายนี้ เป็นเรื่องที่ทำได้ยากขึ้นสำหรับปอนด์
“สวัสดีครับ” ปอนด์กดรับสายทันที โดยไม่ได้ดูว่าเป็นใครโทรมา เพราะสมองของเขาไม่อาจสั่งการอะไรที่ยุ่งยากจนเกินไปได้
“สวัสดีค่ะคุณเกรียงไกร” ผู้หญิงปลายสายพูดอย่างตื่นตัว “ฉันซินดี้ค่ะ ฉันมีเวลาไม่มากขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะคะ”
“เอ่อ...”
“คุณไปพบคุณริวกิมาแล้วใช่มั้ยคะ?”
“ครับ”
“ดิฉันทราบเรื่องแล้วค่ะว่าคุณริวกิไม่อยู่ที่ออฟฟิศ ตอนนี้สายข่าวของฉันรายงานมาว่าคุณริวกิถูกพวกค้ายาวางแผนลอบทำร้ายคุณริวกิระหว่างการเดินทางไปที่สนามบิน และตอนนี้คุณริวกิกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศ”
“แล้วริวกิเป็นอะไรมากมั้ยครับ” ปอนด์ถามด้วยความตกใจ
“ได้เจสันดูแลไม่น่าจะเป็นอะไรมากค่ะ แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นก็คือตอนนี้พวกแก๊งค์ค้ายาน่าจะรู้แหล่งที่ซ่อนของคุณริวกิ และกำลังจะวางแผนลบสังหารคุณริวกิในอีกไม่นานค่ะ”
“ล... แล้วจะทำอย่างไรรับ” ปอนด์ตื่นตระหนกเมื่อได้ยินข่าวร้าย
“ฉันอยากจะรบกวนคุณเกรียงไกรมาพบดิฉันอีกสักครั้งเพื่อนำข่าวและข้อมูลลับไปให้ท่านริวกิหน่อยค่ะ”
“ตอนนี้คุณซินดี้อยู่ที่ไหนครับ”
เป็นข่าวที่น่าใจหายสำหรับปอนด์มาก เขาไม่คิดว่าคนอย่างริวกิจะสิ้นท่าและตกอยู่ในอันตรายได้ง่าย แต่อย่างว่าในวงการนี้อะไรก็เป็นสิ่งไม่แน่นอน ปอนด์รู้สึกเป็นห่วงริวกิมาก มากเสียจนคิดถึงตัวเองน้อยลงไปทุกที แม้เมื่อก่อนเขาจะอยากให้ริวกิหายไปจากชีวิตของเขา ก็ไม่ได้หมายความว่าปอนด์อยากจะให้ริวกิตาย
“ตอนนี้ดิฉันอยู่ที่สนามบินค่ะ ดิฉันเองก็แย่เหมือนกันจนต้องหนีไปซ่อนตัวที่ต่างประเทศสักพัก”
“สนามบินไหนครับ เดี๋ยวผมจะรีบไป”
“สุวรรณภูมิค่ะ”
“แล้วเจอกันนะครับ”
“เดี๋ยวค่ะคุณเกรียงไกร”
“มีอะไรครับ”
“ภาพที่คุณส่งมาขายที่สำนักข่าวเรายังอยู่ใช่มั้ยคะ?”
“มีอะไรเหรอครับ?”
“เก็บมันไว้ให้ดีๆนะคะ เพราะอาจมีคนไม่หวังดีใช้รูปภาพนั้นทำร้ายคุณริวกิได้”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมคิดว่ามันปลอดภัยที่สุดแล้วครับตอนนี้”
“ดีค่ะ ถึงที่สนามบินแล้วโทรหาดิฉันนะคะ”
“ครับ”
ปอนด์วางสายด้วยจิตใจที่ร้อนรน เขาก็ไม่รู้ทำไมปัญหาที่ต้องเจอมักจะพัวพันกับผู้ชายที่ชื่อริวกิ และที่สับสนไปกว่านั้นคือทำไมเขาต้องช่วยเหลือและเป็นห่วงผู้ชายคนนั้นมากมายขนาดนี้ ไม่ใช่คนในครอบครัว ไม่ใช่แม้แต่เพื่อน หรือแม้แต่จะเรียกว่าคนรู้จักก็อาจจะไม่ได้ด้วยซ้ำไป
ท่ามกลางความกระวนกระวายที่เกิดขึ้นจนปอนด์ไปจนเกือบสนิทว่าตัวเองยังมีไข้อยู่ แม้จะพอทุเลาลงไปบ้างแล้ว แต่มันก็พร้อมจะทรุดลงได้หากไม่ได้ดูแลตัวเองให้ดี
ด้วยความใจร้อนปอนด์รีบออกจากหอไปอย่างเร่งรีบ เขาตั้งใจว่าจะเดินไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าปากซอย แม้จะสวมเสื้อแขนยาวทับเสื้อยืดคอกลมไว้ แต่ปอนด์ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ดี
ปอนด์เดินผ่านรถตู้ที่จอดอยู่ในซอยเปลี่ยวอย่างไม่สนใจ ตอนนี้ใจของเขาอยู่กับริวกิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และด้วยความชะล่าใจของเขานี่เอง
“ขอโทษนะครับ” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาจากข้างหลังของปอนด์
เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ปอนด์หันหลังไปหาเจ้าของเสียง หมัดหนักๆก็สวนเข้าไปยังท้องของเขาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกจุกและหายใจไม่ออกถาโถมเข้าใส่ตัวของเขา ก่อนที่หมัดที่สองจะซ้ำไปยังจุดเดิม ปอนด์ล้มลงไปงอตัวโดยที่ไม่ทันแม้จะได้เห็นหน้าว่าเป็นใคร เขาพยายามสูดหายใจเข้า ส่วนปากก็พยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่ความเจ็บและจุกแน่นทำให้เขาไม่สามารถเปล่งเสียงอะไรออกมาได้เลย
ปอนด์ถูกปิดตาด้วยผ้าสีขาว และถูกยกไปยังรถตู้ที่จอดรอไว้ เขารู้สึกเหนื่อยอ่อนและหายใจติดขัด ความหนาวเย็นเริ่มจับตัวตามร่างกายของเขาอีกครั้ง สมองเริ่มพล่ามัวและลางเลือน ปอนด์สลบไปเพราะความอ่อนแอของร่างกาย และเสียงสุดท้ายที่ปอนด์ได้ยินก่อนจะหมดสติก็คือ
“ได้ตัวแล้ว ไม่ผิดคนแน่นอน”
ปอนด์ไม่มีโอกาสได้ตั้งคำถามหรือหาคำตอบใดๆในตอนนี้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ