The Revenge ความแค้นที่หอมหวาน
9.2
เขียนโดย MeTang
วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 04.06 น.
36 ตอน
10 วิจารณ์
42.59K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 15.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอนที่ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ปอนด์กลับจากมหาวิทยาลัยในตอนบ่าย ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงเดี่ยวในห้องของตัวเอง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ในใจก็ครุ่นคิดถึงเรื่องภาพที่ส่งให้สำนักข่าวเมื่อวาน หลังจากเขาได้รับอีเมลล์ตอบกลับว่าให้รอคำตอบเรื่องราคาภาพ และห้ามส่งภาพต่อให้ใครก่อนไม่เช่นนั้นจะเสียราคา เขาก็ไม่ได้รับการติดต่อใดๆจนถึงเย็นวันนี้
“เขาจะเบี้ยวค่าจ้างหรือเปล่า หรือว่าจะลองไปปล่อยให้สำนักข่าวคู่แข่งดี” ปอนด์ได้แต่นอนก่ายหน้าผากคิดอยู่ในใจ มือถือยังคงถูกกำแน่นไว้ข้างตัว
การเรียนที่หนักหน่วงทำให้สมองของเขาล้า ยิ่งคิดก็ยิ่งง่วง สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดคือการเฝ้ารอ เขาตั้งใจไว้ว่าหากภายในวันพรุ่งนี้ไม่ได้รับการติดต่อใดๆเพิ่มเติม เขาจะลองหาข้อมูลสำนักพิมพ์อื่น เพื่อจะเสนอขายรูปภาพ
นานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ปอนด์เผลอหลับไปทั้งชุดนักศึกษา จนเมื่อโทรศัพท์ในมือของเขาสั่นเตือน กระชากสติทุกโสตประสาทของเขาให้ตื่นขึ้นมา เพื่อพบกับแสงแดดยามบ่ายแก่ๆ
“เบอร์แปลกนี่ใครกันนะ” ปอนด์ตั้งคำถามกับตัวเอง พลางขยี้ตาที่งัวเงีย
“สวัสดีครับ คุณเกรียงไกรใช่มั้ยครับ” เสียงผู้ชายจากปลายสายพูดขึ้น
“เอ่อ... ใช่ครับ”
“ผมเจสันครับ ได้เบอร์ติดต่อคุณเกรียงไกรมาจากสำนักข่าวบางกอกไทม์” ปลายสายแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ
“อ๋อครับ”
“เรื่องภาพที่คุณส่งมาเสนอขายกับเราครับ ผมขอดูภาพทั้งหมดที่คุณถ่ายมาได้มั้ยครับ แล้วจะผมจะตีราคาให้”
“ได้ครับ จะให้ผมส่งเข้าเมลล์ไหนครับ”
“ไม่ต้องครับ ผมอยากเห็นภาพด้วยตาตัวเองครับ คุณเกรียงไกรสะดวกเอามาเสนอเราได้มั้ยครับ”
“อ๋อครับ ไม่ทราบสะดวกวันไหน เวลาไหน ที่ไหนดีครับ”
“เป็นวันนี้ ตอนนี้เลยได้มั้ยครับ”
“อ๋อครับ แล้วให้ผมไปพบคุณเจสันที่ไหนดีครับ”
“ข้างล่างอพาร์ทเม้นต์คุณก็ได้ครับจะได้ไม่เป็นการรบกวนคุณเกรียงไกรมากด้วย”
“อ๋อครับ ปกติแล้วมันต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ” ปอนด์ถามพลางเดินไปริมหน้าต่าง ชะโงกหน้าดูความผิดปกติแต่ภายนอกอาคารนี้ทุกอย่างก็ดูสงบเรียบร้อย ไม่มีสิ่งใดผิดสังเกตเลย
“ถ้าเป็นข่าวใหญ่หรือน่าสนใจ เราจะมีการตรวจคุณภาพครับ ว่าเป็นภาพจริงหรือผ่านการตัดต่อมา เพราะถ้าเราเล่นข่าวคนที่มีหน้ามีตาในสังคม โอกาสโดนเล่นงานกลับก็ค่อนข้างสูงครับ ฉะนั้นจึงต้องรอบคอบเป็นพิเศษ”
“เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมส่งที่อยู่ของผมไปให้ทางข้อความนะครับ” ปอนด์ค่อยๆถอยร่นออกมาจากหน้าต่าง “เบอร์นี้เลยใช่มั้ยครับ”
“ครับคุณเกรียงไกร ถ้าผมถึงแล้วผมจะโทรแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะครับ อย่าลืมเอาไฟล์ต้นฉบับมาและช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับด้วยนะครับ”
“โอเคครับ เดี๋ยวผมวางสายแล้วจะส่งที่อยู่ให้เลยนะครับ”
“ครับ สวัสดีครับคุณเกรียงไกร และเจอกันครับ”
วางสายเสร็จปอนด์ก็นั่งครุ่นคิดถึงตัวเองเรื่องความเสี่ยง ว่าเขาลุยต่อหรือควรจะพอแค่นี้ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วเขาเดินมาไกลจนเรียกได้ว่ามีเงินมากองอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ หากเขาคว้าไว้มันคงเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดเท่าที่เขาเกิดมา เมื่อมั่นใจว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วเขาจึงส่งที่อยู่อพาร์ทเม้นต์ แต่เป็นอพาร์ทเม้นต์ในซอยข้างๆแทน เขาตั้งใจจะไปรอที่นั่นและไม่เปิดเผยที่อยู่จริง
เมื่อส่งเสร็จเขาก็สะพายกล้องและตรวจเช็คภาพในเมมโมรี่การ์ดเพื่อความมั่นใจ เขาตั้งใจไว้ว่าหากได้เงินมากเขาจะซื้ออุปกรณ์เสริมกล้องใหม่เพิ่ม และถ้าเงินเหลืออีกจะเลี้ยงอาหารตัวเองเพื่อเป็นการฉลองสักมื้อใหญ่ เขาจูบที่กล้องตัวโปรดของเขาก่อนจะเดินลงบันได และไปยืนรอที่อพาร์ทเม้นต์ตามที่อยู่ที่ส่งไป
เพียงเวลาไม่นานเบอร์แปลกเบอร์เดิมก็โทรเข้ามาหาปอนด์ และรอบนี้เขาไม่รีรอที่จะรับ
“เลี้ยวเข้าซอยที่มีถังขยะ 3 ใบวางไว้อยู่ใช่มั้ยครับ คุณเกรียงไกร”
“ใช่ครับ ผมยืนรออยู่ข้างล่างแล้ว ใส่ชุดนักศึกษา”
พูดจบประโยครถเบนซ์สองประตูก็เลี้ยวเข้าซอยมาอย่างช้า
“เจอแล้วคุณเกรียงไกรแล้วครับ ที่ใส่ชุดนักศึกษาสะพายกล้องใช่มั้ยครับ”
“ใช่ครับถ้าอย่างนั้นผมวางสายก่อนนะครับ”
“ครับ”
รถเบนซ์หรูสีเงินจอดเทียบเด็กหนุ่ม กระจกรถถูกเปิดออกเผยให้เห็นคนขับเป็นชายหนุ่มหน้าตาลูกครึ่งฝรั่ง ซึ่งปอนด์เองก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะมีเชื้อชาติไหนผสมบ้าง เขารู้เพียงว่าเป็นผู้ชายที่ใบหน้าเรียวงาม จมูกโด่งเป็นแท่ง นัยน์ตาสีฟ้า และมันทำให้เขารู้สึกอิจฉาในความหล่อนิดๆ
“สวัสดีครับ คุณเกรียงไกร”
“สวัสดีครับ คุณเจสัน”
“ขึ้นรถก่อนสิครับ”
“จะดีเหรอครับ ผมนึกว่าเราจะคุยกันที่นี่ให้เสร็จ”
“มันไม่สะดวกน่ะครับ ผมอยากคุยให้เป็นความลับที่สุด อีกอย่าง... ผมเซ็นต์เช็คบนรถนี่น่าจะสะดวกกว่า”
“อ๋อครับ” ปอนด์เดินอ้อมหน้ารถและขึ้นไปนั่งยังอีกฝั่งของรถ เป็นครั้งแรกที่เขาได้ขึ้นรถหรูขนาดนี้ เขาไม่รู้ว่ารถคันนี้ราคาจะถึงสิบล้านบาทมั้ย แต่เขารู้สึกโชคดีที่ชีวิตหนึ่งได้นั่งสักครั้ง
“ผมขอตรวจสอบรูปหน่อยนะครับ” เจสันเอ่ย
“อ๋อได้ครับ” ปอนด์ปลดสายสะพายและยื่นกล้องไปให้เจสัน
เจสันรับไว้และตรวจสอบภาพทุกภาพอย่างละเอียด “ใช่รูปของคุณริวกิจริงๆด้วย แล้วมีคนรู้เรื่องภาพถ่ายนี้อีกมั้ยครับ”
“ไม่มีแล้วนะครับ นอกจาผมคุณเจสัน และคนในรูป ก็คิดว่าไม่น่าจะมีใครรู้เรื่องนี้อีก” ปอนด์ทำท่าคิด
“ดีแล้วครับ คุณเกรียงไกรคิดราคาเท่าไหร่ครับ”
“เอาตามตรงนะครับ ผมไม่รู้ว่าภาพพวกนี้ควรจะได้ราคาเท่าไหร่ ผมไม่ใช่นักข่าวมืออาชีพ แต่ถ้าคุณเจสันให้ราคาสูงหน่อยคราวหน้าถ้ามีภาพอะไรดีๆ ผมอาจจะเสนอคุณเจสันก่อนก็ได้นะครับ” ปอนด์ยิ้มหวาน
“ได้ครับ ผมมีราคาที่คุณเกรียงไกรน่าจะพอใจอยู่” เจสันใช้มือล้วงเข้าไปในเสื้อสูทของตัวเอง
สิ่งที่ติดมือออกมากลับไม่ใช่สมุดเช็คหรือปากกาตามที่ปอนด์คาดหวังว่าจะให้มันเป็น แต่มันกลายเป็นเครื่องช็อตไฟฟ้าที่หันส่วนปลายตรงมายังเขา และไม่ทันที่ปอนด์จะได้สงสัยอะไรต่อ กระแสไฟฟ้าอ่อนๆจากเจ้าเครื่องนี้ก็ทำปฏิกิริยาผ่านเสื้อนักศึกษาสีขาว ตรงเข้ายังหน้าอกข้างขวาของเขา ปอนด์รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาในทันที เขารู้สึกเจ็บปวดมาก และไม่สามารถบังคับหาให้วิ่งลงจากรถได้ตามต้องการ
“ค... ค... คุณ จ... เจสัน ท... ทำ อะ ไร” ปอนด์รู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าของตัวเอง แม้กระทั่งลิ้นก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากทำงานร่วมกับสมองของเขาเท่าไหร่
“ขอโทษนะครับคุณเกรียงไกร ผมทำตามหน้าที่ คุณหลับไปก่อนแล้วกันนะครับเดี๋ยวพอถึงเวลาแล้วผมจะปลุกคุณเกรียงไกรเอง”
สิ่งสุดท้ายที่รู้สึกคือเหมือนปอนด์จะโดนฉีดอะไรสักอย่างเข้าที่ต้นแขนของตัวเอง ก่อนที่เขาจะรู้สึกโล่งในสมอง ราวกับว่าความกังวลและความตกใจทั้งหมดจะถูกทิ้งออกไป ทุกอย่างเริ่มมืดดำและล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย หรือนี่จะเป็นแค่ความฝัน ซึ่งเมื่อเขาตื่นมาเขาจะพบว่านี่เป็นแค่ฝันร้าย
“เขาจะเบี้ยวค่าจ้างหรือเปล่า หรือว่าจะลองไปปล่อยให้สำนักข่าวคู่แข่งดี” ปอนด์ได้แต่นอนก่ายหน้าผากคิดอยู่ในใจ มือถือยังคงถูกกำแน่นไว้ข้างตัว
การเรียนที่หนักหน่วงทำให้สมองของเขาล้า ยิ่งคิดก็ยิ่งง่วง สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดคือการเฝ้ารอ เขาตั้งใจไว้ว่าหากภายในวันพรุ่งนี้ไม่ได้รับการติดต่อใดๆเพิ่มเติม เขาจะลองหาข้อมูลสำนักพิมพ์อื่น เพื่อจะเสนอขายรูปภาพ
นานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ปอนด์เผลอหลับไปทั้งชุดนักศึกษา จนเมื่อโทรศัพท์ในมือของเขาสั่นเตือน กระชากสติทุกโสตประสาทของเขาให้ตื่นขึ้นมา เพื่อพบกับแสงแดดยามบ่ายแก่ๆ
“เบอร์แปลกนี่ใครกันนะ” ปอนด์ตั้งคำถามกับตัวเอง พลางขยี้ตาที่งัวเงีย
“สวัสดีครับ คุณเกรียงไกรใช่มั้ยครับ” เสียงผู้ชายจากปลายสายพูดขึ้น
“เอ่อ... ใช่ครับ”
“ผมเจสันครับ ได้เบอร์ติดต่อคุณเกรียงไกรมาจากสำนักข่าวบางกอกไทม์” ปลายสายแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ
“อ๋อครับ”
“เรื่องภาพที่คุณส่งมาเสนอขายกับเราครับ ผมขอดูภาพทั้งหมดที่คุณถ่ายมาได้มั้ยครับ แล้วจะผมจะตีราคาให้”
“ได้ครับ จะให้ผมส่งเข้าเมลล์ไหนครับ”
“ไม่ต้องครับ ผมอยากเห็นภาพด้วยตาตัวเองครับ คุณเกรียงไกรสะดวกเอามาเสนอเราได้มั้ยครับ”
“อ๋อครับ ไม่ทราบสะดวกวันไหน เวลาไหน ที่ไหนดีครับ”
“เป็นวันนี้ ตอนนี้เลยได้มั้ยครับ”
“อ๋อครับ แล้วให้ผมไปพบคุณเจสันที่ไหนดีครับ”
“ข้างล่างอพาร์ทเม้นต์คุณก็ได้ครับจะได้ไม่เป็นการรบกวนคุณเกรียงไกรมากด้วย”
“อ๋อครับ ปกติแล้วมันต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ” ปอนด์ถามพลางเดินไปริมหน้าต่าง ชะโงกหน้าดูความผิดปกติแต่ภายนอกอาคารนี้ทุกอย่างก็ดูสงบเรียบร้อย ไม่มีสิ่งใดผิดสังเกตเลย
“ถ้าเป็นข่าวใหญ่หรือน่าสนใจ เราจะมีการตรวจคุณภาพครับ ว่าเป็นภาพจริงหรือผ่านการตัดต่อมา เพราะถ้าเราเล่นข่าวคนที่มีหน้ามีตาในสังคม โอกาสโดนเล่นงานกลับก็ค่อนข้างสูงครับ ฉะนั้นจึงต้องรอบคอบเป็นพิเศษ”
“เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมส่งที่อยู่ของผมไปให้ทางข้อความนะครับ” ปอนด์ค่อยๆถอยร่นออกมาจากหน้าต่าง “เบอร์นี้เลยใช่มั้ยครับ”
“ครับคุณเกรียงไกร ถ้าผมถึงแล้วผมจะโทรแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะครับ อย่าลืมเอาไฟล์ต้นฉบับมาและช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับด้วยนะครับ”
“โอเคครับ เดี๋ยวผมวางสายแล้วจะส่งที่อยู่ให้เลยนะครับ”
“ครับ สวัสดีครับคุณเกรียงไกร และเจอกันครับ”
วางสายเสร็จปอนด์ก็นั่งครุ่นคิดถึงตัวเองเรื่องความเสี่ยง ว่าเขาลุยต่อหรือควรจะพอแค่นี้ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วเขาเดินมาไกลจนเรียกได้ว่ามีเงินมากองอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ หากเขาคว้าไว้มันคงเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดเท่าที่เขาเกิดมา เมื่อมั่นใจว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วเขาจึงส่งที่อยู่อพาร์ทเม้นต์ แต่เป็นอพาร์ทเม้นต์ในซอยข้างๆแทน เขาตั้งใจจะไปรอที่นั่นและไม่เปิดเผยที่อยู่จริง
เมื่อส่งเสร็จเขาก็สะพายกล้องและตรวจเช็คภาพในเมมโมรี่การ์ดเพื่อความมั่นใจ เขาตั้งใจไว้ว่าหากได้เงินมากเขาจะซื้ออุปกรณ์เสริมกล้องใหม่เพิ่ม และถ้าเงินเหลืออีกจะเลี้ยงอาหารตัวเองเพื่อเป็นการฉลองสักมื้อใหญ่ เขาจูบที่กล้องตัวโปรดของเขาก่อนจะเดินลงบันได และไปยืนรอที่อพาร์ทเม้นต์ตามที่อยู่ที่ส่งไป
เพียงเวลาไม่นานเบอร์แปลกเบอร์เดิมก็โทรเข้ามาหาปอนด์ และรอบนี้เขาไม่รีรอที่จะรับ
“เลี้ยวเข้าซอยที่มีถังขยะ 3 ใบวางไว้อยู่ใช่มั้ยครับ คุณเกรียงไกร”
“ใช่ครับ ผมยืนรออยู่ข้างล่างแล้ว ใส่ชุดนักศึกษา”
พูดจบประโยครถเบนซ์สองประตูก็เลี้ยวเข้าซอยมาอย่างช้า
“เจอแล้วคุณเกรียงไกรแล้วครับ ที่ใส่ชุดนักศึกษาสะพายกล้องใช่มั้ยครับ”
“ใช่ครับถ้าอย่างนั้นผมวางสายก่อนนะครับ”
“ครับ”
รถเบนซ์หรูสีเงินจอดเทียบเด็กหนุ่ม กระจกรถถูกเปิดออกเผยให้เห็นคนขับเป็นชายหนุ่มหน้าตาลูกครึ่งฝรั่ง ซึ่งปอนด์เองก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะมีเชื้อชาติไหนผสมบ้าง เขารู้เพียงว่าเป็นผู้ชายที่ใบหน้าเรียวงาม จมูกโด่งเป็นแท่ง นัยน์ตาสีฟ้า และมันทำให้เขารู้สึกอิจฉาในความหล่อนิดๆ
“สวัสดีครับ คุณเกรียงไกร”
“สวัสดีครับ คุณเจสัน”
“ขึ้นรถก่อนสิครับ”
“จะดีเหรอครับ ผมนึกว่าเราจะคุยกันที่นี่ให้เสร็จ”
“มันไม่สะดวกน่ะครับ ผมอยากคุยให้เป็นความลับที่สุด อีกอย่าง... ผมเซ็นต์เช็คบนรถนี่น่าจะสะดวกกว่า”
“อ๋อครับ” ปอนด์เดินอ้อมหน้ารถและขึ้นไปนั่งยังอีกฝั่งของรถ เป็นครั้งแรกที่เขาได้ขึ้นรถหรูขนาดนี้ เขาไม่รู้ว่ารถคันนี้ราคาจะถึงสิบล้านบาทมั้ย แต่เขารู้สึกโชคดีที่ชีวิตหนึ่งได้นั่งสักครั้ง
“ผมขอตรวจสอบรูปหน่อยนะครับ” เจสันเอ่ย
“อ๋อได้ครับ” ปอนด์ปลดสายสะพายและยื่นกล้องไปให้เจสัน
เจสันรับไว้และตรวจสอบภาพทุกภาพอย่างละเอียด “ใช่รูปของคุณริวกิจริงๆด้วย แล้วมีคนรู้เรื่องภาพถ่ายนี้อีกมั้ยครับ”
“ไม่มีแล้วนะครับ นอกจาผมคุณเจสัน และคนในรูป ก็คิดว่าไม่น่าจะมีใครรู้เรื่องนี้อีก” ปอนด์ทำท่าคิด
“ดีแล้วครับ คุณเกรียงไกรคิดราคาเท่าไหร่ครับ”
“เอาตามตรงนะครับ ผมไม่รู้ว่าภาพพวกนี้ควรจะได้ราคาเท่าไหร่ ผมไม่ใช่นักข่าวมืออาชีพ แต่ถ้าคุณเจสันให้ราคาสูงหน่อยคราวหน้าถ้ามีภาพอะไรดีๆ ผมอาจจะเสนอคุณเจสันก่อนก็ได้นะครับ” ปอนด์ยิ้มหวาน
“ได้ครับ ผมมีราคาที่คุณเกรียงไกรน่าจะพอใจอยู่” เจสันใช้มือล้วงเข้าไปในเสื้อสูทของตัวเอง
สิ่งที่ติดมือออกมากลับไม่ใช่สมุดเช็คหรือปากกาตามที่ปอนด์คาดหวังว่าจะให้มันเป็น แต่มันกลายเป็นเครื่องช็อตไฟฟ้าที่หันส่วนปลายตรงมายังเขา และไม่ทันที่ปอนด์จะได้สงสัยอะไรต่อ กระแสไฟฟ้าอ่อนๆจากเจ้าเครื่องนี้ก็ทำปฏิกิริยาผ่านเสื้อนักศึกษาสีขาว ตรงเข้ายังหน้าอกข้างขวาของเขา ปอนด์รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาในทันที เขารู้สึกเจ็บปวดมาก และไม่สามารถบังคับหาให้วิ่งลงจากรถได้ตามต้องการ
“ค... ค... คุณ จ... เจสัน ท... ทำ อะ ไร” ปอนด์รู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าของตัวเอง แม้กระทั่งลิ้นก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากทำงานร่วมกับสมองของเขาเท่าไหร่
“ขอโทษนะครับคุณเกรียงไกร ผมทำตามหน้าที่ คุณหลับไปก่อนแล้วกันนะครับเดี๋ยวพอถึงเวลาแล้วผมจะปลุกคุณเกรียงไกรเอง”
สิ่งสุดท้ายที่รู้สึกคือเหมือนปอนด์จะโดนฉีดอะไรสักอย่างเข้าที่ต้นแขนของตัวเอง ก่อนที่เขาจะรู้สึกโล่งในสมอง ราวกับว่าความกังวลและความตกใจทั้งหมดจะถูกทิ้งออกไป ทุกอย่างเริ่มมืดดำและล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย หรือนี่จะเป็นแค่ความฝัน ซึ่งเมื่อเขาตื่นมาเขาจะพบว่านี่เป็นแค่ฝันร้าย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ