ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  132.25K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

109)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

================================================

 

 

 

     ...สิ้นสุดคำประกาศของผู้เป็นอาจารย์ของมือสังหารแห่งหมู่บ้านยุคันตวาตทุกคนอย่างกวนอิ๋นผิง นอกจากไกรที่ไม่รู้เรื่องอะไรและอเทตยาที่นิ่งขรึมไปตั้งแต่ที่ได้ฟัง คำสัญญา อะไรบางอย่างจากปากของกวนอิ๋นผิง เหล่ามือสังหารที่ยืนอยู่ทุกคนต่างก็มีปฏิกริยาแตกต่างกันออกไปททันที

 

        ท่านผู้เฒ่าและสิงห์ยืนกอดอกขึ้นและมีปฏิกริยาน้อยที่สุด นั่นทำให้ไกรเดาได้ว่าทั้งสองคนคงจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ในขณะที่ศกุนตลาที่ตามมาแบบซังกะตายกลับเบิกตากว้างพร้อมทำปากกระตุกเล็กน้อยราวกับว่าเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจขึ้นอย่างกะทันหันจนเธอต้องก้าวขึ้นมาดูใกล้ๆ ...ในขณะที่ผู้ที่ได้รับคำสั่งโดยตรงอย่างอนาสตาเซียกลับมีสีหน้าราวกับถูกกวนอิ๋นผิงสั่งให้กลืนหนอนตัวอ้วนพีลงท้องอย่างไรอย่างนั้น

 

      " ท...ท่านอาจารย์! "

 

      " ข้าไม่ได้พูดเล่นชวนหัว "  แม้ว่ากวนอิ๋นผิงจะยังคงยิ้มแย้มอยู่ แต่เธอกลับปฏิเสธการต่อรองของอนาสตาเซียอย่างไม่ใยดีก่อนที่อนาสตาเซียจะได้ทันพูดจบด้วยซ้ำ ทำให้อนาสตาเซียได้แต่อ้าปากพะงาบๆราวกับปลาที่ขาดอากาศหายใจ ในขณะที่ไกรได้จังหวะพร้อมกับพูดแทรกไปเบาๆทันที

 

      " ท่านอิ๋นผิง ข้าคิดว่าข้าฟังไม่ผิดนะ "

 

      " อืม ข้าเห็นด้วย...หูเจ้าน่าจะยังดีอยู่ "  กวนอิ๋นผิงเอียงคอยิ้มหวานให้กับไกร นั่นทำให้ไกรอดเกาหัวแกรกๆไม่ได้...เขาชักสังเกตได้ว่าหมู่นี้เขาเริ่มเกาหัวเวลามีเรื่องน่าหงุดหงิดจนกลายเป็นนิสัยไปเสียแล้ว

 

      " ถ...ถ้าอย่างนั้น...แปลว่าท่านคิดจะสังหารข้า...ถ้าเป็นเช่นนั้นทำไมท่านไม่สังหารข้าให้พ้นๆไปเสียตั้งแต่เมื่อราตรีก่อนเสียเลยล่ะขอรับ "

 

      " เจ้าฉลาดพอจะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าข้าไม่ได้คิดจะสังหารเจ้าจริงๆ ใช่ไหม? ไกร "  หญิงสาวพูดพลางยิ้มบางๆ ทำให้ไกรขมวดคิ้วเล็กน้อย ในขณะที่อนาสตาเซียได้จังหวะพูดขึ้นทันที

 

      " ถ้าอย่างนั้น ทำไมท่านอาจารย์ "  อนาสตาเซียแทรกขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งกวนอิ๋นผิงก็ยังคงกอดอกยิ้มหวาน แต่คำพูดของเธอก็ยังคงขวานผ่าซากเหมือนเดิมว่า

 

      " ข้าจะอธิบายคราหลัง เวลานี้ขอเพียงเจ้าทำตามที่ข้าสั่งก็เพียงพอแล้ว...คำสั่งคือลงมือสังหาร และให้ใช้ศาสตราจริงกันทั้งสองฝ่าย "

 

        ไกรมองปราดเดียวก็รับรู้แล้วว่ากวนอิ๋นผิงคงไม่มีทางเปลี่ยนเปลงคำสั่งแน่ เขาจึงเลี่ยงไปหาสิงห์ที่น่าจะมีความสัมพันธ์กับกวนอิ๋นผิงเหนือกว่าทุกคนพร้อมกับกระซิบถามเบาๆว่า

 

      " นี่ สิงห์...คือ...แม่เจ้าเกลียดขี้หน้าข้าขนาดไหนกันเนี่ย? "

 

        สิงห์ที่ยังคงยืนกอดอกอยู่หัวเราะเบาๆพร้อมกับยักไหล่และตอบกลับมาเบาๆว่า

 

      " แม่---ท่านกวนอิ๋นผิงมีเหตุผลของท่าน ขอเพียงเจ้าเล่นไปตามเนื้อผ้า ไม่ช้าไม่นานปริศนาก็จะเฉลยเอง "

 

      " มีลับลมคมในเสียจริงนะ นี่มันชีวิตตูนะเฟ้ย! "

 

        ในขณะที่ไกรกำลังพึมพำอยู่กับสิงห์ อนาสตาเซียก็เดินเข้าใกล้ผู้เป็นอาจารย์ของเธอพร้อมกับพูดอย่างร้อนรนทันที

 

      " ท่านอาจารย์! "

 

      " คำสั่งข้าไม่ยินยอมให้เจ้าคัดค้าน "  กวนอิ๋นผิงกล่าวอย่างเด็ดขาด ก่อนจะอธิบายขยายความเพิ่มเล็กน้อยว่า

 

      " อย่าห่วงเลยน่า อนาสตาเซีย...ถึงจะบอกว่าสังหารแต่ข้าก็ไม่ได้ใจไม้ไว้ระกำพอจะให้สังหารให้ตกตายกันไปจริงๆเสียหน่่อย เมื่อถึงจังหวะเสี้ยววินาทีที่รู้ผลแพ้ชนะ ให้หดรั้งดาบกลับมา...จริงอยู่ว่าอาจจะไม่ถึงกับรอดปลอดภัยอย่างไร้รอยขีดข่วน แต่...ทั้งเจ้าและไกรก็น่าจะยอมรับได้นี่...เพราะแม้แต่การประลองอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะไม่เจ็บตัวอยู่แล้ว " 

 

      " แต่ว่าในสภาวะที่เร่งเร้าถึงขีดสุด ข้า...ข้าไม่แน่ใจว่าถ้าหากถึงเสี้ยววินาทีที่จะต้องรั้งดาบกลับ...ข้า...จะรั้งดาบกลับไม่ทัน "  อนาสตาเซียพยายามให้เหตุผล แต่เธอก็ต้องชะงักเพราะกวนอิ๋นผิงสลายรอยยิ้มลงพร้อมกับที่ตาลุกวาวและปลดปล่อยกระแสแห่งอำนาจอะไรบางอย่างออกมา ก่อนที่เธอจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

 

      " เจ้าซึ่งเป็นศิษย์ของข้าอ่อนแอลงหรือ? หรือว่าตลอด ๔-๕ ปีที่ข้าไม่อยู่ เจ้าจะขาดการฝึกปรือจนฝีมือที่ข้าประสิทธิ์ประสาทให้ทื่อลง...เจ้าคือมือสังหารไม่ใช่ดรุณีน้อยนะ! "

 

      " ท...ท่าน--- "  อนาสตาเซียพยายามพูดอย่างตะกุกตะกักด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านราวกับเกรงกลัวหญิงสาวผู้เป็นอาจารย์ของเธอหัวหด แต่เธอไม่ทันได้เอ่ยชื่ออื๋นผิงจบด้วยซ้ำ กวนอิ๋นผิงก็กระชากเสียงตัดบทด้วยการถามเรียบๆว่า

 

      " จะต้องให้ข้ากล่าวซ้ำอีกหรือ? อนาสตาเซีย ซี. ฟอลคอน "

 

        สกุลอันเป็นเทือกเถาเหล่ากอและต้นสายเลือดของอนาสตาเซียที่ถูกกล่าวออกมาอย่างเต็มยศทำให้อนาสตาเซียชะงักกึก ดวงตาสีฟ้าจรัสที่ประหวั่นพรั่นพรึงกลับทอประกายวาวโรจน์บางอย่างที่ไกรไม่แน่ใจว่าคืออะไรออกมา ประกายประหลาดนั้นทำให้หญิงสาวสงบลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะค่อยๆหันกลับมาหาไกรที่ยังคงยืนอยู่กับสิงห์อย่างช้าๆและพูดอย่างเยือกเย็นว่า

 

      " ...เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ...ถ้าอย่างนั้น...ข้าก็ต้องขอเสียมารยาทล่วงเกินเจ้าแล้ว...ไกร "

 

        คำพูดและน้ำเสียงมั่นคงบ่งบอกถึงการตัดสินใจที่ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดของอนาสตาเซียทำให้ไกรชะงักเล็กน้อย ประกายอำมหิตและจิตคุกคามบางๆที่แผ่ออกมาจากหญิงสาวชาวตะวันตกที่ไกรเคยเอ่ยปากไปว่าเป็น สหายที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่ใช่สิ่งที่ไกรสามารถคาดได้เลย...

 

        แต่ไกรไม่ใช่ผู้ที่ถูกข่มได้เพียงแค่การปลดปล่อยจิตคุกคามอย่างกะทันหัน...ถึงจะยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก แต่ไกรก็ไม่ใช่เด็กน้อยที่ไม่เคยผ่านการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาก่อน...ตรงกันข้าม เขาเป็นนักดาบชั้นยอดคนหนึ่ง...

 

     ...นักดาบ...ที่ถูกสอนให้ไม่ยอมถูกสยบ นักดาบที่ยิ่งถูกกดดันยิ่งฮึกเหิม...ยิ่งปราดเปรื่อง...ยิ่งสูงขั้นขึ้นไปอีก...

 

      " ข้าก็ยังไม่รู้หรอกนะว่านี่มันเรื่องตำบอนอะไร...แต่ข้าก็เป็นนักดาบคนหนึ่งนะ นาสตี้...ข้าไม่ยอมพ่ายแพ้อย่างงอมืองอเท้าในการประลองแน่ "  ไกรพูดเรียบๆพร้อมกับแผ่สมาธิเพื่อต้านจิตคุกคามของอนาสตาเซียช้าๆ นั่นทำให้อนาสตาเซียตาลุกวาวขึ้น ในขณะที่กวนอิ๋นผิงที่ยังคงยืนกอดอกอยู่แสยะยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับค่อยๆก้าวถอยหลังออกไปจากลานกว้างแห่งนี้อย่างช้าๆ เป็นสัญญาณให้ทุกคนที่ตามมาด้วยค่อยๆถอยห่างออกจากรัศมีของการประลองจิตคุกคามครั้งนี้ออกไปทันที

 

        มีเพียงสิงห์เท่านั้นที่ยืนนิ่งหน่วงเวลาไว้เล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเดินตัดผ่านไกรไปอย่างช้าๆ โดยเจตนาจะไปยืนอยู่ที่เดียวกับกวนอิ๋นผิงที่มีความสัมพันธ์อย่างไม่ธรรมดากับเขา แต่ในเสี้ยววินาทีที่สิงห์เดินผ่านไกรไป เขาก็เหลือบหางตาสีเหล็กแข็งกร้าวมาพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยและกระซิบเบาๆว่า

 

      " จดจำคำพูดข้าไว้...ไกร...อย่าได้ดูหมิ่นฝีมือนาสตี้...นางไม่ได้เป็นมือสังหารอันดับหนึ่งเพราะโชคช่วย "

 

        ไกรขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ แต่เขาก็ยังคงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้และขอบคุณคำแนะนำของสิงห์เบาๆ ซึ่งสิงห์ก็พยักหน้าให้และสาวเท้ายาวๆออกไปจากการปะทะจิตคุกคามที่น่าอึดอัดนี้ทันที

 

      " ข้าไม่ได้มีเจตนาจะสู้กับเจ้า นาสตี้... "  ไกรพยายามพูดอีกครั้ง แต่ระหว่างพูดเขาก็ค่อยๆปลดฝักดาบออกจากเอวและดึงดาบประจำกายสีเงินออกมาจากฝักช้าๆราวกับว่าเขารู้คำตอบอยู่แล้ว ซึ่งอนาสตาเซียก็ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับปัดผมสีทรายยาวสลวยของตนไว้ด้านหลัง ก่อนจะพูดตอบกลับมาอย่างที่ใจไกรคาดเดาไว้ทุกประการ

 

      " เจตนาไม่จำเป็นต้องมีหรอก ไกร...และข้าก็ไม่ได้คิดจะประลองกับเจ้า "

 

      " ? "

 

      " ข้าจะสังหารเจ้า! "

 

        อนาสตาเซียคำรามเบาๆพร้อมกับกระชากดาบเล็กเรียวยาวสีเงินที่มีลักษณะเป็นดาบเซเบอร์อย่างตะวันตกออกมาจากฝักหนังจนเกิดเสียงดังบาดหู จิตคุกคามแปรเปลี่ยนเป็นจิตสังหารที่ปะทุขึ้นและมีจุตมุ่งหมายมาที่ไกรราวกับเข็มเล็กๆนับร้อยนับพันดอกทิ่มแทงใส่ทั่วทั้งร่างของชายหนุ่ม ในขณะที่ไกรก็แสยะยิ้มรับพร้อมกับกดปุ่มกลไกเล็กๆในโกร่งดาบสดายุ ส่งผลให้สันดาบสดายุเปิดออกและส่งดาบสัมพาที...ดาบลับสีตะกั่วออกมาอยู่ในมืออีกข้างทันที

 

        เมื่อมีดาบสองเล่มอยู่ในมือ ประกายความน่าเกรงขามของไกรก็พุ่งพรวดเพิ่มขึ้นเป็น ๒ เท่า เมื่อรวมกับการตั้งท่าที่เป็นแนวทางที่พัฒนาจากเพลงดาบยุคันตวาตที่รุดหน้าขึ้นกว่าแต่ก่อนราวกับก้าวกระโดดหลังจากคืนเสี่ยงตายที่ปราสาทท้ายสระ นั่นทำให้ไกรน่าเกรงกลัวขึ้นกว่าเมื่อก่อนราวกับเป็นคนละคน

 

      " ข้าก็ไม่ใช่คนง่อยเปลี้ยเสียขาที่รอให้เจ้ามาเชือดเช่นกัน...อนาสตาเซีย! "

 

        ประกายอันน่าเกรงขามของไกรทำให้กวนอิ๋นผิงที่ยืนกอดอกมองอยู่ถึงกับหรี่ตาลงพร้อมกับยิ้มบางๆ

 

      " เข้าท่านักๆ...แม้แต่การตั้งดาบก็สามารถข่มเชิงดาบี่ข้าลำบากคิดค้นขึ้นมาแทบตายได้แล้ว...ต่อยอดเพลงดาบขึ้นได้ประเสริฐจริงๆ "  

 

      " ท่านแม่? "  สิงห์ที่ยืนอยู่ข้างๆเอียงคอเล็กน้อย พร้อมกับพูดต่อ  " รึจะบอกว่านาสตี้ที่เป็นผู้สืบทอดเพลงดาบของท่านจะพ่ายแพ้แก่ไกร "

 

      " อืม...ถ้านี่เป็นการประลองกำลัง ผลก็คงออกมาตั้งแต่การตั้งกระบวนดาบแล้ว...แต่ว่า... "

 

      " แต่ว่า? "

 

      " อย่างที่แม่เคยสั่งสอน...ยอดฝีมือชิงชัย ดุจสองอาณาจักรทำสงคราม...ถ้าหากเป็นการประลองที่วัดด้วยกำลังแสนยานุภาพอย่างเดียว ผลแพ้ชนะของสงครามคงออกมาตั้งแต่เห็นกำลังไพร่พล...แต่...สงครามมิได้วัดเพียงกำลังพล "

 

      " ลูกแม้ดื้อรั้นไม่สนใจร่ำเรียน แต่คำสอนของท่านแม่จะขอจดจำไว้ให้ขึ้นใจ "  สิงห์รับคำอย่างสงบเสงี่ยมอย่างผิดนิสัยจนแม้แต่ท่านผู้เฒ่าที่ยืนอยู่ใกล้ๆยังต้องเหลือบสายตามามอง ในขณะที่กวนอิ๋นผิงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ

 

      " ยอดฝีมือชิงชัยถึงชีวิต ไม่ว่าเล่ห์กลใดล้วนคู่ควรที่จะใช้ออกมา...การต่อสู้ถึงชีวิตไม่มีผู้แพ้หรือผู้ชนะ...ใช่หรือไม่ ท่านผู้เฒ่า? "

 

        ท่านผู้เฒ่าเม้มริมฝีปากพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย

 

      " ถูกต้อง...เมื่อถึงที่สุด...เมื่อการชิงชัยจบลง มีเพียงแค่ผู้อยู่รอด และผู้สิ้นชีพเท่านั้น! "

 

        คำพูดของทั้งท่านผู้เฒ่า กวนอิ๋นผิง และสิงห์ต่างก็พูดกันด้วยกระแสเสียงที่เบาบาง ทำให้ตลอดเวลาที่สนทนาไม่มีผู้ใดจะจับสำเนียงได้ถนัด...อย่าว่าแต่ไกรที่ใช้พลังสมาธิในการเตรียมต่อสู้ชิงชัยอย่างเต็มที่จึงไม่ได้ยินเสียงใดแน่นอน...ในห้วงคำนึงของเขาคิดเพียงสตรีที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

 

     ...เมื่อถึงตรงนี้ เขากลับพบว่าทั้งๆที่เขาก็รู้จักมักจี่และพูดคุยเล่นหัวกับอนาสตาเซียอย่างสนิทสนมมาได้หลายเดือน ต่างก็ผ่านเหตุการณ์เฉียดความตายมาด้วยกันอย่างน้อยๆก็หนึ่งครั้ง...แต่เวลานี้เขากลับรู้สึกว่าเขาไม่ได้รู้จักอนาสตาเซียเลย...

 

     ...ไกรรู้จักสิงห์ รู้จักความสามารถอันเป็นดั่งไม้ตายก้นหีบของสิงห์อย่างร่างทรงเดรัจฉานวิชานั่น...เขารู้จักศกุนตลาและศรพลายวาตของเธอ และเคยเห็นหญิงสาวส่งกระสุนลอดผ่านช่องหน้าต่างพระอุโบสถที่แง้มอยู่มาตัดกระดูกสันหลังคนๆหนึ่โดยที่เธออยู่ห่างออกไปเกือบหนึ่งกิโลเมตรมาแล้ว...เขารู้จักอเทตยา และแม้กระทั่งเคยเอาตัวเข้ารับลูกธนูไร้จิตคุกคามของอเทตยามาแล้วเช่่นกัน...แต่สำหรับอนาสตาเซีย...เขากลับพบว่าเขาไม่รู้จักเธอเลยแม้แต่น้อย...

 

     ...เขารู้จักเพียงชื่อของเธอ...อนาสตาเซีย และอนุมานคาดเดาถึงสายเลือดของเธอจากนามสกุล...รู้เพียงว่าเธอเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งและลูกสาวบุญธรรมของท่านผู้เฒ่า...แต่นอกจากนั้นล่ะ?...ทั้งระดับความสามารถ ทั้งท่วงท่าการต่อตี แม้แต่ศาสตราประจำกายของเธอที่มีนามว่า นาคราช เขาก็ยังไม่รู้จักและไม่เคยพบเห็นเลยด้วยซ้ำ...ต่างจากอนาสตาเซียที่แทบจะรู้เช่นเห็นชาติฝีมือทุกอย่างของไกรชนิดราวกับดูลายมือตัวเอง...ถึงไม่อยากจะยอมรับ แต่ไกรก็รู้ดีว่าเขาเสียเปรียบเต็มประตู นั่นทำให้เขาไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย

 

     ...เสี้ยววินาทีที่อนาสตาเซียขยับดาบลง ไกรก็ย่อตัวลงพร้อมกับใช้การเข้าสู่ห้วงสมาธิชั้นสูงอันเป็นไม้ตายก้นหีบของตนทันทีโดยไม่รีรอเลย...

 

        ยอดฝีมือชิงชัย อาจต่อสู้กันเป็นครึ่งค่อนวัน หรืออาจจะเกิดขึ้นและจบลงภายในเสี้ยววินาที...ไกรเข้าใจข้อนี้ดี ดังนั้นเมื่ออนาสตาเซียขยับ เขาก็ใช้ไม้ตายสูงสุดและยืนตั้งมั่นดั่งหินผา ท่าร่างไร้ซึ่งจุดอ่อนช่องโหว่ใดๆโดยทันที

 

        ท่าร่างของไกรไม่ได้เป็นเพียงท่าร่างของดาบสองมือประจำตระกูลของเขาที่มีอานุภาพข่มกระบวนดาบมือเดียวของอนาสตาเซีย แต่ยังผสมผสานและแฝงเคล็ดวิชาดาบญี่ปุ่นแขนงหนึ่งเข้าไปด้วย...ทำให้ท่าร่างของไกรเป็นกระบวนท่าที่อนาสตาเซียที่เป็นผู้ผ่านการประดาบมานับไม่ถ้วนเช่นกันต้องขมวดคิ้ววูบทันที

 

        ท่าร่างของไกรอาจถูกเรียกได้ว่าเป็นการป้องกันที่สมบูรณ์แบบก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะไร้ช่องโหว่ให้ฉวยโอกาสโจมตีแล้ว ปลายดาบทั้งสองเล่มของไกรยังทอประกายคมกล้าเตรียมโต้ตอบกระบวนดาบอย่างเผ็ดร้อนและฉับไวที่สุดด้วย...

 

     ...กระบวนยุทธ์ใต้หล้า วัดกันที่ความเร็ว...แนวกระบวนดาบของไกรในเวลานี้ไม่ได้ช่วงชิงจู่โจมแต่รอคอยตีโต้ ...ใช้หลักการเขาไม่ฟาดฟัน เราไม่ฟาดฟัน...หากไม่รบก็แล้วกันไป...แต่หากรบ ดาบของเขาจะเป็นฝ่ายที่พิชิต...

 

    ...กระบวนดาบที่ในอดีตครูมืดพ่อของไกรเคยปราบไกรอย่างอยู่หมัดมาแล้ว...กระบวนดาบสายเคานเตอร์แอทแทค!

 

        แต่พริบตาเดียว อนาสตาเซียก็โต้ตอบด้วยการขยับเปลี่ยนท่าการจรดดาบอีกครั้งเพื่อฉวยจังหวะเป็นฝ่ายรุกอีกรอบ...เธอใช้มือขวาอันเป็นข้างที่ถนัดยกดาบขึ้นจนปลายดาบตั้งตรงในขณะที่มืือซ้ายที่ถือฝักดาบเปล่าๆอยู่ก็ห้อยไว้ข้างลำตัวอย่างไม่เกะกะ...ดวงตากลมโตของเธอจ้องตอบดวงตาของไกรอย่างไม่ยอมตกเป็นรองเลยแม้แต่น้้อย

 

        ฟุ่บ!

 

       เสียงเดียวที่ปรากฏขึ้นคือเสียงของรองเท้าของอนาสคาเซียที่ถูกสะบัดออกไปกองอยู่ที่พุ่มหญ้าด้านหลัง ก่อนที่มือสังหารสาวจะค่อยๆขยับลากเท้าเพื่อย่นระยะเข้ามาหาไกรอย่างช้าๆ...

 

       เมื่อลากเท้าเข้ามาได้ประมาณเมตรเดีบวเท่านั้น ที่รอยลากเท้าของเธอก็ปรากฏรอยโลหิตสีสดเปื้อนพื้นเป็นทางยาว ซึ่งเดาได้ว่าเท้าเปล่าๆอันแลดูบอบบางของเธอคงไปโดนเศษหินกรวดคมๆที่พื้นบาดเข้าแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น อนาสตาเซียกลับไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยสักนิด...แม้แต่ดาบในมือของเธอก็ยังคงตั้งตรงและชี้มาที่ไกรนิ่งโดยไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย!...

 

        อนาสตาเซียกระทำราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนไม่นำพา...สติสัมปชัญญะของเธอในเวลานี้เหลือเพียงแค่ดาบ และศัตรูที่ยืนอยู่ตรงหน้าเท่านั้น!

 

        เธอค่อยๆก้าวเข้ามาอย่างเชื่องช้า แต่ละย่างก้าวที่ลากขาเข้ามาใช้เวลาราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์อีกเพียงก้าวเดียวอนาสตาเซียก็จะสาวเท้าเข้ามาอยู่ในรัศมีดาบอันแน่นหนาของไกร แต่ถึงอย่างนั้น ไกรก็ยังไม่ขยับ...ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะขยับ...แต่เสี้ยววินาทีนี้เขารู้ตัวแล้วว่าเขาขยับไม่ได้ต่างหาก

 

        ท่าร่างของไกรนั้นอยู่ในระดับไร้ช่องโหว่ แต่เพราะไร้ช่องโหว่ เขาจึงไม่อาจเคลื่อนไหวได้ เพราะหากขยับ สภาพที่ไร้ช่องโหว่นี้จะพังทลายลง และดาบของอนาสตาเซียก็จะฟาดฟันใส่ในพริบตาแน่นอน...สิ่งที่เขาทำได้ในเวลานี้คือเชื่อมั่นในวิถีดาบของตน และรีดเร้นสมาธิทั้งหมดเพื่อคาดเดาการจู่โจมจากดาบนาคราชของอนาสตาเซียเพื่อที่จะตอบโต้ในพริบตาเช่นกันเท่านั้น

 

       ในขณะที่เหลือระยะห่างระหว่างไกรและอนาสตาเซียเพียงเมตรกว่าๆเท่านั้น แม้ว่าท่าร่างของอนาสตาเซียจะยังคงอยู่นิ่งและปลายดาบไม่ไหวติงเช่นเดิม แต่พลังที่ตื่นขึ้นมาใหม่ของไกร พลังที่บ่งบอกว่าเขาทะลุขีดจำกัดของตัวเองไปอีกขั้น...สิ่งที่เขาเรียกมันว่า ลางสังหรณ์ ก็ร้องเตือนเขาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุอีกครั้ง...อาการขนลุกที่ต้นคอและประสบการณ์เฉียดตายราวกับย้อนกลับมาเล่นซ้ำในหัวอีกครั้ง!

 

      ' อ...อะไรกัน?! '  เสี้ยววินาทีที่ลางสังหรณ์ของเขาระเบิดขึ้น ไกรก็ขยับวูบอย่างไม่อาจควบคุมได้...มันเป็นเพียงการขยับเพียงเล็กน้อยจนแทบจะไม่อาจจะจับสังเกตได้และดวงตาอันคมกริบของเขาก็ไม่ได้เคลื่อนไปจากปลายดาบอันแน่วแน่ของอนาสตาเซียเลยแม้แต่น้อย...การขยับของเขาเรียกว่าเป็น โอกาส สำหรับอนาสตาเซียไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ช่วงเสี้ยววินาทีนั้น อนาสตาเซียก็ลงมือ!

 

        ดวงตาสีสนิมเหล็กของไกรยังคงจับจ้องไปที่ปลายดาบนาคราชของอนาสตาเซีย และปลายดาบนาคราชเองก็ไม่ได้ขยับไปจากการตั้งตรงเลยแม้แต่องคุลี...ดาบนาคราชในมือขวาของอนาสตาเซียไม่ได้ขยับ ทว่าฝักดาบที่ถูกจับอย่างหลวมๆด้วยมือข้างซ้ายกลับตวัดวูบ!

 

      " ระยำเอ้ย! "  ในช่วงเสี้ยววินาทีนั้น ไกรแขม่วท้องจนหน้าท้องแทบจะติดกระดูกสันหลังเพื่อหลบจากฝักดาบหนังที่เวลานี้มีกระแสห่อหุ้มราวกับดาบอีกเล่มได้อย่างฉิวเฉียดจนกระทั่งชายเสื้อของเขาถึงกับฉีกขาด แต่นั่นก็ทำให้เขาหลบการโจมตีแบบนอกตำราของอนาสตาเซียที่จู่โจมใส่อย่างเร่งร้อนและหวังผลเผด็จศึกพลาดไปอย่างไม่น่าเป็นไปได้ นั่นทำให้อนาสตาเซียถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ ในขณะที่ผู้ที่ยืนชมอยู่วงนอกถึงกับต้องอ้าปากค้างทันที ไม่เว้นแม้กระทั่งท่านผู้เฒ่าก็ตาม

 

      " ม...ไม่เคยมีใครหลบการจู่โจมของอนาสตาเซียใน ดาบแรก นี่ได้! "  ท่านผู้เฒ่าครางออกมาเบาๆ ในขณะที่กวนอิ๋นผิงหรี่ตาลงพร้อมกับแสยะยิ้มวูบ

 

      " ไม่มี...จนกระทั่งบัดนี้อย่างไรล่ะ "

 

      " ท่านอิ๋นผิง? "

 

      " แต่ว่า...ยังไม่ถึงขั้นหรอก...ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเจ้าคือมือสังหารผู้ที่ข้าคนนี้ฝึกมากับมมือนะ ไกร "

 

        เสี้ยววินาทีที่การโจมตีด้วย ฝักดาบ พลาด ไกรก็ขยับตัวโดยหมายจะใช้ดาบสดายุในมือขวาโต้ตอบบ้าง แต่อนาสตาเซียก็ชิงจู่โจมต่ออีกครั้ง...และคราวนี้เธอก็ยังไม่ได้ใช้นาคราช

 

        ปุ้ง! 

 

        ก่อนที่ไกรจะได้ทันออกดาบ ลูกกลมกระดาษเล็กๆที่อยู่ในมือของอนาสตาเซียเมื่อไหร่ก็ทราบก็ถูกปาลงพื้นอย่างแรง ทันทีที่ลูกบอลนั้นกระทบพื้นมันก็ส่งเสียงระเบิดเบาๆและพ่นม่านควันสีขาวขุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว บทบังทัศนวิสัยของไกรไว้ทันที

 

      " ฮ...เฮ้ย?! "

 

        เมื่อทัศนะวิสัยถูกบทบังจนเป็นศูนย์ไกรก็อุทานออกมาอย่างตกใจ แต่เขาก็ยังไม่ยอมลดดาบลง...อย่างน้อยเขาก็ยังมองโลกในแง่ดีและแง่ความจริงที่ว่าเมื่อเขามองไม่เห็น อนาสตาเซียก็ควรจะมองไม่เห็นเช่นกัน แต่เขาคิดได้เพียงแค่นั้น จิตสังหารอันเข้มข้นราวกับแทบจะเห็นได้เป็นสายของอนาสตาเซียก็พุ่งวูบมาตรงเบื้องหน้าของเขาพร้อมกับม่านควันที่ถูกอะไรบางอย่างทำให้แหวกออกเป็นสาย

 

        ไกรยอมเสียเวลาที่จะไตร่ตรองเลยแม้แต่น้อย ท่าร่างและการเตรียมพร้อมของเขาไม่ต่างจากสายธนูที่ถูกพาดและง้าวสายสุดหล้า...เมื่อเห็นเป้าหมาย เขาก็ยิงไปด้วยสัญชาตญาณทันที!

 

        เปรี้ยง! 

 

        ดาบสดายุและสัมพาทีสะบัดเป็นรูปกากบาทตรงหน้า และใช้กระบวนดาบที่เป็นระดับสูงสุดออกมาโดยทันทีโดยแทบจะไม่คิดว่านี่เป็นเพียงการประลองแล้ว ดาบของเขาจึงไม่ยั้งมือไว้ไมตรีเลยแม้แต่น้อย 

 

        แต่สิ่งที่เขาฟาดฟันจนขาดสะบั้นกลับเป็นเพียงฝักดาบนาคราชอันเป็นหนังด้านๆเท่านั้น ผลของคมดาบและกระบวนดาบที่ไกรใช้ออกมาทำให้ฝักดาบที่พุ่งเข้ามาราวกับลูกธนูนั้นหักสะบั้นเป็นเสี่ยงๆทันที!

 

      " ย--- "

 

        ไกรยังไม่ทันได้สบถคำว่า แย่! จบ ที่ด้านขวาของเขาก็ปรากฎวัตถุที่ทำให้ม่านควันสีขาวขุ่นแหวกออกอีกครั้ง แต่คราวนี้ไกรทำได้เพียงหันหน้ากลับไปมองเท่านั้น เพราะเขาใช้พลังไปอย่างเร่งเร้าสุดขีดแล้ว ทำให้เขาไม่อาจจะใช้พลังได้อีกในวินาทีเช่นนี้

 

        วูบ!

 

        สิ่งที่ผ่านเข้ามาสู่คลองจักษุของไกร คือภาพของสตรีชาวตะวันตกผู้งดงามพร้อมกับดาบเรียวยาวราวกับดาบขุนนางชาวตะวันตกในมือขวาตวัดแหวกม่านควันเข้ามา...ใบหน้าอันคมคายของสายเลือดตะวันตกที่ผสมกับสายเลือดและวิถีตะวันออกของอนาสตาเซียราวกับไม่ใช่ของมนุษย์ปุถุชน...แต่เป็นรูปปั้นของเทพีจากสรวงสวรรค์อันงดงามและดุร้ายที่สุด...ที่กำลังเงื้อศาสตราลงมาปลิดปลงชีวิตอันกระจ้อยร่อยของไกรในพริบตา

 

        ในช่วงเสี้ยววินาทีนั้น ไกรกลับพบว่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอนาสตาเซียทีเขารู้จักจะงดงามสุดซึ้งถึงขนาดนี้

 

     ...สตรีชาวตะวันตกนางนี้ คงจะหาความงดงามไม่ได้เลย หากเธอกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งและใช้มือทั้งสองแตะเครื่องประทินผิวต่างๆมาแต่งแต้มบนใบหน้า...สตรีผู้นี้คงจะหาความงดงามไม่ได้เลย หากว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนตั่งและเชิดคอเฉิดฉายราวกับนางพญาบัลลังก์...แต่ในเสี้ยววินาทีที่สตรีผู้นี้กระชับศาสตราในมือเพื่อหมายจะปลิดปลงชีวิตของไกร ในเสี้ยววินาทีที่เธอกลับเป็นมือสังหารที่เธอเคยเป็นมาตลอด...ไกรกลับพบว่าอนาสตาเซียงดงามที่สุด...สวยสง่าที่สุดจนสตรีทุกนางที่เขาเคยพบพานมากลายเป็นเพียงภาพอดีตอันเลือนรางไปเลย

 

        วูบ! พรึ่บ!

 

        และภาพสุดท้ายที่เขาได้เห็นก่อนที่สติสัมปชัญญะจะถูกทำให้ดับไป...คือภาพของเทพธิดาผู้งดงามที่สุด ตวัดดาบที่งดงามที่สุดใส่เขาในพริบตา!

 

        แม้แต่ช่วงอนุสติสุดท้าย ที่อาจจะเป็นห้วงชีวิตสุดท้ายของเขาก่อนที่เขาจะสิ้นชีวิตลง...ไกรกลับรู้สึกว่า ถ้าภาพของอนาสตาเซียเวลานี้เป็นภาพสุดท้ายของชีวิตเขา...มันก็คุ้มค่าที่เกิดมาแล้ว...

 

 

 

...........................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา