เสน่หาทาสซาตาน NC18+ (โหดนิดๆ หยิกกัดน้อยๆ)
-
เขียนโดย สุภาวดี
วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.58 น.
14 ตอน
0 วิจารณ์
32.35K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2564 11.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) หวั่นไหว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ10
หวั่นไหว
แพรวาเดินออกมายังลานจอดรถจึงพบว่ารถของธีรพัฒน์ยังจอดอยู่ที่เดิม นั่นแสดงว่าเมื่อกี้เขายังไม่ได้ไปไหนสินะ แล้วทำไมเขาไม่บอกเธอว่าจะมารอที่รถล่ะ เธอเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วจะได้รีบตามเขาออกมา นี่จู่ๆ ก็เดินหายไปเสียดื้อๆ แถมยังบอกกับคุณเจสันก่อนจะออกมาอีกว่ามีธุระต้องไปทำ แล้วทำไมเขายังอยู่ที่นี่ หญิงสาวคิดในใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งในรถด้วยอาการไม่พอใจ
“เอาโทรศัพท์ของเธอมานี่” ธีรพัฒน์พูดเสียงดังจนเกือบเป็นตะคอกใส่หญิงสาวที่เพิ่งก้าวเข้ามานั่งในรถ
“ทำไมคะ” แพรวาหันมามองหน้าชายหนุ่มอย่างมึนงงปนบึ้งตึง
“บอกให้เอามา ก็เอามาเถอะน่า... อย่าเรื่องมาก” คนเอาแต่ใจทำเสียงหงุดหงิดฮึดฮัดเมื่อถูกคนตัวเล็กทำท่าจะขัดใจ
“บ้าอำนาจ เผด็จการ เอาแต่ใจ ไร้เหตุผล...”
แพรวาด่าทอชายหนุ่มเสียงเบาขณะก้มหน้าค้นหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองในกระเป๋าสะพาย ก่อนจะหยิบขึ้นมาแล้วส่งให้กับคนเอาแต่ใจ
“ที่เธอด่าเนี่ย ฉันได้ยินนะ” คนถูกด่าส่งสายตาคาดโทษมาให้หญิงสาว
มือหนาคว้าโทรศัพท์เครื่องเล็กจากมือเธอมากดตัวเลขด้วยความรวดเร็ว แล้วกดโทรออกรอสักครู่จึงได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเขาดัง จากนั้นเขาก็กดตัดสาย แล้วส่งโทรศัพท์คืนให้หญิงสาวข้างกายจนแทบจะเป็นการโยนซะมากกว่า
“อะ เอาไป! และอย่าให้ฉันรู้นะ ว่าเธอลบเบอร์ฉันทิ้ง... ฉันฆ่าเธอแน่แพรวา” ธีรพัฒน์หันมาชี้นิ้วขู่หญิงสาวด้วยน้ำเสียงเข้มจัด
“แพรไม่จำเป็นต้องโทรหาคุณนี่คะ” แพรวาตอบกลับอย่างไม่พอใจ เธอเริ่มรู้สึกว่าคนเป็นเจ้านายก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของเธอมากเกินไปแล้ว
“ยังจะปากดีอีก หรือว่าที่เธอไม่ตามฉันออกมาเนี่ย เพราะนัดกับไอ้ตี๋แว่นนั่นเอาไว้แล้วใช่ไหม”
ชายหนุ่มประชดประชันต่อว่าคนตัวเล็กด้วยความโกรธเคือง
“แพรไม่ได้นัดใครทั้งนั้นแหละค่ะ พอเดินออกมาจากร้านกาแฟก็ไม่เจอคุณแล้ว แพรก็เลยจะหารถกลับเองแล้วบังเอิญเจอกับพี่วิทเขาก็เลยอาสาจะไปส่งก็แค่นั้น”
แพรวากลั้นใจอธิบายยืดยาวตามความเป็นจริงให้คนเป็นเจ้านายได้รับรู้ อย่างน้อยเขาจะได้ไม่เข้าใจเธอผิดว่านัดผู้ชายให้มารับ
“ไม่เจอแล้วทำไมไม่เดินมาที่รถล่ะแม่คุณ จะต้องให้ไปอุ้มมาหรือไงห๊ะ!”
“แพรคิดว่าคุณกลับไปแล้ว ก็คุณเป็นคนบอกกับคุณเจสันเองว่ามีธุระต้องไปทำไม่ใช่หรือคะ”
“ฉันไม่มีธุระที่ไหนทั้งนั้นแหละ”
คำพูดของธีรพัฒน์ทำให้แพรวาหันขวับมามองหน้าเขาทันทีอย่างไม่สบอารมณ์
“มองหน้าฉันทำไม” ชายหนุ่มหันมาแหวใส่คนตัวเล็กที่จ้องหน้าเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“แพรไม่คิดว่าคุณจะโกหก”
“นั่นมันเรื่องของฉัน” คนเอาแต่ใจบอกเสียงเข้ม
และนั่นก็เป็นการพูดคุยครั้งสุดท้ายก่อนที่ภายในรถจะมีแต่ความเงียบจนน่าอึดอัด หญิงสาวที่เอาแต่จ้องมองวิวทิวทัศน์ข้างนอกรถเหมือนกับว่าเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยพบเจอ ส่วนชายหนุ่มก็เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถด้วยความบึ้งตึง
“คุณจะไปไหนคะ” แพรวาหันมาแหวใส่ชายหนุ่มทันทีที่เห็นว่าเขาขับรถเลยบริษัทมา
“จะเลิกงานแล้ว ไม่ต้องเข้าบริษัทหรอก ฉันจะไปส่งเธอที่คอนโด”
ธีรพัฒน์ตอบเสียงเรียบ ได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะเบาๆ จากปากของหญิงสาวแต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ
ธีรพัฒน์พารถเข้ามาจอดยังประตูทางเข้าล็อบบี้ที่เขาเคยมาส่งหญิงสาว ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกปวดหัวตุ๊บขึ้นมาอย่างประหลาด ธีรพัฒน์พยายามสะบัดศีรษะเพื่อไล่ความปวดที่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ถึงมีอาการแบบนี้ขึ้นมาได้
เมื่อรถจอดสนิทแพรวากล่าวขอบคุณเสียงเบาแล้วหันไปเปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะก้าวเท้าลงไปมือหนาของธีรพัฒน์ก็คว้าหมับเข้าที่แขนของเธออย่างแรง แพรวาหันมามองชายหนุ่มด้วยความโมโหคิดว่าเขาจะกลั่นแกล้งอะไรเธออีก แต่ก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่ามีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากจมูกของเขา
“คุณธีร์! คุณเป็นอะไรคะ”
แพรวาหันมาเรียกชายหนุ่มด้วยความตกใจจนมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก หัวใจดวงน้อยชาหนึบขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักเจ็บปวด
เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายเพื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าของเธอออกมาแล้วส่งให้ชายหนุ่มซับเลือดทันที
“ฉันไม่รู้ จู่ๆ ก็ปวดหัวคงเป็นเพราะอากาศร้อนน่ะ”
ธีรพัฒน์เงยหน้าขึ้นมารับผ้าผืนน้อยจากมือหญิงสาวมาปิดไว้ที่จมูกเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลออกมามากเกินไป
“ไปโรงพยาบาลไหมคะคุณธีร์” แพรวาละล่ำละลักบอกอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันขอขึ้นไปล้างหน้าที่ห้องเธอหน่อยก็แล้วกัน สักพักคงดีขึ้น” คนป่วยบอกเสียงเรียบเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“เอ่อ... คือ...” แพรวาเกิดความลังเล เพราะไม่แน่ใจว่าจะให้ชายหนุ่มขึ้นไปบนห้องดีหรือเปล่า
“แค่ล้างหน้าจริงๆ ห้องเธอร้อนขนาดนั้นฉันอยู่นานไม่ได้หรอก”
ธีรพัฒน์ย้ำเพื่อให้หญิงสาวแน่ใจ เมื่อเห็นเธออ้ำอึ้งเหมือนไม่อยากให้เขาขึ้นไปบนห้องของเธอ
“ค่ะๆ งั้นคุณธีร์ขับรถไปจอดตรงนั้นก่อนดีกว่านะคะ” หญิงสาวชี้มือไปยังช่องว่างของลานจอดรถฝั่งตรงข้าม
เมื่อธีรพัฒน์จอดรถเรียบร้อยแล้ว แพรวาจึงรีบลงจากรถแล้วอ้อมไปเปิดประตูฝั่งที่ชายหนุ่มนั่ง
“คุณธีร์เดินไหวไหมคะ”คนตัวเล็กขยับทำท่าจะเข้าไปประคอง
“ไหว ฉันเดินเองได้ ตัวเธอเล็กกว่าขาฉันซะอีก ยังจะมาอวดเก่ง”
คนป่วยยังคงพ่นวาจาเหน็บแนมคนตัวเล็กที่ทำเหมือนจะเข้ามาประคองเพื่อไม่ให้เขาล้ม
แพรวาเหลือบมองชายหนุ่มทีนึงก่อนจะสะบัดตัวออกห่าง แล้วเดินจ้ำไปที่ลิฟต์ทันทีโดยไม่สนใจคนปากร้ายที่เดินตามมาอีก ‘ชิ เลือดไหลขนาดนี้ยังจะปากดีอีก ทำไมเลือดไม่ไหลที่ปากนะจะได้ไม่ต้องพูดมาก’ แพรวาบ่นในใจอย่างนึกโมโหที่คนตัวใหญ่เหน็บแนมเธอว่าตัวเล็กกว่าขาของเขา
เมื่อมาถึงห้องพักของหญิงสาว ธีรพัฒน์รีบตรงดิ่งเข้ามาในห้องแล้วเอ่ยถาม
“ห้องน้ำเธออยู่ไหน ขอผ้าเช็ดหน้าด้วย” ชายหนุ่มออกคำสั่งเหมือนกับว่าแพรวาเป็นคนรับใช้เสียอย่างนั้น
“เชิญทางนี้ค่ะคุณธีร์”
แพรวาจำเป็นต้องให้ชายหนุ่มใช้ห้องน้ำในห้องนอนของเธอ เพราะห้องน้ำข้างนอกเธอไม่ได้ใช้นานแล้วจึงทำให้ก๊อกน้ำเสีย
ทันทีที่หญิงสาวเปิดประตูห้องนอนให้ชายหนุ่มเข้ามา ธีรพัฒน์รู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างข้างนอกกับห้องนอนของเธอ แต่เขาไม่มีเวลาจะมาสังเกตอะไรมากนักสองเท้าแกร่งต้องรีบก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่หญิงสาวเปิดประตูรอไว้อย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่ชายหนุ่มล้างหน้าอยู่ในห้องน้ำ แพรวาเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่ขนาดพอเหมาะที่เธอยังไม่ได้ใช้นำมาให้ชายหนุ่ม พร้อมกับคว้ารีโมทมากดเปิดแอร์เพื่อให้อากาศภายในห้องเย็นขึ้น เผื่อว่าจะช่วยบรรเทาอาการป่วยของเขาได้บ้าง
“ผ้าเช็ดหน้าค่ะ” แพรวายื่นผ้าให้กับชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำ
“อือ ขอบใจ” ธีรพัฒน์รับผ้ามาเช็ดหน้า พร้อมทั้งสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ ห้องของหญิงสาวอย่างนึกชื่นชมที่เธอจัดห้องได้เป็นระเบียบน่าอยู่มาก
มีโต๊ะเล็กๆ ตรงมุมติดกับชั้นวางหนังสือที่มีหนังสือมากมายอัดแน่นอยู่เต็มทุกชั้น บ่งบอกได้ว่าเธอเป็นคนรักการอ่านและชอบหาความรู้ใส่ตัวอยู่ไม่น้อย ถัดไปเป็นชุดทีวีเครื่องเสียงขนาดปานกลางเหมาะกับห้องของเธอ อีกอย่างที่ทำให้เขาแปลกใจคือโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ ซึ่งน่าจะมีเครื่องสำอางของประทินผิวต่างๆ มากมายที่ผู้หญิงหากินกับเงินของผู้ชายอย่างเธอน่าจะต้องมีแต่กลับไม่มี ห้องเธอไม่มีของราคาแพงพวกนั้น มีเพียงแป้งเด็ก แป้งตลับ ครีมทาผิว และของเล็กๆ อีกสองสามชิ้นแค่นั้น ชายหนุ่มยืนมองด้วยความแปลกใจ
“คุณหาอะไรคะ” เจ้าของห้องถามอย่างนึกสงสัย
“เปล่า แค่แปลกใจทำไมห้องนี้ถึงแตกต่างจากห้องข้างนอกนัก”
ชายหนุ่มทำเป็นไม่สนใจ แต่สายตาจับจ้องไปที่เตียงนอนสีหวานของหญิงสาวอย่างไม่วางตา
“นั่นคุณจะทำอะไร” แพรวาหันมาแหวทันทีที่เห็นชายหนุ่มเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงของเธอ
“นอน...” เขาตอบเพียงสั้นๆ แล้วทำท่าหลับตาเหมือนกับว่ากำลังง่วงงุนซะเต็มประดา
“ไหนว่าแค่ล้างหน้าไงคะคุณธีร์” คนตัวเล็กทำเสียงฮึดฮัดเมื่อชายหนุ่มยังทำเป็นนอนนิ่งเหมือนเป็นห้องของตัวเอง
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ห้องเธอก็ดูน่าอยู่ดีแถมเย็นสบายอีกด้วย ขอฉันนอนสักงีบละกัน”
คนเอาแต่ใจยังคงหลับตานิ่งสูดเอาความหอมกรุ่นที่เขาจำได้ดีว่าเป็นกลิ่นหอมจากตัวของหญิงสาวที่ติดอยู่บนที่นอนเข้าไปเต็มปอดอย่างมีความสุข
“ไม่ได้นะคะคุณธีร์ คุณจะนอนที่นี่ได้ยังไง นี่มันห้องของแพรนะคะ”
“อย่าเรื่องมากได้ไหม ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ”
“แต่อยู่ที่นี่แพรไม่ใช่ลูกน้องของคุณ”
คำพูดของหญิงสาวทำให้คนอยากแกล้งดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วมองเธอด้วยแววตาเป็นประกายวิบวับ
“หรือเธอจะให้ฉันเป็นอย่างอื่นล่ะ ฉันก็ยินดีนะ ขอแค่อย่าผูกมัดก็พอ” ธีรพัฒน์ยียวน ใช้สายตาโลมเลียหญิงสาวตรงหน้าอย่างเปิดเผย
“หยาบคาย! คุณออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”
แพรวากัดปากแน่นด้วยความโมโห สองเท้าน้อยๆ เดินเข้าไปหมายจะกระชากชายหนุ่มให้ลงจากเตียงของเธอ
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ เธอสู้แรงฉันไม่ได้หรอก ทางที่ดีเธอไปเอาน้ำเย็นๆ มาให้ฉันกินสักแก้วดีกว่านะ เผื่อฉันจะใจดีรีบกลับออกไปเร็วๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา แพรวาก็รีบสาวเท้าออกไปจากห้องทันที เพื่อรินน้ำใส่แก้วมาให้คนเอาแต่ใจ หวังว่าเขาคงจะรีบกลับไปอย่างที่บอกไว้ แต่เธอคิดผิดถนัด
“ดื่มน้ำแล้วก็เชิญคุณกลับไปได้แล้วค่ะ” แพรวาทวงคำของชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าเขาดื่มน้ำที่เธอนำมาให้เรียบร้อยแล้ว
“ฉันปวดหัวขับรถตอนนี้ไม่ไหวหรอก” คนตัวใหญ่บนเตียงทำท่าอิดออด
“งั้นแพรจะโทรให้คุณกรมารับดีไหมคะ” หญิงสาวขู่เสียงเขียว
“ถ้าเธอโทร ฉันจะปล้ำเธอเดี๋ยวนี้แหละ ให้นายกรมันรู้ไปเลยว่าคนอย่างเธอมันหลอกลวงเจ้ามารยาขนาดไหน”
ธีรพัฒน์ยิ้มมุมปาก ก้าวเท้าลงจากเตียงแล้วแกล้งดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด
“ปล่อยฉันนะคุณธีร์” แพรวาพยายามดิ้นรนขัดขืนเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขา
“แทนตัวเองกับฉันดีๆ แพรวา ฉันไม่ชอบ” ชายหนุ่มกระแทกเสียงฮึดฮัดไม่พอใจกับสรรพนามที่หญิงสาวใช้แทนตัวเองกับเขา
“ไม่!”
ธีรพัฒน์ไม่ปล่อยแต่กลับลากตัวหญิงสาวมานั่งลงบนเตียง ทำให้คนตัวเล็กต้องมาอยู่บนตักของเขาพร้อมถูกวงแขนแข็งแรงโอบรัดรอบเอวเล็กๆ ของเธอไว้อย่างแน่นหนา แพรวาพยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมกอดของเขาท่ามกลางเสียงหัวเราะในลำคอด้วยความชอบใจของชายหนุ่ม
“เธอกำลังทำให้ฉันเกิดอารมณ์นะแพรวา”
ธีรพัฒน์ก้มลงกระซิบที่ข้างหูเล็กๆ ของหญิงสาว ส่งผลให้คนที่กำลังดิ้นขลุกขลักอยู่บนตักแกร่งหยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อนทันที มือหนาข้างหนึ่งของชายหนุ่มโอบรอบเอวของเธอไว้ ส่วนอีกมือยกขึ้นมาลูบไล้แก้มเนียนใสที่ตอนนี้แดงระเรื่อขึ้นมาอย่างน่าหลงใหล
“คุณธีร์หยุดแกล้งแพรแบบนี้สักทีเถอะค่ะ เราไม่ได้สนิทสนมกันถึงขั้นที่คุณจะมาทำอะไรตามใจชอบแบบนี้ได้นะคะ”
คนตัวเล็กพูดออกไปน้ำเสียงติดจะสั่นนิดๆ รู้สึกขนลุกกับสัมผัสของชายหนุ่ม ใบหน้าสวยหวานพยายามหลบหลีกมือหนาที่กำลังลูบไล้แก้มนุ่มนิ่มของเธออยู่
“ทำไมล่ะ... ไม่ชอบเหรอ จริงๆ แล้วฉันก็เป็นเหยื่อคนหนึ่งที่เธอหมายตาไม่ใช่หรือไง”
“เหยื่ออะไรของคุณ แพรไม่เข้าใจ” แพรวาแหงนหน้ามองชายหนุ่มด้วยความงุนงง
“ก็ผู้ชายที่สมบูรณ์เพอร์เฟกต์ไง เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าเธอจ้องจะจับแต่ผู้ชายรวยๆ เพื่อไว้มาปรนเปรอให้เธอสุขสบายอย่างนี้ไงล่ะ”
คนเอาแต่ใจกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าคนตัวเล็กเริ่มดิ้นเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา
“คุณจะดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะคะคุณธีร์ ฉันไม่เคยคิดจะจับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะกับคุณ ฉันไม่เคยคิด!”
แพรวากระแทกเสียงใส่คนใจร้ายที่ย่ำยีศักดิ์ศรีของเธอด้วยคำดูถูกเหยียดหยาม
“ทำไมล่ะ หรือว่าฉันมันไม่เร้าใจพอ”
ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะโต้ตอบอะไรออกมาก็ต้องตกใจเมื่อคนที่เธอนั่งอยู่บนตักขยับตัวโดยอุ้มเธอมาวางบนเตียง แล้วร่างหนาของเขาก็พลิกขึ้นมาทาบทับอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งรวบมือบางเอาไว้เหนือศีรษะโดยที่หญิงสาวใต้ร่างยังไม่ทันตั้งตัว ร่างเล็กบอบบางหลับตาแน่นนอนตัวแข็งออกอาการสั่นน้อยๆ ด้วยความกลัว จนทำให้คนตัวใหญ่หัวเราะเยาะออกมาอย่างพอใจ
“บรรยากาศเย็นๆ แบบนี้ ฉันว่าเราน่าจะหาอะไรทำที่มันสนุกๆ กันดีกว่านะ... ว่าไหม”
ธีรพัฒน์ก้มลงกระซิบเบาๆ ที่หูของหญิงสาว พร้อมกับพ่นลมหายใจร้อนๆ ใส่ลงไปให้คนตัวเล็กได้วาบหวามเล่น คนเสียเปรียบเม้มปากแน่นพยายามสะบัดหน้าหนีหลบเลี่ยงสัมผัสที่ชวนขนลุกของเขาอย่างนึกกลัว หัวใจดวงน้อยสั่นไหวเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะ
“อย่านะคะคุณธีร์ ปล่อยแพรเดี๋ยวนี้นะคะ” คนตัวเล็กบอกเสียงสั่น นึกหวาดกลัวชายหนุ่มตรงหน้าขึ้นมาจับใจ
คนตัวใหญ่ไม่ฟังเสียงคัดค้านใดๆ อีก ใบหน้าคมหล่อเหลาก้มลงหอมแก้มนวลนุ่มนิ่มของหญิงสาวอย่างมันเขี้ยว เขาคิดถึงความหอมกรุ่นของคนใต้ร่างใจจะขาด ตลอดเวลาที่เธอทำเป็นไม่สนใจเขาแต่เขากลับยิ่งต้องการเธอ เธอจะรู้บ้างไหมว่าทำให้เขาแทบคลั่งทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดเธอ
“คุณธีร์!” แพรวาตกใจกับสัมผัสลมหายใจของชายหนุ่มที่แก้มนวล
“ฉันอยากจะรู้ว่าเธอมีอะไรดี ทำไมผู้ชายถึงได้ติดใจกันนัก นายกรก็เทียวไปเทียวมาไม่ห่าง ส่วนไอ้ตี๋แว่นนั่นก็ยังดอมดมฉุดรั้งไม่ยอมไปไหน ฉันชักอยากพิสูจน์แล้วสิ” ว่าจบก็ก้มลงส่งริมฝีปากหนาเข้ามาชิดลำคอขาวเนียนของคนใต้ร่างทันที
ดวงตาหวานเกร็งหลับสนิทเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่ซอกคอ จมูกโด่งได้รูปของชายหนุ่มเลื่อนไปตามแก้มนวลเนียน ใบหูเล็ก และซอกคอหอมกรุ่นที่เขาเฝ้าคิดถึงโหยหามาตลอด แล้วซุกไซ้เรื่อยมาจนถึงเนินอกอวบอิ่มที่เขารู้สึกว่ามันเบ่งบานคับแน่นอยู่ในเสื้อของเธอ ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาหาเรียวปากบางอวบอิ่มเพื่อลิ้มรสความหอมหวานที่เขาเคยหลงใหล หญิงสาวรีบเบือนหน้าหนีทันควันเพื่อหลบสัมผัสของเขา เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของคนใจร้ายที่ตอกย้ำความอับอายให้หญิงสาวเป็นที่สุด ร่างหนาลุกขึ้นแล้วลงไปยืนมองคนตัวเล็กที่ยังสับสนหวาดกลัวจนตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกอยู่บนเตียง
เมื่อตั้งสติได้คนตัวเล็กรีบดีดตัวลงจากเตียงแล้วไปยืนฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม สองมือน้อยสั่นเทารวบกำสาบเสื้อแนบอกไว้แน่น จ้องหน้าชายหนุ่มที่ย่ำยีเธออย่างแค้นเคือง น้ำตาเอ่อล้นคลอเต็มหน่วงอย่างยากจะสกัดกั้น
“จากการประเมินความเจ้ามารยาของเธอ ฉันให้เต็มร้อยเลยแพรวา เธอทำตัวไร้เดียงสากับเรื่องบนเตียงได้แนบเนียนมาก”
ธีรพัฒน์เอ่ยเสียงเย้ยหยัน ดวงตาคมหลี่มองหญิงสาวอย่างประเมินค่า
แพรวาเงยหน้ามองคนใจร้ายปล่อยให้หยดน้ำใสๆ ที่กลั้นไว้ไม่อยู่ไหลลงอาบสองแก้มนวล หัวใจเจ็บปวดรวดร้าวเจียนจะขาดไม่เคยมีใครทำร้ายจิตใจเธอได้มากมายขนาดนี้
คนใจร้ายยังคงเงียบและไม่ได้หันมาสบตาเธอ เขาจึงไม่รู้ว่าในแววตาที่แสนเจ็บปวดคู่นั้นแฝงไปด้วยความน้อยใจอย่างล้นเหลือ ก่อนที่สองเท้าแกร่งจะก้าวไปที่ประตูแล้วเปิดออกไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
คนตัวเล็กแข้งขาอ่อนแรงทรุดตัวลงกับพื้นทันทีที่คนใจร้ายก้าวพ้นจากห้องของเธอไป หญิงสาวปล่อยเสียงร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส ทำไมเขาถึงใจร้ายกับเธอได้ถึงเพียงนี้ เธอไปทำอะไรให้เขาโกรธเคืองนักหนาแล้วแบบนี้เธอจะทนทำงานกับเขาต่อไปได้อย่างไรกัน
ธีรพัฒน์มาทำงานแต่เช้าเหมือนเช่นทุกวัน มือหนาผลักประตูเข้ามาในห้องทำงานใหญ่เหมือนเป็นเรื่องปกติที่เขาทำอยู่ทุกวัน แต่วันนี้เขากลับรู้สึกว่าหัวใจดวงแกร่งกำลังหนักอึ้ง ร่างกายอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงไม่เหมือนเคย
เมื่อคืนเขานอนไม่หลับทั้งคืนเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องของหญิงสาวที่เขาดูถูกว่าร้ายเธอต่างๆ นาๆ ไปเมื่อวาน ‘เธอไร้เดียงสาจริง หรือว่าหลอกลวงใช้มารยาให้เขาหลงเชื่อว่าเธอไม่เคยกับเรื่องแบบนี้จริงๆ กันแน่ ยัยแม่มด’ ทำไมเขาถึงรู้สึกผิดแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ ดวงตาคมปิดสนิทคิดด้วยความเหนื่อยล้าแล้วผล็อยหลับไปบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ที่แสนนุ่มสบายในห้องทำงานของเขา
แพรวามาทำงานด้วยเวลาปกติของเธอ แต่เธอเลือกที่จะนั่งคุยและดื่มกาแฟอยู่กับเพื่อนสาวหน้าห้องทำงานของเจ้านายก่อน เมื่อถึงเวลางานเธอถึงจะเข้าไป เหตุผลก็เพราะเธอไม่อยากจะพบเจอคนปากจัดจิตใจโหดร้ายให้นานไปกว่าเวลาทำงานของเธอ
“คุยอะไรกันอยู่ครับสาวๆ” ทินกรทักทายเมื่อเห็นแพรวากับริสานั่งคุยกันเสียงเจื้อยแจ้วอยู่หน้าห้องท่านประธาน
“อ้าวคุณกร สวัสดีค่ะ” แพรวาส่งยิ้มให้ชายหนุ่มเหมือนเคย
“กำลังนินทาผู้ชายแถวนี้อยู่เลยค่ะ” ริสาหันมาพูดหยอกล้อกับทินกรผู้ที่เป็นเหมือนเจ้านายของเธออีกคน
“หวังว่าผมคงไม่ใช่คนนั้นนะครับ” ทินกรหัวเราะใส่ ทำให้ทุกคนพากันหัวเราะไปด้วย
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เราคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปน่ะค่ะ ว่าแต่คุณกรมีอะไรหรือเปล่าคะทำไมถึงมาที่นี่แต่เช้าเชียว”
“อ่อ นี่นายธีร์มาหรือยังครับคุณแพร”
“น่าจะมาแล้วนะคะ ปกติเขามาแต่เช้าทุกวัน แต่วันนี้แพรยังไม่ได้เข้าไป... คุณกรมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมมีเอกสารจะให้นายธีร์เซ็นอนุมัติน่ะ เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอก ยังไงฝากคุณแพรด้วยนะครับ” ทินกรบอกพร้อมกับยื่นเอกสารในมือให้กับหญิงสาว
“ค่ะ ได้ค่ะ แล้วคุณกรจะมารับเมื่อไรคะ แพรจะได้จัดให้คุณธีร์เขาเซ็นก่อน”
“ก่อนเที่ยงครับคุณแพร เดี๋ยวผมเข้ามารับ เพราะเอกสารจะต้องใช้ตอนบ่ายวันนี้”
“ค่ะ เดี๋ยวแพรจัดการให้” แพรวารับปากพร้อมส่งยิ้มให้เพื่อนชายคนสนิท
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องออกไปข้างนอกด้วย แล้วเจอกันนะครับสาวๆ”
คนอารมณ์ดีโบกมือให้ แล้วก้าวเท้าออกไปด้วยความรวดเร็ว เพราะยังมีงานที่คลั่งค้างอีกมากมายที่ต้องสะสาง
แพรวาเคาะประตูห้องสองสามทีก่อนจะเปิดเข้าไปในห้องทำงานใหญ่ ซึ่งเธอรู้ดีอยู่แล้วว่าเจ้านายปากจัดของเธอต้องนั่งอยู่ในห้องนี้อย่างแน่นอน เพราะเขามาทำงานแต่เช้าทุกวัน และก็ไม่ผิดหวังเมื่อเธอก้าวพ้นบานประตูเข้ามาเพียงนิดเดียวหางตาก็เหลือบไปเห็นว่าเขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวใหญ่แล้ว
อาการไม่ไหวติงหรือส่งเสียงกระแทกกระทั้นประชดประชันเหมือนอย่างเคยหายเงียบไป ทำให้คนเป็นเลขาสงสัยจึงต้องหันไปมอง ก็พบว่าเจ้านายของเธอกำลังหลับอยู่
หญิงสาวเลือกที่จะหลบเลี่ยงการเผชิญหน้าหรือมองเขาตรงๆ เนื่องจากยังโกรธเคืองกับเรื่องเมื่อวานที่เขาทำตัวก้าวร้าวร้ายกาจกับเธอ แต่เพราะมีเอกสารด่วนของทินกรที่เขาต้องเซ็น ทำให้เธอเลือกไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยง
สองเท้าน้อยๆ ก้าวไปหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานของเจ้านายอย่างเงียบๆ ยืนอยู่เป็นนานก็ไม่มีทีท่าว่าชายหนุ่มจะลืมตาขึ้นมาสักที หญิงสาวจึงตัดสินใจส่งเสียงเรียก
“คุณธีร์คะ... คุณธีร์” คนแกล้งหลับยังคงนิ่งไม่ไหวติง จริงๆ เขารู้สึกตัวตั้งแต่หญิงสาวเคาะประตูแล้ว แต่ยังอยากจะแกล้งคนตัวเล็กอีกสักหน่อย เลยทำเป็นเหมือนหลับอยู่
เมื่อเสียงเรียกของเธอทำให้ชายหนุ่มไม่รู้สึกตัว คนตัวเล็กจึงต้องเข้าไปใกล้และเอื้อมมือหมายจะสัมผัสที่ลำแขนแกร่งเพื่อปลุกให้เขารู้สึกตัว แต่ทันใดนั้นมือหนาก็คว้าหมับที่ข้อมือบางของเธอแล้วกระตุกเพียงเบาๆ ร่างแน่งน้อยก็ลอยหวือมาอยู่บนตักของเขาอย่างรวดเร็ว
“คุณธีร์แกล้งหลับอีกแล้วนะคะ... ปล่อยค่ะ!”
แพรวาต่อว่าชายหนุ่มเสียงแข็งอย่างนึกโมโห กี่ครั้งแล้วที่เขาแกล้งหลับใส่เธอ ร่างเล็กพยายามดีดดิ้นเพื่อให้หลุดจากวงแขนแกร่งที่โอบกอดเอวเล็กๆ ของเธอไว้แน่น
“ไม่ปล่อย” คนตัวใหญ่กลับกอดรัดร่างบางของหญิงสาวให้แน่นขึ้นอีก
“คุณต้องการอะไรกันแน่ คุณทำแบบนี้ทำไมคะคุณธีร์ หรือคุณต้องการจะบีบให้แพรลาออก”
แพรวาพูดออกมาอย่างเหลืออด เธอรู้สึกไม่พอใจในพฤติกรรมของคนเป็นเจ้านายอย่างมากจนบังเกิดเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจที่ผุดขึ้นมาจุกอกจนแน่นไปหมด ในเมื่อเขาเกลียดชังเธอขนาดนี้และคิดจะให้เธอออกไปจากชีวิตของเขา ก็น่าจะไล่เธอออกไปซะให้รู้แล้วรู้รอดไป เขาจะมากลั่นแกล้งกดดันเธอเพื่ออะไร
“ทำไม! ไอ้ผู้ชายคนไหนมันรับเลี้ยงเธอแล้วล่ะ เธอถึงคิดจะลาออกไปน่ะ”
คนขี้โมโหกลับตีความหมายของหญิงสาวไปอีกทาง คำว่าลาออกจากปากของเธอทำให้หัวใจดวงแกร่งของเขากระตุกวูบปวดหนึบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
น้ำใสๆ จากดวงตาสวยไหลอาบแก้มนวลทั้งสองข้าง แล้วหยดลงที่ลำแขนแกร่งของชายหนุ่มทันทีที่เขากล่าวประโยคเชือดเฉือนน้ำใจของเธอจบ
ธีรพัฒน์คายอ้อมแขนออกจากคนตัวเล็กทันทีที่สัมผัสได้ถึงน้ำตาที่หยดลงบนแขนเสื้อของเขา เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระคนตัวเล็กก็ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งออกไปจากห้องทันทีด้วยความเสียใจที่ถูกเขากลั่นแกล้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ทำไมเขาต้องรู้สึกผิดทุกครั้งที่เห็นน้ำตาของเธอ กี่ครั้งแล้วที่เขาทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งต้องร้องไห้ต่อหน้าเขา สรุปแล้วเขาเป็นผู้ชายที่เลวหรือเพราะหญิงสาวไม่ยอมรับความจริงที่เขารู้ทันเธอกันแน่ ธีรพัฒน์คิดด้วยความสับสนว้าวุ่นใจ
เมื่อร้องไห้จนพอใจแล้ว หญิงสาวจึงออกมาจากห้องน้ำแล้วเดินกลับมาที่ห้องทำงานใหญ่เพื่อรับผิดชอบงานของตัวเองอีกครั้ง ด้วยภายในใจคิดถึงแต่ผู้มีพระคุณของเธอ หญิงสาวไม่อาจจะทำตามใจอย่างปากว่าได้ เธอจะลาออกไปได้ยังไงในเมื่อเธอทั้งรักและเคารพคุณหญิงเพ็ญพักตร์ปานดวงใจ และเธอก็ไม่อาจจะนำเรื่องราวความบาดหมางระหว่างเธอกับธีรพัฒน์ไปทำให้ท่านต้องไม่สบายใจไปด้วย ดังนั้นเธอจึงต้องเข้มแข็งและอดทนกับความร้ายกาจของเขาให้ได้
“แพร เป็นอะไรหรือเปล่า บอกริสาได้นะ” คนหน้าห้องเอ่ยถามด้วยความเห็นใจ
ช่วงหลังมานี้เธอเห็นแพรวาร้องไห้บ่อยๆ คงเพราะทะเลาะกับคนในห้อง ‘เฮ้อ แล้วต้องทนต่อไปหรือนี่ ยัยแพรเอ้ย... ฉันก็ไม่รู้จะช่วยเธอยังไงดี’ ริสาบ่นในใจอย่างนึกสงสารคนตรงหน้า
“ไม่เป็นไรหรอกริสา เดี๋ยวแพรขอตัวเข้าไปทำงานก่อนนะ”
แพรวาบอกหญิงสาวหน้าห้องเสียงเบา เธอรู้ดีว่าริสาเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่อยากให้ใครต้องมาคิดมากเพราะเรื่องของเธอ ดังนั้น เธอจะต้องเข้มแข็งและไม่อ่อนแอให้ใครเห็นอีก
“ไม่เป็นไรแน่นะ” ริสายังคงกังวล
“จ้ะ ไม่เป็นไร”
แพรวาฝืนยิ้มให้เพื่อนสาวก่อนจะเคาะประตูห้องทำงานใหญ่เบาๆ แล้วผลักเข้าไปอย่างเงียบๆ
“เมื่อกี้เธอมาเรียกฉันทำไม” คนเป็นเจ้านายถามเลขาเสียงเข้ม เมื่อเห็นเธอก้าวเข้ามาในห้องเรียบร้อยแล้ว
“มีเอกสารด่วนของคุณกรให้คุณธีร์เซ็นค่ะ” หญิงสาวตอบโดยพยายามไม่หันไปมองเขา
“เอามาสิ”
เมื่อได้ยินคำสั่งของเจ้านาย หญิงสาวจึงหันหลังไปหยิบเอกสารบนโต๊ะของเธอแล้วกำลังจะเอาไปให้ชายหนุ่มที่โต๊ะ แต่เดินได้เพียงสองก้าวเท่านั้น เท้าบอบบางต้องหยุดชะงักเมื่อคนเป็นเจ้านายเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างกระชั้นชิดโดยไม่ทันตั้งตัว
ดวงตาคมของชายหนุ่มจ้องมองแววตาหวานซึ้งที่บวมช้ำเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ก่อนที่ใบหน้าหวานของหญิงสาวจะก้มลงเพื่อหลบสายตาของเขา มือบางที่ถือเอกสารไว้มีอาการสั่นน้อยๆ ทำให้คนตัวใหญ่ยิ่งรู้สึกผิด ‘นี่เขาทำให้เธอกลัวขนาดนี้เลยหรือไงนะ’
ธีรพัฒน์ยกมือข้างหนึ่งจับที่ไหล่บอบบางของหญิงสาวไว้ ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นจับปลายคางมนของเธอให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา แพรวาทำตามเขาอย่างว่าง่ายเหมือนต้องมนต์สะกด มือหนาละจากปลายคางแล้วลูบไล้ที่พวงแก้มนุ่มนิ่มของหญิงสาวอย่างเผลอไผล ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปสัมผัสที่ขอบตาบวมช้ำของเธออย่างแผ่วเบาเหมือนต้องการจะบรรเทาความเจ็บปวดให้เธอ
หญิงสาวหลับตานิ่งเพื่อรอรับสัมผัสที่อ่อนโยนจากเขาที่เธอคิดว่าฝันไป ก่อนจะต้องสะดุ้งตกใจเมื่อรู้สึกได้ถึงไอความร้อนจากจุมพิตที่กดลงบนหน้าผากเนียนของเธอ
ชายหนุ่มปล่อยมือจากหญิงสาวแล้วหยิบเอกสารในมือของเธอ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองตามเดิม ทิ้งให้คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ยืนเคว้งอยู่กลางห้องด้วยความรู้สึกสับสน มึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เอกสารนี่เธอตรวจดูความเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” เสียงเข้มเอ่ยถาม ด้วยหมายตั้งใจจะปลุกคนตัวเล็กให้ตื่นจากความฝัน
“คะ... คุณธีร์ว่าอะไรนะคะ” คนเพิ่งได้สติหันมาถามด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่มั่นคงนัก
“ยืนเพ้ออะไรอยู่ห๊ะ! ฉันถามว่าเอกสารเนี่ยเธอตรวจดูความเรียบร้อยแล้วหรือยัง”
ธีรพัฒน์แกล้งดุเสียงเข้ม แต่ภายในใจกำลังขบขันกับอาการมึนงงของหญิงสาวตรงหน้าอยู่
“เอ่อ... ค่ะๆ เรียบร้อยแล้วค่ะ”
คนตัวเล็กละล่ำละลักบอก แล้วรีบเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองด้วยความเขินอาย ‘เมื่อสักครู่เธอฝันไปหรือว่าเจ้านายใจร้ายของเธอเพี้ยนกันแน่นะ’ แพรวาบ่นในใจอย่างสับสน
ไม่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงแค่ความฝันหรือเพราะเจ้านายของเธอต้องการจะกลั่นแกล้งเล่นกันแน่ แต่สัมผัสที่อ่อนโยนของเขากลับทำให้หัวใจดวงน้อยที่แห้งเหี่ยวไร้เรี่ยวแรงกลับชุ่มชื่นมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างน่าประหลาด แค่เขาทำดีด้วยหน่อยเดียวเธอก็ยอมให้อภัยเขาจนหมดสิ้นหรือไงนะแพรวา
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
^_^
หวั่นไหว
แพรวาเดินออกมายังลานจอดรถจึงพบว่ารถของธีรพัฒน์ยังจอดอยู่ที่เดิม นั่นแสดงว่าเมื่อกี้เขายังไม่ได้ไปไหนสินะ แล้วทำไมเขาไม่บอกเธอว่าจะมารอที่รถล่ะ เธอเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วจะได้รีบตามเขาออกมา นี่จู่ๆ ก็เดินหายไปเสียดื้อๆ แถมยังบอกกับคุณเจสันก่อนจะออกมาอีกว่ามีธุระต้องไปทำ แล้วทำไมเขายังอยู่ที่นี่ หญิงสาวคิดในใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งในรถด้วยอาการไม่พอใจ
“เอาโทรศัพท์ของเธอมานี่” ธีรพัฒน์พูดเสียงดังจนเกือบเป็นตะคอกใส่หญิงสาวที่เพิ่งก้าวเข้ามานั่งในรถ
“ทำไมคะ” แพรวาหันมามองหน้าชายหนุ่มอย่างมึนงงปนบึ้งตึง
“บอกให้เอามา ก็เอามาเถอะน่า... อย่าเรื่องมาก” คนเอาแต่ใจทำเสียงหงุดหงิดฮึดฮัดเมื่อถูกคนตัวเล็กทำท่าจะขัดใจ
“บ้าอำนาจ เผด็จการ เอาแต่ใจ ไร้เหตุผล...”
แพรวาด่าทอชายหนุ่มเสียงเบาขณะก้มหน้าค้นหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองในกระเป๋าสะพาย ก่อนจะหยิบขึ้นมาแล้วส่งให้กับคนเอาแต่ใจ
“ที่เธอด่าเนี่ย ฉันได้ยินนะ” คนถูกด่าส่งสายตาคาดโทษมาให้หญิงสาว
มือหนาคว้าโทรศัพท์เครื่องเล็กจากมือเธอมากดตัวเลขด้วยความรวดเร็ว แล้วกดโทรออกรอสักครู่จึงได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเขาดัง จากนั้นเขาก็กดตัดสาย แล้วส่งโทรศัพท์คืนให้หญิงสาวข้างกายจนแทบจะเป็นการโยนซะมากกว่า
“อะ เอาไป! และอย่าให้ฉันรู้นะ ว่าเธอลบเบอร์ฉันทิ้ง... ฉันฆ่าเธอแน่แพรวา” ธีรพัฒน์หันมาชี้นิ้วขู่หญิงสาวด้วยน้ำเสียงเข้มจัด
“แพรไม่จำเป็นต้องโทรหาคุณนี่คะ” แพรวาตอบกลับอย่างไม่พอใจ เธอเริ่มรู้สึกว่าคนเป็นเจ้านายก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของเธอมากเกินไปแล้ว
“ยังจะปากดีอีก หรือว่าที่เธอไม่ตามฉันออกมาเนี่ย เพราะนัดกับไอ้ตี๋แว่นนั่นเอาไว้แล้วใช่ไหม”
ชายหนุ่มประชดประชันต่อว่าคนตัวเล็กด้วยความโกรธเคือง
“แพรไม่ได้นัดใครทั้งนั้นแหละค่ะ พอเดินออกมาจากร้านกาแฟก็ไม่เจอคุณแล้ว แพรก็เลยจะหารถกลับเองแล้วบังเอิญเจอกับพี่วิทเขาก็เลยอาสาจะไปส่งก็แค่นั้น”
แพรวากลั้นใจอธิบายยืดยาวตามความเป็นจริงให้คนเป็นเจ้านายได้รับรู้ อย่างน้อยเขาจะได้ไม่เข้าใจเธอผิดว่านัดผู้ชายให้มารับ
“ไม่เจอแล้วทำไมไม่เดินมาที่รถล่ะแม่คุณ จะต้องให้ไปอุ้มมาหรือไงห๊ะ!”
“แพรคิดว่าคุณกลับไปแล้ว ก็คุณเป็นคนบอกกับคุณเจสันเองว่ามีธุระต้องไปทำไม่ใช่หรือคะ”
“ฉันไม่มีธุระที่ไหนทั้งนั้นแหละ”
คำพูดของธีรพัฒน์ทำให้แพรวาหันขวับมามองหน้าเขาทันทีอย่างไม่สบอารมณ์
“มองหน้าฉันทำไม” ชายหนุ่มหันมาแหวใส่คนตัวเล็กที่จ้องหน้าเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“แพรไม่คิดว่าคุณจะโกหก”
“นั่นมันเรื่องของฉัน” คนเอาแต่ใจบอกเสียงเข้ม
และนั่นก็เป็นการพูดคุยครั้งสุดท้ายก่อนที่ภายในรถจะมีแต่ความเงียบจนน่าอึดอัด หญิงสาวที่เอาแต่จ้องมองวิวทิวทัศน์ข้างนอกรถเหมือนกับว่าเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยพบเจอ ส่วนชายหนุ่มก็เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถด้วยความบึ้งตึง
“คุณจะไปไหนคะ” แพรวาหันมาแหวใส่ชายหนุ่มทันทีที่เห็นว่าเขาขับรถเลยบริษัทมา
“จะเลิกงานแล้ว ไม่ต้องเข้าบริษัทหรอก ฉันจะไปส่งเธอที่คอนโด”
ธีรพัฒน์ตอบเสียงเรียบ ได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะเบาๆ จากปากของหญิงสาวแต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ
ธีรพัฒน์พารถเข้ามาจอดยังประตูทางเข้าล็อบบี้ที่เขาเคยมาส่งหญิงสาว ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกปวดหัวตุ๊บขึ้นมาอย่างประหลาด ธีรพัฒน์พยายามสะบัดศีรษะเพื่อไล่ความปวดที่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ถึงมีอาการแบบนี้ขึ้นมาได้
เมื่อรถจอดสนิทแพรวากล่าวขอบคุณเสียงเบาแล้วหันไปเปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะก้าวเท้าลงไปมือหนาของธีรพัฒน์ก็คว้าหมับเข้าที่แขนของเธออย่างแรง แพรวาหันมามองชายหนุ่มด้วยความโมโหคิดว่าเขาจะกลั่นแกล้งอะไรเธออีก แต่ก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่ามีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากจมูกของเขา
“คุณธีร์! คุณเป็นอะไรคะ”
แพรวาหันมาเรียกชายหนุ่มด้วยความตกใจจนมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก หัวใจดวงน้อยชาหนึบขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักเจ็บปวด
เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายเพื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าของเธอออกมาแล้วส่งให้ชายหนุ่มซับเลือดทันที
“ฉันไม่รู้ จู่ๆ ก็ปวดหัวคงเป็นเพราะอากาศร้อนน่ะ”
ธีรพัฒน์เงยหน้าขึ้นมารับผ้าผืนน้อยจากมือหญิงสาวมาปิดไว้ที่จมูกเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลออกมามากเกินไป
“ไปโรงพยาบาลไหมคะคุณธีร์” แพรวาละล่ำละลักบอกอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันขอขึ้นไปล้างหน้าที่ห้องเธอหน่อยก็แล้วกัน สักพักคงดีขึ้น” คนป่วยบอกเสียงเรียบเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“เอ่อ... คือ...” แพรวาเกิดความลังเล เพราะไม่แน่ใจว่าจะให้ชายหนุ่มขึ้นไปบนห้องดีหรือเปล่า
“แค่ล้างหน้าจริงๆ ห้องเธอร้อนขนาดนั้นฉันอยู่นานไม่ได้หรอก”
ธีรพัฒน์ย้ำเพื่อให้หญิงสาวแน่ใจ เมื่อเห็นเธออ้ำอึ้งเหมือนไม่อยากให้เขาขึ้นไปบนห้องของเธอ
“ค่ะๆ งั้นคุณธีร์ขับรถไปจอดตรงนั้นก่อนดีกว่านะคะ” หญิงสาวชี้มือไปยังช่องว่างของลานจอดรถฝั่งตรงข้าม
เมื่อธีรพัฒน์จอดรถเรียบร้อยแล้ว แพรวาจึงรีบลงจากรถแล้วอ้อมไปเปิดประตูฝั่งที่ชายหนุ่มนั่ง
“คุณธีร์เดินไหวไหมคะ”คนตัวเล็กขยับทำท่าจะเข้าไปประคอง
“ไหว ฉันเดินเองได้ ตัวเธอเล็กกว่าขาฉันซะอีก ยังจะมาอวดเก่ง”
คนป่วยยังคงพ่นวาจาเหน็บแนมคนตัวเล็กที่ทำเหมือนจะเข้ามาประคองเพื่อไม่ให้เขาล้ม
แพรวาเหลือบมองชายหนุ่มทีนึงก่อนจะสะบัดตัวออกห่าง แล้วเดินจ้ำไปที่ลิฟต์ทันทีโดยไม่สนใจคนปากร้ายที่เดินตามมาอีก ‘ชิ เลือดไหลขนาดนี้ยังจะปากดีอีก ทำไมเลือดไม่ไหลที่ปากนะจะได้ไม่ต้องพูดมาก’ แพรวาบ่นในใจอย่างนึกโมโหที่คนตัวใหญ่เหน็บแนมเธอว่าตัวเล็กกว่าขาของเขา
เมื่อมาถึงห้องพักของหญิงสาว ธีรพัฒน์รีบตรงดิ่งเข้ามาในห้องแล้วเอ่ยถาม
“ห้องน้ำเธออยู่ไหน ขอผ้าเช็ดหน้าด้วย” ชายหนุ่มออกคำสั่งเหมือนกับว่าแพรวาเป็นคนรับใช้เสียอย่างนั้น
“เชิญทางนี้ค่ะคุณธีร์”
แพรวาจำเป็นต้องให้ชายหนุ่มใช้ห้องน้ำในห้องนอนของเธอ เพราะห้องน้ำข้างนอกเธอไม่ได้ใช้นานแล้วจึงทำให้ก๊อกน้ำเสีย
ทันทีที่หญิงสาวเปิดประตูห้องนอนให้ชายหนุ่มเข้ามา ธีรพัฒน์รู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างข้างนอกกับห้องนอนของเธอ แต่เขาไม่มีเวลาจะมาสังเกตอะไรมากนักสองเท้าแกร่งต้องรีบก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่หญิงสาวเปิดประตูรอไว้อย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่ชายหนุ่มล้างหน้าอยู่ในห้องน้ำ แพรวาเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่ขนาดพอเหมาะที่เธอยังไม่ได้ใช้นำมาให้ชายหนุ่ม พร้อมกับคว้ารีโมทมากดเปิดแอร์เพื่อให้อากาศภายในห้องเย็นขึ้น เผื่อว่าจะช่วยบรรเทาอาการป่วยของเขาได้บ้าง
“ผ้าเช็ดหน้าค่ะ” แพรวายื่นผ้าให้กับชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำ
“อือ ขอบใจ” ธีรพัฒน์รับผ้ามาเช็ดหน้า พร้อมทั้งสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ ห้องของหญิงสาวอย่างนึกชื่นชมที่เธอจัดห้องได้เป็นระเบียบน่าอยู่มาก
มีโต๊ะเล็กๆ ตรงมุมติดกับชั้นวางหนังสือที่มีหนังสือมากมายอัดแน่นอยู่เต็มทุกชั้น บ่งบอกได้ว่าเธอเป็นคนรักการอ่านและชอบหาความรู้ใส่ตัวอยู่ไม่น้อย ถัดไปเป็นชุดทีวีเครื่องเสียงขนาดปานกลางเหมาะกับห้องของเธอ อีกอย่างที่ทำให้เขาแปลกใจคือโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ ซึ่งน่าจะมีเครื่องสำอางของประทินผิวต่างๆ มากมายที่ผู้หญิงหากินกับเงินของผู้ชายอย่างเธอน่าจะต้องมีแต่กลับไม่มี ห้องเธอไม่มีของราคาแพงพวกนั้น มีเพียงแป้งเด็ก แป้งตลับ ครีมทาผิว และของเล็กๆ อีกสองสามชิ้นแค่นั้น ชายหนุ่มยืนมองด้วยความแปลกใจ
“คุณหาอะไรคะ” เจ้าของห้องถามอย่างนึกสงสัย
“เปล่า แค่แปลกใจทำไมห้องนี้ถึงแตกต่างจากห้องข้างนอกนัก”
ชายหนุ่มทำเป็นไม่สนใจ แต่สายตาจับจ้องไปที่เตียงนอนสีหวานของหญิงสาวอย่างไม่วางตา
“นั่นคุณจะทำอะไร” แพรวาหันมาแหวทันทีที่เห็นชายหนุ่มเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงของเธอ
“นอน...” เขาตอบเพียงสั้นๆ แล้วทำท่าหลับตาเหมือนกับว่ากำลังง่วงงุนซะเต็มประดา
“ไหนว่าแค่ล้างหน้าไงคะคุณธีร์” คนตัวเล็กทำเสียงฮึดฮัดเมื่อชายหนุ่มยังทำเป็นนอนนิ่งเหมือนเป็นห้องของตัวเอง
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ห้องเธอก็ดูน่าอยู่ดีแถมเย็นสบายอีกด้วย ขอฉันนอนสักงีบละกัน”
คนเอาแต่ใจยังคงหลับตานิ่งสูดเอาความหอมกรุ่นที่เขาจำได้ดีว่าเป็นกลิ่นหอมจากตัวของหญิงสาวที่ติดอยู่บนที่นอนเข้าไปเต็มปอดอย่างมีความสุข
“ไม่ได้นะคะคุณธีร์ คุณจะนอนที่นี่ได้ยังไง นี่มันห้องของแพรนะคะ”
“อย่าเรื่องมากได้ไหม ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ”
“แต่อยู่ที่นี่แพรไม่ใช่ลูกน้องของคุณ”
คำพูดของหญิงสาวทำให้คนอยากแกล้งดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วมองเธอด้วยแววตาเป็นประกายวิบวับ
“หรือเธอจะให้ฉันเป็นอย่างอื่นล่ะ ฉันก็ยินดีนะ ขอแค่อย่าผูกมัดก็พอ” ธีรพัฒน์ยียวน ใช้สายตาโลมเลียหญิงสาวตรงหน้าอย่างเปิดเผย
“หยาบคาย! คุณออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”
แพรวากัดปากแน่นด้วยความโมโห สองเท้าน้อยๆ เดินเข้าไปหมายจะกระชากชายหนุ่มให้ลงจากเตียงของเธอ
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ เธอสู้แรงฉันไม่ได้หรอก ทางที่ดีเธอไปเอาน้ำเย็นๆ มาให้ฉันกินสักแก้วดีกว่านะ เผื่อฉันจะใจดีรีบกลับออกไปเร็วๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา แพรวาก็รีบสาวเท้าออกไปจากห้องทันที เพื่อรินน้ำใส่แก้วมาให้คนเอาแต่ใจ หวังว่าเขาคงจะรีบกลับไปอย่างที่บอกไว้ แต่เธอคิดผิดถนัด
“ดื่มน้ำแล้วก็เชิญคุณกลับไปได้แล้วค่ะ” แพรวาทวงคำของชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าเขาดื่มน้ำที่เธอนำมาให้เรียบร้อยแล้ว
“ฉันปวดหัวขับรถตอนนี้ไม่ไหวหรอก” คนตัวใหญ่บนเตียงทำท่าอิดออด
“งั้นแพรจะโทรให้คุณกรมารับดีไหมคะ” หญิงสาวขู่เสียงเขียว
“ถ้าเธอโทร ฉันจะปล้ำเธอเดี๋ยวนี้แหละ ให้นายกรมันรู้ไปเลยว่าคนอย่างเธอมันหลอกลวงเจ้ามารยาขนาดไหน”
ธีรพัฒน์ยิ้มมุมปาก ก้าวเท้าลงจากเตียงแล้วแกล้งดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด
“ปล่อยฉันนะคุณธีร์” แพรวาพยายามดิ้นรนขัดขืนเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขา
“แทนตัวเองกับฉันดีๆ แพรวา ฉันไม่ชอบ” ชายหนุ่มกระแทกเสียงฮึดฮัดไม่พอใจกับสรรพนามที่หญิงสาวใช้แทนตัวเองกับเขา
“ไม่!”
ธีรพัฒน์ไม่ปล่อยแต่กลับลากตัวหญิงสาวมานั่งลงบนเตียง ทำให้คนตัวเล็กต้องมาอยู่บนตักของเขาพร้อมถูกวงแขนแข็งแรงโอบรัดรอบเอวเล็กๆ ของเธอไว้อย่างแน่นหนา แพรวาพยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมกอดของเขาท่ามกลางเสียงหัวเราะในลำคอด้วยความชอบใจของชายหนุ่ม
“เธอกำลังทำให้ฉันเกิดอารมณ์นะแพรวา”
ธีรพัฒน์ก้มลงกระซิบที่ข้างหูเล็กๆ ของหญิงสาว ส่งผลให้คนที่กำลังดิ้นขลุกขลักอยู่บนตักแกร่งหยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อนทันที มือหนาข้างหนึ่งของชายหนุ่มโอบรอบเอวของเธอไว้ ส่วนอีกมือยกขึ้นมาลูบไล้แก้มเนียนใสที่ตอนนี้แดงระเรื่อขึ้นมาอย่างน่าหลงใหล
“คุณธีร์หยุดแกล้งแพรแบบนี้สักทีเถอะค่ะ เราไม่ได้สนิทสนมกันถึงขั้นที่คุณจะมาทำอะไรตามใจชอบแบบนี้ได้นะคะ”
คนตัวเล็กพูดออกไปน้ำเสียงติดจะสั่นนิดๆ รู้สึกขนลุกกับสัมผัสของชายหนุ่ม ใบหน้าสวยหวานพยายามหลบหลีกมือหนาที่กำลังลูบไล้แก้มนุ่มนิ่มของเธออยู่
“ทำไมล่ะ... ไม่ชอบเหรอ จริงๆ แล้วฉันก็เป็นเหยื่อคนหนึ่งที่เธอหมายตาไม่ใช่หรือไง”
“เหยื่ออะไรของคุณ แพรไม่เข้าใจ” แพรวาแหงนหน้ามองชายหนุ่มด้วยความงุนงง
“ก็ผู้ชายที่สมบูรณ์เพอร์เฟกต์ไง เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าเธอจ้องจะจับแต่ผู้ชายรวยๆ เพื่อไว้มาปรนเปรอให้เธอสุขสบายอย่างนี้ไงล่ะ”
คนเอาแต่ใจกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าคนตัวเล็กเริ่มดิ้นเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา
“คุณจะดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะคะคุณธีร์ ฉันไม่เคยคิดจะจับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะกับคุณ ฉันไม่เคยคิด!”
แพรวากระแทกเสียงใส่คนใจร้ายที่ย่ำยีศักดิ์ศรีของเธอด้วยคำดูถูกเหยียดหยาม
“ทำไมล่ะ หรือว่าฉันมันไม่เร้าใจพอ”
ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะโต้ตอบอะไรออกมาก็ต้องตกใจเมื่อคนที่เธอนั่งอยู่บนตักขยับตัวโดยอุ้มเธอมาวางบนเตียง แล้วร่างหนาของเขาก็พลิกขึ้นมาทาบทับอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งรวบมือบางเอาไว้เหนือศีรษะโดยที่หญิงสาวใต้ร่างยังไม่ทันตั้งตัว ร่างเล็กบอบบางหลับตาแน่นนอนตัวแข็งออกอาการสั่นน้อยๆ ด้วยความกลัว จนทำให้คนตัวใหญ่หัวเราะเยาะออกมาอย่างพอใจ
“บรรยากาศเย็นๆ แบบนี้ ฉันว่าเราน่าจะหาอะไรทำที่มันสนุกๆ กันดีกว่านะ... ว่าไหม”
ธีรพัฒน์ก้มลงกระซิบเบาๆ ที่หูของหญิงสาว พร้อมกับพ่นลมหายใจร้อนๆ ใส่ลงไปให้คนตัวเล็กได้วาบหวามเล่น คนเสียเปรียบเม้มปากแน่นพยายามสะบัดหน้าหนีหลบเลี่ยงสัมผัสที่ชวนขนลุกของเขาอย่างนึกกลัว หัวใจดวงน้อยสั่นไหวเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะ
“อย่านะคะคุณธีร์ ปล่อยแพรเดี๋ยวนี้นะคะ” คนตัวเล็กบอกเสียงสั่น นึกหวาดกลัวชายหนุ่มตรงหน้าขึ้นมาจับใจ
คนตัวใหญ่ไม่ฟังเสียงคัดค้านใดๆ อีก ใบหน้าคมหล่อเหลาก้มลงหอมแก้มนวลนุ่มนิ่มของหญิงสาวอย่างมันเขี้ยว เขาคิดถึงความหอมกรุ่นของคนใต้ร่างใจจะขาด ตลอดเวลาที่เธอทำเป็นไม่สนใจเขาแต่เขากลับยิ่งต้องการเธอ เธอจะรู้บ้างไหมว่าทำให้เขาแทบคลั่งทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดเธอ
“คุณธีร์!” แพรวาตกใจกับสัมผัสลมหายใจของชายหนุ่มที่แก้มนวล
“ฉันอยากจะรู้ว่าเธอมีอะไรดี ทำไมผู้ชายถึงได้ติดใจกันนัก นายกรก็เทียวไปเทียวมาไม่ห่าง ส่วนไอ้ตี๋แว่นนั่นก็ยังดอมดมฉุดรั้งไม่ยอมไปไหน ฉันชักอยากพิสูจน์แล้วสิ” ว่าจบก็ก้มลงส่งริมฝีปากหนาเข้ามาชิดลำคอขาวเนียนของคนใต้ร่างทันที
ดวงตาหวานเกร็งหลับสนิทเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่ซอกคอ จมูกโด่งได้รูปของชายหนุ่มเลื่อนไปตามแก้มนวลเนียน ใบหูเล็ก และซอกคอหอมกรุ่นที่เขาเฝ้าคิดถึงโหยหามาตลอด แล้วซุกไซ้เรื่อยมาจนถึงเนินอกอวบอิ่มที่เขารู้สึกว่ามันเบ่งบานคับแน่นอยู่ในเสื้อของเธอ ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาหาเรียวปากบางอวบอิ่มเพื่อลิ้มรสความหอมหวานที่เขาเคยหลงใหล หญิงสาวรีบเบือนหน้าหนีทันควันเพื่อหลบสัมผัสของเขา เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของคนใจร้ายที่ตอกย้ำความอับอายให้หญิงสาวเป็นที่สุด ร่างหนาลุกขึ้นแล้วลงไปยืนมองคนตัวเล็กที่ยังสับสนหวาดกลัวจนตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกอยู่บนเตียง
เมื่อตั้งสติได้คนตัวเล็กรีบดีดตัวลงจากเตียงแล้วไปยืนฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม สองมือน้อยสั่นเทารวบกำสาบเสื้อแนบอกไว้แน่น จ้องหน้าชายหนุ่มที่ย่ำยีเธออย่างแค้นเคือง น้ำตาเอ่อล้นคลอเต็มหน่วงอย่างยากจะสกัดกั้น
“จากการประเมินความเจ้ามารยาของเธอ ฉันให้เต็มร้อยเลยแพรวา เธอทำตัวไร้เดียงสากับเรื่องบนเตียงได้แนบเนียนมาก”
ธีรพัฒน์เอ่ยเสียงเย้ยหยัน ดวงตาคมหลี่มองหญิงสาวอย่างประเมินค่า
แพรวาเงยหน้ามองคนใจร้ายปล่อยให้หยดน้ำใสๆ ที่กลั้นไว้ไม่อยู่ไหลลงอาบสองแก้มนวล หัวใจเจ็บปวดรวดร้าวเจียนจะขาดไม่เคยมีใครทำร้ายจิตใจเธอได้มากมายขนาดนี้
คนใจร้ายยังคงเงียบและไม่ได้หันมาสบตาเธอ เขาจึงไม่รู้ว่าในแววตาที่แสนเจ็บปวดคู่นั้นแฝงไปด้วยความน้อยใจอย่างล้นเหลือ ก่อนที่สองเท้าแกร่งจะก้าวไปที่ประตูแล้วเปิดออกไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
คนตัวเล็กแข้งขาอ่อนแรงทรุดตัวลงกับพื้นทันทีที่คนใจร้ายก้าวพ้นจากห้องของเธอไป หญิงสาวปล่อยเสียงร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส ทำไมเขาถึงใจร้ายกับเธอได้ถึงเพียงนี้ เธอไปทำอะไรให้เขาโกรธเคืองนักหนาแล้วแบบนี้เธอจะทนทำงานกับเขาต่อไปได้อย่างไรกัน
ธีรพัฒน์มาทำงานแต่เช้าเหมือนเช่นทุกวัน มือหนาผลักประตูเข้ามาในห้องทำงานใหญ่เหมือนเป็นเรื่องปกติที่เขาทำอยู่ทุกวัน แต่วันนี้เขากลับรู้สึกว่าหัวใจดวงแกร่งกำลังหนักอึ้ง ร่างกายอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงไม่เหมือนเคย
เมื่อคืนเขานอนไม่หลับทั้งคืนเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องของหญิงสาวที่เขาดูถูกว่าร้ายเธอต่างๆ นาๆ ไปเมื่อวาน ‘เธอไร้เดียงสาจริง หรือว่าหลอกลวงใช้มารยาให้เขาหลงเชื่อว่าเธอไม่เคยกับเรื่องแบบนี้จริงๆ กันแน่ ยัยแม่มด’ ทำไมเขาถึงรู้สึกผิดแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ ดวงตาคมปิดสนิทคิดด้วยความเหนื่อยล้าแล้วผล็อยหลับไปบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ที่แสนนุ่มสบายในห้องทำงานของเขา
แพรวามาทำงานด้วยเวลาปกติของเธอ แต่เธอเลือกที่จะนั่งคุยและดื่มกาแฟอยู่กับเพื่อนสาวหน้าห้องทำงานของเจ้านายก่อน เมื่อถึงเวลางานเธอถึงจะเข้าไป เหตุผลก็เพราะเธอไม่อยากจะพบเจอคนปากจัดจิตใจโหดร้ายให้นานไปกว่าเวลาทำงานของเธอ
“คุยอะไรกันอยู่ครับสาวๆ” ทินกรทักทายเมื่อเห็นแพรวากับริสานั่งคุยกันเสียงเจื้อยแจ้วอยู่หน้าห้องท่านประธาน
“อ้าวคุณกร สวัสดีค่ะ” แพรวาส่งยิ้มให้ชายหนุ่มเหมือนเคย
“กำลังนินทาผู้ชายแถวนี้อยู่เลยค่ะ” ริสาหันมาพูดหยอกล้อกับทินกรผู้ที่เป็นเหมือนเจ้านายของเธออีกคน
“หวังว่าผมคงไม่ใช่คนนั้นนะครับ” ทินกรหัวเราะใส่ ทำให้ทุกคนพากันหัวเราะไปด้วย
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เราคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปน่ะค่ะ ว่าแต่คุณกรมีอะไรหรือเปล่าคะทำไมถึงมาที่นี่แต่เช้าเชียว”
“อ่อ นี่นายธีร์มาหรือยังครับคุณแพร”
“น่าจะมาแล้วนะคะ ปกติเขามาแต่เช้าทุกวัน แต่วันนี้แพรยังไม่ได้เข้าไป... คุณกรมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมมีเอกสารจะให้นายธีร์เซ็นอนุมัติน่ะ เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอก ยังไงฝากคุณแพรด้วยนะครับ” ทินกรบอกพร้อมกับยื่นเอกสารในมือให้กับหญิงสาว
“ค่ะ ได้ค่ะ แล้วคุณกรจะมารับเมื่อไรคะ แพรจะได้จัดให้คุณธีร์เขาเซ็นก่อน”
“ก่อนเที่ยงครับคุณแพร เดี๋ยวผมเข้ามารับ เพราะเอกสารจะต้องใช้ตอนบ่ายวันนี้”
“ค่ะ เดี๋ยวแพรจัดการให้” แพรวารับปากพร้อมส่งยิ้มให้เพื่อนชายคนสนิท
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องออกไปข้างนอกด้วย แล้วเจอกันนะครับสาวๆ”
คนอารมณ์ดีโบกมือให้ แล้วก้าวเท้าออกไปด้วยความรวดเร็ว เพราะยังมีงานที่คลั่งค้างอีกมากมายที่ต้องสะสาง
แพรวาเคาะประตูห้องสองสามทีก่อนจะเปิดเข้าไปในห้องทำงานใหญ่ ซึ่งเธอรู้ดีอยู่แล้วว่าเจ้านายปากจัดของเธอต้องนั่งอยู่ในห้องนี้อย่างแน่นอน เพราะเขามาทำงานแต่เช้าทุกวัน และก็ไม่ผิดหวังเมื่อเธอก้าวพ้นบานประตูเข้ามาเพียงนิดเดียวหางตาก็เหลือบไปเห็นว่าเขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวใหญ่แล้ว
อาการไม่ไหวติงหรือส่งเสียงกระแทกกระทั้นประชดประชันเหมือนอย่างเคยหายเงียบไป ทำให้คนเป็นเลขาสงสัยจึงต้องหันไปมอง ก็พบว่าเจ้านายของเธอกำลังหลับอยู่
หญิงสาวเลือกที่จะหลบเลี่ยงการเผชิญหน้าหรือมองเขาตรงๆ เนื่องจากยังโกรธเคืองกับเรื่องเมื่อวานที่เขาทำตัวก้าวร้าวร้ายกาจกับเธอ แต่เพราะมีเอกสารด่วนของทินกรที่เขาต้องเซ็น ทำให้เธอเลือกไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยง
สองเท้าน้อยๆ ก้าวไปหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานของเจ้านายอย่างเงียบๆ ยืนอยู่เป็นนานก็ไม่มีทีท่าว่าชายหนุ่มจะลืมตาขึ้นมาสักที หญิงสาวจึงตัดสินใจส่งเสียงเรียก
“คุณธีร์คะ... คุณธีร์” คนแกล้งหลับยังคงนิ่งไม่ไหวติง จริงๆ เขารู้สึกตัวตั้งแต่หญิงสาวเคาะประตูแล้ว แต่ยังอยากจะแกล้งคนตัวเล็กอีกสักหน่อย เลยทำเป็นเหมือนหลับอยู่
เมื่อเสียงเรียกของเธอทำให้ชายหนุ่มไม่รู้สึกตัว คนตัวเล็กจึงต้องเข้าไปใกล้และเอื้อมมือหมายจะสัมผัสที่ลำแขนแกร่งเพื่อปลุกให้เขารู้สึกตัว แต่ทันใดนั้นมือหนาก็คว้าหมับที่ข้อมือบางของเธอแล้วกระตุกเพียงเบาๆ ร่างแน่งน้อยก็ลอยหวือมาอยู่บนตักของเขาอย่างรวดเร็ว
“คุณธีร์แกล้งหลับอีกแล้วนะคะ... ปล่อยค่ะ!”
แพรวาต่อว่าชายหนุ่มเสียงแข็งอย่างนึกโมโห กี่ครั้งแล้วที่เขาแกล้งหลับใส่เธอ ร่างเล็กพยายามดีดดิ้นเพื่อให้หลุดจากวงแขนแกร่งที่โอบกอดเอวเล็กๆ ของเธอไว้แน่น
“ไม่ปล่อย” คนตัวใหญ่กลับกอดรัดร่างบางของหญิงสาวให้แน่นขึ้นอีก
“คุณต้องการอะไรกันแน่ คุณทำแบบนี้ทำไมคะคุณธีร์ หรือคุณต้องการจะบีบให้แพรลาออก”
แพรวาพูดออกมาอย่างเหลืออด เธอรู้สึกไม่พอใจในพฤติกรรมของคนเป็นเจ้านายอย่างมากจนบังเกิดเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจที่ผุดขึ้นมาจุกอกจนแน่นไปหมด ในเมื่อเขาเกลียดชังเธอขนาดนี้และคิดจะให้เธอออกไปจากชีวิตของเขา ก็น่าจะไล่เธอออกไปซะให้รู้แล้วรู้รอดไป เขาจะมากลั่นแกล้งกดดันเธอเพื่ออะไร
“ทำไม! ไอ้ผู้ชายคนไหนมันรับเลี้ยงเธอแล้วล่ะ เธอถึงคิดจะลาออกไปน่ะ”
คนขี้โมโหกลับตีความหมายของหญิงสาวไปอีกทาง คำว่าลาออกจากปากของเธอทำให้หัวใจดวงแกร่งของเขากระตุกวูบปวดหนึบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
น้ำใสๆ จากดวงตาสวยไหลอาบแก้มนวลทั้งสองข้าง แล้วหยดลงที่ลำแขนแกร่งของชายหนุ่มทันทีที่เขากล่าวประโยคเชือดเฉือนน้ำใจของเธอจบ
ธีรพัฒน์คายอ้อมแขนออกจากคนตัวเล็กทันทีที่สัมผัสได้ถึงน้ำตาที่หยดลงบนแขนเสื้อของเขา เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระคนตัวเล็กก็ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งออกไปจากห้องทันทีด้วยความเสียใจที่ถูกเขากลั่นแกล้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ทำไมเขาต้องรู้สึกผิดทุกครั้งที่เห็นน้ำตาของเธอ กี่ครั้งแล้วที่เขาทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งต้องร้องไห้ต่อหน้าเขา สรุปแล้วเขาเป็นผู้ชายที่เลวหรือเพราะหญิงสาวไม่ยอมรับความจริงที่เขารู้ทันเธอกันแน่ ธีรพัฒน์คิดด้วยความสับสนว้าวุ่นใจ
เมื่อร้องไห้จนพอใจแล้ว หญิงสาวจึงออกมาจากห้องน้ำแล้วเดินกลับมาที่ห้องทำงานใหญ่เพื่อรับผิดชอบงานของตัวเองอีกครั้ง ด้วยภายในใจคิดถึงแต่ผู้มีพระคุณของเธอ หญิงสาวไม่อาจจะทำตามใจอย่างปากว่าได้ เธอจะลาออกไปได้ยังไงในเมื่อเธอทั้งรักและเคารพคุณหญิงเพ็ญพักตร์ปานดวงใจ และเธอก็ไม่อาจจะนำเรื่องราวความบาดหมางระหว่างเธอกับธีรพัฒน์ไปทำให้ท่านต้องไม่สบายใจไปด้วย ดังนั้นเธอจึงต้องเข้มแข็งและอดทนกับความร้ายกาจของเขาให้ได้
“แพร เป็นอะไรหรือเปล่า บอกริสาได้นะ” คนหน้าห้องเอ่ยถามด้วยความเห็นใจ
ช่วงหลังมานี้เธอเห็นแพรวาร้องไห้บ่อยๆ คงเพราะทะเลาะกับคนในห้อง ‘เฮ้อ แล้วต้องทนต่อไปหรือนี่ ยัยแพรเอ้ย... ฉันก็ไม่รู้จะช่วยเธอยังไงดี’ ริสาบ่นในใจอย่างนึกสงสารคนตรงหน้า
“ไม่เป็นไรหรอกริสา เดี๋ยวแพรขอตัวเข้าไปทำงานก่อนนะ”
แพรวาบอกหญิงสาวหน้าห้องเสียงเบา เธอรู้ดีว่าริสาเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่อยากให้ใครต้องมาคิดมากเพราะเรื่องของเธอ ดังนั้น เธอจะต้องเข้มแข็งและไม่อ่อนแอให้ใครเห็นอีก
“ไม่เป็นไรแน่นะ” ริสายังคงกังวล
“จ้ะ ไม่เป็นไร”
แพรวาฝืนยิ้มให้เพื่อนสาวก่อนจะเคาะประตูห้องทำงานใหญ่เบาๆ แล้วผลักเข้าไปอย่างเงียบๆ
“เมื่อกี้เธอมาเรียกฉันทำไม” คนเป็นเจ้านายถามเลขาเสียงเข้ม เมื่อเห็นเธอก้าวเข้ามาในห้องเรียบร้อยแล้ว
“มีเอกสารด่วนของคุณกรให้คุณธีร์เซ็นค่ะ” หญิงสาวตอบโดยพยายามไม่หันไปมองเขา
“เอามาสิ”
เมื่อได้ยินคำสั่งของเจ้านาย หญิงสาวจึงหันหลังไปหยิบเอกสารบนโต๊ะของเธอแล้วกำลังจะเอาไปให้ชายหนุ่มที่โต๊ะ แต่เดินได้เพียงสองก้าวเท่านั้น เท้าบอบบางต้องหยุดชะงักเมื่อคนเป็นเจ้านายเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างกระชั้นชิดโดยไม่ทันตั้งตัว
ดวงตาคมของชายหนุ่มจ้องมองแววตาหวานซึ้งที่บวมช้ำเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ก่อนที่ใบหน้าหวานของหญิงสาวจะก้มลงเพื่อหลบสายตาของเขา มือบางที่ถือเอกสารไว้มีอาการสั่นน้อยๆ ทำให้คนตัวใหญ่ยิ่งรู้สึกผิด ‘นี่เขาทำให้เธอกลัวขนาดนี้เลยหรือไงนะ’
ธีรพัฒน์ยกมือข้างหนึ่งจับที่ไหล่บอบบางของหญิงสาวไว้ ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นจับปลายคางมนของเธอให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา แพรวาทำตามเขาอย่างว่าง่ายเหมือนต้องมนต์สะกด มือหนาละจากปลายคางแล้วลูบไล้ที่พวงแก้มนุ่มนิ่มของหญิงสาวอย่างเผลอไผล ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปสัมผัสที่ขอบตาบวมช้ำของเธออย่างแผ่วเบาเหมือนต้องการจะบรรเทาความเจ็บปวดให้เธอ
หญิงสาวหลับตานิ่งเพื่อรอรับสัมผัสที่อ่อนโยนจากเขาที่เธอคิดว่าฝันไป ก่อนจะต้องสะดุ้งตกใจเมื่อรู้สึกได้ถึงไอความร้อนจากจุมพิตที่กดลงบนหน้าผากเนียนของเธอ
ชายหนุ่มปล่อยมือจากหญิงสาวแล้วหยิบเอกสารในมือของเธอ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองตามเดิม ทิ้งให้คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ยืนเคว้งอยู่กลางห้องด้วยความรู้สึกสับสน มึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เอกสารนี่เธอตรวจดูความเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” เสียงเข้มเอ่ยถาม ด้วยหมายตั้งใจจะปลุกคนตัวเล็กให้ตื่นจากความฝัน
“คะ... คุณธีร์ว่าอะไรนะคะ” คนเพิ่งได้สติหันมาถามด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่มั่นคงนัก
“ยืนเพ้ออะไรอยู่ห๊ะ! ฉันถามว่าเอกสารเนี่ยเธอตรวจดูความเรียบร้อยแล้วหรือยัง”
ธีรพัฒน์แกล้งดุเสียงเข้ม แต่ภายในใจกำลังขบขันกับอาการมึนงงของหญิงสาวตรงหน้าอยู่
“เอ่อ... ค่ะๆ เรียบร้อยแล้วค่ะ”
คนตัวเล็กละล่ำละลักบอก แล้วรีบเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองด้วยความเขินอาย ‘เมื่อสักครู่เธอฝันไปหรือว่าเจ้านายใจร้ายของเธอเพี้ยนกันแน่นะ’ แพรวาบ่นในใจอย่างสับสน
ไม่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงแค่ความฝันหรือเพราะเจ้านายของเธอต้องการจะกลั่นแกล้งเล่นกันแน่ แต่สัมผัสที่อ่อนโยนของเขากลับทำให้หัวใจดวงน้อยที่แห้งเหี่ยวไร้เรี่ยวแรงกลับชุ่มชื่นมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างน่าประหลาด แค่เขาทำดีด้วยหน่อยเดียวเธอก็ยอมให้อภัยเขาจนหมดสิ้นหรือไงนะแพรวา
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
^_^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ