Kingdom Guardian
8.7
เขียนโดย mimosa
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 23.09 น.
14 chapter
1 วิจารณ์
24.83K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 กันยายน พ.ศ. 2557 21.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) Kingdom Guardian: Family and begin build 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความKingdom Guardian: Family and begin build the kingdom 2
“ร้องไห้ไปซะกาเบลีย!!!”
“บ่อน้ำตาแตกแน่ยู!!!”
“ไอ้ขี้เก๊ก!!!”
“ไอ้ผู้ชายประหลาด!!!”
“ไอ้น้ำแข็งขั้วโลก!!!”
“ไอ้ถังเก็บนิวเคลียร์!!!”
“ไอ้หางม้า!!!!”
“ไอ้หางเต่า!!!!”
“ไอ้โซบะไหม้!!!!”
“ไอ้แว่นตาสามมิติ!!!!” เ
สียง โหวกเหวกโวยวายดังขึ้นแทนเสียงโครมครามที่ทุกๆครั้งมักจะดังขึ้นทุกเช้าหลัง อาหารเช้าสัก 10-20 นาที ซึ่งครั้งนี้มันดูแปลกเพราะปกติแล้ว ตัวต้นเหตุของเหตุการณ์แบบนี้จะไม่ว่าอะไรกันหรือไม่พูดเสียด้วยซ้ำ ปกติแล้วต้องมีแต่เสียงดังโครมครามตูมตามสิ หรือไม่ก็พูดเสียดสีกันนิดๆหน่อยๆ ...มันทำให้สมาชิกรุ่นเด็กของบ้านพากันออกมาแอบเฝ้าดูตรงประตูและหน้าต่าง เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้วิ่งกลับเข้าบ้านทัน...ถึงจะกันการโจมตีไม่ได้แต่ อย่างน้อยพวกเขาคงไม่โดนพวกผู้ใหญ่จับลงโทษข้อหาทำบ้านพังนั้นแหละ...
“ด่ากันเจ็บน่าดูเลยแหะ” ซูซานพึมพำพลางมองสองเพรชฆาต (?)ของบ้านปะทะทั้งกำลัง ทวงท่าและน้ำลาย(?)กัน
“คลื่น ดาบที่ 3 นาฬิกา” โจ๊กเกอร์ร้องขึ้นทำให้ทั้งหมดหันไปมองยังทิศทางที่ชายหนุ่มชี้แล้วเห็น คลื่นบางอย่าง...อันที่จริงมันมองไม่เห็นหรอกนะ...แต่ที่เห็นน่ะ...คืน พื้นที่มันแตกแยกออกจากกันเป็นทางยาวต่างหาก!!!!!และมันก็พุ่งมาทางนี้ด้วย!!!!!
“หลบเข้ารู ...เอ้ย... เข้าบ้าน!!” ราฟตะโกนทำให้ทั้งหมดพากันหลบเข้ารู...แล้วปิดประตูรูและหน้าต่างกันถ้วน หน้า...แต่มันเป็นบ้านต่างหาก บ้านที่มีขนาดเล็กเกือบเท่ากระท่อมและมีความแคบเกือบเท่ารูหนู... แต่ ถึงจะปิดประตูบ้านกับหน้าต่างได้ ก็ใช่ว่าจะกันคลื่นดาบมหาภัยของกาเบลียและคันดะได้ แน่นอนคลื่นดาบที่รุนแรงนั้นฝ่าประตูเข้ามาราวกับเลื่อยและตัดบ้านขาดเป็น สองท่อน!!!!!
“งานเข้า =[]=/=_=^^^”...เสียง ในใจของสมาชิกทุกๆคนในบ้านคิดตรงกันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งตื่นตระหนก ปลง แต่ที่แน่ๆก็คือ...กาเบลียกับคันดะตายแน่ๆงานนี้...
เสียง ฝีเท้าที่วิ่งมาทางนี้พร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวผมสีแดงเพลิงทำให้ทั้ง หมดรู้สึกขนหลัง(ถ้ามี)ลุกหรือไม่ก็เสียวสันหลัง...แต่โดนรวมคงเป็นรู้สึก หนาวๆตามสัญชาตญาณของสัตว์ที่กำลังจะโดนเชือด
เอ็ม เบอร์กวาดสายตามองรอบบ้าน ดวงตาสีแดงอมทองเบิกขึ้นกับรอยผ่าครึ่งของตัวบ้าน ดวงตาเรียวคมสวยปรายตามองสมาชิกในครอบครัวรุ่นเด็กของบ้านเป็นเชิงถาม
ทั้ง หมดพากันชี้ไปที่ประตูแล้วเดินถอยหลังมาเมื่อหญิงสาวเดินไปที่ประตูและทำการ เปิดมันจนมันหลุดติดมือมาด้วยก่อนจะพบกับกาเบลียและคันดะที่ยังฟาดฟันกันไม่ เลิก
รังสี สีดำแผ่ออกมาจากตัวสาวผมแดงจนคนอื่นๆพากันถอยกรู แต่ดูเหมือนสองหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายจะยังไม่รู้ตัวจึงยังฟาดฟันกันต่อไป
เสียง แส้หวดดังขึ้นพร้อมกับแส้หนังที่มีไฟติดอยู่จะปรากฏในมือของเอ็มเบอร์ หญิงสาวฟาดแส้ลงกับพื้นจนดินแตกกระจายและมีรอยไหม้ แต่กาเบลียและคันดะก็ยังคงสู้กันต่อไป
สาว ผมแดงค่อยๆเดินตรงไปหาสองหนุ่มชะตาขาด(?)ที่ไม่รู้สึกถึงการมาของเธอในขณะ ที่สมาชิกคนอื่นๆพากันมามุงดูแต่บางส่วนก็ปิดตาให้เด็กที่ยังอายุน้อยๆเพื่อ ไม่ให้เห็นฉากสยองหรือไม่ก็สวดมนต์แผ่เมตตาให้กับชายหนุ่มทั้งสอง ในขณะที่บางกลุ่มของบ้านไปเตรียมยาหรือไม่ก็โลงศพให้กับทั้งสองคน...แต่พวก นั้นยังไม่ตายนะเฮ้ย!!!!แค่อาจน่วมเท่านั้นเอง...
คลื่น ดาบมหาภัยคูณ 2 พุ่งมาทางเอ็มเบอร์ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้หวั่นเกรง เธอกลับตวัดแส้สองครั้งบังเกิดคลื่นไฟไปปะทะกับคลื่นดาบจนทำให้เกิดระเบิด
“พวกเธอ!~” เสียง เย็นๆดังขึ้นพร้อมกับเสียงแส้ฟาดพื้นทำให้ชายหนุ่มทั้งสองหยุดชะงักก่อนจะ หันไปมองทางต้นเสียงแล้วพากันหน้าซีดเมื่อเจ๊ใหญ่ประจำบ้านมาปรากฏตรงหน้า พวกเขาพร้อมกับแส้คู่ใจและรังสีอำมหิตที่ทำให้พื้นที่โดยรอบหนาวราวกับติด แอร์ (?)
“ทะเลาะกันเองแล้วยังทำบ้านพังอีก...รู้มั้ยว่าบ้านหลังนี้มันสำคัญกับพวกเราแค่ไหน!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เอ็มเบอร์วีนแตกจนบังเกิดคลื่นเสียงพิฆาต ทำให้กระจกแตกทั่วบ้านและทุกๆคนคงหูแตกตายไปแล้วถ้าไม่รีบปิดหู
“ถ้าอยากสู้นักก็มาสู้กันเลย!!!!!”หญิงสาวเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราดก่อนจะฟาดแส้ไปยังกาเบลียกับคันดะ แต่ทั้งสองคนก็สามารถกระโดดหลบได้
ทั้งคู่กระโดดหลบมายืนอยู่ด้านหลังของหญิงสาวซึ่งเธอก็หันมาประจันหน้ากับทั้งคู่อย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งเข้าใส่ทั้งคู่
...แล้วและมันก็กลายเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้นเป็น 100 เท่า...
“อพยพของด่วน!!!!” แช็ค ตะโกนขึ้นก่อนที่ทั้งหมดจะพากันวิ่งไปขนของออกจากบ้านเพราะแรงจากการปะทะของ ทั้งสามมันมาโดนบ้านหลังนี้จวนจะพังอยู่แล้ว...ไม่รู้ว่าโชคดีหรือว่าโชค ร้ายกันแน่ที่ทั้งบ้านในตอนนี้ผู้ใหญ่ที่อาวุโสกว่าพวกเขานั้นเหลือเพียงแค่ เอ็มเบอร์คนเดียว...การต่อสู้จึงไม่รุนแรงขนาดพื้นที่โดยรอบโดนคลื่นพลังจน พังทลายราวกับอุกาบาทชน...แถมไม่ต้องอธิบายอะไรมากกับพวกผู้ใหญ่ที่ออกไปทำ ธุระข้างนอกก็พอเข้าใจเหตุผลอยู่หรอกว่าทำไมบ้านถึงพังและทำไมของต่างๆใน บ้านถึงถูกย้ายมาอยู่ข้างนอก...แต่ไม่ว่าจะโชคดีหรือโชคร้าย ตอนนี้รีบอพยพกันก่อนดีกว่ามั้ง...
ใน ตอนนี้ข้างนอกก็ตะลุมบอนส่วนข้างในก็ชุลมุนจนแทบจะเรียกได้ว่ากลลาหนไปหมด แต่พวกเขาก็สามารถขนของอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยทันเวลาจนได้ ช่างน่าโล่งใจจริงๆ...แต่ว่า...ถ้าไม่รีบหยุดทั้ง 3 คนนี้ล่ะก็...มันจะไม่ใช่แค่บ้านพังแต่จะกลายเป็นพื้นที่ทั้งพื้นที่ถูกอุกา บาทชน น่ะสิ!!!!!!!...
...ตูม!!!!...
เสียง ระเบิดดังสะนั่นทำให้ทุกๆคนที่อพยพของมาอยู่ไกลจากสถานที่ต่อสู้อยู่พอสมควร ซึ่งพวกเขาคงคิดว่ามันปลอดภัยดีหันไปมองยังทิศทางของเสียงระเบิดก่อนจะพากัน วิ่งไปดูก็พบกับกาเบลียและคันดะในสภาพยับเยินถูกแส้จับมัดกลับหัวห้อย ต่องแต่งอยู่กับต้นไม้โดยมีเอ็มเบอร์ที่เสื้อผ้ามอมแมมกับขาดนิดหน่อยยืน เท้าเอวมองทั้งสองคนอยู่
“จริงๆเลย ทำให้เสื้อผ้าของฉันเปื้อนซะได้ แถมอายุปูนนี้แล้วยังต้องมาห้ามเด็กทะเลาะกันอีก เฮ้อ~ นี่ๆพวกเธอเป็นเพื่อนกัน เป็นครอบครัวเดียวกันนะ จะทะเลาะกันทำไม ทะเลาะกันแล้วมันได้อะไรนอกจากความรุนแรง สู้ก็ต้องสู้เพื่อปกป้องครอบครัวสิ ขืนพวกเธอมาสู้กันเองแบบนี้แล้วถ้าจู่ๆพวกโอเดียบุกมา พวกเธอก็โดนมันเล่นงานน่ะสิ ไม่สามัคคีกันเอาเสียเลย~ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เอ็มเบอร์ถอนหายใจพลางบ่นยาว เทศนาทั้งสองคนโดยที่ยังให้ทั้งสองคนนั้นห้อยหัวอยู่ราวกับค้างคาวที่กำลัง ฟังมังกร (?)บ่นอย่างไรอย่างนั้น จนทั้งสองคนเริ่มรู้สึกหน้ามืดและหูชา
“แต่ดูเหมือนฉันจะเล่นหนักไปแหะ” เอ็มเบอร์พูดพลางหันไปมองซากบ้านที่พังไม่เหลือชิ้นดีนอกจากเศษซากหักๆพังๆ
“เอ่อ...แม่ เอ็มเบอร์” กาเบลียเรียกหญิงสาวที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจพวกเขาเท่าไร เอาแต่มองบ้านที่กลายเป็นเศษไม้ด้วยสายตาที่ค่อนข้างอาลัยอาวรณ์
“ถ้า จะขอโทษล่ะก็ ฉันยังไม่ให้อภัยหรอกนะ จะให้อภัยก็ต่อเมื่อพวกเธอพูดขอโทษต่อหน้าพวกเราทุกๆคน” เอ็มเบอร์พูดพลางกอดอกโดยที่ไม่ได้หันไปมองเด็กหนุ่มทั้งสอง
“เปล่า...คือ ว่า...ช่วยปล่อยพวกเราลงหน่อยได้มั้ย...” ครั้งนี้คันดะเป็นฝ่ายพูดทำให้เอ็มเบอร์ตวัดดวงตาสีเพลิงนั้นมามองด้วยแววตา เย็นเฉียบก่อนจะแสยะยิ้มจนทุกๆคนพากันหนาวสันหลัง
“อยู่แบบนั้นจนกว่าจะสำนึกผิด...ไม่สิ...จนกว่าพวกแซมมาเอล จะกลับมาก็แล้วกัน” เอ็มเบอร์พูดยิ้มๆก่อนจะเดินจากไป กาเบลียกับคันดะมองหน้ากันก่อนจะหน้าซีดหนักกว่าเก่า
“แม่เอ็มเบอร์!!!!!ปล่อยพวกเราไป!!!!!!!!!!ผม/ฉันไม่อยากอยู่กับมันแบบนี้!!!!!!!!!!!!!พวกเราสำนึกผิดแล้วปล่อยพวกเราไป!!!!!!!!!!!”
สองเสียงผสานกันอย่างสามัคคีก่อนที่เอ็มเบอร์จะเดินหายลับไปหลังต้นไม้โดยกำชับให้คนอื่นๆเฝ้าไว้แต่ห้ามช่วยใดๆทั้งสิ้น
“ทะเลาะกันจนได้เรื่องจนได้นะพวกนาย” ฟาเธอร์ที่เดินเข้ามาใกล้ทั้งสองคนพร้อมกับคนอื่นๆพูดขึ้นอย่างปลงๆ
“อย่ามาเยาะเย้ยเชียว” กาเบลียพูดเสียงเรียบ
“ไม่ได้มาเยาะเย้ยแต่มาอยู่เป็นเพื่อน” ราฟพูดก่อนจะนั่งลงบนพื้นหญ้าเหมือนๆกับคนอื่นๆ
“นาย น่ะมาอยู่เป็นเพื่อน แต่ซูซี่คงมาอยู่เป็นแฟนล่ะมั้ง” หญิงสาวผมสีทองอ่อนๆเหมือนสีทองของลวงข้าว ดวงตาสีฟ้า ... ลีออน...พูดยิ้มๆโดยมีน้องสาวฝาแฝดของเธอ ...เจสซิก้า...ยิ้มตามไปด้วยในขณะที่คนถูกพูดถึงหน้าแดงเป็นลูกเชอร์รี่
“พะ...พูด อะไรของคุณน่ะ...ผะ...ผมกับป๊ะป๋า...เป็นแค่...แค่” ซูซานถึงกับพูดตะกุกตะกักหน้าแดงจนควันแทบขึ้นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเลยว่า มีสายตา 4 คู่มองอาการนั้นด้วยสายตาที่แผ่ไออิจฉาออกมานิดๆแต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์ เข้าไว้แล้วเปลี่ยนมาเป็นสายตาร่าเริงแทน “เป็นแค่คู่รักกัน~ วี๊ดวิ๊ว~” ลีออนกับเจสซิก้าพูดขึ้นพร้อมกับก่อนจะผิวปากแซวเล่นจน ซูซานเริ่มออกอาการงอนนิดๆปนเขินซึ่งมันยิ่งดูน่ารักน่าแกล้งเข้าไปอีก
“นี่ๆ อย่าไปแกล้งซูซี่แบบนั้นสิ” แช็ค ห้ามปรามน้องสาวฝาแฝดทั้งสองด้วยใบหน้าจริงจัง
“แล้ว กาเบลียจะแต่งงานกับ ซูซี่ตอนไหนเหรอ?” ...ไปๆมาๆ แช็ค ดันแท็กทีมกับสองฝาแฝดแกล้งแซว ซูซานซะงั้น...
“ป๊ะป๋าแช็ค อะ!!!~” ซูซานถึงกับอายยกกำลังสองก่อนจะวิ่งไปหลบหลังสกายหวังให้เด็กหนุ่มช่วยเขา
“พอ ได้แล้วน่า เดี๋ยวซูซี่งอนจนไม่ยอมทำอาหารเช้า ทำงานบ้าน ฯลฯ ให้พวกเรา พวกนายจะลำบากนะ แถมถ้าเรื่องนี้ถึงหู ลุงบาร์ตี้ (บาร์ติเมอัส)ล่ะก็...คงรู้นะ” สกายพูดห้ามปรามทำให้ทั้งหมดยอมหยุดแซวร่างเล็กที่หน้าแดงจนจะสุกได้ที่แล้ว แต่พอเอาเรื่องงานบ้านกับการทำอาหารและบาร์ติเมอัสหรือที่เรียกแบบย่อๆว่า บาร์ตี้ซึ่งเป็นตาของซูซานมาขู่แบบนี้ ไม่หยุดก็ลำบากกันหมดจริงๆนั้นแหละ
“ชิ น่ารำคาญชะมัด” คันดะพึมพำแต่คนที่อยู่ใกล้ๆอย่างกาเบลียได้ยินชัดเจน...ก็ใช่น่ะสิ ก็พวกเขาโดนมัดอยู่ด้วยกันนี่...
“ถึง จะน่ารำคาญก็จริง แต่ก็มีความสุขดีใช่มั้ยล่ะ” กาเบลียพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง...เหมือนจะพูดลอยๆแต่ดูเหมือนทั้งสองคนกำลัง คุยกัน...
“ชิ” คันดะสบถเหมือนจะรำคาญแต่ก็แอบรอบยิ้มกับประโยคนั้น...ใช่ ถึงจะน่ารำคาญ แต่ก็มีความสุขจริงๆนั้นแหละ...
“พรุ่ง นี้นายจะไปแล้วสินะ” กาเบลียพูดขึ้นทำให้ดวงตาสีรัตติกาลเบิกขึ้นก่อนจะหลับลง...นั้นสินะ... เกือบลืมไปเลย...ว่าเรา กำลังจะไปแล้ว...
กา เบลียสังเกตท่าทางนั้นสักพัก...ก็ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจคัดดะหรอกนะ...ใน ทางกลับกันเข้าใจดีเลยด้วยซ้ำ...ว่าคงจะคิดถึงครอบครัวและเป็นกังวล...
“ทำหน้าแบบนั้น นายคงจะคิดถึงพวกเราสินะ”
“ชิ”
“เป็นฉันก็คิดถึงเหมือนกันนั้นแหละ”
“ไม่บอกก็รู้ คุณพ่อ”
“หึ”
“...”
“...”
หลังจากพูดกันไป 2-3 ประโยค ทั้งคู่ก็เงียบไปในขณะที่คนอื่นๆก็พากันคุยกันอย่างสนุกสนานแต่ในขณะเดียวกันก็แอบฟังที่ทั้งคู่คุยกันด้วย
“กลับมาให้ได้ล่ะ ยู”
“หา?”
“ยังไงซะ นายก็เป็นครอบครัวเดียวกันกับเรา มันคงไม่ค่อยดีสักเท่าไรถ้าขาดนายไป”
“...”
“แล้วอีกอย่างนึง...”
“?”
“นายกับฉัน...เรายังสู้กันไม่รู้ผลเลยนี่”
“หึ”
จากที่กาเบลียพูดทำให้คันดะอดหัวเราะในลำคอเสียไม่ได้
“นั้น สินะ...อย่าห่วง ฉันจะกลับมาแน่นอน ทั้งกลับมาสู้กับนายให้รู้ผล...และกลับมาอยู่กับครอบครัวที่ฉันรัก” คันดะพูดพลางยิ้ม ซึ่งมันทำให้ชายหนุ่มดูดีขึ้น แต่ดูท่าทางเขาจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองนั้นเผลอยิ้มออกมา
“สัญญานะ ยู”
“สัญญาสิเพื่อน”
“สัญญา ด้วยสิว่าจะเอาพี่สะใภ้มาฝากน่ะ” ลีออนพูดขึ้นทำให้สองเด็กหนุ่มหันไปมองเหล่าสมาชิกในครอบครัวที่พากันมองมา ทางพวกเขาจนพวกเขานั้นหน้าขึ้นสีนิดๆ
“จะบ้าเรอะ!!...”
“อย่างยูมันจะมีใครเขาเอา”ฟรานซิสโก้พูดอย่างกวนๆจนคันดะถึงกับเส้นเลือดที่ขมับปูด
“หุบปากไปเลย!!!!ไอ้หมาเขียว!!!!!!!” คันดะถึงกับพูดเสียงเย็นพร้อมกับปล่อยรังสีอำมหิตออกมา
“สัญญาแล้วนะยู...” กาเบลียพูดขึ้นโดยไม่สนใจคนอื่นๆ เพราะยังไงซะ พวกเขาก็เป็นครอบครัวเดียวกัน รู้ไปก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี้
“กลับมาอยู่กับพวกเรา กลับมาอยู่กับครอบครัวอย่างปลอดภัยให้ได้นะยู”
“เออๆ รู้แล้ว พูดยังกับนายเป็นพ่อฉันงั้นแหละ”
“ก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเป็น”
“แต่การกระทำกับคำพูดมันส่อ”
“นั้นนายคิดเอาเอง”
“ขี้เก๊ก”
“นายก็เหมือนกันนั้นแหละ”
“ชิ”
...และ แล้วพวกเขาทั้งหมดก็พากันนั่งคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน...มันช่างเป็นช่วง เวลาแสนสุขของครอบครัวเสียจริง...และมันจะเป็นหนึ่งในช่วงเวลาแสนสุขที่พวก เขาจะไม่มีวันลืม...
“ว่าแต่ว่า แม่เอ็มเบอร์หายไปไหน?” กาเบลียถามขึ้นหลังจากนั่งคุยกันมานานจนพระอาทิตย์มันจะตกดินอยู่แล้ว!!!!
“เห็นแม่บอกว่าจะไปอาบน้ำน่ะ” ราฟ ตอบทำเอาหลายๆคนเหวอ...ไปอาบน้ำอะไรนานขนาดนี้!!!...
“นี่ ถ้าพวกนายเป็นคนปกติ ป่านนี้พวกนายคงตายไปแล้ว เล่นอยู่ท่านี้นานๆไม่รู้กี่ชั่วโมง” อเล็กซ์พูดซึ่งทุกๆคนเห็นด้วย...แบบนี้เรียกว่าโชคร้ายหรือโชคดีเนี้ย...
“เหมือนค้างคาวเลยพี่” เด็กหญิงอายุราวๆ 8-9 ขวบ ผมสีขาว ดวงตาสีทับทิมเพลิง...อัลญ่า...พูดขึ้นพลางเดินมาเกาะแขนราฟ
“จ้าๆ เหมือนจริงๆนั้นแหละ เนอะ” ราฟ ตอบน้องสาวของเขาก่อนจะลุกขึ้นแล้วอุ้มเด็กหญิงขึ้นเมื่อเจ้าตัวอ้อนอยากให้ อุ้ม...ทำตัวเหมือนเด็ก 5 ขวบ...
“เฮ้อ~ อาบน้ำแล้วสบายตัวจังเลย~” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมการปรากฎตัวของหญิงสาวผมสีเพลิงในชุดสูทสีดำสุดเฮี้ยบ
...อาบน้ำบ้าอะไรทำไมไปนานจังวะ!!!=[]=^/=_=^...
สมาชิกส่วนหนึ่งในบ้านคิดในใจพลางเหงื่อตก
“อืม...เห? พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้วแหะ พวกนั้นยังไม่กลับมาอีกเหรอ? อ้าว เกือบลืมไปเลยแหะว่ากักบริเวณพวกเธออยู่” เอ็มเบอร์ที่ในคราแรกเห็นพระอาทิตย์ใกล้ตกดินก็พึมพำกับตัวเองเรื่องที่ สมาชิกรุ่นใหญ่ในครอบครัวยังไม่กลับมาแต่พอหันมามองตามความรู้สึกที่มีคนมอง หญิงสาวก็ต้องอุทานเมื่อเธอเกือบลืมเรื่องที่เธอจับกาเบลียและคันดะห้อยหัว อยู่...แต่เหมือนแกล้งยังไงก็ไม่รู้สิ...ก็ท่าทางของคุณเธอมันเหมือนจะแกล้ง ยังไงยังงั้น...
...แกล้งกันแหง่ๆ =_=^^^...สมาชิกทั้งหมดในบ้านคิดตรงกันอย่างสามัคคี เอ็ม เบอร์จัดการปล่อยกาเบลียกับคันดะให้ได้กลับมายืนและเห็นมุมมองแบบปกติกับคน อื่นเขาเสียที แต่พอกลับมายืนก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะไม่เซหรือล้มเพราะน้ำในหูหรือใน สมองก็มิทราบมันยังไม่เข้าที่เข้าทางเลยโซซัดโซเซราวกับคนเมา
“อืม...พวกเธอขนของออกมาจากบ้านกันหมดแล้วสินะ”เอ็มเบอร์หันมาถามเสียงเรียบซึ่งพวกที่ช่วยกันอพยพของออกจากบ้านก็พากันพยักหน้ารับ
“งั้น...ไปรวมตัวกันตรงที่นำของไปวางไว้ก็แล้วกัน จัดให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมออกเดินทาง” เอ็มเบอร์สั่งก่อนจะเดินนำหน้าไปก่อน
“เมื่อกี้ แม่เอ็มเบอร์บอกว่า ออกเดินทางงั้นเหรอ?” สกายพูดขึ้นอย่างอึ้งๆนิดหน่อย
“นี่พวกเราต้องย้ายบ้านกันอีกแล้วเหรอเนี้ย” เฮนรี่พูดเสียงอ่อย
“ไม่ใช้การย้ายบ้าน” กาเบลียพูดลอยๆก่อนจะเดินแบบปูๆ (โซซัดโซเซ) นำหน้าคนอื่นๆไปซึ่งคำพูดของกาเบลียมันทำให้ทุกๆคนในบ้านสงสัย
“ที่เดินไปน่ะ รู้เหรอว่าเราวางของไว้ตรงไหน?” ราฟพูดขึ้นทำให้กาเบลียหยุดเดินแต่ก็ยืนแบบโยกเยกไปมา
“มะๆ ให้คนรู้ทางเดินนำเถอะ” เด็กหนุ่มผมสีขาว นัยน์ตาสีแดง ... ไฮเวอร์... พูดขึ้นก่อนจะเดินนำหน้ากาเบลียที่ยืนโยกเยกอยู่และจวนจะล้มเต็มทีไป
“เวียนหัวล่ะสิ” ฟาเธอร์ ก้มลงถามคันดะที่ล้มลงไปนั่งกองกับพื้นตามด้วยกาเบลียที่แหมะลงไปนั่งเป็นเพื่อนแล้ว
“มา ลองดูไมล่ะ” คันดะพูดเสียงเรียบแต่หน้าคุณท่านเหมือนจะซีดราวกับเพิ่งกินยาที่ขมจัดแล้ว รู้สึกอยากอ้วกประมาณนั้น...หรือจะพูดง่ายๆก็คือ...หน้าซีดเหมือนคนใกล้อ้วก เต็มที...
“เฮ้อ~ มาๆเดี๋ยวเคาะหัวให้หายมึนให้” แช็ค พูดพลางเตรียมไม้เท้าในมือทำให้คันดะและกาเบลียหน้าซีดลงหนักกว่าเก่า
“ไม่ได้ขอร้องอย่ามาช่วย!!!แถมถ้าพี่/นายเคาะลงมาบนหัวของพวกเราจริงๆ มันจะได้มึนหนักกว่าเก่าจนสลบหรือไม่ก็ตายไปเลยน่ะสิ!!!!!!!!!!!!!!!”
...เป็นอีกครั้งที่วันนี้กาเบลียกับคันดะพูดอย่างสามัคคีกัน...
“งั้น กินยาปรับสมดุลร่างกายก็แล้วกันนะ” แช็ค พูดยิ้มๆหลังจากพอใจจากการแกล้งน้องๆของตนแล้วก่อนจะชูขวดยาสีใสที่ข้างในมี น้ำยาสีเขียวอมฟ้าอยู่แล้วยื่นให้ซูซานและ ฟาเธอร์ให้ทั้งคู่นำมันไปป้อนให้คันดะและกาเบลียเพราะดูเหมือนทั้งสองคนจะ มึนจนทำอะไรไม่ถูก
เมื่อ ทั้งสองคนดื่มยาจนหมด แช็ก ก็บ่นเรื่องยานิดหน่อย(เสียดาย) แต่เพราะกว่ายามันจะออกฤทธิ์ก็อีกสักพักจึงต้องมีคนช่วยแบกสองหนุ่มนี่ไปยัง จุดที่เอ็มเบอร์นัดก่อนที่มันจะมืด โดยราฟต้องแบกกาเบลียในขณะที่ไฮยีน่าต้องแบกคันดะ เมื่อมาถึงจุดนัดพบ อาเจ๊ เอ็มเบอร์ก็จัดการสั่งให้พวกเด็กๆพากันจัดของและจัดเต็นท์ รวมไปถึงก่อกองไฟเพราะมันเริ่มจะมืดมากแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานพวกผู้ใหญ่ของบ้านก็กลับมาพร้อมกับขบวนรถม้าที่มีมากพอจะบรรจุของและสมาชิกในครอบครัวได้หมดทุกคน
“เอาล่ะ...ทุกๆคนมารวมตัวกันตรงนี้สิ พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย” แซมมาเอลพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน...แต่ใบหน้ากลับเรียบนิ่ง...
“ตั้งแต่ วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเราจะใช้ชีวิตเร่ร่อนแบบยิปซี” แซมมาเอล ประกาศทำให้สมาชิกรุ่นเด็กของบ้านพากันเบิกตากว้างจนบาร์โทโลมิวตาถลนออกมา จากเบ้า
“อะ...อะไร นะ...นี่ท่านพ่อแซมพูดจริงงั้นเหรอครับ?” ...หลังจากต้องวิ่งเก็บลูกตาของตัวเองสัก 10 นาทีเห็นจะได้ บาร์โทโลมิวก็เป็นคนแรกที่ถามข้อสงสัยนี้
“จริง...ซึ่งการอยู่แบบเร่ร่อนนั้น มันมีเหตุผลอยู่นะ” แซมพูดตอบก่อนจะพยักหน้าให้คนอื่นเป็นคนอธิบายเหตุผลต่อจากตน
“ก็ นะ...จากการสำรวจและประเมินผลมาช้านาน ในที่สุดพวกเราก็ได้ข้อสรุปแล้วว่า พวกเราเหล่าอมนุษย์และเหล่าสัตว์ในเทพนิยายทั้งหลาย จะย้าย...เอิ่ม...ไม่สิ อพยพไปอยู่ยังที่ๆไม่มีมนุษย์ ไปอยู่ยังดินแดนที่มีเพียงพวกเราเท่านั้น” บาร์ติเมอัสจัดการอธิบายคนเดียว รวดเดียวจบ
“จะบ้าหรือท่าน! ถ้าทำแบบนั้นแล้ว พวกเราจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ ในกระท่อมงั้นเหรอ ดูบ้างสิพวกเราตั้งร้อยกว่าคนอัดกันอยู่ในกระท่อมยังแทบจะตายกันไปข้างหนึ่ง แล้วถ้าอันกันอยู่สักพันหมื่นคนได้อึดอัดตายแน่!!” ฟรานซิสโก้โวยวายแต่ก็...
ผัวะ!!
...แต่ก็โดน ไฮเวอร์ ตบเข้าให้ที่หัวจนหน้าทิ่มพื้นไปเต็มๆ...
“ฟังให้จบก่อนแล้วค่อยบ่นสิฟะ”ไฮยีน่าพูดอย่างรำคาญนิดๆก่อนจะหันหน้ามาตั้งใจฟังต่อ
“เฮ้อ...อะ แฮ่ม...ต่อเลยนะ...บังเอิญว่าราชาไปพบกับเกาะ...อ่า...เรียกว่าทวีปได้ มั้ง...แต่มันเล็กกว่าออสเตรเลียซะอีกหรือพอๆกันก็ไม่รู้...โอ๊ย! ...ช่าง มันเถอะ เอาเป็นว่า มันใหญ่กว่าประเทศอังกฤษนิดหน่อยก็แล้วกัน ซึ่งมันมีทรัพยากรที่สามารถทำให้ผู้คนแทบจะทั่วทั้งโลกอยู่อย่างสุขสบายไป ได้เป็นล้านๆปีเลยล่ะ และแน่นอนว่ามันไม่มีเจ้าของ รับประกันได้เลยว่าพวกเราสามารถไปอยู่ได้” บาร์ติเมอัสอธิบายต่อ
“แล้ว...ตาจ๋า มันอยู่ที่ไหนงั้นเหรอ?” ซูซานยกมือขึ้นถามด้วยความสงสัย
“มันอยู่ตรงใจกลางมหาสมุทรแปซิฟิกน่ะ รับรองว่าปลอดภัยทั้งจากมนุษย์และพวกโอเดีย"”ราชาตอบแทนบาร์ติเมอัสด้วยรอยยิ้ม
“อืม...น่า สนใจแหะ” ฟาเธอร์พูดขึ้นทำให้พวกเด็กๆคนอื่นๆพากันคุยถึงเรื่องนี้ซึ่งแน่นอนว่าพวก เขาลงความเห็นว่ามันน่าสนใจดีและคุ้มกับการเสี่ยงจะไปอยู่แน่นอน
“งั้นก็ พ่อจะเริ่มบอกแผนการเดินทางเลยก็แล้วกันนะ” แซมมาเอลพูดขึ้นทำให้เด็กๆพากันเงียบอย่างตั้งใจฟัง
“ขั้น แรกเลย ต้องมีพวกไปจัดเตรียมความเรียบร้อยบนเกาะนั้นก่อน พวกเรามี 64 คน งั้นก็ไปที่นั้น 34 คนก็แล้วกันนะ ส่วนอีก 33 คน ให้ไปรวบรวมอมนุษย์และสัตว์ในเทพนิยายจากทั่วทุกมุมโลก แล้วอพยพมาอยู่ที่เกาะนั้นซะ แต่ค่อยๆอพยพทีละทวีปก็แล้วกัน เริ่มจาก ยุโรปก่อนก็แล้วกัน” แซมมาเอล อธิบาย
“แล้ว อีกหนึ่งคนล่ะครับ?” เฮนรี่ถามเพราะจากที่แซมมาเอลพูด ดูเหมือนมันจะไม่ครบจำนวนคนที่มีอยู่
“อีก หนึ่งคนที่พูดถึงน่ะก็ยูไง เฮนรี่ นี่หลานลืมแล้วรึ?” ทัลบอล ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง นัยน์ตาสีเดียวกับสีผมพูดอย่างปลงๆกับหลานชายของตนซึ่งจากที่ ทัลบอลพูดมันทำให้เฮนรี่ร้อง อ๋อ พร้อมกับที่สมาชิกบางคนในบ้านหันไปมองทางคันดะ เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ในวันพรุ่งนี้ คันดะก็ต้องออกเดินทางเสียแล้ว
“พรุ่ง นี้ เธอต้องออกเดินทางแล้วนะยู และฉันคิดว่ากระบวนการ การเปลี่ยนแปลงมันคงจะเริ่มขึ้นในคืนนี้” แซมมาเอลที่เฝ้ามองปฏิกิริยาของทุกๆคนอยู่สักพัก หันมาพูดกับคันดะซึ่งเด็กหนุ่มก็พยักหน้ารับรู้
“และ ในวันพรุ่งนี้ พวกเราเองก็จะเริ่มออกเดินทางเช่นกัน ทัลบอลจะไปส่งยูที่ ศาสนจักรแห่งความมืดสาขายุโรป ส่วนสำหรับกลุ่มแรกที่จะไปจัดการเรื่องบนเกาะก็จะเป็นพวกผู้ใหญ่ครึ่งหนึ่ง และพวกเด็กครึ่งหนึ่ง แต่โดยส่วนใหญ่พวกเราจะให้พวกเด็กๆเดินทางไปรวบรวมคนอื่นๆ แต่เพื่อความยุติธรรมเอาเป็นว่าจะมีการเปลี่ยนเวณเปลี่ยนกะไปเลื่อยๆก็แล้ว กัน” แซมมาเอลอธิบายซึ่งหลายๆคนก็พยักหน้าเข้าใจ บางคนนั้นอาจตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่บางคนก็อาจ รู้สึกกลัว...
“เอาล่ะ วันนี้พวกเรามาฉลองอำลาบ้านกระท่อมผุๆกันเถอะนะ!!!”ไนท์พูดขึ้นพลางเกาะคอ นูเบกับบาร์ติเมอัส แต่ทั้งสองหนุ่มกลับหันมามองหน้าทันควันด้วยสายตาของสัตว์ล่าเนื้อ(?)
“กระท่อมผุๆแล้วไง!!!เอ็งเคยช่วยพวกฉันทำไมหะ!!!ถ้ากล้าว่าบ้านที่พวกเราอุตส่าห์ร่วมด้วยช่วยกันทำอย่างสุดความสามารถล่ะก็เอ็งเจอดีแน่!!!!”
ทั้ง สองหนุ่มพูดเสียงเรียบแต่แฝงความเหี้ยมเอาไว้เพียบจนไนท์...ไม่หุบยิ้ม แถมยังหัวเราะร่าอีกด้วย...ต้องเรียกว่าไม่กลัวตายหรือไม่รู้จักกลัวสินะ...
หลัง จากนั้นสมาชิกในครอบครัวทุกๆคนก็พากันทานอาหารค่ำรอบกองไฟอย่างมีความสุข ฉลองอำลาบ้านหลังเก่าแล้วออกเดินทางเพื่อสร้างบ้านใหม่และทำการเพิ่มสมาชิก ในครอบครัว...
...แต่ สำหรับคันดะแล้ว นี่อาจเป็นอาหารค่ำมื้อสุดท้ายที่เขาจะได้ทานกับครอบครัว...อาหารหน้าตา เหมือนอ้วกผสมอาหารหมาแต่รสชาติอร่อยใช้ได้...เสียงพูดคุยและหัวเราะสุดแสน จะน่ารำคาญแต่มันก็ทำให้รู้สึกสุขใจ...กองไฟอุ่นๆตรงหน้ากับความอบอุ่นของ ครอบครัว...มันอาจทำให้รู้สึกเหงาไปบ้างถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ในวันพรุ่ง นี้...แต่เขาอาจได้กลับมาสักวัน...ไม่สิ...ต้องกลับมาให้ได้ต่างหาก...
“ยูร้องเพลงสักหน่อยสิ” เสียงของโจ๊กเกอร์ทำให้คันดะตื่นจากภวังค์แล้วกลับมาทำหน้านิ่งเหมือนเดิม
“ชาติหน้าตอนบ่ายๆเถอะ เฟ้ย!!!”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...ที่นี่...ที่ไหน...
นั้น เป็นคำถามแรกเมื่อลืมตาขึ้นมา...ถ้าจำไม่ผิด ตัวเขานั้นเพิ่งหลับไปหลังจากต้องนั่งฟังนิทานผีๆของพวกพี่น้องทั้งหลายไป สักพัก...แต่พอลืมตาตื่นขึ้นมา...กลับพบว่าตัวเขานั้นอยู่ในที่ๆไม่คุ้น เคย...บนพื้นนั้นปูด้วยอิฐสีมล ต้นไม้ไร้ใบสีเข้มทั้งต้น พื้นน้ำที่สะท้อนภาพบางอย่างคล้ายซากปรักหักพังแต่ก็เปลี่ยนเป็นภาพอื่น ท้องฟ้าสีรัตติกาลกับพระจันทร์สีทอง...หิมะขาวโปรยปรายลงมาบนพื้น แต่ทว่า...เขาไม่ได้อยู่ที่นี่เพียงคนเดียว...
ตรง ทะเลสาบตรงหน้าเขานั้น มีร่างของเด็กคนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้อยู่...เด็กน้อยที่น่าจะอายุราวๆ 10 ปีเห็นจะได้...ใบหน้าหวานเรียวสวย...ผมสีขาวราวกับหิมะ...ดูแล้วราวกับนาง ฟ้าตัวน้อยๆ...
“นี่...ร้องไห้ทำไม”...ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าจะสนใจทำไม...แต่...มันรู้สึกปวดใจยังไงชอบกลพอเห็นเด็กคนนี้ร้องไห้...
ใบ หน้าสวยเงยขึ้นมามองผู้มาใหม่ ดวงตาสีเงินคลอน้ำตาทำเอาคันดะใจกระตุกจนเข่าแทบทรุด...นี่เป็นอาการที่เขา ไม่เคยเจอมาก่อน...เขาป่วยงั้นหรือเนี้ย!?...
“ฮึก...คุณ เป็นใคร?” ร่างตรงหน้าถามด้วยน้ำเสียงที่หวานไพเราะจนใจของคันดะกระตุกไปหลาย รอบ...เลือดในกายสูบฉีดแรงเสียจนแทบจะตามสภาพที่เป็นอยู่ในตอนนี้ไม่ทัน... หัวใจเต้นแรงราวกับเพิ่งไปวิ่งรอบทะเลสาบบล็อกเนสส์(?)มายังไงยังงั้น...
“คัน ดะ ยู” เด็กหนุ่มตอบเสียงเรียบรู้สึกเหมือนเป็นไข้ปนจะเป็นลมกับอาการที่ตัวเขา เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก “เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลยนะว่าเธอร้องไห้ทำไม?”
“ฮึก...พ่อ ของผม...เขาตายแล้ว...แต่ผมกลับ...ฮึก...ทำให้เขา...กลายเป็นปีศาจ... ฮือ...แล้วผมยัง...กล้าลืมเรื่องของเขาอีก...ผมรู้สึก...เสียใจ” เด็กน้อยพูดเสียงสะอึกสะอื้น น้ำตายังคงไหลลงมาจากดวงตาสีเงินคู่งาม
คันดะมองภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกปวดใจไม่น้อย ก่อนจะเดินตรงไปนั่งลงข้างๆเด็กน้อยแล้วกอดปลอบร่างที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ฉัน เองก็พอเข้าใจ เพราะฉันก็เคยทำให้คนที่ฉันรักกลายเป็นปีศาจและทำบาปมามาก แต่ถ้าเธอเสียใจสำนึกผิดแบบนี้ ฉันคิดว่าพระเจ้าคงให้อภัยเธอแน่” คันดะพยายามพูดปลอบเท่าที่จะทำได้ รู้สึกเหมือนหน้ามันร้อนๆยังไงชอบกล มือที่โอบกอดร่างตรงหน้าลูบหัวปลอบให้เด็กน้อยหยุดร้องทำเหมือนที่เขาเคย เห็นสมาชิกในครอบครัวทำเวลาปลอบเด็กน้อยเวลาร้องไห้ซึ่งดูเหมือนจะได้ผล เมื่อร่างในอ้อมกอดเริ่มสงบลงแล้ว
คัน ดะผละร่างเล็กออกมาเล็กน้อยก่อนจะใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาบนใบหน้างามนั้นออก แล้วพยายามยิ้มให้ดูเป็นมิตรที่สุดเพื่อให้ร่างตรงหน้าสบายใจแต่กลับทำให้ เด็กน้อยหัวเราะซะงั้น
“พี่ ชาย ยิ้มตลกจังเลยฮะ” เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจะร่าเริงขึ้นทำให้คันดะรู้สึกหน้าร้อนๆหนัก กว่าเดิมแถมหัวใจยังเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกจากอกไม่ก็ระเบิดในอกนั้น แหละ...แต่จะว่าไป...เด็กคนนี้...เด็กผู้ชายหรอกเรอะ...ไม่พูดฮะนี่นึกว่า เด็กผู้หญิงซะอีก...
“คะ...ใคร จะไปยิ้มสวยเหมือนนายกันล่ะ” คันดะพูดด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีนิดๆแต่ไอ้ประโยคที่พูดออกไปน่ะสิ...เขาแทบจะ เอาหัวโขกพื้นตาย...พูดไปได้ฉัน!!... แต่ คำพูดของเขานั้นกลับทำให้เด็กน้อยตรงหน้า หน้าแดงขึ้นมาพร้อมกับหัวใจดวงน้อยที่เต้นระรัว ใบหน้าสวยยิ้มหวานจนใจในอกของคันดะแทบจะระเบิด...ฉันจะเป็นโรคหัวใจตายไม เนี้ย!!!...
“แล้ว...นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง เจ้าถั่วงอก” คันดะถามแต่คำถามนั้นกลับทำเด็กน้อยตรงหน้าทำหน้ามุ่ย
“ผมไม่ได้ชื่อถั่วงอกนะฮะ ผมชื่อว่า อเลน วอคเกอร์ ต่างหาก” ร่างตรงหน้าตอบด้วยเสียงงองอนจนคันดะอดยิ้มกับความน่ารักน่าเอ็นดูของร่างตรงหน้าเสียไม่ได้
“เถอะน่า จะอลงอเลนอะไรก็ช่าง รีบๆตอบคำถามฉันมาสักที” คันดะพูดด้วยความรำคาญแต่ก็แอบหมั่นไส้ปนเอ็นดูเด็กน้อยตรงหน้านิดๆ
“ก็ ช่างอะไรล่ะฮะ ถ้าไม่เรียกผมว่า อเลน ผมไม่ตอบคำถามด้วย” อเลน พูดแล้วค้อนให้วงโต...แต่มันทำให้คันดะหมั่นเขี้ยวเข้าไปทุกทีๆ จนสุดจะทนแล้ว!!!...
“เหรอ~ งั้นก็ได้ อเลน~” คันดะเรียกชื่อของ อเลน พร้อมกับแถมให้เล็กๆน้อยๆโดยการบีบๆที่แก้มนุ่มๆทั้งสองข้างนั้นอย่างหมั่น เขี้ยวจนสุดจะทน“จะตอบคำถามของฉันได้หรือยัง?”
“อ่า...ออบแอ้วๆ(ตอบแล้วๆ)” อเลน ถึงกับน้ำตาเล็ดจนในที่สุดคันดะก็ยอมปล่อยแก้มนุ่มๆนั้นซะที
“ผม เองก็ไม่รู้เหมือนกัน พอลืมตาตื่นขึ้นมา ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว แต่พอมองลงไปในทะเลสาบนั้น ผมก็เห็นภาพในอดีต...แล้ว...” อเลนเล่า ดวงตาสีเงินคู่สวยเริ่มกลับมามีน้ำตาคลออีกครั้งจนคันดะลนลาน
“ไม่อยากเล่าหรือนึกถึงมันก็ไม่ต้องทำ” คันดะพูดพลางลูบหัวร่างเล็กทำให้อเลนกลับมายิ้มอีกครั้ง หิมะพราวยังคงตกต่อไปแต่แล้วจู่ๆโลกทั้งใบก็สว่างขึ้น...
“อเลน” เด็กหนุ่มเด้งตัวขึ้นมาบนเตียงทำเอาคนที่นอนข้างๆสะดุ้งตกใจ
“อะ...อะไรของนายน่ะยู เฮ้ย!!!” ราฟที่นอนอยู่ข้างๆถามด้วยความงัวเงียนิดหน่อยแต่ก็ตาสว่างเมื่อเห็นสภาพของคันดะเต็มตา “
ปะ...เปล่า แล้วนายเฮ้ยทำไมวะ?” คันดะถามกลับ...แต่เพราะเสียงเฮ้ยของราฟทำเอาคันดะตื่นเต็มที่จนความรู้สึก หวานๆปนโรแมนติก ตอนอยู่กับ อเลน หายหมดเลย...ตัวทำลายบรรยากาศความรู้สึก...
“ลองดูสภาพของตัวเองก่อนไม!!!” ราฟพูดก่อนจะคว้ากระจกจากโต๊ะหัวเตียงของลีออนกับเจสซิก้ามาให้คันดะส่องดูเงาของตน พอคันดะรับกระจกมา หนุ่มหน้านิ่งเป็นต้องอ้าปากค้างเมื่อตัวเขาในตอนนี้...
“ทำไมฉันอยู่ในร่างเด็กอายุ 10 ขวบวะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
...ร้องลั่นเต็นท์แตกเลยพี่น้อง...
...และนี่ก็เป็นเพียง...แค่หนึ่งในจุดเริ่มต้นหลายๆจุดเท่านั้น...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
TBC.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ