ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  127.81K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

127)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

===============================================

 

 

 

       " ข...ข้าคิดว่าข้าฟังผิดไปล่ะกระมัง...เพราะฉะนั้น ขอท่านหญิงได้โปรดพูดอีกทีซิครับ "

 

       " อุ้มไปให้ถึงพระตำหนักเจ้าค่ะ "

 

       " ฮ่าๆๆ อีกทีสิขอรับ "

 

       " อุ้ม...ถึง...พระตำหนัก "

 

       " ฮ่าๆๆ สามครั้งแล้ว...ไม่ผิดแน่นอนสินะ...จะบ้าเหรอท่านหญิง! "  ไกรร้องออกมาดังลั่น แต่เขาก็พึ่งคิดได้ว่าเขาพึ่งขึ้นเสียงใส่พักตร์ของสมเด็จเจ้าฟ้าผู้เป็นบุตรีองค์เดียวของพระมหากษัตริย์ที่ประสูติแต่พระมเหสี นั่นทำให้ไกรถึงกับตัวสั่น เพียงแต่เจ้าหญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเพียงแค่ปิดโอษฐ์สรวลออกมาเบาๆอย่างน่ารักและไม่ถือสา กอนที่พระองค์จะเอียงศอพร้อมกับใช้กรทั้งสองคล้องคอของไกรช้าๆ

 

       " เผื่อท่านไม่รู้ ท่านไกร...เรายังไม่ได้บ้า...เพียงแต่เราต้องการจะแก้เผ็ดท่านเท่านั้น เพราะท่านถือดีคิดว่าเราแพ้แรงท่าน เลยกระทำการอุกอาจตามใจชอบได้ถึงเพียงนี้ แต่คราวนี้เป็นทีของเราบ้างล่ะ เราขอสั่งให้ท่านอุ้มเราไปส่งที่พระตำหนักของเราประเดี๋ยวนี้ "

 

       " เอ่อ เห็นทีข้าคงต้องขอปฏิเสธล่ะขอรับ "

 

       " เอ๋? ทำไมล่ะเจ้าคะ "

 

       " โห! ที่ถามมานี่ทรงดำริคิดบ้างก่อนรึเปล่าขอรับ ถ้าขืนมีใครเห็นนอกจากท่านหญิงจะต้องพระอาญาแล้ว ข้าก็คงหัวขาดกระเด็นแบบไม่มีทางแก้ตัวอย่างที่เคยแก้ตัวเมื่อคราวก่อนได้แน่นอนเลย! "  ไกรโวยออกมาลั่น ยิ่งหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ในอ้อมกอดทำเนตรใสแป๋วมองมายิ่งทำให้เขาลำบากใจใหญ่ และยิ่งเขาลนลานมากขึ้นเท่าไหร่ องค์หญิงก็ยิ่งดูมีความสุขมากขึ้นไปเท่านั้นเสียด้วย

 

       " คิกๆ นี่ ท่านไกร ท่านพูดถูกของท่านจริงๆนะ "

 

       " ห...เห็นแล้วใช่ไหมล่ะขอรับว่าข้าทำตามคำสั่งของท่านไม่ได้--- "

 

       " ตอนสะดุดรากไม้ล้ม ข้อบาทของเราคงจะซ้นจริงๆนั่นแหละเจ้าค่ะ เวลานี้ปวดระบมไปหมดแล้ว "

 

       " คุยกันคนละเรื่องเดียวกันเลยเฟ้ยขอรับ! "  ไกรโวยออกมาอีกครั้ง เพราะตอนนี้เข้ารู้สึกเหมือนกับว่าถูกสลับตำแหน่งและเป็นฝ่ายโดนแกล้งแทนเสียอย่างนั้น ก่อนที่เขาจะย่อตัวพร้อมกับทำท่าจะวางสมเด็จเจ้าฟ้าที่อยู่ในอ้อมแขนลง แต่องค์หญิงสิริจันทรใช้กรที่คล้องคอไกรฝืนไว้พร้อมกับสะบัดพักตร์อย่างไม่ยอมทันที

 

       " อย่านะ! อย่าวางเราลง...ข้อบาทเราเจ็บจริงๆนะท่านไกร เจ็บจนอยากจะร้องไห้ออกมาเลยล่ะ...ฮ ฮือออ "  สมเด็เจ้าฟ้าตรัสด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับนิ่วพักตร์ลงอย่างเจ็บปวดจนหัวใจไกรตกวูบไปอยู่ตรงตาตุ่ม แถมดวงเนตรที่ยังคงรื้นไปด้วยน้ำพระเนตรก็ทำให้ไกรไหววูบ...เกือบจะเชื่อและทำตามคำสั่่งเสี่ยงตายอยู่รอมร่อ...จนกระทั่งไกรสังเกตเห็นหญิงสาวตรงหน้าตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะพักตร์แดงระเรื่อและหลุดหัวเราะออกมาไม่อาจจะกลั้นได้ จนไกรแทบจะทำหน้ายักษ์ใส่สมเด็จเจ้าฟ้าในอ้อมแขนทันที

 

       " ก...แกล้งข้านี่! ไม่อยากเชื่อเลยว่าท่านใช้มารยาหญิงกับเขาเป็นด้วย! "

 

       " ค...คิกๆ โธ่ ท่านไกร...ก็ท่านอยากให้เราอ้อนท่านมากกว่านี้ ข้าก็กำลังทำอยู่นี่อย่างไรล่ะ ไม่ถูกใจท่านหรอกหรือ? "

 

       " ไม่ถูกใจเฟ้ยขอรับ! "  ไกรโวยอีกครั้งอย่างเริ่มมีน้ำโหนิดๆ ก่อนจะฝืนวางเจ้าหญิงลง และคราวนี้ถึงแม้ท่านหญิงของเขาจะฝืนอย่างไรเขาก็สาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีวันหลงกลอีก...แต่ชายหนุ่มก็นึกไม่ถึงจริงๆว่าท่านหญิงของเขาจะมีไม้เด็ดชนิดเด็ดสุดๆอีกอย่างซ่อนอยู่

 

       " นี่...ท่านไกรเจ้าคะ "

 

       " ไม่ๆๆๆขอรับ! ต่อให้ท่านดำรัสเช่นใดข้าก็จะไม่มีวันหลงกลอีกต่อไปแล้ว "  ไกรพูดอย่างแข็งขันและยืนยันเต็มที่ แต่แล้วเขาก็เห็นในสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นจากดวงพักตร์งามๆของท่านหญิงผู้บริสุทธ์ผุดผ่องราวกับผ้าขาวตรงหน้าเลย...

 

      ...รอยแย้มพระสรวลอย่างเจ้าเล่ห์ที่สุด...

 

       " นี่...ท่านไกร...ท่านพอจะอนุมานด้วยความชาญฉลาดของท่านได้หรือไม่...ว่าสภาพของเราสองเวลานี้ หากเราตะโกนกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงขึ้นมา...เหตุการณ์ขั้นต่อไปมันจะเป็นเช่นไร? "

 

         น้ำพระสุรเสียงที่แม้ว่าจะฟังดูรู้ว่าล้อเล่น แต่เป็นการล้อเล่นที่ดูจริงจังจนน่าคิดของสมเด็จเจ้าฟ้าในอ้อมแขนทำให้ไกรต้องหยุดและคิดตามแบบทุกตัวอักษร ก่อนที่ในที่สุดเขาจะฝืนหัวเราะออกมาช้าๆและตอบกลับไปเบาๆว่า

 

       " อ๋อ...ลำดับแรกคือเหล่าจ่าโขลนภายใต้การนำของคุณท้าวศรีสัจจาจะเข้ามาถึงด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าแล่่บ และหักคอข้าจิ้มน้ำพริกกินทันทีโดยที่ไม่รอให้ข้าได้อธิบายแม้ซักครึ่งคำแน่นอนขอรับ....ฮ่าๆ "

 

       " ก็เช่นท่านว่านั่นแหละเจ้าค่ะ คิกๆ "

 

       " ฮ่าๆๆๆ "

 

       " คิกๆๆๆ "

 

       " ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ "

 

       " ซู้ดดด--- "

 

       " ข...ขอให้ข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อยคนนี้อุ้มท่านหญิงไปส่งที่พระตำหนักด้วยเถอะขอรับ! "  ไกรรีบพูดออกมาได้อย่างประจวบเหมาะและทันท่วงทีในจังหวะสุดท้ายพอดิบพอดี เพราะถ้าหากเขาช้าไปอีกเพียงเสี้ยววินาทีเดียว เจ้าหญิงในอ้อมกอดของเขาก็มีหวังตะโกนออกมาอย่างที่พระองค์ได้ให้คำมั่นไว้จริงๆแน่...ซึ่งถ้าต้องให้พูดตรงๆ งานนี้ก็ต้องบอกว่าเด็ดขาดสมเป็นเจ้าหญิงจริงๆ 

 

       " คิกๆๆ ช่างสมเป็นท่านไกรที่ใจดีกับข้าตลอดๆจริงๆนะเจ้าคะ "

 

         ไกรกัดฟันกรอด...เขาลืมไปจริงๆว่าถึงจะเต็มไปด้วยความใสซื่อ ฉลาดและมีสเน่ห์ แต่องค์หญิงสิริจันทรก็คือสตรีผู้ที่ถูกฟูมฟักเลี้ยงดูมาโดยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้าพินทวดี...ฟูมฟักมาโดยสตรีที่ถูกฟูมฟักเรื่องเล่ห์กลมาโดยท่านผู้เฒ่าแห่งยุคันตวาตที่โคตรเจ้าเล่ห์ของเขาอีกที...เรื่องการสืบทอดความเจ้าเล่ห์แสนกลคงจะหายห้วงแน่นอน...

 

      ...แต่พอเขาอ้าปากจะต่อว่าให้สมแรงแค้น ดวงเนตรกลมโตใสแป๋วของเจ้าหญิงสิริจันทรก็ทำให้ไกรอ้าปากค้าง...ไอ้คำต่อว่าที่เตรียมไว้ก็ลงคอมลายหายไปเสียสิ้น...จนเขาได้แต่ถอนหายใจเฮือก...

 

      ...เขาแพ้ทางสายตาเช่นนี้จริงๆ...

 

       " ช...ช่วยไม่ได้ล่ะนะ...ถ...ถ้าอย่างนั้น--- "

 

       " นี่ ทำอะไรของเจ้าน่ะ ไกร "

 

       " กรี๊ดดดด! "

 

         เสียงอันราบเรียบอ่านไม่ออกของสตรีนางนึงที่ดังขึ้นจากอีกฟากหนึ่งของถนนปูอิฐแดงอย่างกะทันหันทำให้ไกรร้องกรี๊ดออกมาจริงๆแทนที่จะเป็นเจ้าหญิงสิริจันทรที่ควรจะร้องออกมาแท้ๆ ...แต่ก็โทษไม่ได้ เพราะไกรตกใจสุดๆชนิดหัวใจแทบจะกระเด็นออกมานอกปากเลย แต่แล้วสมองของเขาก็สามารถทบทวนย้อนกลับจนเขาจำได้ว่าเสียงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นของคนในหน่วยคเณศร์เสียงาและเป็นสหายของเขาอย่างอนาสตาเซีย ซี. ฟอลคอนที่ทำหน้าที่เป็นจ่าโขลนในเขตราชฐานชั้นในแห่งนี้นั่นเอง...

 

      ...แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์เลวร้ายน้อยลงเลยแม้แต่น้อย...

 

       " อ๊ะ! "  ในที่สุดอนาสตาเซียที่ยืนอยู่อีกฝั่งของถนนทางเดินก็สังเกตเห็นว่าไกรกำลังอยู่ในสภาพที่อุ้มสมเด็จเจ้าฟ้าสิริจันทรในท่าอุ้มเจ้าหญิงอยู่...ทำให้เธอกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะค่อยๆใช้มือขวาชักดาบนาคราชที่ผูกอยู่ที่เอวบางๆออกมาช้าๆพร้อมกับปล่อยจิตสังหารอันน่าขนลุกออกมาโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนซักนิดจนทั้งไกรและสมเด็จเจ้าฟ้าสิริจันทรต้องรีบลนลานร้องออกมาพร้อมกันทันที

 

       " ด...เดี๋ยวก่อนๆๆๆ ใจร่มๆก่อนนาสตี้ ถึงจะดูแล้วไม่ต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม แต่ช่วยฟังคำอธิบายของข้าหน่อยเถอะนะ! "

 

       " ไม่ต้องห่วงนะไกร "

 

       " อ...เอ๋? ไม่ต้องห่วงเหรอ? "

 

       " ไม่เจ็บหรอก ไม่เจ็บซักนิดเลยล่ะ...เหมือนหลับตาลงแล้วไปลืมตาตื่นอีกทีที่ปรโลกอย่างไรล่ะ...เอ้า หลับตาสิ "

 

       " เหมือนจะคุยรู้เรื่อง แต่แบบนี้มันคุยไม่รู้เรื่องสุดๆเลยนี่หว่า! "  ไกรโวยออกมาลั่น แถมอีกฝ่ายยังไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องล้อเล่นแต่กะจะลงมือจริงๆอีกต่างหาก เขาจึงขยับตัวหมายจะวางองค์หญิงในอ้อมแขนลงเพื่อจะกันไม่ให้เจ้าหญิงของเขาโดนลูกหลง แต่พอส่วนที่เป็นข้อพระบาทของเจ้าหญิงแตะพื้น เจ้าหญิงสิริจันทรก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดจนทั้งไกรและอนาสตาเซียสะดุ้งเฮือก ทำให้ไกรพึ่งรู้ว่าองค์หญิงไม่ได้ล้อเล่นเรื่องที่ข้อพระบาทซ้นอย่างหนักจนไม่อาจดำเนินได้ ในขณะที่อนาสตาเซียรีบเข้ามาพร้อมกับถามเบาๆทันที

 

       " สมเด็จเจ้าฟ้า! ข้อบาทพระองค์--- "

 

       " อ อือ...เหมือนจะซ้นจริงๆน่ะเจ้าค่ะ "

 

       " ไกร! ฝีมือเจ้าเหรอ! "  อนาสตาเซียหันขวับมามองไกรอย่างจับผิดจนไกรเอียงหัวอย่างสงสัยจนคอแทบหัก เพราะอยู่ๆไหงเขากลายเป็นจำเลยสังคมไปได้อีกก็ไม่รู้เหมือนกัน

 

       " ช่วยฟังก่อนสิเฟ้ย! "

 

       " ม ไม่ใช่น่ะ ท่านคุณท้าวอนาสตาเซีย...ท่านไกรไม่ได้ทำอะไรให้ข้าเจ็บทั้งสิ้นหรอก พ...เพราะ เพราะตลอดเวลาที่---ที่อยู่ด้วยกัน ท่านไกรอ่อนโยนกับข้าเสมอเลยล่ะ! "  เจ้าหญิงสิริจันทรแก้ตัวแทนไกรพร้อมกับหลบเนตรไม่สบตากับอนาสตาเซียและสีพักตร์แดงเรื่อราวกับลูกตำลึงสุกขึ้นมา...ถึงแม้ว่าพระองค์จะไม่ได้ตรัสอะไรที่เป็นเรื่องไม่จริงออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะถึงจะอยู่ด้วยกันตามลำพังก็หลายต่อหลายครั้งแต่ไกรก็ไม่เคยบังอาจจาบจ้วงพระองค์เลยแม้แต่ครั้งเดียวจริงๆ...แต่ไอ้รูปแบบประโยคชวนเข้าใจผิดสุดๆนี่ทำให้จิตสังหารของอนาสตาเซียที่เคยสงบลงไปแล้วพุ่งพรวดออกมาราวกับทำนบแตก พร้อมกับที่ดาบนาคราชสีเงินวาววับจะพุ่งพาดคอของไกรไว้และเตรียมลงดาบทันที

 

       " ก ก ไกร...นี่ แก! "

 

       " เหมือนจะช่วยแก้ตัว แต่ไหงเหมือนกับจะถูกถีบส่งลงนรกไม่มีผิดเลยฟะเนี่ยยย! "  ในเสี้ยววินาทีนั้น ไกรได้แต่ร้องออกมาอย่างอับจนปัญญาและแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว

 

 

      ...กว่าที่ไกรจะอธิบายจนทำให้อนาสตาเซียสามารถเก็บดาบประจำกายกลับสู่ฝักได้ก็เล่นเอาเหนื่อยไปหลายรอบ แถมยังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอีกหลายรอบอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นทั้งไกรและเจ้าหญิงเจ้าปัญหาก็ยังสามารถอธิบายให้อนาสตาเซียเข้าใจได้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด...ถ้าให้พูดในอีกแง่นึง การโผล่ออกมาแบบปุปปับของอนาสตาเซียก็ส่งผลดีกับไกรอย่างนึง ตรงที่เขาไม่ต้องเสี่ยงตายอุ้มเจ้าหญิงไปส่งที่พระตำหนักตามคำบัญชาของท่านหญิงของเขา ซึ่งโชคร้ายตรงที่นี่ไม่ใช่ในการ์ตูนหรือนิยายประโลมโลก...ถ้าหากให้พูดตรงๆ ต่อให้เป็นไกรเองก็คงไม่อาจจะทำตัวเป็นผีสางเพื่อฝ่ากองจ่าโขลนและเหล่านางกำนัลไปได้แน่ๆ...

 

      ...แปลว่าถ้าขืนดึงดันทำตามคำสั่งของเจ้าหญิงในอ้อมแขน เขาก็คงถูกคุณท้าวศรีสัจจาหรือไม่ก็จ่าโขลนท่านอื่นๆส่งไปสวรรค์แน่ ในขณะที่ถ้าเขาขืนดึงดันขัดขืนไม่ทำตามประกาศิตของเจ้าหญิง พระองค์มีหวังได้ร้องลั่นตามที่ขู่ไว้ ซึ่งก็เท่ากับส่งไกรไปสวรรค์เหมือนเดิมเช่นกัน...

 

       " ในหลายๆแง่...ขอบใจนะ นาสตี้...เธอมาได้เหมาะเจาะพอดิบพอดีจริงๆ "  เมื่อคิดได้ดังนั้น ไกรก็แทบจะเข้าไปจับมืออนาสตาเซียเขย่าเพื่อขอบคุณด้วยสีหน้าที่เกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างดีใจสุดขีดราวกับทหารที่รอดตายอย่างปาฏิหาริย์มาจากสนามรบไม่มีผิด จนอนาสตาเซียต้องถอยห่างเพราะไม่อยากจะติดเชื้อบ้าของชายหนุ่ม ก่อนที่มือสังหารสาวผู้อยู่ในคราบของจ่าโขลนระดับสูงจะหันกลับมาหาสมเด็จเจ้าฟ้าสิริจันทรที่เวลานี้ประทับอยู่บนขอนไม้เพราะไม่อาจจะทรงพระวรกายยืนขึ้นได้ ก่อนจะทูลออกมาช้าๆ 

 

       " สมเด็จเจ้าฟ้าเพคะ...ถึงพระองค์จะมีศักดิ์อยู่ในระดับที่แทบไม่ต้องสนกฎเกณฑ์ใดๆ แต่กฎมณเฑียรบาลก็ยังมีผลบังคับใช้อยู่ อย่างน้อยก็ยังบังคับไกรได้...โชคดีอยู่บ้างที่เป็นหม่อมฉัน...ถ้าเป็นนางจ่าโขลนนางอื่น ป่านนี้หัวของไกรคงกระเด็นปลิวไปปักอยู่บนขื่อประตูผีแล้วล่ะ "  อนาสตาเซียทูลเสียงดุจนเจ้าหญิงถึงกับพักตร์เจื่อนลงอย่างรู้สึกผิดในความเอาแต่พระทัยของพระองค์ ในขณะที่ไกรถึงกับหน้าซีดเผือดเมื่อคิดได้ตามที่อนาสตาเซียว่าแบบเห็นภาพคอของเขาขาดกระเด็นช็อตต่อช็อต จนเขาแทบจะหันกลับไปขอเขย่ามือขอบคุณอนาสตาเซียอีกครั้งที่อีกฝายโผล่มาได้ถูกจังหวะแบบสุดๆอีกรอบจริงๆ

 

       " ข...เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะจำไว้...ร เราขออภัยที่ความเอาแต่ใจของเราทำให้ท่านลำบากใจนะเจ้าคะ ท่านไกร "  เจ้าหญิงผินพักตร์มาหาไกรพร้อมกับก้มเศียรลงน้อยๆอย่างสำนึกผิด ด้วยสีหน้าและแววตาที่ไกรจนใจชนิดจะโกรธก็โกรธไม่ลง แถมไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้ทันที...และก่อนที่ไกรจะได้ทันพูดอะไร อนาสตาเซียก็เข้ามาขวางไว้พร้อมกับทูลกับเจ้าหญิงเบาๆว่า

 

       " ถ้าเป็นไปได้ อย่าเข้าใกล้เจ้าหมอนี่มากนักจะดีกว่านะเพคะ ประเดี๋ยวเชื้อบ้าจะติดพระองค์เอาได้ "

 

       " เฮ้ยๆ "  ไกรครางออกมาเบาๆ แต่อนาสตาเซียไม่คิดจะอยู่ฟังต่อ เธอเพียงแค่หันสายตาคมกริบมาหาไกรพร้อมกับพูดเรียบๆว่า

 

       " แล้วนี่ทูลบอกสมเด็จเจ้าฟ้ารึยัง? "  

 

         ถึงเธอจะพูดห้วนๆ แต่ก็สื่อความหมายได้มากพอจะทำให้ไกรรู้ว่าเธอหมายถึงเรื่องที่เขามีความตั้งใจที่จะไปช่วยท่านเรือง ซึ่งไกรก็เลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้าน้อยๆรับคำ ซึ่งทำให้อนาสตาเซียถอนหายใจเฮือกก่อนจะก้มลงและลองใช้มือจับข้อพระบาทข้างที่ซ้นของสมเด็จเจ้าฟ้าตรงหน้าดูเพื่อตรวจอาการ...จนกระทั่งเจ้าหญิงสิริจันทรนิ่วพักตร์พร้อมกับครางออกมาเบาๆ ทำให้เธอหยุดมือลงพร้อมกับถอนหายใจอีกครั้ง

 

       " โชคยังดีอยู่ที่ข้อบาทไม่หักหรือเคลื่อน เพียงแค่ซ้นเล็กน้อยเท่านั้น ประคบซักพักก็คงจะหายดี แต่เวลานี้ก็คงจะยังดำเนินไม่ได้หรอกนะเพคะ คงต้องอุ้มไปจริงๆ "

 

       " ถ...ถ้าอย่างนั้น... "  องค์หญิงสิริจันทรเหลือบสายพระเนตรมองมาที่ไกรเล็กน้อยอย่างมีความหวัง แต่ความหวังของพระองค์ก็ถูกตัดฉับลงชนิดยังไม่ทันได้เริ่มหวังทันทีโดยอนาสตาเซียเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่เดินเข้ามาขวางไว้พร้อมกับทูลเรียบๆทันที

 

       " คง...จะไม่ได้ดำริอะไรแปลกๆอยู่หรอกนะเพคะ สมเด็จเจ้าฟ้า "

 

       " ป เปล่าเจ้าค่ะ! ไม่ได้คิดอะไรเลยเจ้าค่ะ! "

 

       " เฮ้อ...ถ้าเช่นนั้นก็คงจะช่วยไม่ได้ล่ะนะ ขอประทานอภัยนะเพคะ "  อนาสตาเซียหลับตาลงและทูลอย่างเหนื่อยหน่่าย ก่อนที่เธอจะผูกดาบที่สะพายอยู่ข้างเอวบางๆให้แน่น ก่อนจะค่อยๆก้มลงและใช้แขนทั้งสองของเธอช้อนองค์หญิงและอุ้มขึ้นในท่าเจ้าหญิงแบบเดียวกับที่ไกรเคยอุ้ม...ถึงจะเป็นผู้หญิงด้วยกัน แต่อนาสตาเซียก็เป็นสตรีสายเลือดตะวันตกที่สูงพอๆกับไกร ทั้งยังได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักจนมีลำข้อแข็งแรงไม่แพ้ผู้ชาย จึงทำให้อนาสตาเซียสามารถอุ้มเจ้าหญิงสิริจันทรขึ้นได้อย่างง่ายดาย...

 

      ...หรือให้พูดให้ตรงกับความเป็นจริง...อนาสตาเซียสามารถอุ้มผู้หญิงคนนึงได้อย่าง โคตรจะแมน ยิ่งกว่าไกรเสียอีก...

 

       " อ อ๊ะ คุณท้าว "  องค์หญิงสิริจันทรร้องออกมาเบาๆอย่างตกพระทัยมากกว่าจะรังเกียจอะไร ในขณะที่อนาสตาเซียอธิบายเบาๆโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยซักนืดว่า

 

       " อย่างไรก็คงจะให้พระองค์ดำเนินไปเองไม่ได้ ขอล่วงเกินเลยนะเพคะ "

 

       " อ...อืม ข...เข้าใจแล้ว เราไม่ว่าอะไรหรอก "  องค์หญิงพยักพระพักตร์อย่างยอมจำนนด้วยเหตุผล ก่อนที่พระองค์จะก้มพักตร์ที่เริ่มแดงเรื่อลงอย่างไม่มีเหตุผลจนไกรที่มองอยู่ถึงกับคิ้วกระตุก ในขณะที่อนาสตาเซียมองพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยๆ ก่อนจะหันมาหาไกรพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ

 

       " ไม่ต้องห่วงนะไกร เรื่องพระอาการของสมเด็จเจ้าฟ้าข้าจะจัดการเอง...วันนี้เจ้าก็เหนื่อยมามากแล้ว แล้วนี่ก็ลอบเข้ามาด้วย ขืนใครมาเห็นเจ้าจะเกิดเรื่องเสียเปล่าๆ ...เจ้ารีบออกไปเถอะ "

 

       " อ อืม ข้าเข้าใจแล้ว "

 

       " อืม เข้าใจก็ดีแล้วล่ะ ข้าไปนะ... "  จ่าโขลนสาวพูดทั้งๆที่ยังคงอุ้มเจ้าหญิงอยู่ ก่อนที่เธอจะสาวเท้าออกไปด้วยท่าทีที่มั่นคงที่สุด ในขณะที่ไกรได้แต่มองตามไปเพื่อเป็นการส่งจนกระทั่งร่างของหนึ่งจ่าโขลนสาวและหนึ่งสมเด็จเจ้าฟ้าลับสายตาไป...

 

      ...เพียงแค่หลังของอนาสตาเซียลับหายไปจากคลองสายตาเท่านั้น ไกรก็ทรุดลงพร้อมกับครางออกมาอย่างไม่เข้าใจทันที...

 

       " ท...ทั้งๆที่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วแท้ๆ...ต แต่ไอ้ความรู้สึกพ่ายแพ้แบบหมดรูปนี่มันอะไรกันฟ้าาาาา!! "

 

         หลังจากทำใจยอมรับความพ่ายแพ้ได้ ในที่สุดไกรก็ครางออกมาเฮือกใหญ่...เพราะถึงจะเกินกว่าเหตุไปบ้างในหลายๆแง่ แต่ในที่สุดคืนนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี จนเขาต้องนึกขอบคุณฟ้าดินเลยก็ว่าได้...

 

       " เฮ้อ...อย่างน้อยเรื่องก็จบลงด้วยดี ไม่มีใครเห็นที่เราแอบเข้ามา แถมยังไม่มีใครเข้าใจผิดอะไรเราด้วย...พูดก็พูดเหอะ อย่างน้อยๆวันนี้ก็มีเรื่องที่เรียกได้ว่าโชคดีอยู่บ้างล่ะฟะ "  ชายหนุ่มครางออกมาเบาๆ ก่อนจะหันซ้ายหันขวาเล็กน้อยอย่างหวาดระแวงจนเริ่มกลายเป็นนิสัย...และเมื่อแน่ใจว่าปราศจากการรู้เห็นของบุคคลภายนอกแล้ว เขาจึงถอนหายใจเฮือกพร้อมกับเร้นกายเข้าสู่เงามืดเพื่อกลับสู่ที่ทางที่เขาควรจะอยู่ต่อไป...

 

      ...แน่นอนว่าต่อให้ไกรเก่งกล้ากว่านี้ หรือมีจิตสัมผัสที่แหลมคมกว่านี้อีกร้อยเท่าพันทวี ก็ไม่อาจจะจับสัมผัส หรือรู้ตัวได้เลย...ว่าเขาถูกเฝ้ามองด้วยสายตาคู่หนึ่งมาตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในเขตพระราชฐานชั้นในแล้ว...ดวงตากลมโตสีอ่อนของสตรีผู้สามารถปิดบังตัวตนได้อย่างเป็นเลิศที่สุดจนไม่มีผู้ใดสามารถจับสัมผัสเธอได้อย่างแน่นอน...

 

      ...ดวงตาที่จากเคยสดใสและอบอุ่นราวกับหยาดน้ำค้างในตอนเช้าตรู่...เวลานี้กลายเป็นดวงตาอันเยือกแข็งเย็นชาของสัตว์ร้าย...สัตว์ร้ายที่ราวกับยืนอยู่อย่างสับสน หนาวเหน็บ และเดียวดายที่สุด ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ...

 

       " ท่าน...ไกร "

 

         ก่อนที่ดวงตากลมโตของสัตว์ร้ายตนนั้น จะค่อยๆหลับพริ้มลงอย่างช้าๆ...พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลอาบออกมาเป็นทาง...

 

 

 

 

 

........................................................

 

 

 

 

       

      ...เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ไกรก็ใช้เส้นทางลับเส้นทางเดิมในการเล็ดรอดออกมาได้อย่างสะดวกและไม่มีผู้ใดจับได้ ก่อนจะเปลี่ยนชุดกลายเป็นชุดแพรของหัวหน้าทหารมหาดเล็กสีดำแทน เพราะในเขตพระราชฐานชั้นกลางแห่งนี้อยู่ในความดูแลของทหารมหาดเล็ก ซึ่งถ้าให้พูดง่ายๆก็คือเป็นอาณาเขตของเขานั่นเอง...

 

       " ท่านพ่อ "

 

         ระหว่างที่เขากำลังเปลี่ยนชุด อยู่ๆเสียงของเด็กหญิงสองคนก็ดังขึ้นที่ด้านหลังอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนไกรที่ยังไม่ชินและคงไม่มีทางจะชินแน่ๆสะดุ้งโหยงเพราะนึกว่าโดนผีหลอก...แต่ให้พูดจริงๆ อีกฝ่ายก็เป็นวิญญาณจริงๆนั่นแหละ

 

       " นี่ ขอร้องล่ะ อย่าผลุบๆโผล่ๆไปๆมาๆอย่างปุปปับแบบนี้สิ ลูกแก้วลูกขวัญ "  ไกรครางออกมาเบาๆ ในขณะที่สองกุมารีผู้มีฟทธิ์แก่กล้าและตกกระไดพลอยโจนต้องมาอยู่ในการดูแลของไกรเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับมาเบาๆว่่า

 

       " นี่เป็นคำสั่งรึเปล่าเจ้าคะ? ท่านพ่อ "

 

       " แล้วไหงกลายเป็นคำสั่งไปได้ล่ะเนี่ย...แล้วอีกอย่าง ไอ้คำว่าท่านพ่อนี่ขอเหอะ โดนเรียกแล้วรู้สึกแก่ชะมัด เรียกอย่างอื่นแทนได้ไหม? "  ไกรเกาหัวแกรกๆ แต่กุมารีทั้งสองในรูปลักษณ์ของเด็กหญิงตัวเล็กๆหันไปมองหน้ากัน ก่อนจะพูดอย่างแข็งขันทันที

 

       " เมื่อเราได้รับคำสั่งจากท่านพ่อให้มาอยู่กับท่านพ่อ แปลว่าท่านพ่อก็กลายเป็นท่านพ่อของเรา ต่อให้เรียกอย่างไรท่านพ่อก็คือท่านพ่ออยู่ดี "

 

       " นี่ตกลงแค่เถรตรงหรือกวนโอียกันฟะเนี่ย "  ไกรกุมขมับพร้อมกับครางออกมาเบาๆ ...เพราะถึงอย่างไรเขาก็คงจะปฏิเสธความรับผิดชอบเด็กสองคนนี้ไม่ได้ จึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกก่อนจะรีบแต่งตัวและหันไปมองเด็กสองคนที่ลอยเอ่ยๆอยู่ข้างหลังพร้อมกับเอียงคอพูดเบาๆว่า

 

       " ว่าแต่พวกเธอไม่เป็นอะไรแน่นะ หมายถึงร่างกายน่ะ "

 

       " เจ้าค่ะ ได้ท่านสิงห์ช่วยไว้จนวิญญาณเริ่มเสถียรแล้ว จากนี้ไปก็เรียกใช้ได้ตามใจชอบเลยนะเจ้าคะ ท่านพ่อ "  ลูกแก้วพูดพลางยิ้มหวานจนไกรเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยการพูดอย่างจริงจังว่า

 

       " เรื่องของท่านเรืองพวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ ข้าให้สัตย์สาบานเลยว่าข้าจะต้องช่วยพ่อของพวกเธอให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม "

 

         คำพูดอันเป็นเหมือนคำสาบานที่จริงจังที่สุดของไกรทำให้กุมารีทั้งสองหันไปมองหน้ากัน ก่อนที่ทั้งคู่จะกระโดดเข้ามากอดหลังกอดไหล่ไกรไว้พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างร่าเริงที่สุดทันที

 

       " คิกๆๆ พวกเรารู้แล้วว่าทำไมท่านพ่อเรืองถึงได้มอบเราสองให้กับท่าน ท่านพ่อไกร "

 

       " จ้าๆ ขอร้องแค่อย่างเดียวว่าอย่ามายุ่งกับวิญญาณของข้าหรือของใครเขาก็แล้วกัน "

 

       " เป็นคำสั่งรึเปล่าเจ้าคะ? "

 

       " คำขอร้องเฟ้ย! "

 

       " เอ๋? แต่พวกเราก็แอบดูดกินเศษวิญญาณกับเศษบุญของท่านพ่อมาตั้งแต่พบกันกับท่านครั้งแรกที่โรงเตี๊ยมนั่นแล้วนะ วิญญาณของท่านพ่อหอมหวานและทำให้เราอิ่มกว่าของคนอื่นๆอย่างที่คิดจริงๆด้วยล่ะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเจ้าค่ะ แค่นิดๆหน่อยๆไม่สึกไม่หรอหรอก "

 

       " แบบนี้ไม่ห่วงก็แปลกแล้ว! "

 

       " ไม่ต้องห่วงนะท่านพ่อ พวกเราจะรับผิดชอบท่านเอง "

 

       " เนียนไปแล้วเฟ้ย! "

 

       " อย่างที่คิดจริงๆด้วย ท่านนี่สนิทกับสตรีเพศทุกรูปแบบเร็วจนน่าจะเรียกว่าเป็นพรสวรรค์แล้วนะขอรับ ท่านไกร "

 

       " ชะเฮ้ย! ท่านสิน! "  ไกรสะดุ้งโหยงอย่างตกใจอีกครั้ง เพราะเขารู้สึกว่าเขตราชฐานชั้นกลางเป็นถิ่นของเขา และมัวแต่คุยอยู่กับกุมารีทั้งสองจนลืมหยั่งสัมผัสรอบๆ ทำให้หลวงยกกระบัตรเมืองตากอย่างสินเข้ามาใกล้อย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่เขาจะขมวดคิ้ววูบพร้อมกับถามชายหนุ่มผู้ต้องบอกว่าอยู่อย่างผิดที่ผิดทางสุดๆอย่างในเขตพระราชฐานชั้นกลางแห่งนี้เบาๆทันที

 

       " ท่านเข้ามาในเขตราชฐานชั้นกลางในยามวิกาลโดยไม่มีเหตุอันควรได้อย่างไรเนี่ย? "

 

       " คิกๆ หลังจากเรื่องที่ทำมานี่ ท่านก็กล้าถามนะ ท่านพ่อ "

 

       " จะดุเด็ก เงียบไปก่อนเฟ้ย! "  ไกรหันไปดุจนลูกแก้วและลูกขวัญหายตัวหนีไป ก่อนจะหันกลับมาหาท่านสินพร้อมกับเลิกคิ้วเพื่อขอคำตอบอีกครั้ง ในขณะที่สินก็ถอนหายใจเฮือกพร้อมกับตอบมาอย่างไม่ปิดบังว่า

 

       " พวกทหารมหาดเล็กเวรเดชที่เฝ้ากำแพงอยู่ให้ข้าเข้ามาน่ะขอรับ "

 

       " อ...ไอ้พวกนี้! "  ไกรกุมขมับให้กับระบบรักษาความปลอดภัยที่โคตรจะหละหลวมแบบนี้ แต่ก็ว่าไม่ได้ เพราะท่านสินเองก็สร้างวีรกรรมไว้ไม่น้อยตอนที่อยู่ในหน่วยคเณศร์เสียงาเมื่อครั้งมีเหตุวุ่นวายคราวก่อน ทำให้ถึงจะไม่ได้อยู่ในหน่วยพิเศษของไกรแล้วแต่พวกทหารมหาดเล็กที่มีชนักปักหลังกันทุกคนก็ค่อนข้างจะเกรงใจสินเป็นพิเศษ ทำให้ปล่อยผ่านมาอย่างง่ายๆเลย

 

       " ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบใจ ต้องขออภัยด้วยนะท่านไกร แต่ข้าร้อนใจเหลือเกิน "  สินก้มหัวพร้อมกับพูดเบาๆอย่างสำนึกผิด ซึ่งถึงจะบอกว่ามียศศักดิ์ที่ต่ำกว่า แต่ไกรก็รู้ดีว่าในอนาคตอันใกล้นี้ บุคคลที่อยู่ตรงหน้าจะเติบโตกลายเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่เพียงใด ทำให้เขารีบก้มหัวตอบกลับไป แต่ก็ยังไม่วายพูดเบาๆว่า

 

       " ก็บอกให้รออยู่ที่เรือนข้าอย่างไรล่ะ ท่านนี่ "

 

       " เรื่องไปช่วยไอ้เรืองคราวนี้...ขอข้าไปด้วยเถอะนะ ท่านไกร "  สินพูดอย่างตัดสินใจเด็ดขาดที่สุด...แต่ไกรกลับมีปฏิกริยาตอบกลับได้อย่างมืดมนสุดๆด้วยการกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะหลับตาและถอนหายใจออกมายาวเหยียด

 

       " เฮ้ออออ "

 

       " ม...ไม่อนุญาตหรือขอรับ? "

 

       " ก็บอกแล้วว่าท่านไม่ได้เป็นคนในหน่วยของข้าแล้ว ไอ้เรื่องอนุญาตหรือไม่น่ะมันนอกเหนือหน้าที่ของข้า แต่ข้าแค่ประหลาดใจเท่านั้น "

 

       " ? "

 

       " ก็ แต่ไหนแต่ไรมาท่านก็ไม่ค่อยจะกินเส้นกับท่านเรืองตั้งแต่แรกเจอแล้ว ทั้งตอนอยู่ในหน่วยคเณศร์เสียงาก็กัดกันตลอด---เอ่อ หมายถึงทะเลาะกันจนข้าชินเลย มันทำให้ข้าออกจะงงนิดๆที่ท่านเป็นห่วงเป็นใยมันถึงขนาดนี้...จะว่าซึนเดเระไอ้หน้าอย่างท่านก็ไม่มีเค้าเดเระเลย เลยค่อข้างประหลาดใจน่ะ "

 

       " แล้วไอ้ซึนเดเระนี่มันแปลว่าอะไรล่ะอรับเนี่ย? "  สินครางออกมาเบาๆ แต่เขาก็เป็นอีกคนที่เริ่มชินกับคำพูดประหลาดๆของไกรแล้ว จึงไม่สนใจอะไรและตอบคำถามของไกรมาเบาๆว่า

 

       " ก็...จริงของท่านนะขอรับ...ข้ากับมันเรียกได้ว่าไม่กินเส้นกัน ประมาณหมากับแมวที่กัดกันได้ตลอดจริงๆนั่นแหละ "

 

       " ไม่ได้พูดถึงขั้นนั้นซะหน่อย "

 

       " แต่ว่านะ ท่านไกร...สำหรับข้าที่ชั่วชีวิตมีแต่เป้าหมายและดาบในมือ ไร้ซึ่งมิตรสหายใดๆ...นอกจากท่านแล้ว เรืองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ข้าสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นยิ่งกว่ามิตรสหายของข้า... "  สินก้มหน้าลงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังที่สุด ก่อนจะหลบหน้าไปเพราะกระดากปากที่พูดออกมา ในขณะที่ถึงไกรจะพอรู้เรื่องนี้มาเลาๆแล้วอยู่บ้างก็ยังถึงกับนิ่งอึ้งไป เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดออกมาถึงขนาดนี้

 

       " ท่านสิน "

 

       " ถึงมันจะกวนโมโห ไร้ซึ่งความจงรักภักดี เป็นโจรห้าร้อยที่ใช้แต่กลโกง ปากดี แถมยังกวนโมโหอีกก็เหอะ! "

 

       " เอาความซึ้งใจที่เผลอคิดวูบเมื่อกี๊คืนมาเลยนะ แถมยังพูดว่ากวนโมโหสองครั้งอีกต่างหาก ตกลงจะเป็นห่วงหรือจะเกลียดขี้หน้าก็เอาซักอย่างสิฟะ! "  ไกรแทบจะร้องออกมาดังลั่น แถมหมู่นี้เข้ารู้สึกว่าทำหน้าที่เป็นตัวตบมุกจนสกิลตบมุกเพิ่มขึ้นแทนที่จะเป็นฝีมือดาบจนเขาเริ่มหนักใจเสียแล้ว

 

       " แต่...ก็อย่างที่ข้าพูดไปในตอนต้นนั่นแหละขอรับ...ข้าแค่ปล่อยให้มันตายอย่างอนาถไม่ได้ เรื่องมันก็แค่เท่านั้นแหละ "  สินพูดอย่างตัดสินใจเด็ดขาดด้วยแววตาที่เปล่งประกายแรงกล้าจนไกรอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเฮือกพร้อมกับกอดอกและเริ่มปั้นหน้าพูดออกมาช้าๆว่า

 

       " ต่อให้ข้าห้ามก็คงจะดึงดันทำตามที่ใจคิดเช่นเดิมสินะ ท่านสิน "

 

       " ข้าจะไม่ดื้อกับท่าน แต่จะขอร้องจนกว่าท่านจะยอมให้ข้าไปด้วยนั่นแหละขอรับ "

 

       ' ไม่ต่างกันเลยเฟ้ย! '  ไกรตะโกนออกมาในใจ เพราะไม่อยากจะทำให้บรรยากาศที่เริ่มจริงจังพังทลายลงอีก...ก่อนที่เขาจะสบตากับดวงตาสีเข้มของชายหนุ่มผู้ที่อนาคตจะมีบทบาทสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยเล็กน้อย ซึ่งสินก็จ้องตอบกลับมาด้วยนิสัยไม่ยอมคนเช่นเดิม จนกระทั่งในที่สุดไกรก็หลับตาลงและถอนหายใจเฮือกอีกครั้ง

 

       " ก็ว่าไปนั่น ที่จริงข้าต้องบอกว่าคราวนี้ช่วยกรุณาไปช่วยท่านเรืองกับข้าด้วยเถอะนะ ท่านสิน "

 

         ปฏิกริยาตอบกลับที่เกินความคาดหมายทำเอาสินที่เตรียมใจโดนคำปฏิเสธแบบชัดแจ้งถึงงกับเอียงวูบ ก่อนจะร้องออกมาทันทีว่า

 

       " อ อ้าว ไฉนเป็นเช่นนี้ล่ะ? "

 

       " เฮ่ยๆ นี่คงคิดว่าข้าจะห้ามเต็มที่เลยสินะ "  ไกรหลิ่วตาถามเบาๆ ซึ่งก็ถูกเข้าเต็มใจดำจนสินต้องรีบหลบตา ในขณะที่ไกรถึงกับถอนหายใจเฮือก

 

       " ท่านนี่น้าาา "

 

       " ก็ปรกติแล้วท่านมันเป็นพวกที่ชอบทำอะไรคนเดียวตลอดโดยไม่เห็นหัวคนอื่นๆ แถมยังชอบทำหน้ายักษ์ใส่ประมาณว่า ...เจ้าไม่เกี่ยวข้อง ไปไหนก็ไปไป๊! ...ประมาณนี้ตลอด ข้าก็เลยเผื่อใจไว้น่ะขอรับ "

 

       " ถ...เถียงไม่ออกเลยวุ้ย! "  ไกรครางออกมาเบาๆ เพราะเมื่อก่อนเขาก็เป็นอย่างที่สินว่าจริงๆ ก่อนจะเกาหัวแกรกๆพร้อมกับพูดต่อช้าๆว่า

 

       " ไม่หรอก คราวนี้ต่างออกไป...ต่างออกไปมากเลย...เพราะคราวนี้ข้าต้องใช้กำลังของท่านจริงๆแล้วล่ะ ขอรบกวนเลยนะ ท่านสิน ...เรื่องที่จะใช้กำลังของท่านทำอะไร ข้าคงต้องขออุบไว้ก่อน...แต่ว่า ไม่ต้องห่วงนะ..."  ไกรพูดพลางกลั้วหัวเราะออกมาเบาๆจนกระทั่งสินถึงกับต้องเอียงหัววูบ

 

       " ไม่ต้องห่วง? "

 

       " ฮ่าๆ คราวนี้ไปด้วยกันเถอะนะ สิน...ไปช่วยไอ้ท่านเรือง...ผู้เป็นยิ่งกว่าสหายของเรากันเถอะ! "

 

      

 

 

 

 ...............................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา