แวมไพร์นักร้องปะรองนายฮันเตอร์นักรัก

-

เขียนโดย คอนเฟตี้

วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 00.35 น.

  2 ตอน
  2 วิจารณ์
  4,742 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 กันยายน พ.ศ. 2557 00.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) วันที่เริ่มเรื่อง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
   ฉัน 'โซน่า' เป็นแวมไพร์และเป็นนักร้องนำวง 'เรโซแนนซ์' หรือที่เรียกกันว่า 'วงเสียงสะท้อน' เป็นวงร็อคที่สมาชิกของวงจะแต่งหน้าตาให้เหมือนกับผีดูดเลือดหรือ 'แวมไพร์' นั้นละ 
 
   แต่ด้วยความที่ฉันเองก็เป็นแวมไพร์และสมาชิกอีก3คนก็เช่นกัน ทำให้เราแทบจะไม่ต้องแต่งตัวหรือทำท่าทางให้เหมือนแวมไพร์เลย
 
"โซน่า! จะเริ่มแล้วนะ!.."เสียงของสมาชิกวงคนหนึ่งทักดังขึ้นก่อนที่สายตาฉันจะจับจ้องมองไปที่ต้นเสียง
 
"อืม ฉันกำลังจะไป!.."ฉันตะโกนบอกด้วยเสียงที่มีก่อนที่จะเดินตามไป เสียงภายนอกห้องแต่งตัวเริ่มมีเสียงฮือฮาของผู้คนดังขึ้น นั้นเป็นสิ่งที่บอกได้เลยว่า คอนเสิร์ตได้เริ่มขึ้นแล้ว..
 
"เอาละทุกคน! พร้อมเผชิญหน้าค่ำคืนอันแสนยาวนานแล้วหรือยัง!"เสียงของฉันดังขึ้นเมื่อมาหยุดยืนอยู่บนเวที ด้านซ้ายมือของฉันคือชายหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มเป็นมือเบสของวงชื่อว่า 'ไอเดีย' หรือก็คือความคิดนั้นละ ไอเดียเป็นคนฉลาดนิ่งๆเย็นชาจึงถือได้ว่าเป็นหัวสมองของวงและให้คำแนะนำกับวงได้ดีที่สุด
 
   ส่วนด้านขวามือฉันคือชายหนุ่มผมสีแดงสด 'ฟิลลิ่ง' หรือก็คือความรู้สึก เป็นมือกีต้าของวง ฟิลลิ่งเป็นคนที่มีนิสัยร่าเริงเฮฮาและบ้าที่สุด จึงถือได้ว่าเป็นคนที่วงเราเชื่อใจให้เขียนเนื้อหาของเพลงเลยละ
 
   และสมาชิกคนสุดท้ายมือกลองของวงชายหนุ่มหัวเขียว 'บีลีฟ' หรือก็คือความเชื่อ บีลีฟเป็นคนที่เคร่งเรื่องจังหวะและท้อนโน๊ตมากทำให้เขามักจะได้รับหน้าที่ให้เขียนจังหวะและตัวโน๊ต แน่นอนเขาเป็นคนที่นิสัยดี..มั้งนะ..
 
   เมื่อเสียงจังหวะบทเพลงของวงเราเริ่มขึ้น สิ่งที่ฉันคิดตอนนั้นน่ะเหรอ…     เรื่องมหัศจรรย์ไงละ!..  
 
   ใบหน้าของผู้คนเริ่มมีแต่ความสนุกเมื่อฉันเริ่มร้องเพลงทุกคนต่างก็หลับตาลงแล้วสะบัดไฟไปมาเหมือนรู้ว่าเพลงนี้ควรจะฟังแบบไหน ยังไง ที่ไหน และเมื่อไร หลังจากการแสดงจบลงพวกเราก็ค่อยๆเดินลงมาจากเวทีด้วยความสนุกสนานด้วยเช่นกัน
 
“สุดยอดฉันชอบมากเลยละท้อนฮุกของเพลงน่ะ~ ฉันเป็นคนแต่งเองเลยนะเนี่ย~”ฟิลลิ่งเอ่ยขึ้นหลังจากที่ลงมาจากเวทีด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ยังไงยังงั้น
 
“เอาเถอะ..ยังไงขอแค่วงเราดังแบบนี้ไปเรื่อยๆมันก็น่าสนุกขึ้นนั้นแหละ~”บีลีฟพูดขึ้นแล้วส่งยิ้มมาให้ฉันเหมือนต้องการจะสื่อว่าเป็นเพราะฉันวงเลยดังได้ขนาดนี้
  
เอาเหอะขอแค่พวกเราอยู่ใกล้กัน..ความลับเรื่องแวมไพร์..ก็คงจะไม่มีทาง..โดนจับได้หรอก..มั้งนะ..
 
   เมื่อเวลายามราตรีมาถึง งานเลี้ยงของเหล่านักร้องวงร็อคทั่วประเทศก็เริ่มขึ้น งานนี้มีชื่อที่ฟังแล้วดูดีว่า’งานสังสรรค์ของเหล่าปีศาจ..’ฟังดูแล้วลื่นหูดีใช่ไหมละ แน่นอนงานนี้เป็นงานวงร็อคเพราะงั้นคนทั้งงานก็ต้องแต่งตัวเป็นปีศาจตามชื่อของงานด้วยเช่นกัน
 
“อ้าวแหม~ นักร้องนำวงเรโซแนนซ์ก็มาด้วยเหรอค่ะเนี่ย แบบนี้เป็นเกียรติมากเลยละค่ะที่ได้เจอ~..”เสียงของหญิงสาวสูงอายุดังขึ้นก่อนที่สายตาของฉันจะมองไปที่ต้นตอของเสียงก็พบกับ..หญิงสาวในชุดเดรสยาวสีแดงแย้มยิ้มให้
 
   แค่ดูก็รู้ยัยป้าแก่นี้ตั้งใจแต่งเป็นผีดูดเลือดชัว แต่ว่าขอโทษนะแวมไพร์เขาไม่พยายามเป็นจุดสนใจโดยการใส่ชุดกระโปงยาวสีแดงสดขนาดนี้หรอก
 
“แหม ชมกันซะขนาดนั้นฉันเองก็เขินเป็นเหมือนกันนะค่ะ~”ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สดใสเหมือนเด็กๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้เจ้าหล่อนอย่างสนุกสนาน
 
   หญิงสาววัยสูงอายุมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพูดคำบางคำขึ้นมาทำให้ฉันรู้สึกว่าป้าแกควรรู้อะไรมากกว่านี้อีกเยอะ!
 
“แต่ดูแล้วนักร้องนำวงเรโซแนนซ์แต่งตัวไม่สมกับบุคลิคของวงเลยนะค่ะ แต่งตัวแบบเนี่ยไม่เหมือนแวมไพร์เลยควรจะเพิ่มสีแดงแล้วลดสีดำลงซักหน่อย แล้วปากก็น่าจะเป็นสีแดงเข้มนะค่ะไม่ใช่สีดำ~”หญิงสาวสูงอายุยังคงพูดต่อไปพรางมองหน้าฉันแล้วยิ้มอย่างดูถูกเหมือนกับจะบอกว่าคนที่ควรเป็นนักร้องนำวงเรโซแนนซ์ไม่ควรเป็นฉันแต่ควรเป็นเจ้าหล่อนเองมากกว่า..
 
   สิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้คือสิ่งที่จะแสดงให้เห็นว่าฉันทนไม่ไหวกับการที่จะต้องมายืนคุยกับป้าแก่บ้านวนิยายเพราะดูแวมไพร์จากแค่ในหนังสือแล้ว
 
“คุณควรจะเรียนรู้อะไรนอกจากในหนังสือบ้างนะค่ะ..ไม่ใช่เอาแต่อ่านกับดู แต่ควรศึกษาเรียนรู้อะไรให้มากกว่านี้อีกซักนิด~”เมื่อฉันเอ่ยจบเท้าของฉันก็รีบเดินออกจากงานโดยไม่สนใจแขกอื่นที่กำลังจะเข้ามาทักแต่ฉันสังเกตเห็นนะป้าแกดูท่าจะอยากฆ่าฉันมากเลยละ เอาเหอะยังไงพวกมนุษย์ก็ไม่ควรรู้อะไรตอนนี้ละนะ..
 
   ฉันเดินออกมานอกงานโดยยืนอยู่ที่หน้าระเบียง อากาศภายนอกเย็นสบาย มีลมพัดผ่านเข้ามาเบาๆเป็นครั้งครา มันทำให้รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้องที่มีเพียงอากาศ ไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม ไม่มีคนอยู่และไม่มีอะไรให้ต้องคิด..
 
   จากนั้นเสียงฝีเท้าของใครบ้างคนก็เดินเข้ามาใกล้ฉันขึ้นเรื่อยๆ แต่แน่นอนฉันแยกฝีเท้านั้นออกดี คนที่กำลังเดินมาใกล้คือฟิลลิ่ง ฉันรู้ได้ยังไงน่ะเหรอก็เพราะเขาเป็นคนที่เดินดังที่สุดในกลุ่มเราน่ะสิ เดินดังซะจนพื้นแทบจะพังแตกแยกออกเป็นเสี่ยงๆเลยละ เหมือนคนบ้ายังไงยังงั้น..
 
“มีอะไรเหรอ..?”ฉันเอ่ยขึ้นก่อนที่จะหันไปมองเขาอย่างสงสัย หนุ่มร่างใหญ่พร้อมชุดสีดำชุดเดียวกับตอนงานคอนเสิร์ตยิ้มให้อย่างสดใสแล้วเอ่ยขึ้น
 
“แค่สงสัยน่ะว่าเธอไม่ชอบงานปาตี้รึเปล่า~”ฟิลลิ่งเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงพรางเดินมาหยุดยืนที่ด้านขวามือของฉันแล้วหันมามองอย่างสงสัยเหมือนต้องการจะฟังคำตอบที่มาจากใจฉันจริงๆ..
 
“เปล่า..แค่ไม่ค่อยชอบคนเยอะๆน่ะ..”ฉันเอ่ยขึ้นก่อนจะหันกลับไปมองนอกระเบียงเช่นเคย หน้าตาฉันตอนนี้คงเหมือนกับคนกำลังอมทุกข์แบบสุดๆเลยสินะเขาถึงมองมาที่ฉันโดยไม่ส่งรอยยิ้มสนุกสนานมาให้เหมือนยังตอนอยู่ในงานคอนเสิร์ตเลยแม้แต่น้อย..
 
   หลังจากฉันพูดไปฟิลลิ่งไม่พูดอะไรเพียงยิ้มให้แล้วหันหน้ากลับเข้าไปมองที่งานแล้วยิ้มออกมาโดยไร้เหตุผล เขาคงคิดว่าตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียวละมั้งเนี่ย เอาเถอะยังไงอยู่แบบนี้..ก็ดีกว่าตอนโวยวายละนะ..
 
   หลังจากงานเลี้ยงยามราตรีจบลงฉันก็ออกมาจากงานแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ ‘ตอนนี้ก็ได้เวลาล่าเหยื่อของพวกเราแล้ว’ ฉันคิดในใจแล้วจึงค่อยๆเดินออกไป ทางที่ฉันเดินมักจะไม่มีแสง ทางที่ฉันเดินมักจะไม่ค่อยมีคน และทางที่ฉันเดินมักจะผ่านทางสถานี เพราะอะไรถึงต้องเป็นสถานี..แน่นอนเพราะเวลานี้จะมีเหล่าสาวๆเลือดหวานๆเดินเที่ยวกันอยู่น่ะสิ~
 
   หลังจากเดินได้ซักพักเหยื่อรายแรกของวันก็ปรากฏตัวขึ้น เธอเป็นผู้หญิงน่าจะอายุประมาณซัก15-16เป็นผู้หญิงผมยาวสีดำ ตากลมโต ผิวออกสีขาวสวย นั่งรอรถอยู่คนเดียว แหมเวลาแบบนี้แหละที่ฉันชอบที่สุด~
 
“อะ..เอ่อ..ขอโทษนะค่ะคุณใช่นักร้องวงเรโซแนนซ์รึเปล่าค่ะ..?”เสียงเด็กสาวผมยาวทักขึ้นก่อนที่เจ้าหล่อนจะเดินตรงมาที่ฉัน ซึ่งนั้นแหละดีแล้ว..
 
“อืมใช่~”ดูจากการตอบของฉันก็รู้แล้วว่าฉันเป็นคนดีขนาดไหน..ถ้าฉันเป็นคนนะน่ะ..
 
“ว้าว~ ใช่จริงด้วย..ฉันเป็นแฟนพันธุ์แท้ของคุณเลยค่ะ ไม่ทราบว่าจะขอลายเซ็นได้ไหมค่ะ~”เด็กสาวเอ่ยถามขึ้นพร้อมยื่นผ้าเช็ดหน้าสีชมพูอ่อนให้ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะเริ่มมีสีแดงจางๆด้วยความเขินอาย..
 
“ได้สิ~”ฉันรับผ้าเช็ดหน้าของเธอมาเซ็นชื่อของฉันลงบนผ้าเช็ดหน้าสีชมพูอ่อนของเด็กสาวก่อนที่จะมองสังเกตต้นคอของเธออย่างสนใจ
 
“ขอบคุณมากค่ะ~”เด็กสาวเอ่ยขึ้นก่อนจะรับผ้าเช็ดหน้ากลับคืนไปแล้วยิ้มให้ฉันอย่างมีความสุข
 
   แน่นอนเมือเธอได้ลายเซ็นของฉัน คราวนี้..ถึงตาเธอต้องเป็นฝ่ายให้ฉันบ้างแล้วละ..ฉันปิดตาเด็กสาวจากด้านหลังแล้วทำให้เธอสลบไปจากนั้นจึงค่อยๆก้มตัวลงกัดเข้าที่ต้นคอ ความรู้สึกเมื่อเลือดไหลเข้ามาในร่างเหมือนกับกำลังได้พลังจากที่อื่นเข้ามา ความรู้สึกนี้ไม่เคยทำให้ฉันลืมได้เลย..
 
   หลังจากดูดเอาเลือดในตัวเด็กหญิงออกฉันก็ค่อยๆวางเธอลงบนเก้าอี้ตัวเดิมแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเดินออกมาจากสถานีใต้ดินสิ่งที่ฉันเห็นคือเหล่าสมาชิกของวงทั้ง3คนยืนรอฉันอยู่ที่ด้านบนแล้ว ดูเหมือนพวกเขาจะตามมาดูเพราะความเป็นห่วง ไม่ก็..เจอเหยื่อแถวนี้เช่นกัน
 
“เอาละกลับกันเถอะ~”ฉันเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินผ่ากลางของทั้ง3คนแล้วเดินก้มหน้าก้มตากลับไปที่พักอย่างอารมณ์ดี..
 
   เมื่อเวลายามเช้ามาถึงฉันตื่นนอนขึ้นมาในห้องอาพาธเมนของตัวเอง ห้องของฉันเป็นห้องบนสุด รวมชั้นนี้ทั้งชั้นก็จะมีฉันและสมาชิกของวงเรโซแนนซ์เท่านั้น เนื่องจากว่าเจ้าของอาพาธเมนสุดหรูแห่งนี้รู้จักพวกเรา หรือจะเรียกว่าบ้าเพลงของวงเราอย่างมากก็ได้ เขาจึงอนุญาตให้วงเราพักอยู่ขั้นบนสุด
 
   เมื่อฉันทำภารกิจส่วนตัวเสร็จฉันก็เดินมาที่โต๊ะกินข้าวแล้วเตรียมอาหารด้วยตัวเอง ทั้งเลือดสดที่เตรียมไว้ในตู้เย็น แต่ว่าอาหารที่เรากินก็เหมือนกันมนุษย์ ฉันกินข้าวร้านสะดวกซื้อและเลือดสดที่ได้มาจากเหยื่อเมื่อคืนนี้
 
   เสียประเคาะประตูดังขึ้นทำให้ฉันตกใจมาก ใครจะไปคิดละว่าเวลาแบบนี้จะมีใครมาหา เอาไงดีละทีนี้ฉันรีบวิ่งแจ้นเอาเลือดสดเก็บใส่ตู้เย็นอย่างรีบร้อนแล้วล้างปากตัวเองที่มีกลิ่นเลือดติดอยู่เต็มขอบปาก เมื่อจัดการของเสร็จหมดฉันจึงเดินมาเปิดประตูห้องทั้งชุดนอนของฉัน ฉันใส่เสื้อก้ามสีดำและกางเกงขาสั้นสีดำ เอาเถอะก็ไม่แปลกละนะ ฉันเป็นแวมไพร์ใส่แบบนี้ก็คงถูกต้องที่สุดแล้วละเมื่อฉันเปิดประตูออกก็พบกับคนที่ทำให้ฉันแทบจะบ้าตาย
 
“ฟิลลิ่ง! บีลีฟ! ไอเดีย! ให้ตายเถอะพวกนายทำฉันตกใจนะ!~”เมื่อกี้ฉับแทบจะล้มสะดุดลงกับพื้นแต่ที่ไหนได้กลายเป็นว่าเจ้าพวกสมาชิกวงของฉันเองงั้นเหรอเนี่ย รู้เงี่ยไม่เปิดประตูให้ก็ดีละ
 
“อะไรกันคนอุส่ามาหาทำไมทำหน้าเหนื่อยใจแบบนั้นละ~”ฟิลลิ่งทักขึ้นพรางมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า สงสัยเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นฉันใส่ชุดนอนละมั้งเนี่ย มองซะเหมือนเจอเหยื่องั้นละ
 
“นิคราวหน้าคราวหลังก่อนจะเปิดประตูเธอน่าจะแต่งตัวกับหน้าให้ดีก่อนนะ แบบเนี่ยวงเราก็ไม่ขลังน่ะสิ!~”ตามมาด้วยบีลีฟจอมเคร่งครัดที่สุดในกลุ่ม ให้ตายเถอะทำไมพวกเขาต้องมาเอาแต่รุมว่าฉันด้ายเนี่ยคนพึ่งตื่นจะให้แต่งหน้าแต่งตัวตอนเช้าทั้งๆที่ไม่ได้ออกไปไหนหรือทำอะไรเนี่ยนะ
 
“ช่างฉันเถอะน่า~ ตอนเช้าๆที่ไม่ต้องออกไปไหนแบบเนี่ยพวกนายยังจะแต่งตัวจัดเต็มกันอีกเหรอเนี่ย!”ฉันพูดพรางเดินเข้ามาในห้องแล้วเปิดประตูทิ้งไว้เพราะรู้ได้เลยว่ายังไงเจ้าพวกนี้ก็ต้องเข้ามาด้านในแหงๆ
 
“ใครว่าไม่ไปไหนละ เดี๋ยวพวกเราก็ต้องออกไปซ้อมอีกนะ แล้วต่อไปก้มีอีเว้นที่กลางเมืองอีก~”บีลีฟพูดพรางเดินเข้ามาในห้องช้าๆ ส่วนอีกสองคนแน่นอนเข้ามาด้านในแล้วปิดประตูเหมือนกัน
 
“ห๊ะ!! นี้ยังมีงานอีกเหรอเนี่ย! โอ้ย~ ไม่เอาอะฉันเหนื่อยแล้ว~”ฉันบ่นเหมือนเด็กๆพรางเดินไปล้มตัวนอนกลิ้งบนเตียงนอนของตัวเองอย่างเบื่อหน่าย
 
   ให้ตายเถอะเจ้าพวกนี้ไม่คิดจะให้กำลังใจฉันเลยเหรอเนี่ย พวกนี้ยังคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงจริงรึเปล่าเนี่ย~ เบื่อแล้วอะ คนมันขี้เกียจแล้วนินาเมื่อวานก็คอนเสิร์ต วันนี้ก็อีเว้น คนมันเหนื่อยแล้วนะ~
 
“อย่าดื้อน่าโซน่าเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าชอบทำงานน่ะ เพราะงานเราเลยหาเหยื่อได้เรื่อยๆนะ~ ถ้าอยู่ๆจะมาเลิกน่ะมันไม่ทันแล้วละ!~”น่ากลัวอะ~ บีลีฟตะคอกใส่ฉันอย่างไม่ยั้ง แต่อีกสองคนกลับไปเตรียมอาหารแล้วยังแอบกินเลือดของฉันในตู้เย็นอีกให้ตายเถอะเจ้าพวกนี้คอยดูนะจะจัดการดู
 
“งั้นฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วกัน จะทำอะไรก็ทำไปเลย~”ฉันพูดพรางสะบัดหน้าหนีแล้วเดินไปเอาชุดที่ตู้แล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำไป
 
“ให้ตายเถอะชอบทำตัวเองเด็กๆไปได้นะโซน่าเนี่ย~”บีลีฟพูดพรางเดินมาสมทบกับเพื่อนร่วมวงอีกสองคน
 
“แต่ก็เพราะแบบนั้นไม่ใช่เหรอ..เราถึงยังอยู่ใกล้โซน่ะ..”ไอเดียพูดพรางมองที่บีลีฟเหมือนต้องการจะสื่ออะไรซักอย่าง
 
“นั้นสินะ เพราะโซน่าเป็นคนอย่างงี้เราเลยแอบชอบเธอมาตั้งแต่เด็กแล้วนี้นะ~”ฟิลลิ่งพูดขึ้นพรางส่งยิ้มให้บีลีฟและไอเดียเพื่อเป็นการรู้กัน
 
“นั้นสินะ~ ฮ่าๆๆๆ”บีลีฟพูดขึ้นพรางทำให้ทั้ง3หัวเราะร่วมกันอย่างสนุกสนาน แต่ว่าพวกเขาคงไม่รู้ว่าตอนนั้นฉันเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วและกำลังแอบฟังพวกเขาพูดคุยกันจากในห้องน้ำ
 
   ขอโทดด้วยนะทั้ง3คน แต่ว่ากับพวกนายแล้วฉันไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปกว่าคำว่า ‘เพื่อน’ เลย เพราะงั้นถ้าพวกเขามาสารภาพรักกับฉันแล้วละก็..คำตอบที่ฉันจะมีให้..คงเป็น.. ‘ขอโทด’ ..

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา