ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  132.20K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

71)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

================================================

 

 

 

    ...สิ้นคำของท่านออกญาจักรีศรีองครักษ์เฒ่า หน่วยคเณศร์เสียงาทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ก้าวขึ้นมาเพื่อกำบังไกรผู้เป็นหัวหน้าของพวกเขาไว้โดยทันที ไม่เว้นแม้กระทั่งสินที่มีสีหน้าลำบากใจอย่างที่สุด เพราะเขารู้ดีว่ากำลังยืนเผชิญหน้าเพื่อขัดคำสั่งที่ออกมาจากปากของผู้เป็นบิดาบุญธรรมของเขาโดยตรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเลือกที่จะยืนอยู่ข้างๆไกร...ในขณะที่ผู้ที่เป็นจุดสนใจที่สุดกลับเป็นน้องใหม่อย่างอเทตยา ที่เวลานี้ยืนอยู่ด้านหน้าไกรด้วยท่าเตรียมพร้อมพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารออกมาแบบเต็มที่ชนิดที่ไม่เหลือคราบเด็กสาวผู้เป็นมิตรที่เธอใส่หน้ากากอยู่เมื่อครู่เลย คันธนูและลูกศรแบบพับได้ที่ถูกซ่อนอยู่ถูกสะบัดกางออกมาด้วยความเร็วชนิดแทบจะมองไม่ทันด้วยซ้ำ!

 

      " อเทตยา "

 

      " ชีวิตข้ามอบให้ท่านแล้ว...ท่านไกร "

 

      " อ...เอ่อ "

 

      " ...ขอเพียงท่านออกปากมาเท่านั้น...แล้วข้าจะจัดการเอง "

 

        คำพูดของอเทตยาอาจจะฟังดูแล้วใจชื้นขึ้น แต่มันก็สร้างความตึงเครียดโดยไม่จำเป็นให้กับสถานการณ์ตรงหน้าทันที โดยเฉพาะกับสินที่ถึงกับสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะไอ้คนที่หญิงสาวบอกว่าจะจัดการน่ะคือพ่อบุญธรรมของเขาเอง...ในขณะที่ไกรเองก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมัวตื่นตะลึง เขาจึงก้าวออกมาโดยแตะไหล่อเทตยาไว้เป็นเชิงปรามให้เธอสงบ และลดจิตคุกคามอันไม่จำเป็นลง ก่อนจะหันไปมองที่เจ้าพระยาอัครมหาเสนาบดีเฒ่าที่เวลานี้ยังคงเงียบและรักษาท่าทีไว้จนอ่านไม่ออก พร้อมกับพยายามทำใจดีสู้เสือด้วยการยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อยและพูดเบาๆทันที

 

      " ท่านครุฑ...กระผมคิดว่าท่านหยอกกระผมเล่นไปเกินพอดีแล้วนะขอรับ...และเรื่องเช่นนี้กระผมก็ไม่อาจจะร่วมขำขันได้ด้วย "

 

        พรึ่บ! 

 

        สิ้นคำพูดของไกร ท่านครุฑก็โยนปีกกระดาษอย่างหยาบๆ ๘-๙ แผ่นมาให้ โดยที่ผู้ที่ยืนเป็นกำบังอยู่ตรงหน้าไกรยื่นรับไว้คนละแผ่นสองแผ่น ในขณะที่ไกรเพียงแค่ยืนอย่างรักษาท่าทีโดยที่ไม่ได้คว้าแผ่นกระดาษเหล่านั้นมาดู เพราะถึงอย่างไรเสียเขาก็คงอ่านอักขระของภาษาในยุคนี้ไม่ออกอยู่แล้ว...แต่ถึงจะไม่อ่าน เขาก็เดาได้ล่วงหน้าแล้วว่าในกระดาษมีเนื้อความว่าอย่างไร

 

      " ...บัตรสนเท่ห์นี้...เขียนกล่าวหาท่านอย่างที่ท่านพ่อ---ท่านออกญาจักรีฯว่าไว้จริงๆ...แต่เขียนด้วยคำพูดที่หยาบคายกว่าเป็นอย่างมาก...ท่านไกร "  หลังจากอ่านข้อความในกระดาษอันเป็นบัตรสนเท่ห์ที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดสินก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่แน่ใจทันที ในขณะที่คนอื่นๆพากันเงียบกริบกันหมด เพราะรู้แล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่นอน...กลับกัน อนาสตาเซียผู้เป็นมือสังหารแห่งหมู่บ้านยุคันตวาตและรู้เรื่องราวในเบื้องลึกดีกว่าคนอื่นๆรีบเข้ามาใกล้ไกรพร้อมกับกระซิบข้างหูเขาเบาๆทันที

 

      ' ไกร...หรือว่านี่คือ? '

 

      ' อืม...ฝีมือของพวกบรรลัยกัลป์ไม่ผิดแน่...มันรู้ดีแล้วว่าหน่วยคเณศร์เสียงาเป็นเหมือนหน้าฉากของหมู่บ้านยุคันตวาต...และพวกเราเป็นกลุ่มเดียวที่จะกันมันจากการเข้าถึงองค์หญิงผู้เป็น บุตรีแห่งสุรีย์แสง ซึ่งเป็นเป้าหมายของมันได้ '

 

      ' มันเลยเลือกที่จะยืมมือของกฎมณเฑียรบาลและการนินทากาเลของชาวบ้านร้านตลาดกำจัดเจ้า...เลวเอ้ย! '

 

      ' เรื่องนี้โทษมันฝ่ายเดียวไม่ได้...ข้าผิดเองที่เปิดช่องให้มัน เลยต้องมากลายเป็นชักที่ปักหลังเช่นนี้ '

 

       ไกรพยักหน้าอย่างยอมรับ เพราะลึกๆแล้วเขาก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายโจมตีเขาได้เพราะความใจอ่อนของเขาเอง จนกระทั่งพลาดพลั้งไปเช่นนี้...ก่อนที่เขาจะขยับยิ้มมุมปากให้กับมือสังหารสาวผู้เป็นสหายเล็กน้อย และหันไปพูดเรียบๆกับอัครมหาเสนาบดีผู้ยังคงอยู่บนหลังม้าทันทีว่า

 

      " ท่านครุฑ...นี่เป็นคำพูดที่แสดงถึงเจตนาเข้ามากุมตัวกระผมหรือเปล่าขอรับ? "

 

      " ท่านคงไม่คิดจะขัดราชโองการของพ่ออยู่หัวหรอกกระมัง...ท่านไกร "

  

      " ก็ถ้าหากนี่เป็นโองการของพ่ออยู่หัวจริงๆ และท่านมาตามราชโองการนั้นจริงๆ ...ก็เชิญท่านเข้ามาและสวมเครื่องจองจำกระผมได้เลย...กระผมยืนอยู่ตรงนี้แล้ว "

 

      " (ท่าน)ไกร! "  อนาสตาเซียร้องออกมาอย่างตกใจทันที แต่ไกรยกมือขึ้นห้ามไม่ให้เธอและคนอื่นๆ เคลื่อนไหวใดๆ พร้อมกับที่เขาเดินก้าวเข้ามาและสบตาอัครมหาเสนาบดีเฒ่าที่อยู่บนหลังม้าตรงหน้าอย่างไม่ไหวติงและไม่มีใครยอมใคร...บรรยากาศเริ่มจะข้นหนักลงเรื่อยๆทั้งๆที่เมื่อครู่นี้ยังเป็นช่วงเวลาเช้าอันสดใสอยู่แท้ๆ...บรรยากาศ...ที่บ่งบอกว่ากำลังจะถึงจุดแตกหักจากไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งในไม่ช้านี้แน่นอน!

 

        ก่อนที่ในที่สุด บรรยากาศอันข้นหนักจนเกือบจะถึงจุดสิ้นสุดนั้นจะถูกทำลายลงด้วยเสียงหัวเราะเบาๆของท่านครุฑ พร้อมกับที่อัครมหาเสนาบดีเฒ่าจะลงจากหลังม้าและพูดเบาๆทันที

 

      " หลอกท่านไม่สำเร็จจริงๆ ท่านไกร "

 

      " ท่านครุฑ "

 

      " ...จริงเช่นที่ท่านว่า...ถ้าหากกระผมจะมากุมตัวท่านจริงๆ กระผมคงจะไม่มาตามลำพังโดยมีผู้ติดตามเพียง ๒-๓ คน...ให้ท่านและคนของท่านหัวร่อเยาะเช่นนี้แน่ๆ...โดยเฉพาะกับหน่วยคเณศร์เสียงาที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุดในราชอาณาจักรเช่นนี้ "

 

        คำพูดของท่านครุฑสร้างความงุนงงอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูกให้กับทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวไกรเอง ถึงเขาจะยังคงรักษาท่าทีไว้ก็ตาม...ชายหนุ่มลอบถอนหายใจเล็กน้อยเหมือนยกภูเขาออกจากอก ก่อนจะยิ้มให้กับอีกฝ่ายพร้อมกับพูดโดยผ่อนคลายความตึงเครียดในน้ำเสียงลงว่า

 

      " แปลว่าท่านไม่เชื่อถือข้อความในบัตรสนเท่ห์นี้หรือขอรับ? ท่านครุฑ "

 

      " เศษกระดาษเขียนข้อความที่ไม่มีแม้แต่การลงรายชื่อของผู้ใส่ร้ายเช่นนี้คนบ้าใบ้ที่ไหนก็เขียนได้...ท่านไกร...กระผมแก่ชราพอ ผ่านโลกมามากพอจะมองท่านปราดเดียวก็รู้แล้วว่าท่านคงจะไม่ทำเรื่องไม่งามใดๆอย่างที่บัตรสนเท่ห์นี้กล่าวร้ายแน่ๆ...มิเช่นนั้นกระผมคงไม่กล้าฝากฝังลูกชายของกระผมไว้กับท่านเช่นนี้แน่ๆ "  ท่านครุฑตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มอย่างผู้ที่อาวุโสกว่า พร้อมกับเหลือบไปมองที่สินเล็กน้อยด้วยแววตาอย่างพ่อที่เป็นห่วงลูก ก่อนที่เขาจะหลับตาและถอนหายใจเฮือกก่อนจะพูดเบาๆต่อว่า

 

      " เฮ้อ...ถึงกระผมจะน้อยใจหน่อยๆที่สินเลือกที่จะปกป้องท่านมากกว่าเชื่อคำข้าก็เถอะ "

 

      " โธ่...ท่านพ่อ "

 

      " แต่นี่คือเรื่องบัตรสนเท่ห์นี่...คือเรื่องจริงสินะขอรับ "

 

        คำพูดเรียบๆของไกรทำให้ทุกคนถึงกับเงียบกริบกันหมด พร้อมกับที่บรรยากาศกลับเข้าสู่ความน่าอึดอัดอีกครั้ง...ในขณะที่สายตาของจอมขุนนางเฒ่าส่องประกายชื่นชมในไหวพริบของเด็กหนุ่มตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพยักหน้าเบาๆทันที

 

      " ใช่แล้วขอรับ... "

 

      " ถ้าอย่างนั้นท่านก็กำลังขัดราชโองการของพ่ออยู่หัวโดยตรงนะขอรับ ท่านไม่คิดว่าการทำเช่นนี้มันเสี่ยงไปหน่อยอย่างนั้นหรือ? ...หมายถึง...กระผมเป็นห่วงกลัวว่าท่านจะพลอยโดนหางเลข ต้องราชอาญาไปด้วยน่ะขอรับ "

 

      " กระผมไม่ได้ขัดราชโองการขอรับ...เพียงแต่ราชโองการยังมาไม่ถึงมือกระผมเท่านั้น "  อัครมหาเสนาบดีเฒ่าผู้เป็นบิดาบุญธรรมของสินพูดเบาๆ ก่อนที่เขาจะยื่นมือไปด้านหลัง พร้อมๆกับที่ชายหนุ่มผู้ติดตามหนึ่งใน ๓ คนนั้นจะหยิบม้วนสารอันเป็นเหมือนสารคำสั่งของทางการส่งไปให้ทันที

 

      " นั่นมัน? "

 

      " ...ในเวลานี้ ราชโองการนั้นก็ได้มาถึงมือของกระผมแล้ว พร้อมๆกับที่สารอีกฉบับที่น่าจะไปถึงมือของท่านทองคำ...เจ้าพระยามหาเสนาฯ สมุหพระกลาโหม เช่นกัน...นั่นแปลว่าภายในครึ่งชั่วยาม กระผมและท่านทองคำจะมาใหม่อีกครั้งพร้อมกับกองทหารที่เก่งกาจและถูกฝึกปรือมาอย่างดีที่สุดในราชอาณาจักรคนละ ๑ กองร้อยเพื่อมากุมตัวผู้ที่มีศักดินาระดับเจ้าพระยาและความเก่งกาจระดับท่าน "

 

      " ครึ่งชั่วยาม...อย่างนั้นหรือขอรับ "

 

      " ขอรับ...เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น...ไม่มาก...ไม่น้อยไปกว่านี้...กระผมหวังว่าเวลานั้น ท่านจะมีทางออกดีๆในเรื่องนี้... และเวลานี้ก็หมดธุระของกระผมแล้ว "  เจ้าพระยาจักรีพูดเบาๆอย่างรวดรัดตัดใจความ ก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นบนหลังม้าอีกครั้งและชักม้าหันหลังกลับ พร้อมกับพูดทิ้งท้ายเบาๆว่า

 

      " ท่านไกร...ท่านอาจจะฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ แต่กระผมแก่ชราพอจะมองคนออกนะขอรับ...และท่านก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่กระผมมองต่างออกไป ...ท่าน และหน่วยคเณศร์เสียงาของท่านเป็นผู้ที่พวกเราขาดไม่ได้ในการรับศึกพม่ารามัญครานี้ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะขอรับ...มารไม่มี บารมีก็ไม่เกิด... "

 

      " ...กระผมขอบคุณท่านมากเลยนะขอรับ...ท่านครุฑ...บุญคุณครั้งนี้กระผมสัญญาว่าจะตอบแทนแน่นอน "  ไกรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสำนึกและขอบคุณจากใจจริงพร้อมกับค้อมหัวให้บางๆ ในขณะที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะค้อมหัวให้เช่นกัน...นั่นทำให้ท่านครุฑยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยพร้อมกับค้อมหัวรับคำขอบคุณนั้นทันที

 

      " หวังว่าเมื่อกระผมมาถึงอีกครั้ง ท่านจะมีทางออกที่ดีเตรียมรับมือเรียบร้อยแล้วนะ โชคดี...ท่านไกร "

 

 

 

 

.............................................

 

 

 

 

 

     ...หลังจากที่สมุหนายกเฒ่าผู้นำข่าวอันน่าตื่นตะลึงมาแจ้งให้กับพวกของไกรทราบควบม้าห่างออกไป ไกรก็หันกลับมาหาผู้ที่อยู่ในหน่วยคเณศร์เสียงาของเขา หรือจะพูดในแง่หนึ่งคือเขาหันไปมองสินและเรืองที่ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างรู้ดีว่าเขาต้องรีบตัดสินใจ...เรื่องนี้เป็นเรื่องของหมู่บ้านยุคันตวาตซึ่งเป็นฉากหลังอันดำมืด...เขาไม่อาจจะให้คนที่อยู่ในฉากหน้าหรืออยู่ในแสงสว่างอย่างพระยาเพชรบุรี หรือสมเด็จพระเจ้าตากสินรู้ หรือเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ได้...ก่อนที่ในที่สุด เขาจะถอนหายใจเฮือกพร้อมกับพูดเรียบๆว่า

 

      " ท่านเรือง สิน...วันนี้พอแค่นี้แหละ...พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว "

 

      " ว่าอย่างไรนะ?! "  สินที่ตั้งท่ารอฟังอยู่แล้วถึงกับตะโกนออกมาอย่างลืมตัวทันที เพราะลึกๆแล้วเขาหวังว่าไกรจะขอความช่วยเหลือจากเขาหรือเรือง...ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงความช่วยเหลือเล็กๆ แต่พวกเขาก็พร้อมจะยื่นมือเข้าช่วย...ไม่ใช่ในฐานะผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา แต่เป็นในฐานะผู้ที่เข้าใกล้คำว่าสหายของเขาอย่างที่สุด...แต่ชายหนุ่มตรงหน้ากลับรีบปฏิเสธความหวังดีของเขาก่อนที่เขาจะได้ทันเอ่ยปากว่าจะช่วยด้วยซ้ำ!

 

      " ท่านไกร...ข้ารู้ดีว่าระดับตำแหน่งของพวกข้าอาจจะน้อยนิดเมื่อเทียบกับยศเจ้าพระยาพานทองของท่าน แต่พวกเราก็ยังคงเป็นหน่วยคเณศร์เสียงาของท่าน...พวกเราพร้อมเป็นกำลังให้ท่านเสมอ "

 

        คำพูดเรียบๆของเรืองทำให้ไกรหันไปมองหน้าอีกฝ่ายเล็กน้อยเหมือนกับชั่งใจอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดเขาก็หลับตาลงและส่ายหน้าช้าๆ

 

      " ขอโทษด้วยนะ แต่ไม่ใช่สำหรับคราวนี้...ท่านเรือง "

 

      " ไกร... "  แม้จะรู้ดีว่าชายหนุ่มทำแบบนี้เพื่อกันไม่ให้ทั้งสองคนตกอยู่ในอันตรายที่ไม่จำเป็น แต่คำพูดตัดรอนแบบไร้เยื่อใยของชายหนุ่มก็ทำให้อนาสตาเซียอดพูดขึ้นเพื่อเตือนอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ไกรกลับส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับหันหลังกลับและพูดเรียบๆว่า

 

      " เรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าจะทำอะไรเล่นๆได้อีกแล้ว นาสตี้...พวกเราจำเป็นต้องใช้คนที่มีความสามารถจริงๆ...คนที่เตรียมใจมาพร้อมจริงๆ...และพวกเขาไม่ใช่ผู้ที่ข้าสามารถนำมาร่วมเสี่ยงด้วยได้ "

 

         หมับ!

 

       " สิน? "

 

       " ท่านไกร...ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?! "  สินที่จับไหล่เขาไว้แน่นถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะสะกดกลั้นอารมณ์ แต่บ่งบอกว่าเขาจะไม่ยอมจากไปหากยังไม่ได้คำตอบแน่ๆ ในขณะที่ไกรสบดวงตาที่เริ่มคุกรุ่นไปด้วยโทสะของอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาถอนหายใจเฮือกและเอามือจับ หรือในอีกนัยหนึ่งคือปัดมือของเด็กหนุ่มที่จับไหล่เขาอยู่ออกพร้อมกับตอบกลับไปเรียบๆว่า

 

       " เจ้าอาจจะคิดว่าข้าพูดแปลกๆนะ...สิน...แต่ข้าบอกได้เพียงว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เจ้า...และท่านเรืองจะเป็นกำลังสำคัญอันขาดไม่ได้ในการทำศึกสงคราม...ข้าขอร้องให้เจ้าทั้งสองเลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้...ไม่ใช่เพราะพวกเจ้าไม่มีความสามารถ แต่เจ้าสำคัญเกินกว่าที่ข้าจะสามารถเอาเข้ามาเสี่ยงกับเรื่องเช่นนี้ได้...ข้าทำไปเพราะความเป็นห่วงต่างหาก "

 

      " เป็นห่วง...อย่างนั้นหรือ...ขอรับ "  คำพูดอันไม่อาจจะบอกได้ว่าอยู่ในอารมณ์ใดของสินที่พูดขึ้นทำได้แต่ทำให้ไกรพยักหน้าพร้อมกับพูดสำทับเรียบๆว่า

 

      " ใช่...เพราะฉะนั้นนี่ถือเป็นคำสั่งของข้าก็ได้...แต่พวกเจ้าทั้งสองต้องวางมือจากเรื่องนี้แล้ว...และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกข้าเอง...ไว้จบเรื่องเมื่อไหร่เราค่อยว่ากันอีกที "

 

      " ... "

 

      " ...เวลาของข้ามีไม่มาก...และข้าไม่คิดจะเสียเวลาเหล่านั้นไปด้วยการมาพูดอ้อมค้อมรักษาน้ำใจ...ต้องขออภัยที่ข้าพูดตรงๆ ท่านเรือง สิน...แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านแล้ว "

 

        ไกรพูดเรียบๆและไม่ยอมเสียเวลาฟังอะไรจากปากของชายหนุ่มทั้งสองคนที่ยังตื่นตะลึงอยู่ทั้งสิ้น...เขาขยับดาบสีเงินอันเป็นดาบประจำตัวของเขาขึ้นผูกกับตัวมั่นก่อนจะหันหลังกลับและเตรียมจะเดินออกไปพร้อมกับอนาสตาเซียและอเทตยาที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วทันที

 

        หมับ!

 

      " หืม? "

 

        ผัวะ!!

 

        ก่อนที่ไกรจะได้ทันว่าหรือพูดอะไรออกไป หมัดขวาของคนที่ฝึกดาบมาชั่วชีวิตอย่างสินก็ชกพรวดเข้าเต็มโหนกแก้มซ้ายของไกรเต็มๆ จนไกรถึงกับต้องเซถลาตามแรงหมัด เลือดสีสดกบเต็มริมฝีปากทันที!

 

      " สิน! "

 

      " ท่านไกร!! "

 

        พร้อมๆกับที่เรืองร้องเสียงหลงและพุ่งเข้ามารวบสินที่ใช้หมัดฟาดเข้าเต็มใบหน้าของไกร...อเทตยาเองก็ร้องลั่นพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารอันน่าขนลุกระดับสูงสุดของเธอออกมาทันที แต่จิตสังหารนั้นก็ถูกสกัดไว้ด้วยการจับล๊อคที่มีลักษณะคล้ายกับศิลปะยิวยิตสูในปัจจุบันของอนาสตาเซีย ที่รวบอเทตยาไว้พร้อมกับทิ้งน้ำหนักลงกดมือฉมังธนูสาวติดกับพื้นไว้ทันที เพื่อกันไม่ให้หญิงสาวที่อยู่ภายใต้การรวบตัวคิดทำอะไรโง่ๆ ...ในขณะที่ไกรสาวเท้าก้าวไปด้านข้างเพื่อยันกายที่โงนเงนของตัวเองไว้พร้อมกับเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากของตัวเองทันที

 

      " หึ! นี่ถือเป็นการขัดคำสั่งเจ้านายของเจ้าโดยตรง...ไม่นับรวมที่เจ้าชกหน้าคนระดับข้านะ สิน "

 

      " ถ้าหากเรืองไม่จับข้าไว้เช่นนี้ ไอ้ คนระดับท่าน มีหวังจะได้โดนอีกเป็นสิบหมัดเป็นแน่! ปล่อยสิวะ! "

 

      " เกินไปแล้ว! สิน!! เจ้าเสียมารยาทมากเกินไปแล้ว "  เรืองตะโกนลั่นเพื่อปรามชายหนุ่มที่เขากุมตัวไว้ทันที แต่เด็กหนุ่มเลือดร้อนและเดือดดาลเกินกว่าจะรับฟังคำทัดทานใดๆได้ เขาสะบัดหลุดจากการควบคุมของเรืองก่อนจะจ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาที่เข้มและดำมืดจนอ่านไม่ออกของไกรนิ่งราวกับค้นหาความจริง แต่ไกรเองก็เพดานบินสูงมากพอจะไม่หลุดอะไรนอกจากความดำมืดที่อ่านไม่ออกเช่นเดิม จนสินถึงกับกัดฟันกรอดทันที

 

      " พูดราวกับว่าเป็นห่วงเป็นใยข้าเสียเต็มประดา... "

 

      " ... "

 

      " แต่คำพูดทั้งหมดทั้งมวลของท่าน...มันไม่ต่างจากการที่ท่านตะคอกใส่หน้าข้าว่า ...สหัวไปให้พ้น ...พวกเจ้าไม่อยู่ในสายตาของข้า ...เลยไม่ใช่รึอย่างไร! "

 

         เด็กหนุ่มผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาตะคอกใส่หน้าไกรที่เวลานี้สีหน้านิ่งราวกับหินปักหลุมศพอยู่อย่างรุนแรง ก่อนที่เขาจะกัดฟันกรอดพร้อมกับสะบัดหน้าเดินจากไปทันที...ในขณะที่เรืองเหลือบมามองเขาเล็กน้อยราวกับจะสื่อว่าเขาเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของสินเกือบจะทุกประการ เพียงแต่เขาอาวุโสมากพอจะสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมาเช่นสินได้...เรืองผ่อนลมหายใจออกทางจมูกพร้อมกับพูดเรียบๆกับผู้เป็นนายในหน่วยของเขาว่า

 

       " ข้าจะดูสินเอง...เด็กนั่นแค่โกรธเคืองท่านเท่านั้นล่ะ "

 

       " ...ขอบคุณนะ ท่านเรือง "

 

       " พูดโดยสัตย์จริง ข้าเองก็โกรธเคืองท่านไม่น้อยเหมือนกันนะ ท่านไกร...แต่...เอาเถอะ...ข้าเดาว่าท่านน่าจะมีเหตุผลมากพอจะทำเช่นนี้...เช่นนั้นข้าก็ทำได้เพียงขอให้ท่านรอดปลอดภัยก็แล้วกัน เพราะท่านเป็นเสมือนสิ่งที่ประกันไม่ให้ข้าเข้าคุกอีกรอบ...โชคดีมีชัยล่ะกันนะ ท่านไกร "

 

          เรืองพูดทิ้งท้ายเรียบๆ ก่อนจะค้อมหัวให้น้อยๆเป็นเชิงทำความเคารพและบอกลา ก่อนจะเดินตามสินที่นำไปลิบๆโน่นทันทีโดยที่ไม่ยอมหันกลับมามองชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายของเขาอีกเลย...ปล่อยให้ไกรยืนนิ่งเก๊กซิมอยู่ต่อไป...ในขณะที่อนาสตาเซียที่เห็นว่าอเทตยาอารมณ์เย็นลงแล้วจึงยอมปล่อยเธอและยื่นมือฉุดหญิงสาวผู้กลายมาเป็นคนของไกรหมาดๆเพื่อให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันมาที่ไกรและยิ้มบางๆทันที

 

       " ...เป็นอะไรรึเปล่า...ไกร "

 

       " แผลถูกชกเพียงแค่นี้ ไม่กี่วันก็หายแล้วล่ะ "

 

       " ข้าไม่ได้ถามถึงแผลที่ปาก...นั่นน่ะเจ้าสมควรโดนแล้ว...ข้าถามถึงแผลที่ใจเจ้าต่างหากล่ะ "

 

         คำพูดที่เต็มไปด้วยกระแสรู้ทันของอนาสตาเซียทำให้ไกรหลับตาลงและถอนหายใจเฮือกทันที 

 

       " ข้าล่ะเกลียดคนรู้ดีอย่างเจ้าจริงๆ...แล้วก็อย่าเริ่มเลยน่า...นาสตี้...เจ้าก็รู้ดีว่าเรื่องนี้พวกเขาไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของเราเหล่าหมู่บ้านยุคันตวาต...ข้าต้องปกป้องพวกเขาและกันไม่ให้พวกเขาเข้ามาเกี่ยว "

 

      " แต่เขาพูดถูกนะเจ้าคะ...ท่านไกร "

 

      " อเทตยา? "

 

        มือฉมังธนูสาวผู้มีใบหน้าและท่าทางไม่ต่างอะไรกับเพียงออผู้เป็นน้องสาวแท้ๆของเขาไม่มีผิดเพี้ยนเอ่ยขึ้นเรียบๆหลังจากนั่งฟังอย่างเงียบๆมานาน...เธอเหลือบมองที่ไกรที่นั่งอยู่เล็กน้อยก่อนจะพูดเรียบๆว่า

 

      " ...ถ้าหากท่านพูดกับเช่นนั้นกับข้า...ข้าเองก็คงจะทนไม่ได้เช่นกัน...ท่านหักหลังความเชื่อใจของเขาอย่างไม่มีชิ้นดีด้วยคำว่า เป็นห่วง ...มันไม่ต่างอะไรจากการปกป้องเขาด้วยการทิ้งเขาไว้ด้านหลังเลยไม่ใช่รึอย่างไรล่ะ? "

 

      " ...เรื่องนี้เป็นเรื่องของข้า...ข้าไม่อาจจะลากสินและเรืองเข้ามาล่มหัวจมท้ายด้วยได้...และข้าขอพูดอีกครั้งว่าข้าทำเพื่อปกป้องเขา...ข้ายืนยันได้เพียงเท่านั้น "

 

      " ...ถ้าอย่างนั้นท่านไกร...ข้าอยากจะขอให้ท่านสัญญาอย่างหนึ่ง... "

 

      " ... "

 

      " อย่า ปกป้อง ข้าเช่นที่ท่านทำกับเขาทั้งสองคนเลยนะเจ้าคะ "

 

 

 

        

 

 

..........................................

 

 

 

 

 

     ...ไกลออกไปจากจุดที่พวกของไกรยืนสนทนากันอยู่...บนกำแพงที่กั้นระหว่างเขตพระราชฐานชั้นนอกและเขตพระราชฐานชั้นกลางไว้...

 

     ...ชายหนุ่มร่างสูงกำยำล่ำสันในชุดข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับพระยาพานทอง ใช้กล้องส่องทางไกลทองเหลืองแบบตะวันตกที่ถูกสร้างมาอย่างปราณีตและกำลังขยายสูงส่องจ้องนิ่งมาที่กลุ่มของไกรที่กำลังเดินออกไปทางประตูกำแพงพระราชวังด้านที่เป็นที่ตั้งของจวนออกพระเพชรพิไชย...จางวางกรมทหารล้อมวัง...เขาจ้องนิ่งไปที่กลุ่มของชายหนุ่มจนกระทั่งเกินระยะกำลังขยายของกล้องจึงค่อยลดกล้องลงช้าๆ พร้อมกับผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อยทันที

 

      " พวกเขาไปแล้ว...แต่ก็คงไปได้ไม่ไกลหรอก "

 

      " หืม?...ข้านึกว่าดวงตาของเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้กล้องส่องเพื่อมองดูเสียอีก "

 

      " อยาโง่น่า...ขืนข้าใช้ พลัง ในเวลานี้...หน้ากากที่พวกเราเพียรสร้างขึ้นมาก็พังทลายไม่มีชิ้นดีน่ะสิ...ว่าแต่เจ้าเถอะ...เจ้านาย ของเจ้ากำลังจะถูกกุมตัวด้วยข้อหาที่อุกฉกรรจ์ที่สุด...เจ้าไม่รู้สึกเสียใจบ้างเลยหรือ? "

 

      " หืม?...หึๆ ก็...น่าเสียดายเล็กๆนะ...ท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ฯผู้นั้นเป็นเด็กหนุ่มที่ต่างจากเด็กหนุ่มทั่วไป...ข้าเกือบจะชอบเขาอยู่แล้วเชียว "

 

      " ช้าไว้...น้องพี่...ข้าเองก็ใช่ว่าจะเกลียดเขา...เพียงแต่เพื่อบรรลุแผนการของพวกเราเหล่า บรรลัยกัลป์ ...เราจำเป็นต้องกำจัดเขา...และหน่วยของเขาให้พ้นทาง...และเราทำสำเร็จไปกึ่งครึ่งนึงแล้ว... "

 

      " หึๆ...นั่นสินะ "

 

      " เวลางวดขึ้นมาแล้ว...น้องพี่...และเรากำลังจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด...ไม่ต่างอะไรจากไฟบรรลัยกัลป์ที่ถูกสร้างมาเพื่อล้างโลกใบนี้...เจ้าไปเตรียมตัวเสีย ...ข้าจะไปบอกข่าวกับ ท่านหญิง ของพวกเรา..."

 

 

      " หน่วยคเณศร์เสียงาแตกเป็นเสี่ยงๆเรียบร้อยแล้ว! "

 

 

 

 

 ........................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา