Change me เปลี่ยนนายนักเลงร้ายเป็นนักเรียนสุดที่รั
เขียนโดย เด็กชายมหา
วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 01.00 น.
แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2557 01.04 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) การเปลี่ยนแปลงที่หนึ่ง:หักห้าม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความการเปลี่ยนแปลงที่หนึ่ง:หักห้าม
ทำไมกันนะ......
ทั้งๆที่ท้องฟ้ามันก็แจ่มใสไร้เมฆบัง แถมยังมีเสียงนกร้องที่ปะปนมากับลมโชยอ่อนๆในยามเช้าชวนให้รู้สึกชุ่มชื่นใจแล้วแท้ๆเลย แต่ทำไมกัน ฉันถึงได้มานั่งอยู่ในห้องพักครูกับอีตาอาเรนนี่ด้วยล่ะ ฉันคิดแบบนั้นในขณะที่กำลังฟังคุณครูบ่นถึงเรื่องรูปที่ฉันไปเกี่ยวก้อยกับอาเรนแล้วถูกเอาไปแปะทั่วโรงเรียน
“นี่พวกเธอทั้งสองคนจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง”คุณครูตะโกนดังลั่นใส่ฉันและอาเรนด้วยความโกรธแค้นพลางหยิบรูปที่ฉันเกี่ยวก้อยกับอาเรนขึ้นมาให้พวกเราด้วย
“ก็แค่เกี่ยวก้อยกันเองไม่ใช่หรอครับ”อาเรนพูดกับครูด้วยสีหน้าเรียบๆราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แต่ว่ารูปมันฟ้องว่าไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ”ครูแย้งใส่อาเรนกลับไปอย่างรุนแนงแต่ว่าเขาก็ยังไงทำหน้านิ่งเฉยอยู่เช่นเดิม
“จะไม่ใช่แค่นั้นได้ยังไงกันล่ะครับ ผมและเธอคนนี้น่ะไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อยนะครับ เราก็แค่เป็นเพื่อนกันก็เท่านั้นเอง แค่เพื่อนกัน เกี่ยวก้อยกันก็คงไม่ผิดไม่ใช่หรอครับ แล้วอีกอย่างไอ้คนที่ผิดนี่มันก็ควรจะเป็นคนที่ถ่ายรูปนี้เอามาแปะทั่วโรงเรียนตนทำให้คนอื่นเข้าใจผิดมากกว่า ไม่ใช่พวกผมนะครับคุณครู”อาเรนอธิบายให้คุณครูฟังด้วยน้ำเสียงที่ดูเย็นชาจนทำให้คุณครูตั้งนิ่งเงียบจนพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกผมขอตัวก่อนนะครับ”อาเรนพูดพร้อมกับทำความเคารพคุณครูก่อนที่จะหันมาพยักหน้ากับฉันแล้วเราทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องพักครูไปโดยทิ้งคุณครูที่ได้แต่นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น
“แล้วนี่นายจะเอาไงต่อหรออาเรน”ฉันถามเขาทันทีที่พวกเราทั้งสองคนออกมาจากห้องพักครู
“ก็ไปตามหาไอ้คนที่ถ่ายรูปเธอกับฉันยังไงล่ะ”อาเรนพูดพร้อมกับเดินออกไปตามทางเดินของโรงเรียน ส่วนฉันที่เห็นแบบนั้นก็รีบเดินตามเขาไปติดๆ
“นี่อาเรน นายจะตามหาพวกนั้นที่ไหนกันล่ะ นักเรียนในโรงเรียนนี้ร่ะมีเป็นพันคนเลยนะ ฉันว่าลองไปถามคนอื่นๆที่พอจะรู้เรื่องนี้ดีกว่านะ”ฉันถามอาเรนให้ขณะที่พวกเราทั้งสองคนกำลังเดินไปด้วยกันท่ามกลางการจับจ้องจากนักเรียนรอบข้างที่คิดว่าพวกเราทั้งสองคนนั้นเป็นคู่รักกัน
“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่าจะไปถามกับใคร”ว่าแล้วอาเรนก็พาฉันไปหยุดอยู่ตรงร้านถ่ายเอกสารที่เต็มไปด้วยนักเรียนมากมายที่พากันมาถ่ายเอกสารต่างๆอย่างวุ่นวายซึ่งความจริงแล้วมันก็เป็นแบบนี้ทุกเช้านั่นแหละนะ
“นายจะมาที่นี่ทำไมหรอ”ฉันถามอาเรนด้วยความสงสัย
“รูปที่เอาไปแปะทั่วโรงเรียนนั้นไม่ใช่ภาพสี เป็นภาพขาวดำซึ่งแน่นอนว่าคนถ่ายจะต้องเอาภาพนั้นไปถ่ายเอกสารอย่างแน่นอน ฉันจึงจะมาถามคนถ่ายเอกสารนี่ว่าพอจะจำได้ไหมว่าใครเป็นคนมาถ่ายยังไงล่ะ”อาเรนพูดกับฉันโดยที่ไม่หันมามองหน้าของฉันแต่มองไปที่ร้านถ่ายเอกสารนั่นอย่างไม่วางตา ก่อนที่จะเดินแหวกวงล้อมของนักเรียนจำนวนมากที่มาต่อแถวรอถ่ายเอกสารจนไปอยู่ตรงหน้าสุดแล้วทุกที่ชั้นวางของซึ่งยื่นออกมาให้ใช้สำหรับวางเอกสารที่จะถ่ายอย่างแรงจนเข้าของที่วองอยู่นั้นสั่นสะเทือนไปหมด
ตาตี๋ใส่แว่นซึ่งเป็นเด็กนักเรียนที่ถ่ายเอกสารอยู่แถวนั้นเดินตัวสั่นมาหาอาเรนอย่างเชื่องช้า เขากระดกแว่นตาขึ้นมาให้เข้าที่แล้วเอ่ยปากถามอาเรนด้วยน้ำเสียงสั่นกลัวว่า
“มะ...มะ...มีอะไร...ให้ผมชะ...ช่วยบ้างหรือปะ....เปล่าครับ” อาเรนเมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบกระชากคอเสื้อของเขาเข้ามาใกล้ตัวอย่างแรงจนทำให้ตาตี๋คนนั้นร้องเสียงหลงออกมาดังลั่นร้านถ่ายเอกสาร ส่วนฉันที่เห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปห้ามเขาทันทีเพราะกลัวว่าทั้งสองคนนี้จะมีเรื่องกัน
“นายจำได้ไหมว่าใครเป็นคนเอารูปนี้มาถ่ายเอกสารน่ะ”อาเรนไม่ฟังคำห้ามของฉันแล้วตะคอกใส่หนุ่มตี๋คนนั้นด้วยใบหน้าที่แสนน่ากลัว อะไรของหมอนี่กันนะ ตอนแรกๆก็เห็นเป็นคนนิ่งๆนี่นา แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนอารมณ์ไปเป็นคนละคนแบบนี้เลยล่ะ
“จะ..จะ..จำได้ครับ เขาคือเด็กนักเรียนชั้นม.5/4 ชื่อผกาครับ”เมื่อหนุ่มตี๋คนนั้นพูดจบอาเรนก็รีบเปล่าคอเสื้อของเขาแล้วเดินออกไปจากร้านเอกสารทันทีโดยมีฉันที่ยังคงเดินตามหลังเขาไปติดๆ
ฉันเดินตามอาเรนมาจนถึงห้องเรียนของม.5/4ที่เต็มไปด้วยนักเรียนจำนวนมากมายที่กำลังคุยเล่นกันในห้องเรียนอย่างสนุกสนาน อาเรนไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปในห้องนั้นก่อนที่จะใช้มือทุบกระดาษดำอย่างแรงหนึ่งทีเพื่อเรียกความสนใจของทุกคนในห้องให้มาสนใจที่เขาโดยมีแต่ฉันเท่านั้นที่ยืนดูเขาอยู่นอกห้องเรียน
“ใครที่ชื่อผกาน่ะ ออกมาหาฉันหน่อยสิ ฉันมีเรื่องที่จะคุยด้วย”อาเรนตะโกนลั่นห้องด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด เด็กนักเรียนในห้องนั่นต่างพากันจ้องหน้ากันบ้างก็ร้องลั่นด้วยความตกใจ บางคนก็นั่งนิ่งเหมือนกับไม่รู้สึกอะไร
“มีอะไรจะคุยกับผมอย่างนั้นหรอครับ”เด็กหนุ่มหัวเกรียนเดินออกมาหาอาเรนอย่างหยิ่งผยองโดยไม่มีทีท่าว่าจะกลัวในท่าทีของอาเรนเลยแม้แต่นิดเดียวซึ่งชายคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผกาที่เราตามหานั่นเองซึ่งอันที่จริงแล้ว
“นี่แกเป็นคนเอาภาพนั้นไปแปะทั่วโรงเรียนใช่ไหม”อาเรนพูดใส่เขาพร้อมกับสายตาที่แสนอาฆาตแค้น
“รูปอะไรอย่างนั้นหรอครับ ผมไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย”ผกาพูดกับกับยักไหล่เล็กน้อยด้วยอาการที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวและแน่นอนว่ามันก็ยิ่งทำให้อาเรนโกรธเข้าไปใหญ่
“นี่แกอยากมีเรื่องกับฉันใช่ไหมไอ้เกรียน”อาเรนเดินเข้ากระชากคอเสื้อของผกาเข้ามาหาตัวพร้อมกับง้างหมัดที่ตะประทับเข้าไปที่ใบหน้าของผกา ฉันที่เห็นแบบนั้นก็ตกใจจนต้องเข้าห้ามอาเรนถึงในห้องเรียน
“ว่าแล้วเชียว.....”ผกาพูดออกมาทันทีที่ฉันเข้ามาห้ามอาเรน
“ว่าแล้วเชียวอะไรของแกวะ”อาเรนพูดขึ้นพลางใช้มือที่จับคอเสื้อของผกาเขย่าไปมาเพื่อให้ผการีบตอบเขากลับมา
“ก็ข่าวที่ว่านายกับเพื่อนสาวหรือเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆนายตอนนี้น่ะกำลังคบกันอยู่ก็คงจะจริงสินะ”ผกาก็ยังคงพูดกับอาเรนด้วยท่าทีที่ดูกวนประสาทเช่นเดิม
“พวกเราไม่ใช่แฟนกัน แต่เป็นเพื่อนกันต่างหากเล่า”อาเรนพยายามพูดให้ผกาเข้าใจแต่ผกากลับหัวเราะกลับมาราวกับว่าสิ่งที่อาเรนพูดไปนั้นมันเป็นเรื่องตลกอย่างนั้นแหละ
“อย่าแถดีกว่าน่า นักเลงหัวไม้อย่างนายน่ะไม่มีทางที่จะไปมีเพื่อนที่ไหนกับใครเขาได้หรอกนะ”เมื่อสิ้นเสียงผกาอาเรนก็รีบผลักผกาออกไปแล้ววิ่งเข้าไปเพื่อที่จะทำร้ายผกาแต่ถูกฉันดึงตัวเอาไว้
“ปล่อยฉันสิ นี่เธอไม่เห็นหรือไงว่าไอ้หมอนี่มันกวนประสาทแค่ไหน”อาเรนพูดกับฉันพลางดิ้นไปมาเพื่อหลุดออกมาจากอุ้มมือของฉันที่กำลังรั้งเขาไว้
“อาเรน นายใจเย็นก่อนสิ”ฉันพูดห้ามอาเรนที่กำลังดิ้นไปมา
“จะให้ใจเย็นได้ยังไงกันล่ะ ก็ไอ้นี่มัน...”
“ถ้านายทำร้ายเขานายอาจจะโดนพักการเรียนอีกก็ได้นะ ไม่สิ อาจจะโดนไล่ออกก็ได้นะ และถ้าเป็นอย่างนั้นนายก็จะไม่ได้เจอฉันอีกเลยนะ”ฉันพูดขัดอาเรนก็ที่เขาจะพูดจบซึ่งมันก็ได้ผล อาเรนหยุดนิ่งไม่ทำอะไรก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงสัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาเรียนแล้ว
ทำให้ฉันกับอาเรนต้องกลับไปที่ห้องเรียนที่มีเพื่อนทุกคนนั่งรอพวกเราอยู่แล้ว และพอพวกเราไปถึงห้องเรียนพร้อมกับเพื่อนทุกคนมองฉันด้วยสายตาที่แปลกประหลาด บ้างก็ซุบซิบนินทราอะไรบางอย่างกัน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรเพราะว่าไอรูปของฉันกับอาเรนเกี่ยวก้อยกันมันได้เป็นที่รู้กันไปทั่วโรงเรียนหมดแล้ว ฉันเข้าไปนั่งในที่ประจำของฉันซึ่งแถวหน้า ต่างกับอาเรนที่ต้องไปนั่งหลังห้องคนเดียว
และเมื่อคาบเรียนภาคเช้าจบลงเพื่อนสนิทของฉันที่มีชื่อว่าอรุณนาก็มาหาฉันถึงที่เพื่อถามเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น
“นี่.... บอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ทำไมถึงไปคบกับอีตาอาเรนนั่นได้ล่ะ เธอบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรอ”อรุณนามาพูดกับฉันด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนที่จะเอามือของเธอมาแตะหน้าผากเพื่อดูว่าฉันเป็นไข้หรือไม่
“ฉันกับอาเรนไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ฉันถูกใส่ร้ายโดยคนที่ชื่อผกาอยู่ม5/4นู่นต่างหากเล่า”ฉันรีบปัดมือของอรุณนาออกแล้วอธิบายให้เธอฟังถึงความจริง
“งั้นหรอ แล้วตอนนี้ไอ้ผกานั่นเป็นยังไงบ้างล่ะ ถูกอาเรนยำจนต้องหยอดน้ำเข้าต้มอยู่ที่โรงพยาบาลไหนล่ะ”อรุณนาถามต่อ
“เปล่าหรอก ฉันไม่ได้ทำอะไรไอ้เกรียนนั่นหรอกนะ เพราะว่าแก้วมาห้ามไว้น่ะ”อาเรนที่จู่ๆก็โผล่มาจากทางด้านหลังของอรุณนานั้นพูดกับอรุณนาด้วยสีหน้านิ่งเงียบราวซึ่งผิดกับหนุ่มเลือดร้อนคนเมื่อกี้นี้เลย
“นี่นายมาตอนไหนกันเนี่ย ว่าแต่พูดก็พูดเถอะอย่ามาทำให้เพื่อนฉํนต้องเดือดร้อนไปมากกว่านี้จะดีกว่านะ”อรุณนาอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจที่เห็นอาเรนก่อนที่จหันไปพูดกับอาเรนอย่างจริงจัง
“ฉันไม่ได้ตั้งใจให้แก้วต้องเดือดร้อนสักหน่อยนะ แต่ฉันก็แค่อยากมีเพื่อนคุยก็เท่านั้นเอง”อาเรนพูดด้วยสีหน้าอันเศร้าสร้อยซึ่งดูแล้วก็น่ารักไปอีกแบบเหมือนกันนะ
“อย่ามาตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จไปหน่อยเลยน่า ฉันรู้นะว่านายจงใจจะมาทำให้เพื่อนฉันเดือดร้อน แล้วพอถึงเวลานายก็จะจากไปใช่ไหมล่ะ”อรุณพูดเสียงแข็งใส่อาเรน
“ฉันไม่ทำอย่างนั้นแน่ ฉันสาบานเลย”อาเรนพูดขึ้นมาพลางชูสามนิ้วสาบาน
“จะเชื่อได้แน่หรอ คำของนักเลงกับการชูสามนิ้วสาบานแบบลูกเสือนั่นอีกน่ะ”อรุณนาลำพึงออกมาเบาๆพลางจ้องไปที่อาเรนด้วยความสงสัย
“พอเถอะน่าอรุณนา เขาพูดจริงแน่น่า”ฉันรีบพูดเสริมให้กับอาเรนเพื่อให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงได้ไวขึ้น
“ก็ได้ ฉันเชื่อนายก็ได้ แต่ถ้านายตุกติดแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ฉันเอานายตายแน่”อรุณนาพูดพลางชี้นิ้วไปที่อาเรนเพื่อให้อาเรนรู้ว่าเธอเอาจริง ซึ่งฉันก็เชื่อแน่ว่ายัยคาราเต้สายดำคนนี้ไม่ได้พูดเล่นแน่นอน
หลังจากนั้น ฉันกับอรุณนาและอาเรนก็ไปกินข้าวกันที่โรงอาหารที่เต็มไปด้วยนักเรียนประมาณครึ่งคร่อนโรงเรียนที่มาซื้ออาหารทานกันในโรงอาหารนี้ ฉันและอรุณนาก็แยกย้ายกับอาเรนไปซื้ออาหารก่อนที่จะมารวมตัวกันอีกครั้ง
“อ้าว นั่นมันไอ้อาเรนคนเก่านี่นา วันนี้ควงสาวมาสามเลยหรือไงว่า หน้าไม่อายเลยว่ะ”เพื่อผู้ชายโต๊ะข้างๆกล่าวทักทายอาเรนทันทีที่เห็นพวกเราสามคนมานั่งทานอาหารร่วมกัน
“นี่แกว่าไงนะ ไหนลองพูดอีกทีดิ”อาเรนรีบวางช้อนลงแล้วหันไปหาเรื่องเด็กผู้ชายคนที่พูดออกมานั้นทันที ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเป้าสายตาของนักเรียนอีกหลายๆคนที่กำลังมาทานอาหารอยู่ในขณะนั้น
“อาเรนอย่า”ฉันรีบพูดห้ามอาเรนเอาไว้ก่อนที่จะจับเขานั่งลง
“อะไรของนายน่ะอาเรน พวกเขาแค่พูดเล่นๆเองนะ”อรุณนาพูดกับอาเรนเพื่อให้เขาสบายใจ
“โทษที เมื่อกี้นี้ฉันควบคุมตัวไม่อยู่น่ะ”อาเรนตอบแบบเบาๆกลับมา
“นี่ ถ้าอย่างนั้นนายต้องรู้จักหักห้ามใจไม่ชกต่อยกับใครเขาบ้างแล้วล่ะนะ”ฉันพูดเสริมเพื่อให้อาเรนปรับปรุงตัวเพราะว่าขืนเขาเป็นแบบนี้มีหวังสักวันก็คงต้องกลายเป็นนักเลงหัวไม้ไปจริงๆแน่
พอพวกเรากินข้าวกันเสร็จฉันและอาเรนก็ไปเดินเล่นกันที่ริมแม่น้ำโรงเรียนสองคนเพราะว่าอรุณนานั้นมีกิจกรรมชมรมต้องไปทำ แต่เราก็ต้องไปเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิดอีกจนได้.....
“อาเรนคนเก่งของรากลับมาแล้ว” เด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทักทายเขาอย่างเป็นมิตร
“นี่พวกนาย.....”อาเรนพูดแค่นั้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออาจจะเป็นเพราะว่าเขาดีใจจนพูดอะไรไม่ออกก็ได้หลังจากที่ถูกพักการเรียนไปนานหลายวัน
“ว่าแต่ไอ้เด็กห้อง3/7มันมาหาเรื่องพวกเราอีกแล้วอ่ะ ไอ้แก๊งนั้นมันซ่าไม่เลิก นายช่วยไปแก้แค้นให้เราตอนนี้หน่อยได้ไหมอาเรน”หนึ่งในพวกนั้นพูดขึ้นมาพร้อมกับเดินมาจับไหล่ของอาเรน
“ได้สิ ใครมาทำเพื่อนฉันมันต้องตายอยู่แล้ว”อาเรนพูดพร้อมกับพยักหน้ารับคำก่อนที่จะวิ่งออกไป ฉันวิ่งตามอาเรนไปได้ไม่นานก็ถูกดึงตัวกลับไปโดยเด็กผู้ชายกลุ่มนั้น
“อย่าตามเขาไปดีกว่าน่า เขาไม่ใช่พวกเดียวกับเธอ อาเรนเป็นของพวกเรา อย่ายุ่งกับเขาดีกว่าน่า”หนึ่งในนั้นกล่าวกับฉันก่อนที่จะผลักฉันให้ล้มลงแล้วเดินจากไป แต่จะว่าไปแล้วสิ่งที่เด็กพวกนั้นพูดมันก็เป็นความจริงอยู่เหมือนกัน อาเรนน่ะเมื่อก่อนแล้วตอนที่เขาไม่มีฉันเขาก็อยู่ได้นี่นา แม้จะมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นอยู่บ่อยครั้งราวกับเป็นอันทพาลของโรงเรียนที่มีแต่ผู้คนจงเกลียดจงชัง แต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจ จนในตอนนี้ที่ฉันได้มารู้จักเขาจริงๆก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ใช่แบบนั้นเลย เขาเป็นคนดี เอาใจใส่คนอื่นและในตอนนี้เขาก็เป็นเพื่อนของฉันแล้ว ฉันจะยอมให้เขาไปทำเรื่องไม่ดีแบบนั้นไม่ได้
เมื่อฉันคิดได้ดังนั้นแล้วก็รีบวิ่งตามทางอาเรนไปที่ห้องของม.3/7ที่อยู่ไกลอยู่พอสมควร พร้อมกับคิดไปว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันมัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่มาหาอาเรน ทำไมไม่มาช่วยอาเรนจากสังคมของเขาที่แสนโหดร้ายแบบนี้กัน จนกระทั่งฉันก็ได้มาถึงห้องม.3/7ในสภาพเหงื่อท่วมตัว ก็พบกับอาเรนกำลังก้มหัวขอโทษเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งอยู่
“ขอโทษด้วยนะครับที่เพื่อนของผมไปทำให้คุณเดือดร้อน จากนี้ไปกรุณาช่วยเมตตาเพื่อนๆของผมด้วยเถอะครับ”อาเรนตะโกนขึ้นมาในขณะที่กำลังก้มหัวขอโทษเด็กผู้ชายคนกลุ่มหนึ่งที่กำละงหัวเขาอยู่ราวกับว่าเป็นตัวตลก
“อะไรกัน จะให้ฉันยกโทษให้ง่ายๆไม่ได้หรอกนะนอกเสียจากว่าแกจะยอมให้พวกฉันต่อยแกจนพอใจก่อนน่ะ”เด็กกลุ่มนั้นพูดกับอาเรนอย่างสนุกสนาน แต่อาเรนกลับพยักหน้ารับคำจนทำให้เด็กกลุ่มนั้นเข้ารุมทำร้ายอาเรนอย่างไม่ปราณี
“เดี๋ยวๆๆๆ พวกนายหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”ฉันรีบเข้าไปผลักเด็กกลุ่มนั้นให้ออกมาจากอาเรนก่อนที่จะไปพยุงตัวอาเรนที่เต็มด้วยรอยฟกช้ำขึ้น
“อะไรกันเนี่ย แฟนนายนี่ช่างจุ้นจ้านจริงๆเลยนะ แต่ยังไงซะพวกฉันก็พอใจแล้วล่ะ”เมื่อเด็กพวกนั้นพูดจบฉันก็รีบพาอาเรนไปทำแผลที่ห้องพยาบาลอย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่เข้าใจนายจริงๆเลยนะอาเรน นายไปให้ไอ้พวกนั้นมันรุมต่อยนายได้ยังไงกัน”ฉันเอ่ยปากถามอาเรนพร้อมกับทำแผลของเขาไปพลาง เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเข้าเรียนแล้วจึงไม่มีครูหรือใครอยู่ประจำห้องพยาบาลของโรงเรียนนี้เลย
“ก็เธอบอกไม่ให้ฉันมีเรื่องกับใคร ฉันเลยไปขอโทษคนพวกนั้นแทนยังไงล่ะ”อาเรนตอบ
“แล้วนายจะไปขอโทษเขาทำไมล่ะ นายเคยไปมีเรื่องกับพวกนั้นหรือไง”ฉันถามต่อ
“ความจริงแล้วก็ใช่ แต่ที่ฉันไปก็เพราะว่าเพื่อนของฉันถูกพวกนั้นทำร้ายจนปางตาย ฉันเลยไปขอโทษเพื่อไม่ให้เขามายุ่งกับเพื่อนของฉันอีก”อาเรนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา อะไรของหมอนี่นะ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเดี๋ยวน่าสงสารเดี๋ยวน่าหมันไส้ อะไรของเขากันนะ
“เพื่อนที่ว่านี่ ใช้พวกที่มาหานายตอนกลางวันหรือเปล่า”
“ใช่”
นั่นน่ะไม่ใช่เพื่อนหลอกนะ นั่นเป็นคนที่หลอกใช้นายต่างหากล่ะ ถ้าเป็นเพื่อนกันน่ะเขาไม่ทำให้กันแบบนี้หรอกนะ”ฉันพูดตักเตือนอาเรนด้วยความเป็นห่วง แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ได้แต่นิ่งเงียบอยู่แบบนั้นฉันจึงให้เขานอนพักผ่อนไปก่อนแล้วฉันจึงค่อยเดินกลับมาเรียนในคาบบ่ายเพียงคนเดียว
พอหมดการเรียนคาบบ่ายซึ่งเป็นเวลากลับบ้านของนักเรียนทุกคน ฉันที่เป็นห้วงอาเรนว่าจะเป็นอย่างไรนั้นก็รีบตรงดิ่งที่ไปห้องพยาบาลทันที แต่สิ่งที่ฉันพบกลับเป็นเตียงนอนเปล่าๆที่ไม่มีใครเลย ฉันพยายามถามคนอื่นว่าอาเรนที่นอนอยู่เตียงนั้นไปไหนแต่ก็ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ ฉันจึงคิดว่าเขากลับบ้านไปก่อนนานแล้ว ฉันจึงตัดสินใจเดินกลับบ้านไปโดยที่ไม่คิดอะไร จนกระทั่ง.....
ฉันได้เดินมาจนถึงหน้าบ้านของเขา ฉันเลยรู้สึกเป็นห่วงเขาขึ้นจึงไปกดกริ่งหน้าบ้านเพื่อให้ออกมาแต่ไร้วี่แววของอาเรน นั่นทำให้ฉันยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ว่าอาเรนไปไหนก่อนที่จะเดินกลับบ้านไปอย่างไม่สบายใจ
จนกระทั่งวันต่อๆมาฉันก็ไม่เจอเขาเลย ทั้งที่โณงเรียน ทั้งที่บ้านของเขา ตอนนี้นายหายไปไหนน่ะอาเรน!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ