The Vampire Powers.

9.1

เขียนโดย katzee

วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 14.24 น.

  37 chapter
  168 วิจารณ์
  47.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 17.51 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) เธอคือใคร (อัพใหม่)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
‘เธอจะไปกับฉันอย่างนั้นเหรอ’แอลถามออกไปกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าที่สายตาของเธอกำลังฉายแววตัดพ้อ
‘ฉันรักนาย แอล นายคิดหรอว่าพวกนั้นมันจะตามล่าเฉพาะนายคนเดียว….เราเชื่อใจใครไม่ได้เราต้องเชื่อใจกันและกัน’เขาดึงตัวเธอเข้ามาโอบกอดพลางลูบเส้นผมนุ่มสลวยอย่างหวงแหน
‘ฉันไม่อยากให้เธอเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้’ เขาตอบพลางมองทิวทัศน์ป่าเขาที่เริ่มมีหิมะโปรยปรายลงมา
ภาพเทือกเขาที่เรียงรายซ้อนกันสุดลูกหูลูกตา สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คือหนี หนีไปให้ถึงที่สุด
“โอ้ย” แอลหันมาดูคนตัวเล็กที่ล้มลงพร้อมมีเลือดไหลซิบๆตรงข้อเท้าด้วยความเป็นห่วงเป็นห่วงตาย เขาจึงยกคนตัวเล็กขึ้นขี่หลังก่อนจะออกวิ่งอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถจับได้มาที่ๆตรงนั้นซึ่งเขาได้วิ่งผ่านมันไปแล้ว
กึก!!!!
“แอล แอลพวกมันตามมาแล้ว”เมื่อได้ยินคนบนหลังพูดด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความกระวนกระวาย เขาหยุดฉะงักกะทันหันทำให้ก้อนหินตกลงไปในหุบเหวลึกเบื้องล่างที่สูงชัน เพียงแค่ปลายนิ้วเท้าของเขาก็จะทำให้พวกเขาตกลงไปตายได้เลย แต่ถ้าหากเป็นตัวเขาคงไม่เป็นไรอะไรมากปัญหาอยู่ที่คนบนหลังเขาต่างหากที่กำลังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวมือเล็กกำสาบเสื้อเขาไว้แน่น
“เหอะ จนมุมแล้วสินะ น่าเสียดายแกกับสาวสวยของแกจริงๆ”เมื่อเขาได้ยินเสียงเข้มที่ฟังดูเจ้าเลห์จึงเอี้ยวตัวหันไปเผชิญทางต้นเสียง แล้วต้องทำให้เขาผงะเพราะเจ้าของเสียงนั่นกลับเป็นคนที่มีหน้าตาพิมพ์เดียวกับเขา เขารู้สึกได้ถึงเล็บที่จิกลงมาบนหัวไหล่เขาจนเล็บแทบจะแทรกเข้าไปอยู่ในเนื้อของเขาซะแล้วและต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพรรคพวกของมันเพิ่มจำนวนขึ้นพวกมันก้าวออกมาจากพุ่มไม้และหน้าตาพิมพ์กับเขาหมดทุกคน ไอ้คนที่เป็นหัวหน้าฝูงเอียงคอยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ
ตูม พลั่ก ตุบ ตุบ ตุบ
แอลหลับตาลงนึกถึงอำนาจพลังวิเศษของตน คลื่นเล็กขมวดอยู่ภายในท้องก่อนเขาจะสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะกระแทกลงพื้นหิน
ทันใดนั้นเกิดเสียงดังสนั่นจากหินที่แตกออกจากกันกลายสภาพเป็นกริชปักหัวใจพร้อมกับพุ่งฉิวเข้าใส่เป้าหมายทันทีโดยปักลงตำแหน่งหัวใจพอดิบพอดี ไม่มีเสียงร้องเลยสักแอะ ทันใดนั้นร่างของพวกมันสีเทาหายไปตรง ณ ที่ตรงนั้นแต่หากความซวยมาเยือนเขา เมื่อพื้นหินเขายืนอยู่นั้นกลับส่งผลให้พื้นร่วงลงไป
ครืดดดดด!!หมับ!!!
เขาเกาะเกี่ยวหินตรงของหน้าผาได้อย่างทันท่วงที เขาไม่รู้ว่ามันจะรับน้ำหนักไปได้นานเท่าไหร่ เขากัดฟันเพราะน้ำหนักมันถ่วงจนเกินเหตุ เขาหลุบตาลงมองไปยังพื้นด้านล่าง ปรากฏร่างของคนที่มีหน้าตาเหมือนเขากำลังเกาะเกี่ยวขาของเขาอยู่
“เหอะ อย่าคิดว่าข้าจะต้องตายสูญเปล่า พวกเจ้าต้องตายพร้อมกับข้าด้วย” มันพูดขณะกำลังพยายามยื้อร่างของมันถ่วงลงให้แอลและนิโคลตกไปกับมันด้วย
กรี๊ด!!!! นิโคลแผดเสียงดังลั่นเมื่อมันยื้อขาของเธอดึงลงมา แอลเริ่มจับเอาไว้ไม่อยู่เมื่อหินมันเริ่มกร่อนผุออกเป็นฝุ่นผง เขาจะไม่ทำให้คนที่เขารักต้องตายหรอกแอลคิดก่อนจะนึกเเผนการอันบ้าบิ่นออกได้
“นิโคล เธอต้องฟังฉัน เฮ้ นิโคล ฉันจะเหวี่ยงเธอขึ้นไป เธอต้องเชื่อใจฉัน” เขาพูดขึ้นเพื่อเขาจะได้จัดการกับมันได้สะดวก
ครืด!!! มันยื้อของเขาลงอีกครั้ง
“ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่เราคิดล่ะ” นิโคลพูดเสียงสั่นเทา ไม่ยอมรับในแผนของเขา
“ไหนเธอบอกให้เราเชื่อใจกันไงล่ะ โอเค พอฉันนับ 1 2 3 เธอเตรียมดีๆนะ”เขากำชับให้เธอเตรียมพร้อม
“ไม่นะแอล” นิโคลค้าน
1 2 3 หวืดดดด!!!! กรี๊ด!!! เขาจับแขนของนิโคลแล้วดึงเธอลอยขึ้นก่อนเขาจะใช้พลังของเขาบังคับให้เธอตกลงอย่างไม่เจ็บปวด
ตึก ตึก เขาถีบหัวมันแต่ไม่เป็นผลเมื่อมันยังกำชับขาของเขาอย่างเหนียวแน่น เขาเหวี่ยงขาไปมาก่อนจะหลับตาดึงพลังงานที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้พลังสายหมอกดำ มันมีเสียงร้องโวยวายก่อนจะปัดป้องเหมือนพยายามให้บางอย่างออกไปจากตัวมันก่อนจะเผลอปล่อยขาเขาตกลงไป
เฮ้อ เขาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกแต่ทว่า
กึก กึก หินขอบผาที่เขาเกาะเกี่ยวอยู่ตอนนี้เริ่มสึกกร่อนมันเริ่มแตกออกจากกันเขามองลงไปยังพื้นด้านล่างที่ลึกเวิ้งว้างเขาเดาสถานการณ์ได้เลยว่าร่างเขาอาจจะแหลกแต่สามารถสมานตัวใหม่ได้เเน่นอ แต่นานหน่อย
หวืด!!! ร่างของเขาหลุดจากหินขอบผาลงมา
หมับ เขาหอบหายใจเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่อยู่ข้างบนทีเป็นคนคว้าเขาไว้โผล่หน้าออกมาให้เขาเห็น เอ็ด
“ไง ไอ้เกลอ” เอ็ดทักทายด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงก่อนจะออกแรงต้นแขนพร้อมปากที่ขมุบขมิบบังเกิดธาตุลมหอบขนาดเล็กดันตัวเขาขึ้นมาได้สำเร็จ เมื่อเขากระแทกลงกับพื้นเอ็ดจับเขาพยุงขึ้นพลางมีร่างเล็กวิ่งโผเข้ากอดเขาด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมเธอผละออกสำรวจร่างกายของคนรัก แอลยิ้มบางๆให้กับเธอ
ฟึบ ตึกตุบ
“โอ้ย” แอลใช้มือดันตัวเองลุกขึ้นจากพื้นถึงแม้การที่เขาตกเตียงนอนนั้นจะไม่ได้เจ็บปวดเลยก็ตาม
“อ้าวๆ ลงไปนอนตรงนั้น อยากนอนก็ไม่บอกจะได้ส่งเคราะห์ให้”เอ็ดพูดเชิงหยอกล้อขณะเงยหน้าขึ้นจากตำราบันทึกแวมไพร์ ลอบมองนาฬิกาที่ติดผนังส่งเสียงดังกริ๊กๆเบาๆบ่งบอกเวลาตอนนี้คือ 4.33pm
“ฉันฝัน”แอลพูดขณะกุมหัวตัวเองป้อยๆและลุกขึ้นกลับมายังที่เดิม
“บ้าน่า ความฝันอย่างงั้นเรอะ ฉันนึกว่านายอ่านตำราซะอีก แล้วความฝันของนายเป็นยังไงว่ามาสิ”เอ็ดพูดรัวเร็วก่อนจะเสยผมสีดำสนิทแซมน้ำตาลของตัวเองขึ้น นัยน์ตาที่สีเดียวกันผมหันมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เขาเริ่มออกปากเล่าถึงเรื่องที่เขากับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังหนีจากการตามล่าของแวมไพร์พวกหนึ่งที่เก่งกาจในเรื่องแปลงรูปกายให้มีลักษณะเหมือนเขาทุกอย่างทุกตารางนิ้วจนเขาพลาดท่าตกผา แต่มีเอ็ดมาช่วยและพลังของเขานั้นสามารถเรียกธาตุลมได้มันดูน่าอัศจรรย์มากเมื่อเอ็ดสามารถเรียกลมได้อย่างคล่องแคล่ว เอ็ดพยักหน้ากับพลังลึกลับของตนที่ยังไม่เผยออกมาและต้องนั่งแปลกใจว่าฝันของเพื่อนรักนั้นบ่งบอกถึงอะไรหรืออาจจะเป็นฝันเรื่อยเปื่อยที่เพื่อนเขาอาจจะคิดมากก็เป็นได้ แต่แอลยังนึกถึงความสัมพันธ์แปลกๆระหว่างเขากับผู้หญิงในฝันได้ มันสั่งให้เขาปกป้องเธอ ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อความรู้สึกในความฝันนั้นมันฟ้องว่าเขา รักเธอ!!!
เช้านี้หลังจากออกจากห้องพัก แอลขอร้องเอ็ดว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับเบียงก้า เพราะเขาพอรู้ว่าเบียงก้านั้นมีเรื่องรบกวนจิตใจเธออยู่พอสมควร เขาจึงไม่ต้องการให้เธอต้องมาสนใจฝันบ้าๆบอๆของเขา แต่หากความจริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันดูเหมือนจริงมากมากจนฝันนั้นจะเป็นเหมือนสัญญาณบอกถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงในอนาคต แต่เพราะความไม่น่าเชื่อถือกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นเมื่อคืน ฉะนั้นเขาจึงตัดมันออกจากหัวของเขาอย่างไม่ใส่ใจ แอลเดินออกมายืนพิงขอบเสามองไปยังลานประลองโดยมือยังคงกอดอกเขาแหงนหน้ารับสิ่งที่เป็นธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์ แสงแดดเริ่มเลียบเคียงทอแสงกระทบใบหน้าขาวซีคของเขา ร่างสูงสง่าถอนหายใจออกมาไม่รู้ทำไมเขาถึงมามัวคอยนึกถึงใบหน้าหวานใสของผู้หญิงคนนั้น ริมฝีปากรูปกระจับได้รูปน่าสัมผัสรับกับจมูกเชิดงอนนั้นมันทำให้เขาอยากจะครอบครองเธอและเขาจะกำจัดทุกคนที่จะเข้ามาทำให้ร่างบางคลาดสายตาจากเขาไป แวมไพร์หนุ่มสะบัดศีรษะเพื่อปัดความคิดแปลกๆนั้นหล่านั้นออกไปในเมื่อเขาแทบจะไม่เคยเห็นตัวตนจริงๆของเธอด้วยซ้ำเขาจึงคิดว่ามันอาจจะเป็นแค่ฝันธรรมดาก็ได้ เอ็ดเดินเข้ามาเทียบเคียงข้างๆเขาพลางตบบ่าเขาเบาๆในเชิงประมาณว่าอย่าคิดมาก แอลหลุบตาต่ำมองพื้นก่อนจะสบตากับเพื่อนรักพยักหัวเบาๆ
“เออ…ฉันรู้น่าว่านับวันฉันยิ่งเหมือนตาแก่เข้าไปทุกวัน” เอ็ดตบบ่าเพื่อนรักอีกครั้ง ก่อนจะขำกับท่าทีที่แอลทำหน้าหงิกอยู่ตอนนี้ รอยยิ้มบางๆของเอ็ดขับให้เสน่ห์ของเขาที่ฉายแววเจ้าเล่ห์นั้นมันดูน่าค้นหามากขึ้น
“ไม่เป็นไรเพื่อน มันยังไม่เกิดขึ้น ไปกันเถอะ ป่านนี้ไอ้เกิดใหม่คงฟื้นแล้ว”เอ็ดย่ำเท้าเดินนำไปก่อนเพื่อไปเยี่ยมคนที่แอลเล่นงานเมื่อวานนี้ ซึ่งเขาคาดว่าคงเจ็บหนักน่าดู เนื่องจากแวมไพร์สามารถรักษาตัวเองได้ภายในเวลาไม่กี่วินาทีดังนั้นการที่ไรอันนอนสลบอยู่นานสองนานจนถึงรุ่งเช้าถือว่าอาการคงย่ำแย่เข้าขั้นสาหัส
ภายในห้องปฐมพยาบาลที่โล่งกว้าง เป็นกระจกทั้งหมด ผ้าม่านที่ปิดกั้นแสงแดดตอนนี้เปิดออกกว้างมีลำแสงจากพระอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามา บนเตียงที่วางเรียงรายกันนั้นมีร่างชายหนุ่มเพียงร่างเดียวที่นอนไม่ได้สติอยู่ และผู้ที่นั่งเฝ้าเขาอยู่ข้างนั้นคือเบียงก้าที่รอคอยให้เขาได้สติขึ้นมาเพื่อตอบคำถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาว่าเจอคนผู้ให้กำเนิดที่ไหนและหล่อนเป็นใคร ถึงแม้ว่าภายในใจเธอจะรู้ว่าคือใครก็ตาม เบียงก้าลุกขึ้นเดินวนหลายรอบสายตาคอยมองไรอันอยู่ตลอดเวลาพลางเปลี่ยนท่าเป็นกอดอกและอีกหลายๆอิริยาบถเธอเคาะนิ้วที่บริเวณปรายคางของเธออย่างใช้ความคิด แต่เธอต้องหยุดการกระทำเหล่านั้นเมื่อเห็นไรอันเริ่มรู้สึกตัวจากการที่เขาขยับตัวและค่อยๆลืมตาขึ้น
แอ้ด เสียงประตูถูกเปิดเข้ามาพร้อมร่างสองหนุ่มแวมไพร์ที่เข้ามาได้ถูกจังหวะในเวลาที่ไรอันเริ่มรู้สึกตัว เบียงก้ารีบปรี่เข้าไปหาไรอันโดยทันที
“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง” เบียงก้าเอ่ยปากถาม
“เกิดอะไรขึ้นกับตัวผม ทำไมมันรู้สึก….แข็งแรงขึ้นแล้วอะไรกันที่ดังอยู่ในหัวผม” ไรอันเอามือกุมศีรษะตนเอง แอลยืนกอดอกมอง
“นายจำอะไรได้หรือเปล่า” เอ็ดถาม
“ฉันจำอะไรไม่ได้เลย” เขาตอบพลางเงยหน้าขึ้นมองพวกเขาที่ยืนล้อมเตียงที่เขานอนก่อนจะมองทะลุออกไปเขาเห็นกระจกที่อยู่หลังแอล เขาดันตัวเองลุกขึ้น เดินไปสำรวจกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่อาจหวนกลับมาอีก รอยแผลเล็กๆน้อยๆค่อยๆสมานตัวเองหายลับไปกับตาและกลายเป็นผิวปกติที่ไม่เคยมีรอยบาดแผลนั้นมาก่อน ลำตัวรูปร่างของเขากำยำมากขึ้นพร้อมกับดวงตาที่กลายเป็นสีนิลอย่างเห็นได้ชัด เขาเหลือบไปเห็นต้นคอที่มีรอยเขี้ยวบางๆปรากฎอยู่พลางแตะมันเบาๆ สิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในหัวเขา โดยเฉพาะผู้หญิงที่แลดูสวยสดงดงามนั้นเข้ามาถามทาง เขาพลาดไปได้ไงกัน ภายในอาณาเขตนี้มีแวมไพร์ตนอื่นด้วยเหรอ เขาเห็นผู้หญิงนั้นยืนค้ำหัวของเขาเมื่อเธอได้ดื่มกินเลือดในตัวเขาที่หลงเหลือก่อนจะหัวเราะพูดพร่ำถึงโลกที่จะมีเธอเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง เสียงหัวเราะแสนน่าขนลุกนั่นยังดังก้องอยู่ภายในหัวของเขาอย่างลืมไม่ลงและเขารับรู้ได้ถึงพลังบางอย่างที่อยู่ภายในตัวเขาซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไรอันเงยหน้ามองทุกคนที่อยู่ภายในห้องโดยเฉพาะเบียงก้าที่มีแววตาวิตกกังวลกับผลที่กำลังจะตามมา
“รีบไปใส่เสื้อผ้า” เบียงก้าออกคำสั่ง เมื่อสองหนุ่มเดินออกไปรอ ณ ลานประลอง
“สองคนนั้นรอนายที่ลานประลอง นายได้รับเลือกให้เป็นคนที่สามที่จะเดินทางไปทำภารกิจ ถึงแม้ว่าผู้มอบความเป็นอมตะนั้นจะไม่ใช่ท่านลูคัส” เมื่อกล่าวจบ เธอได้เดินออกไปจากห้องเพื่อให้เวลาเขาในการแต่งตัวและไปลานประลองพร้อมๆกัน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา