The prey พลิกแผนฆ่าศพล่ามนุษย์

-

เขียนโดย chatchawan47

วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.32 น.

  2 chapter
  1 วิจารณ์
  4,567 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 21.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) EP.2 ช่วยไม่ได้...แกตายยากเอง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

...... เสียงร้องเพลงของเด็กผู้หญิงดังแว่วผ่านสายฝนที่หล่นลงมาปรอยๆ ในสวนสาธารณะของหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ดูเงียบเชียบ หญ้าในสวนเหมือนไม่เคยมีใครคอยดูแล เครื่องเล่นสวนสนุกเล็กๆไม่มีแม้แต่เงาของเด็กน้อยเลยในตอนนี้ มีเพียงเสียงร้องเพลงแผ่วๆเหมือนร้องอยู่ในลำคอแต่แฝงไปด้วยความไพเราะแบบใสๆของเด็กผู้หญิง

คงจะเป็นเพราะความเงียบที่ทำให้หญิงสาวได้ยินเสียงร้องเพลงดังแว่วมาจากมุมหนึ่งของสวนสาธารณะ   เอแล้วทำไมฉันถึงมาเดินอยู่ที่นี่ตอนฝนพรำละเนี่ย ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่เงาของใครเลยสักคน

ลมเย็นๆเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องชุดใหญ่ดังสนั่นปลุกให้หัวใจของหญิงสาวในชุดกระโปรงสีแดงเต้นระส่ำด้วยความกลัว แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอเปลี่ยนความคิดที่จะเดินตามที่มาของเสียงเลย

เท้าอันเรียวสวยที่สวมรองเท้าแก้วค่อยๆเดินไปเรื่อยๆพลางเงี่ยหูฟังเสียงเพลงที่เธอได้ยินก่อนที่จะมาหยุดตรงที่มาของเสียง สายฝนเริ่มโปรยลงมาหนักขึ้น แต่หญิงสาวยังคงมองตรงไปที่จุดหมายราวกับ อากาศที่หนาวสั่นและชุดสีแดงที่เปียกอยู่นั้นไม่ได้ทำให้เธอเย็นเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้แปลกใจก็คือเด็กผู้หญิงตัวน้อยในชุดกระโปรงสีขาวแต่ดูหม่นหมองและเลอะไปด้วยคราบสีแดงจางๆ ผมสีน้ำตาลยาวสวย แต่ดูยุ่งๆเล็กน้อยเหมือนผ่านการวิ่งเล่นสนุกๆตามประสาเด็ก 8 ขวบ แปลกตรงที่ว่าฝนก็ตกลงมาไม่ใช่น้อยหากแต่ตัวเธอเหมือนจะไม่เปียกเลยสักนิด

หญิงสาวค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนที่จะหยุดอยู่ในระยะห่างสักนิด มันเหมือนเธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างและกลิ่นเหม็นที่โชยพัดมากับแรงลง แต่นั้นช่างมันเถอะตอนนี้ที่เธออยากจะรู้ก็มีเพียงแค่คำถามในหัวสมองเท่านั้น

“น้องจ้ะ...” หญิงสาวตะโกนเรียกเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงนุ่มๆเชิงเป็นมิตร

แต่ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับของผู้ถูกเรียกเลย เด็กน้อยยังคงนั่งเหม่อลอยฮัมเพลงโดยไม่สนเสียงรอบข้าง

“จ้ะเอ๋..” หญิงสาวยังคงไม่ล่ะความพยายาม เธอเรียกดังขึ้นแข่งกับเสียงของลมฝน และความพยายามของเธอก็ไม่สูญเปล่า เด็กน้อยนั่งนิ่ง..เสียงฮัมเพลงหยุดชะงักลงเป็นสัญญาณที่บอกว่าเด็กน้อยรับรู้แล้วว่าเธอกำลังถูกเรียกอยู่ แต่ที่น่าแปลกคือ..ทำไมเธอถึงไม่หันหน้ามาตอบรับล่ะ

“แหมๆๆ....น้องนี่ร้องเพลงเพระจังเลยนะจ้ะพี่ชอบจัง น่ารักฝุดๆไปเลย แอบฟังตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะเนี้ยฮ่าๆๆ ชื่ออะไรหรือจ้ะน้องจ๋า” หญิงสาวพูดจีบปากจีบคออย่างเป็นมิตร แต่ทว่ามันไม่มีเสียงตอบกลับมาเลย

เด็กน้อยยังคงนั่งหันหลังให้กับหญิงสาวเหมือนจะปล่อยให้เธอทักทายกับความเงียบต่อไป หญิงสาวถอนหายใจอย่างหงุดหงิดและสนใจในตัวเด็กน้อย พลางคิดไปต่างๆนานาว่า น้องเขาคงเขินบ้าง ขี้อายบ้าง หรือไม่ก็คงจะไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้าซะมากกว่า แต่เอาเถอะถ้าอย่างนั้นเธอคงต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเด็กน้อยเองเสียแล้ว

“แล้วน้องมานั่งอะไรคนเดียวตอนฝนตกล่ะจ้ะ.......ไม่ต้องกลัวพี่หรอกหน่า พี่ใจดีน้ะ นั่งนิ่งแบบนี้เดียวปะจับกินเลย ฮ่าๆๆๆ”....หญิงสาวพูดพลางเดินเข้าไปนั่งข้างๆเด็กน้อย แต่ทันทีที่เธอเข้าไปนั่ง เด็กน้อยก็หันหน้าไปอีกทางนึงทันทีเหมือนกับไม่อยากที่จะสบตาใครหรือไม่ก็คงไม่อยากให้ใครมามองหน้าเธอ  

และมันก็ทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมาทังที แต่ก็ทำได้แต่คิดในใจว่า

...........นิ่งไว้นั้นลูกใครก็ไม่รู้..เย็นไว้หนอยแน่ เด็กหนอเด็ก .

“เป็นอะไรรึเปล่าจ้ะ กลัวพี่หรอ โอ๋ๆๆๆ หันหน้ามาดูสิ พี่น้ะสวยเหมือนนางฟ้าเลยนะจ้ะ อิอิ”

“อย่าเข้ามานะ..อย่ามามองหน้าหนู”

พูดแล้วใช่เด็กน้อยพูดแล้ว...แต่ทว่าน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความกดดันแก่ผู้ที่ได้ฟังเป็นที่สุดอาจจะเป็นเพราะหญิงสาวไม่เคยได้ยินเด็ก8ขวบพูดอะไรแบบนี้ด้วยมันก็เลยทำให้เธออึ้ง และตอนนี้ในหัวของเธอก็ได้แต่คิดว่า เธอเจอเด็กมีปัญหาเข้าแล้ว!!

“เอิ่ม..น้องเป็นอะไรหรือเปล่าจ้ะพี่นะใจดีน้าไม่เป็นอะไรหรอกนะจ้ะหันมามองพี่สิ พี่นะไม่ใช่แก้งจับเด็กหรอกนะ”

หญิงสาวพูดเสียงหวานแต่ทว่ามีแต่เพียงความเงียบที่ตอบเธอกลับมา และในที่สุดเธอก็คิดว่ามันคงควรค่าแก่เวลาสักที

“จ้าๆพี่ไม่มองก็ได้ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะจ้ะสาวน้อย ฝนลงเม็ดแล้วด้วยน้องเองก็รีบหลบฝนหล่ะเดียวจะเป็นหวัดเอานะ”

พูดจบหญิงสาวก็เดินกึ่งวิ่งโดยที่ไม่คิดจะหันหลังกลับไปหาเด็กน้อยเลยคงจะเป็นเพราะความรู้สึกแปลกๆเลยทำให้เธอล้มเลิกความพยายาม แต่ว่าเธอก็ยังอดสงสัยไม่ได้เลยว่า ทำไมถึงมาเดินอยู่แถวนี้...แล้วทำไมจู่ๆก็ต้องเดินมาหาเด็กคนนั้นด้วยน้า

“พี่ค่ะ” เสียงหวานๆด้งขึ้นหญิงสาวหยุดชะงักด้วยความตกใจและรีบหันหน้าไปมองเด็กน้อยที่ร้องเรียกเธอ ในใจรู้สึกโล่งที่เด็กน้อยเองก็พูดกับเธอ นึกว่าจะต้องอยู่คนเดียวในบรรยากาศน่ากลัวแบบนี้เสียแล้ว

“แหม...ดีใจจังพี่เองก็นึกว่าน้องจะไม่คุยกับพี่แล้วนะเนี่ย”

“เปล่าหรอกค่ะ...หนูก็แค่ไม่อยากให้พี่เห็นใบหน้าของหนู”

“ทำไมล่ะจ้ะ ปกตินะ เพื่อนชอบล้อว่าน้องไม่สวยหรอ”

หญิงสาวพูดพลางเดินมานั่งตรงเก้าอี้สีขาวที่นั้งอยู่ตอนแรก แต่เด็กน้อยก็ยังคงนั่งหันหน้าไปทางเดิม

“เปล่าหรอกค่ะ หนูนะไม่มีเพื่อนหรอกค่ะ หนูตัวคนเดียว แต่ถ้าพี่ไม่กลัวใบหน้าของหนูหนูก็อยากจะมีเพื่อนเป็นพี่นะค้ะ”

“โอ๋ๆๆๆ พี่นะสัญญาเลยว่าพี่จะไม่กลัวน้องแน่นอนเราจะเป็นเพื่อนกันนะจ้ะดีไหม เอ..แล้วเพื่อนใจร้ายที่ไหนกันน้าไม่ยอมมาเล่นกับเด็กน้อยน่ารักคนนี้เนี่ย”

“จริงๆแล้วพวกเขาเล่นกับหนูค่ะ หนูรักพวกเขา พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ค่ะ”

“อ้าวแล้วทำไมล่ะจ้ะพวกเขาไปไหนกันหมดหละ”                                                                             หญิงสาวพูดอย่างยิ้มแย้มเหมือนสนใจในความบริสุทธิ์ ใสใสของเด็ก แต่ว่าคำตอบจะเป็นแบบที่เธอคิดไหมน้า

“พวกเขาไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะ เขาก็อยู่ในบ้านอยู่รวมกันในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆห้องหนึ่ง”

“อ๋อ..งั้นพี่ว่าเราไปตามพวกเขามาเล่นกันดีไหมล่ะจ้ะ”

“เขาคงไม่ออกมาหรอกค่ะพี่..ก็เพราะว่าพวกเค้านะมีแต่ซากแล้วค่ะ”

เด็กน้อยพูดอย่างนิ่งๆ งงสินะใช่งงตอนนี้หญิงสาวงงกับคำพูดของเด็กน้อยพรางขมวดคิ้วเบ้ปาก ก็ใครจะไปคิดหละว่าเด็ก8ขวบจะพูดอะไรแบบนี้

“ฮ่าๆๆๆ ซากเซิกอะไรกันเล่าทำพี่งงเลยนะเนี่ย เล่นมุขแบบนี่น่าขนลุกนะจ้ะ แต่เอาเถอะ

วันนี้พี่จะรับมุขให้หนูนะ เอ...เหลือแต่ซากแล้วตัวไปอยู่ที่ไหนเอ่ยย”

หึ..หึ..หึ หึๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เด็กน้อยหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำถามมันเป็นเสียงหัวเราะของเด็กผู้หญิงที่ฟังแล้วมันไม่ค่อยน่ารักเอาซะเลย บางทีฟังไปฟังมามันชวนกวนประสาทเอาเสียด้วย แต่น่าแปลกแทนที่หญิงสาวจะรู้สึกแย่แต่กลับเป็นความรู้สึกกลัวไปซะงั้น เป็นเสียงที่ฟังดูแล้วน่ากลัวจริงๆ เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึก บรึ้ย...ไปทั่วเรือนร่างและก็ตามมาด้วยความกดดันที่ทำให้ขนแขนสแตนอัพเลยทีเดียว

“น้องขำอะไรจ้ะเนี้ย น่ากลัวนะ”

“หึๆๆๆๆพี่ถามหนูว่าตัวอยู่ไหนเหรอค่ะ มาๆหนูจะบอกให้ ว่าตัวนะ...” เด็กน้อยพูดพลางหันข้างมาให้หญิงสาว และสิ่งที่หญิงสาวเห็น ทำให้เธอนิ่งตัวเกร็งไปหมดหัวใจเต้นแรง

“ตัวนะ...หนูกินไปหมดแล้วจ้ะพี่จ๋า”

อ้ายยยยยยยยยยยยย!!!! หญิงสาวร้องลั่นอย่างสุดชีวิต เมื่อเห็นหน้าที่เปื้อนไปด้วยเลือดและส่วนปากที่เป็นฟันซี่ๆเหมือนกะโหลก มีแมลงมาตอมและหนอนเข้าไปชอนไชกันยั้วเยื้อ

เด็กน้อยลุกผึงขึ้นจากเก้าอี้ชี้นิวไปหาหญิงสาวก่อนที่จะพุ่งตรงมาอยู่ต่อหน้า ภาพสยดสยองบนใบหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นหญิงสาวเข่าอ่อน ล้มลงกับพื้น ก่อนที่จะสำรอก อ้วกออกมาใส่ ร่างของเด็กน้อยตรงหน้า และใช้แรงที่เหลือคลานไปกับพื้นหญ้าในสวนอย่างเร็วสุดชีวิต เป็นจังหวะเดียวกับที่ฝนตกหนักแรงขึ้นเรื่อยๆ เด็กน้อยยังคงเดินตามหญิงสาวอยู่ด้านหลังก่อนที่จะใช้มืออันเน่าเฟะจับไปที่ข้อเท้าของเหยื่อ หญิงสาวร้องลั่น พยายามสะบัดขาเตะไปเตะมาเพื่อจะให้หลุดจากอุ้งมือเน่าๆนี้ รองเท้าแก้วแสนสวยกระเด็นกันไปคนละทิศทาง และเธอก็หลุดจากมันมาได้สำเร็จก่อนที่จะฉีกกระโปรงสีแดงๆจนขาด ปลิวว่อนไปกับแรงลม

ช่วยด้วยค่า!! ช่วยฉันด้วย หญิงสาวกดกริ่งทุบรั้วของบ้านจัดสรร เกือบทุกหลังที่อยู่บริเวณนั้นแต่ไร้ซึ่งวี่แววที่จะมีคนออกมาให้ความช่วยเหลือเลย เธอหัวใจเต้นแรงด้วยความกลัวก่อนที่จะหันหลังไปดูว่าเด็กน้อยอยู่ที่ไหน และก็แทบคลั่งสุดขีดเมื่อเธอเห็นมันกำลังเดินมาหาเธอ พร้อมกับมีดคู่ใจ ที่เตรียมมาเพื่อหั่นศพของเธอ หญิงสาวทรุดตัวลงอีกครั้งนั่งกอดเข่าอย่างรู้ดีว่าเธอพลาดแล้ว

“พี่โกหก ใครบอกจะไม่กลัวหน้าหนู อีสตอเบอแหล มึงโกหกกู อ้ายยยยยยยยยย!!!” เด็กน้อยพูดจบก็อาละวาดอย่างหนักพุ่งตรงมายังหญิงสาวก่อนที่จะเงื้อมีดอันแหลมคมขึ้นสูงและจ้วงลงมากลางท้องของเธอ เธอร้องลั่นสัมผัสได้ถึงความเย็นของเหล็กก่อนที่จะตามมาด้วยความหนาวไปถึงไขกระดูก และเด็กผีก็แทงเข้าไปจนมิดด้ามและคว้านท้องของเธอก่อนที่จะชักมีดออก เลือดที่ไหลออกมาส่งกลิ่นคาวตลบอบอวนไปหมด มันไหลนองเต็มพื้นปะปนไปกับสายฝนที่หลั่งรินลงมา แต่เหลือเชื่อที่เธอยังไม่ตาย เธอรวมแรงเฮือกสุดท้าย บีบไปที่คอของเด็กผีและถลึงตาใส่ แต่นั้นกลับเป็นการกระทำที่สิ้นคิดเอามากๆ เด็กผีเงื้อมีดขึ้นมาอีกครั้งพลางแสยะยิ้มอย่างผู้ล่าที่กำลังจะปลิดชีพเหยื่อ และมีดเล่มงามก็ถูกฟันลงไปที่มือขวาของหญิงสาวจนขาดสะบั่น เลือดสีแดงพุ้งออกมาเหมือนท่อน้ำอย่างไรอย่างนั้น เศษมือที่ถูกตัดออกจากร่างยังคงดิ้นอยู่ราวกับมือมีชีวิต หญิงสาวตาเหลือกดิ้นพล่านไปด้วยความเจ็บปวดก่อนที่เด็กผีจะใช่มือที่เปื้อนเลือดเน่าเฟะล้วงและกดไปที่ลิ้นเหมือนกับจะดึงมันให้ขาด

“กูเกลียดๆ อีคนโกหก” พูดจบไม่รอช้าเด็กผีลากลิ้นของเธอออกมา ก่อนที่จะได้ยินเสียงสุดท้ายว่า อ็อค...และลิ้นก็ถูกลากออกมาจนขาดออกจากช่องปากของหญิงสาว และก็ออกมาพร้อมกับอ้วกสีเลือด การละเลงศึกน้ำแดงเดือดในครั้งนี้ควรจะสิ้นสุดลงตั้งแต่การคว้านท้องไปแล้ว ถ้าหญิงสาวไม่อึดสู้ตายถึงเพียงนี้

เด็กผีถือ แขน และ เศษซากเนื้อขึ้นมาโอ้อวด ทั้งๆที่เจ้าของชิ้นเนื้อกำลังนอนดิ้นทุรนทุรายหลั่งน้ำตาออกมาเป็นน้ำเลือด เด็กผียืนมองด้วยความร่าเริงก่อนที่จะเขมือบแขนเข้าไป ตอนที่มันอ้าปากช่างชวนน่าขนลุกอะไรแบบนี้ หนอนสีเหลืองๆพากันออกมาจากปาก และที่น่าสยดสยองยิ่งกว่าคือ ทุกคำที่มันกัดชิ้นเนื้อ เลือดทั้งดำและแดงก็พากันไหลออกมาเปรอะเยิ้มฟองฟอดหน้าสะอิดสะเอียนเป็นที่สุด            

“รีบๆตายสิค่ะพี่ต่อไปถ้าหนูควักลูกตาพี่ พี่จะได้ไม่เจ็บนะค่ะ” เด็กผีจับหน้าของเธอขึ้นก่อนที่จะค่อยๆบรรจงใช้มีดจิ้มลูกตาใสๆ ทั้งสองข้างและค่อยๆยื่นนิ้วเน่าๆเข้าไปควักมันออกมาจากเบ้า และทุกอย่างก็มืดดำลงไปตลอดการหญิงสาวได้แต่ภาวนา ว่า .....ขอให้ฉันตายสักที.....

ฉึบๆๆๆ เด็กผีหั่นศพอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับมีสเต็กเนื้อคนชิ้นใหญ่ๆมาอยู่ตรงหน้ามันแล้ว

.........................................................................................................................................

“อ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยย มึงฆ่ากูสิ ฆ่ากูเลย อีผีเลว โว้ยยยยยย”

“ใจเย็นๆก่อนค่ะนิ้งๆก่อนนะค่ะ มีเรียไปตามหมอซันมาเร็วเข้าคนไข้อาละวาดแล้ว”

ฮะ!!นี่โรงพยาบาลหรือ

ฉึก! เสียงของเข็มฉีดยาปลักเข้าไปเต็มอกของหญิงสาว เพื่อช่วยให้เธอลดอาการอาละวาดลง เธอตั้งสติขึ้นก่อนที่จะพบว่า เธออยู่ในโรงพยาบาล...ที่เธอไม่รู้จัก อะไรกันอีกแล้วหรือนี้ เป็นครั้งที่3ไม่สินี่คือครั้งที่2ที่เธอตื่นมาแล้วไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน และเรื่องราวเมื่อกี้หล่ะ เธอฝันไปใช่ไหม..............

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา