Rabbits love รักน้อยๆ ของหนูกระต่ายป่า [บทรีไรต์]
เขียนโดย king
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 14.55 น.
แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557 21.06 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ชีวิตของกระต่าย(ป่า) [1]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคำเตือน :: # # เนื้อเรื่องบางตอนอาจจะดูไม่เหมาะสม ควรใช้วิจารณาในการอ่านด้วยนะเน้ออออ
ชีวิตของกระต่าย(ป่า) [1].
“ นี่เหรอ...โรงเรียนของอาเจ้ สภาพน่าอยู่ชะมัด ”
น้ำเสียงหวานแต่แฝงไปด้วยความเย็นชา ซึ่งดูแล้วไม่เหมาะกับใบหน้าน่ารักๆของเจ้าของเสียงแม้แต่น้อยพูดเอ่ยพร้อมกับเงยหน้ามองดูเหล่าบรรดาอาคารเรียน นัยน์ตากลมโตสีดำเข้ม ปรายตามองรอบๆบริเวณโรงเรียนก่อนจะเดินก้าวเข้ามาในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่แสนจะน่าหดหู่
พลั่กกกกก!
“ แกะกะทางคนอื่น ! ”
เสียงตวาดของนักเรียนหญิงคนหนึ่งดังมาทางจากด้านหลัง ทำให้ฉันหันไปมองเจ้าของเสียงตวาดที่ดูเหมือนว่าน่าจะอายุคราวเดียวกับฉันด้วยความสงสัย ก่อนที่ฉันจะยอมหลีกทางให้อีกฝ่ายที่ตอนนี้เดินด้วยท่าทางกร่างสุดๆ เฮอะ! แม่คูณ เชื่อเถอะว่าไม่ถึงหนึ่งวินาทียัยพวกนั้นได้ลงไปนอนในโลงศพแล้วย่ะ เห็นท่าทางแบบนี้เดี๋ยวจะได้โดนยัดซีม่าเข้าปากหรอกนะยะ !
แนะนำตัวอย่างงามๆ สวัสดีค่ะฉันชื่อ ‘น้ำหวา มัณฑนา สมรภูมิบูรพา’ หรือเรียกสั้นๆว่า ‘หวา’ อายุ 13 ปี ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 1 (เกรด 7) เป็นน้องสาวของอาเจ้น้ำหว้าและเป็นลูกสาวผอ.โรงเรียนแห่งนี้ (ซึ่งตำแหน่งผ.อ.ตกเป็นของอาเจ้) วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันได้ย้ายมาเรียนอยู่ที่นี่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เทอม 2 หลายๆคนคงจะสงสัยล่ะสิว่าทำไมฉันถึงย้ายโรงเรียนนี้ตอนเทอมนี้ สาเหตุคือ...ฉันถูกส่งตัวกลับมายังบ้านเกิด หลังจากที่ไปอยู่อเมริกานานถึง 6 ปีเต็มๆ เพราะเรื่องๆนั้น....
“ ยัยกระต่ายป่า ! อย่าชักช้าสิ ฉันก็มีงานที่จะต้องทำอีกนะย่ะ !”
เสียงอาเจ้พูดเอ่ยเรียก ทำเอาฉันที่กำลังนึกถึงเรื่องเก่าๆถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบเดินตามอาเจ้ไปอย่างเร็ว...อะไรก็กระต่ายป่าๆๆ ชิ !!
“สวัสดีค่ะ”เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ซึ่งมองดูก็รู้แล้วว่าเป็นอาจารย์ของโรงเรียนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
“ ดีจารย์ ”ฉันตอบกลับอย่างเซ็งแซ่ ตรวจดูจากสีหน้าอาจารย์สาวสวยคงมั่นใจมากสินะ หึๆๆ อย่าหวังว่าความมั่นใจนั้นจะอยู่ถึงจนวันมิดเทอมนะ
“อย่างที่แกรู้...ฉันจะไปต่างประเทศหลายเดือน ดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะ” หนีเที่ยวละมั้ง พูดบอกพร้อมกับยกมือลูบหัวของฉันด้วยท่าทางอ่อนโยน บ้าสิ !! มันเล่นจิกหนังหัวของฉันเลยนะย่ะ (เจ็บ แปล๊บ ๆ ใส่หมวกแก๊ปมาเดินกุ๊บกั๊บทำบุญตั้งแต่...เป็นพี่สาวที่น่าฆ่าซะจริง) ก่อนที่จะหันหลังเดินออกไปจากบริเวณนี้โดยปล่อยให้ฉันอยู่กับอาจารย์สาวสวยที่เธอบอกว่าเธอเป็นอาจารย์ประจำห้องของฉัน
อาจารย์สาวสวยคนนั้นเรียกฉันให้เดินตามหลังเธอ ซึ่งฉันก็ได้แค่เดินตามหลังของอาจารย์สาวไปอย่างเงียบๆโดยไม่ปริปากพูดอะไรออกมา เดินตามเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ห้องที่มีป้ายแขวนว่า ‘1/100’ อะไรเนี้ยย ! ป้ายห้องนี่มันมีแบบนี้ด้วยเหรอ แล้วใครเป็นคนจัดห้องให้ฉันย่ะ ฉันถอนหายใจด้วยความเซ็งก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเรียนเมื่ออาจารย์สาวกวักมือเรียกฉันให้เดินเข้าห้องเรียน
ไม่อยากจะบอกเลยว่าห้องเรียนใหม่ของฉันเป็นห้องเรียนที่น่าเรียนสุดๆ!!! ตามผนังห้องเรียนมีรอยจารึกต่างๆเต็มไปหมด ตามด้วยโต๊ะเรียนของแต่ละคนที่มีร่องรอยของการขีดเขียนไว้อย่างสวยงาม สวยงานโคตรๆเลยล่ะ มีแต่คำด่าเต็มโต๊ะ!!! (ห้องศิลแน่นอน) เลือกห้องให้ฉันได้เดนเจอร์จริงๆ
เหล่าบรรดานักเรียนในห้องเรียนต่างหันมามองฉันเป็นสายตาเดียว คนสวยก็เงี้ย ซึ่งไม่อยากจะบอกเลยว่าแต่ละคนในห้องเรียนแห่งนี้มีแต่ ผู้หญิงแล้วก็ผู้หญิง !! แต่ละคนมองฉันเหมือนกับว่าฉันคนนี้เป็นสัตว์ประหลาดที่มาจากต่างโลก แต่ใช่ว่าฉันจะสนใจสายตานับร้อยคู่ที่จ้องมองมาทางฉัน ฉันกวาดสายตารอบๆห้องเรียนก่อนจะสะดุดกับโต๊ะเรียนตัวหนึ่งที่กำลังว่าง ข้างหลังติดหน้าต่าง
ทันทีที่เห็นเป้าหมาย ฉันไม่รอช้ารีบเดินก้าวฉับๆไปยังโต๊ะว่างตัวนั้นอย่างรวดเร็ว
“มองไรกันอะ ไม่เคยเห็นคนรึไง” ฉันเงยหน้ามองคนทั้งห้อง นี่พวกเธอจะจ้องกันไปถึงหนายย !!
แต่ทว่า...
“เธอ !!”เสียงตะโกนของนักเรียนหญิงคนหนึ่งในห้อง ทำให้เป็นจุดสนใจ
“...”
“โทษที!”ฉันพูดตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆตามฉบับของตัวเอง
“เฮอะ! นั่งอยู่ใกล้ๆแค่นี้ ทำเป็นไม่ได้ยินสงสัยพิการทางหู หูมันเลยบอด 5555 ” ยัยหน้าอกภูเขาไฟพูดด้วยท่าทางกร่างสุดๆก่อนจะยกมือขึ้นหมายจะตบหน้าของฉัน
พรึ่บบบบบ!
หมับ!
เพราะสัญชาตญาณของตัวเอง ทำให้ฉันรีบเอนหัวหลบฝ่ามือของอีกฝ่ายที่พุ่งเข้ามาตบหัวของฉัน พร้อมกับจับแขนของอีกฝ่ายก่อนจะออกแรงบีบจนทำให้ยัยหน้าอกภูเขาไฟร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ ก่อนฉันจะเหวี่ยงแขนอย่างแรงจนมือของยัยนั้นไปกระแทกกับโต๊ะเรียน
ยัยเศษสวะ! แกกล้ามากที่มาหาเรื่อง ‘กระต่ายป่า’ อย่างฉัน อยากตายก่อนมิดเทอมรึไง!!!
“...!!!”
เพี้ยะ เพี้ยะ!!
“อย่าคิดที่จะตบฉัน เดี๋ยวแกจะตายโดยไม่รู้ตัว” ดีนะที่ฉันจับข้อมมือยัยนั้นไว้ก่อนที่ หน้ามืออันบอบบางๆของฉัน เข้าไปเต็มหน้าของยัยหน้าอกภูเขาไฟ และจะไม่ลืมเลยว่าพูดข่มขู่ทันทีเมื่อเห็นว่ามันกำลังรนหาที่ตาย แต่ดูเหมือนว่ายัยหน้าอกภูเขาไฟมันจะอารมณ์เสียไม่ใช่น้อยเมื่อเจอคำขู่ของฉัน เพราะทันทีที่ฉันพูดจบ ก็ซัดหมัดเข้ามาทางฉันแบบไม่ทันตั้งตัว
แต่ฉันไวกว่ารีบหลบหมัดของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังช้าเกินไปเพราะหมัดของมันเฉียดเข้าที่แก้มข้างขวาของฉันซึ่งไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย ผิดกับยัยหน้าอกภูเขาไฟที่มันเจ็บกว่าฉัน...เพราะหมัดของมันพุ่งไปกระแทกกับโต๊ะทางด้านหลัง!!!
“!!!”
ดูเหมือนว่ายัยหน้าอกภูเขาไฟจะอารมณ์เสียไม่ใช่น้อยเมื่อมันเห็นฉันหลบหมัดความเร็วเหนือแสงของมันได้เป็นครั้งที่สอง ท่าทางจะเดือดจัดน่าดูถ้าลองสังเกตใบหน้าของอีกฝ่ายที่ตอนนี้แดงก่ำที่เต็มไปด้วยความโกรษ
เฮอะ! คิดว่าท่าทางเดือดจัดของอีกฝ่ายจะทำให้ฉันคนนี้กลัวจนหัวหดเหรอไง ถุย! ไม่มีทาง!!!!
“ยัยปิงปอง! ฉันจะอ่านหนังสือ...เงียบหน่อย”น้ำเสียงนาบเนิบแต่ฟังดูเด็ดขาดของยัยแว่นหน้าตายดังขึ้นเมื่อเห็นว่ายัยหน้าอกภูเขาไฟเสียงดังรบกวนเวลาอ่านหนังสือ ทำเอายัยหน้าอกภูเขาไฟรีบพูดขอโทษอีกฝ่ายยกใหญ่ก่อนจะหันมาโบกมือไล่ฉันไปไกลๆ
“ชิ! ไสหัวเน่าๆของแกไปไกลๆเลยยัยอัปลักษณ์ ถ้าคุณนี่นาไม่มาห้าม...แกตายแน่”ยัยหน้าอกภูเขาไฟที่ชื่อ ปิงปอง พูดด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่ก่อนจะหันไปพูดคุยกับพวกเพื่อนๆในกลุ่มของตัวเองด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ที่โดนขัดจังหวะ
หยึ่ยๆๆ ชื่อขนลุกชะมัด ถ้าเมื่อกี้ยัยแว่นหน้าตายไม่มาห้ามละก็ เชื่อเถอะว่าห้องเรียนนี้แห่งนี้กลายเป็นสนามนองเลือดแน่ๆ!!!!
อ๊ากกกกกกก! เจ็บใจชะมัดเลยที่ปล่อยให้อีกฝ่ายลอยนวลไปแบบนี้!!!! ฉันหันไปขอบคุณเพื่อนใหม่ที่ชื่อ นี่นา ที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ออด~
เสียงออดของโรงเรียนดังขึ้นก่อนจะตามด้วยสุดสยองซึ่งเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเข้าแถวแล้ว ทำให้พวกนักเรียนในห้องเรียนที่นั่งเล่นอยู่ในห้องเรียนทยอยเดินลงข้างล่างเพื่อเตรียมตัวเข้าแถวเคารพธงชาติ นี่นาที่นั่งอ่านหนังสือข้างฉันปิดหนังสือที่อ่านก่อนจะสอดหนังสือไว้ในใต้โต๊ะก่อนลุกออกจากที่นั่งเพื่อเดินตามคนอื่นๆที่ตอนนี้ทยอยพากันเดินออกจากห้องเรียน
“ไม่ไปเข้าแถวเหรอ?”นี่นาหันมาถามฉันเมื่อเห็นฉันนั่งอยู่ที่เดิม
“อะ...ไปสิไปๆ แต่ขอจัดของก่อน”ฉันพูดบอกอีกฝ่าย นี่นาพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินออกไปจากห้องเรียนพร้อมกับนักเรียนคนอื่นๆจนตอนนี้เหลือฉันเพียงคนเดียวที่สิงสถิตอยู่ในห้องเรียน ความจริงฉันขี้เกียจเข้าแถวเคารพธงชาติตักหากล่ะ...
เวลาผ่านไปประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง...ในที่สุดพวกเพื่อนๆในห้องเรียนก็ทยอยเดินเข้ามาในห้องเรียน เพื่อนร่วมห้องแต่ละคนมองฉันด้วยสายตาแปลกประหลาดยากจะคาดเดาเพราะบางคนพึ่งมาเรียนตอนเข้าแถวเคารพธงชาติหรือบางคนพึ่งมาตอนเคารพธงชาติเสร็จ
แต่ฉันกลับไม่สนใจสายตาแปลกประหลาดที่แต่ละคนจ้องมองมาแม้แต่น้อยเพราะฉันเป็นประเภทไม่สนใจสิ่งรอบข้างอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าฉันจะต้องสนใจสิ่งรอบข้างเมื่อใครบางคนเดินอาดๆด้วยท่าทางกร่างสุดฤทธิ์ตรงเข้ามาหาฉันที่พยายามทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่ายทั้งๆที่ในใจอยากจะลุกขึ้นซัดมันให้ลงไปนอนในโรงพยาบาลหยอดน้ำข้าวต้มเล่นๆ
ไอ้พวกเศษสวะ! พวกแกจะไปกร่างที่ไหนก็ไปเลยไป๊! อย่ามายุ่งกับฉันตอนที่กำลังอารมณ์ไม่ดีแบบนี้!!!!!
“ว้ายๆ เด็กใหม่ตัวน้อยๆ” ตัวน้อยๆพ่องงง !!!
แต่ดูเหมือนว่าคำขอร้องของฉันจะไม่เป็นผลเมื่อยัยหน้าอกภูเขาไฟเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับพรรคพวกของยัยนั้นที่ตอนนี้ล้อมรอบโต๊ะเรียนของฉันจนฉันขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้
“...”ฉันทำเป็นไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่าย พยายามระงับอารมณ์เดือดของตัวเองที่ตอนนี้แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อไหร่มันจะจบๆไปซะทีย่ะ !! รู้ไหมว่า 'กระต่ายป่า' ตัวนี้อารมณ์ชักเดือดสุดๆเลยล่ะ
“เฮ้! ยัยอัปลักษณ์!! หลบไปดิ ตรงนี้ข้านั่ง!”เสียงของกลุ่มเดิมที่มักจะหารเองใส่ตัวพูดบอกด้วยน้ำเสียงหาเรื่องสุดๆโดยที่มีเสียงหัวเราะคิกคักจากพวกเพื่อนๆของมัน
ปึก!
“ บอกแล้วไงว่า...เวลาอ่านหนังสืออยู่ห้ามเสียงดัง ”น้ำเสียงนิ่งๆแต่แฝงไปด้วยอารมณ์เดือดนิดๆของนี่นาพูดเอ่ยพร้อมกับกระแทกหนังสือของตัวเองลงบนโต๊ะเรียนอย่างแรงแสดงให้ถึงอารมณ์ของตัวเองที่บ่งบอกว่ารำคาญมากแค่ไหนกับเสียงที่รบกวนเวลาอ่านหนังสือ เท่านั้นแหละ...ทำเอาพวกเพื่อนๆในห้องเรียนหน้าซีดเป็นแถวๆก่อนรีบกระจายถอยกลับไปนั่งที่ของตัวเองแทบไม่ทัน
ยัยนี่นาหน้าตายเจ๋งเอาเรื่องนี่หว่า อยากรู้จริงๆเลยว่ายัยนี่นาคนนี้เป็นใคร ทำไมนักเรียนในห้องเรียนนี้ถึงได้ดูหวาดกลัวขนาดนี้.....อืม~ความจริงคนที่ชื่อนี่นาจัดได้ว่าหน้าตาดูดีใช้ได้เลยล่ะ ขนาดใส่แว่นตายังสวยลากกระชากมดลูกแบบนี้ (แหะๆ) ถ้าลองถอดแว่นออกล่ะ...พวกสาวๆเอ๊ยหนุ่มๆที่เห็นคงไม่เลือดกำเดาพุ่งจนพากันสลบไปแถบๆหรอกนะ
ฉันหันไปพูดขอบคุณนี่นาเบาๆ ซึ่งเขาหันมามองฉันด้วยท่าทางสงสัยเหมือนจะถามว่า ‘ขอบคุณเรื่องอะไร?’ ฉันไม่ตอบเพียงแต่ส่งยิ้มแทนก่อนจะก้มลงหยิบหนังสือเรียนที่อยู่ในกระเป๋านักเรียนมาวางไว้บนโต๊ะเรียนเพื่อเตรียมตัวเรียนวิชาแรกของวันนี้ ซึ่งพวกนักเรียนแต่ละคนในห้องนี้ไม่มีใครคิดจะเรียนกันเลยแม้แต่น้อย แต่ละคนหันหน้าจับกลุ่มพูดคุยเสียงหนวกหูน่ารำคาญ ซึ่งแต่ละเรื่องที่ฉันได้ยินมีแต่เรื่องไร้สาระทั้งนั้น
ป๊อก!
อยู่ๆมีอะไรบางอย่างกระแทกโดนหัวของฉันจากทางด้านหลัง ก่อนจะพบว่ามันคือกระดาษที่ห่อก้อนหินเม็ดเล็กๆเอาไว้ข้างใน กร๊าซซซซซ! ชักยั่วแล้วนะโว๊ย! ไปลงนรกกันซะไป๊!!
โครมมมมม!
ในที่สุดความอดทนของฉันเดินทางมาถึงจุดสูงสุด! ฉันลุกขึ้นยืนออกจากเก้าอี้ก่อนจะยกเท้าดันเก้าอี้ที่มันว่างอยู่ไปทางแก๊งยัยหน้าอกภูเขาไฟท์อย่างเต็มแรงจนมันปลิวกระแทกกับโต๊ะเรียนของไอ้กร่างเพ้นท์ อุส่าห์เตือนแล้วว่าอย่ามายุ่งกับฉัน! อยากรนหาที่ตายนัก...เดี๋ยวจัดให้!
“กูบอกมึงแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับกู!!!!”ฉันพูดบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่เต็มไปด้วยโทสะ ฮึ่มๆๆๆ :(
“...!!!”ทำยัยหน้าอกภูเขาไฟและพรรคพวกของมันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบโต้ของฉัน
“ถ้ามึงไม่อยากลงนรก มึงก็อยู่เงียบๆไปซะ ก่อนที่ฉันจะลงมือ!!”ฉันพูดข่มขู่อีกครั้งก่อนจะกระแทกสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเองอย่างเดิม
ครืนนนนน~
เสียงเปิดประตูห้องเรียนดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของอาจารย์สาวสวยคนหนึ่ง ทำให้นักเรียนทุกคนในห้องเรียนหันไปมองก่อนที่จะ...
หันไปพูดคุยเสียงดังสนั่นลั่นโดยไม่เกรงใจอาจารย์แม้แต่น้อย!!!!!
อาจารย์สาวสวยที่เห็นบรรยากาศในห้องเรียนถอนหายใจเสียงดังด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะลงมือสอนวิชาของตัวเองที่ดูเหมือนว่าจะมีแค่ฉันเพียงคนเดียวที่ตั้งหน้าตั้งใจเรียน เพราะไม่มีใครในห้องเรียนตั้งใจเรียนกันเลยแม้แต่คนเดียว ฉันตั้งหน้าตั้งตาฟังคำอธิบายของอาจารย์สาวสวยที่ดูเหมือนจะพยายามฝืนสอนและทำท่าทางเหมือนคนใกล้ตายทุกที สอนไปได้ซักพักก่อนจะหันมาสั่งการบ้านของวันนี้แล้วรีบเดินออกไปจากห้องเรียนทันทีเมื่อเห็นว่าไม่มีนักเรียนคนไหนตั้งหน้าตั้งตาเรียนวิชาของเธอ ฉันทำหน้าตาสงสัยกับพฤติกรรมของอาจารย์ก่อนจะก้มหน้ามองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
อะไรกันเนี่ย! สอนไปแค่ครึ่งชั่วโมงเองนะ แต่พอฉันเหลือบมองไปทางด้านหลัง ทำเอาฉันร้องอ้อขึ้นมาทันทีพร้อมกับรู้สึกสงสารอาจารย์ขึ้นมาทันที เพราะไม่มีใครหน้าไหนสนใจอาจารย์เลยล่ะสิ! ฉันล่ะอยากรู้จริงๆเลยว่าทำไมคุณพ่อของฉันถึงต้องให้ฉันมาเรียนห้องที่ ‘เห่ย’ ที่สุดในชั้นม.1 ด้วยล่ะเนี่ย!!!!!
ตอนนี้ฉันกำลังนั่งเก็บของลงในกระเป๋านักเรียน ไม่อยากจะบอกเลยว่าวันนี้ทั้งวันฉันถูกยัยหน้าอกภูเขาไฟเวรนั้นรุมแกล้งแบบชนิดไม่ให้พักหายใจ ไม่ว่าจะปาก้อนหินใส่หัว แกล้งทำน้ำหกใส่เสื้อผ้า เอากระเป๋าของฉันไปซ่อน และบลาๆๆๆสารพัดที่พวกมันสรรหารุมแกล้งฉัน แต่ฉันเป็นพวกไหวพริบดีและเป็นคนหูไวต่อสิ่งรอบข้าง ทำให้ฉันเอาตัวรอดการรุมแกล้งทุกครั้ง เฮ้อ~วันนี้ทั้งวันมีแต่เรื่องที่น่าจดจำทั้งนั้น!!!
ฉันลุกขึ้นออกจากเก้าอี้เมื่อเก็บของลงในกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนโดยไม่คิดจะบอกลาใครสักคนในห้องเรียน ยกเว้นนี่นาที่นั่งข้างๆฉันที่พยักหน้ารับคำเป็นการตอบรับ
ฉันเดินจากโรงเรียนด้วยท่าทางไม่รีบร้อนแต่อย่างใด หลังจากที่ไปเดินหาของกินมาฉันเดินลัดเลาะซอยต่างๆด้วยความชำนาญก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่งที่ดูสกปรกพอสมควร ขาเรียวยาวของฉันหยุดชะงักก่อนจะสำรวจสภาพบริเวณโดยรอบ ก่อนจะสังเกตเห็นเด็กผู้ชายกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งที่ยืนชุมนุมอยู่หน้าร้านอาหารที่โทรมสุดๆ แต่พอฉันลองสำรวจชุดยูนิฟอร์มที่เจ้าพวกนั้นสวมอยู่ ดูแวบเดียวก็รู้เลยว่าเป็นชุดนักเรียนม.ต้นและม.ปลายของโรงเรียนมัธยมวิทยา (ซึ่งก็คือรร.เดียวกับฉันแหละ) หยึ่ย! ไม่อยากจะบอกเลยว่าหน้าตาแต่ละคนในกลุ่มนั้นมัน...หล่อเอ้ย!!เลวสุดขั๋ว!
เอ๊ะ!? ทำไมซอยนี้มีพวกนักเลงด้วยล่ะ ปกติทางนี้ไม่มีพวกนักเลงมาสุมหัวนี่น่า แล้วไอ้พวกนั้นมันมาจากไหนฟะเนี่ย!!! ฉันพยายามทำตัวไม่ให้ตัวเองเป็นจุดเด่น ก่อนจะค่อยๆเดินผ่านทางอย่างเนียนๆ ฮาาา....เนียนได้ใจจริงๆ (-_-; )
"น้องสาวครับ ทางนี้ห้ามผ่าน" พี่มันเป็นเจ้าของซอยนี้หรือไงวะ บอกไม่ให้ผ่านอยู่นั้น....แล้วฉันไปเป็นนองสาวของพี่มันตั้งแต่เมื่อไหร่ ??
"พี่มึงคะ...ซอยนี้พี่มึงเป็นเจ้าของหรือไง ไหนอะป้ายที่บอกว่าพี่เป็นเจ้าของ...?? เอ๋ ... ว่าแต่หน้าตาพี่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนเลยนะ ว่าไม่มีใครเอาคนแบบพี่หรอก สมัยนี่สาวๆเขาชอบคนที่มีรถเบนส์เป็นของเล่นมากกว่า กุ๊ยข้างถนนนะเอาง่ายๆ ... หนูไม่สนพี่อะคะ" ระดับนี้ไม่เงิบก็ไม่ผ่านหรอกนะค้าาา คำพูดของฉันนะมันพูดออกมาจากใจจริง เอาง่ายๆแบบที่คนไทยเรียกว่าอะไรน้า..ขะ..ขวานผ่าอะไรซักอย่างนี่แหละ #ขวานผ่าซาก
"......."
"......." เงียบอะ...มีไรไม่พอใจรู้เลยนะเนี่ยๆ สายตามันบ่งบอกถึงอารมณ์ก่อนจะสังเกตุเห็นพวกพี่มันเริ่มถือไม้ขยับเข้ามาใกล้ฉัน จะบอกอะไรให้นะว่ากฎของฉันมีอยู่ว่าจะไม่ลงมือกับคนที่มีอาวุธ เป็นอันขาดแต่นี่...ถือเป็นกรณีพิเศษ
สองวันต่อมา ณ ตอนเที่ยง
“หวาไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวคนเต็มจะไม่มีที่นั่ง” นีน่าหน้าตายกับฉันพวกเราสองคนเริ่มสนิทกันมาได้สักพักหนึ่งแล้วเพราะเหตุใดนั้น เมื่อเย็นวันหนึ่งเราสองคนบังเอญไปเจอกุ๊ยข้างถนนเดียวกันแล้วโดนล้อมเอาไว้ พวกเราเลยตัดสินใจลุยคู่ไปๆมาๆกลับทำให้เราทั้งสองสนิทกันขึ้น ตอนนี้พวกเราสองคนเดินไปที่โรงอาหาร เสียงพูดคุยดังกระหึ่มออกมาข้างนอก ฉันเดินมองไปรอบๆ แต่โต๊ะส่วนมากไม่ว่าง เพราะมีสิ่งของวางจองหมดแล้ว บางโต๊ะจองด้วยรองเท้าข้างเดียว บางโต๊ะจองด้วยหนังสือ โทษทีนะ... แต่ฉันว่าที่โล่งเยอะแยะ พวกผู้ชายมันแค่อยากโชว์อำนาจกันแค่นั้นเอง
ฉันเดินไปหยิบรองเท้าที่วางไว้บนโต๊ะไปหย่อนลงถังขยะ แล้วก็นั่งลงพร้อมสั่งให้น่าไปซื้ออาหารแทน ฮา....อะไรมันจะสบายขนาดนี้
“โต๊ะนี้จองแล้ว เธอตาบอดเหรอ ?” ฉันเงยหน้ามองคนพูด เห็นเป็นผู้ชายหน้าเหี้ยม ที่ปกปักรูปจิ้งเหรนหรือว่ามังกรนั้นแหละ มีเพื่อนๆ ของเขามาสมทบอีก 3 คน แต่ละคนท่าทางเหมือนจิ๊กโก๋ พอมองไปรอบๆ คนอื่นๆ ต่างพากันมองมาที่ฉันอย่างสนใจ เสียงถอนหายใจดังเฮือกใหญ่ออกมาจากฉันเอง
“ฉันไม่เห็นมีใครนั่งนี่ เลยคิดว่ามันว่าง”
“รองเท้าที่เธอเอาไปทิ้งนั่นไงฉันวางจองโต๊ะเอาไว้” ชายคนเดิมพูด
“ก็มันไม่มีคน!! นั่งอยู่ โต๊ะเขามีไว้ให้คนนั่งไม่ใช่วางรองเท้า”
“อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วฉันจะไม่กล้านะ” เก่งจริงๆ กับผู้หญิงเนี่ย
“ฉันว่าโต๊ะที่นายนั่งเมื่อกี้ก็ยังไม่เต็มนะ ทำไมจะเอาโต๊ะนี้ด้วยละ”
“ฉันพอใจ” ถ้าเหตุผลมีแค่นี้ ฉันก็ไม่คืนโต๊ะให้หรอก ฉันนั่งลงไม่สนใจต่อปากต่อคำ ไม่มีใครเข้ามาห้ามหรือยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาต่างพากันมองนิ่งๆ เหมือนกำลังดูหนังหรือละคร น่าที่ไปซื้อข้าวเดินกลับมายืนมองเหตุการณ์อย่างเฉยๆ มือยืนถือจานค้างเอาไว้ ไม่เดินเข้ามานั่งเอาแต่ยืนนิ่งไร้ตัวตน คนตัวใหญ่ก็เดินเข้ามากระชากคอเสื้อฉัน แต่ฉันจับข้อมือของเขาไว้แน่น แล้วเอาข้อศอกพุ่งเข้าที่กลางลำตัว เขายกมือขึ้นกุมท้องเดินเซถอยออกไป ฉันลุกขึ้นยืนเดินออกมา จากนั้นก็เตะที่ข้อเท้าของเขาจนล้มลงและกระทืบอย่างแรง!!! กลางอกหมอนั่นสลบเหมือดฉันปรายตาไปมองอีก 3 คนที่เหลือ พวกเขากำลังตาเหลือกมองมาที่ฉันจากนั้นก็รีบเข้ามาลากศพเพื่อนออกไป และตอนนี้ทั้งโรงอาหารเงียบกริบ!!
“เฮ้ย!! ที่นี่มันโรงอาหารหรือป่าช้าวะเงียบฉิบหาย !!!” เสียงตะโกนดังลั่นโรงอาหาร พร้อมๆ กับการปรากฎตัวของ 4 หนุ่มหล่อ (ใครอีกวะนั้น) ฉันเงยหน้าไปมองนิดๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่ออย่างไม่สนใจ พวกเขาเดินไปนั่งโต๊ะข้างหน้าเยื้องกับโต๊ะฉัน จากนั้นเขากวักมือเรียกเด็กแถวนั้นไปคุยเบาๆ และก็พากันมองมาที่ฉันกันเป็นตาเดียว
“จริงเหรอ ไอ้หมอกเนี่ยนะ โดนผู้หญิงล้ม 5555+” ฉันไม่รู้ว่าใครพูด แต่เขาผิวขาวจัด หน้าตาหล่อแบบน่ารักๆ
“มันประมาทก็สมควรแล้วว่ะ”
“รู้ถึงไหน อายไปถึงนั่น มันเป็นถึงแม่ทัพของเรา แต่ดันแพ้ผู้หญิงตัวเล็กๆบอกมันให้ไปเอาผ้าถุงแม่มาใส่ไป๊”
“น่าอิ่มยัง ฉันจะไปแล้วนะกินข้าวไม่ลงแล้วอะ !!!” ฉันไม่ชอบเสียงเอะอะ เพราะว่ามันจะทำให้ฉันหงุดหงิดและอยากจะหาที่ระบายอารมณ์ นีน่าหรือน่า รีบรวบช้อนดื่มน้ำกันโดยพลัน แล้วรีบลุกเดินตามฉันออกมา
แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นโต๊ะข้างหน้าที่พวกสี่จตุรเทพนั่งอยู่ ฉันก็โดนใครบางคนเอื้อมมือมาจับที่บ่า ด้วยสัญชาตญาณ ฉันจับที่ข้อมือของเขาไว้แน่น พลางดันตัวม้วนไปข้างหลังโดยเร็ว พร้อมกับบิดแขนของเขา จากฉันก็ยกเท้าเตะเข้าไปเต็มแรงที่จุดยุทธศาสตร์ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ปล่อยมือจากเขา หนุ่มผู้โชคร้ายคุกเข่าอย่างหมดสภาพ หน้าตาเขียวคล้ำเหมือนคนใกล้ตาย พอเห็นว่าเขาหมดฤทธิ์แน่แล้วฉันจึงยอมปล่อยมือ และพอมองดีๆ ก็เห็นว่าเขาเป็นหนึ่งในจตุรเทพ หนุ่มผิวขาวหน้าตาน่ารักเมื่อครู่นี้เอง
“ทำไมต้องทำร้ายเขาด้วยห่ะ!!!” หนุ่มผมเขียวที่ฉันเคยถามทางตวาดใส่ฉันเสียงดัง
“ เสียมารยาท ใครอนุญาตให้พวกนายแตะตัวฉันกัน หะ!?” จากนั้นก็ปรายตาไปมองคนที่ยังลุกไม่ขึ้น
“มังกร แกไหวไหมจะสูญพันธุ์ไหมวะเนี่ย” ชายสวมแว่น ทำหน้าสยดสยองกับสภาพของเพื่อนรัก แต่ก็ยังไม่เข้าไปช่วย
“ทะ...เธอ...ทำเกินไปแล้วนะ” ลุกไม่ขึ้น แต่ยังมีแรงพูดแบบนี้แสดงว่ายังไม่ตายง่ายๆ
“นายจับบ่าฉันทำไม?”
“นี่เธอซ้อมฉันแล้วเพิ่งจะมาถามเหรอ.... ห๊ะ!!!” เออ...นั่นสิ สมองเออเร่อรึเปล่าเนี่ย ??
“ฉันแค่อยากรู้จักชื่อเธอเอาไว้ เห็นเขาว่าเธอล้มไอ้หมอกได้....โอยยยย”
“ทำไมต้องมาอยากรู้จักชื่อฉันด้วย ในเมื่อฉันยังไม่เคยอยากจะรู้จักชื่อพวกนายเลย” ฉันเอียงคอยืนกอดอก กระดิกเท้ายิกๆ (กวนตีนสุดๆ)
“ก็เพราะในโรงเรียนนี้ ยังไม่เคยมีผู้หญิงล้มผู้ชายได้มาก่อนนอกจากยัยหน้าตายที่ยืนอยู่หลังเธอไง ฉันถึงได้อยากรู้จัก”
“ฉันชื่อหวา...ไปล่ะ” เมื่อเสร็จธุระฉันก็หมุนตัวเตรียมจะเดินจากไป แต่ (อีกละ) หนุ่มผมดำหน้าดุกลับรั้งแขนฉันไว้แล้วกระชากเข้าไปหา ฉันเซถลาเข้าไปในอ้อมอกของเขา พลางเงยหน้ามองหน้าใสๆ ที่ก้มลงมามองพอดี ฉันยิ้มหวานหยดย้อยส่งไปให้ เขาผงะเล็กน้อยพลางคลายมือออกนิดๆ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ก้มหน้าลงมาเรื่อยๆ ฉันรอจังหวะให้เขาโน้มคอลงมาอีกหน่อย จากนั้นก็ย่อตัวลงแล้วก็เสยหมัดเน้นๆ ไปที่ใต้คาง เขาผงะหน้าหงายเซถอยหลังไป 3-4 ก้าว พลางสะบัดหน้าอย่างมึนๆ
ฉันเดินอาดๆ เข้าไปหาเขาโดยพลัน ไม่ปล่อยให้ตั้งตัวได้จากนั้นก็โน้มคอลงมาตีเข่าอัดเข้าไปจังๆจนเขาทรุดลง
“เฮ้ย!!!” เสียงอุทานพร้อมกันของใครหลายๆ คนดังลั่นโรงอาหารฉันกระชากผมเขาให้เงยหน้าขึ้นพลางพูดเสียงเข้ม
“ฉันว่า....ฉันบอกไปแล้วน่ะว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาถูกเนื้อต้องตัว...เพราะฉันคิดค่าเสียหายแพงงง !!!” จากนั้นฉันก็เดินออกจากโรงอาหารทันที ทิ้งความวุ่นวายไว้เบื้องหลัง
“ผู้หญิงอะไรว่ะ ร้ายเป็นบ้า” ลาสเวย์ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ มีคนล้มมังกรได้ภายในไม่กี่วินาทีเนี่ยนะ!!! แถมเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ซะด้วย
“ทีนี้พวกมึงรู้รึยัง ว่าอยู่ๆ ก็เห็นดาวนะเป็นยังไง” ไอ้หมอก ที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไรเดินกุมหน้าอกตัวงอเข้ามาช้าๆ
“เออวะกูเข้าใจมึงละ....ห่า...กูตั้งตัวไม่ทันเลย” ลาสเวย์ที่อาการเริ่มดีขึ้นพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ ล้มเขาได้ก็ว่าเจ๋งแล้วแต่ล้มไอ้มังกร....แมร่ง.....โคตรเทพ
“มึงเป็นไงมั่งวะ นั่งเงียบตั้งนานล่ะ หายจุกรึยัง” นินจาถามมังกรอย่างเป็นห่วง ตั้งแต่มันลุกขึ้นมาได้ มันก็เอาแต่นั่งนิ่งๆ ไม่พูดไม่จากับใคร
“ พวกมึงรู้ไหม... "
" ไม่รู้วะ "
" ...... กูไม่เคยแพ้ใครมาตั้งแต่ 6 ขวบ นอกจากเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึง..... วันนี้เธอทำให้กูคิดถึงเด็กคนนั้นวะ.....แต่กูจำไม่ได้ว่าเธอชื่ออะไร” เขาพูดเบาๆพลางทำหน้าครุ่นคิด
“แล้วมึงไปเจอเธอที่ไหนวะ?” เอ็มอยากรู้อยากเห็น
“กูเคยเรียนมวยไทยกับเทควันโดที่ค่ายแถวๆ บ้านเธอเองก็เรียนที่นั่นแต่เป็นรุ่นพี่ฉันไม่กี่ปี พวกเรามักจะโดนจับคู่ซ้อมกันประจำแต่กูไม่เคยชนะเลยสักที” มังกรพูดพร้อมหัวเราะนิดๆ เหมือนมีความสุขเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น
“สวยไหมว่ะ!!” ลาสเวย์ถามสีหน้าลุ้นสุดๆ
“ตัวอวบนิดๆ ผมยาวถึงกลางหลังเธอนะชอบเรียกกูว่ามังกรน้อย แต่กูจำไม่ค่อยได้แล้ววะรู้แต่ว่านิสัยของเธอก็คล้ายๆ ผู้หญิงคนนี้แหละ ....ว่าแต่เธอชื่อหวาใช่ไหม?” ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน มังกรยิ้มกริ่ม เขาอยากจะลองสู้กับเธอตัวต่อตัวสักตั้ง เพราะเมื่อกี้นี้ไม่ทันได้ตั้งตัว เลยโดนเล่นงาน อยากจะรู้ว่าถ้าเป็นการสู้แบบแฟร์ๆ เธอจะมีปัญญาอะไรมาชนะฉัน ยัยน้ำหวาหรือน้ำหว้าวะ ?
คาบบ่าย ฉันยกมือปิดปากหาวจนน้ำตาเล็ด หนังท้องตึงหนังตาเลยหย่อน ตอนนี้ฉันกำลังนอนฟุบโต๊ะอยู่ อาจารย์ที่สอนวิชาภาษาไทยกำลังอธิบายเรื่องกาพย์กลอน เสียงของอาจารย์เหมือนกับว่ากำลังกล่อมฉันเลยจริงๆ เพื่อนๆ นั่งเรียนกันอย่างตั้งอกตั้งใจ? (โดนบังคับ) ยกเว้นฉันที่หาวแล้วหาวอีก จนทนไม่ไหว แอบฟุบหลับเอาหนังสือเรียนตั้งบังเอาไว้…..นั่งท้ายสุดก็ดีงี้แหละ แอบหลับได้ 555+ น่าที่นั่งข้างหน้า ช่วยเอียงตัวมาบังให้ฉันสุดฤทธิ์ ขอบใจมากนะยัยนีน่าหน้าตาย
“ตื่นได้แล้ว” อือออ ใครนะมาปลุกแต่เช้า ขออีก 5 นาทีนะ
“....ลุกเร็ว ไม่งั้นฉันปิดห้องทิ้งเธอแน่ ...” อะไรนะ!!! ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมามองไปรอบๆ อย่างระลึกขึ้นมาได้ นี่ฉันอยู่ที่โรงเรียนที่หว่ากี่โมงแล้วเนี่ย? ฉันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู อ๋ายยยย บ่าย 3 ครึ่ง เลิกเรียนแล้วนี่หว่า
นี่มันอะไรกันอีกละ? ฉันเดินหิ้วกระเป๋าไปที่ประตู พวกผู้ชายไม่คุ้นหน้าไม่มีใครยอมหลบ หากมีแต่ผู้ชายหล่อเข้มคนหนึ่งเดินล้วงกระเป๋ามาขวางหน้าฉันไว้ ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเบื่อหน่าย
“ได้ข่าวว่าวันนี้เธอล้มไอ้มังกรได้ จริงเหรอ?” ฉันทำหน้างงเมื่อมีรุ่นพี่ต่างชั้นมาทักทายถึงหน้าห้อง ใครละมังกรก็ฉันไม่รู้นี่เพราะวันนี้ฉันอัดคนไป(แค่) 4 คนเอง แล้วฉันก็ไม่รู้จักชื่อใครสักคน
“คนไหนละชื่อมังกร ฉันไม่รู้จัก” ทุกคนพากันหัวเราะอย่างขบขัน ในขณะที่ฉันทำหน้าเซ็งๆ มันตลกตรงไหนฟร่ะ
“เธออย่ามาอำ ไม่มีใครในระแวกนี้ไม่รู้จักมันหรอกนะ.....ฉันว่าเธออย่ามาโกหกกันดีกว่า” รู้สึกว่าความอดทนจะลดลงจนถึงขีดสุด
"ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพเมื่อวานนี้ ดังนั้นฉันไม่รู้จักใครที่นี่สักคน...เก็ทปะ ??” พวกเขาหันไปมองหน้ากันเหมือนจะปรึกษา แต่มันเสียเวลาของฉันชะมัด
"เธอย้ายมาจากที่ไหนเหรอ?” คนเดิมถาม
“ที่อื่นแต่ไม่ใช่ที่นี้...ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็หลีกทางด้วยฉันหิวข้าวละ” ฉันเป็นคนอารมณ์ร้ายเวลาขึ้นแล้วลงยาก แต่ถ้าได้กินข้าวฉันจะเย็นลงอย่างฉับไวลูกน้องของฉันรู้เรื่องนี้ดีเวลาใครทำให้ฉันโกรธ ต้องมีของมาเซ่นไหว้ ฉันจะโมโหร้ายที่สุดตอนที่ฉันหิวจัดและมีคนมาพูดจาพล่อยๆใส่ฉัน
“ฉันขอแนะนำตัวก่อน ฉันชื่อเชเป็นรุ่นพี่เกรด 8....ยินดีที่ได้รู้จัก” เขายื่นมือมาเพื่อให้ฉันเช็คแฮนด์แต่ฉันปัดมือเขาทิ้งอย่างหงุดหงิดและเขาดูเหมือนจะโกรธในสิ่งที่ฉันทำแต่ตอนนี้ฉันหิวข้าวและกำลังโมโห ไม่มีอารมณ์มารู้จักกับใครตอนนี้
“นี่ฉันให้เกียรติเธอจับมือฉัน แต่เธอกล้าทำแบบนี้เหรอ?” ฉันขอมือแกเหรอไง ไอ้บ้าเอ้ย “อย่าคิดว่าเธอล้มไอ้มังกรได้แล้วจะคิดว่าตัวเองแน่นะ มันยังไม่ได้เอาจริงต่างหากละ” ฉันปรี๊ดสุดๆ ไอ้บ้านี่ถ้าไม่หยุดพูดอารมณ์สุนทรีของฉันมันอาจจะได้มีรอยสักบนตัวนายแน่
“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายไสหัวไปให้พ้นไม่อย่างนั้นฉันจะอัดแกให้เละคามือ !!” เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบๆ ทันทีที่ฉันพูดจบ
“ฉันก็อยากจะรู้ว่าเธอจะแน่.....อ๊อก !!!” ฉันหมุนตัวเตะกลับหลังเข้าที่คอของหมอนั่นอย่างรวดเร็ว เขาทรุดลงไปแล้วพร้อมกับหมดสติ ท่านี้ฉันไม่อยากจะใช้นักหรอกเพราะมันอันตรายแต่ฉันไม่อยากจะเสียเวลาเล่นด้วยเพราะกำลังหิวจัดกินวัวได้เป็นตัวเลยก็ว่าได้ และก็อยากจะสอนไอ้บ้านี่เวลาจะสู้กันเขาไม่มามัวพล่ามเรื่องเน่าๆกันหรอกใครลงมือก่อนได้เปรียบเฟ้ยยยย ที่บ้านมันไม่สอนรึไง !!! “ฉันบอกแล้วว่าจะอัดแกให้เละ....หลีก !!!!” ทุกคนแหวกทางให้ฉันอย่างนอบน้อมหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกฟังดูวุ่นวายพิลึก อ่า....ท้องของฉันชั่งน่าสงสารอะไรเช่นนี้ เมื่อกลางวันก็ออกแรงไปเยอะ เมื่อกี้ก็ออกแรงนิดๆหิวมากเลยตอนนี้ อ๊ากกกก แล้ววันนี้ฉันจะกินข้าวที่ไหนดีเนี่ย กลับบ้านไปไอ้อาเฮียก็กินของในตู้เย็นหมดแล้วด้วย !!!
ฉันเดินกินขนมที่ซื้อจากร้านค้าในโรงอาหารไปรอรถเมย์ที่หน้าโรงเรียน หนุ่มๆ มากมายยืนเกาะกลุ่มกันเป็นพวกๆ พวกเขาต่างหันมามองฉันเป็นตาเดียว แล้วหันไปคุยกันโขมง ฉันฮัมเพลงที่ฟังในเอ็มพีสามเบาๆ แล้วกระดิกเท้ายิกๆให้เข้ากับจังหวะเพลง เมื่อเห็นรถเมย์คันที่ต้องการมาจอดแล้ว ฉันก็ขึ้นไปเลยทันที โดยไม่ได้สังเกตุเลยว่ามีแต่เด็กนักเรียนกลุ่มใหญ่ต่างโรงเรียนนั่งอยู่ก่อนเต็มไปหมด พวกเขามองมาที่ฉันเป็นตาเดียว
“เฮ้ย....โรงเรียนเด็กเหลือขอ มีสาวสวยแหล่มๆแบบนี้อยู่ด้วยว่ะ ไม่มีใครเทียบเธอได้แล้วมั้ง วิดวิ้วว !” วิดวิ้วพ่องมึงสิ !!!
“ตัวเล็กๆ ร่างบางๆ หน้าตาสวยแบบนี้กูชอบ” ไอ้ประโยคหน้าฉันรู้ว่าตัวเองสวยที่สุดในรร. และสวยกว่ายัยหน้าอกภูเขาไฟซะอีก ฮึๆๆๆ !!
“สวยๆ อย่างนี้มาเรียนที่นี่ได้ สงสัยเป็นอีตัวแน่ๆ” อ่าววว...วอนหาอวัยวะเบื้องล่างฉันนี่หว่าาา ... เสียงหัวเราะดังลั่นรถ ขณะที่รถยังไม่เคลื่อนตัวออกจากป้ายรถเมย์ เสียงพูดคุยเลยดังไปถึงข้างล่าง ที่มีเด็กนักเรียนยืนรอกันเป็นกลุ่มๆ พวกเขากำลังมองมาที่รถเมย์เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่หญิงสาวที่ขึ้นไปเมื่อสักครู่คงจะไม่ได้ยินอะไร เพราะเธอกำลังใส่หูฟังอยู่นั่นเอง ทำให้นักเรียนชายหลายคนเริ่มทยอยกันขึ้นมาจนแน่นขนัด เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงตัวคนเดียว จะรับมือผู้ชายทั้งฝูงได้
“เฮ้ย พวกมึงดูสิ มีพวกสวะขึ้นมาด้วยวะ สงสัยจะไปส่งอีตัวที่บ้านแน่ๆ” หลังจบประโยคนั้น มีเด็กหนุ่มคนนึงเดินเข้าไปเพื่อจะชกปากเสียๆ นั่นให้ได้เลือด แต่มันก็มือไวรับหมัดไว้ได้ พลางถีบเด็กหนุ่มคนนั้นล้มลงและรุมกระทืบทันที ทำให้คนอื่นๆ ที่ขึ้นมาพากันเข้าไปช่วยเหลือแต่ก็ยากลำบาก เนื่องจากทางเดินของรถแคบมากและเด็กอันธพาลกลุ่มนั้นยืนบังเอาไว้ไม่ให้เข้าไปได้
“ น่ารำคาญ หนวกหู แกะกะ ไม่มีมารยาท สิ้นคิด ปากหมา วอนหาเรื่อง และคนที่มันพูดว่าอีตัวนะ ... ใครกันนะ ” ฉันตะโกนเสียงดังเพราะฟังเพลงไม่รู้เรื่องพวกที่กำลังตีกันต่างหยุดและหันมามองที่ฉันกันหมดฉันมองไปที่ปลายตีนของพวกกลุ่มต่างโรงเรียนเห็นเป็นเด็กนักเรียนที่เดียวกับฉันนอนหมดสภาพอยู่ที่พื้น และคนอื่นๆที่พยายามเข้าไปช่วยดูจะสะบักสะบอมกันพอสมควร
“ไอ้พวกนั้นมันด่าเธอว่าเป็นอีตัว ไอ้โอ๊ตทนไม่ได้เลยเข้าไปชกแต่โดนรุมกระทืบซะก่อน” ฉันหันไปมองเด็กอันธพาลต่างโรงเรียนอย่างช้าๆ
“นายไปลากเพื่อนนายออกมาซะ ฉันจะจัดการเอง” ฉันพูดพลางเดินเข้าไปช้าๆ คนกลุ่มนั้นยอมปล่อยหนุ่มผู้โชคร้ายออกมาแล้ว
“ใครเหรอที่เรียกฉันว่าอีตัวนะ......งั้นมันก็คงจะมุดออกมาจากมดลูกของกระหรี่นะสิวะ” ฉันเดินเข้าไปพูดจากวนตีนใส่พวกนั้น แต่ละคนมองฉันอย่างเดือดดาล
“มึงกล้าดียังไงมาด่าแม่กู นังบ้า” ไอ้หัวโจกตะโกนด่าออกมาทันทีแสดงว่าเป็นมันสินะที่พูดเมื่อกี้ ฉันเดินเอามือไขว้หลังแหวกเด็กนักเรียนพวกเดียวกับฉันเพื่อไปเคลีย? พวกเขาทำท่าเป็นห่วงไม่ยอมเปิดทางแต่ฉันไม่สนใจเบียดเดินเข้าไปยืนประจันหน้ากับหัวโจกกลุ่มนั้นทันที และยิ้มให้อย่างที่คิดว่าดูตอแหลสุดๆ
“ กูไม่ได้บ้า ก็มึงบอกว่ากูเป็นอีตัวแต่อีตัวอย่างกูนี่แหละที่เคยส่งแม่มึงไปให้ไอ้พวกนิโกรมันเอาว่ะ สงสัยป่านนี้แม่มึงเดินขาถ่างแล้วมั้ง ” ฉันพูดพร้อมเบ้ปาก ไอ้หัวโจกโกรธจนหน้าเขียว ยกมือเพื่อจะตบฉัน แต่ฉันไวกว่า ยกมือข้างนึงรับหมัดและส่งหมัดตรงอักข้างเน้นๆ เข้าไปที่เบ้าตาของมันทันที และอีกหมัดที่ลิ้นปี่ โดยที่หมัดของฉันสวมสนับมือ มันล้มลงเลือดอาบไปทั้งหน้า ลูกสมุนของมันเข้ามารุมฉัน ด้วยพื้นที่ท้ายรถเมย์มันแคบ ฉันเลยกะว่าจะเก็บทีละคน ฉันจับขาคนที่เตะเข้ามาแล้วแทงศอกไปที่กลางหน้าแข้ง และตบหน้าด้วยหลังมือซ้ำอีกที ส่วนอีกคนส่งหมัดมาฉันเอียงหลบแล้วสวนไปที่ปลายคาง คนด้านหลังฟาดไม้ทีเข้ามาหวังจะตีที่หัวของฉันแต่ฉันปัดออกแล้วกระโดดเหยียบคนที่โดนฉันตบเมื่อกี้เข้าไปแทงศอกที่กลางกระหม่อมของมัน การชุลมุนเกิดขึ้นทันที ฉันล้มไป 4 เหลืออีก 4 พวกมันกำลังถือไม้เข้ามาหมายจะรุมตีฉัน ฉันเลยผลักคนข้างๆ ที่หัวแตกเข้าไปขวางแล้วก็เก็บทีละคน ด้วยการต่อยด้วยสนับมือที่กะโหลกและปลายคาง พวกเขาร่วงกองอยู่กับพื้น ดูเละเทะไม่เหลือสภาพนักเรียน
ฉันยืนหอบน้อยๆ หัวฟูยุ่งเหยิงจากนั้นก็เดินเข้าไปหาไอ้หัวโจกเจ้าปัญหาที่นอนกองอยู่ข้างหน้า แล้วจิกผมกระชากให้เงยหน้าอย่างแรง สายตาที่ไม่เคยมองใครมันกลับมาอยู่ในตัวอีกครังแล้ว สายตาที่ไม่เคยมีใครลืมเลือน
“ทีหลัง อย่ามาวอนหาเรื่องกูอีก !!! ” พูดจบฉันก็กระทืบที่เข่าอย่างแรง ได้ยินเสียงกระดูกหลุดดังลั่น หึๆ มึงคงต้องเข้าเฝือกไปอีกนานที่จริงจะให้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มเล่นๆ แต่ฉันถือเป็นกรณีพิเศษ หึๆๆ
พอหันหลังกลับก็ได้เห็นผู้คนมืดฟ้ามัวเดินทั้งที่อยู่บนรถและข้างล่างยืนมุงดูฉันตีกันเมื่อกี้บางคนอ้าปากค้างบางคนชี้นิ้วค้างบางคนกำลังถ่ายวีดีโอ ฯลฯ ฉันเดินเข้าไปหยิบกระเป๋านักเรียนและเดินไปด้านหน้า และบอกให้ลุงคนขับออกรถได้ ฉันติดใจอยากขึ้นรถเมย์แล้วสิ
" ขอบคุณพวกนายมากนะ " ฉันเดินเข้าไปใกล้กลุ่มนักเรียนที่ใจกล้าเข้ามาช่วยฉัน
" อะ...อื้มเธอคนที่ล้มไอ้หมอกได้ ชื่อไรนะ ?? " ข่าวมันดังไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอ
"น้ำหวาเรียกหวาเฉยๆก็ได้ " :) ฉันส่งยิ้มให้ ถึงกับผงะไปเลยเหรอเนี่ย 555 หลังจากนั้นก็คุยกันแบบชิวๆ โดยมีสายตาของทุกคนบนรถเมย์และด้านนอกตัวรถ
ในขณะที่หน้ารถเมย์ บรรดากลุ่มนักเรียนต่างๆพากันหันไปคุยกันแบบเสียงดัง
“มึงเห็นอย่างที่กูเห็นไหมว่ะ” ต้นไม้พูดพร้อมขยี้ตา คนอื่นๆได้แต่ยืนเงียบพวกเขายืนมองอยู่นานแล้วตั้งแต่เริ่มแรกเลยด้วยซ้ำ กะว่าถ้ายัยนั่นสู้ไม่ได้ค่อยเข้าไปช่วย
“ สวยประหารชัดๆ ยัยนี่มาวันแรกสอยแต่พวกบิ๊กๆเลยนะเนี่ย ” มังกรพูดอย่างทึ่งๆ
“ กูว่ายัยนี่โหดโคตรๆ ” นินจาทำหน้าสยดสยอง เมื่อเห็นตองกำลังกระทืบเข่าของหัวโจกกลุ่มนั้น
“ ตอนแรกกูกะว่าจะจีบสักหน่อย แต่กูเลิกคิดตั้งแต่แม่คุณโดดเตะลูกชายกูนี่ยังไม่รู้จะใช้การได้หรือป่าวเนี่ยพูดแล้วก็เสียว ” ต้นไม้พูดพลางกุมเป้า ทำหน้าหวาดกลัวเมื่อนึกขึ้นมาได้
“ ก่อนออกจากห้องเรียน เห็นว่าเตะก้านคอไอ้เชซะสลบกลางอากาศเลยนี่หว่า ” ลาสเวย์พูดพลางทำหน้าขนลุก
“ กูชักอยากจะรู้ซะแล้วสิ ว่ายัยนั่นย้ายมาจากที่ไหน? ” มังกรพูดนิ่งๆ สายตามองไปที่ร่างบางที่กำลังยืนสั่นเท้าดิกๆ อยู่หน้าประตูรถเมย์กับพวกนักเรียนชายกลุ่มหนึ่ง
วันต่อมา
วันนี้ตั้งแต่เดินเข้าหน้าประตูโรงเรียนมามีแต่คนหลีกทางให้เหมือนฉันแถมไม่กล้ามองมาทำเหมือนฉันเป็นตัวเชื้อโรค อันที่จริงถ้าคิดในแง่ดีมันก็ทำให้ฉันไม่ต้องไปเดินเบียดกับชาวบ้านเขา แต่ถ้าคิดในแง่ร้าย?....พวกเขาเกลียดฉันกันหรือป่าวนะว่าแต่....ใครสน?
“หวัดดีทุกคน” ฉันทักหน้าห้องแล้วเดินมาที่โต๊ะเรียนพักหลังๆในห้องไม่ค่อยมีใครมากร่างใส่ฉันแล้วละ ก็แหม่ ~ ฉันเล่นเคลียร์ถึงนากเหง้าเลยนะสิ 5555 บนโต๊ะเห็นมีจดหมายสีขาววางอยู่ซองผ้าป่ารึเปล่า ?? จึงหยิบมาคลี่อ่าน
' ตอนเที่ยงเจอกันที่ดาดฟ้า.......มังกร ' รอดไปนึกว่าต้องเสียเงินอีก เฮ้ออ ~
“มีอะไร ??” น่าพูดขึ้นหลังจากที่ฉันหย่อนสะโพกลงเก้าอี้อย่างชิวๆ
“เธอรู้จักคนชื่อมังกรไหม”
“ อือ ” น่าตอบกลับอย่างเซ็งๆ ทั้งสองรู้จักกันหรอกเหรอ ??
“ใครไหนละ ฉันไม่รู้จัก”
“คนที่เสยคางที่โรงอาหาร” อ๋อ หมอนั่นนะเองที่ชื่อมังกร.....เปนพ่อมังกรหรือลูกมังกรกันแน่ หึๆๆๆ
“แล้วเขายิ่งใหญ่มากเลยเหรอ?”
“ไม่รู้สิ ฉันไม่สน”
“ฮาาา สมแล้วที่เป็นเธอ ” สายตาจ้องไปที่นอกหน้าต่าง มือก็พลางขยำกระดาษนั้นทิ้งลงถังขยะ
“ฉันมีนัดกับเขาตอนเที่ยงที่ดาดฟ้า ไปปะ” ฉันชวนน่าที่นั่งอ่านหนังสือแฮรี่พอตเตอร์
“อือ ” ตอบอย่างมีชีวิตชีวาจริงๆ
ดาดฟ้า
ฉันเดินรูดลูกชิ้นเข้าปาก เคี้ยวหยับๆ อย่างหิวโหย ก็มันเล่นนัดตอนเที่ยง ข้าวยังไม่ได้กินเลยหิวตายชัก ต้องหาอะไรรองท้องก่อน จะได้มีแรงหากมีเรื่องชกต่อย
“ขอฉันกินให้หมดก่อนนะ หิวอ่ะ” พูดไม่รอคำตอบ หนุ่มๆ มากมายยืนกันเต็มดูแออัดไปหมด ฉันยืนกินอย่างใจเย็นพลางมองไปรอบๆ ทุกๆ คนที่อยู่ที่นี่ มีทุกกลุ่มไม่ว่าจะกลุ่มเสือกลุ่มอินทรีกลุ่มมังกร พวกเขาดูสามัคคีกันดีทีเดียว ฉันเองก็งงๆ ทำไมจะต้องมาแบ่งแยกกลุ่มกันด้วยในเมื่อพวกเขาอยู่โรงเรียนเดียวกัน กินไปเพลินๆ รู้ตัวอีกทีลูกชิ้นก็หมดซะแล้ว....10 ไม้เมื่อกี้ ทำไมหมดเร็วนักฟร่ะยังไม่อิ่มดีเลย
“ฉันอยากคุยกับเธอ” นายหน้าดุเดินเข้ามาหาเอื่อยๆ ฉันมองเขาอย่างพิจารณา
“เรื่องอะไร”
“เธอย้ายมาจากที่ไหน”
“ขอนแก่น อยากถามแค่นี้นะเหรอ” ฉันตอบพลางกระดิกเท้ายิกๆ
“ฉันอยากท้าสู้กับเธอ....ได้ไหม”
“แลกกับอะไรละ?” ฉันถามพลางทำหน้ายิ้มๆ
“แล้วแต่ว่าเธอจะต้องการอะไร”
"อะไรดีละ....งั้นถ้าฉันชนะนายต้องเป็นเบ๊ให้ฉันจนกว่าจะจบเกรด 12 นะ"
“แล้วถ้าฉันชนะเธอต้องเป็นผู้หญิงของฉัน...ตกลงไหม” ฝันไปเถอะ
“ดีล” ฉันยกกำปั้นไปชนกับเขาเป็นอันตกลงกับข้อเสนอ
“ถ้าแพ้ ฉันไม่ช่วย” น่าบอกอย่างเคร่งๆ ฉันยักไหล่
“ไม่รู้สิ ปกติฉันสู้โดยใช้สมองไม่ได้ใช้เฉพาะกำลังหรอกน่ะ”
“พนันกันถ้าเธอชนะเขา....” ฉันหัวเราะเหมือนนางมารร้ายพลางส่งยิ้มเหี้ยมเกรียมไปให้กลุ่มของมังกร
“ดีสิ ไปก่อนนะเพื่อน" ฉันหักนิ้วกร๊อบๆ พลางสะบัดหัวไปด้วย จากนั้นก็ยักคิ้วกวนๆ ส่งไปให้กลุ่มมังกรคนอื่นๆ ที่ได้ฟังต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงดังกระหึ่ม นี่ถ้าโอเล่อยู่ด้วยละก็ตั้งโต๊ะรับแทงพนันว่าข้างไหนจะชนะ น้องชายฝาแฝดฉันมันช่างทำตัวสมกับชื่อของมันจริงๆ อบายมุขละชอบนักทั้งๆ ที่อายุแค่ 11 ขวบเอง
“เออ ดีๆละ” ฉันยิ้มหวานบาดใจ แล้วเริ่มถอดรองเท้านักเรียนกับเสื้อแขนยาวสีสวยออกขณะที่พวกผู้ชายตาค้างกันอยู่ ร่างเพรียวได้รูปเหมาะกับชุดนักเรียนตัวบางแขนสั้น กระโปรงนักเรียนธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรให้น่าสนใจ เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายต้องมองกันอย่างนั้นด้วย
“เข้าใจคิดนิ” มังกรพูดเสียงนิ่งๆคนอื่นๆ หน้าแดงไปเป็นแถบแต่แอบชำเลืองมองมาเป็นระยะๆอย่านึกนะว่าฉันจะไม่เห็น อยู่ที่อเมริกาเขาก็ใส่กันแค่นี้ จะสนไปทำไมเนอะ ??
“แล้วชุดฉันมันไม่ดีตรงไหนเหรอ....เสื้อแขนยาวมันไม่ทะมัดทะแมงเคลื่อนไหวไม่สะดวกน่ะ” ฉันสะบัดผมยาวสลวยไปด้วยขณะพูด เสียงสูดปากดังกระหึ่มไปทั่วทั้งดาดฟ้า
“ชุดมันก็สวยดีแต่เธอใส่แล้วจะมาสู้กันฉันมันไม่เหมาะสมนะ” ฉันยกมือขึ้นรวบผมมัดสูงเป็นหางม้า โชว์วงหน้าสวยหวาน พลางยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีจะได้ซัดคนสักทีทำไมต้องเครียดด้วยหล่ะ ว่ามะ 5555
“นั่นมันไม่ใช่ปัญหาของฉัน .....และต่อให้นายแก้ผ้าสู้กับฉันฉันก็ไม่ว่าอะไร” ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆ มังกรที่ตอนนี้ยืนตั้งการ์ดเตรียมพร้อม แต่สังเกตุเห็นเหงื่อไหลเปียกชุ่มเสื้อผ้านิดๆ
“ผู้หญิงสมัยนี้ไม่มียางอายเลยรึไง” ฉันหัวเราะน้อยๆ พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เกือบชิดริมฝีปากของเขา พลางพูดเสียงเบาเขาเบิกตากว้างและผงะถอยน้อยๆ
“ผู้ชายสมัยนี้ก็ไม่มีอารมณ์กันรึไง” ฉันพูดหน้าตาเฉยพลางขยิบตาเข้าให้ ในขณะที่มังกรหน้าแดงจัดเหมือนมะเขือเทศสุก โง่เง่าๆๆ...เพิ่งมารู้อารมณ์ของตัวเองตอนนี้
ผั้วะ !!
“ทะ...เธอเล่นทีเผลอนิ ??!!” เสียงมังกรสั่นเป็นเจ้าเข้า ฉันอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง
“ไม่มีใครที่ไหนสอนรึไง เล่นทีเผลอสิที่ได้เปรียบ” ฉันตอบเสียงเซ็กซ์ซี่ชิดกับริมฝีปากของเขา มังกรทำหน้าเหมือนกลืนยาขมเข้าให้โดยไม่สังเกตุเลยว่าฉันง้างมือเข้าไปทีสี่ข้างของเขา ขอโทษละกันต่อให้นายแก้ผ้าสู้กับฉัน ฉันเองก็ไม่มีวันที่จะเกิดอารมณ์อะไรหรอกนะ ลูกมังกรตัวน้อยๆ !!!
“แน่จริงล้มฉันให้ได้สิ อย่าดีแต่โม้” ร่างหนาพูดยั่ว แม้จะเป็นฝ่ายรุกแต่เขาก็ประหลาดใจที่ดูเหมือนสาวเจ้าจะรับการโจมตีของเขาได้แทบทุกรูปแบบ แม้จะเข้าเป้าหมายแต่ก็โดนไม่ถึง 100% เพราะเธอป้องกันไว้ได้เกือบหมด แต่ดูสภาพเธอเองก็สะบักสะบอมเหมือนกัน
“โอเค....จัดให้”จบคำ ร่างบางตรงหน้าก็เปลี่ยนเป็นฝ่ายรุกเข้ามาบ้าง แต่ละลีลาการโจมตี ทำเอาเขาขมวดคิ้วด้วยความงุนงง สไตร์การชกเหมือนกันกับเขาเลย แต่ว่า....ยังไม่ทันจะคิดต่อ เธอส่งยิ้มละลายใจมา
จากนั้นจู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเอียงวูบเพราะมัวแต่มองของสวยๆ งามๆ เพลิน จนถูกลูกเตะทีเผลอของสาวน้อยกวาดไปที่ข้อเท้าอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทัน เมื่อชายหนุ่มเสียหลักล้มลงแล้วสาวน้อยรีบเอามือจับกันแน่นที่หน้าอกเอียงตัวกระแทกศอกลงไปที่กลางลำตัวของชายหนุ่ม
เขาหน้าบิดเบี้ยวด้วยความจุกจนลุกไม่ขึ้น พยายามจะพลิกกลับหลังแต่ไม่ทัน เพราะร่างบางเมื่อส่งศอกไปแล้ว ก็รีบจับแขนข้างขวาของร่างหนาไว้แน่นและล็อคบิดจากนั้นก็นั่งคร่อมหัวของชายหนุ่มโดยใช้ขาทั้ง 2 ข้างล็อคที่คอกับแขนข้างซ้ายไว้ไม่ให้ขยับและไม่ยอมให้หายใจได้
ชายหนุ่มพยายามงัดมือข้างซ้ายออกจากการล็อคด้วยเท้า แต่ยิ่งออกแรงเท่าไร หน้าก็เริ่มมืดเพราะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ เมื่อเอามือออกจากการล็อกไม่ได้ก็เริ่มใช้เท้าเหวี่ยงไปมาพยายามเตะมาที่หัวของร่างบางแต่ก็ไม่ถึง ออกแรงได้ไม่นานจากนั้นชายหนุ่มก็หมดสติ สาวน้อยจึงยอมผละจากร่างหนา พลางปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก
“ยกนี้ฉันชนะ” ร่างบางพูดพลางนั่งแหมะลงกับพื้นหอบแฮกๆ ร่างหนาของมังกรทรุดลงหมอบไปกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ตั้งแต่วันนั้น ที่ผมแพ้ยัยผู้หญิงเจ้าเล่ห์นั่นผมก็อับอายขายหน้าคนในโรงเรียนเป็นที่สุดไม่กล้าย่างเท้าเข้าไปมาเกือบอาทิตย์แล้วป่านนี้ทั้งภาพและเสียงคงจะกระจายไปทั่ว ชีวิตของผมคงจะไม่เหลือดีอีกแล้ว นึกแล้วก็แค้นยัยนั่นจริงๆ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลหากหมัดต่อหมัดผมมั่นใจว่าไม่มีวันแพ้หรอกแต่นี่เจ้าหล่อนใช้จุดอ่อนของลูกผู้ชาย(เห็นว่าแกไปไม่มีอารมณ์มิใช่เหรอ) เต็มตัวอย่างผมมาเล่นงานใครไม่มาเป็นผมไม่มีทางรู้หรอกว่ามันห้ามใจได้ยากแค่ไหน
“มึงจะหลบอยู่ในรูอีกนานไหมว่ะกูเบื่อจะตายอยู่แล้วนะโว้ย” อยู่ๆ ไอ้ลาสเวย์ก็ตะโกนออกมาอย่างหงุดหงิด ก็เข้าใจน่ะว่ามันน่าเบื่อแต่กูอายนี่หว่า....วันนั้นคนเต็มดาดฟ้าไปหมด ใครไม่รู้...ก็ให้มันรู้ไปเห้อออ
“กูจะไปลาออกล่ะ ไม่รงไม่เรียนที่นี่มันละอายชิปหาย”
“นี่มึงคงไม่รู้สินะ ว่ายัยนั่นสั่งปิดข่าวเรื่องพวกนี้หมดแล้ว” ไอ้นินจายังเกลี้ยกล่อมผมไม่เลิก
“ใช่ซี้.....ตอนนี้ยัยนั่นใหญ่กว่ากูแล้วนี่สั่งอะไรใครก็ทำให้หมด” ผมประชด หากไปโรงเรียนผมก็ต้องไปเป็นเบ๊ให้ยัยนั่นเรื่องอะไรกันละ....เสียหน้าตายชักเป็นขี้ข้าให้ผู้หญิง
“แต่มึงเสือกไปท้าเขาเองนะโว้ย มึงต้องรักษาคำพูดดิว่ะ” นั่นแหละประเด็นไม่น่าหาเรื่องเลยกู
“แต่กูรู้ว่ามาพวกกลุ่มงู กับกลุ่มจิ้งจอกเริ่มเคลื่อนไหวแล้วนะคงได้กลิ่นเรื่องมึงอยู่เหมือนกัน” เครียดหนักกว่าเดิมอีก ผมอุตส่าห์ขับไล่ไอ้พวก 2 กลุ่มอันธพาลออกจากโรงเรียนไปแล้วตอนนี้มันไปยึดโรงเรียนที่มันไปอยู่ไว้ได้และเตรียมจะกลับมาแก้แค้นผม แต่ถ้าตอนนี้พวกมันระแคะระคายเรื่องที่ผมแพ้ผู้หญิงมันคงจะเริ่มรังควาญโรงเรียนผมอีกแล้ว
เมื่อก่อนไอ้ 2 กลุ่มนั้นเป็นพวกชอบรีดไถและชอบสร้างปัญหาให้กับทางโรงเรียนอยู่บ่อย พวกมันมักจะยกพวกไปดักตีโรงเรียนคู่อริ หรือไม่ก็ไปฉุดคร่าผู้หญิงโรงเรียนต่างๆขนาดในโรงเรียนเองพวกมันก็ยังขูดรีดไถเงินจนแก๊งค์อินทรี และแก๊งค์เสือที่ไม่ยอมลงให้กับพวกมันทนไม่ได้ทำให้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำ แถมพวกอันธพาลต่างโรงเรียนก็คอยมาดักแก้แค้นคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยซวยเพราะพวกมันไม่สนว่าใครเป็นใคร แค่ใส่ชุดนักเรียนของเรามันตีไม่เลือกชาวบ้านชาวช่องก็สาปส่งนักเรียนของเราทั้งหมดคิดว่าเด็กโรงเรียนเราเป็นพวกอันธพาลเด็กเหลือขอชอบสร้างปัญหาให้กับสังคม
" ช่วงนี้กลุ่มพญามัจุราชเริ่มเคลื่อนตัวมาแล้วสิ แถมยังได้ข่าวอีกว่าหัวหน้าพญามัจจุราชพึ่งกลับมาจากนอกอยากรู้จริงว่าเป็นใคร ?? " ต้นไม้พูดพลางคีบเส้นมาม่าแดกเข้าปากไป ไอ้บ้านี่กินก็ไม่ชวนกู
" ช่วงนี้มีแต่เรื่องให้อักเสบ เฮ้ออ "
ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะไอ้รามอส หัวหน้ากลุ่มจิ้งจอกเป็นคนก่อขึ้นเพราะมันเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลังฝีมือการต่อสู้ของมันถือว่ายอดเยี่ยมไม่มีใครเอาชนะมันได้ แต่ทางเดียวที่จะตัดปัญหาได้คือต้องล้มมันตอนนั้นผมเองก็อยากอยู่อย่างเงียบๆ ไม่ค่อยสนใจใครเพราะผมก็ถูกไล่ออกมาเยอะแล้วเลยไม่อยากจะมีเรื่องแต่ก็ทนไม่ไหวกับการบ้าอำนาจของไอ้รามอส ผมเลยไปท้าสู้กับมันด้วยเงื่อนไขว่าหากมันแพ้ให้ย้ายพรรคพวกของมันทั้งหมดออกไปจากโรงเรียน ส่วนถ้าผมแพ้ผมจะยอมลาออกและคลานสี่ขาออกจากโรงเรียน
การต่อสู้คราวนั้นกว่าผมจะเอาชนะมันได้มันทำเอาผมเข้าโรงพยาบาลไปครึ่งเดือนเลยทีเดียว เพราะผมซึ่โครงร้าวแขนหัก ส่วนไอ้รามอสเองหนักกว่าผมมันขาหักและซี่โครงร้าวเหมือนกันต้องพักยาวเป็นเดือน มันอาฆาตทุกคนที่อยู่ข้างผม และจะกลับมาคิดบัญชีทั้งหมดทีหลังและเพราะการต่อสู้ครั้งนั้นที่ทำให้โรงเรียนอยู่กันอย่างสงบขึ้นเรื่องมันผ่านมาเกือบปีแล้ว และตอนนี้พวกมันกำลังเริ่มเคลื่อนไหวผมจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี
เวลาเดียวกัน
ฉันกำลังกำลังเดินไปหน้าโรงเรียนอย่างหงุดหงิดสุดๆ ไอ้บ้ามังกรมันหายหัวไปเลยสารเลวจริงๆ แพ้แล้วหนีเหรอเดี๋ยวแม่จะอาละวาดให้พังพินาศให้หมดเลย....คอยดูน่ะ
“ใครเห็นมังกรน้อยของฉันบ้าง” เสียงของฉันดังสนั่นไปทั่วอาคาร สายตากลับสะดุดไปเห็นเช แล้วทำไมพวกนักเรียนถึงได้ไปยืนอออยู่ที่หน้าประตูรร.ไม่ออกไปกันสักทีละเกะกะขวางทางจริงๆ
“พวกมันรู้ได้ยังไงกันว่าช่วงนี้ไอ้มังกรมันไม่อยู่ ซวยแน่ๆ” หนุ่มร่างหนาหน้าตาคมเข้มยืนบ่นกับเช รู้สึกว่าไอ้หมอนี่จะเป็นหัวหน้ากลุ่มอินทรีที่ชื่อกัส ดีละหัวหน้าฝ่ายข่าวมาเองแบบนี้ฉันอยากจะถามถึงไอ้ชั่วมังกรจริงๆกล้าผิดคำพูดได้ยังไง
จึกๆ
ฉันสะกิดเวกัสเบาๆ เขาหันมามองพลางสะดุ้งอะไรกันว่ะทำเป็นขวัญอ่อนไปได้ผู้ชายจิงปะเนี่ย
“นายรู้ไหม ตอนนี้ลูกมังกรน้อยของฉันหายหัวไปไหน”
“ไม่รู้สิ พวกเราติดต่อไม่ได้” ฉันเลิกคิ้วมองเหมือนไม่อยากเชื่อ
“ แล้วข้างนอกมีอะไรกัน ทำไมไม่ยอมกลับบ้านกันสักที ” คราวนี้ 2 หนุ่มทำหน้าเครียด มันมีอะไรกันฟร่ะแต่ยังไม่ทันจะมีใครตอบอะไรก็มีเสียงตะโกนดังแทรกขึ้นมา เอะอะจริงงงง อย่าให้รู้นะว่าใคร !!
“ไปเรียกไอ้มังกรออกมา ถ้าไม่อย่างนั้นกูจะถล่มโรงเรียนนี้ให้พินาศย่อยยับไปเลยคอยดู” ฉันหันไปมองทางต้นเสียง แต่ก็ไม่เห็นคนพูดเพราะนักเรียนชายมากมายยืนบังเอาไว้หมด นักเรียนหญิงต่างพากันขยับถอยยืนอยู่ด้านหลังของฉัน
“ใครมันเห่าน่ะ พวกนายบอกฉันมาสิ”
“ไอ้มาส หัวหน้ากลุ่มงูสมุนของไอ้รามอส เมื่อก่อนพวกมันก็เรียนที่นี่นั่นแหละแต่โดนมังกรขับไล่ออกไป มันเลยแค้นจัดวันนี้มันคงจะมาแก้แค้น ” ฉันพยักหน้ารับรู้
“มันมาประมาณกี่คนน่ะ”
“ราวๆ 50 คนได้ แต่พวกมันเก่งกันมากนะพวกเราคงเอาไม่อยู่” กัสตอบ ฉันหยิบกระเป๋าขึ้นมาค้นๆ เอาบางสิ่งออกมาแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“สั่งให้นักเรียนทุกคนเข้าไปหลบอยู่ในโรงอาหารห้ามออกมาจนกว่าฉันจะเรียก และเปิดทางปล่อยให้พวกมันเดินเข้ามาจากนั้นปิดประตูซะให้คนเฝ้าไว้สัก 5 คนหากใครมันก้าวเท้าออกไปให้จัดการซะ” กัสพยักหน้าแล้วรีบไปจัดการ ส่วนฉันก็นั่งรอเวลา
“งูนะ...ฉันจะจัดการมันเอง”
“ไอ้มังกรมันอยู่ไหนไปเรียกมันออกมา” มาสตะโกนลั่นขณะเคลื่อนพลเข้าไปที่กลางสนามฟุตบอลเขาเห็นพวกเด็กโรงเรียนนี้ถอยร่นเข้าไปในโรงอาหารเขาเลยไปตั้งทัพรอกลางกลางสนามฟุตบอล บ้าระห่ำกันซะจริง แถมยังไปยืนอยู่กลางแดดกลางฝนกันละ นี่พึ่งจะบ่ายสามโมงครึ่งแดดก็ยังไม่หายไปเลย เฮ้ออ
“ นายเป็นใครเหรอ ” สาวน้อยพูดพร้อมเดินเข้ามาหาอย่างช้าๆ ในมือกอดกระเป๋านักเรียนเอาไว้
“ เธอเป็นนักเรียนที่นี้ใช่ไหม? ” มาสยิ้มกริ่มแล้วเดินเข้าไปกระชากร่างบางตรงหน้า " แล้วรู้จักไอ้บ้ามังกรรึเปล่า? "
“ มังกร....” สาวสวยเลิกคิ้วนิดๆ เอ่ยถามยิ้มๆ " อ๋อ ! ไอ้บ้ามังกือมังกรนั้นเหรอ อือๆรู้จักสิ " สาวเจ้าคลี่ยิ้มออกอย่างเห็นได้ชัด มาสค่อยๆหัวเราะออกมาเบาๆ
“ นั้นสิๆ ไอ้บ้ามังกรมันนั่นเธอรู้รึเปล่าว่ามันอยู่ไหน ”
" มันก็อยู่ตรงหน้าแกนี่ไงละ !!! " ควันที่ลอยมาจากไหนไม่รู้ทำให้พวกกลุ่มงูสำลักเข้าไปแทบไม่ตั้งตัว “พอควันจางลง......ขยี้พวกงูมันให้เละ!!!” สาวสวยออกคำสั่งสุดโหด ทุกคนพยักหน้ารับเมื่อเห็นกลุ่มควันเริ่มเบาบางลงแล้ว จึงพากันวิ่งกรูลงไปที่สนามจากนั้นไม่นานสภาพของกลุ่มงูก็เหลือแต่ซากทุกคนต่างสะบักสะบอมบาดเจ็บสาหัส สาวโหดเดินเอื่อยๆ เข้าไปยังร่างของหัวหน้ากลุ่มที่นอนหงายเนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่นและเลือด
“ยังอยากปากดีกับฉันอีกไหม ??” พูดพลางกระทืบไปที่เข่าข้าวขวาสุดแรง เสียงกระดูกหลุดดังออกมาจนคนที่ได้ยินถึงกับสะดุ้งกันด้วยความกลัว มาสทำหน้างุนงงแต่ความเจ็บช่วงท้องมันแล่นเข้ามาโดยลืมความงุนงงไปทีเดียว
“ อย่ามองฉันแบบนั้น....เพราะฉันไม่ชอบ!!!” ว่าแล้วก็กระทืบไปที่เข่าอีกข้างอย่างเต็มแรง กระดูกหลุดอีกเหมือนกันคนอื่นๆ พากันเบือนหน้าหนีกับสิ่งที่เกิดขึ้นมีแต่สาวเจ้าที่ดูจะสนุกสนานกับการกระทำซะเหลือเกิน เสียงหัวเราะอย่างเด็กๆ มันทำให้คนในพื้นที่กลับลืมไม่ลง
“แค้นฉันละสิคิดจะมาเอาคืนอีกด้วยใช่ม่ะ......งั้นคงต้องรอนานหน่อยนะ” พูดจบก็จับไปที่แขนแล้วบิดอย่างแรงจนกระดูกแขนของชายหนุ่มหักดังลั่นชายหนุ่มทนความเจ็บปวดไม่ไหวสลบเหมือดลงไป จากนั้นสาวเจ้าก็เข้าไปหยิบโทรศัพท์ของหนุ่มผู้โชคร้ายออกมา
“หัวหน้าตัวจริงของพวกมันชื่อไรนะเช” สาวน้อยถามเสียงดุ
“รามอส” จากนั้นเจ้าตัวก็กดดูเบอร์ของผู้ชายคนนั้นและโทรออก
[ว่าไง....เรียบร้อยดีละสิน่ะ] ปลายสายพูดทันทีที่กดรับ สาวเซ็กซี่ยิ้มเหี้ยมตอบเสียงดัง
“มึงมาเก็บศพเด็กของมึงด้วย มันรกโรงเรียนของกู ติ๊ด !” พูดจบก็รีบกดวางสายก่อน มือบางที่กำเข้าหากันแน่นทำให้โทรศัพท์ของมาสแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“ลากไอ้พวกสวะพวกนี้ไปไว้นอกโรงเรียน หากพรุ่งนี้ยังมีไอ้ตัวไหนหลงเหลืออยู่ กูจะเผามันเอง” พูดจบก็เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
“ แม่ยอดหญิงของกู คิดแล้วเสียวจิงๆ ” ทุุกคนที่เคยโดนฤทธิ์เดชมาแล้วเอ่ยเสียงเข้ม คนอื่นๆ ที่ได้ยินต่างหยักหน้ารับหากมีแต่กัสที่ยิ้มแย้มออกมาอย่างชื่นชม
" เอ๊ะ !? .... ว่าไงยัยอัปลักณ์ " ฮาาา...เสียงของหมาตัวไหนกันหน่อออ " เดินเอ่ยเฉื่อยแบบนั้น เดี๋ยวก็สะดุดหรอก "
" อ่าวว ! นึกว่าใครที่แท้ยัยหน้าอกภูเขาไฟนั้นเอง ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงนะ " ศัตรูกันมันก็จะกลายเป็นคู่หูกันอยู่วันยังค่ำ หลังจากที่เคลียร์เรื่องไปเมื่อวันนั้นอยู่ๆไอ้ความกร่างเหมือนวันเจอกันครั้งแรกก็หายวับไป ฉันเองก็ยังงงๆอยู่เลย แถมยังมีอีกคนที่ติดพ่วงมา....ยัยน่า ลืมมันไปจริงๆเลยว่ายัยนี่มันก็มีตัวตน พวกเรายืนคุยกันอยู่หลายนาทีก่อนจะแยกทางกันไปคนละทิศละทาง
ฉันอ่านการ์ตูนจบไปหนึ่งเล่มในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนที่จะมองหาหนังสือเล่มใหม่ แต่หนังสือที่ฉันอยากจะอ่านมันดันถูกวางไว้บนชั้นสูงสุดของชั้นวาง ซึ่งมันสูงมาก! ฉันเองก็มั่นใจแล้วนะว่าส่วนสูงฉันมันมากพอเมื่อเทียบกับนักเรียนหญิงคนอื่นๆ ในโรงเรียนหญิงล้วน แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ ฉันกลับเตี้ยลงทันตา แต่ความพยายามของฉันมันไม่สิ้นสุดแค่นั้นหรอกนะ เขย่งให้ถึงที่สุดสิ เชื่อในทฤษฎีการยืดหดของกล้ามเนื้อ พยายามยืดตัวให้ได้มากที่สุดเพื่อจะหยิบหนังสือเล่มนั้นให้ได้!!
แล้วไอ้อาการเจ็บที่ข้อมือแปลบๆ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เลิกพยายามหรอกนะ!! และในขณะที่ความพยายามของฉันกำลังจะประสบความสำเร็จ ฉันก็เห็นว่ามีมือมือหนึ่ง เอื้อมมาหยิบหนังสือเล่มนั้นไปได้อย่างง่ายดาย
“อะนี่” ชายร่างสูงที่หยิบหนังสือการ์ตูนลงมาจากชั้นวางอันสูงลิ่วได้โดยไม่ลำบาก ยื่นหนังสือการ์ตูนให้ฉันที่หดตัวลงมายืนในท่าปกติอยู่เบื้องหน้าของเขา
“ขอบคุณคะ” ฉันยิ้มแหย่ๆ ให้ก่อนจะรับหนังสือการ์ตูนมา (_ _!)
ผู้ชายใจดีคนนี้เท่าที่กะด้วยสายตา เขาน่าจะสูงกว่าลุกมังกรตัวน้อยเลยด้วยซ้ำ… เป็นชายหนุ่มที่แค่มองจากภายนอกก็รู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งภายใต้เสื้อยืดสีขาวตัวบางที่เขาสวมใส่อยู่ ผิวขาวสะอาด ตัดผมทรงสกินเฮด มีใบหน้าที่เรียบสนิทแต่แววตากลับดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
.
.
.
.
.
.
#หนุ่มคนนี้คือใครกันหน่อออ
TBC '. oo2
--------------------------------------------150%--------------------------------------------------------
คือแบบว่าอยากให้อ่านกันอย่างเข้าใจและลึกซึ้งมากกว่านี้ ไรต์เลยจัดแจงเขียนเนื้อเรื่องใหม่โดยใช้ความพยายาม
ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีไรต์เขียนเนื้อเรื่องแบบเก่าแล้วรู้สึกมึนหัวนิดๆหน่อยๆ ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ ส่วนเนื้อเรื่องอาจจะทำการเปลี่ยนแปลงหรืออะไรยังไง แล้วไรต์จะมาจัดแจงให้อีกทีนะคะ
รักและ..... :3
อัพลงวันที่
21 10 2557.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ