แผลที่ไม่หาย { Y }
เขียนโดย acertam
วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.03 น.
แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 17.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) Chapter 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
หลังจากเรียนคาบบ่ายเสร็จ ผมกับนัทก็เดินลงมาจากตึกเรียนด้วยกัน ช่วงบ่ายผมพยายามเลิกคิดเรื่องมาร์ค ตั้งใจมุ่งมั่นกับบทเรียน (หรอ) คับเจ๊ ตอนอาจารย์ให้จับคู่ทำงาน ผมก็คุยเล่นเฮฮากับนัทตามปกติ ทำเหมือนเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน ไม่มีอะไรเลย และนัทดูสบายใจมากที่เป็นแบบนั้น
"วันนี้นายอารมณ์ดีนะ"ผมทัก
"ก็ได้อยู่กับลายไทยทั้งวัน จะไม่อารมณ์ดีได้ไงล่ะ"นัทยิ้ม (เจ๊ฟิน) แน่ๆเจ๊
"นายอยู่กับฉันตลอดจนเป็นฝาแฝดฉันแล้ว"ผมกลอกตา
"แต่ก็อยากจะอยู่มากกว่านี้อีกหน่อยนะ"
ผมได้แต่ยิ้มขำๆ และสายหน้าไปมา นัทนะมีความพยายามที่จะหยอดผมตลอดจริงๆ นี้ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะที่เขาพูดอะไรแบบนี้กับผม เขาก็พูดมาตลอด ยิ่งช่วงนี้ยิ่งบ่อยเลยด้วย อย่างกับอยากให้ผมรู้ทีว่าเขาคิดยังไง....
เขาจะรู้ไม่ว่าการที่รู้แล้วและแกล้งทำเป็นไม่รู้ให้แนบเนียนมันเหนื่อยแค่ไหน ผมอยากให้เขาเลิกพยายาม...
"สายหน้าอะไรของนาย อย่ามาทำท่าเอือมระอาแบบนั้นหน่อยเลยจะได้ไหม" นัทย้ำสีหน้าที่จริงจังกว่าเดิม แต่ถึงแบบนั้นก็ฉาบรอยยิ้มอ่อนโยนไว้ที่มุมปาก
"ไม่มีอะไร ว่าแต่หิวมั้ย!"ผมถามด้วยความเป็นห่วง
"หิวสิเมื่อตอนกลางวันดันกินไปนิดเดียว"
"ก็บอกแล้วไงว่าให้กินอิ่มก่อนค่อยลุก"
"ก็เป็นห่วงนี่"นัทตอบตรงๆอีกครั้ง และสายตาผมดันไปสบตากับนัท
"เออ ตรงซอยข้างๆมหาวิทยาลัยมีร้านโจ๊กอยู่ร้านนึง ฉันเห็นเมื่อเช้าไปกินกันมั้ย"ผมเปลี่ยนเรื่องอย่างว่องไว
"ก็ได้ ฉันตามใจนายอยู่แล้ว"
"งั้นไปเลย ฉันเลี้ยง"ผมยิ้มแล้วยักคิ้วให้นัท
"ขี้งงอย่างนายเนี่ยนะจะเลี้ยงฉัน"เขาทำหน้าไม่เชื่อได้น่าหมั้นไส้เล็กๆ
"ใช่ ก็ถือว่าชดใช้มื้อตอนกลางวันไง" ผมยิ้มกว้าง นัทหัวเราะและยิ้มตาหยี เขาเอื้อมมือมาหยิกแก้มผม
"ทำไมลายไทยถึงน่ารักขนาดนี้นะ"
"เห็นว่าชมกันนะ เลี้ยงสองชามเลย"
ผมกอดคอร่างสูงกว่า และเราก็เดินไปที่ร้านโจ๊กหัวเราะกันเหมือนเด็กๆ แต่ดูเหมือนมันทำให้ทุเลาลงมาบ้าง
รถยุโรปคันสวยสีดำสนิทของนัทจอดลงที่หน้าบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ของผม
"ขอบคุณที่มาส่งนะ"
ผมรีบปลดเข็มขัดนิรภัย เอื้อมมือไปเปิดประตูแล้วลงจากรถอย่างรวดเร็ว ไม่ให้นัทต้องพูดอ้อนขอเข้าไปนั่งเล่นในบ้าน
ปัง!
เสียงปิดประตูรถฝั่งคนขับดังขึ้น นัทวิ่งมาคว้าข้อมือผมไว้
"อะไรล่ะนัท"ผมถามแล้วกลอกตาใส่
"นายจะรีบไปไหนล่ะ ฉันขับรถเหนือยแทบตายจะไม่ ให้ฉันเข้าไปกินน้ำกินท่าในบ้านนายก่อนหรอ"
"อย่าเลยน๊า เดี๋ยวก็ไปทำข้าวของฉันพัง"
"นะๆ ผมรับร้องจะไม่ทำพังแน่นอนคับ" ดูๆ เฮ้อออออ
"ไม่ๆ ฉันง่วงๆ"
"โอเคๆ ฉันไม่เข้าไปก็ได้ แต่ฉันมีเรื่องสงสัยอยู่หน่อยนึง"สงสัยไปหมดต่างหาก!
"อะไร"ผมกอดอกแล้วมองหน้าเขา
"ฉันเห็นป้ายประกาศขายมันถูกเอาออกไปแล้ว นี่นายกำลังจะมีเพื่อนบ้านใหม่หรอ"
ผมไม่ทันสังเกตเรื่องนี้ พอนัทพูดขึ้นมาก็เลยมองตามบ้าง
"จริงด้วย...เอาป้ายออกไปแล้วนิ"ผมพึมพำเบาๆ
บ้านข้างๆบ้านผมแต่ก่อนเคยเป็นบ้านเพื่อนสนิทแม่ แต่พอดีป้าเขาได้งานที่อเมริกา จึงประกาศขาย
ตอนผมย้ายมาอยู่ที่ไทยก็เห็นมันติดประกาศขายอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจนานมาก
มันไม่เอ็นจอยเท่าไหร่หรอกนะ ถ้าต้องอยู่ติดกับบ้านที่สภาพเหมือนบ้านผีสิงแบบนี้น่ะ แม้มันจะไม่มีประวัติ แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้มันร้าง (ฮ่าๆๆ กลัวผีล่ะสิ แบร่ๆ" ป เปล่านะเจ๊ (เชื่อเลย) แฮ่ๆ
"กลับไปได้แล้ว ชิ่วๆ" ผมโบกมือไล่ไอ้นัทอย่าหมดเยือใย
"ขอบคุณนะครับ ที่ใจร้ายเสมอต้นเสมอปลาย" นัทประชดทั้งๆที่ยิ้ม ผมเลยยิ้มตอบ
"ฉันรู้ว่านาย ไม่โกรธจริงๆหรอกนะ"
"เข้าข้างตัวเองได้ดี"นัทพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ
ผมบอกตามรถของนัทจนสุดสายตา เฮ้อออออ ไปสักที สายตาผมจึงมองไปเห็น เหมือนคนที่มาทำความสะอาดบ้านที่ร้างมาเกือบ สี่ปี เฮ้ออออ จะมีเพื่อนบ้านใหม่แหละ
คืนนั้นเอง
"ลายไทยลงมาทานข้าวได้แล้ว!!"
เสียงตะโกนของพี่สาวสุดซ่า บ้าระห่ำตลอดกาลเรียกผมลงไปทานข้าว
"กำลังไปน่า" ผมตอบรับคำทันที เบื่อที่จะฟัง
หลังจากที่ผมลงมา ก็มาเจอแม่ซึ่งมาจากการทำงาน ร่วมถึง พี่ชายสุดหล่อของผม และ ยัยพี่สาวสุดซ่าบ้าระห่ำ นั่งทำหน้าบึง
"มาช้า" นั้นไงๆ ใครสน
"แม่สวัสดีคับ พี่ดินสวัสดีคับ" แฮ๋ๆ
"จ้า มาๆทานข้าวลูก" มายิ้มให้ผม เช่นเดียวกับพี่ดิน
"เป็นไงบ้างลายไทย มีสาวๆมาลุ่มจีบไหม ไปวันแรก" พอแม่ถามคำถามแค่นั้นแหละ
"แฮ่ก แฮ่ก"
"อ่ะนี้น้ำ" พี่สาวสุดซ่ายื่นแก้วน้ำให้ ก็แม่ดันมาถามอะไรตอนนี้เนี่ยยยยยยยยยยยย
"ไม่หรอกคับแม่" ผมตอบกลับ
"มีแต่ ผู้ชายล่ะสิ ฮ่าๆ" หืมยัยพี่สาวบ้า
"บ้าหรือไง ไม่มี" ดูสายตาสิ หืมๆๆๆๆๆๆ
"เอาล่ะ 2 คนนี้เลิกคุยกันได้แล้วทานข้าวเถอะ" พี่ชายจอมระเบียบ เหมือนพ่อไม่มีผิด ขัดขึ้น ทำไงได้ ก็ต้องก้มหน้ากินต่อล่ะสิ แฮร่ๆ
หลังอาหารมื้อค่ำผ่านไป ผมก็ต้องเป็นเวร และกรรม ล้างจานอีกกกก เห้ออออออตลอดดดด
"ลายไทยลูก" เสียงที่นุ่มนวลเอยขึ้น
"คับแม่" ผมยิ้มให้แม่
"เอาคุกกี้นี้นะ ไปให้เขาหน่อย"ใคร
"ใครคับแม่" งง
"ก็คนที่ย้านมาอยู่ข้างบ้านเราไงลูก" ว่าแล้ว
"คับแม่" เฮ้ออออออออออออ
ผมมาหยุดยืนอยู่หน้ารั้วบ้านข้างๆ ภายในเวลาไม่นานจากนั้นก็เอื้อมมือไปกดกริ่ง ผมเห็นรถยุโรปสุดเท่แบบมีรสนิยมมากๆ คันหนึ่งจอดอยู่
ว้าว....เจ้าของบ้านนี้ต้องคนรวยแน่ๆ เลย.....
ระหว่างที่ผมรอก็มองดูที่ถุง คุกกี้นี้ น่ากินชะมัดดันมาให้เขาได้นะแม่ (ตะกะ) ใครคับเจ๊ (ใครล่ะ) เจ๊ๆๆๆๆๆๆ (จ้า แบร่ๆ) หืมมมมม
ผมได้ยินฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆ ผมเลยหน้ายิ้มให้ก่อนโดยที่ไม่ทันได้มอง แต่พออีกฝ่ายออกมาจากรั้วและสบตากันตรงๆ ตกใจแทบช็อค!
จะไม่ให้ช็อคได้ไง ในเมื่อผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือ มาร์ค คำถามตอนนี้มากมายเหลือเกิน คนบนโลกมีเป็นล้านเป็นแสน แต่ทำไม ต้องย้ายมาอยู่ข้างๆบ้าน ถึง กลายเป็น แฟนเก่า ของผมไปซะได้
แถมเป็นแฟนเก่าที่จบกันไม่สวย...
ไม่สวยอย่าแรง...
"ลายไทย....."
ผมได้ยินเขาเรียกชื่อผม น้ำเสียงเหมือนในวันวานที่เขาเคยเรียก เหมือนชั่วขณะหนึ่งเขาถูกอดีตเข้าครอบงำ และ เสียงเรียกของมาร์คทำให้ห่อคุกกี้ที่ต้อนรับ เพื่อนบ้านใหม่ ที่แม่ให้เอามาฝากร่วงลงบนพื้น
ตุบ!
เสียงของมันทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว ภาพเหตุการณ์เลวร้ายแวบเข้ามาในหัว ภาพคาสึมิที่เชิงบันไดวันนั้น....
ร่างกายผมสั่น ผมกลัว...ผมกลัวผู้ชายตรงหน้ามากๆ ยิ่งสายตาที่แปรเปลี่ยนมาเป็นดุดันของเขา ตอนนี้ทำให้ผมถอยหลังห่างออกมาสองสามก้าว
"หึ...."
เขาหัวเราะในลำคอ เบาๆ แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง
ผมหันหลัง วิ่งหนีเขาเข้าบ้านอย่างไม่คิดชีวิต นี่มันวันนรกแตกชัดๆ
บ้านติดกัน มหาวิทยาลัยเดียวกันเนี่ยนะ?!
โคตรบ้า!
ผมวิ่งกลับเข้าบ้าน ในขณะที่แม่ตะโกนถามถึงเรื่อง คุกกี้ ผมไม่สน ผมรีบวิ่งขึ้นห้องอย่างเดียว แถมยังปิดประตูล็อค
ผมกระโดดขึ้นเตียงเอาผ้าห่มมาคลุมโปง ขดตัวและกอดเข่าตัวเองไว้ราวกลับต้องการหลบซ่อนตัวเองจากทุกอย่างในอดีตที่ตามหลอกหลอน
ดูท่าทางชีวิตสงบสุขของผม คงไม่มีอีกต่อไปแล้วแหละ!!
#### เอาแล้วไงๆ แต่ยังไง เจ๊เป็นกำลังใจให้นะ ลายไทย ####
ขอบคุนนะค่ะ ติดตามใหม่เน้อออออออ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ