สัมพันธ์รัก...สัมผัสหัวใจ [YAOI]

-

เขียนโดย ผ้าปูโต๊ะ

วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 23.08 น.

  11 ตอน
  35 วิจารณ์
  14.32K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

***(นิยายชายรักชาย)***

 

ช่วงบ่ายที่ลูกค้าเริ่มเบาบางลง โชจินจึงขอตัวออกไปโทรศัพท์หาญาดา เขารอสายไม่นานมากหญิงสาวก็รับสายเขาพร้อมน้ำเสียงทักทายที่ฟังดูสดใสขึ้น

“ฮัลโหลโชจิน”

“ญาตื่นนานหรือยังครับ กินอะไรหรือยัง?” โชจินถามด้วยความเป็นห่วง เพราะทันทีที่เขาถึงที่ร้านก็ยุ่งมากจนไม่มีเวลาได้โทรกลับไป และนี่มันก็บ่ายสองกว่าแล้วด้วย

“ญาตื่นตั้งแต่เที่ยงๆ น่ะ ไม่ค่อยปวดหัวเท่าไหร่แล้ว และก็กินข้าวเรียบร้อยแล้วด้วยค่ะ” ปลายสายตอบกลับ ทำให้โชจินยิ้มออกมา เขารู้สึกใจชื้นขึ้นหน่อย

“แล้วจะทำอะไรต่อ เบื่อมั้ย ห้องผมไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ญาเปิดคอมฯ เล่นได้นะ” โชจินเอ่ยกลับไป ปลายสายจับความรู้สึกได้ว่าชายหนุ่มดูเป็นห่วงเธอจริงๆ จึงหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนตอบกลับไปบ้าง

“ไม่เบื่อหรอก ญาว่าจะอ่านหนังสือหน่อยนะ ใกล้จะสอบแล้วด้วย เดี๋ยวอ่านไปสักพักคงหลับแหละ อิอิ” หญิงสาวบอก โชจินยิ้มอีกครั้ง เขายอมรับว่ากังวลไม่น้อยที่ปล่อยให้ญาดาอยู่คนเดียวในสภาพที่เพิ่งอกหักแบบนั้น

“ครับ ถ้าหิวก็ด้านล่างมีมินิมาร์ทนะ หรือถ้าหิวแล้วขี้เกียจลงไปซื้อ มีใบรายการอาหารตามสั่งติดอยู่แถวๆ ทีวี ญาโทรไปสั่งได้นะ บอกเขาว่าลงบัญชีผมไว้ เดี๋ยวผมกลับไปจัดการเอง” โชจินบอกยาวยืดจนได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสาย

“โชจิน ขอบคุณนะที่ห่วงญา น่ารักจัง โชจินไปทำงานเถอะ อู้แบบนี้จะโดนหักเงินเอานะ เอ้อ! แล้วจะกลับมาตอนไหนเหรอ?” หญิงสาวถามน้ำเสียงเบาลงเล็กน้อยท้ายประโยค

“ประมาณห้าทุ่มครับ ญาหาอะไรทานก่อนได้เลยนะ หรือถ้าง่วงก็หลับไปได้เลย ผมมีกุญแจ” โชจินบอก หญิงสาวส่งเสียงอื้อกลับมาก่อนจะไล่ให้เขาไปทำงานอีกรอบ แล้วก็วางสายไป โชจินยิ้มให้กับมือถือตัวเอง เขารู้สึกดีอย่างประหลาด พลันความคิดหนึ่งก็เข้ามาในหัว ‘เหมือนเป็นแฟนกันเลย’

 

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน นิสา เลขาฯ สาวของพีวดลก็เดินเข้ามาหาเจ้านายในห้องทำงานพร้อมกับแฟ้มเอกสารที่ชายหนุ่มขอไป เธอวางมันลงบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล

“ขอบคุณครับ คุณนิสากลับไปได้เลยนะครับ ผมจะอยู่ต่ออีกหน่อย คงไม่มีอะไรต้องรบกวนแล้วล่ะครับ” พีวดลบอก หญิงสาวขานรับแล้วเอ่ยลาเจ้านายตัวเอง พีวดลหยิบแฟ้มงานมาดูและทำงานต่อไปเรื่อยๆ เพื่อรอเวลา

พีวดลเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับปิดตาเพื่อพักสายตา เขาหมุนเก้าอี้หันไปทางหน้าต่างบานใหญ่ ก่อนจะเปิดตาขึ้นอีกครั้งแล้วก็พบว่าท้องฟ้าภายนอกเปลี่ยนสีไปแล้ว เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นนวดลำคอเบาๆ เพื่อไล่ความเมื่อย ก่อนจะยกมือขึ้นดูเวลา ใช่ว่าวันนี้เขาจะขยันเป็นพิเศษ เขาเพียงแต่ทำงานเพื่อรอเวลาที่จะไปเจอใครบางคนต่างหาก เสียงมือถือของเขาดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดูชื่อก่อนจะรับสายอย่างเสียไม่ได้

“พีขา ลูกหว้าเองนะคะ คิดถึงพีจังเลย” หญิงสาวทักทายน้ำเสียงหวานที่สุดเท่าที่เจ้าหล่อนจะทำได้

“ครับ ลูกหว้ามีอะไรหรือเปล่าครับ” พีวดลถามกลับอย่างไม่มีเกรงใจจนทำให้ปลายสายส่งเสียงงอนๆ กลับมา “พีถามซะห่างเหินกันเลยนะคะ แล้วนี่พีอยู่ไหนคะเนี่ย”

“โรงแรมครับ”

“ว้าว! ดีจังเลยค่ะ เพราะตอนนี้หว้าก็อยู่โรงแรมพีเหมือนกัน หว้าขึ้นไปหานะคะ อยากเจอพีมากๆ เลย” หญิงสาวส่งเสียงอ้อน พีวดลดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง ก่อนจะอนุญาตให้หญิงสาวขึ้นมาได้ และไม่นานมากนักหลังจากวางสายไป ประตูห้องทำงานก็เปิดออกพร้อมกับหญิงสาวสวยเซ็กซี่ รูปร่างสมส่วน เหมาะกับการยั่วยวนเร้าอารมณ์กิจกรรมบนเตียง

“คิดถึงจัง” ลูกหว้าบอกอีกครั้ง เธอเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่เดิม ก่อนจะก้มลงจูบปากอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ

“พีคิดถึงหว้าบ้างมั้ยคะ” หญิงสาวถามพร้อมกับส่งสายตายั่วเย้าอารมณ์ พีวดลยิ้มมุมปากก่อนจะพากันเดินไปนั่งตรงโซฟายาวรับแขก

“ทานอะไรมาหรือยังครับ” พีวดลถาม เพื่อหลีกเลี่ยงคำตอบ หญิงสาวส่ายหน้า

“งั้นไปทานมื้อค่ำกันดีกว่านะครับ” พีวดลบอก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะลุกขึ้น หญิงสาวก็ผลักเขาให้นอนราบไปกับโซฟา ก่อนจะโถมตัวทับเขาพร้อมกับบอกเสียงแผ่วกระซิบ

“ทานที่นี่ได้มั้ยคะพี” คำพูดของหญิงสาวมีหรือที่พีวดลจะไม่เข้าใจความหมาย เขายิ้มมุมปากอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นจนหญิงสาวผงะไปเล็กน้อย

“ลงไปทานในห้องอาหารดีกว่าครับ ตอนนี้ที่โรงแรมมีสเต็กเนื้ออย่างดีเลยนะครับ ไปกันเถอะครับ” พีวดลรวบรัดเสร็จสรรพ เขาดึงหญิงสาวขึ้นมาและพากันเดินออกไป แม้ว่าจะเห็นความไม่พอใจของลูกหว้าก็ตาม แต่พีวดลก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

ภายในห้องอาหารสุดหรูของโรงแรม พีวดลจัดการสั่งอาหารอย่างดีให้หญิงสาว พวกเขาคุยเรื่องราวต่างๆ ไปพักใหญ่ จนมื้อค่ำเสร็จสิ้นลง

“พีขา พีไปส่งหว้าได้มั้ยคะ” หญิงสาวออดอ้อนอีกครั้ง พีวดลดูเวลาก่อนจะพยักหน้า เพราะยังมีเวลาพอที่จะไปส่งหญิงสาว ถ้าไม่มีเหตุสำคัญจริงๆ น้อยครั้งที่พีวดลจะปฏิเสธคำขอของเหล่าสาวๆ ที่เขาคั่วด้วย อย่างที่เขาเคยบอกกับทางบ้านว่าเขาจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อย และมันก็เป็นจริงแบบนั้น

ชายหนุ่มใช้เวลาพักใหญ่ก็ขับเข้ามาจอดยังบริเวณที่จอดรถของคอนโดฯ หรูแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง เขาลงจากรถและเดินอ้อมไปเปิดประตูให้หญิงสาวอย่างที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ

“พีขึ้นไปห้องหว้าก่อนนะคะ” คำชวนของเธอนั้นคงไม่เพียงแค่ไปนั่งคุยกันแน่ๆ พีวดลเริ่มคิดคำนวณเวลา ก่อนจะปฏิเสธคำชวนนั้น

“ขอโทษนะครับลูกหว้า พอดีผมมีนัดน่ะครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่งแล้วกันนะครับ” พีวดลบอก หญิงสาวหน้างอทันที แต่ก็ไม่ได้ตื๊อให้ชายหนุ่มขึ้นไปให้ได้ เพราะเธอรู้ดีว่าพีวดลเป็นยังไง

“ขับรถกลับดีดีนะคะ” ลูกหว้าบอก พีวดลรับคำก่อนจะยืนมองหญิงสาวเดินหายเข้าไปในตึก ชายหนุ่มเดินกลับไปขึ้นรถอีกครั้งและขับออกไปทันที

ในตอนแรกพีวดลคิดว่าจะไปดักเจอป้ายรถเมล์แถวร้าน เพื่อหาเรื่องไปส่งอย่างที่เขาเคยทำสำเร็จมาแล้ว แต่พอคิดอีกทีเขาไปรอที่อพาร์ตเม้นต์เจ้าตัวเลยดีกว่า พีวดลขับไปอย่างชำนาญทาง แม้ว่าการจราจรจะติดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาเสียอารมณ์ ชายหนุ่มขับมาจอดรถที่เดิมเมื่อถึงที่หมาย เขาดูเวลาอีกครั้งก่อนจะปรับเบาะให้เอนลงไปไม่มาก เขาเลื่อนกระจกลงเพื่อรับลมด้านนอก ก่อนจะดับเครื่องยนต์และรอการกลับมาของคนที่เขาอยากเจอ

เวลาเดินผ่านไปจนในที่สุดเขาก็เห็นร่างของชายหนุ่มเดินเข้ามายังบริเวณอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ เขาลุกขึ้นนั่งและเตรียมจะลงไปหา แต่แล้วก็ต้องชะงักมือที่เตรียมจะเปิดประตูรถ พีวดลมองไปยังหญิงสาวที่เขาจำได้ซึ่งเธอกำลังเดินยิ้มมาหาคนของเขา ก่อนจะพากันเดินหายเข้าไปข้างใน พีวดลนั่งคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจลงจากรถเพื่อขึ้นไปหาและพูดคุยกันให้รู้เรื่อง

 

วันนี้โชจินรีบกลับมาพร้อมกับยังหิ้วอาหารแสนอร่อยจากที่ร้านกลับมาด้วย แม้ในตอนแรกพี่จ๋าจะไม่ยอมรับเงินของเขา แต่เขาก็พูดจนเจ้าตัวต้องยอม

“โห! น่ากินมากเลยอ่ะโชจิน” ญาดาพูดขึ้นในขณะที่พวกเขากำลังแกะอาหารใส่จานอยู่ แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น โชจินลอบถอนหายใจเพราะเคาะดังขนาดนี้ มีอยู่คนเดียวเท่านั้น

“เดี๋ยวผมมานะ ญาทานไปก่อนเลยนะครับ” โชจินบอก หญิงสาวขมวดคิ้วก่อนถามกลับ “มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวมานะ” โชจินบอก เขาส่องตาแมวดูเล็กน้อยก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเปิดประตูกว้างเพียงแค่ให้ตัวเขาออกไปด้านนอกได้ เขารีบปิดประตูทันทีและยืนบังไว้อย่างนั้น

“มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับคุณพีวดล” โชจินถามน้ำเสียงเรียบพร้อมกับมองหน้า

“โชจิน นายให้เพื่อนนายอยู่ที่นี่?” ชายหนุ่มถามน้ำเสียงค่อนข้างหงุดหงิดไม่พอใจ โชจินรับคำสั้นๆ “ครับ”

“ทำไม?”

“ทำไม...อะไรครับ?” โชจินไม่ได้ตั้งใจกวน เขาหมายความตามนั้นจริงๆ เพราะเขาไม่เข้าใจว่าทำไมของพีวดลคืออะไร?

“โชจิน นายอย่ายั่วโมโหฉันนะ”

“เปล่าเลยครับ ผมแค่ไม่เข้าใจคำถามคุณเฉยๆ” โชจินตอบกลับซื่อๆ พีวดลพ่นลมออกจากปากเพื่อคลายความโมโหลง แต่ก็ได้เพียงน้อยนิด

“เอาล่ะ เราเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า” พีวดลบอก

“ไมได้ครับ” โชจินตอบกลับทันทีอย่างไม่ต้องคิด ทำให้พีวดลหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้น

“นายก็รู้นะว่าฉันเข้าห้องนายได้สบายมาก” พีวดลขู่ ทำให้โชจินส่งสายตาไม่พอใจกลับไปบ้าง พีวดลยกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเพื่อบอกว่าตัวเองเป็นต่อ

“ไปคุยกันข้างล่างเถอะครับ” โชจินพยายามระงับอารมณ์ตัวเอง และบอกกลับอย่างสุภาพที่สุด แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อพีวดลฉุดเขาให้พ้นจากประตูอย่างง่ายดาย คนตัวใหญ่กว่าเปิดประตูอย่างรวดเร็ว

“คุยเสร็จแล้วเหร.....คุณ...เจ้านายของโชจิน” หญิงสาวเอ่ยออกไปอย่างงงงวยกับการปรากฏตัวของชายหนุ่ม โชจินรีบเดินเข้ามาก่อนจะปิดประตูลง เพราะไม่อยากให้ห้องข้างๆ ได้ยิน ได้เห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ โชจินเดินไปยืนอยู่ข้างญาดา ก่อนจะหันไปพูดน้ำเสียงนุ่ม

“เดี๋ยวญายกอาหารเข้าไปกินในห้องก่อนนะครับ ผมขอคุยธุระกับ....เจ้านายสักครู่” โชจินบอก เขาก้มลงหยิบจานอาหาร หญิงสาวที่ยังคงมึนงงอยู่ก็ได้แต่ทำตามอย่างว่าง่าย โชจินปิดประตูห้องนอนลงหลังจากที่เดินออกมาแล้ว

“นายให้เพื่อนนายอยู่ที่นี่?” พีวดลถามอีกครั้ง

“ครับ”

“ไม่ได้”

“อะไรนะครับ”

“ฉันบอกว่าไม่ได้ นายจะให้เพื่อนนายอยู่ที่นี่ไม่ได้” พีวดลขยายความขึ้น “ทำไมครับ” โชจินถามกลับไป เขาไม่เข้าใจเลยว่าพีวดลจะมายุ่งอะไรกับเรื่องที่เขาจะให้ญาดามาอยู่ที่ห้อง

“นายเป็นผู้ชาย เพื่อนนายเป็นผู้หญิง จะอยู่ด้วยกันได้ยังไง” พีวดลบอก เขายอมรับเลยว่าไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เห็นโชจินกับหญิงสาวอยู่ด้วยกัน

“ก็ไม่แปลกนี่ครับ นั่นเพื่อนผม และนี่ก็ห้องของผม ผมจะให้ใครมาอยู่ก็ได้ ทีคุณเองซึ่งผมไม่เคยต้อนรับเลยยังชอบลักลอบเข้ามาอยู่บ่อยๆ เลยนี่ครับ” โชจินอดจะแขวะไม่ได้ ความกลัวชายหนุ่มในตอนแรกนั้นหมดไปแล้วในตอนนี้ เพราะมันกำลังถูกแทนที่ด้วยความไม่พอใจที่พีวดลก้าวก่ายชีวิตเขามากขึ้น

“โชจิน!!” พีวดลเรียกเสียงทุ้มต่ำ ซึ่งบอกได้เลยว่าอารมณ์กรุ่นของเขาเริ่มพุ่งสูงขึ้น

“คุณกลับไปก่อนเถอะครับ ช่วงนี้ห้องผมคงไม่ว่างไปพักใหญ่” โชจินบอก ก่อนที่เขาจะตกใจกับคำพูดของพีวดล

“ฉันจะเช่าห้องให้เพื่อนนายเอง”

“อะไรนะครับ”

“ก็ถ้าเพื่อนนายไม่มีที่อยู่ ฉันจะเช่าห้องให้อยู่เอง หรือจะไปอยู่คอนโดฯ ฉันก็ได้นะ ยังมีห้องว่าง” พีวดลบอก ประโยคท้ายเขาจงใจยั่วโชจิน และมันก็ได้ผล

“ไม่ได้!!”

แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะโต้เถียงกันไปมากกว่านี้ หญิงสาวที่อยู่ในห้องก็เปิดประตูออกมาก่อนพูดเสียงแผ่ว

“ขอโทษนะคะ เอ่อ...โชจิน ญากลับบ้านก็ได้นะ” เธอไม่รู้หรอกว่าทำไมสองคนนี้ถึงกำลังเถียงกันในเรื่องการมาอยู่ของเธอที่นี่ แต่หากว่าเธอเป็นต้นเหตุ เธอก็พร้อมที่จะไป เธอไม่อยากให้โชจินต้องเดือดร้อนเพราะนั่นก็คือเจ้านายของชายหนุ่ม ซึ่งอาจมีผลกับงานก็ได้

“ญา ออกมาทำไม” โชจินหันไปมอง ก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงสาว “ไม่มีอะไรหรอกญา ไม่เกี่ยวกับญาหรอกนะ” โชจินบอกน้ำเสียงนุ่มอีกครั้ง เขาลูบหัวหญิงสาวเพื่อคลายความกังวล และการกระทำเหล่านั้นก็ทำให้พีวดลไม่พอใจมากขึ้นไปอีก จนเขาต้องเป็นฝ่ายเดินออกไปจากห้องเอง พร้อมกับปิดประตูเสียงดังทิ้งท้ายไว้ให้เจ้าของห้องรับรู้ว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน

 

ตอนนี้พีวดลหงุดหงิดมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขานั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในรถที่ยังจอดอยู่ที่เดิม เขาหยิบมือถือขึ้นมาเตรียมจะโทรหาหญิงสาวที่เพิ่งไปส่งมาเมื่อช่วงค่ำ แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจและวางมันลงไว้ที่เดิม ก่อนจะขับรถกลับไปคอนโดฯ ของตัวเอง เวลาดึกแบบนี้ถนนก็โล่งมาก ทำให้พีวดลมาถึงคอนโดฯ ในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อเขาเข้าไปในห้องก็รีบเดินไปเปิดตู้เย็นและหยิบเบียร์มาหนึ่งกระป๋อง ก่อนจะเดินมากระแทกตัวลงนั่งที่โซฟายาว เขาเอื้อมมือไปหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดทีวี ก่อนจะโยนมันลงข้างๆ ตัว แล้วก็จัดการซัดเบียร์ไม่ยั้ง เขากระแทกกระป๋องเบียร์ที่เหลือเพียงน้อยนิดลงบนโต๊ะด้านหน้า ก่อนจะเดินไปหยิบมาอีกกระป๋อง แล้วก็จัดการมันอย่างรวดเร็ว

พีวดลไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องหงุดหงิดได้ขนาดนี้ มันไม่ใช่แค่การมาอยู่ของหญิงสาว แต่มันรวมไปถึงน้ำเสียงการพูดและการกระทำที่บ่งบอกว่าคนของเขาแคร์หญิงสาวมากแค่ไหน เขาอิจฉาหล่อนอย่างนั้นเหรอ? ไม่ใช่แน่นอน แต่เขาไม่พอใจ ไม่พอใจเอามากๆ และเมื่อชายหนุ่มรู้สึกว่ายังไม่เคลียร์กับสิ่งที่เพิ่งเจอมา เขาจึงปิดทีวี ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกุญแจรถและมือถือ

พีวดลขับกลับมายังอพาร์ตเมนต์เดิม แม้เวลานี้จะดึกมากแล้ว แต่เขาต้องคุยให้รู้เรื่อง ให้มันเคลียร์จบตั้งแต่คืนนี้ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องหงุดหงิดอย่างที่เป็นอยู่ เพราะเขารู้สึกรำคาญตัวเอง ชายหนุ่มโทรหาโชจิน เขารอจนสายตัดไป เขาจึงโทรหาใหม่จนสุดท้ายก็มีเสียงตอบรับจากปลายสาย

“นี่คุณ! มันดึกมากแล้วนะครับ” แม้เสียงจะดูงัวเงีย แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจที่ดันโทรไปกวนตอนนี้ แต่เขาไม่สน

“ฉันอยู่ข้างล่าง ลงมาคุยกันหน่อย” น้ำเสียงพีวดลบอกว่านั่นไม่ใช่ประโยคบอกเล่า แต่เป็นประโยคคำสั่ง

“ตอนนี้?”

“ใช่ ฉันให้เวลาไม่เกินสิบนาที ถ้าเกินฉันจะขึ้นไปคุยบนห้องเอง” แล้วพีวดลก็วางสายไปทันที ส่วนคนถูกกวนก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องจำใจลุกออกจากโซฟาที่ใช้นอน

พีวดลนั่งมองไปทางขึ้นตึกสลับกับดูเวลา ก่อนที่เขาจะเดินลงจากรถเมื่อเห็นโชจินเดินมา ดูแล้วรู้เลยว่าคงหัวเสียไม่น้อย แต่ก็คงไม่มากเท่ากับเขาที่ทั้งหัวเสีย หงุดหงิด โมโห และบางทีอาจมีความอิจฉาปนหน่อยๆ

“คุณมีอะไรก็รีบพูดมา” โชจินบอกทันทีที่เดินมาประจันหน้ากัน เขายืนห่างจากชายหนุ่มพอประมาณเพื่อความปลอดภัย ก่อนจะต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นสายตาของคนตรงหน้ามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาเลยก้มดูตัวเองเพื่อสำรวจความผิดปกติ

“ทำไมไม่หาเสื้อคลุมใส่ลงมา” พีวดลบอกเสียงเรียบ เพราะในตอนนี้โชจินอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงบอล

“คุณมีธุระอะไรครับ” โชจินไม่สนคำถามของพีวดล เขาถามกลับไปอีกครั้ง ก่อนจะหาวออกมาโดยไม่มีเกรงใจ เพราะต้องการให้รู้ว่าเขาถูกรบกวนการเวลาพักผ่อนในตอนกลางคืน พีวดลยังคงเงียบ เขาหันกลับเดินไปเปิดประตูรถด้านหลังคนขับ ก่อนจะหยิบเสื้อแจ็กเก็ตแล้วเดินมาคลุมให้โชจิน

“ผมไม่หนาว”

“ก็คลุมไว้ เสื้อบางขนาดนั้น อยากโชว์คนอื่นหรือไง” พีวดลตำหนิ โชจินส่งเสียงจิ๊ในลำคอ แต่ก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วยเรื่องแค่นี้ เขาอยากรู้เร็วๆ มากกว่าว่าพีวดลจะคุยอะไร เขาจะได้รีบกลับไปนอน...ง่วงจะตายอยู่แล้ว

“สรุปว่าคุณจะแค่กวนผม?” โชจินถาม พีวดลส่ายหน้าก่อนจะเดินถอยหลังไปนั่งลงบนกระโปรงรถ “ฉันจะมาคุยเรื่องเพื่อนของนาย”

“เพื่อนผม? ญาดา?” โชจินเดาไม่ยาก พีวดลพยักหน้า โชจินถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ผู้ชายคนนี้จะมาอะไรกับเพื่อนของเขานักหนา...หรือว่าเขาสนใจญาดา?

“ทำไมครับ” โชจินถาม ตอนนี้ความง่วงเริ่มค่อยๆ หายไปทีละน้อย

“ญาดาจะอยู่ห้องนายถึงเมื่อไหร่?” ไม่ตอบแต่ถามกลับ ทำให้โชจินขมวดคิ้วอีกครั้ง

“ไม่มีกำหนดครับ แค่นี้ใช่มั้ย?” โชจินบอก แม้เขาจะอยากตอกกลับว่ามันเรื่องอะไรของคุณก็ตาม แต่ลองคิดดีดีแล้วรู้สึกว่าเสียเวลา และพาลจะต้องยืนเถียงกันออกนอกเรื่องไปอีก

“ฉันจะเช่าห้องให้เขาอยู่เอง” พีวดลบอกออกมา คำพูดของเขาทำให้โชจินต้องทำตาโตด้วยความตกใจ ก่อนจะขมวดคิ้วคิดตามคำพูดดังกล่าว

“คุณสนใจญาดาเหรอครับ?” โชจินถามไปตรงๆ อย่างที่เขาสงสัยไว้ ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นเขาจึงยิ้มมุมปากอย่างที่ชอบทำก่อนจะตอบกลับไป

“แล้วถ้าฉันสนใจล่ะ”

“ผมจะขวาง” โชจินโต้กลับทันควัน ทำให้พีวดลหลุดหัวเราะออกมา เมื่อคำพูดของโชจินดันไปคล้ายกับเพื่อนของเขา

“คุณอย่ายุ่งกับญาดาเลยครับ ผมขอร้อง” โชจินเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งคำพูดและสายตาที่ส่งมาทำให้พีวดลรู้ว่าโชจินแคร์หญิงสาวคนนี้มากจริงๆ

“ทำไมนายดูปกป้องเพื่อนนายคนนี้เหลือเกิน คิดอะไรเกินเพื่อนหรือไง” พีวดลลองถามออกไป แล้วคำตอบของโชจินก็ทำให้หน้าของชายหนุ่มรู้สึกชาวาบเหมือนโดนสาดด้วยน้ำแข็งถังใหญ่

“ครับ”

พีวดลไม่เข้าใจตัวเองอีกครั้งว่าทำไมเพียงแค่คำสั้นๆ ที่ยอมรับออกมาตรงๆ ว่าคิดเกินเพื่อนของโชจิน ทำให้เขารู้สึกเหมือนคนที่กำลังจะโดนแย่งของสุดหวงไป เขามองเข้าไปในสายตาโชจินที่มองมา มันไม่มีความวูบไหวอยู่ในนั้น และสัญชาตญานของผู้ชายก็รู้ว่าโชจินพูดจริง เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ แต่แล้วแขนของเขาก็ถูกรั้งไว้นิดหน่อย ก่อนจะถูกปล่อยออก

“นี่เสื้อคุณครับ” โชจินบอกพร้อมกับยัดเสื้อคืนให้ และเดินจากไปทันที ปล่อยให้พีวดลยืนถือเสื้อมองดูแผ่นหลังของโชจินที่กำลังห่างเขาออกไปจนลับสายตา เขาเข้ามานั่งในรถเพื่อรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงออกไป ก่อนจะส่ายหน้าแรงๆ แล้วพูดกับตัวเอง

“ฉันยังไม่ชนะ ฉันไม่มีวันเลิกราหรอกโชจิน”

 

เช้าวันใหม่ โชจินตื่นก่อนญาดาเป็นปกติ เขาลุกขึ้นจัดเก็บเครื่องนอนให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วจึงจัดการเตรียมอาหารเช้า ตั้งแต่คืนนั้นพีวดลก็หายไปเกือบอาทิตย์ แม้ว่าเขาจะโล่งใจแต่เหตุการณ์เก่าๆ มันก็สอนให้เขาอย่าเพิ่งไว้ใจว่าชายหนุ่มจะยอมเดินออกไปจากชีวิตเขาจริงๆ ทุกครั้งที่เขาเดินออกไปจากตึก สายตาก็มักจะสอดส่ายหารถสีดำคันหรู ไม่ใช่เพราะเขาอยากเจอ กลับเป็นทางตรงกันข้ามมากกว่า

“โชจิน วันนี้ญาว่าจะกลับบ้านแล้วล่ะ รบกวนโชจินมาหลายวันแล้ว ญาเกรงใจ” หญิงสาวพูดขึ้นในขณะที่โชจินกำลังล้างถ้วยเก็บ หลังจากทานมื้อเช้าแบบง่ายๆ ด้วยโจ๊กซอง

“ถ้าญาสบายใจแล้วก็แล้วแต่ญาเลย แต่ถ้ายังไม่สบายใจก็อยู่ต่อได้นะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก” โชจินบอก เขาสะบัดมือตัวเองก่อนจะหันไปเช็ดมือให้สะอาด

“โชจินดีกับญามากจริงๆ ทำไมญามองข้ามไปได้นะ” จู่ๆ หญิงสาวก็พูดอะไรแปลกๆ ออกมา โชจินหันไปมองพร้อมคิ้วที่ขมวดกัน

“หมายความว่ายังไงญา” โชจินถาม ใจของเขาตอนนี้เต้นระรัวเหมือนคนกำลังรอการตอบรับความรัก หญิงสาวเดินเข้าหาโชจินจนที่ว่างของทั้งคู่เหลือไม่มาก

“โชจินชอบญาใช่มั้ย” คำถามของหญิงสาวทำเอาโชจินต้องตาโต พร้อมกับใบหน้าที่รู้สึกร้อนขึ้นมาทันที

“ตอบญามาเถอะ ญาอยากรู้จริงๆ” เธอเร่งให้โชจินตอบ ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วพูดกลับไป “ครับ ผมชอบญา ชอบตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน”

“แล้วทำไมไม่บอกญาล่ะ” เธอถามต่อ

“ก็ญามีแฟนแล้ว ผมจะบอกได้ยังไง มันไม่ดี” โชจินบอกไปตรงๆ ญาดายิ้มพร้อมกับมองหน้าโชจิน ทั้งคู่สบสายตากัน “ขอบคุณนะคะที่ดูแลญามาตลอด”

“ผมเต็มใจครับ ขอแค่ญาบอกมาเท่านั้น” โชจินเอ่ยกลับมา แล้วใบหน้าของคนทั้งคู่ก็เคลื่อนเข้าหากันด้วยอารมณ์และความรู้สึก จนริมฝีปากแตะซึ่งกันและกัน ก่อนจะกลายเป็นรสจูบที่หวานละมุน หญิงสาวยกมือขึ้นโอบคอชายหนุ่ม ส่วนเขาก็ยกมือขึ้นโอบเอวเธอ แต่ก่อนที่อะไรๆ จะเลยเถิดไปมากกว่านี้ เสียงมือถือของโชจินก็ดังขัดขึ้นมา

“เอ่อ...ไปรับโทรศัพท์มั้ย?” หญิงสาวพูดหลังจากที่ทั้งคู่ผละออกจากกัน แต่มือของทั้งสองยังคงค้างอยู่ในท่าเดิม โชจินพยักหน้าอย่างเขินๆ ก่อนจะเดินไปหยิบมือถือขึ้นมารับสายโดยไม่ได้ดูชื่อว่าใครโทรมา

“โชจินพูดครับ”

“ฉันเอง” สองคำสั้นๆ ที่เอ่ยกลับมา ทำให้โชจินขมวดคิ้วงง ก่อนจะนึกออกว่าเป็นใคร เขาหันไปยิ้มให้ญาดาที่เดินมานั่งที่โซฟาและมองเขาอยู่

“มีอะไรครับ”

“ฉันรออยู่ข้างล่าง” พูดจบก็วางสายไป ทิ้งให้โชจินยืนถือโทรศัพท์ค้างไปด้วยความงง ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็งจนหญิงสาวต้องถาม

“มีอะไรหรือเปล่าโชจิน”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมต้องไปทำงานก่อนนะ แล้วญาจะยังกลับบ้านวันนี้เลยมั้ย” แม้จะเป็นเพียงคำพูดและคำถามธรรมดา แต่โชจินกลับรู้สึกหน้าร้อนผ่าว อาจเพราะสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา

“เอ่อ...ก็ค่อยกลับวันที่โชจินหยุดก็ได้เนอะ” หญิงสาวบอกโดยที่ไม่มองหน้า เลยไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มของโชจิน แล้วหญิงสาวก็เดินไปส่งชายหนุ่มที่หน้าประตู โชจินหันกลับมาโบกมืออีกครั้ง ก่อนที่หญิงสาวจะปิดประตูลง

โชจินยืนรอลิฟต์ด้วยหัวใจพองโต สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นมันจะผิดมั้ยถ้าเขาคิดเข้าข้างตัวเองว่าหญิงสาวเปิดโอกาสให้เขา และคิดไปว่าคนข้างกายของหญิงสาวที่เขาอยากเป็นนั้นใกล้จะเป็นจริงแล้ว เขายิ้มให้กับตัวเอง ก่อนจะต้องตกใจเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก พีวดลยืนมองเขาอยู่ด้านใน โชจินยืนนิ่งจนคนข้างในต้องเอ่ยขึ้น

“ไม่เข้ามาหรือไง”

โชจินถึงได้รู้สึกตัวและเดินเข้าลิฟต์ไป เขายืนเว้นระยะห่างกับชายหนุ่มพอสมควร ทั้งคู่ไม่มีใครพูดอะไรจนมาถึงด้านล่าง ประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครขยับจนสุดท้ายโชจินต้องเป็นผ่ายเดินออกมาก่อน โดยมีชายหนุ่มตัวโตกว่าเดินตามมาจนถึงด้านหน้าตึก แล้วมือของเขาก็ถูกรวบพร้อมแรงดึง โชจินจึงต้องเดินตามไปอย่างไม่ขัดขืน เพราะเขาไม่อยากมีปัญหาและทำให้เป็นจุดสนใจของคนอื่น

เมื่อเดินมาถึงที่รถคันสีดำยี่ห้อใหม่ พีวดลปล่อยมือโชจินและเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ ก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งที่ตัวเองต้องขึ้นนั่ง เขายืนมองโชจินที่ยังดูลังเลว่าจะขึ้นรถดีมั้ย เจ้าตัวมองมาทางเขาก่อนจะก้าวขึ้นรถและปิดประตูลง พีวดลจึงได้ทำเหมือนกันบ้างและขับออกไปทันที

ภายในรถยนต์ที่ไร้ซึ่งบทสนทนา โชจินที่นั่งมองตรงไปข้างหน้าเริ่มชำเลืองมองคนข้างๆ ก่อนจะลอบถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัดกับบรรยากาศในตอนนี้ แม้เขาจะอยากรู้ว่าชายหนุ่มเป็นอะไรถึงเงียบผิดวิสัย แต่อีกใจหนึ่งก็คิดไปว่าแล้วจะถามให้ได้อะไรขึ้นมา เขาจึงนั่งเงียบไปตลอดทางเช่นเดียวกันจนเกือบถึงร้าน พีวดลจอดรถ โชจินเอ่ยขอบคุณแล้วลงจากรถไป ก่อนจะยืนมองพาหนะที่เพิ่งโดยสารมาแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว โชจินสะบัดหัวไล่สิ่งที่มันกวนใจเขาอยู่ในตอนนี้ ก่อนจะเดินไปตามทางที่เคยเดินอยู่เป็นประจำ

พีวดลที่มีสีหน้าเรียบนิ่งกำลังเดินมาตามทางเดิน โดยไม่มีใครกล้าทักทาย แม้แต่เลขาฯ หน้าห้องอย่างนิสา เขาเดินเข้าห้องทำงานไป ก่อนจะกระแทกตัวลงนั่งยังเก้าอี้ทำงาน ชายหนุ่มหมุนเก้าอี้ไปทางหน้าต่างพร้อมกับปล่อยตัวให้พิงพนักเก้าอี้ เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วจึงปิดตาลง เพื่อปรับสภาพจิตใจที่กำลังร้อนรุ่มอย่างไม่ทราบสาเหตุ

เขากำลังหงุดหงิด

เขากำลังโมโห

และเขากำลังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้

พีวดลลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาหมุนเก้าอี้กลับไปทางโต๊ะทำงาน ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปุ่มเพื่อคุยกับเลขาฯ

“คุณนิสาครับ วันนี้ผมมีนัดที่ไหนหรือเปล่าครับ”

“รอสักครู่นะคะคุณพี อืม...วันนี้ไม่มีนะคะ”

“ครับ แล้วผมมีเอกสารอะไรที่ต้องเซ็นด่วนมั้ยครับ” พีวดลถามต่อ

“มีอยู่สองแฟ้มค่ะ นิสาวางไว้ให้แล้วบนโต๊ะค่ะ แต่ก็มีเอกสารที่รอให้คุณพีอ่านอยู่นะคะ” นิสาบอก แม้เธอจะรับรู้อารมณ์เจ้านายในตอนนี้ แต่นี่ก็คือหน้าที่ของเธอ

“เอาเข้ามาให้ผมเลยนะครับ แล้ววันนี้ผมไม่รับแขกนะครับ ช่วงกลางวันผมรบกวนคุณนิสาให้ช่วยสั่งข้าวให้ผมด้วยนะครับ”

“ได้ค่ะ”

“ขอบคุณครับ” พีวดลบอกก่อนจะปิดการสนทนาลง เขาหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาอ่าน เพื่อหวังจะดับความคิดฟุ้งซ่านและอารมณ์บ้าๆ ของเขาในตอนนี้ แต่ดูเหมือนมันจะยากไม่น้อยที่ต้องมีสมาธิกับตัวหนังสือมากมาย

พีวดลทำงานจนลืมเวลา เขาเงยหน้าขึ้นมองเลขาฯ ตัวเองที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะพร้อมถาดอาหาร เขายิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณ พีวดลเคยนึกสนใจเลขาฯ สาวคนนี้เมื่อเธอได้เข้ามาทำงานกับเขาในช่วงแรกๆ แต่เมื่อได้ทำงานร่วมกันเขาก็รู้ตัวว่าไม่ควรคิดอะไรเกินความเป็นเจ้านายกับลูกน้อง เพราะเขาไม่อยากเสียเลขาฯ ดีดีแบบนี้ไป

อาหารจานเดียวแบบง่ายๆ ส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้องพร้อมน้ำที่เขาชอบและน้ำดื่มอีกขวด เขายิ้มให้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะเริ่มจัดการทานมื้อกลางวันในห้องทำงาน ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ชายหนุ่มรีบทานไปให้หมดๆ โดยไม่ได้สนใจรสชาติอาหารมากเท่าไหร่ ทานเสร็จเขาก็เดินถือถาดอาหารไปวางไว้บนโต๊ะเล็กหน้าโซฟายาวที่เอาไว้ใช้รับรองแขก ก่อนจะเดินกลับมานั่งลงที่เดิมและหมุนเก้าอี้มองดูทิวทัศน์กรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยตึกสูงมากมาย เขาพิงกายไปกับพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลง

พีวดลรู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงกุกกักบางอย่าง เขาลืมตาและหมุนเก้าอี้กลับมามองจึงได้เห็นเลขาฯ ของตัวเองยืนถือถาดอาหารอยู่

“อุ๊ย! ขอโทษค่ะที่ทำให้คุณพีตื่น” นิสาบอก ชายหนุ่มโบกมือบอกว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ เขามองนาฬิกาบนโต๊ะทำงานแล้วพบว่าตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงครึ่งแล้ว

“คุณพีต้องการกาแฟมั้ยคะ”

“ขอโกโก้ร้อนให้ผมสักแก้วแล้วกันครับ” พีวดลบอก นิสารับคำแล้วจึงเดินออกจากห้องไป ไม่นานนักเธอก็เดินกลับเข้ามาพร้อมแก้วโกโก้ร้อนที่เจ้านายต้องการ พีวดลเอ่ยขอบคุณก่อนจะยื่นแฟ้มที่เขาเซ็นเสร็จแล้วกลับคืนไป หญิงสาวรับมาแล้วเดินออกจากห้องไปอีกครั้ง พีวดลมองมือถือที่วางแน่นิ่งอยู่บนโต๊ะ เขาเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาโทรหาใครคนหนึ่ง

“สวัสดีครับ” ปลายสายพูดขึ้นหลังจากที่รอไม่นานมากนัก

“สวัสดีครับ ฮัลโหล” ปลายสายพูดอีกครั้ง หลังจากที่เขาไม่ได้โต้ตอบกลับไปในตอนแรก

“ถ้าคุณไม่พูดอะไร ผมวางนะครับ” ปลายสายบอก พีวดลยังคงเงียบเหมือนเดิมจนได้ยินเสียงตัดสายไป เขาวางมือถือลงที่เดิมพร้อมกับหัวเราะให้ตัวเองที่ทำอะไรบ้าๆ ออกไป เขาไม่ได้อยากจะกวนประสาทอะไรทั้งนั้น จู่ๆ เขาก็แค่อยากได้ยินเสียงคนๆ นั้น คนที่กำลังเข้ามารบกวนความรู้สึกของเขาในตอนนี้ เขาสะบัดหัวเพื่อไล่สิ่งรบกวนที่มันวิ่งวนอยู่ไม่รู้จักเหนื่อย ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสมาธิกลับคืนมา แล้วชายหนุ่มก็จดจ่ออยู่กับงานตัวเอง

เวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็น นิสาเดินเข้ามาหาเจ้านายเพื่อถามว่าต้องการอะไรหรือไม่ เพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาเลิกงานของเธอแล้ว และดูเหมือนว่าเจ้านายของเธอจะทำงานล่วงเวลาแน่นอน เธอไม่รู้หรอกว่าวันนี้เจ้านายของเธอเป็นอะไร และตามนิสัยของเธอแล้วเธอก็ไม่เคยคิดก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว หากมันไม่ได้ส่งผลกับงานที่เธอต้องรับผิดชอบ เธอโชคดีที่ได้เจ้านายที่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกได้ แม้ว่าจะมีบ้างที่เจ้านายหนุ่มอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ไม่เคยลงกับเธอหรือแม้แต่กับพนักงานคนอื่น เต็มที่ก็คือไม่รับแขกอย่างวันนี้ หรือไม่ก็ไม่เข้ามา หากว่างานไม่เร่งด่วนมากนัก

“ถ้าคุณพีไม่ต้องการอะไร นิสาขอตัวกลับก่อนนะคะ” หญิงสาวบอก พีวดลพยักหน้าให้ก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารต่อ นิสายืนมองอยู่เล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไป

พีวดลทำงานจนกระทั่งร่างกายส่งสัญญาณเตือนว่าได้เวลาที่เขาต้องหามื้อเย็นทานแล้ว พีวดลถูกเลี้ยงมาแบบต้องทานอาหารให้ครบสามมื้อต่อวันตั้งแต่เด็ก ชายหนุ่มมองดูเวลาอีกครั้งก่อนจะปิดแฟ้มงานลง เขาลุกขึ้นหยิบมือถือและกุญแจรถเดินออกจากห้องไป

 

“อ้าวพี นึกว่าวันนี้จะไม่มาซะแล้ว” จ๋าทักทันทีที่เห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาในร้าน พีวดลยิ้มให้ก่อนจะเดินไปนั่งยังโต๊ะว่างที่อยู่ในสุดของร้าน

“วันนี้จะทานอะไรดีล่ะ” จ๋าถามพร้อมกับส่งเมนูให้ชายหนุ่มดู “ถ้าเลือกได้แล้วก็เรียกเด็กมารับออร์เดอร์นะ” จ๋าบอก พีวดลพยักหน้าให้ก่อนจะดูเมนูเพื่อเลือกว่าจะทานอะไรดี

“น้องครับ สั่งอาหารหน่อยครับ” พีวดลเรียกคนที่เขาต้องการ คนถูกเรียกเดินเข้าไปทำหน้าที่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย พีวดลลอบมองก่อนจะเอ่ยออกไป “เดี๋ยวฉันไปส่ง”

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ จะรับอะไรดีครับ” โชจินบอกกลับทันที พีวดลมองหน้าแบบไม่ค่อยพอใจแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เขามองดูเมนูอีกครั้งก่อนจะเอ่ยถาม “นายชอบกินอะไร”

“ครับ?” โชจินถามกลับสั้นๆ “ฉันถามว่านายชอบกินอะไร” พีวดลถามอีกรอบพร้อมกับมองหน้าอย่างรอคำตอบ

“ถ้าคุณยังตัดสินใจไม่ได้ ผมขอตัวไปรับออร์เดอร์โต๊ะอื่นก่อนนะครับ” โชจินตัดบท แต่ยังไม่ทันที่จะเดินออกไป พีวดลก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ถ้านายไม่ตอบ ฉันจะไปหาเพื่อนนายเดี๋ยวนี้”

“คุณ!!” โชจินไม่สบอารมณ์กับข้อต่อรองของพีวดล เขาพ่นลมหายใจเพื่อระบายความหงุดหงิด ก่อนจะตอบไปส่งๆ “ผัดผักบุ้งครับ”

“แล้วอะไรอีก” พีวดลถามต่อ โชจินมองหน้าก่อนจำเป็นต้องตอบอีกรอบ “หมูทอดกระเทียมพริกไทยครับ”

“นายโกหก” พีวดลบอก โชจินมองด้วยสายที่บอกไปตรงๆ ว่าเขาไม่พอใจที่โดนกวนประสาทแบบนี้ “คุณถาม ผมก็ตอบแล้ว จะสั่งอาหารได้หรือยังครับ” โชจินบอกด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้นิ่งที่สุด เพราะนั่นคือลูกค้า

“ยังไม่ได้สั่งอีกเหรอพี” เสียงหญิงสาวแทรกขึ้นมา พีวดลยิ้มให้ก่อนจะวางเมนูลง “จ๋าช่วยสั่งให้หน่อยแล้วกัน เมนูมันเยอะไป”

“อะไรกัน” หญิงสาวส่ายหน้า ก่อนจะหยิบเมนูขึ้นมาดูและสั่งกับข้าวไปสองอย่างพร้อมกับข้าวหนึ่งจานและน้ำเปล่าที่พีวดลขอเอง โชจินรับออร์เดอร์เสร็จก็รีบเดินออกไปด้วยความโล่งอก เขานึกขอบคุณพี่จ๋าที่เข้าไปได้ทันเวลา เพราะถ้านานกว่านี้เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะระงับอารมณ์ตัวเองได้มากขนาดไหน

พีวดลใช้เวลาอยู่ในร้านอาหารจนเกือบจะถึงเวลาปิดร้าน หญิงสาวเจ้าของร้านเดินเข้ามานั่งคุยอีกครั้ง “ร้านจะปิดแล้วค่ะ” พีวดลหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดกลับไปบ้าง “ก็รอให้ร้านปิดเนี่ยแหละ เดี๋ยววันนี้ผมไปส่งจ๋าเองนะ”

นิดกับส้มยืนซุบซิบเจ้านายตัวเอง พร้อมกับมองไปทางโต๊ะที่พีวดลนั่งอยู่ ลุงกุ้งที่เดินออกมาจากในครัวก็จัดการตีหัวทั้งสองสาวต่างอายุเบาๆ

“ยืนนินทาอะไรกัน”

“ดูนั่นสิลุง น่ารักดีนะ ดูเหมาะสมกันมากๆ” หญิงสาวลูกสองชื่อส้มบอก โดยมีนิดยืนพยักหน้าอยู่ใกล้ๆ ลุงกุ้งมองไปก็เห็นด้วยกับสองสาว ก่อนจะบอกให้ทั้งคู่กลับไปทำงาน สองสาวเลยได้เดินออกไปทำหน้าที่ตัวเองอีกครั้ง

“ลุงกุ้งมีอะไรหรือเปล่าครับ” โชจินที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำก็ถามขึ้น ก่อนจะมองไปทางที่ลุงกุ้งมองอยู่ “ก็ดูเหมาะสมกันจริงๆ” ลุงกุ้งเปรยขึ้นมา

“อะไรนะครับลุง” โชจินถาม ลุงกุ้งหันไปมองก่อนจะพูดซ้ำอีกครั้ง “ก็คุณจ๋ากับหนุ่มคนนั้นไง ยัยนิดกับยัยส้มมันบอกว่าเหมาะสมกันดี ลุงว่ามันก็จริงนะ”

“เหรอครับ” โชจินถามกลับไป ลุงกุ้งหันมามองหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว “เอ็งว่าไม่เหมาะเหรอวะ”

“ไม่รู้สิครับ ผมขอตัวก่อนนะลุง” โชจินบอก แล้วเดินไปเก็บโต๊ะลูกค้าที่เพิ่งเดินออกไป ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะของพีวดล เขาเห็นพี่จ๋าลุกออกไปหาลุงกุ้ง ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงกระซิบจากด้านหลัง

“เดี๋ยวฉันกลับมารับ”

โชจินหันกลับไปทันที เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่พีวดลเดินออกไปจากบริเวณนั้น เขามองตามไปจนเห็นว่าชายหนุ่มเดินออกไปหยุดยืนรออยู่หน้าร้าน แล้วเขาก็โบกมือยิ้มให้พี่จ๋าก่อนจะมองตามหญิงสาวที่เดินออกไปหาคนที่ยืนรออยู่ เพียงแค่นั้นเขาก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร

หลังเก็บกวาดทำความสะอาดร้านเรียบร้อย โชจินก็เดินไปส่งนิดตามปกติ  แล้วก็เดินมารอรถเมล์ที่ป้ายเดิม จนเมื่อรถยนต์คุ้นตามาจอดเทียบอยู่ตรงหน้า กระจกฝั่งข้างคนขับถูกลดลงพร้อมกับคนข้างในที่ชะโงกหน้ามา “ขึ้นรถสิ” โชจินทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องรีบเปิดประตูขึ้นไปนั่ง ก่อนที่รถเมล์จะเข้ามาจอดรับผู้โดยสาร

ภายในรถยนต์ที่ยังคงมีความเงียบปกคลุม โชจินเหลือบมองคนขับที่มุ่งมั่นขับรถเหมือนว่าเป็นมือใหม่หัดขับ เขาอึดอัดอีกครั้งเหมือนเมื่อเช้า แต่แล้วเสียงมือถือก็ช่วยชีวิตเขาไว้ เขาหยิบขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มออกและรับสายด้วยน้ำเสียงสดใสที่ทำเอาชายหนุ่มอีกคนถึงกับขมวดคิ้วทันที

“ครับญาดา”

พีวดลยังคงขับรถไปตามทางที่คุ้นเคย พร้อมกับฟังโชจินคุยโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิดที่มันเกิดขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มกระแอมไอเพื่อบอกให้โชจินรู้ว่ายังมีเขานั่งอยู่ตรงนี้อีกคน และมันก็ได้ผลเมื่อโชจินรีบจบบทสนทนาลง

“เป็นแฟนกันหรือไง” พีวดลถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ โชจินหันมองเล็กน้อยก่อนตอบกลับไป “ใกล้แล้วครับ” แล้วคำตอบของโชจินก็ทำเอาพีวดลต้องตบไฟแล้วจอดข้างทางทันที เขาหันไปมองโชจินด้วยสายตาที่แสดงออกว่าไม่พอใจในคำตอบนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

“หมายความว่าไง”

“คืออะไรครับ?”

“อย่ามากวนฉัน...โชจิน” พีวดลบอกเสียงต่ำ

“ผมไม่ได้กวนครับ ผมถามเพราะผมไม่เข้าใจคำถามของคุณครับ” โชจินบอกน้ำเสียงเรียบนิ่ง พีวดลกำพวงมาลัยแน่นพร้อมกับระงับอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา

“นายกับเพื่อนของนาย กำลังจะเป็นแฟนกันใช่มั้ย” พีวดลเปลี่ยนคำถาม “ครับ” โชจินตอบ

“ลงไป” พีวดลไล่โชจินลงจากรถ คนโดนไล่แม้จะไม่เข้าใจว่าพีวดลเป็นอะไร แต่ก็ยอมลงจากรถโดยดี เขาเองก็ไม่ได้อยากขึ้นมาแต่แรกอยู่แล้ว เมื่อโชจินปิดประตูลง พีวดลก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าไปยังผับแห่งหนึ่ง ตอนนี้เขาแค่อยากดื่มเพื่อระบายความโมโหของตัวเอง เขาเดินไปนั่งลงยังโต๊ะว่างแล้วจัดการสั่งเครื่องดื่มมา แม้ว่ารอบตัวเขาจะมีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจนอกจากแก้วเหล้าตรงหน้า พีวดลยกแก้วขึ้นดื่มไม่ยั้ง จนมีมือสวยมาจับแก้วเขาไว้ เขาหันไปมองก็เจอกับสาวสวยที่กำลังส่งสายตายั่วยวนมาให้เขาอย่างจงใจ

“เครียดอะไรมาคะเนี่ย เนมช่วยได้นะคะ” หญิงสาวพูดเสียงหวานพร้อมกับนั่งลงข้างๆ โดยไม่ขออนุญาตแต่อย่างใด ชายหนุ่มไม่สนใจและดื่มเหล้าต่อ

“ให้เนมชงให้ดีกว่ามั้ยคะ”

“ไม่ต้อง!!” พีวดลบอกกลับไปทันที ตอนนี้เขายังไม่อยากยุ่งกับใคร แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่สนใจ เมื่อหล่อนแย่งแก้วเหล้ามาจัดการชงให้ ก่อนจะส่งคืนชายหนุ่ม พีวดลมองเล็กน้อยก่อนจะรับมาและยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด

“ใครกันน้าที่ทำให้คนหล่อๆ อย่างคุณต้องเป็นแบบนี้ ใจร้ายจัง” หญิงสาวบอก เธอส่งแก้วเหล้าให้ใหม่อีกครั้ง เธอเห็นพีวดลตั้งแต่แรกที่เขาเดินเข้ามาในร้าน ชายหนุ่มโดนใจเธอมาก เธอนั่งมองอยู่สักพักเพื่อประเมินสถานการณ์และเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมาคนเดียวแน่นอนแล้ว เธอจึงขอตัวจากกลุ่มเพื่อนและเข้ามาหาอย่างเปิดเผย

“ดื่มเสร็จแล้วจะไปไหนต่อคะ เนมขอไปด้วยคนได้มั้ย” หญิงสาวบอก ชายหนุ่มหันไปมองอีกครั้ง เขารู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าต้องการอะไร เขาวางแก้วลงหลังจากดื่มหมด ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูหล่อน

“คืนเดียวแล้วจบ” พีวดลบอกไปตรงๆ ก่อนจะถอยหน้ากลับมา หญิงสาวมองพร้อมกับยิ้มมุมปาก เธอยื่นหน้าเข้าไปกระซิบกับเขาบ้าง

“แล้วถ้าเนมทำให้คุณไม่จบในคืนเดียวล่ะคะ”

“ผมไม่ชอบผูกมัดกับใคร โดยเฉพาะเด็กผับอย่างคุณ” พีวดลบอกไปตรงๆ หญิงสาวหัวเราะในลำคอ เธอไม่รู้สึกโกรธกับคำพูดดูถูกแบบนั้น กลับกันเธอรู้สึกถูกใจมากขึ้น

“งั้นเราก็ความคิดตรงกัน เพราะเนมเองก็เป็นพวกรักสนุกไม่ชอบผูกพัน” หญิงสาวบอก พีวดลยิ้มมุมปากก่อนจะดื่มต่อจนหมด เขาเดินออกไปจากสถานที่อโคจรแห่งนี้พร้อมด้วยหญิงสาวที่ชื่อเนม

“ให้เนมขับรถให้ดีกว่ามั้ยคะ เนมดื่มไม่เยอะเท่าไหร่” เนมบอก พีวดลเลิกคิ้วแปลกใจ หญิงสาวยิ้มออกมาก่อนจะพูด “เนมมีใบขับขี่ค่ะ และไม่ต้องห่วงว่ารถราคาแพงของคุณจะเสียหาย” พีวดลไม่พูดอะไรกลับ เขายื่นกุญแจรถให้กับหญิงสาวก่อนจะแยกกันไปขึ้นรถฝั่งใครฝั่งมัน

“ให้เนมขับไปที่ไหนดีคะ”

“มีห้องส่วนตัวหรือเปล่า” พีวดลถาม หญิงสาวยิ้มอีกครั้งก่อนตอบ “คุณนั่งให้สบายเถอะค่ะ ไม่นานหรอก” เนมบอก แล้วเธอก็ขับรถออกไปทันที

“อายุเท่าไหร่” พีวดลถามขึ้นในขณะกำลังเดินทางไปยังที่ไหนสักแห่ง “บรรลุนิติภาวะแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วง” หญิงสาวบอก เธอใช้เวลาขับรถไม่นานมากนักก็มาถึงตึกสูงที่ดูแล้วก็น่าจะเป็นคอนโดฯ ระดับกลาง เธอจอดรถก่อนจะยื่นกุญแจรถคืนเจ้าของ

เนมเดินนำชายหนุ่มไปตามทางเดินยาวบนชั้น 16 ก่อนจะหยุดลงยังห้องสุดท้าย เธอเปิดประตูและหลีกทางให้ชายหนุ่มเข้าไปก่อน หญิงสาวเดินตามเข้าไปและจัดการล็อกประตู เธอเดินไปโยนกระเป๋าใบเล็กลงที่โซฟา แล้วหันไปถามชายหนุ่มที่กำลังเดินไปนั่ง

“จะดื่มต่อมั้ยคะ เนมมีอยู่นิดหน่อย” เธอถาม ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะหันกลับมารับเบียร์ที่หญิงสาวส่งให้

“จะอาบน้ำก่อนมั้ยคะ เนมอาบให้ได้นะ” เธอบอกพร้อมกับเบียดเข้าหาชายหนุ่ม มือสวยเริ่มลูบไล้ไปตามตัว พีวดลวางกระป๋องเบียร์ลง ก่อนจะหันมาจูบหญิงสาว แล้วปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามอารมณ์ดิบ

 

“อืม....โชจิน....”

 

--จบตอนเก้า--

 

(ตอนใหม่คืนวันเสาร์ดึกๆ นะคะ หากใครอยากแนะนำ หรือติชมอะไร แต่ไม่มีล็อกอินที่นี่ สามารถส่งไปที่ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Dekheechul หรืออีเมล์ secrett202@gmail.com หรือจะเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/Vdarkeye202 ก็ได้นะคะ จะขอบคุณมากมายเลยค่ะ และไม่ลืมที่จะขอบคุณนักอ่านเงาทุกท่านด้วยนะคะ )

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา