แวมไพร์นักร้องปะรองนายฮันเตอร์นักรัก

-

เขียนโดย คอนเฟตี้

วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 00.35 น.

  2 ตอน
  2 วิจารณ์
  4,813 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 กันยายน พ.ศ. 2557 00.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) วันที่เริ่มเรื่อง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

   ฉัน 'โซน่า' เป็นแวมไพร์และเป็นนักร้องนำวง 'เรโซแนนซ์' หรือที่เรียกกันว่า 'วงเสียงสะท้อน' เป็นวงร็อคที่สมาชิกของวงจะแต่งหน้าตาให้เหมือนกับผีดูดเลือดหรือ 'แวมไพร์' นั้นละ 

 

   แต่ด้วยความที่ฉันเองก็เป็นแวมไพร์และสมาชิกอีก3คนก็เช่นกัน ทำให้เราแทบจะไม่ต้องแต่งตัวหรือทำท่าทางให้เหมือนแวมไพร์เลย

 

"โซน่า! จะเริ่มแล้วนะ!.."เสียงของสมาชิกวงคนหนึ่งทักดังขึ้นก่อนที่สายตาฉันจะจับจ้องมองไปที่ต้นเสียง

 

"อืม ฉันกำลังจะไป!.."ฉันตะโกนบอกด้วยเสียงที่มีก่อนที่จะเดินตามไป เสียงภายนอกห้องแต่งตัวเริ่มมีเสียงฮือฮาของผู้คนดังขึ้น นั้นเป็นสิ่งที่บอกได้เลยว่า คอนเสิร์ตได้เริ่มขึ้นแล้ว..

 

"เอาละทุกคน! พร้อมเผชิญหน้าค่ำคืนอันแสนยาวนานแล้วหรือยัง!"เสียงของฉันดังขึ้นเมื่อมาหยุดยืนอยู่บนเวที ด้านซ้ายมือของฉันคือชายหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มเป็นมือเบสของวงชื่อว่า 'ไอเดีย' หรือก็คือความคิดนั้นละ ไอเดียเป็นคนฉลาดนิ่งๆเย็นชาจึงถือได้ว่าเป็นหัวสมองของวงและให้คำแนะนำกับวงได้ดีที่สุด

 

   ส่วนด้านขวามือฉันคือชายหนุ่มผมสีแดงสด 'ฟิลลิ่ง' หรือก็คือความรู้สึก เป็นมือกีต้าของวง ฟิลลิ่งเป็นคนที่มีนิสัยร่าเริงเฮฮาและบ้าที่สุด จึงถือได้ว่าเป็นคนที่วงเราเชื่อใจให้เขียนเนื้อหาของเพลงเลยละ

 

   และสมาชิกคนสุดท้ายมือกลองของวงชายหนุ่มหัวเขียว 'บีลีฟ' หรือก็คือความเชื่อ บีลีฟเป็นคนที่เคร่งเรื่องจังหวะและท้อนโน๊ตมากทำให้เขามักจะได้รับหน้าที่ให้เขียนจังหวะและตัวโน๊ต แน่นอนเขาเป็นคนที่นิสัยดี..มั้งนะ..

 

   เมื่อเสียงจังหวะบทเพลงของวงเราเริ่มขึ้น สิ่งที่ฉันคิดตอนนั้นน่ะเหรอ…     เรื่องมหัศจรรย์ไงละ!..  

 

   ใบหน้าของผู้คนเริ่มมีแต่ความสนุกเมื่อฉันเริ่มร้องเพลงทุกคนต่างก็หลับตาลงแล้วสะบัดไฟไปมาเหมือนรู้ว่าเพลงนี้ควรจะฟังแบบไหน ยังไง ที่ไหน และเมื่อไร หลังจากการแสดงจบลงพวกเราก็ค่อยๆเดินลงมาจากเวทีด้วยความสนุกสนานด้วยเช่นกัน

 

สุดยอดฉันชอบมากเลยละท้อนฮุกของเพลงน่ะ~ ฉันเป็นคนแต่งเองเลยนะเนี่ย~”ฟิลลิ่งเอ่ยขึ้นหลังจากที่ลงมาจากเวทีด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ยังไงยังงั้น

 

เอาเถอะ..ยังไงขอแค่วงเราดังแบบนี้ไปเรื่อยๆมันก็น่าสนุกขึ้นนั้นแหละ~”บีลีฟพูดขึ้นแล้วส่งยิ้มมาให้ฉันเหมือนต้องการจะสื่อว่าเป็นเพราะฉันวงเลยดังได้ขนาดนี้

  

เอาเหอะขอแค่พวกเราอยู่ใกล้กัน..ความลับเรื่องแวมไพร์..ก็คงจะไม่มีทาง..โดนจับได้หรอก..มั้งนะ..

 

   เมื่อเวลายามราตรีมาถึง งานเลี้ยงของเหล่านักร้องวงร็อคทั่วประเทศก็เริ่มขึ้น งานนี้มีชื่อที่ฟังแล้วดูดีว่างานสังสรรค์ของเหล่าปีศาจ..’ฟังดูแล้วลื่นหูดีใช่ไหมละ แน่นอนงานนี้เป็นงานวงร็อคเพราะงั้นคนทั้งงานก็ต้องแต่งตัวเป็นปีศาจตามชื่อของงานด้วยเช่นกัน

 

อ้าวแหม~ นักร้องนำวงเรโซแนนซ์ก็มาด้วยเหรอค่ะเนี่ย แบบนี้เป็นเกียรติมากเลยละค่ะที่ได้เจอ~..”เสียงของหญิงสาวสูงอายุดังขึ้นก่อนที่สายตาของฉันจะมองไปที่ต้นตอของเสียงก็พบกับ..หญิงสาวในชุดเดรสยาวสีแดงแย้มยิ้มให้

 

   แค่ดูก็รู้ยัยป้าแก่นี้ตั้งใจแต่งเป็นผีดูดเลือดชัว แต่ว่าขอโทษนะแวมไพร์เขาไม่พยายามเป็นจุดสนใจโดยการใส่ชุดกระโปงยาวสีแดงสดขนาดนี้หรอก

 

แหม ชมกันซะขนาดนั้นฉันเองก็เขินเป็นเหมือนกันนะค่ะ~”ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สดใสเหมือนเด็กๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้เจ้าหล่อนอย่างสนุกสนาน

 

   หญิงสาววัยสูงอายุมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพูดคำบางคำขึ้นมาทำให้ฉันรู้สึกว่าป้าแกควรรู้อะไรมากกว่านี้อีกเยอะ!

 

แต่ดูแล้วนักร้องนำวงเรโซแนนซ์แต่งตัวไม่สมกับบุคลิคของวงเลยนะค่ะ แต่งตัวแบบเนี่ยไม่เหมือนแวมไพร์เลยควรจะเพิ่มสีแดงแล้วลดสีดำลงซักหน่อย แล้วปากก็น่าจะเป็นสีแดงเข้มนะค่ะไม่ใช่สีดำ~”หญิงสาวสูงอายุยังคงพูดต่อไปพรางมองหน้าฉันแล้วยิ้มอย่างดูถูกเหมือนกับจะบอกว่าคนที่ควรเป็นนักร้องนำวงเรโซแนนซ์ไม่ควรเป็นฉันแต่ควรเป็นเจ้าหล่อนเองมากกว่า..

 

   สิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้คือสิ่งที่จะแสดงให้เห็นว่าฉันทนไม่ไหวกับการที่จะต้องมายืนคุยกับป้าแก่บ้านวนิยายเพราะดูแวมไพร์จากแค่ในหนังสือแล้ว

 

คุณควรจะเรียนรู้อะไรนอกจากในหนังสือบ้างนะค่ะ..ไม่ใช่เอาแต่อ่านกับดู แต่ควรศึกษาเรียนรู้อะไรให้มากกว่านี้อีกซักนิด~”เมื่อฉันเอ่ยจบเท้าของฉันก็รีบเดินออกจากงานโดยไม่สนใจแขกอื่นที่กำลังจะเข้ามาทักแต่ฉันสังเกตเห็นนะป้าแกดูท่าจะอยากฆ่าฉันมากเลยละ เอาเหอะยังไงพวกมนุษย์ก็ไม่ควรรู้อะไรตอนนี้ละนะ..

 

   ฉันเดินออกมานอกงานโดยยืนอยู่ที่หน้าระเบียง อากาศภายนอกเย็นสบาย มีลมพัดผ่านเข้ามาเบาๆเป็นครั้งครา มันทำให้รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้องที่มีเพียงอากาศ ไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม ไม่มีคนอยู่และไม่มีอะไรให้ต้องคิด..

 

   จากนั้นเสียงฝีเท้าของใครบ้างคนก็เดินเข้ามาใกล้ฉันขึ้นเรื่อยๆ แต่แน่นอนฉันแยกฝีเท้านั้นออกดี คนที่กำลังเดินมาใกล้คือฟิลลิ่ง ฉันรู้ได้ยังไงน่ะเหรอก็เพราะเขาเป็นคนที่เดินดังที่สุดในกลุ่มเราน่ะสิ เดินดังซะจนพื้นแทบจะพังแตกแยกออกเป็นเสี่ยงๆเลยละ เหมือนคนบ้ายังไงยังงั้น..

 

มีอะไรเหรอ..?”ฉันเอ่ยขึ้นก่อนที่จะหันไปมองเขาอย่างสงสัย หนุ่มร่างใหญ่พร้อมชุดสีดำชุดเดียวกับตอนงานคอนเสิร์ตยิ้มให้อย่างสดใสแล้วเอ่ยขึ้น

 

แค่สงสัยน่ะว่าเธอไม่ชอบงานปาตี้รึเปล่า~”ฟิลลิ่งเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงพรางเดินมาหยุดยืนที่ด้านขวามือของฉันแล้วหันมามองอย่างสงสัยเหมือนต้องการจะฟังคำตอบที่มาจากใจฉันจริงๆ..

 

เปล่า..แค่ไม่ค่อยชอบคนเยอะๆน่ะ..”ฉันเอ่ยขึ้นก่อนจะหันกลับไปมองนอกระเบียงเช่นเคย หน้าตาฉันตอนนี้คงเหมือนกับคนกำลังอมทุกข์แบบสุดๆเลยสินะเขาถึงมองมาที่ฉันโดยไม่ส่งรอยยิ้มสนุกสนานมาให้เหมือนยังตอนอยู่ในงานคอนเสิร์ตเลยแม้แต่น้อย..

 

   หลังจากฉันพูดไปฟิลลิ่งไม่พูดอะไรเพียงยิ้มให้แล้วหันหน้ากลับเข้าไปมองที่งานแล้วยิ้มออกมาโดยไร้เหตุผล เขาคงคิดว่าตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียวละมั้งเนี่ย เอาเถอะยังไงอยู่แบบนี้..ก็ดีกว่าตอนโวยวายละนะ..

 

   หลังจากงานเลี้ยงยามราตรีจบลงฉันก็ออกมาจากงานแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ ตอนนี้ก็ได้เวลาล่าเหยื่อของพวกเราแล้ว ฉันคิดในใจแล้วจึงค่อยๆเดินออกไป ทางที่ฉันเดินมักจะไม่มีแสง ทางที่ฉันเดินมักจะไม่ค่อยมีคน และทางที่ฉันเดินมักจะผ่านทางสถานี เพราะอะไรถึงต้องเป็นสถานี..แน่นอนเพราะเวลานี้จะมีเหล่าสาวๆเลือดหวานๆเดินเที่ยวกันอยู่น่ะสิ~

 

   หลังจากเดินได้ซักพักเหยื่อรายแรกของวันก็ปรากฏตัวขึ้น เธอเป็นผู้หญิงน่าจะอายุประมาณซัก15-16เป็นผู้หญิงผมยาวสีดำ ตากลมโต ผิวออกสีขาวสวย นั่งรอรถอยู่คนเดียว แหมเวลาแบบนี้แหละที่ฉันชอบที่สุด~

 

อะ..เอ่อ..ขอโทษนะค่ะคุณใช่นักร้องวงเรโซแนนซ์รึเปล่าค่ะ..?”เสียงเด็กสาวผมยาวทักขึ้นก่อนที่เจ้าหล่อนจะเดินตรงมาที่ฉัน ซึ่งนั้นแหละดีแล้ว..

 

อืมใช่~”ดูจากการตอบของฉันก็รู้แล้วว่าฉันเป็นคนดีขนาดไหน..ถ้าฉันเป็นคนนะน่ะ..

 

ว้าว~ ใช่จริงด้วย..ฉันเป็นแฟนพันธุ์แท้ของคุณเลยค่ะ ไม่ทราบว่าจะขอลายเซ็นได้ไหมค่ะ~”เด็กสาวเอ่ยถามขึ้นพร้อมยื่นผ้าเช็ดหน้าสีชมพูอ่อนให้ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะเริ่มมีสีแดงจางๆด้วยความเขินอาย..

 

ได้สิ~”ฉันรับผ้าเช็ดหน้าของเธอมาเซ็นชื่อของฉันลงบนผ้าเช็ดหน้าสีชมพูอ่อนของเด็กสาวก่อนที่จะมองสังเกตต้นคอของเธออย่างสนใจ

 

ขอบคุณมากค่ะ~”เด็กสาวเอ่ยขึ้นก่อนจะรับผ้าเช็ดหน้ากลับคืนไปแล้วยิ้มให้ฉันอย่างมีความสุข

 

   แน่นอนเมือเธอได้ลายเซ็นของฉัน คราวนี้..ถึงตาเธอต้องเป็นฝ่ายให้ฉันบ้างแล้วละ..ฉันปิดตาเด็กสาวจากด้านหลังแล้วทำให้เธอสลบไปจากนั้นจึงค่อยๆก้มตัวลงกัดเข้าที่ต้นคอ ความรู้สึกเมื่อเลือดไหลเข้ามาในร่างเหมือนกับกำลังได้พลังจากที่อื่นเข้ามา ความรู้สึกนี้ไม่เคยทำให้ฉันลืมได้เลย..

 

   หลังจากดูดเอาเลือดในตัวเด็กหญิงออกฉันก็ค่อยๆวางเธอลงบนเก้าอี้ตัวเดิมแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเดินออกมาจากสถานีใต้ดินสิ่งที่ฉันเห็นคือเหล่าสมาชิกของวงทั้ง3คนยืนรอฉันอยู่ที่ด้านบนแล้ว ดูเหมือนพวกเขาจะตามมาดูเพราะความเป็นห่วง ไม่ก็..เจอเหยื่อแถวนี้เช่นกัน

 

เอาละกลับกันเถอะ~”ฉันเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินผ่ากลางของทั้ง3คนแล้วเดินก้มหน้าก้มตากลับไปที่พักอย่างอารมณ์ดี..

 

   เมื่อเวลายามเช้ามาถึงฉันตื่นนอนขึ้นมาในห้องอาพาธเมนของตัวเอง ห้องของฉันเป็นห้องบนสุด รวมชั้นนี้ทั้งชั้นก็จะมีฉันและสมาชิกของวงเรโซแนนซ์เท่านั้น เนื่องจากว่าเจ้าของอาพาธเมนสุดหรูแห่งนี้รู้จักพวกเรา หรือจะเรียกว่าบ้าเพลงของวงเราอย่างมากก็ได้ เขาจึงอนุญาตให้วงเราพักอยู่ขั้นบนสุด

 

   เมื่อฉันทำภารกิจส่วนตัวเสร็จฉันก็เดินมาที่โต๊ะกินข้าวแล้วเตรียมอาหารด้วยตัวเอง ทั้งเลือดสดที่เตรียมไว้ในตู้เย็น แต่ว่าอาหารที่เรากินก็เหมือนกันมนุษย์ ฉันกินข้าวร้านสะดวกซื้อและเลือดสดที่ได้มาจากเหยื่อเมื่อคืนนี้

 

   เสียประเคาะประตูดังขึ้นทำให้ฉันตกใจมาก ใครจะไปคิดละว่าเวลาแบบนี้จะมีใครมาหา เอาไงดีละทีนี้ฉันรีบวิ่งแจ้นเอาเลือดสดเก็บใส่ตู้เย็นอย่างรีบร้อนแล้วล้างปากตัวเองที่มีกลิ่นเลือดติดอยู่เต็มขอบปาก เมื่อจัดการของเสร็จหมดฉันจึงเดินมาเปิดประตูห้องทั้งชุดนอนของฉัน ฉันใส่เสื้อก้ามสีดำและกางเกงขาสั้นสีดำ เอาเถอะก็ไม่แปลกละนะ ฉันเป็นแวมไพร์ใส่แบบนี้ก็คงถูกต้องที่สุดแล้วละเมื่อฉันเปิดประตูออกก็พบกับคนที่ทำให้ฉันแทบจะบ้าตาย

 

ฟิลลิ่ง! บีลีฟ! ไอเดีย! ให้ตายเถอะพวกนายทำฉันตกใจนะ!~เมื่อกี้ฉับแทบจะล้มสะดุดลงกับพื้นแต่ที่ไหนได้กลายเป็นว่าเจ้าพวกสมาชิกวงของฉันเองงั้นเหรอเนี่ย รู้เงี่ยไม่เปิดประตูให้ก็ดีละ

 

อะไรกันคนอุส่ามาหาทำไมทำหน้าเหนื่อยใจแบบนั้นละ~”ฟิลลิ่งทักขึ้นพรางมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า สงสัยเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นฉันใส่ชุดนอนละมั้งเนี่ย มองซะเหมือนเจอเหยื่องั้นละ

 

นิคราวหน้าคราวหลังก่อนจะเปิดประตูเธอน่าจะแต่งตัวกับหน้าให้ดีก่อนนะ แบบเนี่ยวงเราก็ไม่ขลังน่ะสิ!~”ตามมาด้วยบีลีฟจอมเคร่งครัดที่สุดในกลุ่ม ให้ตายเถอะทำไมพวกเขาต้องมาเอาแต่รุมว่าฉันด้ายเนี่ยคนพึ่งตื่นจะให้แต่งหน้าแต่งตัวตอนเช้าทั้งๆที่ไม่ได้ออกไปไหนหรือทำอะไรเนี่ยนะ

 

ช่างฉันเถอะน่า~ ตอนเช้าๆที่ไม่ต้องออกไปไหนแบบเนี่ยพวกนายยังจะแต่งตัวจัดเต็มกันอีกเหรอเนี่ย!”ฉันพูดพรางเดินเข้ามาในห้องแล้วเปิดประตูทิ้งไว้เพราะรู้ได้เลยว่ายังไงเจ้าพวกนี้ก็ต้องเข้ามาด้านในแหงๆ

 

ใครว่าไม่ไปไหนละ เดี๋ยวพวกเราก็ต้องออกไปซ้อมอีกนะ แล้วต่อไปก้มีอีเว้นที่กลางเมืองอีก~”บีลีฟพูดพรางเดินเข้ามาในห้องช้าๆ ส่วนอีกสองคนแน่นอนเข้ามาด้านในแล้วปิดประตูเหมือนกัน

 

ห๊ะ!! นี้ยังมีงานอีกเหรอเนี่ย! โอ้ย~ ไม่เอาอะฉันเหนื่อยแล้ว~”ฉันบ่นเหมือนเด็กๆพรางเดินไปล้มตัวนอนกลิ้งบนเตียงนอนของตัวเองอย่างเบื่อหน่าย

 

   ให้ตายเถอะเจ้าพวกนี้ไม่คิดจะให้กำลังใจฉันเลยเหรอเนี่ย พวกนี้ยังคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงจริงรึเปล่าเนี่ย~ เบื่อแล้วอะ คนมันขี้เกียจแล้วนินาเมื่อวานก็คอนเสิร์ต วันนี้ก็อีเว้น คนมันเหนื่อยแล้วนะ~

 

อย่าดื้อน่าโซน่าเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าชอบทำงานน่ะ เพราะงานเราเลยหาเหยื่อได้เรื่อยๆนะ~ ถ้าอยู่ๆจะมาเลิกน่ะมันไม่ทันแล้วละ!~”น่ากลัวอะ~ บีลีฟตะคอกใส่ฉันอย่างไม่ยั้ง แต่อีกสองคนกลับไปเตรียมอาหารแล้วยังแอบกินเลือดของฉันในตู้เย็นอีกให้ตายเถอะเจ้าพวกนี้คอยดูนะจะจัดการดู

 

งั้นฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วกัน จะทำอะไรก็ทำไปเลย~”ฉันพูดพรางสะบัดหน้าหนีแล้วเดินไปเอาชุดที่ตู้แล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำไป

 

ให้ตายเถอะชอบทำตัวเองเด็กๆไปได้นะโซน่าเนี่ย~”บีลีฟพูดพรางเดินมาสมทบกับเพื่อนร่วมวงอีกสองคน

 

แต่ก็เพราะแบบนั้นไม่ใช่เหรอ..เราถึงยังอยู่ใกล้โซน่ะ..”ไอเดียพูดพรางมองที่บีลีฟเหมือนต้องการจะสื่ออะไรซักอย่าง

 

นั้นสินะ เพราะโซน่าเป็นคนอย่างงี้เราเลยแอบชอบเธอมาตั้งแต่เด็กแล้วนี้นะ~”ฟิลลิ่งพูดขึ้นพรางส่งยิ้มให้บีลีฟและไอเดียเพื่อเป็นการรู้กัน

 

นั้นสินะ~ ฮ่าๆๆๆบีลีฟพูดขึ้นพรางทำให้ทั้ง3หัวเราะร่วมกันอย่างสนุกสนาน แต่ว่าพวกเขาคงไม่รู้ว่าตอนนั้นฉันเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วและกำลังแอบฟังพวกเขาพูดคุยกันจากในห้องน้ำ

 

   ขอโทดด้วยนะทั้ง3คน แต่ว่ากับพวกนายแล้วฉันไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปกว่าคำว่า เพื่อนเลย เพราะงั้นถ้าพวกเขามาสารภาพรักกับฉันแล้วละก็..คำตอบที่ฉันจะมีให้..คงเป็น.. ‘ขอโทด’ ..

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา