The Revenge ความแค้นที่หอมหวาน

9.2

เขียนโดย MeTang

วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 04.06 น.

  36 ตอน
  10 วิจารณ์
  43.37K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 15.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) ตอนที่ 18

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               เป็นเวลาดึกมากแล้วที่ริวกิขับรถมาส่งปอนด์ แม้ปอนด์จะดึงดันอยู่พักใหญ่ว่าเขาต้องการจะกลับด้วยตัวเองก็ตาม แต่เมื่อริวกิขู่จะช็อตไฟฟ้าให้สลบ ปอนด์จึงยอมให้ริวกิมาส่งโดยดี เขามั่นใจว่าปีศาจอย่างริวกิถ้าพูดออกมาแล้วก็คงทำอย่างที่พูดจริงๆ

                ขณะที่นั่งรถกันมา ระหว่างทางปอนด์พยายามถามเรื่องส่วนตัวของริวกิ เพื่อทำให้บรรยากาศไม่ดูเงียบเกินไป จนทำให้เขารู้เรื่องราวชีวิตของริวกิเพิ่มขึ้น 2-3 อย่าง เช่น ท่านพ่อของริวกิเป็นคนญี่ปุ่นส่วนท่านแม่เป็นคนไทย ท่านทั้ง 2 มาพบรักกันที่ประเทศไทย แล้วปอนด์ก็ยังได้รู้อีกว่าริวกิไม่เคยเข้าเรียนที่โรงเรียนเหมือนเด็กทั่วไป แต่ท่านพ่อจ้างครูสอนพิเศษมาฝึกสอนตัวต่อตัวที่คฤหาสน์ ริวกิต้องเรียนอย่างหนักทั้งวิชาการ การจัดการบริหาร ศิลปะการต่อสู้ และภาษาไทย

                ส่วนเรื่องสุดท้ายที่ริวกิยอมบอกหลังจากที่ปอนด์เซ้าซี้จนริวกิแทบจะจับเขาจูบเพื่อให้ปอนด์หยุดถามก็คือ เรื่องที่เจสันเป็นบุตรบุญธรรมของตระกูล “มิยากาว่า” เพราะเจสันกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เป็นทารก ท่านพ่อของริวกิได้รับอุปการะให้เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ของมิยากาว่า เดิมทีเจสันเข้ามาอยู่ในฐานะเพื่อนเล่นคนสนิทของริวกิ แต่หลังเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เจสันถูกส่งตัวไปเพื่อฝึกให้กลายเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของริวกิ และหลังจากนั้นทั้ง 2 คนนี้ก็ไม่เคยได้เล่นด้วยกันอีกเลย

                ปอนด์เองก็เผลอเล่าความลับของตัวเองไปไม่น้อย อาทิเช่น เขามีพี่สาวที่ชอบแกล้งเขามาก และด้วยความที่ปอนด์หน้าหวาน และผิวพรรณขาวดูสะอาด พี่สาวจึงมักจะจับปอนด์แต่งเป็นผู้หญิง และพาไปแนะนำกับเพื่อนๆของเธอว่าปอนด์คือน้องสาว พอโตขึ้นหน่อยเวลาพี่สาวจะนัดเจอเพื่อนผู้ชาย ก็จะให้ปอนด์ใส่ชุดของเธอแล้วไปนั่งเป็นเพื่อน และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผู้ชายคนที่พี่สาวนัดไว้ ดันมาชอบปอนด์เสียเอง แน่นอนว่าเรื่องเล่าของปอนด์ทำให้ริวกิหัวเราะชอบใจ ถึงกับเอ่ยปากว่าคราวหน้าจะให้ปอนด์ลองแต่งตัวเป็นผู้หญิงดูบ้าง

                เวลาที่ความสนิทเพิ่มมากขึ้น ปอนด์รู้สึกแตกต่างกับริวกิคนที่เย็นชามาก อย่างเมื่อตอนกลางวันที่ผ่านมา ปอนด์รู้สึกประสาทเสียเวลาที่มีริวกิมาคอยกวนใจมาก เพราะนอกจากจะพูดคุยกันคนละภาษาแล้ว ริวกิยังปั่นหัวเขาแทบจะทั้งวันจนเขาต้องหลบไปนั่งคุยกับเจสันที่ไม่ค่อยจะตอบอะไรกลับมาเลย แต่การนั่งเงียบๆกับเจสันก็ทำให้ปอนด์รู้สึกดีกว่าการฟังริวกิพล่าม แต่ปอนด์ก็สงบสุขอยู่ได้ประเดี๋ยว เมื่อริวกิไล่เจสันให้ออกไปนอกห้อง ริวกิก็เริ่มพูดจากวนประสาทปอนด์อีกครั้ง ความวุ่นวายก็มาเยือนปอนด์อีกครั้ง

                รถเบ๊นซ์คันหรูแล่นผ่านเข้าจอดยังหน้าอพาร์ทเม้นต์ 5 ชั้นอย่างเงียบเชียบ ที่นี่ดูเงียบสงบในยามดึกสงัด ซึ่งปอนด์มั่นใจว่าเวลานี้เป็นเวลาที่เขาจะตกเป็นเป้าคำถามของใครต่อใครน้อยที่สุด อันที่จริงการที่ผู้ชายขับรถมาส่งผู้ชาย มันก็เป็นเรื่องผิดสังเกตน้อยกว่า และเป็นเรื่องเสียหายน้อยกว่าการเป็นคู่ชายหญิง ปอนด์ปลอบตัวเองในใจ

                “ขอบคุณที่มาส่งนะ” ปอนด์ดึงเข็มขัดนิรภัยออกเมื่อรถจอดสนิท

                “ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องขอบคุณ” ริวกิจ้องหน้าปอนด์

                “นายจะเอาอะไรอีก”

                “ฉันยังส่งนายไม่ถึงห้องเลย”

                “ไม่จำเป็น ต่อให้นายไปส่งฉันถึงดวงจันทร์ฉันก็ไม่มีวันลืมความร้ายกาจของนาย”

                “ฉันไม่เคยต้องการการให้อภัยจากนายเลย เพราะถึงจะได้รับชีวิตฉันก็ไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง”

                “จะบอกว่าคนบ้าอำนาจอย่างนายไม่สนใจเรื่องพวกนี้สินะ” ปอนด์จ้องตาริวกิเขม็ง “แล้วนายจะมาทำดีกับฉัน เหมือนว่านายสำนึกผิดทำไม”

                “ฉันทำก็เพราะอยากจะทำ”

                “ถ้าอย่างนั้นนายก็ควรจะเลิกทำ แล้วปล่อยฉันไปได้แล้ว เพราะจากนี้ไปฉันจะเลิกยุ่งกับคนอย่างนาย”

                “ฉันจะไม่ปล่อยนายจนกว่าฉันจะเบื่อ”

                “นายนี่มัน... ปีศาจชัดๆ” ปอนด์สะพายกระเป๋าเป้ออกจากรถอย่างรวดเร็ว

                ปอนด์เดินอ้อมรถไปยังหน้าอพาร์ทเม้นต์ ซึ่งจากริวกิที่เขาจอดรถตรงหน้าทางเข้า จึงทำให้เขาไปดักรอปอนด์ได้เร็วกว่าแม้แต่สถานการณ์แบบนี้ริวกิก็ยังได้เปรียบปอนด์เสมอ

                ริวกิคว้าคอปอนด์มากอดไว้ ก่อนจะดึงตัวปอนด์ให้เซเข้ามาใกล้ๆ

                “นายชอบงอนเป็นผู้หญิงอยู่เรื่อยเลยนะ” ริวกิใช้มือขยี้หัวปอนด์อย่างเอ็นดู

                “เลิกทำเหมือนฉันเป็นของเล่นสักทีเหอะ” ปอนด์ยกมือของริวกิที่กอดคอเขาออก และเดินหนีเข้าประตูกระจกขนาดใหญ่ของอพาร์ทเม้นต์ไป โดยมีริวกิเดินตามไม่ห่าง

                “อ้าวน้องปอนด์ กลับดึกเชียว”

เสียงหมูในชุดเครื่องแบบดังขึ้นขณะที่เขานั่งดื่มกาแฟตรงบริเวณรับรองแขกของอพาร์ทเม้นต์ ซึ่งที่ตรงนี้ส่วนใหญ่จะถูกใช้เป็นคล้ายๆล็อบบี้ของโรงแรม มีไว้สำหรับคนนอกนั่งรอคนที่พักที่นี่พาเข้าไปข้างใน ดังนั้นตรงนี้จะเป็นด่านแรกสำหรับตรวจตราความปลอดภัย เพราะจะเป็นจุดที่คนดูแลหอและยามจะใช้เวลานั่งเล่นหรือนินทาคนในหอเสียส่วนใหญ่ ปอนด์เองก็มานั่งดูโทรทัศน์ตรงนี้บ่อยๆ

                “พี่หมูอยู่กะดึกเหรอครับวันนี้” ปอนด์หยุดทักทาย

                “อยู่ทั้งเดือนนี้แหละครับน้องปอนด์” หมูเหลือบตาเห็นริวกิที่ยืนอยู่ข้างหลัง “สวัสดีครับคุณ เต็มยศเหมือนเดิมเลยนะครับ”

                ริวกิยิ้มตอบด้วยท่าทีที่วางมาดแต่ไม่ได้พูดอะไร

                “พี่หมูรู้จักเขาด้วยเหรอครับ”

                “ไม่รู้จักชื่อหรอกครับ แต่จำหน้าได้” หมูตอบก่อนจะหัวเราะร่วน

                “รู้จักกันได้ไงครับ” ปอดน์สงสัยเพราะปกติแล้วหมูไม่ค่อยทันข่าวสารหรือเที่ยวกลางคืน ฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักเจ้าพ่อกลางคืนอย่างริวกิ

                “ก็คืนก่อนนู้นที่น้องปอนด์เมาแอ๋ ก็ได้คุณคนนี้แหละที่แบกน้องปอนด์ขึ้นห้อง”

                “ว่าไงนะ”

                “แล้ววันรุ่งขึ้นเขาก็ให้พี่เอายาขึ้นไปให้น้องปอนด์ที่ห้อง วันที่น้องปอนด์บ่นว่าไม่สบายไงครับ” พี่หมูฉีกยิ้มกว้าง

                “พี่หมูแน่ใจนะครับว่าเป็นคนนี้” ปอนด์เพิ่งเคยเห็นริวกิยิ้มทะเล้นเป็นครั้งแรก

                “แน่ใจสิครับน้องปอนด์ พี่เป็นยามนะครับ ไม่ใช่อัลไซเมอร์”

                “ฉันมีอีกหลายอย่างที่นายยังไม่รู้” ริวกิยิ้มส่งรอยยิ้มน่าหยิกมาให้ปอนด์

                “พูดเหมือนฉันอยากจะรู้เรื่องของนายมากขนาดนั้น” ปอนด์เบือนหน้าจากริวกิไปหาหมู “ดึกแล้วผมขึ้นไปนอนก่อนนะครับพี่หมู”

                “ครับน้องปอนด์”

                ปอนด์ล่ำลาหมูเสร็จก็เดินตรงไปยังโถงของอพาร์ทเม้นต์ ที่มีโต๊ะและเก้าอี้จัดวางไว้มากมาย ซึ่งถ้าเป็นช่วงใกล้สอบ ปอนด์จะชวนเพื่อนๆมานั่งติวหนังสือกับตรงนี้

                ริวกิเดินตามปอนด์ไปแทบจะทุกฝีก้าว เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขายังไม่อยากกลับ เขาอยากจะอยู่กวนประสาทปอนด์ไปเรื่อยๆ เขาอยากจะเห็นสีหน้าของปอนด์เวลางอนเขานิดๆ

                “ด... ด... เดี๋ยวครับคุณ ต้องขอประทานโทษด้วยนะครับ อพาร์ทเม้นต์นี้ห้ามคนนอกเข้าออกยามวิกาลครับ” หมูพูดพลางเอาตัวเข้าขวางริวกิ

                “ผมมากับเขา” ริวกิชี้นิ้วไปทางปอนด์

                “ฉันเหนื่อยมากจะพักผ่อนแล้ว นายกลับไปเถอะ” ปอนด์หันหลังมาทำหน้าทะเล้นใส่ริวกิอย่างคนมีชัย

                “ต้องขอโทษคุณด้วยนะครับ มันเป็นกฎของที่นี่”

                “นายกลับไปเถอะริวกิ” ปอนด์เดินกลับมากระซิบกับริวกิ “ฉันของคุณเรื่องดีๆทั้งหมดที่นายมีให้ฉัน แต่ฉันอยากให้นายกับฉัน ลืมเรื่องทุกอย่างระหว่างเราเถอะ สำหรับฉันนายคือฝันร้ายที่ฉันอยากจะรีบตื่น ฉันอยากให้นายหายไปจากชีวิตฉัน ฉันจะได้มีชีวิตที่สดใสกลับมาเสียที”

                ปอนด์หายลับกลับเข้าไปในห้องโถงก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป ทิ้งให้ความสับสนก่อตัวขึ้นกับหัวใจที่เย็นช้าของริวกิ แม้ว่าแท้จริงแล้วปอนด์จะรู้สึกดีเพียงใด แต่เขาก็ยังไม่อาจอภัยให้กับสิ่งที่ริวกิทำ

                 “ถ้าอย่างนั้นผมกลับเลยดีกว่าครับ” ริวกิพยักหน้าให้หมู

                “โชคดีนะครับคุณ” หมูอวยพรส่งเมื่อริวกิเดินออกจากประตูไป ก่อนที่เขาจะหันมาบ่นกับตัวเอง“หน้าคุ้นๆแฮะ เหมือนเคยเจอที่ไหนสักแห่ง”

                ปอนด์เดินขึ้นบันไดที่วกวนไม่แพ้เรื่องในสมองของเขาตอนนี้ ริวกิดีกับปอนด์มากกว่าที่เขาคิดไว้ ทั้งเรื่องคนที่มาส่งและยาที่ซื้อมาให้ ปอนด์คิดมาโดยตลอดว่าเป็นเจสัน แต่ถึงจะรู้ว่าริวกิดีกับเขาสักเพียงใด มันก็ไม่อาจลบรอยบาปที่ริวกิขีดเขียนขึ้นในจิตใจของปอนด์ได้

                “กลับมาแล้วเหรอ”

                เสียงจากร่างผู้ชายคนนึ่งดังขึ้นมา เขาอยู่ในสภาพเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเหมือนคนกำลังจะเข้านอน ร่างที่ดูทะมัดทะแมงนั้นนั่งอยู่บันไดขั้นบนสุดของชั้น 5

                “เฮ้ยโจ๊ก ตกใจหมด” ปอนด์ขึ้นบันไดไปยืนตรงหน้าโจ๊ก “ดึกป่านนี้มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียววะ”

                “แกไปไหนมา หายไปทั้งคืน โทรไปก็ไม่รับแถมยังปิดเครื่องอีก”

                “ฉันก็กลับมานี่แล้วไง” ปอนด์เงยหน้ามองโจ๊กที่อยู่สูงกว่าเพราะขั้นบันได “ถามมากว่ะ จะให้ตอบเรื่องไหน...”

                “ไม่ต้องตอบอะไรแล้ว” โจ๊กยืนขึ้นและดึงตัวปอนด์เข้ามากอด “แกกลับมาปลอดภัยฉันก็สบายใจแล้ว”

                โจ๊กโอบกอดรอบศีรษะของปอนด์และใช้แก้มซบลงไป ในขณะที่ปอนด์ยังยืนงงอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้น ตัวของปอนด์เอียงจนหน้าของเขาแทบจะแนบสนิทกับลอนท้องที่อบอุ่นของโจ๊ก

                ปอนด์ไม่รู้ว่าโจ๊กคิดอะไร และไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้จะเป็นห่วงเขามากขนาดนี้ จะว่าไปตั้งแต่เป็นเพื่อนกับโจ๊กมา ปอนด์ก็ไม่เคยหายไปดื้อๆเลย เขาจึงไม่ค่อยเห็นอาการความเป็นห่วงอย่างหนักขนาดนี้

                “เฮ้ยไอ้โจ๊ก ฉันหายใจไม่ออก” ปอนด์จับเอวโจ๊กไว้

                “เออ โทษทีว่ะ” โจ๊กขยี้หัวปอนด์เบาๆก่อนจะใช้มือทั้ง 2 ข้างจับบ่าของปอนด์แล้วแยกตัวออกมา

                “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ไป...” คำพูดที่ปอนด์กำลังจะพูดต่อ ถูกกลืนหายไปทันทีเมื่อริมฝีปากอบอุ่นของโจ๊กประทับเข้ากับริมฝีปากของปอนด์

                “ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องตอบอะไรแล้ว แกคงจะเหนื่อยมามาก กลับห้องไปพักผ่อนเถอะ” โจ๊กเดินลงบันไดมา 1 ขั้นเพื่อที่ตัวจะได้เสมอกับกับปอนด์ “Night Kiss นะเว้ยเพื่อน”

                พูดจบโจ๊กก็เดินลงบันไดหายวับกลับเข้าห้องไปทันที ทิ้งคำถามมากมายให้กับปอนด์ “เพื่อนกันเขาทำกันแบบนี้หรือเปล่าวะเนี้ย” ทำไมใครๆถึงชอบเล่นสนุกในหัวของเขานักนะ

 

 

                เวลาผ่านไปจนเลยเที่ยงคืน ริวกิเพิ่งจะกลับมาถึงห้องทำงานของตัวเอง เขาล้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนังประจำตำแหน่งสีดำ เขาทำท่าครุ่นคิดอะไรในใจอยู่คนเดียว ซึ่งเป็นภาพปกติที่เจสันมักจะพบเจอบ่อยๆเวลาอยู่กับริวกิ 2 คน

                “ท่านจะอาบน้ำเลยมั้ยครับ ผมจะไปเตรียมน้ำอุ่นให้อาบ”

                คำตอบที่ริวกิมอบให้เจสันคือความเงียบ เขาไม่แม้แต่จะมองไปที่เจสัน ราวกับว่าเจสันที่ยืนอยู่ข้างๆตอนนี้ เป็นเพียงสิ่งที่ไร้ตัวตน

                ริวกิหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลจากลิ้นชักขึ้นมา เขาหยิบภาพถ่ายในนั้นขึ้นมาดู มันเป็นภาพถ่ายของปอนด์ที่เจสันไปสืบมาให้ในตอนแรก เขามองรูปใบนั้นเหมือนกับจะพยายามสื่อสารอะไรบางอย่างกับมัน

                “เจสัน... ฉันเผลอทำอะไรแย่ๆกับเด็กคนนี้ไปอีกแล้ว”

                “ครับท่าน”

                “ฉันคงโดนเกลียดเข้าให้จริงๆแล้วสินะ” ริวกิเก็บรูปภาพใส่ซองเช่นเดิม และตั้งมันไว้บนโต๊ะ “ทำไมทุกคนถึงชอบทอดทิ้งฉัน ท่านพี่ ท่านแม่ ท่านพ่อ แล้วก็...”

                “ท่านริวกิต้องเข้มแข็งนะครับ ท่านริวกิเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลมิยากาว่า”

                “ลูกชายคนเดียวของท่านพ่อน่ะเหรอ มีใครถามฉันบ้างว่าฉันอยากเป็นหรือเปล่า ถ้าท่านพี่ยังอยู่คนที่จะได้นั่งเก้าอี้ตัวนี้มันคงไม่เป็นฉัน” ริวกิตวาด

                “กระผมเข้าใจความรู้สึกของท่านริวกิครับ”

                “แล้วแกรู้มั้ยว่าฉันต้องการอะไร ตั้งแต่เจอเด็กนั่นฉันก็รู้สึกสับสนไปหมดจนฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันยังเป็นผู้ชายที่ปกติอยู่มั้ย”

                “ท่านริวอาจจะแค่ต้องการเพื่อนครับ มันเป็นเรื่องปกติ”

                “เพื่อน” ริวกิทำหน้าตานึกคิด “จริงสิเพื่อนคนสุดท้ายที่ฉันเคยมีก็คือแก”

                ริวกินึกถึงวันเวลาที่เขาเคยวิ่งเล่นกับเจสันตั้งแต่ตอนยังเด็ก แต่เมื่อเกิดเรื่องร้ายกับครอบครัวของเขา เจสันต้องถูกฝึกให้กลายเป็นบอดี้การ์ด และเขาต้องเปลี่ยนฐานะจากเพื่อนกลายเป็นลูกน้อง

                “ท่านอาจจะเครียดเกินไป กระผมว่าท่านริวกิควรจะพักผ่อนสักพัก”

                “แกคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ”

                “บางทีหากท่านริวกิได้กลับบ้านไปอยู่กับท่านพ่อสักพัก อาจจะช่วยให้ท่านริวรู้สึกดีเหมือนเดิมก็ได้ครับ”

                “บ้าน?... ฉันไม่ได้ไปเจอท่านพ่อหลายปีแล้วสินะ”

                “บ้านมักจะเป็นสถานที่ที่ลูกๆที่อ่อนแอจะกลับไปเพื่อเติมแรงใจครับ” เจสันแนะนำ “ช่วงนี้ท่านริวกิต้องเจอเรื่องหนักๆ ทั้งเรื่องแก๊งค์ค้ายาที่กำลังตามสืบ แล้วยังจะมีเรื่องเด็กคนนั้นมากวนใจอีก”

                “ก็ดีเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นแกให้รุ่งรัตน์เตรียมเอกสารการเดินทางให้พร้อม แล้วก็จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ด้วย ฉันจะเดินทางไปช่วงเย็นๆ”

                “ครับท่าน”

                “แล้วก็บอกรุ่งรัตน์ด้วยว่าตั๋ว 2 ที่”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา