ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)
เขียนโดย PingJa
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
22) ...ตอนที่ ๕...สู่อโยธยา...(๓)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
================================================
" เฮ้ยๆ พวกเจ้าทำบ้าอะไรของพวกเจ้าเนี่ย? คิดจะพังบ้านข้ารึอย่างไรกัน?!! " ภายในกระท่อมที่ไม่ใคร่จะใหญ่นัก ยิ่งเมื่อวางระเกะระกะไปด้วยไหเหล้าและอุปกรณ์แปลกๆที่ไม่น่าไว้วางใจหลายอย่างด้วยแล้วก็ยิ่งแคบเข้าไปใหญ่ สิงห์ผู้เป็นเจ้าของกระท่อมที่นอนเอกเขนกอยู่บนเปลที่ผูกไว้กับเสากระท่อมลุกขึ้นมาพร้อมกับตะโกนใส่พวกเขาทันที แต่แล้วก็ต้องนิ่วหน้าครางเบาๆและเอามือกุมสีข้างที่ยังถูกพันอยู่ทันทีอย่างเจ็บปวดจากแผลซี่โครงหักที่ยังไม่หายดีของตัวเอง ก่อนที่จะมีหญิงสาวผิวขาวเนียนที่มีดวงตาสีเหลืองอ่อนเหลือบประกายเขียวและอุณาโลมสีแดงเลือดบนหน้าผากเหมือนกับราตรีพุ่งจากเงามืดเข้ามาประคองไว้ทันที
" นายท่านสิงห์! "
" ข้าไม่เป็นไร ชีวา " สิงห์พูดเรียบๆก่อนจะขยับท่านั่งให้ตัวเองสบายที่สุด พร้อมกับหันสายตาคมปลาบมาที่กลุ่มผู้บุกรุกในยามวิกาลทันที
" ข้าทราบดีว่าเจ้ามีสิทธิเหนืออาณาเขตหมู่บ้านทั้งหมดในฐานะมือสังหารอันดับหนึ่งและบุตรสาวของท่านผู้เฒ่าหัวหน้าหมู่บ้าน แต่การบุกเข้ามายามวิกาลเช่นนี้มันไม่เกินเลยไปหน่อยเหรอ? "
อนาสตาเซียผู้ถูกพาดพิงในประโยคของสิงห์แทบไม่ได้สนใจคำพาดพิงนั้นเลย เธอใช้สายตาที่จับผิดกวาดมองไปรอบๆภายในกระท่อม ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกระด้างทันที
" มายาอยู่ที่ไหน?! "
สิงห์เลิกคิ้วและหันไปมองหน้าหญิงสาวผู้มาประคองเขาไว้เล็กน้อย ก่อนจะถามกลับมาเบาๆ
" ข้าจำไม่ได้ว่าเจ้าสนิทกับมายาจนต้องไปมาหาสู่กันในยามวิกาลเช่นนี้...มีเรื่องอันใดงั้นรึ? "
ศกุนตลาถอนหายใจเฮือกอย่างเหนื่อยหน่ายใจอีกครั้ง...เพียงแค่ฟังแค่ ๒-๓ ประโยคแค่นี้เธอก็รู้ได้ทันทีว่าถ้าหากเธอไม่เข้าไปช่วยพูดอะไรซักอย่าง มีหวังคืนนี้ทั้งคืนก็คุยกันไม่จบแน่ เธอจึงเดินเข้าไปหาสิงห์พร้อมกับอธิบายเรื่องราวต่างๆเรียบๆ ในขณะที่สิงห์ที่นั่งฟังอย่างสงบก็พยักหน้าเบาๆอย่างว่าง่าย ก่อนที่ดวงตาที่อ่านไม่ออกของสิงห์จะหันมามองอนาสตาเซียและไกรก่อนจะถามขึ้นเบาๆ
" แล้วทำไมพวกเจ้าคิดว่าสตรีนางนั้น...ผู้ที่พยายามทำร้ายไกรคือมายาของข้าล่ะ "
" เฮ้อ...เจ้าอย่าพยายามแกล้งโง่ดีกว่าน่า สิงห์...มันเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์กับเราทั้งหมดนะ...เจ้ากับข้าต่างก็เป็นผู้ใช้สัตว์สมิงเหมือนกัน เจ้าก็รู้ดีว่าไม่มีมนต์สะกดใดที่สามารถตบตาข้าได้ นอกจากมนต์สะกดจากเสือสมิงที่มีฤทธิ์แก่กล้าเท่านั้น...ตอนข้าเห็นร่างจำแลงของยัยนั่นครั้งแรกข้าเองก็ยังคิดว่านางคือท่านอนาสตาเซียจริงๆด้วยซ้ำนะ...เสือสมิงที่มีฤทธิ์แก่กล้าพอจะหลอกข้าได้ขนาดนั้นในสุวรรณภูมินี้ก็คงมีแต่มายาเท่านั้นแหละ...อ้อ! แล้วก็อย่าหวังเล่นตลกด้วยการพูดว่าอาจจะเป็นเสือสมิงตัวอื่นที่ไม่ใช่เสือสมิงใต้อาณัติของเจ้าเชียวนะ...เพราะถ้ามีเสือตัวอื่นหลุดเข้ามาในอาณาเขตป่านี้จริงก็คงมีหวังโดนทั้งชีวา มายา และราตรีฉีกเป็นชิ้นๆไปตั้งแต่แรกแล้ว " ศกุนตลาปิดทางหนีและช่องที่จะทำให้อีกฝ่ายเล่นลิ้นได้ทุกทาง จนสิงห์ต้องยกมือยอมแพ้พร้อมกับหัวเราะแห้งๆเบาๆ
" ก็ได้ๆ ...เอาล่ะ สำหรับคำถามที่ว่ามายาอยู่ที่ไหนของเจ้า นาสตี้...คำตอบคือ...ข้าไม่รู้ "
" ว่าอย่างไรนะ?!! " อนาสตาเซียที่เห็นแก่หน้าศกุนตลาและยอมทนฟังอยู่เงียบๆมานานถึงกับตวาดแว๊ดด้วยเสียงแสบแก้วหูทันทีที่ได้ยินคำตอบของสิงห์ ในขณะที่สิงห์รีบยกมือห้ามไว้เสียก่อนพร้อมกับชิงพูดว่า
" ประเดี๋ยวๆ นาสตี้...ถึงนางจะเป็นเสือสมิงใต้อาณัติของข้า แต่ใช่ว่าข้าจะต้องรู้การเคลื่อนไหวของนางทุกฝีก้าวนะ ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อกฎของหมู่บ้านและคำสั่งของข้า นางจะทำอะไรข้าก็ไม่สนทั้งนั้น...คือ...ถ้าให้ข้าเดา ป่านนี้นางก็คงจะออกล่าอยู่ล่ะกระมัง เพราะแนวป่านี้ทั้งหมดคืออาณาเขตของนางนี่ "
" เห็นไหมล่ะ...นายท่านก็พูดเช่นเดียวกับข้าไม่มีผิด " เสือสมิงในร่างจำแลงหญิงสาวนามว่าราตรีที่เดินเข้าสมทบพูดขึ้นเบาๆ แต่ก็โดนอนาสตาเซียหันกลับไปแยกเขี้ยววับพร้อมแว๊ดใส่ทันที
" เจ้าน่ะเงียบไปเลย!...ส่วนเจ้า สิงห์...เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้ากำลังปิดบังข้าอยู่น่ะ "
" ใช่...ข้าคิดว่าเจ้าไม่รู้ แถมยังขู่ไม่เก่งเอาเสียด้วย เอาเถอะ...ที่ข้าพูดไปมันเป็นความจริงทั้งหมดนั่นแหละ...แล้วก็อีกอย่างนะ นาสตี้ "
" ??? "
" คือ...ข้าอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าเรื่องนี้ที่ว่ามายาพยายามฆ่าไกรจริง...แล้ว มันเป็นธุระอะไรของเจ้าที่จะต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนมันด้วยล่ะเนี่ย? "
คำถามของไกรไม่ต่างอะไรจากสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางกระท่อม ใบหน้าขาวๆของอนาสตาเซียซีดเผือดลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีลูกตำลึงสุกในพริบตาโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเลือดฝาดที่ขึ้นมาบนหน้านั้นเป็นเพราะความขวยเขินหรือความโกรธเกรี้ยวกันแน่ เพียงชั่วเสี้ยววินาทีเดียวจิตสังหารของเธอก็พุ่งพรวดขึ้นอย่างกะทันหันโดยมีจุดประสงค์มาที่สิงห์โดยตรง ระดับความเข้มข้นของจิตสังหารของเธอมันทำให้ชีวาและราตรีต้องพุ่งมาบังเจ้านายของเธอพร้อมกับขู่ฟ่อมาที่อนาสตาเซียผู้เป็นเจ้าของจิตสังหารนี้ทันที
" ท่านอนาสตาเซีย! ได้โปรด อย่าวู่วาม!! " ศกุนตลารีบพุ่งมายืนขวางหน้าเพื่อนสาวของตนพร้อมยกมือขึ้นห้ามทันที เพราะมือของหญิงสาวกำลังแตะเข้าที่ด้ามดาบและพร้อมจะชักออกมาอยู่รอมร่อแล้ว ซึ่งก็ได้ผลพอสมควรทีเดียว เพราะอย่างน้อยก็ทำให้อนาสตาเซียรู้สึกตัวขึ้นมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังแทบไม่ได้ลดความเข้มข้นของจิตสังหารที่มีต่อสิงห์ลงเลย
" ข้าขอพูดเพื่อให้เราเข้าใจตรงกันนะ สิงห์...ข้าไมได้สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าเสือสมิงของเจ้าจะไปฆ่าไกร ฆ่าเจ้า หรือฆ่าไอ้โง่ที่ไหน...แต่ที่ข้ายอมรับไม่ได้เลยก็คือ นางใช้ใบหน้าของข้าเพื่อเข้าถึงตัวไกร ซึ่งมันทำให้ชื่อเสียงของข้าเสื่อมเสียอย่างที่สุด...เอาเถอะ! เห็นแก่ที่เจ้ายังเจ็บอยู่ และข้าก็ไม่ได้เสียหายอะไรไปมากกว่านี้ เรื่องนี้ข้าจะไม่ถือโทษโกรธเจ้า... "
" แหม...ช่างมีน้ำใจ "
" สิงห์! " คำปรามด้วยน้ำเสียงตำหนิที่หาได้ยากของศกุนตลาทำให้สิงห์หัวเราะแห้งๆ ในขณะที่อนาสตาเซียตาลุกวาวอีกครั้งพร้อมกับพูดต่อด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นทันที
" ...ในฐานะ เพื่อน...ข้าจะปล่อยให้เจ้าสะสางเรื่องนี้เอาเอง...แต่ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่มายา หรือเสือสมิงอีก ๒ ตัวจะจำแลงเป็นข้านะ...มิฉะนั้นต่อให้ครั้งหน้าเจ้าจะออกตัวปกป้องพวกนางยิ่งกว่านี้ข้าก็ไม่ไว้หน้าเจ้าแน่!! " หญฺงสาวพูดเรียบๆด้วยกระแสเสียงที่น่ากลัว ก่อนจะถอนหายใจเฮือก ...เธอหันมาสบตากับไกรที่ยืนเงียบอยู่ชั่วแวบนึงด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะส่งเสียงจิ๊กจั๊กอย่างไม่สบอารมณ์และผลักเขาออกจากทางเดินของเธอและเดินช้าๆออกจากกระท่อมของสิงห์ไป
" เฮ้อ...จบซะที " สิงห์ครางออกมาเบาๆทันทีที่ประตูกระท่อมของเขาปิดลง ในขณะที่ศกุนตลาเดินผ่านเสือสมิงทั้งสองตัวมายืนอยู่ตรงหน้าสิงห์...ก่อนที่สิงห์หรือไกรจะทันได้ว่าอะไร เธอก็ง้างหมัดและชกพรวดเข้าเต็มกรามของสิงห์ทันที!
ผัวะ!!!
ถึงจะบอกว่าเป็นหมัดจากหญิงสาวตัวเล็กๆ แต่หญิงสาวตัวเล็กๆที่ว่าดันเป็นคนเดียวกับมือสังหารผู้ที่ยิงปืนคาบศิลากระบอกสูงท่วมหัวได้อย่างง่ายๆ แถมยังเป็นผู้ใช้สัตว์สมิงผู้เก่งกาจอีกต่างหาก ผลก็คือสิงห์ปลิวตามแรงหมัด ถลาลงไปนอนนับดาวอยู่บนพื้นกระท่อม เลือดสีคล้ำกบเต็มปากทันที
กรร!!
เมื่อเห็นผู้เป็นนายโดนทำร้าย เสือสมิงในร่างมนุษย์ทั้งสองตัวมีสีหน้ามุ่งร้ายต่อผู้ที่ทำร้ายสิงห์อย่างศกุนตลาทันที แต่จิตมุ่งร้ายนั้นก็สลายหายไปแทบจะในทันทีเช่นกันเมื่อศกุนตลาหันขวับกลับมาด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่าพร้อมกับกระซิบเรียบๆ
" ถอยไป...เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า! "
' อื้อหือ...ขนาดเสือสมิงยังหงอได้ขนาดนี้ ยัยศกุนตลานี่น่ากลัวคงเส้นคงวาดีจริงๆ ' ไกรอดคิดอย่างขำไม่ออกไม่ได้เมื่อเห็นหน้าที่ซีดเผือดของหญิงสาวที่ทุกคนบอกว่าเป็นเสือสมิงทั้งสอง แต่ก็ว่าไม่ได้หรอก เพราะขนาดเขาเหลือบเห็นดวงตาอีกฝ่ายแค่แวบเดียวยังถึงกับขนลุกซู่ แทบกรี๊ดออกมาเลยทีเดียว
" จ...เจ้าทำบ้าอะไรฟะ!! เจ้าไม่เห็นรึอย่างไรว่าข้าบาดเจ็บอยู่! "
" ก็เพราะข้าเห็นว่าเจ้าบาดเจ็บอยู่น่ะสิ เจ้าถึงโดนแค่ชก ...ให้นรกสาปสิ! เจ้านี่มันช่างสมเป็นคนป่าที่ไม่รู้จักกาลเทศะเสียจริง! "
" กาลเทศะ? อ...อะไรของเจ้าฟะ!! ไม่เห็นต้องด่ากันแบบนี้เลย "
" เฮ้อ...เจ้านี่มันเป็นคนที่ขยันสร้างปัญหาได้ตลอดจริงๆ " ศกุนตลาถอนหายใจเฮือกพร้อมกับหลับตาลงเอามือนวดขมับอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ก่อนจะหันกลับมาหาไกรพร้อมกับพูดเบาๆ
" เอ้า...ในเมื่อเสร็จธุระแล้ว เจ้าจะกลับหมู่บ้านด้วยกันเลยไหม? ...วันรุ่งพรุ่งนี้ก็จะต้องออกเดินทางไปกับท่านผู้เฒ่าแต่เช้ามืดนี่ "
" อืม...ข้าคิดว่าข้าจะอยู่สนทนากับสิงห์ตามลำพังอีกซักครู่ เจ้ากลับไปพร้อมกับนาส---อนาสตาเซียก่อนเถอะ " คำตอบของไกรทำให้ศกุนตลาขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจอีกครั้ง
" ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าจำได้ไหม แต่เจ้าพึ่งถูกเสือสมิงใต้อาณัติของเจ้านี่ทำร้าย ชนิดเกือบจะถูกสังหารทีเดียวนะ...ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นการฉลาดเท่าไหร่ที่จะอยู่สนทนากับเจ้านี่ต่อ ตามลำพัง เช่นนี้ "
" เฮ้ยๆ ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดีกับไกรนะ แต่คำพูดของเจ้ามันเหมือนกับด่าข้าว่าไม่น่าไว้ใจกลายๆเลยนะเฮ้ย! " สิงห์ที่ยังคงนั่งเอามือกุมกรามข้างที่ถูกต่อยอยู่ร้องออกมาดังๆ แต่ก็รีบจะหุบปากเงียบทันทีที่เห็นสายตาของศกุนตลา
" พูดอย่างกับเจ้าน่าไว้ใจอย่างนั้นแหละ "
" เอาน่าๆ " ไกรไกล่เกลี่ยพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปหาศกุนตลาต่อ " เอาเป็นว่าข้าเชื่อใจสิงห์พอล่ะกันนะ ขอบใจเจ้าที่เป็นห่วงในเรื่องนี้ "
ศกุนตลาใช้ดวงตาด้านที่ไม่ได้ถูกปิดบังด้วยหน้ากากสบตากับไกรเล็กน้อยเหมือนกับจะบอกว่า ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกและเดินตามอนาสตาเซียออกไปทันทีโดยไม่พูดอะไรต่อตามนิสัยพูดน้อยของเธอเช่นเดิม
...ย้อนกลับมาที่อนาสตาเซียผู้ผลุนผลันออกมาจากกระท่อมก่อน ก็ถึงกับหน้าร้อนวูบวาบทันทีที่นึกถึงสิ่งที่เธอทำไปเมื่อครู่...เธอลูบแก้มสีแดงก่ำของตัวเองไปมาพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจตัวเอง...เธอเคยเป็นสุดยอดมือสังหารผู้ที่ควบคุมกริยาท่าทางและสติสัมปชัญญะได้เป็นอย่างดี ถึงจะไม่เท่าหน้ากากน้ำแข็งของศกุนตลาก็เถอะ...แต่กับคราวนี้เธอกลับแสดงอารมณ์เปลือยของตัวเองออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ และถึงไม่อยากจะยอมรับก็ตาม แต่เธอก็รู้อยู่แก่ใจเลยว่าลึกๆแล้วที่เธอโกรธขนาดนี้ไม่ใช่เพราะเสือสมิงชื่อมายาแปลงเป็นเธอหรอก...ที่เธอโกรธขนาดนี้เพราะมายาพยายาม ทำร้าย ไกรต่างหากล่ะ...
" โธ่เอ้ย...นี่ตัวข้าเป็นอะไรไปกันนะ?! นี่มันไม่ใช่ตัวข้าเลยด้วยซ้ำ!! " เธอครางออกมาเบาๆ แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ๆเสียงหนึ่งกลับตอบคำถามที่เธอพึ่งพูดออกมาในหัวเบาๆ
' นั่นก็เพราะมันไม่ใช่ความคิดของเธอคนเดียว แต่เป็นความรู้สึกร่วมกัน ระหว่างเธฮกับฉันน่ะสิ สาวน้อย '
พรึ่บ !!
" ใคร!! " ดาบเล่มเรียวงามที่ดูเบาบางราวกับขนนกถูกชักออกมาด้วยความเร็วที่แทบมองไม่ทัน ดวงตาสีฟ้าจรัสเบิกกว้างในความมืดมิดอย่างตรวจสอบ แต่เธอกลับไม่พบใครเลย
' นี่ๆ ยัยตาถั่ว...เธอมองไปทางไหนกัน? ฉันอยู่ใกล้เธอมากกว่าที่เธอคิดเยอะนะ ...อาวล่ะ นี่คือคำถามมูลค่า 1,000 บาท ถึงเธอจะไม่รู้จักคำว่า บาท ก็เถอะ...ฉัน อยู่ที่ไหน? ...ติ๊กต่อกๆๆๆ '
หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยกับรูปแบบประโยคๆ และคำพูดที่ดูเหมือนกับไกรเมื่อแรกเจออย่างประหลาด ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเบิกกว้างขึ้น เธอยกมือขวาที่นิ้วโป้งของเธอถูกสวมไว้ด้วยแหวนของไกรขึ้นมาดูพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นไปอีก เพราะแหวนวงนั้นเปล่งแสงสีนวลตาออกมาอย่างไม่ควรเป็นไปได้ด้วยซ้ำ!
' ปิ๊งป่อง! ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ อนาสตาเซีย ซี. ฟอลค่อน ...ชื่อของข้าคือ อรัญญิกา...อรัญญิกาเทวี เทพีผู้ปกปักษ์รักษาชุมนุมมือสังหาร...หมู่บ้านยุคันตวาตอย่างไรล่ะ '
" อรัญญิกา?!! "
.......................................
ทันทีที่ศกุนตลาพ้นอาณาเขตการได้ยินอะไรในกระท่อมออกไป สิงห์ก็ถอนหายใจเฮือกพร้อมกับถ่มเลือดในปากลงพื้น ในขณะที่ชีวา และราตรี เสือสมิงในร่างมนุษย์ทั้งสองรีบพุ่งเข้ามาหาเจ้านายของเธอทันที
" ท...ท่านสิงห์! เป็นอะไรรึเปล่าเจ้าคะ? "
" โดนชกแค่นิดหน่อยไม่ถึงตายหรอกน่า เอ้า! เลิกสำออยแล้วลุกขึ้นมาคุยกันดีๆได้แล้ว " คำพูดที่ค่อนข้างจะเสียมารยาทของไกรทำให้ชีวาและราตีชักสีหน้าอย่างจะเอาเรื่องทันที เพียงแต่สิงห์ยกมือห้ามไว้เสียก่อนพร้อมกับหัวเราะออกมาดังๆ
" ข้ารู้มาตั้งแต่แรกพบกับเจ้าแล้วว่าเจ้ามันเป็นคนฉลาด แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือเจ้าฉลาดกว่าศกุนตลาเสียอีกนี่สิ...เจ้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วสินะว่าข้าเสแสร้งแกล้งทำทั้งหมด "
เมื่อเขาได้รู้ว่าไอ้ร่างจำแลงอนาสตาเซียนั่นคือเสือสมิงใต้อาณัติของสิงห์ เขาก็เดาเรื่องราวได้มากกว่าครึ่งแล้ว...เมื่อรวมกับไอ้การโจมตีที่เหมือนจะดูรุนแรงแต่ดันไม่ได้หวังผลถึงชีวิตแล้ว มันทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่าเรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี่มันต้องเป็นแผนกลั่นแกล้งเอาคืนของไอ้สิงห์แน่
" ก็นะ...พอดีฉันรู้เหตุจูงใจที่พวกนางไม่รู้อยู่น่ะ เลยเดาได้หลายๆเรื่อง...แต่ให้ตายสิ! แค่ข้าโบ้ยความผิดให้เจ้านิดเดียวไม่เห็นจะต้องฆ่าต้องแกงกันเลยนี่หว่า? "
" นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำโว้ย! ถ้ายัยศกุนตลากับยัยนาสตี้ไม่เข้ามาขวางไว้ล่ะก็ยัยมายาคงเตี้ยวเจ้าจนกรอบแล้ว "
" เฮ้ยๆ ต่อให้ข้ายังเป็นมือใหม่ในดินแดนนี้ แต่บอกไว้เลยนะว่าข้าไม่เสียท่าให้กับสัตว์เดรัจฉานง่ายๆแน่ "
" แหมๆๆๆ ข้าเองมั่นใจในฝีมือของตัวเองพอตัวเหมือนกันนะ...แล้วพวกข้าก็ต้องขอบอกเลยว่า คำว่า เดรัจฉาน เป็นคำที่หยาบคายสำหรับพวกข้ามาที่สุดเลยทีเดียว "
เสียงของหญิงสาวที่อยู่ๆก็ปรากฎขึ้นที่ด้านหลังของเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาไกรถึงกับสะดุ้งสุดตัว ในขณะที่สิงห์ที่ดูเหมือนจะรอจังหวะนี้อยู่แล้วก็ปล่อยก๊ากออกมาดังลั่นกับท่าทางของไกรทันที
" เจ้า! "
เมื่อไกรหันหลังกลับไป เขาถึงได้รู้ว่าผู้ที่แกล้งให้เขาตกใจเล่นนี่เป็นหญิงสาวที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งสมบูรณ์แทบจะที่สุดเท่าที่มนุษย์จะมีได้ ดวงตาสีเหลืองอ่อนส่อแววซุกซนอยู่เป็นนิจ เมื่อรวมกับรอยยิ้มโชว์เขี้ยวของเธอยิ่งทำให้รู้ได้เลยว่าเธอเป็นคนขี้เล่นและรักสนุกแน่นอน
" นี่เธอ...ขอเดานะ...มายาใช่ไหม? "
" ฉลาดดีนี่หว่า ไกร...รู้จักกันไว้สิ เธอคือพี่ใหญ่ของเสือสมิงทั้ง ๓ เสือโคร่งสมิงตัวเท่าลูกม้าที่เจ้าเผลอไปจับหน้าอกนางในคราวนั้นไง " สิงห์ที่ยังคงนั่งเอกเขนกอยู่เอ่ยแนะนำเบาๆ แต่ไอ้คำขยายท้ายคำแนะนำนี่ทำให้เขาอดเหล่มองไปที่หน้าอกหน้าใจที่เข้าขั้นเหลือกินเหลือใช้ของมายา พร้อมกับกลืนน้ำลายเอื้อก ก่อนจะแยกเขี้ยววับใส่สิงห์ที่ยังคงทำหน้ากวนประสาทใส่เขาทันที
" ไม่ต้องย้ำในเรื่องที่ข้าไม่อยากจะจำนักก็ได้! " ...อย่างไรเสียเขาก็เริ่มเข้าใจอะไรๆ มากขึ้น...ถ้ามีของดีขนาดนี้แล้วมีใครก็ไม่รู้มาจับ เป็นเขาๆก็โกรธเหมือนกันล่ะวะ...
ในขณะที่เสือสมิงสาวในร่างมนุษย์นามว่ามายายิ้มพรายอย่างไม่ถือสาพร้อมกับหลับตาและก้มลงค้อมคำนับชายหนุ่มอย่างงดงาม
" ขออภัยด้วยสำหรับเรื่องการจู่โจมที่ห้องท่าน...ข้าได้รับคำสั่งที่ไม่อาจโต้แย้งได้จากท่านสิงห์ให้ แกล้ง จู่โจมท่านโดย ออมมือ ไม่ให้ท่านบาดเจ็บ แต่เอาแค่ให้ตกใจจนฉี่ราดพอ "
" เมื่อกี๊...เมื่อครู่เธอพูดว่า ออมมือ กับ เอาแค่ฉี่ราด ใช่ไหม? " ไกรหันไปถามสิงห์เบาๆ ในขณะที่สิงห์รีบโบกมือห้ามทันที
" อย่าเชียวนะเว้ย! ถึงข้าเป็นนายเหนือนาง แต่ระดับของนางมันต่างจากชีวาและราตรีชนิดคนละชั้นละอันดับกันเลยนะ กว่าข้าจะสะกดนางให้เลิกบ้าคลั่งเที่ยวไล่ล่าฆ่าชาวบ้านไปทั่วทั้งเขมรได้มันทำเอาข้าเกือบตายไปหลายรอบเลยนะ "
" แหมๆ...พูดถึงอดีตแล้วมันน่าอายจังนะเจ้าคะ " มายาลูบแก้มบิดตัวไปมาด้วยความเขินอาย...ถึงไกรจะไม่ค่อยเข้าใจว่าไอ้การ บ้าคลั่งไล่ฆ่าชาวบ้าน นี่มันอยู่ในข่ายของเรื่องน่าอายตรงไหนก็ตามเถอะ
" สะกดเธองั้นเหรอ? " ไกรพยายามข้ามไอ้ เรื่องน่าอาย ไป ก่อนจะถามเรื่องที่เขาสงสัยเบาๆ ในขณะที่สิงห์ชี้ไปที่หน้าผากของพวกเธออันเป็นที่ตั้งของอักขระ อุณาโลม สีแดงเลือดพร้อมกับเฉลยเบาๆ
" อักขระนั่นชื่อว่า ชีพมนุษา เป็นอักขระที่สะกดสัญชาตญาณดิบ ความบ้าคลั่งและความกระหายเลือดของพวกนาง พร้อมกับมอบสติสัมปชัญญะและความเป็น มนุษย์ ให้แก่พวกนางอย่างไรล่ะ ...เมื่อรวมกับคาถา สะกดหัวใจสมิง ที่ข้าใช้สะกดนางแล้ว ข้าขอบอกเลยว่าพวกนางเป็นสาวใช้และมิตรสหายชั้นยอดเลยทีเดียวล่ะ " สิงห์โอ้อวดอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับโอบไหล่ชีวาและราตรีที่อยู่ด้านข้างทั้งสองไว้ ก่อนจะยักคิ้วอย่างกวนโมโหมาที่ไกรอีกครั้ง
ไกรพยายามไม่อิจฉาความสามารถและเหล่าอารักขา ฮาเร็ม เล็กๆของสิงห์ที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า พร้อมๆกับเอานิ้วขยี้สันจมูกอย่างเริ่มเหนื่อยล้าและพูดขึ้นเบาๆ
" จากเรื่องทั้งหมดนี่ เอาเป็นว่าเราหายกันแล้วนะ...สิงห์...งั้นข้าก็คงต้องขอตัวแล้วล่ะ วันรุ่งพรุ่งนี้ข้าต้องไปอโยธยากับท่านผู้เฒ่าแต่เช้ามืด " เขาตัดบทสนทนาด้วยการอำลา แต่สิงห์กลับยกมือขึ้นห้ามไว้เสียก่อน
" ต่อให้อ่อนแอลงจนถึงจุดที่ตกต่ำสุด แต่อโยธยาน่ะก็ยังคงเป็นชุมเสือแดนสิงห์ที่ไม่อาจดูแคลนได้อยู่นะ...ลำพังท่านผู้เฒ่าน่ะคงจะมีตบะบารมีแก่กล้าพอจะเอาตัวรอดจากบ่วงแร้วต่างๆได้อยู่แล้ว แต่เจ้าซึ่งไม่มีแม้กระทั่งอาวุธประจำกายฝีมือของ ท่านยูกิโอะ ด้วยซ้ำ ตัวเปล่าเล่าเปลือยอย่างเจ้าคิดว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างนั้นเหรอ? "
' ฉันไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ หรือเรื่องเหนือธรรมชาติ...อย่าขู่ซะให้ยากเลย '
...ก็อยากจะพูดคำๆนี้เพื่อเอาเท่อยู่หรอกนะ แต่จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเขาในช่วงที่ผ่านมานี่ มันทำให้เขาพูดคำๆนี้ออกมาไม่ออกจริงๆ มันเลยทำให้เขาได้แต่เงียบ ในขณะที่สิงห์ที่เห็นท่าทางของเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ
" แบบนี้ได้ตายก่อนไปถึงอโยธยาแน่ๆ "
" ท่านสิงห์... " มายาที่ยืนอยู่ด้านหลังไกรเอ่ยเบาๆอย่างตำหนิและปรามเจ้านายของตน ในขณะที่สิงห์เองก็ยกมือยอมแพ้อย่างไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดพร้อมกับพูดต่อเบาๆ
" เออ...ข้ารู้ว่าข้าพูดเกินจริงไปบ้างเพราะนั่นเป็นเหตุการณ์ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด...แต่เอาเถอะ ในฐานะที่เจ้าเป็นสหายซึ่งมีเพียงไม่กี่คนของข้า ข้าเองก็ไม่อยากเสียสหายที่คุยสนุกอย่างเจ้าเร็วเกินไปนัก...ถือซะว่า...นี่เป็นของกำนัลจากสหายอย่างข้าก็แล้วกัน " สิงห์เอี้ยวตัวกลับไปหยิบย่ามเล็กๆสีมอๆเข้ามาถือไว้ ก่อนจะเลิกคิ้วและแสยะยิ้มมาที่เขา
" เอ้า...เรียกข้าว่าท่านสิงห์ผู้มีเมตตาเร็วสิ แล้วข้าจะให้เจ้า "
" เปลี่ยนเป็นถวายพระบาทแทนดีไหม? คนยิ่งง่วงๆอยู่ "
" คิกๆๆๆ " สามสาวเสือสมิงปิดปากหัวเราะเบาๆ ก่อนจะรีบหลบตาเขียวปัดๆของสิงห์ทันที
" เงียบไปเลยพวกเธอ! ส่วนเจ้าเองมันก็ไม่มีความอ่อนน้อมต่อผู้มีพระคุณเอาซะเลยผับผ่าสิ " ก่อนจะยื่นย่ามสีมอๆนั่นให้ไกรทันที เมื่อไกรรับมาและแหวกย่ามดู ของภายในที่เห็นทำให้เขาถึงกับทำหน้าเหยเกทันที
" เฮ้อ...ขอบใจสำหรับความหวังดีของเจ้านะสิงห์ แต่เจ้าลืมไปแล้วรึไงว่าข้าเป็นคนจากโลกตะวันตกนะ...แล้วไอ้ของที่แกให้มาเนี่ยข้าจะใช้เป็นได้ยังไงกันวะ "
" ก็ถึงได้บอกให้เรียกข้าว่า ท่านสิงห์ผู้มีเมตตา ไงเล่า "
" เอ...เห็นท่าจะไม่แคล้วได้กินพระบาทจริงๆแน่แฮะ "
" เออๆๆๆ อย่าห่วงไปเลย ไกร...แค่เจ้าพกติดตัวไว้ก็พอ.... "
" ??? "
" เมื่อถึงเวลาของมัน...มันจะทำหน้าที่ปกป้องเจ้าเอง! "
.................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ