วัยรุ่นหิมพานต์

7.9

เขียนโดย โชจัง

วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.15 น.

  20 บท
  38 วิจารณ์
  26.11K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 20.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ไอ้หนุ่มหัวแหลมกับสาวน้อยหน้าหวาน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
               ในคืนที่ท้องฟ้านั้นมืดสนิทจนน่าหวาดหวั่น เมฆครึ้มสีเทาปกคลุมไปทั่วทุกหนแห่ง ชนิดที่ว่าแทบไม่มีพื้นที่ให้แสงจันทร์เล็ดลอดออกมาได้เลย สายฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง และคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ เสียด้วย ลมพายุกรรโชกพัดพาความหนาวเย็นมาสู่ทุกหย่อมหญ้า อีกทั้งสายฟ้าที่ผ่าลงมาสู่พื้นดินดังเปรี้ยงปร้าง ก็ยังมีให้เห็นอยู่เนืองๆ
               ท่ามกลางสภาพอากาศอันเลวร้ายเช่นคืนนี้ คงไม่มีมีใครอยากออกมาเปียกปอนในพื้นที่โล่งแจ้ง จนพาลให้เป็นไข้เป็นหวัดแน่ๆ หากแต่ทว่า ณ ที่แห่งนี้ สนามบาสฯ โรงเรียนสุวัฒนาอันเงียบเหงา กลับยังมีเงาของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ที่ยังคงยืนตากฝนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ โดยไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น
               เงาของฝ่ายชายนั้นเป็นนักเรียนชาย ม.ปลาย รูปร่างสูงผอม แต่ทั้งตัวกลับเต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดงฉานเหมือนเพิ่งผ่านศึกหนักอะไรมา ในขณะที่เบื้องหน้าของเขา  ก็คือเงาของเด็กสาวนักเรียนหญิง ม.ต้น ร่างเล็กคนหนึ่ง ที่กำลังยืนเผชิญหน้าเขาอยู่ไม่ไปไหน
               ถึงแม้จะเปียกโชกไปด้วยหยาดฝนจากท้องฟ้าซักเพียงใด แต่ทั้งคู่กลับไม่แยแสเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะน้ำจากธรรมชาติเบื้องบนนี้ เทียบไม่ได้เลยกับน้ำที่กลั่นออกมาจากข้างในจิตใจ น้ำตาที่กำลังไหลรินออกมาจากนัยน์ตาของพวกเขา
“พีชว่า...” เด็กสาวเอ่ยปากออกมาด้วยเสียงอันขมขื่น “เราพอแค่นี้เถอะ...”
“...” ประโยคนี้ถึงทำกับให้ชายหนุ่มเศร้ายิ่งขึ้นไปอีก “พีช... พี่ขอโทษ... แต่...”
“พี่มาขอโทษตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้วค่ะ...” หญิงสาวยังคงยืนยันประโยคเดิมด้วยความหนักแน่น “มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก”
“...” ชายหนุ่มได้แต่ยืนอึ้งไม่ไหวติง
“งั้นหนูไปก่อนนะคะ” แล้วพีชก็เดินหันหลังจากไปในที่สุด
“เดี๋ยวก่อน!!!” ชายผู้น่าสงสารยังไม่ละความพยายาม เอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่ายได้ทันควัน  “พีชฟังพี่ก่อนนะ!!! พี่รักพีชจริงๆ นะ!!! เรื่องเมื่อกี้พี่ขอโทษจริงๆ!!! แต่เรากลับมา...”
“ก็เพราะพี่เป็นคนอย่างงี้ไงคะ!!!” พีชสะบัดมือออกแทบจะทันที ก่อนจะหันกลับไปหาเขาอีกครั้ง “พี่น่ะ... เป็นคนดีก็จริง... แต่... พี่ไม่เคยเข้าใจหนูเลยซักนิด...”
“...” ชายหนุ่มถึงจุกไปกับประโยคนี้เลยทีเดียว “พี่...”
“ถ้างั้น...” แต่ถึงอย่างนั้น น้ำตาของพีชก็ยังไม่หยุดไหลออกมา “ปล่อยให้ทุกอย่างมันจบลงตรงนี้ดีกว่าค่ะ”
“...” ขณะที่น้ำตาของชายหนุ่มยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่แพ้กัน “พี่ขอโทษ...”
“...” เด็กสาวได้แต่เดินหันหลังกลับไปเรื่อยๆ โดยไม่ใยดีกับคำพูดใดๆ ของชายหนุ่มทั้งสิ้น
“พีช... พีชๆ” ทว่า ท่ามกลางเหตุการณ์อันตึงเครียดเช่นนี้ กลับมีเสียงปริศนาของหญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาอย่างน่าสงสัย “พีช!!! ตื่นได้แล้ว!!!”
               เหตุการณ์ทุกอย่างก่อนหน้านี้สลายหายไปดั่งอากาศธาตุโดยพลัน ทันทีที่เสียงเตือนสติของหญิงคนหนึ่ง ดังลั่นมาในรูหูของพีช จนทำให้เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากภวังค์เสียที
               ทุกๆ อย่างนั้นเป็นเพียงภาพเหตุการณ์ในนิมิต เพราะบัดนี้ เบื้องหน้าของเธอคือห้องเรียนชั้น ม.ต้น ห้องหนึ่ง ณ โรงเรียนสุวัฒนา ไม่มีภาพบรรยากาศอันน่าหดหู่และโศกเศร้าอีกต่อไป จนเมื่อรู้ตัวอีกที เธอก็รู้สึกตัวเสียทีว่ากำลังนอนหลับคาหนังสือเรียนอยู่บนโต๊ะ ซึ่งถ้าไม่มีเสียงปลุกของเพื่อนคนนี้ สาวน้อยอาจนอนยาวไปอีกนานเท่าไรก็คงไม่มีใครรู้
“หือ... หยก มีไรอ่ะ?”
               พีชเงยหน้าขึ้นมาเพื่อเผยโฉมเสียที เธอเป็นเด็กสาว ม.ต้น โรงเรียนสุวัฒนาคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตานั้นจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์น่ารักเป็นอย่างยิ่ง ด้วยรูปร่างที่ผอมเพรียว กับส่วนสูงที่เตี้ยจนดูตัวเล็กน่าเอ็นดู อีกทั้งหน้าตาของเธอยังน่ารักเกินเด็ก ม.ต้น ธรรมดาทั่วไป ด้วยตาโตๆ หน้ากลมๆ รวมถึงผมที่ไว้สั้นปิดหน้าผากลงมา ที่สำคัญคือผิวอันขาวใสตามธรรมชาติ  จึงก่อเกิดเป็นหน้าตาน่ารักใสๆ ที่ไม่ว่าใครเห็นก็หลงรัก
“กินข้าวเหอะ”
               เพื่อนที่ช่วยปลุกเธอเมื่อครู่คือเพื่อนร่วมชั้นสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะ หน้าตานั้นถือว่าน่ารักพอสมควรด้วยหน้าหมวยๆ เกล้าผมม้า กับตาตี่ๆ แต่ถึงอย่างไรก็มิอาจเทียบกับรัศมีของปิ่นได้เลย
“อ๋อ...”
               ใบหน้าที่พึ่งตื่นของปิ่นนั้นยังคงดูไร้ชีวิตชีวา เหมือนยังไม่หายเศร้าจากฝันเมื่อครู่ แต่เมื่อผ่านไปซักระยะ เธอก็ดูเหมือนจะทำใจได้ ยิ้มด้วยความร่าเริงให้กับชีวิตจริง สลัดความเศร้าเมื่อครู่ออกไปให้หมดจนกลายเป็นคนละคน และเดินตามเพื่อนสนิทคนนี้ออกไปนอกห้องในที่สุด
“รอกูด้วยดิ!”
               ช่างน่าสงสัยยิ่งนักว่าฝันเมื่อกี้เป็นเรื่องจริงหรือแค่นิมิตฝัน ซึ่งเบาะแสชิ้นสำคัญนั้นก็อยู่บนโต๊ะของเธอเอง ณ จุดหนึ่งที่ถูกเขียนด้วยลิควิดตัวใหญ่ว่า Peah ตามด้วยรูปหัวใจเหมือนพยายามจะสื่อถึงความรัก หากแต่ทว่า คำสุดท้ายกลับถูกลิควิดระบายทับอีกทีจนมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น เหมือนกับชื่อของชายคนนี้ได้ตายจากความทรงจำไปแล้ว
               นี่คงจะเป็นเหตุการณ์จริงในอดีตของสาวน้อยผู้นี้เป็นแน่
 
วัยรุ่นหิมพานต์
บทที่ ๘ ไอ้หนุ่มหัวแหลมกับสาวน้อยหน้าหวาน
 
“เอ่อ...”
               พวกเขากลับมาอีกครั้ง ณ ห้องเรียนคหกรรม บรรยากาศโดยรวมในวันนี้ช่างเงียบเหงาเอาการยิ่งนัก อาจเป็นเพราะในเวลาพักเที่ยงเช่นนี้ คงไม่มีนักเรียนหน้าไหนยังนั่งอยู่ในห้องนี้เป็นแน่ เว้นแต่ว่าจะเป็นการส่งงานนอกรอบ ซึ่งในคราวนี้ ก็ถึงเวลาที่กันและพรรคพวกอย่างติ๊ก กฤต และซัน จะได้เอางานกลุ่มที่เพียรพยายามทำ มาส่งให้กับอาจารย์ผู้สอนเสียที
               หลายคนอาจสงสัยว่าพวกเขาทำงานเสร็จได้อย่างไรกัน ในเมื่อเหตุการณ์เมื่อคราวก่อน งานของพวกเขายังเริ่มต้นไปไม่ถึงครึ่งเลยซักนิด มิหนำซ้ำ ทั้งหมดกลับยังเละเทะตุ้มเป๊ะไปด้วยฤทธิสุราของกันอีก แล้วพวกเขาไปเอาเวลาที่ไหนมาทำกัน
               ซึ่งเมื่อดูผลงานที่พวกเขาทำออกมา ก็ไม่แปลกใจเลย
“นี่คือ?”
“ก็งาน... เอ่อ... ต้นไม้ประดิษฐ์ที่ครูสั่งไงครับ”
               ถึงปากจะบอกว่าเป็นต้นไม้ประดิษฐ์ แต่ดูๆ แล้วมันแทบไม่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการประดิษฐ์เลยแม้แต่ปลายนิ้วก้อย และถึงในความคิดแรกของซันจะวางแผนให้มันออกมาเป็นงานอันประณีตเพียงใดก็ตามแต่ สุดท้ายแล้ว มันก็เป็นเพียงงานที่ลวกเสียยิ่งกว่าลวกเกินกว่าจะสรรหาคำใดๆ มานิยามได้
               เห็นได้จากการเอากล้วยหอมลูกหนึ่งมาทิ่มลงไปในดินที่ใส่ไว้ในกระถางเล็กๆ สีดำ แถมยังอุตส่าห์เอาปากกาดำมาเขียนเป็นตากับปากให้กับกล้วยอีก เรียกได้ว่า มันถึงกับทำให้อาจารย์คนนี้ต้องอึ้งและทึ่ง ประหนึ่งว่าทั้งชีวิตนี้ไม่เคยเห็นงานอะไรชุ่ยเท่านี้มาก่อนยังไงยังงั้น
“ตั้งแต่ทำอาชีพนี้มาเป็นสิบปี ครูไม่เคยเห็นงานไหนมันจะ...” อาจารย์คงพยายามทำใจอยู่ “งั้นจะขอถามอีกทีนะ ไอ้ขยะชิ้นนี้มันคืออะไร?”
“โห เรียกว่าขยะมันก็ดูแทงใจดำไปนะครับ”
               ผู้ที่กล้าหาญชาญชัยจะนำเสนอขยะชิ้นนี้ได้อย่างภาคภูมินั้น มีเพียงกันที่ยังตีหน้าระรื่นอยู่คนเดียวเท่านั้น ในขณะที่คนอื่นๆ ได้แต่นั่งเงียบด้วยความละอายอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ โดยไม่กล้าชำเลืองตามองหน้าอาจารย์ที่อยู่บนโต๊ะข้างหน้าด้วยซ้ำ แค่นี้ก็คงจะเดาได้แล้วว่า ใครกันที่เป็นตัวต้นคิดไอเดียนี้ เรียกได้ว่าเป็นเวรเป็นกรรมของเพื่อน ฝูงจริงๆ
“เอาตรงๆ ผมว่ามันเป็นงานศิลปะครับ”
/ศิลปะพ่อศิลปะแม่มึงดิ/ ทั้งหมดต่างคิดเป็นเสียงเดียวกัน
“อืม...”
               เมื่อได้ยินดังนั้น อาจารย์การงานจึงเอื้อมไปหยิบงานอีกชิ้นหนึ่งบนโต๊ะข้างหลังมาวางให้พวกกันดู มันเป็นงานต้นไม้ประดิษฐ์เหมือนกับของพวกเขาก็จริง แต่คุณภาพนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว
               เพราะมันเป็นต้นไม้ประดิษฐ์จริงๆ ที่สูงเกือบ ๑ ม. ทำด้วยกระดาษเปเปอร์มาเช่หลากสีสันดูสวยงาม แถมสีสันที่ตัดกันยังดูอาร์ทเหมือนกับงานศิลปะแอบสแตรคท์เลยก็ว่าได้ ถึงกระนั้น รายละเอียดนั้นถือว่าทำได้ดีเยี่ยมจนเกือบเหมือนจริง จึงกลายเป็นต้นกล้วยกระดาษในกระถางอันสมบูรณ์แบบ เล่นเอา ม.๔/๘ ถึงกับจุกไปตามๆ กันเลยทีเดียว
/.../ ไม่มีใครกล้าให้ความเห็นกับงานนี้เลยซัก
“อันนี้ของห้อง ๖ ได้ ๑๘ คะแนน” อาจารย์อธิบาย “เอ่อ... ถ้าไอ้นั่นเรียกศิลปะ ไอ้นี่ไม่เรียกปิกัสโซ่เลยเหรอ?”
“โธ่... ก็นั่นมันห้องถา’ปัตย์นี่ ‘จารย์” กฤตช่วยแถให้ “เด็กวิทย์อย่างพวกผมมันจะสู้ได้ที่ไหน เหอๆ”
“งานนี้ครูให้เต็มที่ก็ไม่เกิน ๑ คะแนนนะ...”
“๑๐ คะแนนไม่ได้เหรอครับ” กันเริ่มต่อรอง
“ก็ถ้าเอาไปทำใหม่แล้วส่งพรุ่งนี้ก็ได้แหละ” อาจารย์ยื่นข้อเสนอให้ “ว่าไง นี่ช่วยสุดแล้วนะ”
“งั้นทำใหม่ดีกว่าครับ” ติ๊กตอบแทนกันให้
“ทำใหม่เหอะ ยังไงมันก็ไม่เละไปกว่านี้หรอก”  ซันคงจะพอเข้าใจอยู่
“ดีแล้ว งั้นก็...”
“ให้ตายเหอะ วิชาหน่วยกิต ๐.๕ เรื่องเยอะชิบหาย”
               เหตุการณ์ทุกอย่างดูจะคืบหน้าไปได้ด้วยดี ถ้าหากกันไม่บ่นประโยคนี้ออกมาเสียก่อน ถึงแม้จะเป็นเสียงเบาๆ แต่มันกลับแว่วเข้าไปในหูของอาจารย์คนนี้อย่างชัดเจน เล่นเอาชายแก่คนนี้ถึงกับบันดาลโทสะออกมาเลยทีเดียว
“เมื่อกี้เธอว่าไงนะ!?”
“เปล่าๆ ไม่ได้พูดเลยครับ” กันแก้ตัวแทบไม่ทัน
“หน่วยกิต ๐.๕ แล้วมันยังไง? ทุกวิชามันสำคัญหมดนะจะบอกให้!!!” อาจารย์เริ่มมีน้ำโหขึ้นทุกที
“ก็วิชานี้จบไปมันจะได้ใช้อะไรมั้ยล่ะครับ?” กันเถียงต่อ “จบไปครูจะให้ขีดขินส่งออกต้นไม้ประดิษฐ์เป็นอันดับหนึ่งรึไง?”
“ปากมากนักนะมึงเนี่ย?” อาจารย์ควบคุมตนเองไม่ไหวแล้ว “ไหนบอกชื่อมาดิ๊”
“บอกเรื่องจริงแล้วต้องหักคะแนนเลยเหรอครับ?” กันยังไม่หยุด “ผมทำไรผิดเนี่ย”
“ผิดสิวะ!!!”
“แล้วแต่เลยครับ ยังไงซะเกรดก็ไม่ได้สำคัญที่สุดอยู่แล้ว”
“...” ซันที่ได้แต่นั่งฟังมานานเริ่มหมดความอดทนแล้ว “เป๊าะ!”
“เพราะยังไง...”
“แต่สำหรับกูมันสำคัญว๊อย!!!!!!!”
               ผู้ที่สะสมความเครียดที่สุดในที่นี้ หาใช่อาจารย์การงาน หรือนักเรียนเจ้าปัญหาอย่างกันแต่อย่างใดทั้งสิ้น หากแต่เป็นซันผู้เก็บกด ที่ทำได้เพียงนั่งเงียบฟังการโต้เถียงของทั้งคู่คนเดียวมาเป็นเวลานาน จนเมื่อมาถึงจุดสูงสุด ชายหนุ่มผู้จริงจังจึงเก็บไว้ไม่ได้อีกต่อไป ระเบิดความเครียดทั้งหมดออกมาอย่างรุนแรง เพื่อหาที่ระบายเสียที
“แล้วไหงมาลงที่กูวะ!!!”
               ชายผู้เคร่งเครียดเรื่องเกรดรีบลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าแดงก่ำแฝงด้วยโทสะในทันที แต่ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบ เขากลับปล่อยหมัดขวาเข้าใส่กฤตที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างรุนแรง แทนที่จะเป็นกัน จนเพื่อนคนนี้ถึงกับกระเด็นตกเก้าอี้ออกไปไกลเลยทีเดียว
 “ครูพอจะเข้าใจแล้วแหละทำไมงานมันถึงออกมาเป็นอย่างงี้”
 

 
๕ นาที ผ่านไป
               หลังจากผ่านเรื่องราววุ่นวายก่อนหน้านี้มาได้อย่างลำเค็ญ ดูเหมือนว่ากันและพรรคพวกจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับงานชิ้นนี้เสียที พวกเขากำลังเดินกลับห้องไปตามทางเดินของโรงเรียนเรื่อยๆ ในขณะที่มือซ้ายของกันนั้นถือผลงานที่เขาแสนจะภาคภูมิใจเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ถือกล้วยที่พึ่งดึงออกมาจากกระถางนั้นออกมารับประทานอย่างมีความสุข
               นั่นเป็นหมายความว่า ไม่ว่าจะแถไปอีกซักกี่น้ำ แต่ต้นไม้ประดิษฐ์เละๆ พรรค์นี้ก็ไม่มีค่าพอจะส่งเป็นงานได้หรอก
“แล้วจะเริ่มทำตอนไหนอ่ะ กูจะได้ไปช่วยด้วย?” กันถามขณะที่กำลังเคี้ยวกล้วยในปากอย่างเอร็ดอร่อย
“มึงอ่ะอยู่เฉยๆ ไปเลย!!!” คำตอบนี้คงจะชัดเจนพอสมควร
“อะไรวะ แค่อยากช่วยงานเพื่อนเอง” กันทำท่าไม่พอใจอย่างมาก
“มึงไม่ทำให้ทั้งกลุ่มได้เกรด ๐ ก็บุญแค่ไหนแล้ววะ” ติ๊กเสริมขึ้นมา “มึงดูกฤตดิ”
               คงเป็นเพราะหมัดของซันแน่ๆ ที่ทำให้แก้มของกฤตถึงกับบวมเป๋งออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เป็นไร กูสบายดี” กฤตพยายามยิ้ม แต่ก็ไม่อาจซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ได้หรอก “เหอๆ”
“เอ่อ... มึงแน่ใจนะ?” กันถามเพื่อความมั่นใจ
“เออน่า กูไม่โกรธพวกมึงหรอก” แต่ซันที่ได้แต่ก้มหน้าเดินคงจะรู้สึกผิดจริงๆ
“กฤต!”
               เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่ดังเข้ามาหากฤตอย่างรวเร็ว เล่นเอาทั้งหมดถึงกับเหลือบสายตาไปมองพร้อมกันในบัดดล
               พวกเขาได้พบกับนักเรียนสาว ม.ปลาย คนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้า ไกลออกไปเกือบ ๕ ม. เป็นหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ผิวคล้ำ เกล้าผมม้ายาวไปด้านหลังผูกด้วยโบสีน้ำตาล ซึ่งถ้าว่าตามระเบียบของสุวัฒนาแล้วต้องอยู่ชั้น ม.๕ ไม่ผิดแน่ หน้าตานั้นเรียกได้ว่าน่ารักพอสมควร ถึงแม้ใบหน้าบึ้งตึงในขณะนี้คงจะดูไม่ค่อยรับแขกซักเท่าไรนัก แต่ที่สำคัญคือ ดูเหมือนกฤตจะรู้จักเธอเป็นอย่างดีเสียด้วย
“เอ็ม...!?” กฤตถึงกับสะดุ้งไปพักใหญ่
“ทำไมโทรไปไม่รับ?” หญิงที่ชื่อเอ็มถามต่อ
“เอ่อ... งั้นกูไปก่อนนะ ไว้เจอกัน!”
               หลังจากอำลาเพื่อนๆ อย่างรวบรัดแล้ว กฤตจึงไม่รอช้าใดๆ ทั้งสิ้น รีบวิ่งตรงไปหาเอ็มโดยเร็วที่สุด ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปด้วยกันสองต่อสอง และสิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ ทันทีที่พบหญิงคนนี้ กฤตนั้นถึงกับยิ้มออกมาด้วยความสุขอันล้นปรี่แบบไม่มีเหตุผลเลยทีเดียว
“พอดีเมื่อกี้ไปส่งงานอ่ะ” กฤตยิ้มตอบ
“แล้วหน้าไปโดนไรมาเนี่ย?” เอ็มถามต่อ
“อ๋อ... หกล้มน่ะ” กฤตพยายามแถ
“หกล้มบ้าไรช้ำซะขนาดนี้”
               นี่คงเป็นดังคำกล่าวที่ว่า “เห็นหญิงดีกว่าเพื่อน” เพราะกฤตถึงกับทิ้งเพื่อนๆ อีก ๓ คน เพื่อไปหาหญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น
“นั่นพี่มันเหรอวะ?” กันสงสัย “ทำไมหน้าตาไม่เห็นเหมือนกันเลย?”
“พี่เหี้ยไรล่ะ” ซันตอบให้ “นั่นเมียมันตะหาก”
“เฮ้ย!!!”
 

 
 
              อีกฟากหนึ่ง ณ ห้องน้ำหญิงแห่งหนึ่งของโรงเรียนสุวัฒนา  ที่นี่อาจดูเหมือนห้องน้ำธรรมดาๆ ทั่วไป ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีชมพูพอสวยงาม แต่หากเทียบเรื่องความสะอาดกับห้องน้ำชายด้วยกันแล้ว สุขอนามัยของที่นี่ก็ถือว่าดีกว่าเป็นไหนๆ
“ซ่าๆๆๆๆ”
               น้ำประปาอันบริสุทธิ์ถูกปล่อยออกจากก๊อกน้ำ บนอ่างล้างมือบริเวณหน้าห้องอย่างต่อเนื่อง มันช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากมืออันขาวเนียนคู่หนึ่ง ซึ่งเงาสะท้อนบนกระจกบานใหญ่เบื้องหน้า ก็เผยให้เห็นถึงใบหน้าอันขาวใสของพีชนั่นเอง
               หลังจากทำธุระจนเสร็จสิ้นแล้ว สาวน้อยก็บรรจงล้างมือคู่นี้อย่างนุ่มนวลซักพัก จากนั้นจึงกวักน้ำขึ้นมาล้างใบหน้าอีกทีหนึ่ง จ้องมองไปยังเงาสะท้อนของตนบนกระจก เพื่อตรวจเช็คสภาพหน้าตาเป็นรอบสุดท้าย หากแต่ทว่า เธอกลับพบความสยดสยองเล็กๆ บนใบหน้าอันขาวใสนี้ จนถึงขั้นต้องกรีดร้องเสียงหลงลั่นห้องน้ำเลยทีเดียว
“กรี๊ดดดดดดดดดดด”
               เสียงแหลมแสบแก้วหูอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอดังลั่นไปทั่วห้องนี้ในบัดดล จนนักเรียนหญิงคนอื่นๆ ถึงกับสะดุ้งไปตามๆ กันเลยทีเดียว สายตาทั้งหลายจึงพุ่งมายังตัวต้นเสียงอย่างพีช พร้อมด้วยความสงสัย ว่าอะไรกันที่ทำให้สาวน้อยคนนี้ถึงกับกรีดร้องแบบไม่เกรงใจใครเช่นนี้
“สิวมาได้ไงเนี่ย!!!”
               ความจริงแล้ว มันเป็นเพียงสิวเม็ดเดียวเท่านั้นเอง ในวัยเจริญพันธุ์เช่นนี้ สิวถือเป็นสิ่งที่ต้องเกิดกับวัยรุ่นทุกคนไม่ว่าจะชายหรือหญิง อยู่ที่ว่าใครจะมีมากมีน้อยกว่ากันก็เท่านั้น ดังเช่นพีช ที่อยู่ดีๆ สิวเม็ดเล็กๆ สีแดงก็ปรากฏกลางหน้าผาก แต่ด้วยใบหน้าอันขาวเนียนและน่ารักของเธอ การมีสิ่งสกปรกบนใบหน้าแค่จุดเดียวก็ถือเป็นจุดสังเกตแล้ว นี่กระมัง ที่เป็นสาเหตุของเสียงกรีดร้องนี้
“เมื่อวานก็ล้างหน้าดีแล้วนี่!”  พีชยังวุ่นไม่หาย “แล้วอยู่ๆ มาได้ไงเนี่ย!? ชิบหายแล้วไง หน้ากู...”
“แค่สิวเม็ดเดียวโวยวายยังกะผีเข้าเลยเหรอ?”
               จู่ๆ เสียงของหญิงสาวอีกคนก็ดังขึ้นมาที่อ่างข้างๆ และเมื่อพีชหันกลับไปตามต้นเสียงนี้ ก็ได้พบกับนักเรียนหญิง ม.ปลาย คนหนึ่ง ขนาดตัวนั้นพอๆ กันกับเธอ แต่สิ่งที่ดูจะเป็นจุดเด่นชัดที่สุด เห็นจะเป็นเครื่องสำอางบนใบหน้าของเธอ  
               ทั้งรองพื้นที่โปะจนขาวผ่องเหมือนจะเล่นงิ้ว คิ้วที่เขียนจนยาวเกือบถึงหู มาสคาร่ายาวเฟื้อย รวมถึงปากที่ทาด้วยลิปสติกสีแดงเข้ม ด้วยเครื่องสำอางที่จัดเต็มจนเกินเลยไปซักหน่อย จึงกลายมาเป็นใบหน้าที่แลดูไม่เหมือนคนปกติที่แต่งหน้าไม่เป็น ทั้งๆที่หน้าจริงใต้เครื่องสำอางนี้อาจน่ารักพอๆ กับพีชด้วยซ้ำ และดูท่าสาวน้อยปริศนาคนนี้ก็ดูจะภูมิใจกับหน้าตาของตนเสียด้วย
“พี่เมย์?”
“แต่ก็อย่างว่าแหละ หน้าตาไม่ดีก็งี้แหละ” คำพูดนี้ดูจะย้อนกลับไปหาเมย์เต็มๆ เลย
“แหม พูดไม่ดูหน้าตัวเองเลยเนาะ” พีชแอบกระซิบ แถมยังอุตส่าห์ชมต่อท้ายให้ด้วย “ดอก”
“เมื่อกี้ว่าไงนะ?” และเหมือนเมย์จะบังเอิญได้ยินด้วย
“เปล่าค่ะ หนูแค่จะบอกว่าหน้าตาธรรมด๊า ธรรมดาอย่างหนู สู้พี่เมย์สุดสวยสุดเริ่ดไม่ได้หรอกค่ะ” ประชดชัดๆ “๕๕๕๕๕๕”
“รู้ตัวก็ดีแล้วจ่ะ” เมย์ยังไม่รู้ตัว “๕๕๕๕๕๕”
“๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕” แล้วทั้งสองก็หัวเราะตามประสาผู้หญิงจนดังลั่น จนหลายคนเริ่มออกอาการรำคาญแล้ว
“ช่วงนี้เงียบๆ ไปเลยนะ” เมย์ชวนคุยต่อ “ไม่เหมือนพีชเลย ๕๕๕”
“แหม หนูก็เป็นงี้อยู่แล้วป่ะคะ  ๕๕๕”
“พอไม่มีเอ็กซ์คุ้มหัวนี่ทำตัวเป็นเด็กดีขึ้นเยอะเลยเนอะ ๕๕๕๕๕”
               หากแต่ทว่า แค่คำคำเดียวกลับทำให้ท่าทีอันเป็นกันเองของทั้งคู่เป็นอันต้องพังทลายในบัดดล ทันทีที่เมย์เอ่ยประโยคออกมานี้ ใบหน้าของพีชก็พลันแปรเปลี่ยนไป จากใบหน้าอันยิ้มแย้ม กลายเป็นใบหน้าอันจริงจัง แฝงไปด้วยความโกรธเล็กๆ เจือในนัยน์ตา ราวกับเรื่องที่คุยกันเมื่อกี้เป็นเพียงอดีต แล้วเอ็กซ์เป็นใครกัน? ถึงทำให้พีชเดือดถึงขนาดนี้
“๕๕๕๕๕ แล้ว...” เมย์ยังหัวเราะไม่หยุด
“พูดอีกทีสิ อีดอก” คำพูดแรงๆ ถูกปล่อยออกมาจากปากของพีชในที่สุด
“...” เมย์ถึงกับอึ้งไปซักพัก “เมื่อกี้อะไรดอกๆ นะ”
“หุบปากไปเลย อีนางละครงิ้ว” คำนี้ดูจะแทงใจดำเมย์ที่สุด “เสือกไรกูวะ?”
“ทำไม!? พูดถึงผัวเก่าแค่นี้ไม่ได้รึไง!?” เมย์เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้ว
“ตบป่ะคะ?”
 

พื้นที่พักสายตา

 
               บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับในละครหลังข่าวยังไงยังงั้น สายตาอันจริงจังของพีชกับเมย์ที่ผสานกัน  เป็นดั่งสัญญาณว่าทั้งสองพร้อมจะเปิดศึกห้ำหั่นกันในไม่ช้าแน่ๆ เล่นเอาห้องน้ำหญิงแห่งนี้ กลายเป็นสนามรบในทันใด
“ก็อย่างว่าอ่ะนะ หน้าตามันดีซะอย่าง ยังไงก็หาแฟนได้อยู่แล้ว”
               กลับมาที่ทางด้านเหล่า ม.๔/๘ กันบ้าง พวกเขายังคงเดินสบายๆ ไปตามทางเดินใต้อาคารเรียนนี้เรื่อยๆ พลางคุยเรื่องของกฤตกับเอ็มไประหว่างทางด้วย
“ที่มึงพูดก็จริงแหละ” กันยิ้มบอก “ก็โชคดีของมันล่ะนะ ๕๕๕”
“ว่าแต่มึงอ่ะ?” ซันถามต่อ “ก่อนมาอยู่นี่ มึงเคยมี... เรื่องไรพวกนี้ป่าว?”
“...” กันนิ่งไปซักพัก “เรื่องนั้นกูว่าอย่าพูด...”
“คุยเรื่องสาวกันอยู่เหรอจ๊ะ?”
               ดั่งสัตว์ป่านักล่าที่ได้กลิ่นเหยื่อโชยมาแต่ไกล ทันใดนั้น ก็อตพร้อมกล้องตัวโปรดก็เดินเข้ามาข้างตัวกันแบบเนียนๆ เสียแล้ว เล่นเอาอีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว
“สหายก็อต ?มึงมาไงเนี่ย!?” กันถามด้วยความสงสัย
“พอดีบังเอิญมีธุระแถวนี้พอดีอ่ะนะ” ก็อตตอบ “เลยแวะมาหาเพื่อนหน่อย”
“ไปไหนมาล่ะวะ งานยังไม่เอาไปส่งด้วยกันเลยสัส” ซันถามต่อ
“เรื่องงานโทษทีละกัน” ก็อตทำไม่รู้ไม่ชี้ “แต่มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลยนะ กัน”
“คำถาม?”
“มึงเล็งคนไหนไว้อยู่ล่ะ?” ก็อตถามต่อ “ม.ต้น ม.ปลาย จะดังไม่ดัง กูรู้หมดแหละ บอกได้นะ”
“นี่มึงคิดว่ามันจะไปหม้อหญิงเหรอวะ?” ติ๊กช่วยถามให้
“หน้าหื่นๆ กามๆ อย่างมันก็คงไม่พ้นเรื่องพวกนี้หรอก”
“มันหน้าหื่นก็จริง แต่คงไม่...”
“คือพวกมึงจะพูดไรก็ช่วยให้เกียรติกูหน่อยก็ดีนะ” คำพูดของทั้งสองดูจะเสียดแทงใจกันมาก
“แล้วตกลงใครล่ะวะ?” ก็อตยังไม่เลิก “กูพร้อมช่วยมึงเสมอ”
“ไม่อ่ะ” กันส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เลยซักนิด”
“ไม่เข้าตาซักคน?”
“คือไม่ใช่อย่างงั้นเว้ย” กันพยายามแก้ต่าง “โรงเรียนนี้หน้าตาน่ารักเยอะก็จริงนะ แต่...”
“นั่นไง” ก็อตเริ่มจับผิด “กูได้ยินนะจะบอกให้”
“เออ แล้วแต่มึงเลยละกัน” กันดูจะเอือมระอาเต็มที
“แต่มึงระวังๆ ไว้ก็ดีเหมือนกัน” ก็อตเสริมต่อ “เห็นหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์งี้ แต่บางคนแม่งไม่เป็นอย่างที่มึงคิดนะเว้ย”
“ยังไงวะ?”
 

 
              ใกล้ๆ กับจุดที่พวกเขากำลังเดินอยู่นั้นเอง บริเวณใต้อาคารทางด้านขวา หยกก็เหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่หน้าห้องน้ำ และคงเดาได้ไม่ยากหรอก ว่าเธอกำลังรอใครกันแน่
“นี่มันเยี่ยวหรือมันขี้วะ?” หยกเริ่มตั้งคำถามกับเพื่อนคนนี้
“กรี๊ดดดดดดดด”
               ไม่จำเป็นต้องยืนรอให้เมื่อยขาอีกต่อไป เพราะบัดนี้ พีช เพื่อนของเธอได้ออกมาจากประตูห้องน้ำตามคำเรียกร้องแล้ว มิหนำซ้ำ เธอยังกระชากมวยผมรุ่นพี่ผู้แต่งหน้าจัดอย่างเมย์ออกมาด้วยอีกคน พร้อมกับเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของอีกฝ่ายที่ดังลั่นออกมา เล่นเอาหลายๆ คนในบริเวณนั้น รวมทั้งพวกของกันถึงกับอ้าปากค้างไปตามๆ กันเลยทีเดียว
“พีช! พี่เมย์!?” หยกที่ดูจะรู้จักกับทั้งสองเป็นอย่างดีเริ่มทำอะไรไม่ถูกแล้ว “อะไรกันล่ะเนี่ย!!!”
“เป็นเหี้ยไรกับหนูมากป่าวคะ!?”
               หลังจากลากอีกฝ่ายออกมาให้ประชาชนได้เห็นเป็นขวัญตาแล้ว พีชจึงขออนุญาตตบแรงๆ เข้าไปยังหน้าของรุ่นพี่คนนี้โดยพลัน เอาซะรองพื้นปริมาณมากถึงกับลอยออกมาจากแก้มของเมย์ ติดมือสาวน้อยออกมาด้วยเลยทีเดียว
และยังไม่พอ เธอยังระดมตบเข้าไปอีกหลายต่อหลายครั้ง จนเมย์ได้แต่ถอยร่นไปเรื่อยๆ แทบไม่มีเวลาให้ตั้งตัวด้วยซ้ำ สภาพของพีชในตอนนี้ไม่ต่างกับนักกีฬาวอลเลย์บอล ที่มีหน้าที่เพียงตบ ตบ แล้วก็ตบเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าเด็ก ม.ต้น คนเดียว จะมีทักษะด้านการตบขนาดนี้
 

 
 
“ก็เป็นอย่างงี้ไง”
               และจากบทสนทนาที่ค้างอยู่ของกันกับก็อต สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าก็ทำให้หนุ่มหัวแหลมค้นพบสัจธรรมในที่สุด ว่าภายใต้ใบหน้าอันใสซื่อนั้นมันคืออะไรกันแน่
“งั้นกูไปล่ะ”
               ด้วยความเป็นสายข่าวของโรงเรียน ในขณะที่คนอื่นๆ ใช้เพียงสังข์ในการเก็บภาพการต่อสู้นี้อยู่ห่างๆ ตามแบบฉบับไทยมุง แต่ก็อตกลับแทรกตัวเข้าไปในวงล้อมนี้อย่างรวดเร็ว แล้วใช้กล้องความคมชัดสูงถ่ายคลิปเหตุการณ์นี้เอาไว้จากระยะใกล้โดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น
“งี้เองเหรอวะ?” แม้แต่กันยังหยุดดูการต่อสู้นี้ “โรงเรียนกู ผู้หญิงใช้คาถาตบกันไปนานแล้ว ๕๕๕”
“ทำไมโรงเรียนมึงโหดสัสจังวะ” ซันก็ยังหยุดดูอีกคน
“...” มีแต่ติ๊กที่ดูจะไม่ใส่ใจเท่าไรนัก
 

 
 
               เมื่อผู้ชมเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ การต่อสู้นี้ก็ใกล้จะดำเนินมาถึงจุดจบลงเสียที เพราะตอนนี้ พีชได้จังหวะเหมาะในการขึ้นคร่อมตัวคู่ต่อสู้แล้ว และเมื่อจับกดคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ สาวน้อยจึงตบรัวๆ ใส่เมย์ที่ไร้ทางสู้อย่างหนักหน่วง จนเมื่อรู้สึกตัวอีกที หน้าอีกฝ่ายก็แดงไปหมดเสียแล้ว
“ช็อตนี้ดูดีมากเลย!” ก็อตตามเก็บทุกช็อตจริงๆ
“ไง วันหลังจะมาเสือกเรื่องหนูอีกมั้ย?” พีชเย้ยหยันถามอีกฝ่าย
“ไม่... ไม่แล้วจ้า...” เมย์ยอมแพ้เสียที
“งั้นขออีก...”
“ทำไรแฟนกูวะ!!!”
               ทว่า ขณะที่พีชกำลังง้างมือเตรียมตบครั้งสุดท้ายนั้นเอง มือของชายคนหนึ่งก็ได้เข้ามาจับข้อมือเธอเอาไว้ได้เสียแล้ว
และเมื่อสาวน้อยหันกลับไป ก็ได้พบกับนักเรียนชาย ม.ปลาย รูปร่างผอมเตี้ย ผิวคล้ำ เด่นที่ทรงผมอันรกรุงรังคล้ายกับรังนก เหมือนกับไม่ได้ตัดมาชาติกว่าๆ แล้ว และเมื่อดูจากสายตาอันโกรธเกรี้ยวแล้ว เขาคงจะเป็นแฟนของเมย์ไม่ผิดแน่
“เต้!!!”  เมย์ถึงกับร้องลั่นด้วยความดีใจ ทันทีที่พบหน้าสุดที่รัก
“พี่เต้...” พีชถึงกับชะงักไปพักหนึ่ง
“ไหนมาคุยกันก่อนเด๊ะ!!!”
               จากนั้น เต้จึงกระชากมือพีชออกมาจากตัวเมย์อย่างรุนแรง แน่นอนว่าแรงของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ ไม่มีทางจะสู้แรงของอีกฝ่ายที่เป็นชายได้เลยแม้ซักนิด เล่นเอาสถานการณ์และบรรยากาศ ณ ที่นี้ เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ทันทีที่พีชต้องมาอยู่ในความควบคุมของชายคนนี้
“แหะๆ” พีชดูจำอะไรไม่ถูกแล้ว “ขอโทษนะคะ...”
“ขอโทษมันไม่หายหรอก!!!” เมย์ยังแค้นจัดไม่หาย “จัดการมันเลย เต้!!!”
“งั้นก็โทษทีนะ พีช”
               ในขณะที่มือขวาจับข้อมือของอีกฝ่ายไว้แน่น ฝ่ามืออีกข้างของเต้ก็ง้างสูงขึ้นไปในอากาศ เตรียมจะตบหน้ารุ่นน้องคนนี้เพื่อเป็นการเอาคืนให้กับแฟนของตนให้สาสม เด็กสาวตัวเล็กแค่นี้ หากโดนเข้าไปแค่ทีเดียวคงจะเจ็บหนักน่าดูเลย เล่นเอาใจของพีชแทบไม่อยู่กับร่องกับรอยในตอนนี้ แล้วเธอต้องทำอย่างไรกัน ถึงจะรอดพ้นจากภยันตรายนี้ได้
 

 
 
“ชิบหายแล้วไง!!!”
               คำตอบคือไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น เพราะอัศวินขี่ม้าข้าวกำลังจะไปช่วยเธอในไม่ช้าแล้ว
“กัน!!!”
               เมื่อเห็นว่าสาวน้อยไร้ทางสู้คนนี้กำลังจะถูกทำร้ายร่างกายในไม่ช้า ไอ้หนุ่มหัวแหลมที่กำลังยืนดูอยู่ห่างๆ ไม่อาจอยู่เฉยได้อีกต่อไป เสมือนความเป็นชายของเขาถูกปลุกขึ้นมาจนเต็มเปี่ยม รีบก้าวเท้าวิ่งออกไปข้างหน้า พร้อมกับละอองแสงสีทองที่เข้าปกคลุมรอบกาย และภายในเวลาชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น มันได้แปรเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นวานรสีขาวทรงพลังในบัดดล
               หลังจากแปลงร่างจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ลิงขาวก็จับข้อมือซ้ายของตนไว้แน่น กดมันลงข้างล่างไปทางขวามือ ก่อนที่ลายเส้นสีเขียวมรกตจะปรากฏเต็มทั่วแขนข้างซ้าย พร้อมๆ กับพายุหมุนขนาดเล็กบนฝ่ามือ ที่เริ่มก่อตัวและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เต็มที
               เมื่อวิ่งมาจนถึงระยะทางอันพอเหมาะ พายุหมุนบนฝ่ามือซ้ายของกันก็แปรเปลี่ยนเป็นพายุอันเชี่ยวกรากในชั่วพริบตา จากนั้นจึงปล่อยอัดใส่พื้นด้านล่างเต็มแรง เป็นแรงส่งให้กับลิงขาว จนทั้งร่างถึงกับลอยสูงขึ้นไปกลางอากาศอย่างน่าอัศจรรย์ทีเดียว
และด้วยการทำมุมของมือที่คำนวณออกมาอย่างเหมาะเจาะ มันจึงทำให้ร่างของกันกำลังพุ่งตรงเข้าใส่เต้ที่อยู่ห่างออกไปเกือบ ๑๐ ม. อย่างรวดเร็ว พร้อมกับขาซ้ายที่ง้างไว้แน่น เตรียมพร้อมจะเตะอยู่รอมร่อ ก่อนที่มือของเต้จะเข้ามาตบพีชในไม่ช้า
“ไอ้หน้าตัวเมียเอ๊ย!!!”
               ภายในเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น เมื่อกันสามารถลอยมาอยู่ต่อหน้าเต้ได้ทันกาล พีชก็รอดพ้นจากเงื้อมมือชายคนนี้เสียที ด้วยลูกเตะอันทรงพลังจากฟากฟ้าของลิงขาว ที่เตะตัดกลางอากาศเข้าใส่ใบหน้าของเต้เสียเต็มแรง จนอีกฝ่ายถึงกับกระเด็นออกไปไกลเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเส้นยาแดงผ่าแปดเลยก็ว่าได้ สำหรับชะตากรรมของสาวน้อยคนนี้ เมื่อได้ไอ้หนุ่มหัวแหลมคนนี้มาช่วยอย่างหวุดหวิด
“แอ่กกกกก” โดนแค่ทีเดียว เต้ก็ลุกไม่ขึ้นเสียแล้ว
“เต้!!!” เมย์รีบลุกไปดูอาการแฟนอย่างรวดเร็ว
“รังแกผู้หญิงน่ะ มันไม่ยิ่งใหญ่เลยนะ”
“เอ่อ...” พีชยังตั้งตัวไม่ถูกกับสิ่งที่เกิดขึ้น “คือ...”
“เกือบลืมเลย” กันหันหลังกลับไปหาพีชอย่างรวดเร็ว “เป็นไรป่าวเนี่ย?”
“....”
               แต่ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบ แค่กันหันหน้ากลับไปหาสาวน้อยพร้อมคืนกลับเป็นร่างมนุษย์ตามเดิมเท่านั้น ใบหน้าของกันที่พีชเห็นกลับดูดีมีสเน่ห์ขึ้นหลายเท่าตัวอย่างน่าแปลกประหลาด เสมือนมีประกายแสงสาดส่องเข้ามายังตัวไอ้หนุ่มหัวแหลมคนนี้ ทำให้หน้าตาธรรมดาๆ ของเขาดูดีขึ้นยังกับไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีมา ออร่าอันเจิดจรัสปรากฏกายทั่วร่างของกัน จนสาวน้อยผู้ใสซื่อคนนี้ ถึงกับตกตะลึงในสเน่ห์นี้ของชายคนนี้ไปเลยทีเดียว
/หล่อ.../ พีชคิดในใจ /หล่อเกินไปแล้ว..../
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ทั้งๆ ที่ใบหน้าของกันแทบไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลยซักนิด “เจ็บป่าวเนี่ย”
“เอ่อ...” พีชเริ่มอายจนไม่อยากมองหน้ากัน “คือ... ขอบใจนะคะที่ช่วย...”
“ไม่เป็นไรหรอก” กันยิ้มบอก “ปกป้องผู้หญิงมันหน้าที่ของผู้ชายอยู่แล้ว”
/แถมเป็นคนดีด้วย.../ พีชยิ่งอายเข้าไปใหญ่ /พี่คนนี้เป็นใครกัน...?/
“เอ่อ... หนูชื่อพีช...” พีชเอ่ยปากถาม “แล้วพี่ชื่อไรอ่ะคะ?”
“หือ จู่ๆ ก็ถามชื่อเลยแฮะ ๕๕๕” กันยิ้มรับ “พี่ชื่อกัน คนที่จะเป็นชายผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโรงเรียนนี้ไงล่ะ!!!”
/เท่ห์!!!/ ก็ไม่รู้ประโยคไร้สาระนี้มันเท่ห์ตรงไหนเหมือนกัน
“เป็นไปได้เหรอวะ?” ก็อตที่ยืนมุงดูอยู่ไม่รอช้า หยิบกล้องมาถ่ายทั้งคู่เอาไว้อย่างรวดเร็ว “พีชเนี่ยนะ?”
“ถ้าไม่มีไรแล้ว งั้นพี่ไปล่ะ” กันเดินหันหลังกลับไปในที่สุด “ทีหลังก็ระวังๆ ตัวไว้ละกัน”
/คนนี้แหละ!!!/ หัวใจของพีชเต้นแรงขึ้นทุกที “นี่เราตกหลุม...”
“เอ่อ...” พีชตะโกนถามตามหลัง “พี่กันคะ!!!”
“ว่าไง?” กันหันกลับไปตามคำเรียกร้อง “สงสัยไรกับพี่อีกล่ะ?”
“หนูชอบพี่ค่ะ!!!”
               ช่างอยู่เหนือความคาดหมายยิ่งนัก ถึงพีชจะแสดงท่าทีว่าชอบกันซักเพียงใด แต่คงมีผู้หญิงไม่มากนักที่กล้าสารภาพความในใจไปตรงๆ กับหนุ่มที่หมายปอง มิหนำซ้ำ นี่ยังเป็นการพบกันเพียงแค่ไม่ถึง ๕ นาที จึงทำให้กรณีของพีชนับว่าแปลกประหลาดยิ่งนัก เพียงแค่ประโยคคำถามประโยคเดียวเท่านั้น ถึงกับทำให้ทุกคนโดยรอบถึงกับยืนอึ้งไปตามๆ กันเลยทีเดียว ด้วยคำถามอันคาใจ ว่าเพราะเหตุอันใดกัน เด็กสาวหน้าตาน่ารักอย่างพีชถึงมาชอบคนอย่างกันได้?
               และผู้ที่แลดูจะอึ้งและทึ่งมากที่สุดเห็นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากกัน เสมือนเวลาของเขาหยุดนิ่งลงไปชั่วขณะ ร่างของเขาไม่ขยับเขยื้อนไปไหนทั้งสิ้น ประหนึ่งคำสารภาพนี้ทำให้วิญญาณของไอ้หนุ่มหัวแหลมหลุดลอยออกไปในพริบตา แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อไปกันล่ะ? เมื่อจู่ๆ ก็มีสาวน้อยน่ารักอย่างพีชมาสารภาพรักต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้
 
โปรดติดตามบทถัดไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา