ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)
เขียนโดย PingJa
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
116)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
===============================================
...ถึงจะสามารถกล่าวได้ว่าสิงห์พลาดท่าเสียทีให้กับเล่ห์กลของหญิงสาวผู้มากปริศนาและเต็มไปด้วยมารยาร้อยเล่มเกวียนตรงหน้านี้อย่างเต็มเปา แต่เมื่อออกมาจากโรงเตี๊ยม สิงห์มีโอกาสนับสิบครั้งที่จะคร่ากุมตัวหรือแม้แต่หักแขนหักขาหญิงสาวที่เดินล้ำอยู่ตรงหน้าและสร้างความอับอายให้แก่เขาให้สมแรงแค้น แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่ทำ...ไม่ใช่เพราะเขาโง่เขลาหรือหยิ่งในศักดิ์ศรี แต่เพราะเขาเชื่อมั่น...และชายหนุ่มไม่ได้เชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง...เขาไม่ได้ถูกสั่งสอนมาให้โง่ขนาดนั้น...แต่สิ่งที่เขาเชื่อมั่นคือพวกพ้องของเขาต่างหาก...
...ไม่ว่าจะเป็นศกุนตลา ไกร หรือแม้แต่อเทตยา ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เก่งฉกาจและเท่าทันในการเคลื่อนไหวของศัตรู นั่นทำให้เขาเชื่อมั่นว่าเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับปัญหานี้ตามลำพัง...
...พวกพ้องของเขาอาจจะลอบสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ สะกดรอยอยู่อย่างใกล้ชิด หรือดีร้าย ไม่ใครก็ใครอาจจะกำลังเดินตามสิงห์มาอย่างกระชั้นชิดที่สุดเลยก็เป็นได้...
หญิงสาวปริศนาผู้เดินนวยนาดนำหน้าสิงห์อยู่เล็กน้อยเหลือบหางตาคมซึ่งยังคงเหลือประกายแห่งความเศร้าสร้อยอยู่มองกลับมาสบตาอันแข็งกร้าวทว่ายังคงผ่อนคลายของสิงห์เล็กน้อยโดยไม่พูดอะไรออกมา เธอเดินนำหน้าสิงห์ไปอย่างเงียบๆ ในขณะที่สิงห์ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เดินตามไปโดยไม่ได้ขัดข้องอะไร...แม้ยังคงระมัดระวังรอบด้านอย่างเต็มที่ แต่สิงห์ก็ยังคงเดินตามไปอย่างสบายๆ...และเพียงพักเดียวเท่านั้นหญิงสาวก็นำเขาเดินมาถึงลานเรียบโล่งที่จุดคบเพลิงไว้โดยรอบโดยเป็นลานที่อยู่ติดกับคลองเล็กๆหนึ่งในหลายคลองที่เขาเดินตัดผ่านมา...ซึ่งเมื่อรวมกับข้อที่ว่าที่นี่ค่อนข้างเปลี่ยวและไกลจากหูตาของผู้คน นั่นทำให้สิงห์แยกเขี้ยวยิ้มออกมาทันที...เพราะเขารู้โดยสัญชาตญาณและประสบการณ์อันเชี่ยวกรำ...ว่าเขาได้มาถึงที่หมายแล้ว...
" ข้าไม่อยากให้เสียเวลากับเราทั้งสองฝ่าย ดังนั้นข้าจะพูดอย่างรวบรัด...จงรามือจากการเป็นเกราะกำบังให้กับไกรเสีย! " อยู่ๆ หญิงสาวตรงหน้าก็พูดขึ้นอย่างรวบรัดตัดใจความจนสิงห์ถึงกับเลิกคิ้ว ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับยักไหล่ใส่
" แปลตรงๆตามประสาคนโง่ๆอย่างข้า เลิกปกป้องไอ้ไกรเสีย เจ้าว่าอย่างนั้นใช่ไหม? "
" ใช่! "
" ขอถาม...เพราะเหตุใดกัน? "
คำถามของสิงห์ทำให้ดวงตาของหญิงสาวส่องประกายอำมหิตวูบ ก่อนที่เธอจะหลับตาลงพร้อมกับหันหลังกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับสิงห์ช้าๆ
" เรื่องนี้เป็นแค้นส่วนตัว...ข้าไม่อยากจะให้คนอื่นมาเดือดร้อน "
" แค้นส่วนตัว? ไอ้ไกรไปทำอะไรเจ้ากัน ทำเจ้าท้องรึอย่างไร? " สิงห์พูดอย่างติดตลก ซึ่งเขาก็รู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้คงไม่มีใครหัวเราะแน่ๆ
" ข้าไม่มีเวลาล้อเล่นไร้สาระ สิงห์...ตอบคำถามข้า...จะตกลง...หรือไม่ตกลง? "
" ถ้าอย่างนั้นข้าขอตอบเพื่อไม่ให้เจ้าเสียเวลา...ข้าไม่ตกลงว่ะ "
" จ...เจ้า! " หญิงสาวชะงักกึกกับท่าทีของสิงห์ ก่อนที่เธอจะกัดฟันกรอดพร้อมกับปลดปล่อยจิตคุกคามออกมาทันที
" เหตุผลง่ายๆ ข้าอยู่กับไอ้ไกรมันตลกชวนหัวดี...ขืนมันตายตกไปข้าคงไม่ได้หัวเราะแบบนี้อีกนานแน่ๆ ...และอีกอย่าง... " สิงห์เว้นช่องว่างพร้อมกับปลดปล่อยจิตคุกคามที่เข้มข้นกว่าเพื่อข่มจิตคุกคามของอีกฝ่ายทันที...ก่อนที่เขาจะค่อยๆพูดจบประโยคช้าๆ
" ...ข้าไม่คิดว่าข้าจะต้องมาฟังคำขอร้องจากเด็กน้อยอย่างเจ้าด้วย! เพราะฉะนั้น จงรีบไสหัวไปเสียแต่เวลานี้ ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจและหักแขนหักขาเจ้าทิ้งเสียตรงนี้ "
" จ...เจ้า! "
" ไป๊! "
สิงห์ออกปากไล่หญิงสาวรูปร่างบาดตาตรงหน้าอย่างกับไล่หมูไล่หมาจนหญิงสาวถึงกับเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ...แต่เสี้ยววินาทีต่อมาเธอกลับระงับอารมณ์โมโหของตัวเองลงได้อย่างน่าฉงน พร้อมกับที่เธอจะข่มสติและเริ่มต้นพูดขึ้นใหม่อย่างช้าๆ
" การเจรจาไม่เป็นผล "
" ฮ่าๆ มันไม่ได้ผลตั้งแต่ที่เจ้าลากข้าออกมาแล้ว นังหนู "
" อย่างที่ข่าวของเราว่าไว้ไม่มีผิดเพี้ยน...เจ้ามันโลดลำพองใจและกล้าเสียจนเกินงามแล้วนะ ท่านสิงห์ " ...ในที่สุด หญิงสาวปริศนาตรงหน้าเขาก็ค่อยๆเอ่ยปากขึ้นมาอย่างช้าๆ น้ำเสียงอันหวานใสของเธอทำให้สิงห์เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มยิงฟันออกมาอีกครั้ง
" ขอบใจ... "
" ข้าไม่ได้ชมเชย...ในความคิดของข้า ความกล้าของเจ้าไม่ต่างอะไรกับความโง่เขลาเบสปัญญาของเดรัจฉานอันไร้สำนึกเลยแม้แต่น้อย...เจ้าได้เข้ามาติดบ่วงแร้วอย่างไร้หนางถอยแล้ว "
" หึๆ เจ้ายังไม่รู้จักข้าดีพอ สาวน้อย "
หญิงสาวผู้นั้นหันกลับมามองหน้าสิงห์ตรงๆเป็นครั้งแรก ก่อนที่ปากทรงกระจับเป็นมุมสวยได้รูปนั้นจะขยับเป็นรอยยิ้มเหยียดพร้อมกับตอบกลับมาอย่างช้าๆ
" ...เจ้าคือสิงห์...มือสังหารระดับสูงแห่งหมู่บ้านยุคันตวาต เป็นผู้ลือนามอยู่ในประกาศนำจับพร้อมค่าหัวสูงลิบลิ่วของกรมเวียงแห่งอโยธยาก่อนที่ไกรจะใช้อำนาจลบล้างความผิดให้ ด้วยอำนาจแห่งความคงกระพันชาตรีในระดับเหนือมนุษย์และความเชี่ยวชาญในกฤติยามนต์เกินกว่าพ่อมดหมอผีใดๆ ทั้งเมื่อรวมกับเสือสมิงทั้งสามที่ถูกผูกเป็นทาสรับใช้ ทำให้เจ้าถูกนับเป็นมือสังหารที่น่าหวาดเกรงที่สุด "
" อุวา... "
" สำหรับเราแล้ว เจ้ามันไม่ต่างอะไรกับหมาบ้า ที่ยิ่งตีจนได้เลือดก็ยิ่งบ้าเลือดไม่มีผิดเพี้ยน "
' นังนี่...ไม่อยากจะยอมรับก็ต้องยอมรับ ว่าพวกมันอาจจะรู้จักเราดีกว่าที่เรารู้จักตัวเองเสียด้วยซ้ำ ' สิงห์ต้องคิดในใจอย่างยอมรับ ก่อนที่เขาจะพูดเรียบๆว่า
" ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ควรจะรู้สินะ ว่าแม้ว่าข้าจะไร้ซึ่งยัยพวกสามสาวนั่น ข้าก็ยังมีพลังมากเกินพอที่จะหักแขนน้อยๆของเจ้าราวกับหักกิ่งไม้แห้งๆได้อย่างง่ายดาย "
" เรามีแค้นที่ต้องชำระต่อไกรเพียงผู้เดียวเท่านั้น...แต่เจ้ากลับมาขวางทางแค้นของพวกเรา ถ้าจะโทษก็โทษไกรในนรกเสียเถอะ ที่ลากเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องเช่นนี้ "
สิงห์ขมวดคิ้ววูบให้กับคำพูดของอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ทำให้เขาขมวดคิ้วไม่ใช่คำขู่อาฆาตอันน่ารักน่าชังนั่น แต่เป็นคำที่ใช้เรียกแทนตัวของอีกฝ่ายต่างหาก
" พวกเรา...อย่างนั้นหรือ? "
สิ้นคำของสิงห์ คำตอบก็ปรากฎขึ้นทันที...ในรูปแบบของหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มรูปร่างอ้อนแอ้นอรชรอีก ๒ คนที่เดืนออกมาจากมุมมืดของลานกว้างแห่งนี้...แต่ถึงสถานการณ์จะเปลี่ยนจากตัวต่อตัวกลายเป็น ๓ ต่อ ๑ สิงห์ก็ยังคงไม่ขยับตัวเพื่อเตรียมพร้อมอยู่ดี...
...ถึงเวลานี้เขาก็ยังคงมั่นใจ...เขามั่นใจว่าตัวเองไม่มีทางจะเสียท่าเพลี่ยงพล้ำให้กับสตรีน้อยๆที่รูปร่างราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบทั้ง ๓ นางตรงหน้านี้แน่ๆ...
" พระกาฬมายืนตรงหน้า เจ้ายังจะเบิกบานใจสิ่งใดอีก! "
" โอ้! ข้าต้องเบิกบานใจสิ เบิกบานใจอย่างมากเลยด้วย เพราะถ้าข้ารู้ว่าพระกาฬรูปลักษณ์อวบอัดน่ามองเพียงนี้ ข้าคงยินดีสิ้นชีพเสียตั้งนานแล้วเป็นแน่ "
คำพูดของสิงห์ทำให้ดวงตาของทั้งสามสาวทอประกายอำมหิตวูบพร้อมกับที่พวกเธอจะชักอาวุธออกมา แต่เมื่อเห็นศาสตราในมือของพวกเธอชัดๆ ดวงตาของสิงห์ยิ่งเบิกกว้างขึ้นอย่างชอบอกชอบใจมากขึ้นไปอีก เพราะศาสตราของทั้งสามสาวเป็นเพียงดาบ...ดาบที่ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นดาบได้ด้วยซ้ำ เพราะดาบในมือของเธอนั้นมีลักษณะสั้นและใบดาบแคบกว่าดาบทั่วไปอย่างมาก ที่ด้ามดาบสลักไว้ด้วยลวดลายอย่างงดงาม อีกทั้งส่วนปลายยังห้อยไว้ด้วยพู่สีสดใสขนฟูฟ่อง จนกระทั่งดาบทั้งสามเล่มนั้นเหมือนกับของเด็กเล่นที่เด็กน้อยอ้อนวอนให้พ่อแม่ของตัวเองซื้อให้ในงานมหรสพใหญ่ๆไม่มีผิดเพี้ยน
เหมือนกับหญิงสาวทั้งสามนางจะเกรงว่าสิงห์จะเบิกบานใจไม่พอ โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรซักคำ พวกเธอกลับค่อยๆถอดผ้าคลุมกายที่รุ่มร่ามและมิดชิดของพวกเธอออกอย่างช้าๆทีละชิ้นๆ ราวกับงานมหรสพอันลามกที่สร้างความบันเทิงเริงใจให้กับหัวจิตหัวใจของชายหนุ่มอย่างสิงห์อย่างที่สุด
...สิงห์ถึงกับภาวนาขออย่าให้พวกไกรสะกดรอยตามเขามาพบเร็วเกินไปนัก...ถึงกับภาวนาบนบานว่าไม่ต้องให้ไอ้ตัวขัดลาภพวกนั้นตามมาเลยยิ่งดีด้วยซ้ำ...
มือสังหารหนุ่มแห่งหมู่บ้านยุคันตวาตที่เวลานี้กำลังได้กำไรทางสายตามากขึ้นเรื่อยๆตั้งใจมองอย่างเดียวโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่นึง...จนกระทั่งหญิงสาวทั้งสามทำท่าจะปลดเปลื้องผ้าที่น่าจะนับเป็น เศษผ้า สองชิ้นสุดท้ายที่ปิดบังส่วนที่สำคัญที่สุดของพวกเธออยู่ออก สิงห์ที่เวลานี้ยิ้มกว้างจนหน้าบานเป็นกระด้งก็รีบยกมือห้ามขึ้นทันที
" ฮ่าๆๆ พวกเจ้าทั้งสามโปรดหยุดแค่นี้เถอะ ขืนพวกเจ้ายังคงลงมือต่อข้าคงจะเบิกบานใจจนขาดใจตายเป็นแน่ "
ดวงตาของหญิงสาวทั้งสามทอประกายอำมหิตวูบเจิดจ้าราวกับแสงไต้ในความมืด...พวกเธอเคลื่อนไหวกันอย่างพร้อมเพรียงราวกับถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เพียงชั่วกระพริบตาเท่านั้นสิงห์ก็ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของจารสตรีทั้งสามนางนี้แล้ว
" ถ้าอย่างนั้นก็เบิกบานใจเสียให้พอ เพราะนี่เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของเจ้าแล้ว! "
จิตสังหารที่พุ่งพรวดออกมาอย่างกะทันหันโดยมีสิงห์เป็นเป้าหมายเข้มข้นและรุนแรงราวกับทำนบแตกทำให้สิงห์ถึงกับยิ้มค้างพร้อมหน้าซีดวูบ สัญชาตญาณดิบอันเหนือมนุษย์สั่งให้ร่างกายโยกหลบการโจมตีนั้นก่อนที่สมองจะได้ทันคิดเสียอีก ทั้งๆที่ห้วงความคิดของเขารู้ดีว่าตัวเขาเองมีความคงกระพันชาตรีระดับสูงคุ้มครองอยู่แท้ๆ ...แต่คราวนี้สัญชาตญาณดิบกลับเป็นฝ่ายถูก เพราะเมื่อดาบเล่มแรกแทงวูบเฉียดแก้มของเขาไป เลือดสีสดที่พุ่งกระฉูดออกมาจากรอยบาดนั้นทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าดาบของพวกเธอมีไว้เพื่อต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญและเจนจบในไสยเวทย์เดรัจฉานวิชาอย่างเขาโดยเฉพาะ!
" ระ...ระยำเอ้ย! ดาบเคลือบระดู!(ประจำเดือนของผู้หญิง) พวกเจ้าบ้าไปแล้วรึอย่างไร! "
" หึ! เบิกบานใจพอหรือไม่! เพราะสิ่งที่จะสังหารเจ้ามาจากกายของพวกเราเองเช่นนี้! ยิ้มอีกสิ! หัวเราะอีกสิ!! "
" บ...แบบนี้ หัวเราะออกก็บ้าแล้วเฟ้ย! "
สัญชาตญานเป็นฝ่ายถูกอย่างที่มันเคยถูกอยู่เสมอจริงๆ เพราะถ้าเมื่อครู่สิงห์ลำพองใจในความคงกระพันชาตรีของตัวเองและไม่ยอมหลบการจู่โจมนี้...การต่อสู้ที่สมควรน่าเบิกบานใจนี้คงจะจบลงไปแล้ว
วูบ!
สิงห์ไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องเล่นๆอีกต่อไป เขาชักกริชสีเงินอันเป็นอาวุธประจำกายของตัวเองที่ขัดอยู่ด้านหลังออกมาเพื่อรับศึกทันที แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ที่เขาคิดว่าเริ่มวิกฤตขึ้นเรื่อยๆนี้ดีขึ้นซักเท่าไหร่ เพราะหญิงสาวทั้งสามที่เขาแน่ใจว่าเป็นมือสังหารแน่ๆ ร่วมกันฝึกกระบวนที่น่าจะเป็นค่ายกลดาบแบบนี้มาเป็นอย่างดี จนทำให้การออกดาบแต่ละครั้งพร้อมเพรียงและประสานกันอย่างไร้จุดบอด และช่วยส่งเสริมความรุนแรงให้แก่กันและกันจนเมื่อมองจากสายตาของสิงห์ ดาบเล็กๆทั้งสามเล่มดูละลานตาจนเห็นเป็น ๑๐-๒๐ เล่มไม่มีผิด...ที่หากไม่ใช่ตัวเขาที่มีความเฉียบคมในประสาทสัมผัสราวกับสัตว์ป่า คนธรรมดาๆมีหวังได้ตกตายภายใต้ตาข่ายดาบอันถี่ยิบยิ่งกว่าแหของชาวประมงใจแคบนี้ไปตั้งแต่แรกแล้ว
แต่ที่ร้ายแรงที่สุดจนทำให้สถานการณ์วิกฤตเข้าขั้นห่วยแตกที่สุดนี้กลับมีสาเหตุมาจากพรสวรรค์ฟ้าประทานของสิงห์เอง ด้วยความคมกล้าของประสาทสัมผัสซึ่งรวมถึงจักษุประสาทที่ไวต่อสิ่งเร้าและการตอบสนองมากกว่าคนทั่วไปหลายสิบเท่าแม้แต่ภายใต้แสงไฟอันวับแวมจากแสงไต้ที่อยู่โดยรอบ ดวงตาของสิงห์ก็ยังคงเห็นทุกการเคลื่อนไหวของสัดส่วนต่างๆของหญิงสาวทั้งสามนาง ทั้งส่วนเต่งตึงทั้งส่วนนุ่มหยุ่นทุกๆส่วน...
...ภายใต้ดวงตาของเขา...เขาแทบจะมองเห็นการดีดสะท้อนของเหงื่อบนผิวเนียนมันปลาบของหญิงสาวตรงหน้าด้วยซ้ำ...มันทำให้แม้จะข่มสติและเพ่งสมาธิมากเท่าไหร่ แต่เลือดลมของสิงห์ก็ยังอดปั่นป่วนพลุ่งพล่านอย่างควบคุมไม่ได้อยู่ดี!
คราวนี้ความนึกคิดของสิงห์เปลี่ยนไปชนิดจากหน้ามือเป็นหลังเท้า เพราะเวลานี้สิงห์กลับภาวนาให้ไกรมาช่วยเขาให้ไวที่สุดเท่าที่จะไวได้ ชนิดที่มาเวลานี้ได้เลยยิ่งดี และยิ่งมาคนเดียวได้ยิ่งดีที่สุด...เพราะถ้าหากสลับมาเป็นไอ้ไกรที่มีกระบวนดาบเชิงป้องกันเป็นเลิศและไม่สนว่าวิชาที่ร่ำเรียนมาจะกลับคืนอาจารย์เพราะระดูของสตรีมายืนอยู่กลางวงล้อมค่ายกลดาบนี้ และเป็นเขาที่ไปนั่งดูอย่างสบายใจอยู่ที่วงนอกล่ะก็ เขาคงยินดีที่จะนั่งเบิกตาดูโดยที่ไม่ต้องกินต้องนอนเป็นวันๆอย่างบันเทิงเริงใจที่สุดเป็นแน่
...แต่ในสภาพการณ์ปัจจุบัน ถ้าขืนสิงห์ปล่อยให้อารมณ์เบิกบานใจและความอยากรู้อยากเห็นในฐานะลูกผู้ชายเข้าแทรกแซงสมาธิเพียงเสี้ยววินาทีเดียว...งานนี้เขามีหวังได้ไปเยี่ยมตำหนักยมบาลก่อนวัยอันควรแน่นอน!
หลังจากที่ได้รอยแผลอีก ๕-๖ รอยใหญ่ๆ ในที่สุดสิงห์ก็อาศัยความเจนสังเวียนของตนเพื่อทำให้ตัวเองชินกับค่ายกลดาบแสนอันตรายนี้ได้ ทำให้สถานการณ์ของเขาดีขึ้นเล็กน้อย เพราะถึงจะยังคงโดนดาบเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาจนได้เลือดบ้าง แต่อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ได้แผลที่จุดสำคัญเพิ่มอีก และนั่นทำให้ทั้งสามสาวที่กำลังใจร้อนรีบเผด็จศึกมีท่าทีขัดใจขึ้นทันที
" เก่งนักไม่ใช่รึอย่างไร! ถ้าเก่งนักก็อย่าเอาแต่หลบสิ! "
" โห คิดก่อนพูดไหมเนี่ย? ถ้าเก่งนักก็หยุดเอาไอ้ดาบระยำนี่แทงข้าสิ! " สิงห์แหกปากกลับไปอย่างจริงใจสุดๆ แต่คำพูดของเขากลับไปกวนโมโหของทั้งสามสาวจนกัดฟันกรอดและเร่งจังหวะมากขึ้นไปอีกจนสิงห์ต้องรีบตั้งรับชนิดไม่มีโอกาสได้สวนเลยแม้แต่น้อย
" อ...อีกอย่างนึง ช...ช่วยใส่ผ้ากลับไปเสียทีเถอะ! อ--ไอ้ที่เด้งๆอยู่นี่ทำข้าใจไม่ดีเลย ให้นรกสาปสิเอ้า! "
" ถ้าอยากให้พวกเราใส่กลับก็ตั้งใจสู้เสียทีสิยะ! "
ระหว่างที่การสนทนาระหว่างการต่อสู้อันไร้สาระนี้ดำเนินไปเรื่อยๆ สิงห์ก็พบความจริงอย่างหนึ่ง นั่นคือเมื่อหญิงสาวที่พยายามจะฆ่าเขาตรงหน้าเปิดปากพูด กระแสดาบอันถี่ยิบที่คลอบคลุมเขาอยู่ก็เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะหญิงสาวต้องแบ่งสมาธิเป็นสองฝั่ง แต่ดูเหมือนหญิงสาวก็รู้จุดอ่อนนี้ดี พวกเธอจึงพยายามพูดน้อยลงและตั้งสมาธิกับดาบที่ใช้ออกมามากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างม่านดาบที่ถี่ยิบให้กลับมาอีกครั้ง
' มิน่าเล่า เช่นนี้นี่เองไอ้ไกรมันถึงได้ชอบสนทนาระหว่างการประลองนัก นี่ถ้าเป็นตัวมันที่เป็นนักฉวยโอกาสอยูแล้ว พริบตาที่ม่านค่ายกลดาบเบาบางลงมันคงรีบฝ่าออกไปได้แล้วเป็นแน่ ' สิงห์คิดในใจอย่างเสียดาย ก่อนที่เขาจะลอบยิ้มเพราะคิดอะไรบางอย่างได้แล้ว
" เจ้ายิ้มอะไรของเจ้าอีก! " ดูเหมือนรอยยิ้มของเขาจะไปขัดใจหญิงสาวทั้งสามจนกระทั่งพวกเธออดตวาดออกมากร้าวๆไม่ได้ จนสิงห์ต้องรีบแสร้งยิ้มกว้างขึ้นไปใหญ่
" ข้าต้องยิ้มสิ ข้ากำลังคิดว่าถ้าหากไอ้ไกรที่เจ้าอยากเจอนักอยากเจอหนาตามมาเจอพวกเจ้าเวลานี้ มันคงจะไม่ละโอกาสที่จะตีก้นเจ้าให้ลายพร้อยเป็นแน่แท้ "
" อย่าห่วงไปเลย! เพราะอย่างไรเสียเจ้าต้องตายก่อนถึงเวลานั้นแน่! "
' ดีล่ะ ต้องสร้างช่องว่างให้พวกนางเสียสมาธิและสนทนากับเราอีก...แต่ว่า จะต้องพูดอย่างไรให้มันเสียสมาธิดีล่ะ...คิดสิ...คิดอย่างไอ้ไกร คิดอย่างไอ้ไกร...ปากอย่างไอ้ไกร... ' เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเลิกคิ้วพร้อมกับแยกเขี้ยววูบอีกครั้ง ซึ่งแปลว่าสิงห์ตัดสินใจแผนการของเขาได้แล้ว
" ...อ...โอ๊ะ! ม...เมียจ๋าโปรดอย่ารุนแรงกับผัวนัก จริงอยู่ผัวชอบสำมะเลเทเมาแต่ชั่วดีเราก็มีวาสนาเป็นคู่ผัวตัวเมียกันแล้ว หนักนิดเบาหน่อยก็สมควรจะให้อภัยกันสิจ๊ะ! "
" ปากสุนัข! "
" เจี๊ยก!! "
สิงห์รีบหดตัวพร้อมกับกลิ้งหลุนๆเป็นหนุมานคลุกฝุ่นเพื่อหลบกระบวนดาบที่พุ่งมาอย่างเร่งร้อนชนิดคิดฆ่าของมือสังหารสาวคนแรกอย่างตาลีตาเหลือก...งานนี้นอกจากจะไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียสมาธิหรือเสียจังหวะแล้ว เป็นตัวสิงห์เองเสียอีกที่เกือบเสียแขนหรือขาหรือเกือบเสียชีวิตเสียเอง แถมยัยพวกสามสาวโรคจิตตรงหน้าเหมือนจะเพิ่มระดับกระบวนดาบและจิตสังหารมากขึ้นไปอีกจนสิงห์ที่ได้บาดแผลเต็มตัวจนต้องถอยร่นไม่เป็นกระบวนถึงกับต้องแหกปากร้องออกมาอย่างไม่เข้าใจทันที
" อ...อะไรวะ! ก็ทีไอ้ไกรมันยังพูดได้ผลเลย แล้วทำไมข้าทำบ้างถึงไม่ได้ผลล่ะ! "
" ก็ตูไม่ได้พ่นอะไรสิ้นคิดแบบเอ็งออกมานี่หว่า ไอ้บ้าสิงห์! "
สิ้นเสียงของสิงห์ เสียงๆก็ปรากฎเพื่อตอบกลับมาดังลั่นไม่แพ้กันจนทำให้ทั้งสิงห์และสตรีผู้ปองร้ายทั้งสามต้องชังักกึก เมื่อทั้งหมดหันไปที่ต้นเสียงพวกเขาก็พบกับชายหนุ่มตัวต้นเหตุคนสำคัญอย่างไกรหรือไอ้ไกรที่เวลานี้กำลังนั่งเอกเขนกอยู่ยนขอนไม้ใหญ่ริมคลองโดยเอาดาบสดายุที่ยังคงอยู่ในฝักพาดตักไว้อย่างไม่ได้เตรียมพร้อมอะไร ราวกับว่าไกรกำลังนั่งดูมหรสพรื่นเริงอยู่เสียอย่างนั้น...แต่ถึงอย่างนั้นการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของไกรก็ทำให้สถาการณ์เปลี่ยนไปทันทีเพราะสิงห์ยิ้มกว้างออกมาอย่างยินดีในขณะที่หญิงสาวทั้งสามมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปโดยทันที
โดยไม่จำเป็นต้องพูดหรือให้อาณัติสัญญาณใดๆ ทั้งสามสาวต่างประสานงานกันได้ราวกับนัดแนะกันไว้แล้ว เพราะคนนึงหันมาหาไกรในขณะที่อีกสองคนพุ่งเข้าหาสิงห์พร้อมกับที่ทั้งสามปามีดซัดใส่ทั้งไกรและสิงห์แทบจะพร้อมกัน แต่ไกรที่เตรียมตัวอยู่ก่อนแล้วยกดาบสดายุที่ยังคงอยู่ในฝักขึ้นปัดมีดซัดเล็กๆนั่นพร้อมกับตวาดลั่นทันที
" สิงห์! จับไว้ให้ได้ซักคน อย่าให้หนีไปได้! "
ต่อให้ไกรไม่บอกสิงห์ก็ตั้งใจจะทำเช่นที่ว่าอยู่แล้ว เมื่อสิงห์สังเกตเห็นว่ามีดซัดที่ถูกซัดมาไม่ได้เคลือบอะไรๆที่จะทะลุพลังคงกระพันชาตรีของเขาเข้ามาได้ เขาก็ไม่สนใจที่จะป้องกันตัวอีกต่อไป เขาพุ่งสวนโดยปล่อยให้มีดซัด ๒ เล่มพุ่งใส่หน้าอกกำยำและกระเด้งออกโดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ในขณะที่มือข้างที่ไม่ได้ถือกริชกางเป็นกรงเล็บคว้าข้อเท้าของหญิงสาวคนแรกที่พยายามหลบหนีไว้โดยไม่คิดจะออมแรงใดๆทั้งสิ้นเพราะเขาไม่อยากจะให้หญิงสาวตรงหน้าหนีไปได้อย่างแน่นอน
...แต่ทว่า...
วืด!
ตูมมม!!
ร่างบอบบางของหญิงสาวลื่นหลุดไปจากกรงเล็บแข็งปานคีมเหล็กของสิงห์ไปราวกับปลาไหลหลุดออกจากมือ พร้อมๆกับที่ทั้งสามสาวจะพุ่งหลาวลงไปในคลองใหญ่ด้านหลังราวกับเงือกสาวพุ่งหาน้ำ ...เพียงสิ้นเสียงน้ำกระจายตูมใหญ่เท่านั้น ทั้งไกรและสิงห์ก็ไม่เห็นหญิงสาวปริศนาทั้งสามแม้แต่เงาอีกต่อไป
" น้ำมัน... " สิงห์ก้มลงมองอุ้งมือตัวเองก่อนจะครางออกมาเบาๆ เพราะฝ่ามือของเขาเวลานี้เปื้อนโชกด้วยน้ำมันอย่างดีที่ใสและลื่นจนน่ากลัว ก่อนที่เขาจะครางออกมาอีกครั้ง
" ...มิน่าเล่า พวกนางถึงได้ต้องอยู่ในสภาพแทบเปลือยเปล่า...ให้รากเลือดลงแดงสิไกร ถ้าหากภายภาตหน้าข้าได้มีโอกาสลงหลักปักฐานแต่งงานขึ้นมา แล้วถ้าเกิดข้าเจอน้ำมันบนผิวเมียข้าสักหยด ข้าจะจับนางมาตีเสียให้ก้นลายเลยคอยดู "
" ห่วยว่ะ! จับผู้หญิงคนเดียวยังทำไม่ได้ "
" อ...ไอ้! แล้วทีเจ้าล่ะ เมื่อครู่ก็มีนังคนนึงผ่านหน้าเจ้าไป ทำไมเจ้าไม่จับเสียเองล่ะ! "
" ข้าไม่มีรสนิยมชอบลูบคลำเท้าผู้หญิงว่ะ "
" อ...ไอ้!! " สิงห์ขยับปากจะด่า แต่เขาก็จนใจจนด่าไม่ออก เพราะใจนึงเขาก็รู้ดีว่าไกรเวลานี้ก็บาดเจ็บจากฝีมือของอนาสตาเซียจนมีสภาพไม่เต็มร้อยจึงไม่ควรเสี่ยงลงมือ อีกใจนึงเขาก็ติดค้างไกรที่มาช่วยไว้ได้ทันเวลาพอดี จึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกพลางโคลงหัวดิกๆอย่างเสียดาย ก่อนที่เขาจะหันกลับมาหาไกรที่เดินเข้ามาสมทบพร้อมกับถามเบาๆว่า
" แล้วพวกศกุนตลาล่ะ? "
" ศกุนตลาพาดาราไปพบท่านผู้เฒ่าที่เรือนของท่านน่ะ " ไกรพูดพร้อมกับเดินนำออกไป ในขณะที่สิงห์เอียงคอเล็กน้อยราวกับเขานึกว่าเขากำลังฟังผิด ก่อนที่เขาจะร้องลั่นพร้อมกับวิ่งตามไกรมาทันที
" ฮ...เฮ้ย! เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ?! ก็เห็นอยู่นี่หว่าว่าพวกบรรลัยกัลป์พึ่งเล่นงานข้าจนแทบปางตายเลยนะเฮ้ย! "
" เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ยัยพวกนั้นไม่ใช่กลุ่มบรรลัยกัลป์ ไม่สิ จะพูดว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้ แต่พวกนางไม่ใช่กลุ่มเดียวกับดาราแน่ " ไกรพูดเรื่อยๆอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจจนสิงห์ต้องจุ๊ปากอย่างขัดใจ
" เจ้ารู้ได้อย่างไร? "
" ดาราบอก... "
" ไอ้หอกนี่! " สิงห์แทบจะปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อไอ้คนหน้ามึนตรงหน้าอยู่รอมร่อ แต่ไกรยกมือห้ามไว้พร้อมกับอธิบายเบาๆว่า
" ข้ารู้ว่านางอาจจะเชื่อไม่ได้ แต่นางเป็นคนเตือนให้ข้ามาช่วยเจ้าเองจนข้ามาช่วยเจ้าได้ทันเวลาเช่นนี้ ทั้งข้าเองก็กำชับศกุนตลาที่มาสมทบไว้แล้ว...พูดตรงๆนะข้าคิดว่าดาราคงไม่กล้าจะเล่นตุกติก---หมายถึงเล่นไม่ซื่อต่อหน้ายัยโหดศกุนตลาแน่ๆ...ใช่ไหมล่ะ? "
" ... " สิงห์เงียบไปอย่างจำนนต่อเหตุผล เขาโคลงหัวดิกๆอย่างถอนฉิวอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกพร้อมกับพูดต่อเบาๆอีกครั้ง
" ...ขอบใจเจ้าว่ะ ไกร ...พูดตามสัตย์ถ้าหากเจ้าไม่ได้มาอย่างทันเวลา ข้าอาจจะได้แผลฉกรรจ์เกินกว่านี้ก็เป็นได้ "
ไกรเหลือบมองบาดแผลตามแขนที่มีเลือดซิบๆราวกับโดนมีดบาดของสิงห์เล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใส่คำขอบคุณนั้นทันที
" อันที่จริงเจ้าไม่จำเป็นต้องขอบอกขอบใจข้าด้วยซ้ำ เพราะต่อให้ลำพังเจ้าคนเดียวก็ไม่น่าจะโดนยัยพวกเด็กๆนั่นเล่นงานได้ถึงขนาดนี้ ทั้งๆที่เจอกันครั้งแรกเจ้าแทบจะฝ่ากองทัพทหารพม่าไปฆ่าไอ้มังๆ อะไรนั่นด้วยซ้ำ "
" เฮ่ย เจ้าก็น่าจะเห็น พวกนางเก่งกาจใช่ย่อยทั้งประสานกันได้เป็นอย่างดีเลยนะ "
" อวิชชา หัวใจราชันย์เดรัจฉาน... " ไกรเปรยออกมาเบาๆโดยไม่หันมามองหน้าและไม่ผ่อนฝีเท้าลงแม้แต่น้อย และคำเปรยนั่นก็ทำให้สิงห์ชะงักเท้าลง ก่อนที่ในที่สุดชายหนุ่มจะถอนหายใจเฮือกพร้อมกับย้อนถามไกรเบาๆเช่นกันว่า
" ไกร ข้าขอถามเจ้าเสียหน่อยนะ...ถ้าหากเป็นเจ้าที่ตกอยู่ในวงล้อมของยัยพวกนั้นแทนข้า เจ้าจะลงมืออย่างเหี้ยมโหดด้วยการใช้ดาบทั้งสองเล่ม ทั้งสดายุและสัมพาที รวมถึงใช้วิชาดาบขั้นสูงสุดของเจ้าหรือไม่? "
คำถามของสิงห์ทำให้ไกรเอียงคอพลางคิดตาม ก่อนที่เขาจะหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจเฮือก
" จริงของเจ้า...พูดตรงๆถ้าหากเป็นข้าก็คงจะใช้แค่สดายุอย่างเดียวเช่นกัน "
" นั่นล่ะ นี่เป็นเหตุผลที่ท่านผู้เฒ่าเลี้ยงมือสังหารที่เป็นสตรีมากกว่าบุรุษเสียอีกอย่างไรล่ะ...มันคือสันดานที่ไม่มีวันแก้ไขได้ของบุรุษ...ถ้าหากไม่ใช่บุรุษที่เลวทรามถึงขีดสุดจริงๆ บุรุษทั้งหลายล้วนต้องลำบากใจที่จะลงมืออย่างเด็ดขาดกับสตรี แม้ว่าสตรีนางนั้นจะพยายามสังหารเราก็ตามที...ในขณะที่ถ้าเป็นมือสังหารสตรีอย่างศกุนตลา นาสตี้ หรือแม้แต่ยัยอเทตยาของเจ้าไม่มีความลำบากใจเช่นที่ว่าเลย...สำหรับพวกนาง บุรุษหรือสตรีก็ล้วนแต่มีค่าเท่ากัน... "
" คมจับจิต... " ไกรครางออกมาเบาๆอย่างยอมรับ " ...มิน่าล่ะ เมื่อครู่เจ้ามีโอกาสสวนเล่นงานพวกนางได้ตั้ง ๓-๔ ครั้งแต่กลับไม่ลงมือ อ้อ...ทีแรกก็นึกว่ากาก ที่แท้ก็ศักดิ์ศรีค้ำคอนี่เอง "
" เออ...ขืนข้าลงมือตอนนั้นข้าก็หมาแน่ๆ " สิงห์พยักหน้ารับเบาๆ ...ก่อนที่เสี้ยววินาทีต่อมาชายหนุ่มจะหยุดเดินลงอย่างกะทันหัน ก่อนจะใช้ดวงตาที่เบิกกว้างจนแทบถลนออกมานอกเบ้าถลึงใส่ไกรที่เดินอยู่ข้างๆราวกับกำลังมองคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันมาก่อน...ก่อนที่ในที่สุดเขาจะค่อยๆแค่นเสียงออกมาช้าๆ
" ไกร...เจ้ารู้ได้อย่างไร? "
" หา? "
" เจ้า...รู้...ได้อย่างไรว่าข้ามีโอกาสลงมือได้ถึง ๓-๔ ครั้งแต่กลับไม่ลงมือ "
" อ๋อ! โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร " ไกรครางออกมาอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลยแม้แต่น้อย " ...จะไม่รู้ได้อย่างไรล่ะ ก็ดาราบอกให้ข้าตามเจ้ามาข้าก็ตามเจ้ามาเลย เลยมาทันกันตั้งแต่ที่ยัยนั่นพาเจ้าออกมาจากโรงเตี๋ยมแล้ว แล้วก็ตามดูมาเงียบๆมาตั้งแต่ตอนนั้น จนเห็นว่าเจ้าไม่ไหวแล้วเลยรีบออกมาช่วยไงล่ะ "
คำตอบด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ไม่ร้อนของไกรทำให้สิงห์ถึงกับเอียงวูบ เวลานี้สายตาที่เขาใช้มองไกรพัฒนาขึ้นจากการมองคนแปลกหน้าเปลี่ยนเป็นสายตาที่ใช้มองวัวควายตัวหนึ่ง ...เขาควบคุมอารมณ์โมโหที่ปะทุขึ้นเต็มใบหน้าได้อย่างยากเย็น ก่อนที่ในที่สุด เขาจะค่อยๆกัดฟันพูดออกมาอย่างช้าๆว่า
" ดู...อยู่ตลอด...อ้อ...ดีนี่ ดีแท้ๆ ดีเสียจริง...สหายของเจ้าตกอยู่ในภยันอันตรายแทบรากเลือดชนิดเกือบตายอยู่รอมร่อ แต่เจ้ากลับซุ่มโป่งนั่งแอบมองร่างแทบเปลือยเปล่าของสตรีน้อยทั้งสามนางนั่นอยู่ถ่ายเดียว...คน...คนอย่างเจ้านี่มันเป็นสหายประเภทไหนกัน?! ...นี่เอ็งยังมีความละอายใจอยู่ในสมองบ้างไหมเนี่ย?!! "
" โอ้ กระผมละอายใจสิ ละอายใจอย่างยิ่ง ละอายใจจนแทบน้ำตาร่วงเลย...แต่เมื่อกระผมคิดอีกมุมนึง กระผมก็คิดได้ว่าถ้าหากเป็นตัวกระผมเองที่ตกอยู่ในวงล้อมนั้น และเป็นท่านสิงห์ที่เป็นฝ่ายแอบซุ่มโป่งแทนกระผมบ้าง ท่านสิงห์ผู้มีจิตใจงดงามปานพ่อพระก็คงจะแอบดูโดยที่ไม่กระโตกกระตากอะไรทั้งสิ้นเช่นกัน ดีไม่ดีอาจจะปรากฏตัวออกมาช้ากว่ากระผมด้วยซ้ำไป...เมื่อคิดได้เช่นนั้นไอ้ความะอายใจทั้งหลายแหล่ที่มีมันก็มลายหายไปซะสิ้นเลย ท่านว่าถูกต้องประการใดล่ะขอรับ ท่านสิงห์? "
" ถูกต้อง...ถูกต้องทุกประการเลย ท่านเจ้าพระยา " สิงห์พยักหน้ารับคำพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างถอนฉิว เพราะเขาจำนนต่อเหตุผลจนไม่สามารถทำอะไรไกรได้เลยแม้แต่น้อย
" ให้นรกสาปสิวะ! ไอ้ไกร...รู้ใจข้ามากขนาดนี้ เจ้าจะต้องเป็นจิ้งจกที่เกาะอยู่ที่ฝาเรือนข้าแน่ๆเลย ไอ้บ้าเอ้ย! "
................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ