The Vampire Powers.

9.1

เขียนโดย katzee

วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 14.24 น.

  37 chapter
  168 วิจารณ์
  47.70K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 17.51 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

35) ืเเผนเปลี่ยน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

กลับมาอัพตามคำเรียกร้องนะ

 


 

    สภาพบรรยากาศที่ร้อนอบอ้าว มีกลิ่นเหมือนหืดคล้ายกับสถานที่รกร้างไม่มีใครมาทำความสะอาดเป็นปี เพราะมีกลิ่นซากสัตว์ที่ตายแล้วลอยเข้ามากระทบจมูกเรเนสจนชวนให้เธอปวดหัวแทบอ้วก ความรู้สึกปวดร้าวไปทั้วตัวลามไปตั้งแต่ต้นคอจนถึงปลายเท้า เพราะหมดสติในท่านั่งเหยียดขาเป็นเวลาหลายชั่วโมง

  

   รอยบาดที่เกิดขึ้นบริเวณรอบๆข้อมือ ทำให้รู้สึกปวดระบม เรเนสพยายามจะยื้ดสิ่งท่พันธนาการเธอไว้แต่ก็ไม่เป็นผล มันเป็นที่ใส่กุญแจมือสำหรับผู้ต้องหายังไงยังงั้น หญิงสาวนึกได้ว่ามีกีบติดอยู่บนหัวอยู่หนึ่งอันแต่มันก็คงช่วยอะไรเธอไม่ได้อยู่ดี

เพราะร่างกายแทบจะขยับได้ไม่เกินหนึ่งนาที ความเจ็บแสบก็เล่นงานเธอจนแทบคลั่ง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ตอนนี้สายตาของเธอชักจะชินกับความมืดเสียแล้ว

 

ท่ามกลางความเงียบเรเนสซึ่งกำลังจะหาทางหนีแต่ทว่าได้เกิดเสียงเท้าของใครบางคนที่เป็นผู้หญิง เพราะส้นสูงที่กำลังก้าวลงมาจากบันไดทางฟากทางขวามือก่อนแสงสว่างนั่นจะดับลงเมื่อประตูข้างบนได้ปิดลงไป ที่แน่เธอจะพยายามที่จะไม่สติแตกไปเสียก่อน

 

   “ไง สาวน้อย สับสนอยู่ล่ะสิท่า”

   “ นั่นใครน่ะ”

   “ ไม่ได้เจอกันนาน ก็แทบจะจำกันไม่ได้เลยงั้นเหรอ”

เรเนสกลืนน้ำลายเพื่อไม่ให้เสียงเธอแหบเกินไปเพราะเธอไม่อยากจะแสดงให้คนโรคจิตที่อยู่ข้างหน้าคิดว่าเธอกำลังเจ้าหล่อนอยู่

 

เนื่องจากเรเนสไม่ได้ตอบคำถาม ผู้หญิงคนนั้นยังเดินอยู่ท่ามกลางความมืด เธอพนันได้เลยว่าเธอไม่ได้ตาฝาดเพราะกำลังเห็นแววตาที่เฉียบคมปรากฏอยู่ในความมืดหรือเหมือนคนเราเห็นหมาป่าในตอนกลางคืนซึ่งนั่นก็ทำให้เธอเหงื่อแตกพลั่กเพราะไม่รู้ว่ากำลังเผชิญกับใครกันแน่

 

   “ พี่สาว…คนนี้ไง”

สาบานได้เลยว่าเธอแทบจะสะดุ้งหัวชนกระแทกที่ผนังข้างบนที่มือของเธอถูกคล้องไว้อยู่ เพราะน้ำเสียงของผู้หยิงคนนี้ทำให้เธอขนลุก

 

 ปึง จู่ๆไฟก็สว่างจ้าจนทำให้เรเนสแทบจะหลับตาไม่ทัน แสงนั้นไม่ต่างไปจากสปอร์ตไลท์ที่ส่องกระแทกเข้าตาแรงๆเลย ภาพที่ยังคงพร่าเลือนยังทำให้ไม่สามารถมองได้ถนัดก่อนจะกระพริบถี่หลางครั้งก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นคนตรงหน้าอย่างชัดเจน

 

  “ ซะ ซูซาน”

   “ เซอร์ไพรส์!!”

เรเนสแทบจะไม่อยากเชื่อสายตา ทำไมซูซานต้องทำอย่างนี้ นี่มันไม่ใช่เกมที่จะมาจับคนมาเชือด และมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ คนสติดีที่ไหนที่จะมาแกล้งกักขังคนกันเองแบบนี้ได้

  

   “ เธอต้องการอะไร ซู”

   “ ฮ่าๆๆ เธอนี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”

เสียงหัวเราะที่สุดแสนจะเยือกเย็นมันไม่ช่วยให้บรรยากาศการคุยดีขึ้นมาด้วยซ้ำ และเรเนสยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนัก

  

   “ งั้น ฉันจะไม่อ้อมค้อมละกัน”

ซูซานลากเก้าอี้เก่ามา มันมีเสียงที่ช่วยเสียดหูขณะที่หล่อนลากครูดมันกับพื้นมาตั้งและนั่งลงไขว่ห้างตรงหน้า

 

ซูซานพยายามเล่าเรื่องราวให้ทันในเวลาอันสั้นว่าเธอคืออะไร เธออยู่ได้มานานแค่ไหนและเป็นอย่างที่เธอพูดเพราะเรเนสยังไม่เคยเห็นซูซานดูแก่ขึ้นเลยซักนิด และที่แน่ๆเธอก็รู้ว่าทั้งแอลและเอ็ดหรือใครที่เกี่ยวข้องกับพวกเขานั้น ไม่ใช่มนุษย์อย่างแท้จริง

โอ พระเจ้า นี่เธออาศัยอยู่สิ่งนี้ไปได้ไง นี่เธอกำลังฝันไปหรือเปล่า บางทีมันอาจจะเป็นฝันประหลาดก็เป็นได้

 

     “ เธอไม่มีทางโกหกตัวเองได้หรอก เพราะนี่คือความจริง และฉันคิดว่าเพื่อนเธอก็น่าจะรู้ดี” ซูซานเอ่ยขัดราวกับจับความคิดที่อยู่ในหัวเธอได้ เรเนสค่อยๆช้อนตามองหล่อน พยายามมองให้ละเอียดถี่ถ้วนว่ามันจริงหรือเปล่า

 

     “ เธอพล่ามอะไรของเธอ”

เสียงอันสั่นเทาของหญิงสาวที่พยายามเค้นมันออกมาอย่างสุดความสามารถ เหมือนกับว่ามีก้อนสะอึกมาจุกอยู่ที่ลำคอ อาการพูดไม่ออก ร่างกายไม่สามารถบังคับได้กำลังสั่น

 

   “ นี่ อย่าคิดมากไปเลย ครั้งแรกก็แบบนี้แหละ” จู่ๆซูซานก็มาโผล่อยู่ต่อหน้าเธอในระยะเผาขน พร้อมกับมีเขี้ยวเล็บค่อยๆงอกออกมา สายตาที่เปลี่ยนไปพร้อมกับมีเส้นเลือดผุดขึ้นเป็นสีดำอยู่รอบดวงตา เรเนสแทบจะขยับร่างกายไม่ได้เลย

ก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาขณะที่ซูซานได้ฝังเขี้ยงลงบนลำคอเธอเรียบร้อยแล้ว เรเนสพยายามสูดอากาศเข้าปอดให้มากที่สุดเพราะเหมือนกำลังขาดอากาศหายใจ

เลือดที่เธอดูดออกไปแทบจะทำให้เธอหมดแรง และดูท่าซูซานจะไม่ยอมผละออกไปได้ก่อนจะมีเสียงสวรรค์ร้องขึ้นเพื่อช่วยชีวิตเธอไว้

 

     “ อย่าทำร้ายเธอ!!!”           

  คมเขี้ยวที่จ่ออยู่บริเวณลำคอนั้นไม่ได้ฝังลึกมาก แต่เรเนสรับรู้ได้ถึงของเหลวไหลเรื่อยลงมา ริมฝีปากสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาค่อยเปิดเมื่อรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนดังกล่าวหายไปแล้วแต่ถูกแทนที่ด้วยผู้ชายที่เธอไว้ใจและคอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอด

 

 ไซม่อน หนุ่มแบดบอยที่แอบมีความอบอุ่นในแบบผู้ชายในอุดมคติที่เธอเคยคิดไว้นั้นได้หายไปแล้ว เหลือทิ้งแต่ชายหนุ่มผู้เลือดเย็นที่พร้อมจะฆ่าเหยื่อได้ในพริบตา เธอไม่รู้ทำไมถึงได้คิดอย่างนั้น แต่ลึกๆแล้วนิโคลคงรู้เห็นอะไรบางอย่างจนต้องตีตัวออกห่างจากชายคนนี้

 

 จู่ๆของเหลวที่ไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตาคู่สวยที่หญิงสาวไม่อาจห้ามมันไว้ได้ แทบจะทำให้เขาสำนึกถึงความผิดต่อหญิงสาวผู้ที่เห็นเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีผู้หญิงอย่างเธอคอยปลอบโยน

 

 ความรู้สึกของการโดนหลอกและการถูกทำร้ายจิตใจนั้นมันเจ็บปวดจนไม่สามารถบรรยายมันออกมาได้ ถูกแทนที่ด้วยน้ำตาแห่งความผิดหวัง

 

  “ฉันคงกำลังฝันร้ายอยู่ละสินะ” ประโยคที่ถูกกลั่นมาด้วยความรู้สึกที่แท้จริงทำให้ฟังดูขมขื่น

 

  ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังสะอื้นอย่างควบคุมไม่ได้ ความรู้สึกเหล่านี้มันมาจากไหนกัน ภาพในหัวที่กำลังฉายอยู่ในขณะนี่คือชายคนที่คอยกวนประสาทด้วยท่าทางที่เข้าใจยากและดูเหมือนจะไม่ลงรอยกับใคร

 

 

    เอ็ด…….ฉันต้องการนายมากที่สุดเลย ภาพที่สลับมาแทนที่ ไซม่อนกำลังยืนจ้องมองเธอเขม็งโดยไม่พูดไม่จาอะไรแต่หารู้ไม่ว่าเขาเองก็รู้สึกผิดมากเหมือนกันที่ได้ทำแบบนี้กับผู้หญิงบอบบางคนหนึ่งที่ก็มีความกลัวอยู่ในใจมาโดยตลอด ต้องกลายสภาพมาเป็นแบบนี้

   

      “ เป็นไงบ้างพ่อหนุ่ม พายฝีมือเมียฉันอร่อยใช่ไหมละ ” นีลเอ่ยปากถามเมื่อเห็นแอลนั่งส่งสายตาหวานให้กับลูกสาวของตนที่ต่างก็ก้มหน้าหลบตาอยู่เช่นกัน

 

      “อร่อยมากเลยครับ เป็นครั้งแรกที่ผมไม่เคยกินอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน”

 

     “แหม พูดอย่างนี้ แม่ก็ยินดียกลูกสาวให้หมดหน้าตักเลยจ้ะ” เคียร่าพูดแกมตลกก่อนจะทำตาโตเมื่อเห็นลูกสาวส่งเสียงประท้วงขึ้นมา

 

    “เรื่องมันเป็นไงมาไงล่ะพ่อหนุ่ม เราถึงไปทำให้ยัยดื้อของพ่อต้องงอนข้ามวันข้ามคืนกันขนาดนี้ล่ะ” นีลถามอย่างตรงไปตรงมา แอลหันไปมองเธอคนนั้น

 

    “แค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะครับ”

 

   “แล้วมันเรื่องอะไรกันละ” นีลยังซักถามต่อ ก่อนจะถูกลูกสาวตัวดีขัดขึ้นมา

 

  “หนูว่า เราสองคนจะไปล้างจานให้นะคะ”

 

  “โอ้ ได้เลยจ้ะ” เคียร่าตอบยิ้มๆ พลางยื่นให้ก่อนจะหันมาขยิบตาให้แอลซึ่งเขาเองก็พอรู้ว่าผู้หญิงผู้อาวุโสคนนี้หมายถึงอะไร

 

     ฝีเท้าที่แฝงไปด้วยความลุกลี้ลุกลนกำลังมุ่งหน้าไปยังบ้านของเพื่อนสาวเพราะเธอไม่อยากให้คนที่บ้านรู้ว่าเธอแอบหนีออกมาและไม่อยากให้ใครมาคอยดูแล ซึ่งก็คงจะความคิดที่ดีที่สุดแล้ว โรสคิดพลางมองซ้ายขวาออกตัววิ่งทันทีเพื่อข้ามถนนไปยังอีกฟาก

เธอไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเรเนสแต่ที่แน่ๆมันคงจะไม่ดี ไปคนเดียวคงจะไม่ใช่ความคิดที่ดีซักเท่าไหร่ ภายในเวลาไม่กี่นาทีสาวพังก์ก็เดินทางมาถึงประตูหน้าบ้านของนิโคลเรียบร้อยแล้ว เพราะรั้วก็ไม่ได้ปิดไว้ พลางรีบยื่นมือไปกดกริ่งซึ่งอยู่ในอาการสั่นเทา

 

  แอ๊ด เสียงประตูค่อยเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มที่ทำให้เพื่อนสาวของเธอแทบคลั่งไปหลายวัน โรสยืนตีหน้าตกตะลึงขณะเห็นเพื่อนสาวเดินออกมาถามว่าใครมา

 

    “ หมอนี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” นิโคลหน้าเจื่อนเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากถาว่ามีเรื่องอะไร

 

    โรสไม่รอช้ารีบอธิบายพลางส่งมือถือไปให้เพื่อนสาว ซึ่งนิโคลเหลือบมองหน้าแอลด้วยสีหน้าที่ตกใจ

 

  “ไซม่อนทำเหรอ” แอลรีบหยิบโทรศัพท์พลางนัดไรอันเพื่อให้มาช่วยเหลือก่อนจะเห็นนิโคลรีบวิ่งเข้าไปหยิบเสื้อคลุมเพื่อมาสวมใส่พลางหันมาพยักหน้าให้กับทุกคนก่อนจะรีบตามแอลไปที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่อันคุ้นเคย

 

    ระหว่างที่พวกเขาทั้งสามคนกำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่คาดว่าจะเป็นที่เกิดเหตุจู่ๆไรอันก็โผล่ออกมาจากซอกตึกมุมหนึ่งพลางโยนกระเป๋าใบหนึ่งให้กับแอลซึ่งเขารับมันได้ทันท่วงที พลางรูดซิปเปิดขณะกำลังเดินอยู่ พลางส่งกริชไม้ให้นิโคล

 

     “นายแน่ใจเรื่องนี้นะ”

 

  ไรอันเอ่ยปากถามขณะหยิบอาวุธออกมาพร้อมกับรอยยิ้มขึ้เล่นเพราะคิดว่าถึงเวลาซะทีที่จะใช้อาวุธเหล่านี้

 

    “ไม่เคยมั่นใจเท่านี้มาก่อน” เรื่องบ้าๆนี่จะได้จบลงซะทีเขาไม่อยากให้ใครมาลำบากเพราะพวกเขาอีกแล้ว

 

    คฤหาสน์หลังนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากเมื่อก่อนในครั้งที่นิโคลมาเยี่ยมเยียนที่นี่ ถึงแม้ความสงสัยของโรสจะแคลงใจแต่เธอยังคงต้องพุ่งเป้าไปที่เรเนส เพราะยังไงเราก็คือเพื่อนกัน

 

 

  ทันทีที่ทั้งสามมาถึงณ ที่แห่งนี้ แอลยกมือขึ้นห้ามพลางหันหน้ามาด้วยความกังวล เขาแค่ไม่อยากให้คนที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพวกนี้มาเกี่ยวข้อง ซึ่งแลดูเหมือนนิโคลจะเข้าใจ เธอจึงใช้มือแตะเข้าที่ไหล่เขาก่อนจะพยักหน้าว่าเธอจะเอาด้วย

 

 แอลส่งสายตาเหมือนรู้กัน ซึ่งไรอันดูเหมือนจะเข้าใจจึงได้วางกระเป๋าอาวุธพลางสำรวจประตูอยู่ข้างหน้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาเดินเลาะไปข้างๆประตูพลางตั้งท่าจะปีนขึ้นแต่จู่ๆก็แลดูเหมือนมีสิ่งบางอย่างผลักเขากระเด็นตกลงมาดังตุ้บ โรสรีบวิ่งเข้าไปช่วยดึงเขาลุกขึ้น

 

  “เป็นอะไรไหม” ไรอันยกมือขึ้นบ่งบอกประมาณว่าไม่เป็นไร เขาใช้มือทั้งสองข้างดันตัวเขาลุกขึ้นจากพื้นด้วยอาการโงนเงนเล็กน้อย

 

  “นั่นมันอะไรว่ะนั่น ครั้งก่อนก็ไม่เห็นมี” ไรอันสบถด้วยถ้อยคำที่แฝงไปด้วยความอารมณ์เสียเล็กน้อย ทันทีที่เห็นท่าทางหงุดหงิดของเขาแอลจึงเดินเข้าไปสำรวจประตูบานใหญ่ข้างหน้าโดยที่มีเสียงทักท้วงของนิโคลด้วยความเป็นห่วง แต่ส่งสัญญาณให้เธอถอยห่าง

 

  แอลหลับตาอยู่ครู่เดียวก่อนจะเบิกโพลงด้วยดวงตาสีมืดมิดทั้งดวง ก่อนจะไล่สายตามองดูสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าให้เห็นชัด คลื่นอาณาเขตบางสิ่งบางอย่างคล้ายเป็นสิ่งที่ปกคลุมไปทั่วทั้งคฤหาสน์ ประกายสีเขียวนั่นทำให้เขาสงสัยอยู่ชั่วขณะ พลางหันไปมองไรอันด้วยนัยน์ตาปกติ

 

  “อะไร” เขาถามพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นขนาบอก ทันใดนั้นแอลก็ย่างสามขุมเข้ามาหาเขา ซึ่งทำให้ไรอันมีอาการตกใจเล็กน้อยก่อนที่มือของเขาจะถูกแอลคว้าไปเพื่อเพ่งพินิศ

 

  รอยไหม้ที่ปรากฏขึ้นบนแขน เกิดขึ้นเองโดยไม่รู้ตัวก่อนจะเพิ่งมารู้สึกเจ็บแสบแปล๊บๆขึ้นมาโดยทันที ทั้งสองสาวรีบเดินเข้ามาดูกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับไรอัน

 

   “โอ้ พระเจ้า แขนนาย” นิโคลอุทานก่อนจะหันไปมองแอลว่าควรทำยังไงดี

 

   แอลมองบาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนจะหันหน้ากลับไปเผชิญสิ่งนั้นอีกครั้ง เขายื่นแขนออกมาข้างหน้าสูดหายใจเข้าเหมือนที่เคยฝึกไว้ ก่อนจะหลับตาลง หมอกควันที่ไร้รูปร่างไหลผ่านออกจากฝ่ามือเขา เข้าปกคลุมสิ่งที่กั้นขวางให้เข้าไปไม่ได้เป็นไปในรูปแบบโดมขนาดใหญ่ หมอกสีดำเหล่านั้นค่อยๆคืบคลานสูงขึ้น

 

 โรสมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอ้าปากค้างว่านี่มันใช่ความจริงหรือไม่ เพราะหมอกเหล่านั้นเคลื่อนที่ราวกับสิ่งมีชีวิต ทั้งสามก้าวเท้าเข้ามาดูใกล้ๆซึ่งไรอันเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยไม่เสียการควบคุมนับตั้งแต่เอ็ดหายไป แอลค่อยๆลืมตาขึ้นพลางมองพลังที่ยิ่งใหญ่ของเขาเคลื่อนที่ไปตามที่เขาต้องการ

 

 ความรู้สึกเหมือนคลื่นไส้ประดังประเดเข้ามาที่บริเวณลำคอ เรเนสไม่อาจยับยั้งมันไว้ได้ อาการพะอืดพะอมลากบางอย่างมาจุกอยู่ที่บริเวณลำคอจนกระทั่งสำรอกของเหลวสีดำแปลกๆออกมาอย่างต่อเนื่อง ของเหลวสีดำที่กระจายอยู่ข้างหน้า ใบหน้าสวยเงยขึ้นปรากฏบางสิ่งบนใบหน้านัยน์ตาสีขาวขุ่นทำให้ไซม่อนขมวดคิ้ว

 

 สถานที่ที่เธอเป็นอยู่ค่อยเลือนหายไปถูกแทนที่ด้วยเถาวัลย์สีดำทะมึน เรเนสหันตัวไปรอบๆก่อนจะพบว่าตนเองถูกปลดพันธนาการแล้ว เธอก้มลงมองมือตัวเองรอยแผลยังคงอยู่แต่ไม่มีความรู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวพลิกดูข้อมือของตนไปมาก่อนจะเงยหน้ามองเพื่อที่จะลองสำรวจดูว่าเธอไม่ได้ไปเอง

 ความเวิ้งว้างกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เรเนสก้าวเท้าไปอย่างระมัดระวัง ปีนป่ายเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองอยู่บนจุดสูงสุดก่อนจะพบกับความตะลึงอย่างใหญ่หลวงเพราะที่นี่ ความรู้สึกถึงความกลัวนั้นเริ่มคืบคลานเข้ามาในใจเธอ มันเป็นป่าแห่งเถาวัลย์

 

    “หวัดดี!!!!!.......มีใครได้ยินฉันไหม!!!!!” เสียงดังก้องกังวานนั้นดูเหมือนไม่ได้ทำให้เธอใจชื้นขึ้นมาเลยสักนิด ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่

 

มีสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหวแปลกๆจากด้านหลังเธอ ซึ่งเสียงเหล่านั้นได้หายไปทันทีที่เธอหันไปตามเสียง ติดกันอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง นี่เธอกำลังบ้าไปแล้วใช่ไหม

 

การกระทำดังกล่าวยังคงปรากฏสู่สายตาของเขา ดวงตาสีสวยนั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่แย่กว่านั้น อาการเกรงขึงของเธอคล้ายกับคนถูกสิ่งที่มองไม่เห็นพยายามจะบีบคอเธออยู่ ไซม่อนจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาเธอซึ่งไร้แววของคนที่เธอเป็นกับสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเธอ

 

หญิงสาวผ่อนลมหายใจระรัวเมื่อเห็นสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่รอบตัว และเป็นอย่างที่เธอคิดไว้เมื่อเห็นสิ่งนั้นกำลังไต่ขึ้นมาเพื่อที่จะเกาะเกี่ยวตัวเธอ เรเนสออกตัววิ่งทันทีอย่างสุดฝีเท้าเพื่อหนีสิ่งที่กำลังจะตามมาฆ่าเธอ ก่อนจะชะงักงันสุดฝีเท้าขณะที่ตัวของเธอกำลังตกหลุมลึกขนาดมหึมาที่ห่างไปจากเท้าเพียงไม่กี่เซนต์ แต่ทว่า ร่างของเธอถูกแรงมหาศาลผลักเธอตกลงไปในหลุมมืดมิด

 

เสียงอื้ออึงดังขึ้นอยู่ภายในหัว ส่งผลให้ร่างบางที่กำลังพยุงตัวลุกขึ้นต้องทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า เธอยกมือมาแตะหัวตัวเองก่อนจะรู้สึกถึงของเหลว ที่ไหลออกมาจากบริเวณขมับ มืออันสั่นเทาของเธอย้ายมันไปสัมผัสสิ่งรอบตัวก่อนจะจับสิ่งหนึ่งได้พอที่จะดึงตัวเองให้ลุกขึ้น ความเจ็บปวดบริเวณไหล่แสดงอาการทันทีเธอใช้มืออีกครั้งมาปิดปากตัวเองไว้เพื่อไม่ให้ส่งเสียงดังไปมากกว่านี้

 

…......เรเนส…….. เสียงกระซิบดังแว่วเข้ามาในหูของเธอ เสียงแหบแห้งคล้ายกับเสียงเพรียกของวิญญาณนั้นแทบทำให้เธอไม่มีสติที่หลงเหลือเพราะสิ่งนั้นถูดแทนที่ไปด้วยความกลัว ร่างบางที่บอบช้ำไปทั้งตัวจากการตกกระแทกลงไปในหลุมลึกพยายามที่จะหาที่ซ่อนซึ่งมันดูเหมือนเป็นขนาดกว้างที่มีต้นไม้ที่เกาะเกี่ยวโยงกันเป็นสายคล้ายเถาวัลย์ เธอใช้ไหล่อีกข้างดันแวกเข้าไปในซอกเพื่อหลบซ่อน ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่ามันจะช่วยเธอได้หรือเปล่า

 

 กลิ่นเหม็นสาบสางลอยคลัคลุ้งไปทั่วทั้งหลุม ความรู้สึกถึงความน่ากลัวที่บีบคั้นให้หัวใจเธอเต้นแรงระรัวอย่างตื่นตระหนกกำลังมาเยือน เงาทะมีนทึงยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าก่อนจะรู้สึกเหมือนสิ่งที่พยายามจะใช้ปกคลุมตัวนั้นค่อยๆแตกสลายออกไปจนมันเห็นเธอเข้าจนได้

 ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หมวกคลุมนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าสิ่งที่เธอคิดไว้เพราะมันเหมือนกำลังจะดูดซับดวงวิญญาณเธอไปซะหมด ถึงแม้เธอจะไม่เห็นชัดกับใบหน้าที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ฮูดนั้นแต่สิ่งเดียวที่เธอคิดออกก็คือ

 

                            -----กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด-----

     เรเนสกรีดร้องออกไปอย่างสุดเสียงเท่าที่จะทำได้ การกรีดร้องที่เผยความกลัวภายในใจทำให้เธอรู้สึกเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัวเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอกำลังประสบอยู่นั่นค่อยๆเลือนหายไป ก่อนจะรู้สึกว่าสิ่งที่เธอทำลงไปคล้ายเสมือนว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นได้

 จู่ๆโซ่ที่คล้องมือทั้งสองข้างได้หลุดกระเด็นออกทันทีที่เธอแผดเสียงร้องเหล่านั้นออกไป ร่างบางทรุดตัวลงหมอบลงกับพื้นด้วยความรู้สึกอื้ออึง ก่อนจะสัมผัสได้เลยว่าในห้องนั้นดูเปลี่ยนไป ดวงตาพร่าเบลอถูกปรับให้ชัดเจนเหมือนที่เคยเป็น

เธอเห็นไซม่อนกำลังพยายามพยุงตัวเองขึ้นด้วยใบหน้าถอดสีฉายแววถึงความกังวล และสิ่งที่เธอเห็นนั้นคือ เลือดไหลออกมาจากหูของเขาแลดูเหมือนเค้าจะรู้ตัวพร้อมกับใช้ปลายนิ้วแตะเข้ากับเลือดที่ไหลออกมา

 

เธอสังเกตเห็นหลอดไฟที่แตกกระจาย รวมถึงกระจกเล็กๆที่อยู่มุมห้องก็เหลือให้เห็นแต่เพียงเศษกระจกกองอยู่บนพื้น ณ เวลานี้เธอสัมผัสได้เสียงหัวใจของตนเอง ความรู้สึกเหล่านี้มาจากไหนกัน ความเจ็บปวดที่เคยปรากฏอยู่บนข้อมือนั้นก็ไดหายไปแล้ว หญิงสาวยกข้อมือทั้งสองข้างขึ้นมาดู

 

  “แบนชี” เรเนสหายใจเข้าอย่างรุนแรงขณะรู้สึกคล้ายกับตัวเองกำลังจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ไซม่อนนั่งยองๆลงต่อหน้าเธอก่อนจะเอ่ยอย่างช้าๆว่า “เธอ แทบจะ ไม่รู้เลย ว่าตัวเองคืออะไร ใช่หรือเปล่า” เขาเอ่ยวาจาเหมือนรู้อะไรบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเธอด้วยใบหน้าเจ้าเลห์พลางฝืนยิ้มให้กับเธอภายใต้ใบหน้าที่ดูเหมือนจะเก็บซ่อนความรู้สึกเจ็บปวด

 

  หลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ซึงทำให้ทั้งสี่สหายซึ่งกำลังจะช่วยเพื่อนสาวนั้นต้องหยุดชะงัก เสียงกรีดร้องชวนขนลุกนั่นอาจจะเป็นเรเนสก็เป็นได้ นิโคลจึงได้หันมาสังเกตเห็นสองหนุ่มที่กำลังกุมหูตัวเอง แต่แอลทำลายเกราะป้องกันได้สำเร็จได้ทันท่วงทีก่อนที่เสียงนั่นจะทำให้เขาเสียการควบคุม

 

   “นั่นมันเสียงอะไรน่ะ” ไรอันถามด้วยใบหน้าเหมือนมีบางอย่างเสียดแทงเข้าไปในหูอย่างจัง

 

   “ที่แน่ๆ มันคงไม่ใช่อะไรที่ดี เราต้องรีบแล้ว” แอลพูดพลางรีบเดินเข้าไปเผชิญประตูดังกล่าวก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างง่ายดายโดยมีไรอันเดินกุมแขนตัวเองตามมาพร้อมกับสองสาว

 

 นิโคลหยุดเดินตามแรงดึงของเพื่อนสาวที่ต้องการคำอธิบายมากกว่านี้ แต่นิโคลเลื่อนมือไปกุมปลอบใจเพื่อนสาวที่มีอาการสั่นแปลกๆพลางบอกว่าเราจะสู้ไปด้วยกันเพื่อช่วยเพื่อนเรากลับมา และนั่นจึงทำให้โรสพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะมองไปทางชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนรออยู่

 

    “สิ่งที่เธอจะเห็นต่อไปนี้ มันค่อนข้างที่จะ อธิบายยากนะ ฉันจะไปกับแอลส่วนเธอต้องมีไรอันอยู่ข้างๆ ตกลงตามนี้” นิโคลว่าทันทีที่เตรียมใจเผชิญกับเรื่องพวกนี้และพวกเขาต้องแยกย้ายหากันเพราะคฤหาสน์หลังนี้ก็กว้างขวางไม่น้อยเลยทีเดียว เธอบีบไหล่โรสเบาๆพลางพยักหน้าแยกย้ายกันออกตามหา ถึงแม้โรสจะไม่คุ้นเคยกับคนพวกนี้ก็ตามแต่เรเนสคือเป้าหมายเดียวของพวกเขา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา