แผลที่ไม่หาย { Y }

7.7

เขียนโดย acertam

วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.03 น.

  30 ตอน
  5 วิจารณ์
  30.05K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 17.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) Chapter 17

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

"เป็นอะไรหรือเปล่าลายไทย ทำหน้าตาซีเรียสขนาดนั้น"

เสียงของมาร์คทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์และสะดุ้งสุดตัว เหงื่อผุดซึมทั่วหน้าผาก จนมาร์คขำในลำคอ เขาเอื้อมมือมาเช็ดให้ผมอย่างอ่อนโยน แล้วหน้าผมก็พลันร้อนวูบ

 

"ไม่มีอะไร"

ผมส่ายหน้าไปมาและเลือกที่จะไม่เล่าอะไร เพราะผมเองก็ยังไม่พร้อมที่จะให้มาร์ครู้เบื้องลึกเบื้องหลังของน้องชายฝาแฝดของเขาว่าหมอนั่นร้ายกาจผิดมนุษย์มนาขนาดไหน! จนกว่าผมจะมีหลักฐานมัดเขาไม่หลุดอยู่ในมือซะก่อน

 

"งั้นก็ไปขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวจะสาย" 

ร่างสูงว่าแล้วเดินนำไปที่รถก่อน ผมก็เลยเดินตามไปขึ้นรถอีกฝั่นอย่างไม่รู้จะพูดอะไร

 

ระหว่างที่อยู่บนรถผมกับมาร์คก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลย แต่สถานการณ์ระหว่างผมกับเขาก็ค่อยๆดีขึ้น ก่อนหน้านี้ที่เรามีแต่บึงตึงใส่กันและเขาก็ขยันทำให้ผมร้องไห้ เดิมมาร์คเองก็ไม่ใช่ผู้ชายพูดมาก เขาพูดน้อยต่อยหนัก อาจจะเจ้าอารมณ์ด้วยซ้ำไป ส่วนผมเองถึงจะพูดยังไง แต่เวลาอยู่ต่อหน้ามาร์คมักจะกลายเป็นคนขี้อายเสมอ

 

ผมชะงักไปนิดหน่อยเมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ผมกับมาร์ค ตอนนี้แทบจะไม่ต่างอะไรกับลมพัดหวนเลยสักนิดเดียว ผมลอบมองใบหน้าหล่อคมระหว่างที่ร่างสูงมองตรงไปข้างหน้า ทว่าเมือนมาร์คจะรู้ตัวว่าผมมองอะไร เสียงเข้มแบบไม่บ่งบอกอารมณ์ถึงได้พูดขึ้น

"มองทำไม หิวหรอ"

 

"ถ้าฉันหิวแล้วฉันต้องมองนายงั้นหรอ ตรรกะอะไรไม่ทราบ" ผมถามอย่างไม่เข้าใจ

มาร์คยิ้มมุมปากขณะเปลี่ยนเกียร์รถ และทำให้หัวใจผมเต้นรัว

 

"นายอาจจะอยากกินฉันก็ได้"

 

"ทุเรศน่า" ผมแขวะเขาเบาๆ ทั้งๆที่หน้าร้อนวาบไปทั้งมดจนต้องมองออกไปนอกหน้าต่างแทน แต่มาร์คไม่สะทกสะท้าน เขาหัวเราะในลำคอและขับรถต่อไปเรื่อยๆ อย่างเงียบๆ

 

 

ไม่นานนักรถก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ ผมกับมาร์คเดินออกจากลานจอดรถมาด้วยกัน หลายสายตามองมาที่พวกผม แต่ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะผมกับมาร์คแค่เดินข้างๆกันเฉยๆ ผู้ชายสองคนเดินข้างๆกันไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลยจริงมั้ย (ไม่ มันแปลกมากกกก) โถ่ๆเจ๊ ไม่เจอตั้งนานคิดถึง (อั๊ววว เจ๊จะอ้วกไม่ต้องมาหวานเลยนะ) หวานที่ไหนกันเจ๊ (เชอะ) แฮ่ๆๆ

 

"เข้าเรียนเลยหรอจะไปหาอะไรกินก่อน" มาร์คถามด้วยความเป็นห่วง ผมเลยยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา จากนั้นก็ส่ายหน้าไปมา

 

"ไม่ดีกว่าเดี๋ยวไม่ทันคาบแรก ไปนะ"

 

ขมับ!

ผมกำลังจะแยกตัวอีกทางแต่มาร์คจับแขนผมไว้ ผมเลยหันไปมองเขาด้วยความสงสัย

 

"ไม่กินเดี๋ยวโรคกระเพาะก็กำเริบอีกหรอก" มาร์คย้ำอีก แววตาเขาดูเป็นห่วง

 

หัวใจของผมอุ่นวาบกับความเป็นห่วงที่ร่างสูงมีให้ แม้ว่ามันจะไม่ได้มากมายอะไรเลยก็ตาม เขาจำได้หมดว่าผมเคยเป็นอะไร ดูแล...ไม่ต่างจากตอนที่เคยเป็นแฟนกัน....

ผมไม่เข้าใจตัวเองว่าทิ้งผู้ชายคนนี้ไปดื้อๆได้ยังไง

 

"ไม่เป็นไรจริงๆ นายไปเรียนเถอะ"

ผมยิ้มบางๆให้มาร์ค ร่างสูงเอื้อมมือมาแตะแก้มผมและไล้เบาๆ จากนั้นเขาก็ผละมือออก มาร์คไม่ได้พูดอะไร แค่พยักหน้ารับรู้ ผมเลยรีบหันหลังเดินจากอีกฝ่ายมาเร็วๆ

ตอนที่ปลายนิ้วเรียวสัมผัสข้างแก้ม หัวใจผมเต้นดังมากจนกว่าว่าเขาจะได้ยินเลยล่ะ

 

หลังจากผมเข้าไปนั่งได้ไม่นาน ร่างสูงก็เดินเข้ามาในห้องเรียน

นัท..

ผมแอบมองเขา เขาเองก็เห็นผม ผมรู้ เพราะผมเลือกจะนั่งที่เดิมไม่ได้ย้ายไปไหน แต่นัทไม่...เขาเลือกที่จะไปนั่งอีกมุมหนึ่งและหลบหน้าหลบตาผม ทำเป็นไม่มองมาทางผมเลย ผมเองแม้จะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ไม่อยากทำร้ายอีกฝ่ายซ้ำ จึงทำเป็นมองไม่เห็นเขาเหมือนกัน

เพราะแบบนี้การมาเรียนของผมจึงไม่ต่างจากการมานั่งหายใจทิ้งเลยสักนิดเดียว เวลาทุกนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งอาจารย์บอกเลิกคลาส นักศึกษาทุกคนจึงทยอยออกไปจากห้อง นัทก็ลุกขึ้นและรีบออกไปเหมือนไม่อยากเผชิญหน้ากับผมแม้แต่วินาทีเดียว

ผมได้แต่แค่นยิ้มอย่างเจ็บปวด ไม่ว่าผมจะพยายามรักษามิตรภาพระหว่างผมกับนัทไว้แค่นี้ แต่ดูเหมือนสุดท้ายผมก็ยื้อมันมาได้ถึงแค่นี้เท่านั้น

ผมเดินออกไปจากห้องเกือบคนสุดท้าย ก่อนจะชะงักไปนิดหน่อยเมื่อเห็นมาร์คยืนพิงกำแพงห้องอยู่ ดวงตาผมเบิกกว้างนิดๆ

 

"นายมาทำอะไรตรงนี้"

 

"มารับ" มาร์คตอบเสียงนิ่ง "เลิกแล้วไม่ใช่หรอ"

 

"ก็ใช่ แต่จริงๆแล้วฉันกลับเองก็ได้"

 

"ก็อยากมารับ" เขาย้ำอีกที

 

"ทำไม" ผมอดที่จะถามไม่ได้

 

"อยากเห็นหน้า" มาร์คตอบสั้นๆ แต่เขาทำให้แก้มสองข้างผมร้อนวูบ (อร๊ายยย เจ๊ฟิน) หยุดเลยเจ๊อ่ะ (จ้าๆ)

 

 

 

 

รถของมาร์คจอดสนิทที่หน้าบ้านของเขา ผมลงจากรถไปพร้อมกับอีกฝ่าย แต่เราต่างแยกย้ายกันเข้าบ้านของตัวเอง ผมขอบคุณเขาเบาๆ ขณะที่เขาก็แค่พยักหน้าให้ผม

รถของแม่กับพี่ดินจอดนิ่งอยู่ในโรงจอดรถ พร้อมกับเสียงเจื้อยแจ้วที่ดังมาจากในบ้าน ทำให้ผมยิ้มนิดๆ ทุกคนคงกลับมาจากการเที่ยวแล้ว

 

"กลับมาแล้วครับ!" ทำให้น้ำวิ่งแจ้นมาหาผมแทบจะทันที

 

"มาซะทีนะลายไทย! แม่กับพี่ดินซื้ออาหารทะเลสดมาด้วยล่ะ เย็นนี้จะทำทะเลเผากินกัน ชดเชยที่นายไม่ได้ไปกินกับพวกเราด้วยไงล่ะ" เสียงใสๆของพี่สาว ทำให้ผมรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ

 

"ดูซิลายไทย พี่ซื้อโมเดลเปลือกหอยมาติดที่บ้านด้วย สวยมั้ยล่ะ" พี่ดินหยักคิ้ว ผมได้แต่หัวเราะ เพราะพี่ชายผมคนนี้เวลาไปเที่ยวไหนก็มักจะซื้อของจุกจิกมาประดับห้อง

 

"ครับ สวยดี แต่ห้องพี่คงมีแต่อะไรประหลาดๆ ไม่เข้ากันสักอย่าง"

 

"คิกๆๆ" คำพูดของผมทำให้น้ำหัวเราคิกคักอย่างไม่เกรงใจ เล่นเอาพี่ดินทำหน้าบึ้ง

 

"เฮ้! พวกนายมันไม่เข้าใจศิลปะหรอก"

 

"ลายไทย มาก็ดีแล้วลูก"

แม่เดินยิ้มกว้างมาหาผม พร้อมทั้งส่งถุงกระดาษสีน้ำตาลสุดแสนจะดูดีมาให้ ผมกำลังจะอ้าปากถามว่าอะไร แม่ก็อธิบายออกมาซะก่อน

 

"เอาไปให้มาร์คทีสิ แม่ซื้อมาฝากเขาเพราะเห็นว่าเขายอมอยู่เป็นเพื่อนลูกตั้งหลายวัน"

ผมทำหน้าบึ้งทันที

 

"ผมก็นึกว่าแม่จะซื้อมาฝากผม"

 

"ของลูกก็มี แต่เอาถุงนี้ไปให้เขาก่อนนะลูกนะ" แม่ลูบศีรษะผม ผมเลยพยักหน้าแล้วเดินออกจากบ้านไปที่บ้านข้างๆ

 

 

ผมมายืนอยู่หน้าบ้านมาร์ค ก่อนจะตัดสินใจกดกริ่ง ยืนรอครู่เดียวไม่นานร่างสูงก็มาเปิดประตูรั้วบ้าน ผมดีใจที่ไม่ใช่มิกซ์

 

ฟู่~

ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ผมยื่นถุงของฝากให้มาร์ค ร่างสูงรับไปแต่ทำหน้างงๆ

 

"แม่ซื้อมาฝากเป็นการขอบคุณที่นายอยู่เป็นเพื่อนฉัน"

 

"อืม...ฝากขอบคุณแม่นายด้วยนะ" มาร์คว่า

จากนั้นเราก็ยืนจ้องหน้ากันอยู่อึดใจหนึ่ง ผมจึงกลั้นใจถามออกไป

 

"ฉัน...เข้าไปนั่งเล่นบ้านนายได้มั้ย..."

 

"อ๋อ อืม มาสิ"

มาร์คเปิดประตูรั้วให้ผมเข้าไปอย่างง่ายดาย ซึ่งตอนจะเข้ามาผมก็มีเรื่องเคลียร์กับเขาเป็นล้านแปด แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผมก็พูดไม่ออก

ผมนั่งลงที่โซฟาข้างๆมาร์ค

 

"หิวมั้ย" พอเห็นผมนั่งเงียบเขาก็ถามขึ้นมา

 

"ไม่...ไม่หิว" ผมส่ายหน้าไปมา

 

"งั้นจะไปเอาน้ำมาให้นะ"

ร่างสูงลุกออกไปแต่ผมดึงแขนหนาไว้ให้นั่งลงที่เดิม ผมไม่รู้ผมกำลังจะทำอะไร

 

เว็บขีดเขียน

และอธิบายการกระทำของตัวเองไม่ได้ ผมรู้แค่ผมเอื้มมือไปจับมือมาร์ค จากนั้นก็บีบมันไว้แน่น

ผมเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ร่างสูงมากจนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดเนือริมฝีปาก และพอรู้ตัวอีกทีริมฝีปากของเราทั้งคู่ก็สัมผัสกัน...

 

"ลายไทย..." เสียงเข้มเรียกชื่อผม

 

"อะไร" ผมตอบรับด้วยเสียงนิ่งๆ

 

"กลับมาคบกันได้มั้ย...."

 

"มาร์ค..."

 

"หยุดปฏิเสธสักทีนะ ฉันไม่ใช่คนบ้า Shit! นายไม่รู้หรอกว่าฉันหงุดหงิดแค่ไหน ที่ต้องมาขอคบกับนาย เหมือนเราเป็นเด็ก ม.ปลาย ริกรัก! ทั้งๆที่นายเองก็เป็นของฉัน เป็นเมียฉันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว!"

คำพูดของมาร์ค ทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก หน้าก็ร้อนวูบไปทั้งหน้า รู้สึกว่าแก้มสองข้างมันร้อนจัด มาร์คเห็นแบบนี้ก็โน้มหน้าลงมาหอมหน้าผากผมเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

 

"ฉัน...มีเรื่องหนึ่งที่ยังค้างคาใจอยู่ หลังจากทำสำเร็จแล้ว ฉันถึงจะบอกนายได้ว่าจะคบกับนายได้หรือเปล่า"

ดูเหมือนคำตอบของผมจะไม่ได้ทำให้มาร์คพอใจขึ้นเลย มือหนาจับที่ปลายคางผมไห้เงยหน้าขึ้นมองเขา

 

"ถ้าอย่างงั้นนายก็ควรจะขัดขืนให้มันหนักแน่นกว่านี้! ใช่! ไอ้ครั้งแรกนายสู้แรงฉันไม่ได้ แต่สองครั้งที่ผ่านมาฉันไม่ได้บังคับอะไรนายเลย..."

พอเห็นหน้ามาร์คหัวเสียแบบนั้นผมเลยต้องพูดแทรกขึ้น

 

"ก็ฉันยังรักนายอยู่"

 

!!!

ร่างสูงเบิกตากว้างที่ได้ยินแบบนั้น ก่อนจะจูบย้ำลงมาที่ริมฝีปากหนักๆขบเม้มแรงด้วยความมันเขี้ยว เลื่อนจูบไปทั่วใบหน้าจนผมต้องหลับตาปี๋ มาร์คปิดริมฝีปากของผมไว้ด้วยจูบของเขาอีกครั้ง มือหนาสอดเข้ามาลูบไล้ทั่วต้นคอขาวนวลเนียน ทำให้ผมต้องรีบยันอกกว้างออกไป 

"แฮกๆๆ..." ผมหอบหายใจหลังจากเป็นอิสระจากเขาได้ แต่ยังไม่ทันได้หายใจหายคอดี เขาก็รวบร่างผมไปกอดไว้แน่น จูบย้ำๆ ลงมาที่ขมับเนียน

 

"ทำไมไม่กลับมาคบกันตอนนี้...มันเกิดอะไรขึ้นเมื่อสามปีก่อนกันแน่นายถึงต้องทิ้งฉัน..."

เสียงเข้มกระซิบชิดใบหูผม ขณะที่จมูกโด่งก็ไล่แผ่วๆ ที่โครงหน้า ผมกัดริมฝีปากแน่นเมื่อได้ยินคำถามนั้น ได้แต่พึมพำออกมาเบาๆ

 

"ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน...." ผมจึงเหลือบไปเห็นมือด้านขวาที่เขาสักชื่อผม และเอาบุหรี่จี้

 

"ฉันขอโทษนะ มือของนายต้องเป็นแบบนี้...เพราะฉัน"

คำขอโทษของผมทำให้มาร์คเป็ํนฝ่ายหัวเราะในลำคอ

 

"ไม่หรอก นายไม้ได้เป็นคนบังคับให้ฉันเอาบุหรี่จี้มันจนยับเยินแบบนี้สักหน่อย ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายทำแบบนั้นเอง เพราะอยากลืมนาย....ดูโง่เป็นบ้า"

ได้ยินแบบนั้นผมก็เลยลูบหลังมือของมาร์คเบาๆ ก่อนจะตวัดสายตามอง

 

"แล้วลืมได้มั้ย...."

 

"......"

มาร์คไม่ตอบแต่ยิ้มบางๆให้ เขาก้มลงมามอบจุมพิตย้ำๆ ที่ริมฝีปากผมอีหลายครั้ง จากนั้นก็กระซิบทั้งๆ ที่ริมฝีปากเรายังแนบชิด

 

"นายก็รู้อยู่แก่ใจ"

 

 

 

 ### ตอนนี้ เจ๊ให้ฟินไปสัก 30% นะ แฮ่ๆๆๆๆ ###

 

ติดตามเน้อออออออออออออออออออออออ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา