Change me เปลี่ยนนายนักเลงร้ายเป็นนักเรียนสุดที่รั
เขียนโดย เด็กชายมหา
วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 01.00 น.
แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2557 01.04 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทนำ เกี่ยวก้อย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทนำ
เกี่ยวก้อย
“ซวยชะมัด”เสียงที่ดูหดหู่หลุดออกมาจากปากของฉันโดยไม่ได้ตั้งใจในขณะที่ฉันกำลังเดินกลับบ้านมาพร้อมกับเอกสารปึกใหญ่ในกระเป๋านักเรียนซึ่งฉันจะต้องเอาไปให้เพื่อนร่วมห้องของฉันคนหนึ่งที่ฉันไม่ค่อยอยากจะรู้จักเขาสักเท่าไหร่นักเนื่องจากเขาเป็นนักเลงที่ชอบต่อยตีกับคนอื่นจนถึงขั้นถูกพักการเรียน ทำให้ฉันซึ่งเป็นเด็กนักเรียนม.ปลายคนเดียวในห้องที่เดินกลับบ้านแล้วต้องผ่านหน้าบ้านของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้นั้นต้องเอาการบ้านและงานต่างๆที่ครูสั่งมาส่งให้กับเขา
ฉันเดินมาเรื่อยๆจนมาหยุดที่บ้านหลังหนึ่ง มันเป็นบ้านสีขาวสวยที่มีสองชั้นซึ่งดูไปแล้วก็เป็นบ้านที่สวยงามอยู่พอสมควรแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมตานักเลงหัวไม้ที่ชอบไปทะเลาะต่อยตีกับคนอื่นนั้นถึงได้มาอาศัยอยู่ที่นี่กันแน่ ดูไม่เหมาะกับนิสัยของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งอันที่จริงก็ควรจะเป็นบ้านเก่าๆโทรมๆที่มีสีเทาซอมซ่อแท้ๆเลยเชียว
ฉันเอื้อมมือไปกดกริ่งที่อยู่ตรงหน้าบ้านจนทำให้เกิดเสียงดังเพื่อให้คนในบ้านรู้ว่ามีแขกมาเยือน และในไม่กี่นาทีต่อมาก็ปรากฏให้เห็นร่างที่สูงใหญ่ของผมชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีผมสั้นสีดำอันแสนยุ่งเหยิง เดินออกมาหาฉันด้วยใบหน้าที่แสนสิ้นหวัง ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเพื่อนร่วมห้องคนที่ฉันพูดถึงนั่นเอง ส่วนชื่อของเขสน่ะหรอ? ก็....อาเรนยังไงล่ะ
“ว่าไง มีอะไรถึงมาหาฉันอย่างนั้นหรอ”เสียงที่แสนนุ่มนวลกล่าวขึ้นด้วยปฏิกิริยาที่สงบนิ่ง จนทำให้ฉันรู้สึกตกใจที่เห็นว่าอาเรนเป็นแบบนี้ซึ่งผิดจากที่ฉันคิดเอาไว้ว่าจะมากระชากคอเสื้อของฉันแล้วถามว่า ‘มาทำไมวะยัยหน้าปลวก’ซะอีก
“อ๊ะ เอ่อ....ฉันเอา อะ...เอกสารมาให้มานายนะ”ฉันบอกกับอาเรนด้วยท่าทีที่ดูร้อนรนก่อนที่จะยื่นเอกสารปึกใหญ่ให้เขาผ่านประตูรั้วไป เขารับเอกสารรับไปอย่างใจเย็นแล้วตรวจดูเอกสารนั้นอย่างตั้งใจก่อนที่จะเก็บกลับไปเหมือนเดิมแล้วเงยหน้าขึ้นมามองฉันด้วยสีหน้านิ่งเฉยจนทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีจนต้องถอยหลังออกไปสองสามก้าวอะไรน่ะ ตาบ้านั่นจะทำอะไร จะใช้ไม้หน้าสามมาฟาดที่คอของฉันโทษฐานที่เอาการบ้านอันแสนหน้าเบื่อมาให้หรือไง ในเวลานั้นฉันไม่คิดอะไรแล้วจะจากจะออกตัวไปใส่เกียร์หมาอย่างเดียว แต่ว่า....
“ขอบคุณนะที่เอาการบ้านมาให้ฉันน่ะ”อาเรนตอบฉันกลับมาอย่างเรียบง่าย จนทำให้ฉันอึ้งไปชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว
“มะ...ไม่เป็นอะไรหรอกนะ”ฉันพูดแค่นั้นก็รีบวิ่งหนีอาเรนไปทันทีทิ้งให้เขายืนงงงวยอยู่หน้าบ้านคนเดียว พอมารู้ตัวอีกทีตัวของฉันก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านของตัวเองแล้ว ฉันจึงรีบลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนั้นไปแล้วเดินเข้าประตูบ้านไปอย่างปกติ
“กลับมาแล้วหรอลูกแม่”เสียงที่แสนคุ้นหูของแม่ฉันเอ่ยออกมาต้อนรับฉันอย่างอ่อนโยนทันที ทำให้ฉันต้องยิ้มตอบท่านกลับไปเหมือนกับในทุกๆวันที่เคยทำมาแล้วขึ้นไปอาบน้ำบนชั้นสองของบ้านเพื่อเปลี่ยนมาเป็นชุดลำรองแล้วเดินลงมาทานกับข้าวที่แสนอร่อยของคุณแม่กันสองคนตามประสาแม่ลูก ส่วนพ่อของฉันนั้นต้องไปทำงานที่ต่างประเทศอยู่เป็นประจำ นานๆครั้งจะกลับมาให้เห็นจึงทำให้ในทุกๆวันแม่จะเป็นคนดูแลในเรื่องทุกๆอย่างของฉันเอง
“นี่ลูก ที่โรงเรียนในตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”แม่เอ่ยปากถามฉันก่อนในขณะที่พวกเราสองคนกำลังทานอาหารค่ำกันอยู่อย่างเอร็ดอร่อย ทำให้ฉันต้องหยุดกินแล้วหันมาสนใจในคำถามของแม่แทน
“ก็ดีนะคะ เพื่อนๆในห้องก็รักกันดี แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ชอบทะเลาะต่อยตีกับคนอื่นจนตอนนี้ถูกพักการเรียนอยู่ที่บ้าน วันนี้หนูก็พึ่งเอางานที่คุณครูสั่งทั้งหมดไปให้เขาที่บ้านระหว่างทางกลับบ้านนี้เองค่ะ”ฉันตอบ
“แล้วเขาทำอะไรไม่ดีกับลูกหรือเปล่าจ๊ะ”แม่ถามต่อ
“ก็ไม่นะคะ เขาก็รับงานที่หนูให้ไปแต่โดยดีแล้วกล่าวขอบคุณกลับมาก็เท่านั้นเองน่ะค่ะ”ฉันตอบกลับไปก่อนที่จะก้มหน้าลงไปกินอาหารต่อ
“ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เป็นคนไม่ดีอย่างที่ลูกพูกสิจ๊ะ”แม่ถามต่อจนทำให้ฉันที่กำลังกินอยู่ต้องสักลักอาหารที่กินอยู่ทันทีก่อนที่จะดื่มน้ำที่วางอยู่ข้างๆตามไปเพื่อแก้อาการ
“ไม่หรอกค่ะแม่ เขาก็แค่อาจจะเกรงใจหนูที่เอางานมาให้ก็เท่านั้นเอง ไม่แน่นะตอนนี้เขาอาจจะกำลังฉีกงานที่ให้ไปเล่นอยู่ในห้องนอนของเขาเองก็ได้นะคะ”ฉันรีบพูดแก้ความเข้าใจผิดของแม่ให้กระจ่างอย่างรวดเร็ว ก็ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงได้พูดแบบนั้นออกไป แต่ที่จะให้แม่มาเห็นดีเห็นชอบกับคนแบบนั้นแล้วล่ะก็ฉันไม่ยอมเด็จขาด
“ถ้าอย่างนั้นก็น่าสงสารแย่เลยล่ะสินะ เด็กคนนั้น่ะ”แม่ของฉันพูดขึ้นพร้อมมองขึ้นไปข้างบนราวกับว่าคิดอะไรอยู่ ว่าแต่น่าสงสารอะไรอย่างหรอคะแม่!
“น่าสงสาร สงสารเรื่องอะไรอย่างนั้นหรอคะแม่”ฉันถาม
“ก็ถ้ามีแต่เขาที่นิสัยไม่ดีแล้วเพื่อนๆในห้องของลูกล่ะจ๊ะ คิดกับเขายังไง”แม่ฉันถามกลับมาทำให้คิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตอบไปว่า
“ก็ไม่มีใครชอบเขาหรอกค่ะ เพราะว่าเขาเอาแต่สร้างปัญหาจนบางครั้งก็ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปพร้อมกับเขาด้วยเช่นกัน ทำให้เพื่อนๆทุกคนไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่”เมื่อฉันพูดแบบนั้นแม่ของฉันก็รีบพยักหน้าตามซึ่งดูเหมือนว่าท่านจะเข้าใจได้แล้วว่าอีตาอาเรนบ้านั่นนั้นเป็นยังไง
“ถ้าอย่างนั้นมันก็น่าสงสารจริงๆนั่นแหละนะ เพราะเพื่อนในห้องเขารักกันหมดเหลือเพียงเขาคนเดียวที่ไม่มีใครรัก ถ้าอย่างนั้นลูกก็ลองดึงเขากลับมาดูสิจ๊ะหรือไม่บางครั้งแล้วสิ่งที่คนรู้จักในการกระทำของเขานั้นอาจจะไม่ใช่ตัวของเขาจริงๆก็ได้นะจ๊ะ “แม่พูดกับฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูมีความหวัง แต่หนูไม่ใช่แม่พระที่ไหนนะคะแม่ เป็นแค่เด็กนักเรียนหญิงม.ปลายธรรมดาๆก็เท่านั้นเอง จะไปเทศนาชักจูงใจใครให้มาเป็นคนดีได้ยังไงกัน
“ขอผ่านค่ะ หนูไม่มีทางทำได้อยู่แล้วแหละ”ฉันพูดแบบไม่ใยดีในข้อเสนอของแม่แล้วลงมือทางอาหารต่อไป
“ทำไมแหละจ๊ะ ถ้าดึงเขากลับมาได้ล่ะก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากๆเลยนะจ๊ะ ถ้าคนที่หลงผิดไปแล้วน่ะ เราสามารถนำเขากลับมายังทางที่ถูกได้เนี่ยมันก็จะทำให้ชีวิตของคนๆหนึ่งกลายเป็นชีวิตที่ดีไปทั้งชีวิตเลยนะจ๊ะ แม่ว่าลูกลองเอากลับไปคิดดูดีกว่านะว่าลูกจะปล่อยให้คนๆหนึ่งต้องจมปลักความผิดของเขาต่อไปหรือจะทำให้เขามาเจอกับความถูกต้องอันใหม่แทนล่ะจ๊ะ และอีกอย่างลูกก็มีเพื่อนๆอีกตั้งหลายคน ถ้าบอกให้มาช่วยกันก็ล่ะก็ต้องเยี่ยมไปเลยล่ะ”แม่ของฉันพูดกับฉันด้วยสายตาที่เปร่งประกายราวกับว่าตื่นมาพรุ่งนี้เช้าแล้วฉันออกไปบอกกับตาอาเรนนั่นว่ามาเป็นคนดีกันเถอะยังไงยังงั้นแหละนะ
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นมันก็ทำให้ฉันคิดเรื่องนั้นมาทั้งคืนจนไม่เป็นอันนอนซึ่งเมื่อดูๆไปแล้วจากการที่ฉันเอางานที่ฉันให้อาเรนไปในวันนี้เขาก็ดูเป็นคนดีนี่นา แถมยังขอบคุณฉันกลับมาด้วยนี่นาหรือว่าเราจะลองทำตามที่แม่บอกดูนะ ฉันคิดแบบนั้นก่อนที่เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เช้าวันต่อมาฉันตื่นขึ้นมาอย่างซะลึมซะลือก่อนที่จะเรียกสติกลับมาแล้วไปอาบน้ำเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดนัดเรียนที่เคยใส่อยู่ทุกเช้าแล้วเดินลงไปทานข้าวเช้าที่แม่ของฉันทำเอาไว้ให้บนโต๊ะอาหาร
“เช้านี้แม่ทำของโปรดมาให้ลูกด้วยนะ หมูทอดยังไงล่ะ แล้วก็อย่าลืมเรื่องที่แม่บอกเมื่อคืนด้วยนะจ๊ะ ลองเอาไปคิดดูเล่นๆก็ได้นะ”แม่กล่าวทักมายฉันทันทีที่มากินอาหารพร้อมกับบอกเตือนความจำถึงเรื่องเมื่อคืนที่เราคุยกันซึ่งดูเหมือนว่าแม่ของฉันจะเอาจริงแหะ แต่ก็ต้องขอดูอาการของตายั่นในวันนี้ก่อนแหละค่ะแม่ ถ้าไม่ไหวจริงๆหนูก็ไม่เสี่ยงลองทำดูหรอกนะคะ
ฉันได้แต่คิดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดออกไปแล้วเดินทางออกจากบ้านไปโรงเรียนตามปกติ ฉันเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงหน้าบ้านของอาเรนที่มีอาเรนกำลังปิดประตูรั้วบ้านของเขาอยู่อย่างสงบนิ่งราวกับเด็กเรียบร้อยซึ่งผิดกับเรื่องจริงราวกับหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว หรือว่าตานี่จะแบบดื้อเงียบกันแน่นะ
“ว่าไง”อาเรนหันมาทักฉันด้วยน้ำเสียงเรียบพร้อมส่งรอยยิ้มเล็กๆมาให้ฉันอย่างเบา
“อื้ม ว่าไง”ฉันทักตอบก่อนที่จะเดินต่อไป อาเรนที่เห็นแบบนั้นก็เดินตามหลังฉันมาติดๆจนทำให้ฉันรู้สึกกังวลใจว่าเขาจะแอบเอาอะไรมาฟาดหัวของฉันจนสลบไปหรือเปล่า จึงทำให้ฉันต้องเร่งฝีเท้ามากขึ้นแต่เขาก็ยังเดินตามมาทันทำให้ฉันต้องไม่มีทางเลือกนอกจากออกตัววิ่งร้อยเมตรหนีเขามาอย่างรวดเร็วจนเหยื่อและคิดว่าเขาคงไม่ตามมาแล้วฉันจึงได้หยุดพักแถวนั้นด้วยความเหนื่อยหอบที่วิ่งหนีอาเรนมา
“นี่เธอน่ะดื่มน้ำหน่อยไหม ดูท่าว่าจะเหนื่อยมากเลยนะ”เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นทำให้ฉันต้องหันไปที่ต้นเสียง ก็พบกับอาเรนกำลังยื่นขวดน้ำที่เย็นเฉียบมาให้ฉันอยู่อย่างอ่อนโยน เดี๋ยวก่อนนะนี่นายเป็นยอดมนุษย์หรือไงกันที่วิ่งตามฉันมาจนทันแถมยังไปซื้อน้ำเย็นๆจากร้านสะดวกซื้มาให้ฉันในเวลาไม่กี่วินาทีมาให้เนี่ยนะ นี่นายจะบ้าเกินไปแล้วนะ
“นี่นายวิ่งตามฉันมาทำไมกัน”ฉันถามด้วยความสงสัยก่อนที่จะรับน้ำนั้นมาดื่มดับกระหาย
“ก็ฉันอยากอยู่ใกล้เธอนี่นา”เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่ฉันกลับรู้สึกตกใจจนต้องพ่นน้ำออกมาจากปาก นี่มันอะไรกัน สารภาพรักอย่างนั้นหรอ อย่าบ้าไปหน่อยเลยน่า แค่เอาเอกสารไปให้เนี่ยนะวันต่อมาถึงขั้นมาสารภาพรักกับฉันเลยอย่างนั้นหรอ ถึงหน้าตาจะหล่ออยู่พอตัวก็เถอะแต่ยังไงฉันก็ไม่ยอมเป็นแฟนกับนายนักเลงหัวไม้นี่อย่างแน่นอน
“นี่นาย ฉันขอบอกเอาไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ได้มีความรู้สึกแบบที่นายคิดกับฉันอยู่ในตอนนี้เลยนะ”ฉันรีบบอกให้อาเรนเข้าใจทันทีถึงความรู้สึกที่แท้จริงของฉัน
“ทำไมล่ะ ทำไมเธอถึงไม่อยากจะเป็นเพื่อนกับฉันล่ะ”พะ....เพื่อนอย่างนั้นหรอ นี่เราเข้าใจผิดไปเองหรือเนี่ย แต่ถึงว่าตาอาเรนนี่จะอยากเป็นเพื่อนกับเรา แต่การกระทำของเขาก็ไม่ถูกต้องอยู่ ถ้าคบกันไปมีหวังถูกหาว่าเป็นจิกกี๋ไปอีกคนหนึ่งแน่เลยเรา แต่เดี๋ยวก่อนนะถ้าเราใช้วิธีนั้นก็อาจจะทำให้เขากลับมาเป็นคนดีได้นี่นาจริงสิ ลองใช้วิธีนี้ดูดีกว่า
“ที่ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกันนายนะอาเรนก็เพราะว่านายชอบไปมีเรื่องกับคนอื่นจนต้องถูกพักการเรียนจึงทำให้ฉันไม่อยากเข้าร่วมด้วยกับนาย แต่ถ้านายอยากจะเป็นเพื่อนของฉันล่ะก็นายต้องสัญญานะว่าจะไม่ไปมีเนื่องกับใครอีกไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนก็ตาม ทำได้ไหมล่ะ ถ้าทำได้ฉันก็จะยอมเป็นเพื่อนกับนาย” เมื่อฉันพูดกับอาเรนแบบนั้นก็ทำให้เขาก้มหน้าไปคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่เงยหน้าพรวดขึ้นมาพูดกับฉันว่า....
“ได้สิ ต่อไปนี้ ฉันจะไม่ไปมีเรื่องกับใคร ฉันสัญญา”ว่าแล้วเขาก็รีบดึงมือของฉันไปเกี่ยวก้อยกับเขาทันทีก่อนที่ส่งให้มาให้ฉัน ซึ่งในตอนนั้นเองมันก็เริ่มทำให้ฉันรู้สึกขึ้นมาแล้วว่าชีวิตของเขานั้นเริ่มที่จะเปลี่ยนไป
แต่ทันใดนั้นฉันก็ต้องพบกับสิ่งที่มาเปลี่ยนชีวิตของฉันแทนเมื่อรูปที่ฉันไปเกี่ยวก้อยกับอีตาอาเรนได้ถูกถ่ายไว้จากไอตากล้องมือดีคนหนึ่งและเอามาแปะทั่วโรงเรียน ทำให้ในตอนนี้ฉันมีฉายาใหม่ออกมาซะแล้วว่า “จิกกี๋หน้าใหม่ขวัญใจนายนักเลง”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ