สัมพันธ์รัก...สัมผัสหัวใจ [YAOI]
-
เขียนโดย ผ้าปูโต๊ะ
วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 23.08 น.
11 ตอน
35 วิจารณ์
14.33K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
11)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ***นิยายชายรักชาย***
แม้จะเป็นเวลาดึกมากแล้ว แต่โชจินก็ยังคงนอนลืมตาท่ามกลางความมืด โดยมีโดนัทนอนหลับอยู่ข้างๆ เขายังคงนึกถึงคำพูดของโดนัทที่พูดถึงพีวดล
“คนอย่างคุณพีวดลน่ะ ถ้าเลือกเข้าหาใครก่อน นั่นแสดงว่าเขามีความรู้สึกพิเศษให้กับคนๆ นั้น”
คำพูดนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขา โชจินนึกย้อนกลับไปถึงวันแรกที่เขาได้เจอกับพีวดล แบบนั้นจะหมายถึงว่าพีวดลเข้าหาเขาก่อนหรือเปล่า แต่ดูเหมือนพีวดลจะเข้าใจผิดมากกว่า
ใช่แล้ว!! พีวดลเข้าใจผิดว่าเขาเป็นใครสักคนที่พีวดลเคยเจอมาก่อนหน้านี้ และจากคำพูดรวมไปถึงการกระทำช่วงแรกๆ ที่มันบอกเป็นนัยว่าคนๆ นั้นกับพีวดลเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก่อน แล้วเขาคนนั้นคือใคร? หน้าตาคล้ายเขาจนพีวดลเข้าใจผิดขนาดนั้นเลยเหรอ?
“โชจิน นายมีพี่น้องหรือเปล่า”
คำถามนี้วนกลับมาอีกครั้ง เขาจะมีพี่น้องได้ยังไง ตั้งแต่เขาจำความได้เขาก็อยู่กับแม่เพียงแค่ 2 คน ถ้าจะคิดว่าเขาอาจมีพี่น้องที่พลัดพรากจากกันมันก็ดูจะเป็นละครน้ำเน่าเกินไป โชจินคิดวนไปวนมาจนสู้ความง่วงไม่ไหว เขาเลยหลับไปพร้อมกับยังคงคาใจกับเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมาในช่วงนี้
อีกครั้งที่พีวดลหายหน้าไปจนเกือบจะครบสัปดาห์ แม้ว่าโชจินจะรู้สึกโล่งใจ แต่มันก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปเหมือนกัน เขาตื่นมาในเช้าวันใหม่ จัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปทำงาน โชจินเดินออกมาจากตึก ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับรถคันสีดำที่เขารู้สึกคุ้นตา เขาค่อยๆ เดินเข้าไปดูและพบว่ากระจกฝั่งคนขับถูกลดลงมาเล็กน้อยพอให้ลมพัดเข้าไปได้ เขายืนตัดสินใจว่าควรจะทำยังไงระหว่างเดินออกไป หรือเคาะกระจกรถเรียกคนข้างในที่นอนเอนกายอยู่
ก๊อก ก๊อก
โชจินตัดสินใจเคาะกระจก แต่คนข้างในก็ยังไม่รู้สึกตัว เขาจึงเคาะอีกครั้ง แต่ก็ยังเหมือนเดิม เขาเริ่มใจไม่ดีเพราะคิดไปว่าคนข้างในอาจเป็นอะไรหรือเปล่า โชจินหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์ เขารอสายพร้อมกับมองคนในรถไปด้วย แล้วเขาต้องถอนหายใจโล่งอกเมื่อมีการตอบรับจากปลายสาย โชจินไม่พูดอะไร แต่กลับเคาะกระจกอีกครั้งจนคนข้างในหันมามอง โชจินวางสายลงไปและเดินถอยออกมาเพื่อให้พ้นรัศมีการเปิดประตู แต่ชายหนุ่มกลับทำเพียงปรับเบาะขึ้นและลดกระจกลง เขาเลยต้องเดินเข้าไปหา
“คุณมานอนอะไรตรงนี้” โชจินถาม แต่ก็ไมได้รับคำตอบ ชายหนุ่มเพียงแค่มองหน้าเขาจนทำให้เขารู้สึกอึดอัด
“คุณมานานหรือยัง” โชจินถามอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบเหมือนเดิม เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่โดนเงียบใส่ เขาเบือนหน้าไปอีกทางก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปรับอารมณ์ให้นิ่งแล้วหันกลับไปมองทางเดิมอีกครั้ง
“คุณจะไม่ตอบอะไรผมเลยใช่มั้ยครับ”คนภายในรถยังคงเงียบใส่ “ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่รบกวนคุณมากไปกว่านี้” แล้วโชจินก็เดินออกไปเลย ชายหนุ่มมองตามพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจที่เห็นโชจินโมโหแต่ทำอะไรเขาไม่ได้
สักพักพีวดลก็เดินลงมาจากรถ ก่อนจะเดินเข้าตึกและขึ้นไปห้องของโชจิน เขาไขประตูเข้าไปและปิดลง ก่อนจะเดินเข้าไปล้มตัวลงนอนที่เตียงโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าของห้อง ช่วงที่เขาหายไปนั้นเขาต้องไปต่างจังหวัดด่วน พอเสร็จงานก็รีบกลับมาหาโชจิน แต่คำพูดของเจ้าตัวที่บอกว่าไม่อยากให้เขามาที่ห้องอีก มันทำให้เขาน้อยใจเลยเลือกที่จะนอนในรถ กะว่าพอโชจินออกไปทำงานแล้วเขาจะแอบเข้าห้อง แต่ก็ผิดแผนนิดหน่อยที่เจ้าตัวดันมาเห็นเขาก่อน
อาการเมินเฉยของพีวดลในตอนเช้านั้นรบกวนจิตใจของโชจินไม่น้อย ทั้งๆ ที่เขาไม่ควรจะสนใจ ไม่ควรจะใส่ใจ แต่ทำไมเขากลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“โชจิน เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นทำหน้ายุ่งบ่อยๆ นะวันนี้” นิดทักขึ้นหลังจากเฝ้าดูอาการมาสักพัก โชจินตกใจเหมือนกันที่เขาแสดงอาการออกมาจนนิดผิดสังเกต
“ไม่มีอะไรหรอก กังวลเรื่องสอบน่ะ”
“พี่จ๋าให้ลาได้นี่ ไม่ต้องห่วงงานทางนี้หรอก พวกเราทำกันได้” นิดบอก โชจินยิ้มให้อย่างขอบคุณ แต่เขาเองก็ไม่อยากเอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน แม้ว่าทุกคนจะเข้าใจและยินดีก็ตาม
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็อ่านหนังสือทุกวัน ยังไงก็จบแน่ๆ” โชจินบอก ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ใกล้เวลาปิดร้าน หญิงสาวเจ้าของร้านเดินมาหาโชจินที่กำลังช่วยในครัวล้างจาน
“โชจิน ไม่ต้องอยู่ช่วยเก็บร้านก็ได้นะ รีบกลับไปอ่านหนังสือเถอะ จะสอบแล้วนี่นา” เธอบอก โชจินหันมาหาก่อนจะหันกลับไปล้างจานต่อ “ไม่เป็นไรครับพี่จ๋า ผมอ่านตุนไว้เยอะแล้ว ติวมาแน่นมาก”โชจินบอกน้ำเสียงทะเล้น หญิงสาวยิ้มเอ็นดูก่อนจะไม่เซ้าซี้ต่อ โชจินอยู่ช่วยเก็บร้านจนเสร็จ และยังไปส่งนิดเหมือนเดิม ก่อนจะเดินไปรอรถเมล์ แล้วก็มีรถยนต์คุ้นตาขับมาจอดตรงหน้าเขา
“ขึ้นรถสิ” เป็นพีวดลที่ชะโงกหน้ามาบอก โชจินรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้า โชจินยืนนิ่งทำเหมือนไม่รู้จักกัน พีวดลเห็นแบบนั้นก็ต้องลงมาจากรถ
“จะขึ้นดีๆ มั้ย” พีวดลขู่น้ำเสียงต่ำ โชจินตวัดตามองให้รู้ว่าเขาไม่สบอารมณ์อยู่ แต่พีวดลก็ไม่ได้สนแม้จะรับรู้ก็ตาม
“หรือต้องให้ฉันฉุดขึ้นไปให้คนอื่นเห็น” พีวดลบอก โชจินมองไปข้างๆ ตัวก่อนจะต้องจำใจขึ้นรถไป เพราะคนที่ยืนรอรถเมล์เริ่มซุบซิบกันแล้ว
ทั้งคู่นั่งมาโดยไม่มีการสนทนาใดๆ โชจินหันหน้ามองไปนอกหน้าต่างรถฝั่งตัวเอง พีวดลเองก็ลอบมองเป็นระยะแต่ก็ยังไม่คิดจะพูดอะไรออกมา จนเป็นโชจินเองที่โวยวายเมื่อมองเห็นเส้นทางที่ไม่ใช่ทางที่ไปอพาร์ตเมนต์ของตัวเอง
“นี่คุณจะพาผมไปไหน”
“ไปอ่านหนังสือ”
แค่นั้นโชจินก็รู้แล้วว่าพีวดลกำลังจะพาเขาไปไหน เขาหันไปมองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มที่ดูจะอารมณ์ดีอย่างปิดไม่มิด ก่อนจะหันกลับไปมองยังทางข้างหน้าและพูดเสียงเรียบ
“ผมไม่มีหนังสือให้อ่านครับ”
“ฉันเอามาให้นายแล้ว พร้อมเสื้อผ้า” พีวดลบอกกลับไป โชจินหันขวับไปมองอีกครั้งก่อนจะหันไปดูที่เบาะหลัง แล้วก็พบว่ามีกระเป๋าเสื้อผ้าของเขาจริงๆ พร้อมหนังสือเรียนที่จะใช้สอบ
“นี่คุณเข้าไปค้นห้องผมเหรอครับ” น้ำเสียงติดโมโหจนพีวดลรู้สึกได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกลัวหรือแม้แต่จะรู้สึกผิด เขาพยักหน้ายอมรับ “ก็ไม่ถึงกับค้นหรอกนา แค่หาของจำเป็นที่นายต้องใช้เท่านั้นเอง”
“นี่คุณ!! ที่ผมให้คุณเข้าออกห้องได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะเต็มใจนะครับ หรือสังคมที่คุณอยู่ไม่มีคำว่ามารยาทให้เรียนรู้ครับ” โชจินว่ากลับไปตรงๆ เขาเหลืออดกับความเอาแต่ใจของพีวดล
“นายคิดว่าฉันไม่รู้สึกโกรธบ้างหรือไง” แม้ครั้งก่อนๆ พีวดลจะไม่ค่อยโมโหกับคำพูดประชดประชัน แต่ในตอนนี้เขากลับเริ่มไม่พอใจในคำพูดของโชจิน พีวดลพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้ร้อนไปมากกว่านี้ แล้วเขาก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ คนนั่งข้างๆ ปลดเบลต์และจะเปิดประตู พีวดลรีบกดล็อกทันที “นายอยากตายหรือไง!!”
“ผมไม่ได้อยากตายหรอกครับ แต่ผมไม่อยากทนกับคนอย่างคุณอีกแล้ว”
“โชจิน มีอะไรค่อยไปคุยกันที่คอนโดฯ ฉันรู้ว่านายกำลังโกรธฉัน โอเค. ฉันขอโทษที่ถือวิสาสะทำแบบนี้ แต่ฉันหวังดีกับนายจริงๆ” พีวดลบอกน้ำเสียงอ่อนลง ซึ่งมันก็ได้ผลเมื่อสามารถลดความโมโหของโชจินลงได้ เขาเหล่มองและเบาใจขึ้นเมื่อโชจินไม่มีท่าทางจะทำอะไรบ้าๆ อย่างเมื่อครู่อีก
ในที่สุดพีวดลก็ขับมาถึงที่คอนโดฯ อย่างปลอดภัย เขาปลดเบลต์ แต่ก็ยังไม่ดับเครื่องยนต์และยังไม่ปลดล็อกรถ เขาหันมองโชจินที่นั่งหน้าตรงมองไปด้านหน้า
“นายจะลงไปมั้ย”
“ผมมีสิทธิ์เลือกด้วยเหรอครับ” โชจินประชดกลับ เขานั่งคิดทบทวนทุกอย่างมาตลอดทาง รวมไปถึงคำพูดของโดนัทด้วย เขาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาอาจเป็นคนสำคัญกว่าคนก่อนๆ ที่พีวดลเคยดูแล แต่ก็ยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะถามออกไปให้เคลียร์
แปลก!!
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงไม่ลังเลที่จะถามออกไป ไม่ลังเลที่จะไล่ และคงไม่ลังเลที่จะต่อต้านพีวดลอย่างสุดกำลัง แต่ในตอนนี้เขากลับเริ่มมีความรู้สึกห่วง...ห่วงความรู้สึกของพีวดล
บรรยากาศภายในรถยังคงมีแต่ความเงียบ พีวดลยังคงมองโชจิน จนสุดท้ายต้องเป็นโชจินที่ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับบรรยากาศที่น่าอึดอัดในตอนนี้ เขาพูดเสียงเรียบออกไป “จะไม่ลงจากรถเหรอครับ”
“นายอยากลง?” พีวดลถาม
“ผมไม่อยากเสียเวลาในการอ่านหนังสือ” โชจินบอก พีวดลชั่งใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยอมเชื่อคำพูดของโชจิน เขาปลดล็อกรถและดับเครื่องยนต์ โชจินลงไปก่อนจะเปิดประตูรถด้านหลังและหยิบของตัวเองออกมา พีวดลรีบเดินอ้อมมาและจะแย่งของในมือโชจินมาถือให้เอง
“ไม่เป็นไรครับ ผมถือเองได้ และผมคงไม่หนีไปไหน”โชจินบอก ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในโดยมีพีวดลเดินตามพร้อมกับรอยยิ้มพอใจ
‘ใกล้สำเร็จแล้วสินะ’ พีวดลคิด
ทั้งคู่ขึ้นมาถึงชั้นห้องพัก พีวดลเดินนำโดยมีโชจินเดินตาม ชายหนุ่มเปิดประตูห้องและหลีกทางให้โชจินเดินเข้าไปก่อน เขาเดินตามเข้าไปและปิดประตู โชจินที่เริ่มคุ้นเคยกับห้องนี้ก็เดินตรงไปที่โซฟา เขาวางกระเป๋าไว้ที่พื้น วางหนังสือลงบนโต๊ะกระจกด้านหน้าโซฟา แล้วเขาก็ต้องรีบเดินไปดักหน้าชายหนุ่มที่จู่ๆ ก็มาหิ้วกระเป๋าเขาไป
“คุณจะเอาไปไหน” โชจินถามเสียงห้วน แม้เขาจะยอมขึ้นมาบนนี้ แต่ความรู้สึกโกรธก็ยังคงมีอยู่
“จะเอาเข้าไปไว้ในห้องไง ไม่ใช่ห้องของฉันหรอกนา” พีวดลบอก เขาเดินหลบโชจินไปยังอีกห้องหนึ่งที่ญาดาเคยได้พัก เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องนั้น ก่อนจะหลีกทางให้พีวดลออกมา เมื่อเจ้าตัวเอากระเป๋าของเขาวางไว้บนเตียง
“นายก็ใช้ห้องฉันได้เต็มที่นะ ในตู้เย็นกินได้หมด พวกมาม่าคัพก็ด้วย แล้วก็ไม่ต้องคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสือมากนัก ไม่ไหวก็นอนพักหรือคลายเครียดบ้าง คอมฯ ก็เปิดได้ ไม่ต้องใส่รหัสอะไร คิดซะว่าเป็นห้องของนายก็แล้วกัน” พีวดลบอกยาวเหยียด ก่อนจะเดินกลับไปที่ประตู ทำเอาโชจินงงไม่น้อย
“แล้วนั่นคุณ...จะไปไหน” ท้ายประโยคแม้จะถามเสียงเบา แต่พีวดลก็ได้ยิน เขาหันกลับมามอง “ฉันมีนัด แล้วก็ไม่ต้องห่วง คืนนี้ฉันจะกลับบ้าน ไม่มาที่นี่ให้รกสายตานายหรอก หายห่วงได้” แล้วพีวดลก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้โชจินยืนนิ่งอยู่ที่เดิม...ทำไมเขารู้สึกว่าพีวดลกำลังประชดเขาอยู่
เสียงเพลงเบาๆ ที่เปิดคลอภายใต้แสงไฟสลัว พีวดลนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์อยู่คนเดียวในบาร์ภายในโรงแรมที่ตัวเองดูแลอยู่ ความจริงแล้วเขาไม่ได้มีนัดที่ไหนหรอก เขาแค่ไม่อยากทำให้โชจินรู้สึกอึดอัด
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาแคร์ความรู้สึกของใครอีกคน?
ในหัวของชายหนุ่มมีความคิดมากมายตีกันยุ่งไปหมด และมันก็เป็นเพียงเรื่องของคนๆ เดียว คนที่จู่ๆ ก็ดันมามีอิทธิพลกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และเขาก็ไม่คิดจะกลับไปตามหาช่วงเวลาที่มันเกิดขึ้น ตอนนี้เขาคิดแค่ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้คนๆ นี้ได้อยู่กับเขาให้นานที่สุด นานจนสุดท้ายแล้วต้องเป็นเขาเท่านั้นที่จะยุติเรื่องราวทุกอย่าง
‘พีวดลต้องเป็นผู้ชนะเท่านั้น’
“ไงวะ มานั่งเปลี่ยวอะไรที่นี่” เสียงทุ้มที่ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใครทักขึ้น ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งยังอีกฝั่งหนึ่งของโซฟา บาร์แห่งนี้จะปิดเวลาตี 4 และจะรับแค่เฉพาะแขกของโรงแรมตั้งแต่ตี 1 จนถึงเวลาปิดเท่านั้น
“แล้วพี่ล่ะ ทำอะไรที่นี่ดึกๆ ดื่นๆ วะ” เขาเอ่ยกลับ ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง พี่ชายหรี่ตามองก่อนถามกลับ “มีอะไรป่าววะ ดูเซ็งโลกนะมึง”
“ผมดูออกขนาดนั้นเชียว” เขาบอก “เออ” อีกคนตอบกลับสั้นๆ ก่อนจะหันไปขอแก้วจากบริกร
“ได้ข่าวช่วงนี้ไม่ค่อยเที่ยวเหรอวะ เจอตัวจริงแล้วไงถึงหยุด”
“ตัวจริงอะไรของพี่วะ มีก็ดีดิ” พีวดลบอกพี่ชายคนรอง เขาแค่นยิ้มให้ตัวเองก่อนจะดื่มรวดเดียวหมดแก้ว แต่ที่พี่ชายพูดเมื่อครู่ก็ถูก เขาไม่ค่อยได้ไปเที่ยวอีกเลยหากไม่จำเป็นจริงๆ ไม่รู้เป็นเพราะว่าเบื่อ หรือเพราะว่าคนๆ นั้นกันแน่
“อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงซุกซ่อนใครไว้ ถ้าใช่ก็พามาเปิดตัว มึงก็รู้ว่าบ้านเราเปิดกว้าง” พี่ชายบอกกับเขาเป็นนัยแปลกๆ พีวดลมองคิ้วขมวด “อะไรของพี่วะ”
“ที่คอนโดมึงตอนนี้ใครไปอยู่ล่ะ” คำถามของพี่ชายทำเอาเขาอึ้งไป พีวดลได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของธนภพพี่ชายตัวเอง
“กูไม่ได้ให้ใครไปสืบ กูแค่ผ่านไปเท่านั้น ว่าจะไปหามึง แต่ก็ดันไปเห็นพอดีว่ามึงพาใครไปด้วย เห็นไกลๆ ก็หน้าตาดีอยู่นะ เด็กใหม่มึงเหรอวะ” ธนภพบอกยืดยาว พีวดลอึ้งไปอีกรอบ ความบังเอิญมันมีจริงบนโลกใบนี้ และความลับไม่มีในโลกจริงๆ
“ไม่ใช่หรอกพี่” พีวดลบอก แม้เขาจะปฏิเสธได้ไม่เต็มปาก เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะวางโชจินไว้ในความสัมพันธ์แบบไหน
“ไม่ใช่แล้วมึงพาไปคอนโดทำไมวะ กูรู้นิสัยมึงดี มึงไม่พาใครขึ้นคอนโดมึงง่ายๆ แน่ หรือที่มานั่งดื่มแบบนี้เพราะเด็กมันไม่เล่นด้วยงั้นดิ” ธนภพแกล้งแหย่เล่น แล้วเขาก็ต้องตกใจที่พีวดลเงียบไป เขานั่งมองน้องชายตัวเองที่ดื่มหมดแก้วและรินเข้าไปใหม่อีกครั้ง
“จริงเหรอวะมึง นี่น้องกูโดนปฏิเสธแล้วเหรอวะเนี่ย” เขาอดทึ่งไม่ได้จริงๆ ระดับทายาทลำดับสามของตระกูล ผู้ชายที่มีโปรไฟล์สุดแสนจะเพอร์เฟค แต่กลับโดนคนที่ดูธรรมดามากปฏิเสธแบบที่เจ้าตัวต้องมานั่งดื่มย้อมใจขนาดนี้ ต้องไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้แน่ๆ
“พี่ก็เว่อว่ะ มันไม่มีอะไรจริงๆ แค่...เฮ่อ!!” เขาพูดไม่จบประโยคก่อนจะถอนหายใจออกมา เขาไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรขึ้นมาบอกพี่ชาย เขาโดนปฏิเสธก็ไม่ใช่แบบนั้น เขาแค่โดนต่อต้านในตอนแรก แต่ในตอนนี้เขาดูออกว่าโชจินเริ่มค่อยๆ เปิดใจให้เขาแล้ว แต่มันก็มีบางอย่างที่เขาเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์
“หนักแล้วน้องกู เด็กนั่นเป็นใครวะ” ธนภพชักอยากรู้จักเสียแล้วในตอนนี้ แต่ดูเหมือนน้องชายก็ไม่อยากจะเปิดเผยอะไรเท่าไหร่ เขาจึงไม่คาดคั้นต่อ เขานั่งดื่มเป็นเพื่อนน้องชายจนรู้สึกว่าเจ้าตัวเริ่มเมา จึงจัดการพาขึ้นไปนอนยังห้องนอนที่ว่างอยู่ ที่นี่ไม่มีห้องส่วนตัวสำหรับผู้บริหารไม่ว่าจะระดับไหนก็ตาม ทุกห้องต้องมีไว้บริการลูกค้าเท่านั้น
เช้าวันใหม่ โชจินสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงออดหน้าประตูดังขึ้น เขาหันมองหานาฬิกาก่อนจะขมวดคิ้วและหันไปมองที่ประตู เมื่อคืนเขานอนตอนเกือบๆ ตีสาม และถึงแม้ว่าเจ้าของห้องจะอนุญาตให้เขาได้ใช้ห้องนอนอีกห้องหนึ่ง แต่เขากลับเลือกที่จะนอนบนโซฟาซึ่งปรับเป็นเตียงได้อย่างที่เคยใช้ในครั้งแรกที่มาห้องนี้ เขาลุกเดินไปที่หน้าประตูก่อนจะส่องตาแมว
“ใครอ่ะ?” เขาพึมพำกับตัวเอง เมื่อส่องดูแล้วพบว่าเป็นชายหนุ่มที่ถึงแม้จะยืนหันหลังให้ แต่เขาก็มั่นใจว่าไม่ใช่เจ้าของห้องแน่นอน เสียงออดดังขึ้นอีกครั้ง เขายืนคิดว่าควรจะทำยังไง ก่อนจะได้ยินเสียงคนข้างนอกตะโกนเข้ามา
“ฉันรู้ว่ามีคนอยู่ในห้อง ฉันเป็นพี่ชายของพีวดล” น้ำเสียงที่ฟังดูคล้ายกัน และยังจะหน้าตาที่ดูออกว่าคนข้างนอกไม่โกหกแน่ หลังจากที่โชจินมองตาแมวอีกครั้งและคนข้างนอกก็หันหน้ามาให้เขาเห็น เขาตัดสินใจเปิดประตูห้อง
“เชิญครับ” โชจินบอกน้ำเสียงนอบน้อม แล้วหลีกทางให้คนที่อ้างตัวว่าเป็นพี่ชายพีวดลเดินเข้ามา
“รอสักครู่นะครับ” โชจินบอก ก่อนจะรีบเดินไปจัดการกับโซฟา และเก็บหนังสือพร้อมผ้าห่มให้เรียบร้อย ชายหนุ่มผู้มาใหม่ยืนมองดูอยู่ห่างๆ ก่อนจะเอ่ยออกไป
“ฉันธนภพ พี่ชายคนรองของไอ้พีมัน นายไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ แล้วค่อยมาคุยกัน” เขาบอก โชจินรับคำสั้นๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ธนภพเดินไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะหยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมาพลิกดู จนเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เขาจึงวางหนังสือลงไว้ที่เดิม เขาหันไปหาคนที่ค่อยๆ เดินมาอย่างเกรงๆ
“มานั่งสิ” ธนภพบอก เขาขยับตัวให้มีที่ว่างข้างๆ โชจินเดินเข้ามานั่งชิดอีกฝั่ง
“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันมาดี นั่งให้สบายเถอะ แล้วชื่ออะไรล่ะ” ธนภพบอกพร้อมปรับน้ำเสียงให้ดูสบายมากขึ้น
“คุณธนภพจะรับกาแฟก่อนมั้ยครับ” โชจินเอ่ยขึ้น แม้จะยังก้มหน้าไม่กล้าสบตาชายหนุ่มก็ตาม ธนภพที่มองอยู่ก็ต้องแอบยิ้มขำ ก่อนจะบอกกลับไป “อืม” แล้วโชจินก็รีบเดินออกไปทันที
ธนภพเปิดทีวีเพื่อทำให้บรรยากาศผ่อนคลายมากขึ้น เขารับกาแฟมาก่อนจะยกขึ้นชิม “ชงอร่อยดีนี่”
“เอ่อ...กาแฟสำเร็จรูปน่ะครับ” โชจินบอกก่อนจะนั่งลงที่เดิมอีกครั้ง ธนภพวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ เขาหรี่เสียงทีวีลงให้เหลือเพียงเสียงคลอเบาๆ
“ตกลงนายชื่ออะไร”
“ผมชื่อโชจินครับ”
“เป็นอะไรกับพีวดล” ธนภพถามไปตรงๆ ทำให้คนถูกถามต้องเงยหน้าขึ้นมองอัตโนมัติ ก่อนจะก้มหน้าลงเหมือนเดิม เขาเงียบเพราะไม่รู้จะตอบกลับไปว่าอะไร แล้วเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ โชจินแอบเหล่มอง
“เงยหน้าขึ้นเถอะ เมื่อยคอกันพอดี ฉันดูน่ากลัวมากหรือไง” ธนภพบอก โชจินก็เงยหน้าขึ้นมองทีวีแทน ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้
“คุณพีวดลไม่อยู่ครับ ไม่รู้จะกลับมาตอนไหนครับ”
“มันอยู่ที่โรงแรมน่ะ เมื่อคืนมันไปนั่งดื่มอยู่คนเดียว ไม่ค่อยเห็นมันเป็นแบบนั้นเท่าไหร่นะ” ธนภพตั้งใจบอกไปแบบนั้น เขามองดูอากัปกิริยาของโชจิน แต่คนตรงหน้ากลับนิ่งกว่าที่เขาคิด
“แล้วทำไมนายมาอยู่ที่นี่ล่ะ ไอ้พีมันไม่ค่อยพาใครขึ้นคอนโดง่ายๆ นะ” ธนภพบอกพร้อมกับมองดูอย่างจับผิด โชจินได้ยินแบบนั้นก็เผลอหันไปมองคนพูดก่อนจะรีบหันกลับมาทางเดิมอีกครั้ง
“คือ...”
“พี่สอง พี่มาทำไม!!” เสียงคนตรงหน้าประตูโวยวายขึ้นขัดคำพูดของโชจิน ทั้งสองคนที่นั่งตรงโซฟาหันไปมองทันที โชจินโล่งใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“มึงปิดประตูก่อนมั้ย” ธนภพบอกอย่างไม่รู้สึกตกใจอะไรกับการปรากฏตัวของน้องชายตัวเอง มาช้ากว่าที่เขาคิดด้วยซ้ำ พีวดลรีบปิดประตูก่อนจะเดินปรี่เข้าไปหาคนทั้งสอง เขาฉุดให้โชจินลุกขึ้น ก่อนจะสั่งให้เจ้าตัวเข้าห้องไปก่อน โชจินเดินไปอย่างว่าง่าย จนเหลือเพียงพี่น้องที่คนหนึ่งนั่งอยู่อย่างสบายอารมณ์ กับอีกคนที่ดูไม่เข้าใจพี่ชายตัวเองว่ามาทำอะไรที่นี่
“จะยืนค้ำหัวกูอีกนานมั้ย” ธนภพบอกไม่จริงจังนัก พีวดลนั่งลงก่อนจะหยิบรีโมตขึ้นมากดปิด แล้วหันไปถามพี่ชายตัวเอง “มาทำไมวะ”
“ก็กูอยากเห็นคนที่ทำให้น้องกูอาการหนักเมื่อคืนนี้ ใช้ได้นี่หว่า” ธนภพบอกยียวนกลับไป พีวดลถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะบอกกลับไปน้ำเสียงนิ่ง “ค่อยไปคุยกันที่อื่น ตอนนี้พี่กลับไปก่อน ผมขอ”
“โอเค. กูแค่อยากมาเห็นหน้าให้ชัดๆ เท่านั้นแหละ นี่ถ้ากูไม่มีแฟนนะ กูเคลมละ”
“อย่าสันดานพี่สอง และอย่าแม้แต่จะคิดอีก ไม่งั้นผมจะเป็นเด็กขี้ฟ้องให้แตกหักเลย” พีวดลขู่ ธนภพหัวเราะ ก่อนจะยอมเดินออกไปอย่างง่ายดาย พีวดลปิดประตูลงก่อนจะถอนหายใจโล่งอก เขามองไปที่ห้องนอนที่มีโชจินอยู่ในนั้น พีวดลเดินเข้าไปเคาะประตู “ออกมาคุยกันหน่อย”
พีวดลไปนั่งรอที่โซฟา ก่อนจะหันไปเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด โชจินออกมาในชุดใหม่และกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อม พีวดลขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยพอใจ เพราะรู้ว่าโชจินจะทำอะไรต่อจากนี้
“เอาเข้าไปเก็บ นายยังต้องอยู่ที่นี่อีก”
“ผมกลับห้องดีกว่าครับ”
“อย่าให้ฉันต้องพูดเป็นครั้งที่สองนะโชจิน” พีวดลขู่ แต่ดูเหมือนโชจินจะไม่สะทกสะท้านกับคำขู่นั้น เขาจึงลุกไปแย่งกระเป๋าเสื้อผ้า ก่อนจะเดินเอาเข้าไปไว้ยังห้องนอนของตัวเอง โชจินจะเดินไปแย่งคืนก็ต้องหยุดชะงักอยู่ที่หน้าประตู พีวดลยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าโชจินไม่กล้าเดินเข้ามา ชายหนุ่มเดินกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับปิดประตู และเดินลากแขนโชจินมานั่งด้วยกันที่โซฟา โชจินขยับออกห่าง
“พี่สองคุยอะไรกับนายบ้าง”พีวดลถามทันที
“ไม่มีอะไรมากครับ คุณธนภพถามแค่ชื่อ แล้วก็ถามว่าทำไมผมมาอยู่ที่นี่” โชจินบอก เขาไม่ได้นั่งก้มหน้าเหมือนตอนที่โดนธนภพถาม โชจินนั่งมองทีวีที่ถูกปิดไว้
“แล้วนายตอบไปว่าอะไร” พีวดลถามต่อ
“ผมตอบแค่ชื่อครับ” โชจินบอกตามจริง พีวดลเงียบ คำถามของธนภพดังก้องในหัวของโชจินอีกครั้ง เขาตัดสินใจถามพีวดลออกไป
“คุณธนภพถามด้วยว่าผมกับคุณเป็นอะไรกัน ผมเองก็อยากรู้ครับว่าผมกับคุณเป็นอะไรกัน” โชจินหันไปมองหน้าตรงๆ ทั้งคู่สบตากันโดยไม่ได้มีความซึ้งหรือความโรแมนติกใดๆ โชจินต้องการคำตอบให้ชัดเจน ส่วนพีวดลก็ยังคงหาคำตอบไม่ได้ พีวดลตัดปัญหาโดยการลุกขึ้นเดินไปห้องนอน แต่เขาก็ต้องหยุดยืนอยู่หน้าประตูเมื่อได้ยินคำถามอีกครั้งจากโชจิน
“ผมอยู่ในฐานะเดียวกันกับโดนัทหรือเปล่าครับ”
ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง พีวดลยืนยิ่งอยู่ที่เดิม ส่วนโชจินก็ยังคงนั่งก้มหน้าอยู่ที่โซฟา โชจินบอกกับตัวเองว่าไม่ว่าคำตอบจะเป็นแบบไหน เขาจะไม่ยอมปล่อยตัวปล่อยใจอย่างที่เป็นมาอีก เรื่องระหว่างเขากับพีวดลควรจะจบให้เร็วที่สุด เพื่อตัวและหัวใจของเขาเอง โชจินยิ้มเบาๆ ก่อนจะรวบหนังสือทั้งหมดมาไว้บนตักตัวเอง
“นายกับโดนัทแตกต่างกัน” พีวดลพูดขึ้นมาแค่นั้น แล้วเดินเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้โชจินไม่เข้าใจกับประโยคที่พีวดลบอก
มันหมายความว่ายังไง?
แตกต่างกันคือยังไง?
มากกว่าหรือน้อยกว่า?
โชจินถอนหายใจออกมาอย่างคิดไม่ตก ตอนนี้เขาอยากกลับห้องของตัวเอง แต่กระเป๋าเสื้อผ้าของเขายังอยู่ในห้องนอนของพีวดล เขาไม่อยากทิ้งไว้ที่นี่ เขาอยากเอามันกลับไปด้วย เพราะหลังจากนี้เขาจะไม่กลับมายังห้องนี้อีกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
พีวดลนั่งอยู่บนเตียงพักใหญ่นับตั้งแต่เข้ามาในห้อง กระเป๋าเสื้อผ้าของโชจินยังวางอยู่ที่พื้น เขาไม่คิดมาก่อนว่าพี่ชายของเขาจะมาหาโชจินด้วยตัวเอง เพราะโดยปกติแล้วเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนจะไม่ค่อยเข้าไปก้าวก่ายกันตามประสาของผู้ชาย เขาหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาคนที่สร้างเรื่องทิ้งไว้ พีวดลรอสายไม่นานก็มีการตอบรับจากปลายสายที่เรียกไป
“ไงไอ้น้อง”
“พี่สอง มาทำไมวะ?” พีวดลถามไปตรงๆ ธนภพหัวเราะก่อนจะตอบกลับไป “ก็กูบอกมึงไปแล้วไงว่าแค่อยากเห็นหน้า หรือมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น?”
คำถามของธนภพทำเอาพีวดลตอบไม่ถูก นี่คือปัญหาระหว่างเขากับโชจินอย่างนั้นเหรอ?
“ไม่ตอบ แสดงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นจริงใช่มั้ยวะ?” ธนภพถามอีกครั้ง พีวดลจำใจตอบกลับไป “เปล่า ไม่มีปัญหาอะไร”
“ก็ดี ว่าแต่มึงให้เด็กมึงไปอยู่ที่ห้องได้ไงวะ กูถามเขา เขาก็ไม่ตอบกู แล้วสรุปมึงกับน้องเขาเป็นอะไรกัน” ธนภพถามกลับไปตรงๆ พีวดลเงียบไปอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจบอกความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโชจิน “ไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ได้สำคัญอะไรหรอกพี่ แล้วก็ไม่ต้องปากสว่างไปบอกแม่อีกล่ะ ครั้งนี้ผมขอจริงๆ” พีวดลบอก ธนภพหัวเราะก่อนรับปากแล้ววางสายไป พีวดลวางมือถือลงบนเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอน
“ทำไมกูต้องมาเครียดอะไรแบบนี้ด้วยวะ” พีวดลเปรยกับตัวเอง เขาปิดตาลงเพราะอยากพักจากเรื่องราวที่มันวิ่งวนอยู่ในหัว เสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะลุกไปเปิดประตู
“ผมขอกระเป๋าเสื้อผ้าคืนได้มั้ยครับ” โชจินบอก เขายืนมองเข้าไปด้านในแต่ไม่ได้มองจุดไหนเป็นพิเศษ เขาแค่ไม่อยากสบตากับคนตรงหน้าก็เท่านั้น
“นายจะกลับ?”
“แล้วผมจะอยู่ทำไมล่ะครับ” โชจินตอบกลับทันที เขาสบสายตาพีวดลแวบหนึ่งก่อนจะเบนสายตาลงต่ำโดยไม่ได้ก้มหน้า
“ได้ ถ้านายต้องการ” พีวดลบอก เขาหันเดินกลับไปหยิบกระเป๋ามาส่งให้โชจิน เจ้าตัวรับมาก่อนจะเดินกลับไปหยิบหนังสือที่เตรียมไว้แล้ว โชจินหันไปมองพีวดลก่อนจะก้มหัวขอบคุณ “ขอบคุณครับ”
พีวดลมองโชจินเดินออกจากห้องไป เวลานี้เขาก็อยากอยู่คนเดียว อยู่เงียบๆ เพื่อคิดทำความเข้าใจกับความรู้สึกของตัวเอง คำพูดของโชจินผุดขึ้นมาอีกครั้ง “ผมอยู่ในฐานะเดียวกันกับโดนัทหรือเปล่าครับ”
ในตอนนั้นช่วงที่พีวดลได้รู้จักกับเด็กหนุ่มชื่อโดนัท พวกเขาเจอกันที่ผับแห่งหนึ่ง โดนัทเข้าหาเขาและคืนนั้นก็ไปจบที่บนเตียง พอเช้ามาก็ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไป เหมือนจะไม่มีอะไรสานต่อ แต่แล้วในคืนหนึ่งเขาก็เจอกับโดนัทอีกครั้ง พีวดลช่วยโดนัทจากพวกผู้ชายที่มอมยาเขา
หลังจากนั้นพีวดลกับโดนัทก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆ ในตอนแรกพวกเขาตกลงกันว่าจะเป็นเพียงคู่นอนกันเท่านั้น แต่ความน่ารักของโดนัททำให้พีวดลเอ็นดูเลยเริ่มดูแลโดนัทมากขึ้น โดยที่เขาไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำไปนั้นมันทำให้โดนัทคิดไปไกลและเกิดรักเขาขึ้นมาจริงๆ พีวดลยอมรับว่าชอบโดนัทไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับรักจนสามารถอยู่ด้วยกันไปอย่างสามีภรรยา พีวดลยังคงต้องการผู้หญิงมาเป็นคู่ครองในชีวิตแต่งงานของเขา
จนสุดท้ายก็เป็นโดนัทเองที่ตัดสินใจขอเลิกกับเขา เลิกติดต่อกันโดยสิ้นเชิง พีวดลเองก็ไม่ได้คัดค้านหรือเหนี่ยวรั้งอะไร หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้รับรู้ข่าวคราวของโดนัทอีกเลย จะว่าไปแล้วช่วงที่ดูแลกันนั้นเขาก็แทบไม่เคยรู้เรื่องราวส่วนตัวของโดนัท เพราะเขาไม่ได้สนใจมัน ความสัมพันธ์ระหว่างพีวดลกับโดนัทก็เพียงแค่เซ็กส์ และที่ชายหนุ่มดูแลก็เพราะเอ็นดูและเหมือนเป็นของกำนัลให้กับเด็กหนุ่มมากกว่า
แต่กับโชจินมันต่างออกไป
ใช่!! ที่พีวดลบอกโชจินไปนั้นมันคือความจริงๆ แม้เขายังคาใจกับโชจินในคืนแรกที่ได้เจอกัน แต่เขาก็แทบจะไม่นำมาเป็นข้ออ้างในการตามตอแยโชจินอีกเลย ทุกวันนี้เขารู้แค่ว่าอยากเจอ อยากได้พูดยั่วโมโห อยากไปสร้างความรำคาญให้โชจิน อยากได้ยินคำประชดประชันของเจ้าตัว และเขาก็ยังไม่อยากปล่อยโชจินไป...เพราะเขายังไม่ใช่ผู้ชนะ
‘มันก็แค่ความอยากเอาชนะของเขาเท่านั้น’ พีวดลเฝ้าบอกตัวเองแบบนี้ ถ้าวันไหนที่โชจินรู้สึกกับเขา เรียกร้องหาเขา นั่นแหละคือวันที่เขาจะปล่อยโชจินไป
แต่พีวดลอาจไม่รู้เลยว่า สิ่งที่ตัวเองทำเพื่อหวังมัดโชจินนั้น มันอาจกลับมามัดตัวเองก็ได้
-- จบตอนสิบเอ็ด --
(ขอบคุณนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ)
แม้จะเป็นเวลาดึกมากแล้ว แต่โชจินก็ยังคงนอนลืมตาท่ามกลางความมืด โดยมีโดนัทนอนหลับอยู่ข้างๆ เขายังคงนึกถึงคำพูดของโดนัทที่พูดถึงพีวดล
“คนอย่างคุณพีวดลน่ะ ถ้าเลือกเข้าหาใครก่อน นั่นแสดงว่าเขามีความรู้สึกพิเศษให้กับคนๆ นั้น”
คำพูดนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขา โชจินนึกย้อนกลับไปถึงวันแรกที่เขาได้เจอกับพีวดล แบบนั้นจะหมายถึงว่าพีวดลเข้าหาเขาก่อนหรือเปล่า แต่ดูเหมือนพีวดลจะเข้าใจผิดมากกว่า
ใช่แล้ว!! พีวดลเข้าใจผิดว่าเขาเป็นใครสักคนที่พีวดลเคยเจอมาก่อนหน้านี้ และจากคำพูดรวมไปถึงการกระทำช่วงแรกๆ ที่มันบอกเป็นนัยว่าคนๆ นั้นกับพีวดลเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก่อน แล้วเขาคนนั้นคือใคร? หน้าตาคล้ายเขาจนพีวดลเข้าใจผิดขนาดนั้นเลยเหรอ?
“โชจิน นายมีพี่น้องหรือเปล่า”
คำถามนี้วนกลับมาอีกครั้ง เขาจะมีพี่น้องได้ยังไง ตั้งแต่เขาจำความได้เขาก็อยู่กับแม่เพียงแค่ 2 คน ถ้าจะคิดว่าเขาอาจมีพี่น้องที่พลัดพรากจากกันมันก็ดูจะเป็นละครน้ำเน่าเกินไป โชจินคิดวนไปวนมาจนสู้ความง่วงไม่ไหว เขาเลยหลับไปพร้อมกับยังคงคาใจกับเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมาในช่วงนี้
อีกครั้งที่พีวดลหายหน้าไปจนเกือบจะครบสัปดาห์ แม้ว่าโชจินจะรู้สึกโล่งใจ แต่มันก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปเหมือนกัน เขาตื่นมาในเช้าวันใหม่ จัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปทำงาน โชจินเดินออกมาจากตึก ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับรถคันสีดำที่เขารู้สึกคุ้นตา เขาค่อยๆ เดินเข้าไปดูและพบว่ากระจกฝั่งคนขับถูกลดลงมาเล็กน้อยพอให้ลมพัดเข้าไปได้ เขายืนตัดสินใจว่าควรจะทำยังไงระหว่างเดินออกไป หรือเคาะกระจกรถเรียกคนข้างในที่นอนเอนกายอยู่
ก๊อก ก๊อก
โชจินตัดสินใจเคาะกระจก แต่คนข้างในก็ยังไม่รู้สึกตัว เขาจึงเคาะอีกครั้ง แต่ก็ยังเหมือนเดิม เขาเริ่มใจไม่ดีเพราะคิดไปว่าคนข้างในอาจเป็นอะไรหรือเปล่า โชจินหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์ เขารอสายพร้อมกับมองคนในรถไปด้วย แล้วเขาต้องถอนหายใจโล่งอกเมื่อมีการตอบรับจากปลายสาย โชจินไม่พูดอะไร แต่กลับเคาะกระจกอีกครั้งจนคนข้างในหันมามอง โชจินวางสายลงไปและเดินถอยออกมาเพื่อให้พ้นรัศมีการเปิดประตู แต่ชายหนุ่มกลับทำเพียงปรับเบาะขึ้นและลดกระจกลง เขาเลยต้องเดินเข้าไปหา
“คุณมานอนอะไรตรงนี้” โชจินถาม แต่ก็ไมได้รับคำตอบ ชายหนุ่มเพียงแค่มองหน้าเขาจนทำให้เขารู้สึกอึดอัด
“คุณมานานหรือยัง” โชจินถามอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบเหมือนเดิม เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่โดนเงียบใส่ เขาเบือนหน้าไปอีกทางก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปรับอารมณ์ให้นิ่งแล้วหันกลับไปมองทางเดิมอีกครั้ง
“คุณจะไม่ตอบอะไรผมเลยใช่มั้ยครับ”คนภายในรถยังคงเงียบใส่ “ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่รบกวนคุณมากไปกว่านี้” แล้วโชจินก็เดินออกไปเลย ชายหนุ่มมองตามพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจที่เห็นโชจินโมโหแต่ทำอะไรเขาไม่ได้
สักพักพีวดลก็เดินลงมาจากรถ ก่อนจะเดินเข้าตึกและขึ้นไปห้องของโชจิน เขาไขประตูเข้าไปและปิดลง ก่อนจะเดินเข้าไปล้มตัวลงนอนที่เตียงโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าของห้อง ช่วงที่เขาหายไปนั้นเขาต้องไปต่างจังหวัดด่วน พอเสร็จงานก็รีบกลับมาหาโชจิน แต่คำพูดของเจ้าตัวที่บอกว่าไม่อยากให้เขามาที่ห้องอีก มันทำให้เขาน้อยใจเลยเลือกที่จะนอนในรถ กะว่าพอโชจินออกไปทำงานแล้วเขาจะแอบเข้าห้อง แต่ก็ผิดแผนนิดหน่อยที่เจ้าตัวดันมาเห็นเขาก่อน
อาการเมินเฉยของพีวดลในตอนเช้านั้นรบกวนจิตใจของโชจินไม่น้อย ทั้งๆ ที่เขาไม่ควรจะสนใจ ไม่ควรจะใส่ใจ แต่ทำไมเขากลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“โชจิน เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นทำหน้ายุ่งบ่อยๆ นะวันนี้” นิดทักขึ้นหลังจากเฝ้าดูอาการมาสักพัก โชจินตกใจเหมือนกันที่เขาแสดงอาการออกมาจนนิดผิดสังเกต
“ไม่มีอะไรหรอก กังวลเรื่องสอบน่ะ”
“พี่จ๋าให้ลาได้นี่ ไม่ต้องห่วงงานทางนี้หรอก พวกเราทำกันได้” นิดบอก โชจินยิ้มให้อย่างขอบคุณ แต่เขาเองก็ไม่อยากเอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน แม้ว่าทุกคนจะเข้าใจและยินดีก็ตาม
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็อ่านหนังสือทุกวัน ยังไงก็จบแน่ๆ” โชจินบอก ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ใกล้เวลาปิดร้าน หญิงสาวเจ้าของร้านเดินมาหาโชจินที่กำลังช่วยในครัวล้างจาน
“โชจิน ไม่ต้องอยู่ช่วยเก็บร้านก็ได้นะ รีบกลับไปอ่านหนังสือเถอะ จะสอบแล้วนี่นา” เธอบอก โชจินหันมาหาก่อนจะหันกลับไปล้างจานต่อ “ไม่เป็นไรครับพี่จ๋า ผมอ่านตุนไว้เยอะแล้ว ติวมาแน่นมาก”โชจินบอกน้ำเสียงทะเล้น หญิงสาวยิ้มเอ็นดูก่อนจะไม่เซ้าซี้ต่อ โชจินอยู่ช่วยเก็บร้านจนเสร็จ และยังไปส่งนิดเหมือนเดิม ก่อนจะเดินไปรอรถเมล์ แล้วก็มีรถยนต์คุ้นตาขับมาจอดตรงหน้าเขา
“ขึ้นรถสิ” เป็นพีวดลที่ชะโงกหน้ามาบอก โชจินรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้า โชจินยืนนิ่งทำเหมือนไม่รู้จักกัน พีวดลเห็นแบบนั้นก็ต้องลงมาจากรถ
“จะขึ้นดีๆ มั้ย” พีวดลขู่น้ำเสียงต่ำ โชจินตวัดตามองให้รู้ว่าเขาไม่สบอารมณ์อยู่ แต่พีวดลก็ไม่ได้สนแม้จะรับรู้ก็ตาม
“หรือต้องให้ฉันฉุดขึ้นไปให้คนอื่นเห็น” พีวดลบอก โชจินมองไปข้างๆ ตัวก่อนจะต้องจำใจขึ้นรถไป เพราะคนที่ยืนรอรถเมล์เริ่มซุบซิบกันแล้ว
ทั้งคู่นั่งมาโดยไม่มีการสนทนาใดๆ โชจินหันหน้ามองไปนอกหน้าต่างรถฝั่งตัวเอง พีวดลเองก็ลอบมองเป็นระยะแต่ก็ยังไม่คิดจะพูดอะไรออกมา จนเป็นโชจินเองที่โวยวายเมื่อมองเห็นเส้นทางที่ไม่ใช่ทางที่ไปอพาร์ตเมนต์ของตัวเอง
“นี่คุณจะพาผมไปไหน”
“ไปอ่านหนังสือ”
แค่นั้นโชจินก็รู้แล้วว่าพีวดลกำลังจะพาเขาไปไหน เขาหันไปมองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มที่ดูจะอารมณ์ดีอย่างปิดไม่มิด ก่อนจะหันกลับไปมองยังทางข้างหน้าและพูดเสียงเรียบ
“ผมไม่มีหนังสือให้อ่านครับ”
“ฉันเอามาให้นายแล้ว พร้อมเสื้อผ้า” พีวดลบอกกลับไป โชจินหันขวับไปมองอีกครั้งก่อนจะหันไปดูที่เบาะหลัง แล้วก็พบว่ามีกระเป๋าเสื้อผ้าของเขาจริงๆ พร้อมหนังสือเรียนที่จะใช้สอบ
“นี่คุณเข้าไปค้นห้องผมเหรอครับ” น้ำเสียงติดโมโหจนพีวดลรู้สึกได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกลัวหรือแม้แต่จะรู้สึกผิด เขาพยักหน้ายอมรับ “ก็ไม่ถึงกับค้นหรอกนา แค่หาของจำเป็นที่นายต้องใช้เท่านั้นเอง”
“นี่คุณ!! ที่ผมให้คุณเข้าออกห้องได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะเต็มใจนะครับ หรือสังคมที่คุณอยู่ไม่มีคำว่ามารยาทให้เรียนรู้ครับ” โชจินว่ากลับไปตรงๆ เขาเหลืออดกับความเอาแต่ใจของพีวดล
“นายคิดว่าฉันไม่รู้สึกโกรธบ้างหรือไง” แม้ครั้งก่อนๆ พีวดลจะไม่ค่อยโมโหกับคำพูดประชดประชัน แต่ในตอนนี้เขากลับเริ่มไม่พอใจในคำพูดของโชจิน พีวดลพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้ร้อนไปมากกว่านี้ แล้วเขาก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ คนนั่งข้างๆ ปลดเบลต์และจะเปิดประตู พีวดลรีบกดล็อกทันที “นายอยากตายหรือไง!!”
“ผมไม่ได้อยากตายหรอกครับ แต่ผมไม่อยากทนกับคนอย่างคุณอีกแล้ว”
“โชจิน มีอะไรค่อยไปคุยกันที่คอนโดฯ ฉันรู้ว่านายกำลังโกรธฉัน โอเค. ฉันขอโทษที่ถือวิสาสะทำแบบนี้ แต่ฉันหวังดีกับนายจริงๆ” พีวดลบอกน้ำเสียงอ่อนลง ซึ่งมันก็ได้ผลเมื่อสามารถลดความโมโหของโชจินลงได้ เขาเหล่มองและเบาใจขึ้นเมื่อโชจินไม่มีท่าทางจะทำอะไรบ้าๆ อย่างเมื่อครู่อีก
ในที่สุดพีวดลก็ขับมาถึงที่คอนโดฯ อย่างปลอดภัย เขาปลดเบลต์ แต่ก็ยังไม่ดับเครื่องยนต์และยังไม่ปลดล็อกรถ เขาหันมองโชจินที่นั่งหน้าตรงมองไปด้านหน้า
“นายจะลงไปมั้ย”
“ผมมีสิทธิ์เลือกด้วยเหรอครับ” โชจินประชดกลับ เขานั่งคิดทบทวนทุกอย่างมาตลอดทาง รวมไปถึงคำพูดของโดนัทด้วย เขาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาอาจเป็นคนสำคัญกว่าคนก่อนๆ ที่พีวดลเคยดูแล แต่ก็ยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะถามออกไปให้เคลียร์
แปลก!!
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงไม่ลังเลที่จะถามออกไป ไม่ลังเลที่จะไล่ และคงไม่ลังเลที่จะต่อต้านพีวดลอย่างสุดกำลัง แต่ในตอนนี้เขากลับเริ่มมีความรู้สึกห่วง...ห่วงความรู้สึกของพีวดล
บรรยากาศภายในรถยังคงมีแต่ความเงียบ พีวดลยังคงมองโชจิน จนสุดท้ายต้องเป็นโชจินที่ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับบรรยากาศที่น่าอึดอัดในตอนนี้ เขาพูดเสียงเรียบออกไป “จะไม่ลงจากรถเหรอครับ”
“นายอยากลง?” พีวดลถาม
“ผมไม่อยากเสียเวลาในการอ่านหนังสือ” โชจินบอก พีวดลชั่งใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยอมเชื่อคำพูดของโชจิน เขาปลดล็อกรถและดับเครื่องยนต์ โชจินลงไปก่อนจะเปิดประตูรถด้านหลังและหยิบของตัวเองออกมา พีวดลรีบเดินอ้อมมาและจะแย่งของในมือโชจินมาถือให้เอง
“ไม่เป็นไรครับ ผมถือเองได้ และผมคงไม่หนีไปไหน”โชจินบอก ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในโดยมีพีวดลเดินตามพร้อมกับรอยยิ้มพอใจ
‘ใกล้สำเร็จแล้วสินะ’ พีวดลคิด
ทั้งคู่ขึ้นมาถึงชั้นห้องพัก พีวดลเดินนำโดยมีโชจินเดินตาม ชายหนุ่มเปิดประตูห้องและหลีกทางให้โชจินเดินเข้าไปก่อน เขาเดินตามเข้าไปและปิดประตู โชจินที่เริ่มคุ้นเคยกับห้องนี้ก็เดินตรงไปที่โซฟา เขาวางกระเป๋าไว้ที่พื้น วางหนังสือลงบนโต๊ะกระจกด้านหน้าโซฟา แล้วเขาก็ต้องรีบเดินไปดักหน้าชายหนุ่มที่จู่ๆ ก็มาหิ้วกระเป๋าเขาไป
“คุณจะเอาไปไหน” โชจินถามเสียงห้วน แม้เขาจะยอมขึ้นมาบนนี้ แต่ความรู้สึกโกรธก็ยังคงมีอยู่
“จะเอาเข้าไปไว้ในห้องไง ไม่ใช่ห้องของฉันหรอกนา” พีวดลบอก เขาเดินหลบโชจินไปยังอีกห้องหนึ่งที่ญาดาเคยได้พัก เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องนั้น ก่อนจะหลีกทางให้พีวดลออกมา เมื่อเจ้าตัวเอากระเป๋าของเขาวางไว้บนเตียง
“นายก็ใช้ห้องฉันได้เต็มที่นะ ในตู้เย็นกินได้หมด พวกมาม่าคัพก็ด้วย แล้วก็ไม่ต้องคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสือมากนัก ไม่ไหวก็นอนพักหรือคลายเครียดบ้าง คอมฯ ก็เปิดได้ ไม่ต้องใส่รหัสอะไร คิดซะว่าเป็นห้องของนายก็แล้วกัน” พีวดลบอกยาวเหยียด ก่อนจะเดินกลับไปที่ประตู ทำเอาโชจินงงไม่น้อย
“แล้วนั่นคุณ...จะไปไหน” ท้ายประโยคแม้จะถามเสียงเบา แต่พีวดลก็ได้ยิน เขาหันกลับมามอง “ฉันมีนัด แล้วก็ไม่ต้องห่วง คืนนี้ฉันจะกลับบ้าน ไม่มาที่นี่ให้รกสายตานายหรอก หายห่วงได้” แล้วพีวดลก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้โชจินยืนนิ่งอยู่ที่เดิม...ทำไมเขารู้สึกว่าพีวดลกำลังประชดเขาอยู่
เสียงเพลงเบาๆ ที่เปิดคลอภายใต้แสงไฟสลัว พีวดลนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์อยู่คนเดียวในบาร์ภายในโรงแรมที่ตัวเองดูแลอยู่ ความจริงแล้วเขาไม่ได้มีนัดที่ไหนหรอก เขาแค่ไม่อยากทำให้โชจินรู้สึกอึดอัด
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาแคร์ความรู้สึกของใครอีกคน?
ในหัวของชายหนุ่มมีความคิดมากมายตีกันยุ่งไปหมด และมันก็เป็นเพียงเรื่องของคนๆ เดียว คนที่จู่ๆ ก็ดันมามีอิทธิพลกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และเขาก็ไม่คิดจะกลับไปตามหาช่วงเวลาที่มันเกิดขึ้น ตอนนี้เขาคิดแค่ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้คนๆ นี้ได้อยู่กับเขาให้นานที่สุด นานจนสุดท้ายแล้วต้องเป็นเขาเท่านั้นที่จะยุติเรื่องราวทุกอย่าง
‘พีวดลต้องเป็นผู้ชนะเท่านั้น’
“ไงวะ มานั่งเปลี่ยวอะไรที่นี่” เสียงทุ้มที่ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใครทักขึ้น ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งยังอีกฝั่งหนึ่งของโซฟา บาร์แห่งนี้จะปิดเวลาตี 4 และจะรับแค่เฉพาะแขกของโรงแรมตั้งแต่ตี 1 จนถึงเวลาปิดเท่านั้น
“แล้วพี่ล่ะ ทำอะไรที่นี่ดึกๆ ดื่นๆ วะ” เขาเอ่ยกลับ ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง พี่ชายหรี่ตามองก่อนถามกลับ “มีอะไรป่าววะ ดูเซ็งโลกนะมึง”
“ผมดูออกขนาดนั้นเชียว” เขาบอก “เออ” อีกคนตอบกลับสั้นๆ ก่อนจะหันไปขอแก้วจากบริกร
“ได้ข่าวช่วงนี้ไม่ค่อยเที่ยวเหรอวะ เจอตัวจริงแล้วไงถึงหยุด”
“ตัวจริงอะไรของพี่วะ มีก็ดีดิ” พีวดลบอกพี่ชายคนรอง เขาแค่นยิ้มให้ตัวเองก่อนจะดื่มรวดเดียวหมดแก้ว แต่ที่พี่ชายพูดเมื่อครู่ก็ถูก เขาไม่ค่อยได้ไปเที่ยวอีกเลยหากไม่จำเป็นจริงๆ ไม่รู้เป็นเพราะว่าเบื่อ หรือเพราะว่าคนๆ นั้นกันแน่
“อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงซุกซ่อนใครไว้ ถ้าใช่ก็พามาเปิดตัว มึงก็รู้ว่าบ้านเราเปิดกว้าง” พี่ชายบอกกับเขาเป็นนัยแปลกๆ พีวดลมองคิ้วขมวด “อะไรของพี่วะ”
“ที่คอนโดมึงตอนนี้ใครไปอยู่ล่ะ” คำถามของพี่ชายทำเอาเขาอึ้งไป พีวดลได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของธนภพพี่ชายตัวเอง
“กูไม่ได้ให้ใครไปสืบ กูแค่ผ่านไปเท่านั้น ว่าจะไปหามึง แต่ก็ดันไปเห็นพอดีว่ามึงพาใครไปด้วย เห็นไกลๆ ก็หน้าตาดีอยู่นะ เด็กใหม่มึงเหรอวะ” ธนภพบอกยืดยาว พีวดลอึ้งไปอีกรอบ ความบังเอิญมันมีจริงบนโลกใบนี้ และความลับไม่มีในโลกจริงๆ
“ไม่ใช่หรอกพี่” พีวดลบอก แม้เขาจะปฏิเสธได้ไม่เต็มปาก เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะวางโชจินไว้ในความสัมพันธ์แบบไหน
“ไม่ใช่แล้วมึงพาไปคอนโดทำไมวะ กูรู้นิสัยมึงดี มึงไม่พาใครขึ้นคอนโดมึงง่ายๆ แน่ หรือที่มานั่งดื่มแบบนี้เพราะเด็กมันไม่เล่นด้วยงั้นดิ” ธนภพแกล้งแหย่เล่น แล้วเขาก็ต้องตกใจที่พีวดลเงียบไป เขานั่งมองน้องชายตัวเองที่ดื่มหมดแก้วและรินเข้าไปใหม่อีกครั้ง
“จริงเหรอวะมึง นี่น้องกูโดนปฏิเสธแล้วเหรอวะเนี่ย” เขาอดทึ่งไม่ได้จริงๆ ระดับทายาทลำดับสามของตระกูล ผู้ชายที่มีโปรไฟล์สุดแสนจะเพอร์เฟค แต่กลับโดนคนที่ดูธรรมดามากปฏิเสธแบบที่เจ้าตัวต้องมานั่งดื่มย้อมใจขนาดนี้ ต้องไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้แน่ๆ
“พี่ก็เว่อว่ะ มันไม่มีอะไรจริงๆ แค่...เฮ่อ!!” เขาพูดไม่จบประโยคก่อนจะถอนหายใจออกมา เขาไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรขึ้นมาบอกพี่ชาย เขาโดนปฏิเสธก็ไม่ใช่แบบนั้น เขาแค่โดนต่อต้านในตอนแรก แต่ในตอนนี้เขาดูออกว่าโชจินเริ่มค่อยๆ เปิดใจให้เขาแล้ว แต่มันก็มีบางอย่างที่เขาเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์
“หนักแล้วน้องกู เด็กนั่นเป็นใครวะ” ธนภพชักอยากรู้จักเสียแล้วในตอนนี้ แต่ดูเหมือนน้องชายก็ไม่อยากจะเปิดเผยอะไรเท่าไหร่ เขาจึงไม่คาดคั้นต่อ เขานั่งดื่มเป็นเพื่อนน้องชายจนรู้สึกว่าเจ้าตัวเริ่มเมา จึงจัดการพาขึ้นไปนอนยังห้องนอนที่ว่างอยู่ ที่นี่ไม่มีห้องส่วนตัวสำหรับผู้บริหารไม่ว่าจะระดับไหนก็ตาม ทุกห้องต้องมีไว้บริการลูกค้าเท่านั้น
เช้าวันใหม่ โชจินสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงออดหน้าประตูดังขึ้น เขาหันมองหานาฬิกาก่อนจะขมวดคิ้วและหันไปมองที่ประตู เมื่อคืนเขานอนตอนเกือบๆ ตีสาม และถึงแม้ว่าเจ้าของห้องจะอนุญาตให้เขาได้ใช้ห้องนอนอีกห้องหนึ่ง แต่เขากลับเลือกที่จะนอนบนโซฟาซึ่งปรับเป็นเตียงได้อย่างที่เคยใช้ในครั้งแรกที่มาห้องนี้ เขาลุกเดินไปที่หน้าประตูก่อนจะส่องตาแมว
“ใครอ่ะ?” เขาพึมพำกับตัวเอง เมื่อส่องดูแล้วพบว่าเป็นชายหนุ่มที่ถึงแม้จะยืนหันหลังให้ แต่เขาก็มั่นใจว่าไม่ใช่เจ้าของห้องแน่นอน เสียงออดดังขึ้นอีกครั้ง เขายืนคิดว่าควรจะทำยังไง ก่อนจะได้ยินเสียงคนข้างนอกตะโกนเข้ามา
“ฉันรู้ว่ามีคนอยู่ในห้อง ฉันเป็นพี่ชายของพีวดล” น้ำเสียงที่ฟังดูคล้ายกัน และยังจะหน้าตาที่ดูออกว่าคนข้างนอกไม่โกหกแน่ หลังจากที่โชจินมองตาแมวอีกครั้งและคนข้างนอกก็หันหน้ามาให้เขาเห็น เขาตัดสินใจเปิดประตูห้อง
“เชิญครับ” โชจินบอกน้ำเสียงนอบน้อม แล้วหลีกทางให้คนที่อ้างตัวว่าเป็นพี่ชายพีวดลเดินเข้ามา
“รอสักครู่นะครับ” โชจินบอก ก่อนจะรีบเดินไปจัดการกับโซฟา และเก็บหนังสือพร้อมผ้าห่มให้เรียบร้อย ชายหนุ่มผู้มาใหม่ยืนมองดูอยู่ห่างๆ ก่อนจะเอ่ยออกไป
“ฉันธนภพ พี่ชายคนรองของไอ้พีมัน นายไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ แล้วค่อยมาคุยกัน” เขาบอก โชจินรับคำสั้นๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ธนภพเดินไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะหยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมาพลิกดู จนเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เขาจึงวางหนังสือลงไว้ที่เดิม เขาหันไปหาคนที่ค่อยๆ เดินมาอย่างเกรงๆ
“มานั่งสิ” ธนภพบอก เขาขยับตัวให้มีที่ว่างข้างๆ โชจินเดินเข้ามานั่งชิดอีกฝั่ง
“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันมาดี นั่งให้สบายเถอะ แล้วชื่ออะไรล่ะ” ธนภพบอกพร้อมปรับน้ำเสียงให้ดูสบายมากขึ้น
“คุณธนภพจะรับกาแฟก่อนมั้ยครับ” โชจินเอ่ยขึ้น แม้จะยังก้มหน้าไม่กล้าสบตาชายหนุ่มก็ตาม ธนภพที่มองอยู่ก็ต้องแอบยิ้มขำ ก่อนจะบอกกลับไป “อืม” แล้วโชจินก็รีบเดินออกไปทันที
ธนภพเปิดทีวีเพื่อทำให้บรรยากาศผ่อนคลายมากขึ้น เขารับกาแฟมาก่อนจะยกขึ้นชิม “ชงอร่อยดีนี่”
“เอ่อ...กาแฟสำเร็จรูปน่ะครับ” โชจินบอกก่อนจะนั่งลงที่เดิมอีกครั้ง ธนภพวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ เขาหรี่เสียงทีวีลงให้เหลือเพียงเสียงคลอเบาๆ
“ตกลงนายชื่ออะไร”
“ผมชื่อโชจินครับ”
“เป็นอะไรกับพีวดล” ธนภพถามไปตรงๆ ทำให้คนถูกถามต้องเงยหน้าขึ้นมองอัตโนมัติ ก่อนจะก้มหน้าลงเหมือนเดิม เขาเงียบเพราะไม่รู้จะตอบกลับไปว่าอะไร แล้วเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ โชจินแอบเหล่มอง
“เงยหน้าขึ้นเถอะ เมื่อยคอกันพอดี ฉันดูน่ากลัวมากหรือไง” ธนภพบอก โชจินก็เงยหน้าขึ้นมองทีวีแทน ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้
“คุณพีวดลไม่อยู่ครับ ไม่รู้จะกลับมาตอนไหนครับ”
“มันอยู่ที่โรงแรมน่ะ เมื่อคืนมันไปนั่งดื่มอยู่คนเดียว ไม่ค่อยเห็นมันเป็นแบบนั้นเท่าไหร่นะ” ธนภพตั้งใจบอกไปแบบนั้น เขามองดูอากัปกิริยาของโชจิน แต่คนตรงหน้ากลับนิ่งกว่าที่เขาคิด
“แล้วทำไมนายมาอยู่ที่นี่ล่ะ ไอ้พีมันไม่ค่อยพาใครขึ้นคอนโดง่ายๆ นะ” ธนภพบอกพร้อมกับมองดูอย่างจับผิด โชจินได้ยินแบบนั้นก็เผลอหันไปมองคนพูดก่อนจะรีบหันกลับมาทางเดิมอีกครั้ง
“คือ...”
“พี่สอง พี่มาทำไม!!” เสียงคนตรงหน้าประตูโวยวายขึ้นขัดคำพูดของโชจิน ทั้งสองคนที่นั่งตรงโซฟาหันไปมองทันที โชจินโล่งใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“มึงปิดประตูก่อนมั้ย” ธนภพบอกอย่างไม่รู้สึกตกใจอะไรกับการปรากฏตัวของน้องชายตัวเอง มาช้ากว่าที่เขาคิดด้วยซ้ำ พีวดลรีบปิดประตูก่อนจะเดินปรี่เข้าไปหาคนทั้งสอง เขาฉุดให้โชจินลุกขึ้น ก่อนจะสั่งให้เจ้าตัวเข้าห้องไปก่อน โชจินเดินไปอย่างว่าง่าย จนเหลือเพียงพี่น้องที่คนหนึ่งนั่งอยู่อย่างสบายอารมณ์ กับอีกคนที่ดูไม่เข้าใจพี่ชายตัวเองว่ามาทำอะไรที่นี่
“จะยืนค้ำหัวกูอีกนานมั้ย” ธนภพบอกไม่จริงจังนัก พีวดลนั่งลงก่อนจะหยิบรีโมตขึ้นมากดปิด แล้วหันไปถามพี่ชายตัวเอง “มาทำไมวะ”
“ก็กูอยากเห็นคนที่ทำให้น้องกูอาการหนักเมื่อคืนนี้ ใช้ได้นี่หว่า” ธนภพบอกยียวนกลับไป พีวดลถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะบอกกลับไปน้ำเสียงนิ่ง “ค่อยไปคุยกันที่อื่น ตอนนี้พี่กลับไปก่อน ผมขอ”
“โอเค. กูแค่อยากมาเห็นหน้าให้ชัดๆ เท่านั้นแหละ นี่ถ้ากูไม่มีแฟนนะ กูเคลมละ”
“อย่าสันดานพี่สอง และอย่าแม้แต่จะคิดอีก ไม่งั้นผมจะเป็นเด็กขี้ฟ้องให้แตกหักเลย” พีวดลขู่ ธนภพหัวเราะ ก่อนจะยอมเดินออกไปอย่างง่ายดาย พีวดลปิดประตูลงก่อนจะถอนหายใจโล่งอก เขามองไปที่ห้องนอนที่มีโชจินอยู่ในนั้น พีวดลเดินเข้าไปเคาะประตู “ออกมาคุยกันหน่อย”
พีวดลไปนั่งรอที่โซฟา ก่อนจะหันไปเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด โชจินออกมาในชุดใหม่และกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อม พีวดลขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยพอใจ เพราะรู้ว่าโชจินจะทำอะไรต่อจากนี้
“เอาเข้าไปเก็บ นายยังต้องอยู่ที่นี่อีก”
“ผมกลับห้องดีกว่าครับ”
“อย่าให้ฉันต้องพูดเป็นครั้งที่สองนะโชจิน” พีวดลขู่ แต่ดูเหมือนโชจินจะไม่สะทกสะท้านกับคำขู่นั้น เขาจึงลุกไปแย่งกระเป๋าเสื้อผ้า ก่อนจะเดินเอาเข้าไปไว้ยังห้องนอนของตัวเอง โชจินจะเดินไปแย่งคืนก็ต้องหยุดชะงักอยู่ที่หน้าประตู พีวดลยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าโชจินไม่กล้าเดินเข้ามา ชายหนุ่มเดินกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับปิดประตู และเดินลากแขนโชจินมานั่งด้วยกันที่โซฟา โชจินขยับออกห่าง
“พี่สองคุยอะไรกับนายบ้าง”พีวดลถามทันที
“ไม่มีอะไรมากครับ คุณธนภพถามแค่ชื่อ แล้วก็ถามว่าทำไมผมมาอยู่ที่นี่” โชจินบอก เขาไม่ได้นั่งก้มหน้าเหมือนตอนที่โดนธนภพถาม โชจินนั่งมองทีวีที่ถูกปิดไว้
“แล้วนายตอบไปว่าอะไร” พีวดลถามต่อ
“ผมตอบแค่ชื่อครับ” โชจินบอกตามจริง พีวดลเงียบ คำถามของธนภพดังก้องในหัวของโชจินอีกครั้ง เขาตัดสินใจถามพีวดลออกไป
“คุณธนภพถามด้วยว่าผมกับคุณเป็นอะไรกัน ผมเองก็อยากรู้ครับว่าผมกับคุณเป็นอะไรกัน” โชจินหันไปมองหน้าตรงๆ ทั้งคู่สบตากันโดยไม่ได้มีความซึ้งหรือความโรแมนติกใดๆ โชจินต้องการคำตอบให้ชัดเจน ส่วนพีวดลก็ยังคงหาคำตอบไม่ได้ พีวดลตัดปัญหาโดยการลุกขึ้นเดินไปห้องนอน แต่เขาก็ต้องหยุดยืนอยู่หน้าประตูเมื่อได้ยินคำถามอีกครั้งจากโชจิน
“ผมอยู่ในฐานะเดียวกันกับโดนัทหรือเปล่าครับ”
ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง พีวดลยืนยิ่งอยู่ที่เดิม ส่วนโชจินก็ยังคงนั่งก้มหน้าอยู่ที่โซฟา โชจินบอกกับตัวเองว่าไม่ว่าคำตอบจะเป็นแบบไหน เขาจะไม่ยอมปล่อยตัวปล่อยใจอย่างที่เป็นมาอีก เรื่องระหว่างเขากับพีวดลควรจะจบให้เร็วที่สุด เพื่อตัวและหัวใจของเขาเอง โชจินยิ้มเบาๆ ก่อนจะรวบหนังสือทั้งหมดมาไว้บนตักตัวเอง
“นายกับโดนัทแตกต่างกัน” พีวดลพูดขึ้นมาแค่นั้น แล้วเดินเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้โชจินไม่เข้าใจกับประโยคที่พีวดลบอก
มันหมายความว่ายังไง?
แตกต่างกันคือยังไง?
มากกว่าหรือน้อยกว่า?
โชจินถอนหายใจออกมาอย่างคิดไม่ตก ตอนนี้เขาอยากกลับห้องของตัวเอง แต่กระเป๋าเสื้อผ้าของเขายังอยู่ในห้องนอนของพีวดล เขาไม่อยากทิ้งไว้ที่นี่ เขาอยากเอามันกลับไปด้วย เพราะหลังจากนี้เขาจะไม่กลับมายังห้องนี้อีกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
พีวดลนั่งอยู่บนเตียงพักใหญ่นับตั้งแต่เข้ามาในห้อง กระเป๋าเสื้อผ้าของโชจินยังวางอยู่ที่พื้น เขาไม่คิดมาก่อนว่าพี่ชายของเขาจะมาหาโชจินด้วยตัวเอง เพราะโดยปกติแล้วเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนจะไม่ค่อยเข้าไปก้าวก่ายกันตามประสาของผู้ชาย เขาหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาคนที่สร้างเรื่องทิ้งไว้ พีวดลรอสายไม่นานก็มีการตอบรับจากปลายสายที่เรียกไป
“ไงไอ้น้อง”
“พี่สอง มาทำไมวะ?” พีวดลถามไปตรงๆ ธนภพหัวเราะก่อนจะตอบกลับไป “ก็กูบอกมึงไปแล้วไงว่าแค่อยากเห็นหน้า หรือมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น?”
คำถามของธนภพทำเอาพีวดลตอบไม่ถูก นี่คือปัญหาระหว่างเขากับโชจินอย่างนั้นเหรอ?
“ไม่ตอบ แสดงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นจริงใช่มั้ยวะ?” ธนภพถามอีกครั้ง พีวดลจำใจตอบกลับไป “เปล่า ไม่มีปัญหาอะไร”
“ก็ดี ว่าแต่มึงให้เด็กมึงไปอยู่ที่ห้องได้ไงวะ กูถามเขา เขาก็ไม่ตอบกู แล้วสรุปมึงกับน้องเขาเป็นอะไรกัน” ธนภพถามกลับไปตรงๆ พีวดลเงียบไปอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจบอกความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโชจิน “ไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ได้สำคัญอะไรหรอกพี่ แล้วก็ไม่ต้องปากสว่างไปบอกแม่อีกล่ะ ครั้งนี้ผมขอจริงๆ” พีวดลบอก ธนภพหัวเราะก่อนรับปากแล้ววางสายไป พีวดลวางมือถือลงบนเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอน
“ทำไมกูต้องมาเครียดอะไรแบบนี้ด้วยวะ” พีวดลเปรยกับตัวเอง เขาปิดตาลงเพราะอยากพักจากเรื่องราวที่มันวิ่งวนอยู่ในหัว เสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะลุกไปเปิดประตู
“ผมขอกระเป๋าเสื้อผ้าคืนได้มั้ยครับ” โชจินบอก เขายืนมองเข้าไปด้านในแต่ไม่ได้มองจุดไหนเป็นพิเศษ เขาแค่ไม่อยากสบตากับคนตรงหน้าก็เท่านั้น
“นายจะกลับ?”
“แล้วผมจะอยู่ทำไมล่ะครับ” โชจินตอบกลับทันที เขาสบสายตาพีวดลแวบหนึ่งก่อนจะเบนสายตาลงต่ำโดยไม่ได้ก้มหน้า
“ได้ ถ้านายต้องการ” พีวดลบอก เขาหันเดินกลับไปหยิบกระเป๋ามาส่งให้โชจิน เจ้าตัวรับมาก่อนจะเดินกลับไปหยิบหนังสือที่เตรียมไว้แล้ว โชจินหันไปมองพีวดลก่อนจะก้มหัวขอบคุณ “ขอบคุณครับ”
พีวดลมองโชจินเดินออกจากห้องไป เวลานี้เขาก็อยากอยู่คนเดียว อยู่เงียบๆ เพื่อคิดทำความเข้าใจกับความรู้สึกของตัวเอง คำพูดของโชจินผุดขึ้นมาอีกครั้ง “ผมอยู่ในฐานะเดียวกันกับโดนัทหรือเปล่าครับ”
ในตอนนั้นช่วงที่พีวดลได้รู้จักกับเด็กหนุ่มชื่อโดนัท พวกเขาเจอกันที่ผับแห่งหนึ่ง โดนัทเข้าหาเขาและคืนนั้นก็ไปจบที่บนเตียง พอเช้ามาก็ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไป เหมือนจะไม่มีอะไรสานต่อ แต่แล้วในคืนหนึ่งเขาก็เจอกับโดนัทอีกครั้ง พีวดลช่วยโดนัทจากพวกผู้ชายที่มอมยาเขา
หลังจากนั้นพีวดลกับโดนัทก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆ ในตอนแรกพวกเขาตกลงกันว่าจะเป็นเพียงคู่นอนกันเท่านั้น แต่ความน่ารักของโดนัททำให้พีวดลเอ็นดูเลยเริ่มดูแลโดนัทมากขึ้น โดยที่เขาไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำไปนั้นมันทำให้โดนัทคิดไปไกลและเกิดรักเขาขึ้นมาจริงๆ พีวดลยอมรับว่าชอบโดนัทไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับรักจนสามารถอยู่ด้วยกันไปอย่างสามีภรรยา พีวดลยังคงต้องการผู้หญิงมาเป็นคู่ครองในชีวิตแต่งงานของเขา
จนสุดท้ายก็เป็นโดนัทเองที่ตัดสินใจขอเลิกกับเขา เลิกติดต่อกันโดยสิ้นเชิง พีวดลเองก็ไม่ได้คัดค้านหรือเหนี่ยวรั้งอะไร หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้รับรู้ข่าวคราวของโดนัทอีกเลย จะว่าไปแล้วช่วงที่ดูแลกันนั้นเขาก็แทบไม่เคยรู้เรื่องราวส่วนตัวของโดนัท เพราะเขาไม่ได้สนใจมัน ความสัมพันธ์ระหว่างพีวดลกับโดนัทก็เพียงแค่เซ็กส์ และที่ชายหนุ่มดูแลก็เพราะเอ็นดูและเหมือนเป็นของกำนัลให้กับเด็กหนุ่มมากกว่า
แต่กับโชจินมันต่างออกไป
ใช่!! ที่พีวดลบอกโชจินไปนั้นมันคือความจริงๆ แม้เขายังคาใจกับโชจินในคืนแรกที่ได้เจอกัน แต่เขาก็แทบจะไม่นำมาเป็นข้ออ้างในการตามตอแยโชจินอีกเลย ทุกวันนี้เขารู้แค่ว่าอยากเจอ อยากได้พูดยั่วโมโห อยากไปสร้างความรำคาญให้โชจิน อยากได้ยินคำประชดประชันของเจ้าตัว และเขาก็ยังไม่อยากปล่อยโชจินไป...เพราะเขายังไม่ใช่ผู้ชนะ
‘มันก็แค่ความอยากเอาชนะของเขาเท่านั้น’ พีวดลเฝ้าบอกตัวเองแบบนี้ ถ้าวันไหนที่โชจินรู้สึกกับเขา เรียกร้องหาเขา นั่นแหละคือวันที่เขาจะปล่อยโชจินไป
แต่พีวดลอาจไม่รู้เลยว่า สิ่งที่ตัวเองทำเพื่อหวังมัดโชจินนั้น มันอาจกลับมามัดตัวเองก็ได้
-- จบตอนสิบเอ็ด --
(ขอบคุณนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ