วัยรุ่นหิมพานต์

7.9

เขียนโดย โชจัง

วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.15 น.

  20 บท
  38 วิจารณ์
  26.49K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 20.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) ฝิ่นสีชาด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"ดังนั้น ถ้าเราผสมกรดเกลือลงไปในสารประกอบไฮโดคลอริค..."

              รุ่งอรุณอันสดใสเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ณ โรงเรียนสุวัฒนา ดังปกติเช่นทุกวัน นี่คงเป็นเวลาสำหรับคาบเรียนแรกของวัน อาจารย์และนักเรียนทุกคนต่างประจำห้องเรียนของตนเพื่อทำหน้าที่การศึกษาของตน ช่างเป็นวันธรรมดาแสนดีอีกวันหนึ่งสำหรับสุวัฒนาเสียจริง

               และในเวลาคาบเรียนแรกนี้เอง ห้อง ม.๔/๘ ก็ดูจะมีอะไรแปลกๆ ไปบ้างพอสมควร ทั้งประตูหน้าต่างทุกบาน รวมถึงไฟทุกดวงภายในห้องถูกปิดสนิท แสงแดดยามเช้าจากภายนอกไม่อาจเล็ดลอดเข้ามาได้แม้แต่น้อย ทั้งห้องตกอยู่ในสภาพเกือบมืดมิด สิ่งเดียวที่เหล่านักเรียนพอจะมองเห็นได้ชัด คงมีเพียงจอโปรเจคเตอร์หน้าห้อง ซึ่งกำลังฉายภาพสื่อการเรียนการสอนวิชาเคมี โดยมีอาจารย์ประจำชั้นอย่าง อ.ชรัส คอยตั้งหน้าตั้งตาสอนเหล่าลูกศิษย์อันเป็นที่รักอย่างเคร่งครัด

                แน่นอนว่าบรรยากาศมืดๆ คลับคล้ายคลับคลากับห้องนอนยามพลบค่ำเช่นนี้ คงเป็นเหตุให้หลายต่อหลายคนตกอยู่ในสภาพง่วงหงาวหาวนอนเป็นแน่ ยิ่งเเป็นคาบแรกของวันหลังจากตื่นนอนด้วย จึงไม่แปลก หากนักเรียนบางส่วน ดังเช่นกฤตไม่อาจฝืนไหว เป็นอันต้องหลับนัยน์ตาทั้งสองลง แล้วหลับทั้งนั่งด้วยท่วงท่าที่ดูเหมือนกำลังตั้งใจเรียนอย่างแนบเนียนชนิดไม่มีใครจับสังเกตได้เลย

               ถึงแม้แต่ละคนจะง่วงนอนซักเพียงใดก็ตาม แต่เชื่อได้เลยว่า คงไม่มีใครหน้าไหนจะง่วงได้เท่านักเรียนคนล่าสุดคนนี้ได้แน่นอน

"ขอ'ณุญาตเข้าห้องครับ"

               ระหว่างการเรียนการสอนนี้เอง จู่ๆ ประตูหน้าห้อง ม.๔/๘ ก็ถูกเปิดออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งห้องเป็นอันต้องหันมาเหลียวมองอย่างพร้อมเพรียง และพวกเขาจึงได้พบกับชายผู้เข้ามาขัดจังหวะการเรียนการสอนของ อ.ชรัส กัน ผู้กำลังเดินเข้ามาด้วยสภาพงัวเงียสุดขีดนั่นเอง

               ความงัวเงียของไอ้หนุ่มหัวแหลมคนนี้เห็นได้ชัดจากขอบตาทั้งสองข้างที่ช้ำดำดั่งหมีแพนด้า รวมถึงหนังตาที่แทบจะลืมแหล่ไม่ลืมแหล่อย่างฝืนทน ประหนึ่งคนไม่ได้นอนติดต่อกันหลายวัน สภาพอันชวนสงสัยเช่นนี้ สร้างความฉงนให้กับเพื่อนทุกรายไปตามๆ กันเลยทีเดียว

                คาบเรียนหนึ่งกินเวลาทั้งหมด ๕๐ นาที และถึงแม้จะล่วงเลยไปกว่า ๓๐ นาที แล้ว แต่ก็ยังมีนักเรียนคนหนึ่ง อุตส่าห์ถ่อสังขารมาเรียนในเวลาที่สายจนใกล้จะหมดคาบอยู่รอมร่อแล้ว เหตุการณ์อะไรแบบนี้คงทำให้ อ.ชรัส ขำไม่ออกแน่ๆ ด้วยแววตาที่เหลียวไปจ้องเขม็งมาด้วยความเคร่งเครียดและไร้ซึ่งใยดี ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ที่จะทำให้กันรู้ซึ้งถึงความหมายที่อาจารย์ท่านนี้ต้องการจะสื่อ

"อ้อ... โทษทีครับ..." กันพนมมือขอโทษก่อนจะปิดประตูกลับตามเดิม

“...” ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงันซักพักหนึ่ง

"จะทำไงกับไอ้นี่ดีวะเนี่ย..." อ.ชรัส บ่นกับตัวเอง ก่อนจะจับไมโครโฟนขึ้นมาสอนต่อ "โอเค ดังนั้นเราจะเขียนพันธะเคมีนี้ว่า..."

"กูก็ลืมโต๊ะกูอยู่หลังห้อง"

               ช่างเหนือความคาดหมายยิ่งนัก อ.ชรัส คงคิดว่าตนสามารถไล่กันออกจากห้องนี้ไปได้แล้วแน่ๆ กลับกลายเป็นว่าเขาคิดผิด เพราะเบื้องหน้าของเขา คือภาพของนักเรียนตัวแสบที่กำลังเดินดุ่ยๆ เข้ามาผ่านประตูหลังห้องเข้ามาโดยไม่สนสายตาของใครก็ตามแต่ ไม่มีแม้แต่ใบหน้าหรือจิตใจอันสำนึกผิดใดๆ ทั้งสิ้น เล่นเอา อ.ชรัส ทำอะไรไม่ถูก จนโทสะในใจเริ่มที่จะปะทุออกมาบ้างแล้ว

"...มึง..." อ.ชรัส พยายามอดกลั้นให้ได้มากที่สุด "ไอ้... กิต... ติ...."

"'รุณหวัด 'หายติ๊ก" กันยังคงเดินเข้ามาโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น

"..." ติ๊กที่กำลังนั่งจดเนื้อหาใส่สมุดอยู่อย่างตั้งใจก็คงอึ้งไม่แพ้คนอื่นๆ "เออ..."

"ไอ้... ไอ้..." ส่วนตัว อ.ชรัสเอง ก็คงไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรออกมาพูดกับนักเรียนคนนี้อีกแล้ว

"'รุณหวัด... แล้วก็..." หากสังเกตดีๆ ในมือขวาของเขาก็คือหมอนสามเหลี่ยมคู่ใจจากห้องนอนนั่นเอง "ราตรีสวัสดิ์..."

                ความอดทนของ อ.ชรัส หมดลงในทันที เมื่อเห็นกันล้มตัวลงไปนอนบนโต๊ะโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น  ยังดีที่วันนี้เขาพกหมอนมาด้วย อย่างน้อยก็คงพอทำให้การนอนในห้องเรียนสบายขึ้นกว่าทุกวันเป็นไหนๆ ทว่า ไอ้หนุ่มหัวแหลมคนนี้คงไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่า ในขณะที่กำลังนอนกลางวันอย่างสบายใจเฉิบนั้นเอง อาจารย์สุดที่รักคนนี้ก็ถึงคราต้องระเบิดความพิโรธอันคับแค้นในใจออกมาเสียที

"โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ้เด็กเหี้ย!!!" อ.ชรัส โยนไมค์ทิ้ง แล้วเตรียมจะพุ่งเข้าหากันทันที "มึงตาย!!!"

"เฮ้ย 'จารย์ ใจเย็นๆ" นักเรียนชายที่พอจะมีแรงแถวก็ช่วยรั้งเท่าที่จะทำได้ "ปล่อยมันไปเหอะ"

"อย่าห้ามกู!!! เอ๊ย!!! อย่าห้ามครู!!!" อย่างน้อยอาจารย์ก็ยังมีมารยาทดีกับนักเรียนคนอื่นๆ

"ว๊ากกกกกกกกกกกกก"

                สภาพโกรธแทบบ้าของ อ.ชรัส คงไม่อาจมีใครสามารถเยียวยาไหวได้อีกต่อไป ทั้งห้องตกอยู่ในความวุ่นวายด้วยอาการสติแตกของอาจารย์ผู้สอน คาบเรียนวิชาเคมีเป็นอันต้องพังทลายลงด้วยน้ำมือของนักเรียนผู้ง่วงนอนเพียงคนเดียว สมชื่อนักเรียนตัวแสบประจำห้องจริงๆ

                    และในฐานะคนใกล้และเพื่อนที่สนิทที่สุด ติ๊กเองคงทำได้เพียงมองเพื่อนคนนี้ด้วยความสังเวช แต่ภายในหัวก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ว่าเมื่อคืนนี้ เขาไปทำอะไรมากันแน่ ถึงได้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ และมันเกี่ยวข้องกับเพื่อนใหม่ของเขารึเปล่านะ

 

วัยรุ่นหิมพานต์

บทที่ ๑๓ ฝิ่นสีชาด

 

"กิ๊งก่อง กิ๊งก่อง"

                เสียงออดที่ดังขึ้นทั่วสุวัฒนาในยามเย็น เป็นดั่งฤกษ์ยามอันดีสำหรับทุกๆ คน อันมีความหมายว่าบัดนี้ได้เวลาเลิกเรียนเสียที นักเรียนทุกคนต่างกำลังทยอยออกจากห้องของตนเรื่อยๆ เพื่อแยกย้ายไปใช้ชีวิตอิสระหลังจากร่ำเรียนมาตลอดทั้งวัน

               ถึงแม้จะได้เวลาเลิกเรียนแล้ว ทว่า ณ ม.๔/๘ นี้เอง กลับยังมีนักเรียนชายคนหนึ่งที่ไม่อาจรับรู้ถึงสัญญาณหมดเวลานี้ได้เลย เพราะตั้งแต่เช้า กันก็ยังคงหลับใหลอยู่บนหมอนคู่ใจด้วยความสบายใจเฉิบตั้งแต่คาบแรกยันคาบสุดท้ายของวัน โดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลยแม้ซักนิด และหากขืนปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป เผลอๆ ไอ้หนุ่มหัวแหลมคนนี้อาจจะหลับไม่ตื่นยันพรุ่งนี้เลยก็เป็นได้

                ทั้งหมดจึงตกเป็นภาระสำหรับเพื่อนๆ ทั้งหลาย ที่ต้องมาระดมหัวคิดถึงวิธีที่จะปลุกเพื่อนคนนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นกฤต ซันก็อต เฟม เชน ต่างคนต่างก็เป็นห่วงเพื่อนคนนี้กันทั้งนั้น และถึงจะพยายมยืนล้อมโต๊ะเพื่อกดดันแล้วก็ตามที ตัวเจ้าปัญหาก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลยซักนิด

"เขย่าก็แล้ว ตะโกนก็แล้ว แม่งก็ไม่ตื่นซะที" ซันกอดอกคิดอย่างจริงจัง " ให้กูซื้อน้ำมาเทใส่ป่ะ"

"อย่าเลยเปลือง กูคิดออกแระ" กฤตค่อยๆ เอื้อมมือไปจับหมอนของกันไว้ "แค่ดึงไอ้หมอนเหี้ย..."

               ดูเหมือนกันยังอยากนอนต่ออีกซักงีบหนึ่ง ถึงขั้นละเมอเอามือสองข้างมาจับหมอนไว้แน่นด้วยความหึงหวงเลยทีเดียว แน่นอนว่าแรงของกฤตคนเดียว คงไม่อาจจะสู้พละกำลังอันมหาศาลของกันได้เลยแม้แต่น้อย และทีนี้ เขาจะทำอย่างไรต่อไปดีล่ะ

"หนักจังวะ..." กฤตเรียกพรรคพวกมาเสริม "เฮ้ย ช่วยหน่อยดิวะ"

"อ่ะๆ" ซันมาเป็นคนแรก "โหเหี้ย แม่งหนักจริงว่ะ"

"แม่งแดกควายไปกี่ตัววะนั่น ตัวควายไม่พอ ยังเสือกสมองควาย!!!" เชนมาเป็นรายต่อไป

"สายสเตรนจ์ชัดๆ..." ตัวโตอย่างเฟมก็ช่วยไม่ได้

"นี่พวกมึงเล่นไรกันวะเนี่ย" มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ สำนวนนี้คงใช้ได้กับก็อตที่เอาแต่ลั่นชัทเตอร์ถ่ายอย่างเดียว

"ใกล้แล้วพรรคพวก" กฤตให้กำลังใจ "มันสู้แรงเราสี่คนไม่ได้หรอก!!!"

"..." คงไม่มีใครรู้ว่าเลยปิ๊ก็ช่วยอยู่ด้วย ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก

"..." ติ๊กที่กำลังเอาของบนโต๊ะยัดใส่กระเป๋าเริ่มรู้สึกรำคาญโต๊ะข้างๆ แล้ว "อะไรของพวกมึงวะเนี่ย"

"อย่ามัวแต่พูดเลย... ติ๊ก!!! ถ้ามึงมาช่วยอีกแรงนะ..." กฤตเริ่มเหงื่อตกแล้ว "พวกเราทำได้แน่! มาเถอะ!"

"..."

                ไม่จำเป็นต้องพึ่งจำนวนคนหรือแรงอันมากมายเลยแม้แต่น้อย เพราะแค่ถีบขาโต๊ะออกไปสุดแรงจนเลื่อนไถลออกเพียงทีเดียว กันที่ที่ไม่มีที่อะไรมารองหัวก็พลันตื่นขึ้นมาโดยพลัน ส่วนหมอนเจ้าปัญหานั้น ถึงพวกเพื่อนๆ ที่เหลือชิงมันมาได้ก็จริง แต่แรงที่พวกเขาใส่เข้าไปทั้งหมดก่อนหน้านี้ กลับย้อนกลับมาจนทำให้ทั้งหมดถึงกับหงายหลังล้มคว่ำลงไปตามๆ กันเลยทีเดียว ทั้งหมดทั้งมวล คงต้องยกความดีความชอบให้แก่ความหัวแหลมของติ๊กแท้ๆ ที่สามารถปลุกกันให้ตื่นได้สำเร็จด้วยตัวคนเดียวเท่านั้น

"ฮ้าววววว" กันยกแขนขึ้นมาบิดขี้เกียจเสียงดัง "โทษครับที่มาสาย"

"อ้าว ไหงเหลือแค่พวกมึงวะ" กันหันไปมองรอบๆ ห้องอันว่างเปล่า ก่อนจะพบกับเพื่อนๆ ที่กำลังนอนหงายอยู่บนพื้น  "ไม่สิ พวกมึงลงไปทำเหี้ยไรกันวะนั่น"

"ควย!!!" มีเพียงคำด่าสั้นๆ แต่ได้ใจความของเชนเท่านั้นที่ตอบกลับมา

"๔ โมง?" กันเพิ่งจะตระหนักได้ หลังจากเหลียวไปมองนาฬิกาหน้าห้อง "นี่กูหลับทั้งวันเลยเหรอวะเนี่ย?"

"เออดิ" ติ๊กบอก "นี่ถ้ากูไม่ปลุกมึงคงหลับยันพรุ่งนี้เลยมั้งเนี่ย"

"..." กันยิ้มด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย "เยี่ยมไปเลย”

"แล้วเมื่อคืนมึงไปทำไรมาเนี่ย" กฤตลุกขึ้นมาถาม "ถึงได้เป็นซะขนาดเนี้ย"

"..." กันเริ่มนึกย้อนถึงเหตุการณ์ในอดีต "กูแค่ไปแดกเหล้ากับไอ้พวกเอ็กซ์... แล้วก็... รู้ตัวอีกทีก็ตื่นมาอยู่หน้าร้าน..."

"เฮ้ย มึงเมาคนเดียวป่าวเหอะ" ก็อตลดกล้องลงด้วยความเอะใจ "แล้วไหงไอ้พวกนั้นมันยังอยู่ดีกินดีเลยล่ะวะ?"

"อ้าว เจอด้วยเหรอ?"

"เออดิ ก็ตอนเที่ยง แม่งมาตามมึงถึงห้องเลยอ่ะดิ"

"?" กันนึกซักพักด้วยความงุนงง  "แล้วมาหาเรื่องไรวะ?"

"จะไปรู้มึงเหรอ พอเห็นมึงหลับแม่งก็กลับไปดื้อๆ เลย" ติ๊กค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ "ไงก็เหอะ เดี๋ยวกูต้องไปเรียนพิเศษแระ"

“เดี๋ยวดิ สหายติ๊ก”

"ไรอีก?" ติ๊กหันกลับมาตามคำเรียกร้อง

“กลับด้วย”

 


 

 

                ยามเย็น ณ สนามบอลโรงเรียนสุวัฒนา เป็นอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งคึกคักมากหลังเลิกเรียน เพราะนอกจากเหล่านักกีฬาที่มาเตะบอลกลางสนามโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยแล้ว ก็ยังมีนักเรียนร่วมสิบคน ที่กำลังเดินสะพายกระเป๋าไปตามทางลู่วิ่งรอบสนาม ตรงออกไปยังประตูรั้วทางออกด้านหน้า อันเป็นดั่งประตูอิสรภาพหลังจากร่ำเรียนที่โรงเรียนมาตลอดทั้งวัน และหนึ่งในนักเรียนเหล่านั้น ก็คือกันกับติ๊กนั่นเอง

"วันนี้คิดไงเดินกลับกับกูล่ะเนี่ย?" ติ๊กเอ่ยถาม

"ทำไมวะ?" กันยิ้มบอก "ปกติก็แบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่รึไง?"

"แล้วนี่มึงไม่ไปกับไอ้พวกนั้นแล้วรึไง?" ติ๊กถามต่อ "ไปอยู่แก๊งไอ้หล่อไรของมึงนั่นอ่ะ"

"ก็นะ..." กันนิ่งไปซักพัก "ห่างๆ ไอ้พวกนั้นบ้างแบบที่มึงบอกก็ดีเหมือนกันแหละ"

"?" ติ๊กเริ่มสงสัย "ยังไงวะ?"

"ให้กูออกไปหาเรื่องชาวบ้านทุกวันงี้คงไม่ไหวหรอก" กันอธิบาย "กูเองก็อยากมีชีวิตธรรมดาแบบมึงบ้างเหมือนกันแหละ"

"แล้วไอ้ยิ่งใหญ่มึงล่ะ?" ติ๊กถามต่อ "ไม่อยากเป็นแล้วรึไง?"

"ไม่ต้องพึ่งไอ้พวกนั้นกูก็ยิ่งใหญ่ได้เองอยู่แล้วหรอกน่า" กันยิ้มบอก "ที่สำคัญ ตั้งแต่เรื่องเมื่อวาน ตอนนี้กูก็ไม่ค่อยอยากเจอหน้าแม่งอยู่แล้วด้วย"

"?" ติ๊กเริ่มสงสัย "มีไรวะ?”

"มึงคงไม่รู้ไรหรอก เรื่องที่ว่าสหายเอ็กซ์กับ..." กันเล่าย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อวาน

"อ้าว ตื่นแล้วเหรอมึง?"

                พูดถึงเอ็กซ์เอ็กซ์ก็มาเลย แถมยังมาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงอีกตะหาก เพราะจู่ๆ เขาก็โผล่เข้ามาโอบไหล่กันไว้แบบไม่ทันให้ตั้งตัว เล่นเอาทั้งกันกับติ๊กถึงกับสะดุ้งไปตามๆ กันเลยทีเดียว แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นโชคดี ที่กันยังไม่ทันพูดจบประโยคเสียก่อน

"แล้วนี่คุยเรื่องไรกันอยู่เหรอ?" เอ็กซ์ถามต่อ "หือ?"

"กูกำลังคุยเรื่องมึงกับมาร์คอ่ะดิ" กันแถไปได้แบบไม่ค่อยเนียนซักเท่าไร "หมู่นี้เห็นพวกมึงสนิทกันพอควรเลยนี่"

"ก็..." เอ็กซ์ก็ไม่รู้จะตอบไง "ก็เป็นแบบนี้ตั้งนานแล้วนี่?"

"แล้วมีวันนี้ไรอีกล่ะ? ในหรือนอกโรงเรียน?"

"..." เอ็กซ์คิดซักพักก่อนจะหัวเราะเบาๆ "นี่มึงคิดว่ากูนักเลงขนาดหาเรื่องคนทุกวี่ทุกวันเลยเหรอวะ"

"๓ วันซ้อนนั่นก็ใกล้เคียงกับทุกวันนะ" กันตอบตามความเป็นจริง

"เออ นั่นกูยอมรับ" เอ็กซ์ยิ้มเยาะเบาๆ "แต่วันนี้เรามาสนุกกันหน่อยดีกว่าน่า"

"สนุก?" กันเริ่มหลงคารมเอ็กซ์อีกแล้ว

"ก็เมื่อคืนมึงบอกอยากลองเองไม่ใช่เหรอวะ?"

"..." จากสภาพเมื่อเช้านี้ ไม่แปลกที่กันน่าจะลืมไปหมดแล้ว

"..." เอ็กซ์คิดอีกหน่อย "เมื่อคืนมึงแฮงค์อ่ะดิ เดี๋ยวกูจะเล่าให้ตอนไปถึงละกัน"

"เดี๋ยวๆๆๆ ไปไหนของมึงวะ?" กันถามต่อ

"ตามกูมาก็พอน่า" เอ็กซ์เดินนำหน้ากันไปอย่างรวดเร็ว “รับรองสนุกแน่”

"..."

               จนเมื่อทั้งสามมาถึงยังหน้าประตูรั้วโรงเรียน กันคงต้องเลือกเสียแล้วว่าตนจะเลือกเดินไปทางไหน ระหว่างกลับบ้านกับติ๊กตามไปทางขวา หรือติดตามเอ็กซ์ไปยังที่ไหนซักแห่งทางซ้าย ระหว่างช่วงเวลาธรรมดาๆ กับเพื่อนคนแรก กับช่วงเวลาอันสนุกสนานกับเพื่อนใหม่ เขาควรจะเลือกใช้เวลาหลังเลิกเรียนแบบไหนกันนะ

"งั้นก็เจอกันละกัน" กันบอกลากับเพื่อนสนิท "สหายติ๊ก"

"เออ" ติ๊กรับคำ ก่อนจะเดินหันหลังจากไป

"เจอกัน ติ๊ก" เอ็กซ์เรียกตามหลังไป แต่ดูเหมือนเรียกส่งๆ ไปมากกว่า "งั้นก็ตามกูมาละกัน"

"เออ"

 


 

 

                ในขณะเดียวกัน ติ๊กที่จำต้องเดินสวนผู้คนมากมายไปตามทางของตนเพียงลำพัง ก็ได้แต่ครุ่นคิดถึงเรื่องราวอันไม่ชอบมาพากลระหว่างเพื่อนสองคนนี้ และดูจากท่าทีอันเคร่งเครียดของหนุ่มแว่น เรื่องนี้คงจะมีลับลมคมในซ่อนอยู่อีกมากมายแน่ๆ

"มันรู้เรื่องเอ็กซ์กับพีชเหรอ...?"

/ถ้าอย่างงั้น ทำไมมันถึงยังจะ.../

 


 

 

               ล่วงเลยผ่านไปไม่นานนัก ในที่สุด เอ็กซ์ก็ได้เดินนำหน้ากันมาถึงยังจุดหมายที่ว่า แต่ใครจะไปรู้กันล่ะ ว่าสถานที่ที่ว่ามันจะเป็นสถานที่อันแสนลึกลับถึงเพียงนี้

               เมื่อก่อนมันคงเป็นเพียงร้านเช่าหนังธรรมดาๆ แห่งหนึ่ง สังเกตได้จากโปสเตอร์ภาพยนตร์มากมายที่ติดอยู่บนผนังกระจกหน้าร้าน  ตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างของตึกแถวสีขาว จำนวน ๓ ชั้น ใจกลางย่านชุมชนใกล้ๆ กับสุวัฒนา ที่พอตกเย็นเมื่อไร ก็มักจะอุดมไปด้วยเหล่านักเรียนนับสิบที่เดินเพ่นพ่านไปมาหาอะไรทำก่อนกลับบ้าน แต่อย่างว่า คงไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตได้หรอก

               คำว่าร้านเช่าหนังคงกลายเป็นอดีตไปเสียแล้วในยุคโลกาภิวัตน์ เพราะบัดนี้ ร้านเช่าหนังที่ว่ากลับเหลือไว้เพียงสถานที่รกร้างไร้ซึ่งผู้คนแห่งหนึ่งเท่านั้น เศษฝุ่นและหยากใย่ที่เกาะเต็มหน้าร้าน สื่อให้เห็นถึงความสกปรกโดยปราศจากการดูแลมาเป็นเวลานาน โปสเตอร์ภาพยนตร์มากมายในอดีต ต่างก็ฉีกขาดและร่วงโรยไปตามกาลเวลา หรือแม้แต่ป้ายสีขาวที่แขวนอยู่บนประตูหน้าร้าน เขียนด้วยตัวหนังสือตัวใหญ่สีแดงว่า “เซ้งด่วน” ก็ยังดูเก่าแก่และไร้ซึ่งผู้ใดเห็นค่าอย่างเห็นชัดเจน

               ช่างน่าเวทนายิ่งนักสำหรับบรรดาร้านเช่าหนังทั้งหลายในยุคสมัยปัจจุบัน ในยุคที่ผู้คนเลือกที่จะนั่งโหลดหนังมาดูแบบสบายๆ ฟรีๆ ดีกว่าเดินทางออกไปเช่าหนังมาดูนอกบ้าน นับเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งที่วงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ต้องจารึกไว้ การล่มสลายของธุรกิจร้านเช่าหนังนั่นเอง

“...” กันคงจะงุนงงไม่น้อยว่าเอ็กซ์พามาทำอะไรที่นี่กันแน่

“งั้นก็ไปกันเถอะ” เอ็กซ์เดินนำเข้าไปโดยไม่รีรอ

 “เอ่อ...” กันชักจะไม่แน่ใจแล้ว “เข้ามาแบบนี้มันจะไม่เป็นไรเหรอวะ?”

"ไม่ต้องห่วง" ไม่ทันไร เอ็กซ์ก็ผลักประตูเดินนำเข้าไปข้างในเสียแล้ว "ที่นี่คือของพวกเรา"

"..."

               ถึงแม้บรรยากาศโดยรวมจะดูลึกลับและไม่น่าเข้าสักเพียงใด แต่ด้วยความสงสัยและอยากรู้อยากเห็นเต็มอก กันคงมีแต่ต้องเดินตามเพื่อนคนนี้เข้าไปหาคำตอบโดยเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอะไรกำลังรออยู่ข้างในก็ตามทีเถอะ

               ภายในร้านอันว่างเปล่านั้นดูไม่ต่างจากด้านนอกเท่าไร ในห้องเล็กๆ นี้เหลือไว้เพียงคราบฝุ่นสกปรกเกาะเต็มทั่วพื้นเท่านั้น แต่อย่างน้อยๆ ก็ยังมีชั้นวางแผ่นซีดีเปล่าๆ พอให้เห็นบ้างเป็นดั่งอนุสรณ์ในอดีต เอ็กซ์ยังคงตรงไปต่อเรื่อยๆ ผ่านประตูบานที่สองหลังร้าน เลี้ยวขึ้นบันไดทางซ้ายมือไปสู่อีกชั้นหนึ่ง

               กันเดินตามหลังเขามาก็จริง แต่ขณะเดียวกันกลับรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และดูท่ามันจะไม่ใช่เรื่องดีเสียด้วย

"สหายมิค? สหายมาร์ค?"

"อ้าว มากันแล้วเหรอ?"

                และในที่สุด เมื่อทั้งสองเดินขึ้นบันใดมาถึงยังชั้นสอง กันก็ค้นพบคำตอบเสียที เพราะผู้ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขานั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเหล่าพรรคพวกอันได้แก่มิคกับมาร์คนั่นเอง

               ทว่า สภาพของพวกเขาในตอนนี้กลับแตกต่างจากตอนอยู่ที่โรงเรียนโดยสิ้นเชิง จากดาวโรงเรียนสุดหล่อแสนสำอางของสุวัฒนา บัดนี้ กลับกำลังนั่งเหยียดขาพิงกำแพงสบายใจเฉิบ ในมือนั้นคีบมวนบุหรี่เอาไว้ พลางพ่นควันออกจากปากทีละน้อย ซึ่งถ้าเป็นบุหรี่ธรรมดาๆ ก็คงดูไม่ค่อยแปลกเท่าไรนัก ทว่า ควันบุหรี่ที่พวกเขาฟุ้งออกจากปากกลับเป็นควันสีแดงฉานเหมือนใส่สี เล่นเอากันเริ่มสงสัยจนอึ้งไปพักใหญ่เลยทีเดียว ว่าควันสีแดงแสนลึกลับนี้มันคืออะไรกันแน่นะ

 


พื้นที่พักสายตา


 

 

/ควันสีแดง?/ กันสงสัยทันทีที่เห็นอะไรแปลกตาเช่นนี้ /อะไรวะเนี่ย.../

"งวดนี้เย็นกว่าเก่าป่าว?" เอ็กซ์รีบเดินเข้ามาร่วมวงด้วยอีกคน

"ก็ดีอ่ะ" มาร์คบอกด้วยสีหน้าอันแสดงถึงความสุขสุดขีด "คลิปมินต์ก็งี้แหละ”

"กูบอกแล้วของดี" เอ็กซ์หยิบบุหรี่แบบเดียวกันจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาสูบบ้าง "เมื่อวานกลับไปกูแทบนอนไม่หลับอ่ะ ๕๕๕"

"เอ่อ เดี๋ยวนะ?" กันเอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยคำถามเต็มหัว "นี่แค่เสี้ยนบุหรี่มึงลงทุนเข้ามาในที่แบบนี้เลยรึไงวะ? ห้องน้ำโรงเรียนมันเหม็นเกินไปรึไง?"

"เฮ้ย มึงอย่าเหมารวมดิวะ" มิคหันมาบอกกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "บุหรี่อย่างน้อยแม่งก็แค่พักการเรียน แต่ไอ้เหี้ยเนี่ยโทษหนักแค่ไหนกูยังไม่รู้เลยว่ะ"

“?” กันงงหนักเข้าไปอีก

"นี่ไงที่มึงถามหา" เอ็กซ์ลุกขึ้นมา แล้วจึงเดินตรงเข้าไปหากันพร้อมกับซองบุหรี่ในมือ "มวนนี้ให้ฟรีไม่คิดตังค์เลยเอ้า"

"..." กันคิดตริตรองไปซักพักหนึ่ง "กูงงไปหมดแล้วเนี่ย?"

"อ้อ ใช่ กูลืมเล่าเลยเนี่ย" เอ็กซ์พึ่งนึกออก "เรื่องเมื่อคืนนี้ใช่มั้ย?"

"เออ เล่ามาให้หมดเลย"

"ง่ายๆ ก็คือ ตอนที่กูกำลังคุยธุรกิจอยู่ มึงก็แทรกเข้ามาบอกว่าเสี้ยน แล้วก็อยากดูดเหี้ยนี่ โอเค เก็ทนะ มา เดี๋ยวกูจุดไฟให้"

"เดี๋ยวๆๆๆ" คำถามรุมเร้ากันไปหมดแล้ว "ไอ้เหี้ย ยิ่งเล่ายิ่งงง ไหนจะเรื่องเมื่อวาน ไหนจะไอ้บุหรี่แดงเหี้ยนี่อีก แล้วนี่ยังมีเรื่องธุรกิจไรอีกเนี่ย กูงงไปหมดแล้วเนี่ย!!! งั้นอย่างแรก!!! มึงอธิบายมาก่อนเลย ว่าไอ้บุหรี่ควันแดงๆ เนี่ย มันใส่สีหรือทำเหี้ยไรถึงออกมาเป็นแบบนี้ได้!!!"

"..." เอ็กซ์นิ่งไปซักพัก ก่อนที่สายตาอันเป็นกันเองของเขาจะเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อยแล้ว " กูก็นึกว่าแม่งจะมีประโยชน์"

"?"

"ไอ้เหี้ยเนี่ยเรียกว่าฝิ่นสีชาด" เอ็กซ์ดูดเข้าไปเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มอธิบายให้กันฟัง "บุหรี่ ฝิ่น มอร์ฟีนเฮโรอีน โคเคน แทบทุกอย่างถูกรวมไว้ในมวนนี้มวนเดียว"

"มีทั้งฤทธิ์ประสาทหลอน ดูดง่ายพกง่ายเหมือนบุหรี่ ดูดมวนเดียวแม่งติดตลอดชีวิตเลยว่ะ บอกตรงๆ ฟินกว่าบุหรี่เยอะ"

"แล้วที่สำคัญสุด ความสามารถในการกระตุ้นพลังหิมพานต์"

"!!!" กันถึงกับสะดุ้งทันทีที่ได้ยินประโยคนี้

"หลังจากไอ้ควันสีแดงนี่ถูกดูดเข้าไปในปอดของมึง มันจะส่งผลต่อสมองทำให้สามารถใช้พลังได้เกินจำกัด เป็นเพราะไอ้สารชื่อไรซักอย่างเรียกยากๆ ในนี้แหละ มันจะทำให้ร่างกายสามารถรับละอองสวรรค์เพิ่มขึ้นอีกเป็น ๒ เท่า ผู้ใช้คาถาก็จะมีเวลาใช้คาถาเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย สำหรับชาวหิมพานต์  พลังกล้ามเนื้อและประสาทสัมผัสระหว่างแปลงร่างก็จะเพิ่มขึ้น สามารถอยู่ในร่างนั้นได้นานอีกหน่อย แล้วก็สุดท้าย ผู้รับพรอย่างมึงกับกู คิดดูสิว่าถ้าดูดไอ้เนี่ย พลังพรของเราจะเยอะขึ้นขนาดไหน"

“มึงได้ไอ้นี่มาจากไหน?” กันถามต่อด้วยบรรยากาศตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ

"เอเยนต์ส่วนตัวน่ะ แน่นอน ตอนนี้รัฐบาลยังมีข้อมูลเกี่ยวกับไอ้นี่น้อยมาก บ้างก็ว่าเป็นยาต้นแบบสำหรับพัฒนาทางทหารบ้างแหละ บ้างก็ว่ามีไว้สำหรับโค่นล้มอโยธยาบ้างแหละ แต่ช่างแม่งเหอะ อย่างน้อยๆ ไอ้ยาสวรรค์นี่ก็ตกมาอยู่ในมือพวกเราแล้วนี่"

"พวกเรานี่...?" สถานการณ์เริ่มเคร่งเครียดเข้าไปใหญ่

"สุวัฒนาไงล่ะ"

"!!!"

"กู มิค มาร์ค ทำหน้าที่เป็นนายหน้าให้กับสุวัฒนา คอยขายบุหรี่พวกนี้ให้คนอื่นๆ ได้ใช้อย่างทั่วถึง พวกที่มึงเคยเจอทั้งหลายก็ดูดกันทั้งนั้นแหละ"

/พี่กันย์!?/ กันดูจะนึกออกเสียที

"แปลกใจใช่มั้ยล่ะที่ทำไมโรงเรียนนี้ถึงมีแต่คนเก่งๆ" เอ็กซ์เริ่มแสยะยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ "เพราะอย่างงี้ไงล่ะ เราถึงได้ชื่อว่าที่หนึ่งในขีดขิน!!! ไม่มีโรงเรียนไหนเทียบเราได้แล้ว!!!"

"!?" กันเริ่มเอะใจได้ "ถ้าอย่างนั้น พวกในโรงเรียนเราก็...”

"ก็แม่งเล่นไม่ซื่อเองนี่หว่า" เอ็กซ์แสยะยิ้มตอบด้วยวามชั่วร้าย "ก็ต้องโดนสั่งสอนหน่อย ไม่ถูกรึไง?"

"นี่เหรอสนุกที่พวกมึงว่า" กันเดาถูกจริงๆ "นึกว่าพวกมึงจะเป็นพวกเก๊กหน้าหล่อไปวันๆ ซะอีก"

"ตอนนี้มึงก็เป็นพวกเราแล้ว" เอ็กซ์ยังชักชวนไม่เลิก ก่อนจะยื่นฝิ่นสีชาดใส่มือด้วยลักษณะแกมบังคับ "ถือซะว่าเป็นของขวัญละกัน"

"..." กันรับไว้ แต่ก็ได้แต่มองมันด้วยความลังเล "งั้นกูถามอย่าง"

"?"

"ที่มึงทำไปทั้งหมดเนี่ย มึงภูมิใจนักเหรอ!?" กันถามด้วยแววตาอันจริงจัง

"..." เอ็กซ์คิดซักพัก ก่อนจะทวนคำถามอีกรอบ"ภูมิใจ?"

"ที่พวกมึงมาจนถึงขนาดได้เนี่ย แม่งก็เพราะไอ้บุหรี่เหี้ยนี่ไม่ใช่รึไง!?" กันเริ่มจริงจังขึ้นเรื่อยๆ "ไอ้ของที่ไม่ได้มาด้วยตัวเองแบบเนี้ย  ถึงจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็เถอะ แต่ถ้าเป็นกูก็คงไม่ภูมิใจกับมันหรอก!!!"

"ยิ่งใหญ่?" เอ็กซ์เริ่มโกรธขึ้นทุกที "สมบูรณ์แบบต่างหาก"

"สมบูรณ์แบบ?"

"นี่มึงโง่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ?" เอ็กซ์ยิ้มตอบด้วยแววตาที่มองลงมาอย่างดูหมิ่นและสีหน้าอันบ้าคลั่ง "ความแข็งแกร่ง!!! อำนาจ!!! ชื่อเสียง!!! สำหรับกูทั้งหมดนี้ล้วนต้องสมบูรณ์แบบ!!! ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม เพื่อให้ชีวิตวัยรุ่นของกูเป็นชีวิตอันสมบูรณ์แบบ!!!"

"..." กันตริตรองดูซักพัก

“ว่าไง ที่มึงมาเป็นพวกกูก็เพราะแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” เอ็กซ์เริ่มโน้มน้าวใจกันเรื่อยๆ “แค่ทีเดียว รับรองมึงจะได้ทุกอย่างในชีวิตนี้มาครองแน่นอน”

“ที่กูอยากได้คือความยิ่งใหญ่” แววตากันเริ่มจะแน่วแน่ขึ้นมาบ้างแล้ว “ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบเหี้ยไรนั่นหรอก"

“มันก็เหมือนๆ กันแหละ" เอ็กซ์ยังไม่ยอมแพ้ "รีบๆ ลองเหอะ"

"..."

"เพื่อความยิ่งใหญ่"

"..."

"เพื่อความสมบูรณ์แบบ"

"..."

"จำไม่ได้เหรอ เราเป็นพวกเดียวกัน"

“ดูท่ามึงกับกูจะไปกันไม่รอดว่ะ”

                คารมของเอ็กซ์ดูท่าจะไม่ได้ผลก็ครานี้แหละ ถึงอีกฝ่ายจะเยินยอสรรพคุณของฝิ่นสีชาดนี้ซักเท่าไร  แต่เมื่อได้ยินความจริงทั้งหมดจากปากของอีกฝ่าย กันกลับไม่มีทีท่าว่าจะสนใจใดๆ เลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำ มันยิ่งทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างแรง ถึงขั้นหักมวนฝิ่นสีชาดที่พึ่งรับมาเมื่อกี้ออกเป็นสองท่อนต่อหน้าเพื่อนๆ แล้วทิ้งมันลงสู่พื้นราวกับเป็นเพียงขยะชิ้นหนึ่ง ไม่สนใจว่ามันจะมีดีเพียงใด ไม่สนใจว่ามันจะทำให้เขาแข็งแกร่งหรือสมบูรณ์แบบแค่ไหน ที่เขาสนใจคือความถูกต้องเท่านั้น

               มวนบุหรี่ที่แตกหักออกจากกันเป็นสองท่อน  เป็นดั่งนัยยะแห่งความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างเพื่อนสองคน คนหนึ่งต้องการให้ทุกๆ สิ่งล้วนแล้วแต่สมบูรณ์แบบ ทุกอย่างต้องดีที่สุดโดยไม่เลือกวิธีการใดๆ ทั้งสิ้น ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่ง อยากจะใช้พลังของตนเป็นข้อพิสูจน์ฝีมือ เพื่อคำว่ายิ่งใหญ่ ที่จนบัดนี้ ก็ยังไม่อาจมีใครหน้าไหนสามารถนิยามความหมายแท้จริงได้เลย

“...”

               มันเป็นดั่งสัญญาณว่าความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งคู่ได้ขาดวิ่นลงดั่งมวนบุหรี่เมื่อครู่นี้แล้ว เมื่อทำตามใจปรารถนาเป็นที่เรียบร้อย กันจึงค่อยๆ เดินหันหลังกลับไปตามทางของตน ทิ้งไว้เพียงความอึ้งและทึ่งอันเงียบงันของเพื่อนๆ เท่านั้น

               ทว่า ภายในความเงียบงันนี้เอง ก็ไม่อาจมีใครล่วงรู้ถึงความรู้สึกจริงๆ ส่วนลึกภายในใจของเอ็กซ์ ที่กำลังรอวันปะทุออกมาในไม่ช้านี้แล้ว

"คำว่าเด็กเหี้ยดูจะเหมาะกับกูมากกว่าดาวโรงเรียนว่ะ" กันยังคงแน่วแน่กับการตัดสินใจ "กูมันเป็นพวกเรื่อยเปื่อยเหมือนสายลมอยู่แล้ว ไม่ควรอยู่กับดาวประกายอย่างมึงหรอก"

"..." เอ็กซ์ได้แต่จ้องเขม็งด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ พร้อมกับละอองแสงที่ค่อยๆ เข้ามารายล้อมร่างกาย

"งั้นก็..." กันบอกลาตามหลังให้เอ็กซ์และพรรคพวก "เจอกันนะสหาย..."

"ใครบอกให้มึงกลับวะ?"

               ดูท่ากันคงจะไม่ได้กลับออกไปแบบง่ายๆ เสียแล้ว ไม่จำเป็นต้องหันกลับไปมองเลยแม้แต่น้อย เพราะกันเองก็ดูจะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่า บัดนี้เอง กำปั้นซ้ายเรืองแสงสีม่วงของเอ็กซ์ในรูปกายสีทอง ได้ยื่นมาจ่ออยู่ที่กลางหลังของเขาแบบไม่ทันให้ตั้งตัวเสียแล้ว

               ปืนใหญ่นารายณ์ที่ปล่อยจากกำปั้นเรืองแสงนี้สามารถจัดการผู้คนมาได้นักต่อนักแล้ว และในเมื่อสถานการณ์มันกลายเป็นแบบนี้แล้ว กันเองคงจะประมาทเพื่อนคนนี้ไม่ได้อีกต่อไป ถึงภายในใจจะยังรู้สึกกระวนกระวายถึงการกระทำอันไร้เหตุผลนี้ แต่เขาจำต้องเก็บทั้งหมดเอาไว้ในใจ เพราะถ้าเกิดวู่วามเมื่อไร มีหวังกระเด็นปลิวไปด้วยฤทธิ์แห่งนารายณ์พรนี้เป็นแน่

"เอ็กซ์!!!" มิคกับมาร์คพยายามจะลุกขึ้นมาห้าม

“...” กันพยายามตั้งสติ ก่อนจะแสยะยิ้มขิ้นมาเล็กน้อย "นี่แค่กูจะกลับบ้าน มึงถึงกับจะยิงใส่กลางหลังกูเลยเหรอวะ?"

“...” สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ

"..." เอ็กซ์กลับมายิ้มด้วยความเป็นมิตรตามเคย ก่อนจะลดมือลงช้าๆ "ทำเป็นเครียดไปได้”

"๕๕๕๕๕๕๕๕๕ มุขนี้แม่งโดน..."

                ความเชื่อใจเป็นเหตุกันพลาดท่าเข้าให้เสียแล้ว เพราะทันทีที่หันหลังกลับไปหาเพื่อนผู้ไว้ใจได้คนนี้ กำปั้นอันปองร้ายที่พึ่งจะลดลงไปเมื่อครู่ ก็พลันชูขึ้นมาประกบไว้ใต้คางแบบไม่ทันให้ตั้งตัว รอยยิ้มและแววตาอันแสนจริงใจพลันสลายหายไปในพริบตา ทั้งหมดทั้งมวลกลับถูกแทนที่ด้วยสีหน้าและแววตาอันปองร้ายแสนเลือดเย็นราวกับเป็นคนละคน สื่อถึงความรู้สึกจริงๆ ในใจของเขาแบบไม่ปิดบังอะไรเลยแม้แต่น้อย

                    วินาทีนั้น เขารู้ได้เลยว่าถูกหักหลังครั้งใหญ่หลวงเข้าให้เสียแล้ว ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นศัตรูผู้ทรยศต่างหาก และด้วยการโจมตีอันเฉียบพลันราวสายฟ้าแลบนี้เอง ยิ่งทำให้เขาแทบไม่มีช่องว่างในการหนีเลยแม้แต่น้อย

"คนอย่างมึงอ่ะโดนหลังไม่ถึงกับตายหรอก"

“!!!”

"ปืนใหญ่นารายณ์"

"ตู้ม!!!"

                เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ที่ลำแสงสีม่วงนี้ถูกยิงออกจากกำปั้นของเอ็กซ์ พุ่งตรงเข้าสู่ปลายคางของคู่ต่อสู้ภายในเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น พลังทำลายของมันนั้นยังมากมายมหาศาลกว่าที่เคย เพราะโดยปกติ โดนแค่ลูกเดียวก็แทบจะล้มศัตรูได้หนึ่งคนได้แล้ว ยิ่งมันถูกยิงในระยะเผาขน โดนเข้าตรงบริเวณที่เป็นดั่งศูนย์รวมประสาทของมนุษย์ ความรุนแรงที่กันจะได้รับจะมีมากมายซักเพียงใดกัน

"อั๊กกกกก"

                คำตอบก็คือ มากพอที่จะส่งให้ทั้งร่างของกันกระเด็นลอยออกไปไกลกลางอากาศเหมือนกับที่ผ่านๆ มา ละอองเลือดสีแดงฉาน ลอยละล่องอยู่กลางอากาศ จนในที่สุด ร่างของชายผู้โชคร้ายจึงตกลงมากระแทกพื้นบริเวณเพิงบันไดอย่างจัง นับเป็นความสาหัสไม่น้อยทีเดียวสำหรับความรุนแรงเช่นนี้

               อาการบาดเจ็บทางกายว่าเจ็บแล้ว แต่มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดทางใจได้เลยแม้แต่น้อย ในจิตใจของกันนั้นมีเพียงความสับสนอลหม่าน เขาไม่อาจเข้าใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้เลย คำถามมากมายผุดเต็มทั่วหัวของเขา ว่าเพราะอะไรกันนะ ทำไมเพื่อนผู้ไว้ใจได้ตลอดมาถึงทำกับเขาแบบนี้ อดีตที่ผ่านๆ มาไม่มีค่าเลยหรืออย่างไร หรือว่าความจริงแล้ว ทั้งหมดมันเป็นเพียงละครตบตาอันแนบเนียนเท่านั้น

"เฮ้ย เอ็กซ์!!!" มาร์คกับมิครีบวิ่งเข้ามา "ทำไรของมึงวะ!?"

"จำข้อตกลงของเราไม่ได้รึไง?" เอ็กซ์หันมาถาม "ถ้าเกิดมันเอาไปฟ้องมันจะยิ่งแย่นะ"

"แต่นี่มันไอ้กันนะ!!!" มาร์คเตือน "กูเชื่อไอ้เหี้ยนี่แม่งไม่ทำงั้นหรอก!!!”

"กูก็ว่างั้นแหละ" มิคออกความเห็นบ้าง "นี่ไม่เกินไปหน่อยเหรอวะ..."

"เกินไป?" เอ็กซ์ชี้ให้ทั้งสองดูสภาพของกัน "พวกมึงมาดูนี่ก่อนดีกว่า"

"!?"

                สิ่งที่ทั้งสามเห็นอยู่เบื้องล่างก็คือ กันที่กำลังนอนไม่ขยับอยู่ตรงเชิงบันไดในสภาพบาดเจ็บสาหัสอย่างรุนแรง สังเกตได้ชัดจากเลือดที่กำลังไหลออกจากปากทีละน้อย แต่เหนืออื่น สิ่งที่ทำให้ทั้งมิคและมาร์คถึงกับทึ่งไปตามๆ กันก็คือ ร่างกายไอ้หนุ่มหัวแหลมคนนี้ได้กลายเป็นวานรสีขาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นคงเป็นเหตุผลเดียว ที่ทำให้เขาพอจะประคับประคองสติอันเหลืออยู่น้อยนิดเอาไว้ได้ ช่างน่าอัศจรรย์ใจเสียจริงๆ

"แปลงร่างแล้ว?" มาร์คสงสัย

/หัว.../ กันยังได้สติอยู่ /หัวหมุนไปหมดเลย.../

"หนึ่งในคุณสมบัติผู้สืบเชื้อสายเทพเจ้า" เอ็กซ์อธิบาย "แปลงร่างชั่วพริบตา”

/อึ่ก.../ กันพยายามตั้งสติให้อยู่ /ดีนะที่แปลงร่างทัน โดนเข้าไปแบบนี้ถึงตายได้เลยนะเนี่ย.../

"แต่อย่างว่านะ" เอ็กซ์ยิ้มเยาะ ก่อนจะยื่นมือขวาไปที่ร่างของกันอีกครั้ง "โดนเข้าไปอีกทีก็คงไม่รอดหรอก”

"!!!"

                เมื่อล็อคเป้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เอ็กซ์จึงไม่รอช้า ยิงลำแสงสีม่วงออกจากฝ่ามืออีกครั้งหนึ่ง ตรงเข้าสู่ร่างของกันเพื่อหวังจะกำจัดในคราเดียวเท่านั้น

"จรวดไต้ฝุ่น!!!"

               เมื่อเห็นว่าอันตรายมาเยือนถึงตรงหน้าแล้ว สติที่กำลังจะเลือนหายไปของเขาก็ลอยกลับเข้ามาประทับร่างในทันที ภายในเวลาแสนสั้นก่อนที่ลำแสงนี้จะเข้ามาถึง แขนขวาของวานรขาวก็พลันปรากฏลายเส้นสีเขียวเปล่งประกาย เขากางมือขวานี้ออกไปทางด้านข้าง ใช้แขนซ้ายจับเอาไว้แน่น พายุหมุนเล็กๆ ก่อตัวบนฝ่ามือข้างนั้นทีละน้อย และเมื่อทุกอย่างพร้อม สายลมรุนแรงก็ถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามืออย่างรุนแรงที่สุด

                พลังแห่งสายลมนี้เองเป็นแรงผลักให้ทั้งร่างของเขาลอยออกไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว สามารถหลบลำแสงของเอ็กซ์ได้อย่างหวุดหวิดเสียอีก ถือเป็นโชคครั้งที่สองของกัน เพราะอานุภาพของลำแสงลูกนี้เอง รุนแรงชนิดที่ว่าสามารถเจาะพื้นคอนกรีตให้กลายเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่เลยทีเดียว จริงอย่างที่เอ็กซ์ว่า เพราะนี่อาจทำให้ชีวิตของกันหาไม่เลยก็เป็นได้

"อั่ก!"

                กระนั้น เขาก็ยังต้องรับแรงกระแทกจากพื้นทันทีตกลงไปกระแทกพื้นชั้นล่างอยู่ดี แต่อย่างน้อย ก็ดีกว่าโดนลำแสงของเอ็กซ์เมื่อครู่อยู่ดี และบัดนี้ สติของกันก็เพียงพอจะยกตัวยืนขึ้นมาจากพื้นได้แล้ว พร้อมความรู้สึกอันวุ่นวายภายในใจ ถึงเหตุการณ์อันไร้คำอธิบายเช่นนี้

"จะว่ามึงดวงดีหรือว่าไงดีนะ?" เอ็กซ์ค่อยๆเดินลงมาตามบันได "โดนไปขนาดนั้นยังยืนขึ้นได้อีก"

"แฮ่กๆๆ" กันดูจะเหนื่อยเอาการเลยทีเดียว

"มึงนี่ไม่น่าพูดงั้นเลยนะ" เอ็กซ์บอก "นี่ไงล่ะ ฤทธิ์ของฝิ่นสีชาด"

"ไหนว่า... แฮ่กๆ เราเป็นเพื่อนกันไง... สหาย... แฮ่ก สหายเอ็กซ์..."

"ใครเพื่อนมึงกันวะ" เอ็กซ์ชูมือขึ้นหากันด้วยแววตาอันตายด้าน "คนอย่างมึงเนี่ยนะเป็นเพื่อนกู?"

"มึง..." คำพูดประโยคนี้เอง ที่ทำให้กันเริ่มยัวะขึ้นมา ถึงจะอยู่ในสภาพเหนื่อยเต็มทีก็เถอะ

"เฮ้ย เอ็กซ์พอเถอะ!" มาร์คในร่างวานรสีเขียวพยายามจะรั้งเอาไว้ให้อยู่ "มันรู้แล้วน่า แค่นี้ก็พอเถอะ"

"หุบปาก!!!"

               ทว่า ความแค้นของเอ็กซ์ในตอนนี้มิอาจมีใครฉุดรั้งเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว เขาปฏิเสธน้ำใจของเพื่อนคนนี้อย่างไร้ใยดี ด้วยการละเป้าหมายออกจากตัวกันชั่วคราว จากนั้นจึงเล็งฝ่ามือไปทางด้านหลัง ยิงลำแสงสีม่วงใส่อกของมาร์คในระยะเผาขนอย่างรุนแรง จนตัวเพื่อนผู้เคราะห์ร้ายคนนี้ถึงกับกระเด็นลอยไปไกล ก่อนจะร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นจนหมดสติ ช่างเป็นความโหดร้ายจนเพื่อนๆ ที่เหลือได้แต่อึ้งและทึ่งไปตามๆ กันเลยทีเดียว

"สหายมาร์ค!!!" กันตะโกนด้วยความเป็นห่วง

"อึ่ก" มิคที่กำลังจะวิ่งมาสมทบมาร์คเป็นอันต้องเปลี่ยนใจในทันที

"โทษนะมาร์ค" เอ็กซ์เอ่ย "แต่นี่มันเรื่องส่วนตัว"

"สหายเอ็กซ์ กูขอถามอีกข้อนึง"

"คนอย่างมึงควรตายไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ"

"ปืนใหญ่นารายณ์!!!"

                ลำแสงสีม่วงถูกยิงใส่กันเป็นรอบที่ ๓ ในขณะที่กันเองก็เริ่มจะโกรธขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน เขาไม่คิดจะหลบหลีกหรือป้องกันเลยแม้แต่น้อย แต่กลับวิ่งประสานงาเข้าใส่ลำแสงที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาแบบไม่คิดชีวิต แน่นอนว่ามันเป็นแผนของเขานั่นเอง

"จรวดไต้ฝุ่น!!!"

                ลิงขาวยื่นแขนซ้ายพร้อมแบมือลงสู่พื้นด้านล่าง ลายเส้นสีเขียวค่อยๆ ปรากฏชัดเจนที่แขนข้างนั้น และในที่สุด เขาจึงใช้พลังแห่งวาโยพรควบคุมพายุหมุนบนฝ่ามือ ยิงสายลมรุนแรงออกจากฝ่ามือลงสู่พื้น เป็นไอพ่นส่งให้ทั้งร่างของเขาลอยขึ้นสู่อากาศเพื่อหลบลำแสงของเอ็กซ์ได้อย่างฉิวเฉียด วานรขาวลอยเฉียงไปทางขวาและเมื่อใกล้จะมาถึงยังผนังกำแพงเบื้องหน้าเอ็กซ์ ลายเส้นที่แขนพร้อมกับสายลมก็พลันหายไป ก่อนจะกลับมาปรากฏอีกครั้งที่ขาทั้งสองข้างในเวลาชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น

“โหม่งทะลุเส้นกราฟ!!!”

               เมื่อลอยมาถึงยังจุดหมายแล้ว กันจึงยื่นขาทั้งสองข้างขึ้นมาเหยียบบนผนังทางขวามือ กำหมัดสองข้างขนาบไว้ที่เอว สายลมค่อยๆ ก่อตัวขึ้นที่ฝ่าเท้าของเขา ก่อนที่จะกลายเป็นพายุอันรุนแรงสำหรับการโจมตีครั้งต่อไป

                สายลมก่อกำเนิดเป็นพายุอันรุนแรงใต้ฝ่าเท้า เป็นดั่งแรงส่งให้ทั้งร่างของเขาพุ่งออกจากผนังที่กำลังเหยียบอยู่ ตรงเข้าสู่ร่างของเอ็กซ์ภายในเวลาอันรวดเร็วชนิดตาแทบมองไม่ทัน ก่อนที่หัวแหลมๆ ของเขาจะโหม่งเข้าใส่กลางอกของคู่ต่อสู้อย่างรุนแรง ด้วยสายลมกรรโชกอันเป็นแรงเสริม ชนิดที่ว่าสามารถส่งให้ร่างของเอ็กซ์กระเด็นลอยออกไปไกลเลยทีเดียวจนติดผนังด้านหลังเลยทีเดียว

"ตู้ม!!!"

"แฮ่กๆ" กันที่พุ่งล้มลงพื้นหลังจากการโจมตีค่อยๆ ลุกขึ้นมาอีกครั้ง "ที่กูจะถามมึงมีแค่ข้อเดียว”

“...” เอ็กซ์ยังพอลุกได้

"คนอย่างมึงเห็นคำว่าเพื่อนเป็นอะไรกันแน่!!!"

               การโจมตีครั้งแรกหลังจากเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่นาน นับเป็นการประกาศศึกอย่างเป็นทางการระหว่างกันกับเอ็กซ์ ซึ่งงานนี้ใครจะอยู่ใครจะไป จุดประสงค์และความแค้นที่เอ็กซ์มีต่อกันคืออะไรกัน และกันจะรับมือกับการถูกหักหลังนี้อย่างไร ทั้งหมดนี้คงมีแต่ต้องรอติดตามชมกันต่อไปเท่านั้น

 

โปรดติดตามบทถัดไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา