ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)
เขียนโดย PingJa
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ...ตอนที่ ๓...บททดสอบ...(๓)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
================================================
ไกรเขม้นจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มคู่แฝดชาวตะวันตกเจ้าของเสียงระเบิดผู้กำลังจะตกเป็นจำเลยสังคมพ้อมกับวิเคราะห์เด็กหนุ่มทั้งสองอย่างรวดเร็ว ...ถ้าหากไม่นับความปอดแหกและติ๊งต๊องที่เห็นกันอยู่ชัดๆก่อนเห็นหน้าแล้ว เด็กหนุ่มทั้งสองคนกลับส่องประกายออร่าของความเป็นอัจฉริยะออกมาอย่างชัดเจน...นับเริ่มจากผมหยักศกสีบลอนด์ของทั้งคู่ที่ดูยุ่งเหยิงจากการที่ไม่ค่อยมีเวลาและอารมณ์มาดูแล ไล่ลงมาถึงดวงตาสีผักตบที่แม้จะดูใสซื่อแต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยแววฉลาดล้ำและกระหายที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เมื่อรวมกับคราบเขม่าที่เปรอะเปื้อนเต็มหน้าตกกระและชุดหนาๆหุ้มทั้งตัวของทั้งคู่ มันทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่าคู่แฝดทั้งสองคนนี้เป็นนักประดิษฐ์ชั้นยอดแน่ๆ
" หือ? แล้วตานี่ใครกันล่ะเนี่ย? " ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่สนใจอีกฝ่าย แต่เด็กหนุ่มสองคนก็ใช้แววตาสงสัยใคร่รู้มาที่เขาเช่นกัน แต่ทำได้เพียงไม่นานพวกเขาก็ถูกมะเหงกของอนาสตาเซียทุบเข้าที่กลางหัวดังแอ๊ก! พร้อมกับที่หญิงสาวเจ้าของมะเหงกแหวลั่น
" พวกเจ้าน่ะห่วงเรื่องของตนเองก่อนเถอะ!! พวกเจ้าทำอะไรกัน? คิดจะระเบิดหมู่บ้านงั้นรึไง?! ถึงได้ทำเสียงอึกทึกขนาดนั้นฮะ?! "
" จ...เจ็บ! จ...จะบ้าเรอะ! พี่นาสตี้ พวกข้ากำลังประดิษฐ์สุดยอดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ล่าสุดที่จะพลิกหน้าประวัติศาสตร์สงครามจากนี้ต่อไปต่างหากเล่า! "
" สุดยอดสิ่งประดิษฐ์? "
" พูดจาเสียใหญ่โต...อย่างนั้นบอกให้ข้าดีใจหน่อยซิว่าคราวนี้เจ้าไม่ได้สร้างของไร้สาระออกมาอีกแล้ว " ศกุนตลาที่ยืนอยู่ข้างๆไกรกอดอกถามขึ้นเรียบๆ คู่แฝดคนแรกซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนพี่กระหยิ่มยิ้มย่องพร้อมกับวาดฝีปากเตรียมจะพูดแต่เขาก็โดนแฝดคนน้องตะครุบไว้พร้อมกับแยกเขี้ยววับด้วยกริยาชนิดที่เด็กอมมือยังดูออกเลยว่าพวกเขากำลังคิดปิดบังอะไรศกุนตลาอยู่แน่ๆ
ระหว่างที่ศกุนตลากับอนาสตาเซียกำลังขมวดคิ้วอย่างงุนงง ท่านผู้เฒ่าก็เลิกคิ้วสูงอย่างเริ่มเข้าใจทุกอย่างก่อนจะถอนหายใจเฮือก
" คราวนี้พวกเจ้าทำอะไรกับ ศรพลายวาต ของศกุนตลาล่ะ? "
เฮือก!
ยังไม่ทันปล่อยให้คู่แฝดทั้งสองสะดุ้งดี ศกุนตลาก็พุ่งเข้าไปคว้าคอของทั้งสองคนไว้ พร้อมกับแยกเขี้ยววับจนเข้ากับหน้ากากยักแสยะเขี้ยวอย่างน่ากลัว ดวงตาที่ไม่ได้ถูกปิดบังไว้ด้วยหน้ากากส่องประกายวาววับ
" พวกเจ้า...ทำอะไรกับอาวุธประจำกายของข้า! "
" ป...ประเดี๋ยวๆๆๆๆๆ เจ้ศกุนตลา อย่าพึ่งทำตาฆาตกรตอนนี้ พวกข้าแค่กำลังปรับปรุงมันใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิมเท่านั้น!! " คู่แฝดรีบเถียงออกมาอย่างลนลาน แถมความน่าเชื่อถือของคำพูดยังต่ำเตี้ยเลียดินเลยอีกต่างหาก
" อย่างนั้นเสียงระเบิดเมื่อครู่มันอะไรกัน? ....นี่ข้าพูดตรงๆนะ ถ้าหากอาวุธข้าเป็นอะไรไป พวกเจ้าสองคนเตรียมตัวถูกฝังไปพร้อมกับมันได้เลย " น้ำเสียงคาดคั้นที่เย็นเยียบเป็นน้ำแข็งบ่งบอกถึงระดับความจริงจังของคำพูดของเธอได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ...งานนี้ไม่ใช่แค่คำขู่ลอยๆแน่
คู่แฝดทั้งสองหันไปมองหน้ากันเลิกลั่ก ก่อนพวกเขาจะค่อยๆเข้าไปในกระท่อมอีกครั้ง...เพียงชั่วครู่ต่อมาพวกเขาก็ออกมาจากกระท่อมพร้อมกับช่วยกันแบกปืนคาบศิลาที่มีความยาวกว่าสองเมตรออกมา ที่ปลายกระบอกติดไว้ด้วยวัสดุโลหะรูปทรงกระบอกที่บัดนี้ส่วนปลายแตกบานยิ่งกว่าดาวกระจายแถมยังส่งกลินไหม้และควันกรุ่นๆโชยมาอีกต่างหาก
" นั่นน่ะนะ ศรพลายวาต ? " ไกรอดหันไปถามท่านผู้เฒ่าเบาๆไม่ได้ ในขณะที่ท่านผู้เฒ่ายักไหล่พร้อมกับหัวเราะเบาๆ
" ก็วรรณกรรมเท่าที่แต่งกันมามันไม่เคยมีอาวุธปืนในนั้นเลยนี่...พอศกุนตลาเอามาให้ข้าตั้งชื่อให้ ข้าก็ต้องหาชื่อที่มันใกล้เคียงกับปืนนี่ที่สุด "
" ศรพลายวาตเนี่ยนะ? "
" ใช่แล้วล่ะ...หนึ่งในสามศรศักดิ์สิทธิ์ของพระราม ...ศรที่ไม่ว่าอยู่ไกลสุดขอบโลกก็ยิงถึงยังไงล่ะ...มันอาจจะดูเทอะทะไป แต่อย่าได้ดูถูกปืนกระบอกนั้นเชียวล่ะ...เมื่ออยู่ในมือของผู้ที่สายตาคมกล้าประดุจเหยี่ยวและอ่านทิศทางลมได้ประดุจอ่านลายมือของตนเองอย่างศกุนตลา ในระยะ ๒๕ เส้น(ประมาณ1กิโลเมตร) แม้แต่ลูกมะนาวแม่นั่นยังยิงโดนเข้ากลางลูกด้วยซ้ำ...เสียแต่ว่านางต้องใช้พลังกายทั้งหมดไปในการยิงเพียงนัดเดียว จากนั้นเธอก็จะหมดสภาพไปเลยนี่สิ... "
" ท่านผู้เฒ่า... " ศกุณตลาหันกลับมาเอ่ยเป็นเชิงปรามเบาๆ เพราะท่านผู้เฒ่าที่เธอเคารพนับถือเริ่มจะขายเธอให้กับ คนแปลกหน้า (ในความคิดของเธอ) เสียแล้ว ก่อนที่เธอจะหันมากอดอกมองอาวุธประจำกายของเธอพร้อมกับพูดต่อด้วยน้ำเสียงจับผิด
" ไอ้กระบอกโลหะแปลกๆรูปร่างน่ารังเกียจที่ติดอยู่ที่ปลายกระบอกนั่นมันคืออะไร? "
" สุดยอดนวัตกรรมไงเล่า! สุดยอดนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการลอบสังหารไปโดยสิ้นเชิง...ถ้ารู้แล้วก็จงก้มหัวขอบคุณสุดยอดอัจฉริยะนักประดิษฐ์อย่างพวกข้าสองคนซะ ให้ไวๆ " ดูเหมือนคู่แฝดทั้งสองคนนี้จะมีพรสวรรค์ในด้านการยั่วโมโหระดับสุดยอด ชนิดที่ขนาดทำให้ศกุนตลาที่ว่าหน้ามึนสุดๆยังกวนให้ปรี๊ดแตกได้ในเวลาอันรวดเร็วจนหญิงสาวต้องหันมาหาท่านผู้เฒ่าอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้นเรียบๆ
" ท่านผู้เฒ่า ด้วยความเคารพนะคะ...ขอให้ข้าแหกกฎที่ว่า ห้ามสังหารชาวหมู่บ้านยุคันตวาตด้วยกัน ด้วยเถอะค่ะ! "
ก่อนที่ท่านผู้เฒ่าที่ยืนกลั้นหัวเราะกึกๆจะได้ทันว่าอะไร ไกรที่มีท่าทีสนอกสนใจปืนคาบศิลาและกระบอกโลหะนั่นเป็นพิเศษก็พูดขึ้นกับคู่แฝดเบาๆ
" นี่คือ...กล้องเก็บเสียง...ใช่ไหมเนี่ย? " คำพูดของไกรเรียกความสนใจจากทุกคน โดยเฉพาะคู่แฝดทั้งสองที่ถึงกับเลิกคิ้วอย่างงุนงง
" ความจริงพวกข้าสองคนตกลงกันว่าจะใช้ชื่อว่า กระบอกเงียบกริบ จุ๊ๆ! กันนะ แต่นาม กล้องเก็บเสียง ของเจ้าฟังดูดีกว่าเยอะเลยแฮะ ...เฮ้ย! นี่เจ้ารู้หลักการทำงานของสิงประดิษฐ์ของข้าได้ด้วยการมองเฉยๆเนี่ยนะ?! "
" กระบอกเก็บเสียงงั้นรึ? " ศกุนตลาดูเหมือนจะลืมความโกรธไปชั่วขณะ เธอทวนคำพร้อมกับมองสิ่งประดิษฐ์ที่ตอนนี้พังยับไปแล้วอย่างสงสัยใคร่รู้
" ใช่สิ...ก็เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือไงว่าเวลาเจ้าใช้ศรพลายวาตทีไร เสียงที่ดังปานฟ้าผ่าของมันทำให้ตำแหน่งที่ซ่อนของเจ้าถูกเปิดเผยตลอด แล้วเจ้าตอนที่สิ้นกำลังก็หลบหนีลำบากจนเกือบตายมาหลายรอบแล้วไม่ใช่รึไง พวกข้าสองคนอุตส่าห์เห็นใจคิดจะช่วยนี่ยังจะมาฆ่าแกงกันอีก ใจคอเจ้ามันทำด้วยอะไรกันนะ! "
" ดูจากเสียงระเบิดกับสภาพของพวกเจ้าสองคนหลังจากยิงปืนนี่แล้วยังจะกล้าพูดว่าจะช่วยข้าอีกหรือ?! เจ้าคิดจะวางแผนยืมมือคนอื่นฆ่าข้าสิไม่ว่า! "
ไกรค่อยๆจับกระบอกกล้องเก็บเสียงถอดออกจากปลายกระบอกปืนแล้วยกขึ้นส่องดู ก่อนจะพบว่ามันเป็นกระบอกโลหะกลวงๆที่เจาะรูไว้ให้กระสุนออกเท่านั้น นั่นทำให้นอกจากจะไม่ช่วยลดเสียงปืนลงแล้ว แก๊สที่เกิดจากแรงระเบิดของดินปืนยังทำให้กระบอกนี้แตกยับจนอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายผู้ใช้เองอีกด้วย...นับว่าโชคดีสุดๆเลยที่คู่แฝดสองคนนี้โดนแค่เขม่าดินดำ เพราะถ้าโดนเศษโลหะที่แตกออกมาจากกล้างเก็บเสียงนี่เข้า เผลอๆอาจถึงกับต้องฝังกันเลยทีเดียวล่ะ
" ทำไมไม่ลองใช้กระดาษบุซ้อนกันหลายๆชั้นดูล่ะ " ด้วยความเคยชิน เขาจึงแนะนำออกไปเบาๆ แต่คำแนะนำธรรมดาๆของเขามันจุดประกายความคิดของอีกฝ่ายเหมือนกับผลแอปเปิ้ลผลเล็กๆที่ตกใส่หัวของไอแซก นิวตันไม่มีผิดเพี้ยน เพราะทั้งคู่ลืมตาโพลงออกมาราวกับถูกผีหลอกไม่มีผิด
" กระดาษ?! ใช่แล้ว! พวกเรายังไม่เคยได้ลองใช้กระดาษในการดูดเสียงดังเลย " พวกเขาทั้งคู่ร้องออกมาแทบจะพร้อมกัน แต่ก่อนที่ทั้งสองจะวิ่งปรู๊ดเขาไปในกระท่อมเพื่อสร้างกล้องเก็บเสียงประจำ ศรพลายวาต ปืนคาบศิลาคู่กายของศกุนตลาใหม่ พวกเขาก็โดนท่านผู้เฒ่ากระแอมหยุดไว้เสียก่อน
" อ่ะแฮ่ม...ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังความคิดแล่นและคงจะไม่อยากเสียเวลา แต่ข้ายังไม่ได้ยินคำขอบคุณจากพวกเจ้าที่ต้องมีให้แก่ชายคนนี้เลยนะ " เขาไม่ได้เตือนด้วยน้ำเสียงดุ หรือตำหนิอะไรอย่างรุนแรงนัก...ออกจะเหมือนกับเป็นการบอกกล่าวกันปกติๆด้วยซ้ำ แต่กลับทำให้คู่แฝดทั้งสองเบรคเอี๊ยดพร้อมกับหันกลับมาทำหน้ากะเรี่ยกะราดเพราะรู้สึกผิดทันที
" พ...พวกข้าขออภัยที่เสียมารยาท ก...ก็ไม่ได้อยากจะแก้ตัวอะไรหรอกนะ แต่พวกข้ามักจะเป็นอย่างนี้เสมอเวลาที่มีความคิดดีๆแล่นเข้ามาในหัว "
" เป็นนิสัยที่ควรจะรีบแก้เสีย หากเจ้ายังอยากจะมีเพื่อนอยู่ " อนาสตาเซียที่ยืนอยู่ด้านหลังย้ำข้อเสียของทั้งคู่อีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่เพราะเธอคงไม่ค่อยน่ากลัวอย่างศกุนตลา คู่แฝดทั้งสองคนจึงกลอกตาพร้อมกับพึมพำเบาๆ
" ...ลูกขุนพลอยพยัก "
" เจ้าว่าอะไรนะ?!! "
" ป...เปล่าๆ เอ่อ...เจ้า ไกรสินะ พวกข้าสองคนของคุณเจ้ามากจริงๆสำหรับคำแนะนำ แถมเป็นคำแนะนำที่ดีมากๆเพราะมันไม่ได้มาพร้อมกับคำขู่ฆ่าด้วยแบบที่คนอื่นเคยชอบพูดกับพวกข้าด้วย เรื่องนี้พวกข้าซาบซึ้งใจจริงๆ "
" ก็ยังไม่วายมาแขวะพวกข้านะ " ศกุนตลากอดอกพูดเรียบๆ ในขณะที่ไกรหัวเราะเบาๆพร้อมกับตอบกลับไป
" ก็แค่คำแนะนำน่ะ มันอาจจะไม่ได้ผลก็ได้ อย่าพึ่งตั้งความหวังไว้สูงขนาดนั้นเลย "
" ฮ่ะๆๆๆ เข้าใจพูดถ่อมตัว " ก่อนที่แฝดที่ดูเหมือนเป็นคนพี่จะแนะนำตัวเองและน้องชายฝาแฝดของเขาด้วยรอยยิ้ม
" ข้าชื่อโคลัมบัส...มาจากคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสผู้ค้นพบโลกใหม่(ทวีปอเมริกา) เรียกข้าว่าโคลบี้ก็ได้ ส่วนหมอนี่ชื่อออเรลลาน่า มาจากฟรานซิสโก เดอ ออเรลลาน่าผู้ค้นพบนครทองคำ เห็นข้าสองคนยังหนุ่มยังแน่นอย่างนี้แต่พวกข้าเป็นถึงนักประดิษฐ์อันดับหนึ่งของหมู่บ้านยุคันตวาตเชียวนะ... "
" เพราะทั้งหมู่บ้านก็มีแค่พวกนี้แหละที่เรียกตัวเองว่านักประดิษฐ์ " อนาสตาเซียครางด้วยท่าทางแบบพูดขึ้นลอยๆ
" อย่าหักหน้ากันโต้งๆอย่างนี้เซ่! ส่วนเจ้า ไกร...ข้าว่าจะถามตั้งแต่แรกแล้ว "
" หืม? "
คราวนี้แววตาของโคลัมบัสเปลี่ยนมาเป็นจริงจัง ไร้แววล้อเล่นหรือติ๊งต๊องอย่างที่เคยเป็นมา พร้อมกับที่เขาถามขึ้นเบาๆ
" ทีแรกที่ข้าเห็นเจ้าโดนท่านผู้เฒ่าสั่งขังคุกพวกข้าก็คิดว่าเจ้าคงเป็นเป้าหมายหรือไม่ก็เชลยที่ถูกจับมา แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าฐานะเจ้าไม่ได้เป็นแค่เชลยแน่ เพราะเชลยไม่มีทางได้มายืนสนทนากับพวกเราแบบนี้ได้... "
" ...ข้ารู้ว่าคำถามนี้มันเป็นคำถามที่ออกจากสู่รู้และเสียมารยาท...แต่ข้าข้องใจจริงๆ...ว่าฐานะของเจ้าในหมู่บ้านยุคันตวาตแห่งนี้...คืออะไรกันแน่? "
ศกุนตลาและอนาสตาเซียหันไปมองหน้ากันก่อนจะพร้อมใจกันเงียบสนิทอย่างน่าอึดอัด ส่วนไกรชะงักกึกกับคำถามที่เหมือนจะเสียดแทงเข้ามาในห้วใจของเขาพอดี...ตั้งแต่ที่เขาถูกพลังลึกลับบางอย่าง(ที่เขาเชื่อว่าอยู่ในแหวนมรดกประจำตระกูล)ส่งย้อนกลับมายังโลกอดีต ชีวิตของเขาก็อยู่ในสภาพตกกระไดพลอยโจนมาโดยตลอด ทั้งถูกจับ ฆ่าคนตาย(ถึงช่วงที่ลงมือเขาจะจำอะไรไม่ได้เลยก็ตามเถอะ) แถมพอมาอยู่นี่ก็ถูกโยนไปโยนมาราวกับลูกบอล ทำให้ตอนนี้เขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าสถานะของเขาที่นี่คืออะไรกันแน่
ก่อนที่ไกรจะได้ทันตอบอะไรออกไป ท่านผู้เฒ่าก็ก้าวเข้ามากางวงสนทนา เขาโอบไหล่ไกรพร้อมกับยิ้มพรายอย่างอารีย์
" ทำความรู้จักกันไว้ไว้ล่ะดีแล้ว...เพราะเขากำลังจะกลายเป็นหนึ่งในมือสังหาร เขี้ยวเล็บของชาวยุคันตวาตแบบพวกเจ้ายังไงล่ะ! "
" !!! "
...................................................
...ไม่กี่นาทีต่อมา...ที่ห้องๆนึงบนยอดของหอคอยกลางที่สูงที่สุดในหมู่หอคอยทั้งหมด...
...ห้องทำงานส่วนตัวของผู้นำสูงสุดแห่งหมู่บ้านยุคันตวาต...
" เอ้า...ช่วยอธิบายให้มันกระจ่างทีได้ไหมครับ?! ไอ้คุณท่านผู้เฒ่า! " ไกรทุบโต๊ะทำงานไม้ที่ถูกจัดไว้แบบโต๊ะทำงานของขุนนางตะวันตกของท่านผู้เฒ่าพร้อมกับคำรามออกมาเสียงดังลั่น จนท่านผู้เฒ่าต้องยกแก้วคริสตัลเจียระไนพร้อมน้ำเมาสีอำพันหนีฝอยน้ำลายของเขาพร้อมกับยกดื่มเข้าไปอึกใหญ่ ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเฮือก
" ช้าไว้ ไกร...เจ้าทำท่าทางน่ากลัวเกินความจำเป็นไปแล้วนะ ...เอ้า! นี่น้ำจัณฑ์ชั้นหนึ่งที่ข้าได้มาจากสหายที่เป็นกัปตันฮอลันดา สมัยนี้ต้องบอกว่าหายากแล้วนะ...ดื่มให้ใจเย็นลงก่อนสิ " เขาพูดพร้อมกับรินเหล้าจากขวดใส่แก้วคริสตัลอีกใบส่งให้ ทำเอาไกรถึงกับชะงักกึก
...ถึงจะอยู่ในอารมณ์โมโห แต่จะให้พูดตามความเป็นจริงเขาก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็อยากจะลองโดนสุราที่เรียกว่า น้ำจัณฑ์ อะไรนี่เหมือนกัน หลังจากนิ่งแข็งเป็นหินซักพักเขาก็ตัดสินใจหยิบมันมา
" แก้วเดียวเท่านั้นนะ...แล้วเราต้องคุยกันต่อ " พร้อมกับกระดกเข้าไปในลำคอรวดเดียวเลย เขาใช้ลำคอรับรู้รสเหล้าก่อนจะพ่นลมออกมายาวเหยียด
" ฟู่...ฮ่าาาา! มันลื่นคอแต๊ๆ! "
รสชาติของเหล้าโบราณหวานลื่นคอแต่ก็แฝงไว้ด้วยแอลกอฮอล์ที่ล้ำลึกขยายเส้นเลือดทุกเส้นจนร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัวแบบที่เหล้าในยุคปัจจุบันคงทำแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ ....และก็เช่นเคย เหล้านะไม่ใช่ยาธาตุที่จะบอกว่าแก้วเดียวแล้วหยุดที่แก้วเดียวจริงๆ...งานนี้แก้วที่ ๒ และ ๓ จึงตามมาติดๆ
" ใช่ไหมเล่า! อันที่จริงข้ามีเหล้าองุ่นชั้นหนึ่งจากพวกวิลาศโปรตุเกสอีกถังนึง ถ้าเจ้าอยากจะ--- " เพราะคงไม่ใช่คนคอแข็งทั้งคู่ หลังจากเหล้าเข้าปากไปเพียงอีก ๒-๓ แก้ว เหมือนทั้งคู่จะลืมเรื่องที่จะคุยไปเสียหมดสิ้น แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะเฮละโลกันไปถอนเหล้าองุ่นถังนั้นมาจากคลัง อนาสตาเซียที่ตามมาถึงทีหลังก็คว้าทั้งแก้วทั้งขวดเหล้าของทั้งสองคนก่อนจะโยนพรวดทิ้งออกหน้าต่างไปเลย ท่ามกลางเสียงร้องลั่นของชายหนุ่มทั้งสองคน
" อ...อนาสตาเซีย!! จ...เจ้ารู้รึไม่ว่าน้ำจัณฑ์ขวดนั้นมันราคาค่างวดเท่าไหร่? " ท่านผู้เฒ่าครางออกมาอ่อยๆ แต่ลูกสาวของเขาไม่มีอารมณ์เล่นด้วยแม้แต่น้อย
" พอกันเสียทีทั้งสองคน! ทั้งท่านพ่อและเจ้านั่นแหละ ไกร!...ปัดโธ่! ทำไมผู้ชายทุกคนถึงได้ชื่นชอบไอ้น้ำเมารสขมนี่นักนะ...ท่านพ่อ ท่านทำอะไรของท่านกัน! อยู่ไม่อยู่ไปป่าวประกาศกลางลานกว้างนั่นว่าไกรจะเป็นหนึ่งในมือสังหารอย่างพวกข้า...นี่ท่านคิดจะเล่นตลก--- " หญิงสาวตวาดลั่นห้องเหมือนกับฟิวส์ขาด แต่เธอยังพูดได้ไม่ทันจบดี ศกุนตลาที่อยู่เบื้องหลังของเธอก็ใช้มือเสียวงามแตะเบาๆที่ไหล่ของหญิงสาว นั่นทำให้หญิงสาวได้สติกลับมาอีกครั้ง อนาสตาเซียมองมาที่ท่านผู้เฒ่าซึ่งเป็นผู้มีพระคุณของเธอและทุกคนในหมู่บ้านนี้อย่างรู้สึกผิดทันที
" ท...ท่านพ่อ ข้าขอ-- "
" ไม่ต้องขอโทษขอโพยข้าหรอก...ข้าผิดจริงอย่างเจ้าว่านั่นแหละที่ติดลมไปหน่อย ถึงแม้ว่าตอนแรกข้าแค่ตั้งใจจะช่วยไม่ให้ไกรเคร่งเครียดเกินไปก็ตามที " ท่านผู้เฒ่าพูดอย่างไม่ถือสาก่อนจะกระแอมไออย่างเป็นการเป็นงานพร้อมกับพูดกับอนาสตาเซียอีกครั้ง
" อนาสตาเซีย...ขอแหวนของไกรที่เจ้าเก็บไว้หน่อยซิ "
อนาสตาเซียเลิกคิ้วให้กับคำขอของผู้เป็นบิดาอย่างงงๆ เธอหันไปสบสายตากับศกุนตลาวูบนึงก่อนจะถอดแหวนที่นิ้วโป้งของเธอส่งให้อีกฝ่ายแต่โดยดี ท่านผู้เฒ่ารับแหวนไปก่อนจะหยิบแว่นตารูปจันทร์ครึ่งเสี้ยวแบบเดียวกับของบาทหลวงขึ้นมาสวมพร้อมกับอดบ่นเบาๆไม่ได้
" ให้ตายสิ...ข้าเกลียดความชราของตัวเองจริงๆ "
เขาใช้สายตาที่คมกริบผ่านแว่นสายตาเพ่งมองไปที่แหวนในมืออย่างพินิจ คิ้วของเขาขมวดและเลิก ขมวดและเลิกซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้งเมื่อเขาลูบรอยที่สลักเป็นสัญลักษณ์เดียวกับสัญลักษณ์ประจำหมู่บ้านของตัวเอง ก่อนที่ในที่สุดเขาจะวางแหวนลงและถอดแว่นตาออกช้าๆ
" พวกเจ้าออกไปก่อน... "
คำสั่งแปลกๆของท่านผู้เฒ่าทำเอาศกุนตลาที่ยืนเงียบๆอยู่มุมห้องกับอนาสตาเซียที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าเลิกคิ้วอย่างงงๆ
" ด้วยความเคารพ...ท่านผู้เฒ่าคะ จะว่าข้าเสียมารยาทก็ได้ แต่ข้าไม่ไว้ใจเขามากพอจะให้เขาอยู่กับท่านตามลำพังค่ะ...ไม่ว่ากันนะ? " ประโยคหลังเธอหันไปพูดกับไกร ซึ่งไกรเองก็ยักไหล่อย่างไม่ถือสา เพราะถ้าเขาเป็นศกุนตลา เขาก็พูดอย่างนั้นเหมือนกัน
...ท่านผู้เฒ่านั่งลงบนเก้าอี้ทำงานก่อนจะรินชาจีนที่ยังคงมีควันกรุ่นๆใส่ถ้วยเล็กๆ ๒ ใบ เขาส่งให้ไกรใบนึง ก่อนจะเป่าควันและดื่มของตัวเองรวดเดียวหมดเลย เขาเป่าปากไล่ลมร้อนก่อนจะพูดเรียบๆอีกครั้ง
" ข้าไม่อยากจะใช้คำว่า นี่เป็นคำสั่ง หรอกนะ...แต่ว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างจะ...เอ่อ...มีเงื่อนงำ...มากกว่าที่ข้าคิดไว้ เพราะฉะนั้นข้าจะพูดอีกครั้งและถือว่านี่เป็นคำสั่งก็แล้วกันนะ...พวกเจ้า...ออกไปก่อน "
" แต่ว่า ท่านพ่อ--- " อนาสตาเซียที่ยังคงยืนกอดอกไม่ไปไหนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกร้าวๆ แต่เธอยังพูดได้ไม่ทันจบ ไหล่บางๆของเธอก็ถูกรั้งไว้ด้วยมือของศกุนตลา เมื่อหันมาเธอก็พบกับสายตาห้ามปรามอย่างสุภาพจากหญิงสาว...นั่นทำให้เธอขมวดคิ้ว แต่ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกอย่างจนใจ
" ข้าก็แค่หวังดีต่อท่าน...แต่ถ้านี่เป็นคำสั่งเด็ดขาด.....ก็แล้วแต่ท่านพ่อปรารถนาเถอะค่ะ " พูดจบเธอก็ปรายสายตาคมปลาบมาที่ไกรแวบนึง ก่อนจะสะบัดหน้าหันหลังกลับจนผมกระจายเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ศกุนตลาหันมาโค้งคำนับท่านผู้เฒ่าและพยักหน้าให้ไกรเล็กน้อยก่อนจะเดินตามออกไป
...เมื่อประตูห้องปิดลง ไกรที่ยืนรอให้ชาเย็นลงก็ถอนหายใจเฮือกพร้อมกับดื่มชาถ้วยนั้น ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ
" งานนี้ลูกสาวของคุณคงเหม็นขี้หน้าผมพิลึกแหง "
" ฮ่ะๆๆๆ ขออภัยเจ้าแทนนางด้วยก็แล้วกัน ข้าผิดเองนั่นแหละที่เลี้ยงนางมาอย่างตามใจจนเสียนิสัยแบบนี้... "
" พ่อแม่ของอนาสตาเซียเป็นใครงั้นเหรอครับ? "
คำถามของไกรทำให้ท่านผู้เฒ่าเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
" ...มารดา...ไม่สิ ตระกูลของนางค่อนข้างสนิทกับข้าน่ะ...เจ้าก็น่าจะรู้ว่าหลังจากยุคพระเพทราชา ชาวตะวันตกต่างก็ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ...ข้ารับเลี้ยงนางมาตั้งแต่นางยังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำ "
ไกรพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะถือวิสาสะนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของท่านผู้เฒ่า ในขณะที่ท่านผู้เฒ่ารินชาให้เขาอีกถ้วย ซึ่งเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
" พวกข้างนอกนั่น...ดูท่าจะตื่นเต้นกับฐานะใหม่ของผมที่คุณประกาศเป็นพิเศษเลยนะ...ขอบคุณที่ทำให้ผมเป็นจุดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก...ทำไมกัน? คุณไม่ได้เปิดรับสมัครไอ้...มือสังหาร นี่บ่อยนักเหรอ? "
" ก็...ไม่บ่อยนักหรอก...จะว่าเจ้าเป็นกรณีแรกเลยก็ได้ที่ข้าเป็นคนประกาศให้เป็นมือสังหารประจำหมู่บ้านด้วยตนเอง "
" แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะที่ทำให้...เอ่อ...ท่านผู้เฒ่าหัวหน้าป้อมปราการนี้อย่างคุณ...ต้องมาลำบากป่าวประกาศหรือให้ความสำคัญอะไรกับคนไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างผมแบบนี้? " ไกรถามในสิ่งที่เข้าข้องใจที่สุด พร้อมกับยกถวยชาขึ้นดื่มช้าๆ แต่คำตอบของท่านผู้เฒ่าถึงกับทำให้ถ้วบชาของเขาหลุดมือตกแตกเลยทีเดียว!
" ก็คล้ายๆกับคำตอบที่แล้ว......มันมีไม่บ่อยนักนี่...ที่ข้าจะได้พบเจอกับผู้ที่มาจากอนาคตแบบนี้! "
เพล้ง !!
..............................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ