love mission ภารกิจรัก ทดแทนหัวใจนายจอมกวน
7.7
เขียนโดย พรสิริ
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.13 น.
55 ตอน
8 วิจารณ์
53.36K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 18.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
49)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หญิงสาวกลับมานั่งที่โต๊ะมุมห้องตัวเดิม วางจอมโหดลงที่เดิมแล้วเริ่มอ่านคู่มืออย่างตั้งอกตั้งใจ ที่ต้องตั้งใจมากมายจนเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกก็คือ ตัวอักษรภาษาอังกฤษล้วนๆนี่เอง แม้ว่าเธอจะเรียนอินเตอร์มาหลายปี แต่มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธออยู่ดี
‘โอ้ยยยยข้าวตอกเอ้ยยย หน้าตาไม่ดีแล้วยังโง่อีกนะ ครบครันจริงๆผู้หญิงคนนี้’
แต่ถึงจะกระท่อนกระแท่นไปบ้างแต่ เธอก็เข้าใจทุกประโยคที่เขียนอยู่ในนั้น
เธออ่านมันอย่างตั้งใจจนรู้สึกปวดตาจึงล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มท่ามกลางถุงยาขนาดใหญ่สามถุง
“เฮ้อออ…”
เธอถอนหายใจให้กับชีวิตที่สุดแสนจะวุ่นวายของเธอ ตลอดเวลาที่เธออยู่ในโรงพยาบาล เธอไม่เคยมีเวลาส่วนตัวเลยสักนิด แม้แต่ในห้องน้ำเสียงของนายวาฟเฟิลก็ยังคอยตะโกนเข้ามาหลอกหลอนเธออยู่ประจำ แต่พอได้กลับมาอยู่กับตัวเองในห้องแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกเหงาขึ้นมาทันที
สมุดบันทึกเล่มเล็กๆถูกนำออกมาจากลิ้นชักหัวเตียง เธอจดทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอได้ประสบมาลงในสมุดอย่างตั้งใจ และนั่งอ่านแผนการหาข้อมูลของนายวาฟเฟิลวนไปวนมา เพื่อให้จดจำได้อย่างแม่นยำ
“มิซึกิ”
เธอเขียนชื่อผู้หญิงคนนี้ไว้ตัวใหญ่ๆเพราะเธอคือเป้าหมายที่หญิงสาวต้องหาข้อมูล และแหล่งข้อมูลขั้นดีสำหรับเธอก็คือลุงแหมบนั่นเอง
หญิงสาวลงมายังห้องอาหารตามเสียงเรียกของลุงแหมบ ชายหนุ่มนั่งรออยู่ตรงหัวโต๊ะก่อนแล้ว โดยมีลุงแหมบคอยตักข้าวอยู่ข้างๆ เขายังคงทำตัวเนิบนาบนั่งกอดอกจ้องเธอตาไม่กระพริบ หญิงสาวเดินลงมายืนอยู่ข้างๆลุงแหมบโดยที่ตาก็ยังคงมองความเนิบนาบของชายหนุ่มอย่างไม่วางสายตา
“เชิญนั่งเลยครับ วันนี้ผมทำแต่ของชอบหนูข้าวตอกทั้งนั้นเลยนะครับ”
ลุงแหมบพูดพลางเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างสุภาพ
“ลุงแหมบไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”
เธอรีบนั่งตามคำเชิญพร้อมกับบ่มเบาๆกับความเป็นสุภาพบุรุษของลุงแหมบ
“วันนี้ผมทำสุดฝีมือเลยนะครับ ทานให้เยอะๆล่ะ”
ลุงแหมบยิ้มอ่อนโยนก่อนจะตักข้าวให้เธอจนพูนจาน หญิงสาวมองไปยังโต๊ะอาหารที่เรียงรายไปด้วยกับข้าวนับสิบอย่าง เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นบนโต๊ะอาหารเป็นผักและปลา ส่วนอีกสิบเปอร์เซ็นเป็นยาบำรุง ซึ่งเธอคิดว่าไม่ใช่สามถุงใหญ่ๆที่กองอยู่ในห้องนอนของเธอแน่ๆ
“กับข้าวน่ากินจังเลยค่ะลุงแหมบ แบบนี้ไม่ต้องห่วงว่าจะเหลือนะคะ หนูจะกินให้เกลี้ยงเลยล่ะค่ะ เบื่ออาหารที่โรงพยาบาลจะแย่อยู่แล้ว ”
“งั้นกินเยอะๆเลยครับ ไม่พอผมทำให้อีกก็ได้นะ”
พูดจบลุงแหมบก็ตั้งท่าจะเดินเข้าครัวอีกรอบแต่หญิงสาวรีบห้ามไว้ซะก่อน
“ลุงแหมบจะทำอะไรช่วยเกรงใจพุงหนูนิดนึงนะคะ”
เสียงใสๆหัวเราะร่าเริงของเธอและลุงแหมบทำให้บรรยากาศในบ้านดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่ได้เห็นเธอยิ้มมีความสุขขนาดนี้ มันทำให้เขาสบายใจอย่างประหลาดไม่เว้นแม้แต่ชายวัยกลางคนที่กำลังยืนหัวเราะร่วมกับเธอในตอนนี้ เขาเองก็เป็นห่วงเธอไม่น้อยเมื่อได้ทราบข่าวของเธอจากนายหญิง เขาเลือกหันหลังให้บ้านเกิดที่ไม่ได้กลับมาแสนนานทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้นายหญิงออกปากสั่งแม้แต่คำเดียว สำหรับเขาแล้ว เธอเป็นเหมือนหลานสาวผู้น่ารักและผู้มีพระคุณของเขา และคงจะเป็นคนสำคัญของคุณหนูอีกด้วย เขาจึงไม่ปล่อยให้คุณหนูต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายนี้คนเดียวเป็นแน่
“กินข้าวกันได้แล้ว เลิกไร้สาระสักที”
ถึงแม้ชายหนุ่มจะรู้สึกดีกับบทสนทนาของทั้งคู่ แต่เขาก็อยากให้เธอกินยาตรงเวลาตามที่หมอสั่งเช่นกัน
“รู้แล้วจร้า ดุจริงนะพ่อคุณ”
เธอหันกลับมาสนใจผู้ชายที่นั่งตรงข้ามกับเธออีกครั้ง หวนนึกถึงภาพเหตุการณ์แสนกวนโอ้ยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
‘เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีกวนโอ้ยฉันอยู่แท้ๆ ไปเดินผ่านรังแตนมาตอนไหนนะถึงได้กลับมาดุร้ายเหมือนเดิม’
ปลากระพงนึ่งมะนาวถูกลำเลียงลงบนจานเธออย่างรวดเร็ว แล้วตามมาด้วยยำปลาแซลมอน ผัดผักนาๆชนิด
“เดี๋ยวก่อนๆ นี่นายจะตักมาถมบ้านฉันรึไง ฉันตักเองได้ นายกินของนายไปเถอะหิวไม่ใช่หรอ”
“ไม่ต้องพูดมาก รีบกินไปเถอะ”
“ทำไมช่วงนี้นายชอบบังคับให้ฉันทำอะไรที่ฉันไม่อยากทำด้วยนะ นายเป็นโรคอะไรกันแน่ ฮึ”
หญิงสาวถามอย่างเหลืออด เมื่อถูกเขาบงการชีวิตไปแล้วร้อยเปอร์เซ็น
‘ที่นายคอยเป็นห่วงฉัน ฉันเองก็รู้สึกดีอยู่หรอกนะ แต่ความหวังดีของนายมันมาในจังหวะที่ฉันต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้รู้สึกดีกับนายไปมากกว่านี้ ฉันจึงมองว่าเป็นการก้าวก่ายมากเกินไป ขอโทษนะที่ฉันทำตัวเอาแต่ใจ แต่ฉันจำเป็นต้องห้ามใจไว้เพราะในใจของนายยังมีใครบางคนอยู่ในนั้น ใครบางคนที่ฉันไม่สามารถเข้าถึง ใครบางคนที่ฉันไม่สามารถแตะต้องได้ใครบางคนที่ชื่อ มิซึกิ’
เธอมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อปนน้อยใจ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ไหวติงใดๆต่อสายตานั้น เขายังคงตักปลาซาบะชุ่มซอสใส่จานเธอไม่หยุดหย่อน
‘โรคอะไรงั้นหรือ...’
คำถามนั้นดังก้องอยู่ในหัวของชายหนุ่ม เขาถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าเขาเป็นโรคอะไรอยู่ ทำไมต้องคอยเป็นห่วงผู้หญิงคนนี้อยู่ตลอดเวลา ทำไมต้องคอยห้ามให้เธอทำในสิ่งที่เธออยากทำทั้งที่เขาก็อยากให้เธอมีความสุขที่สุด ทั้งๆที่เธอและเขาไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น เธอไม่แม้แต่จะเฉียดใกล้คำว่าคนพิเศษเลยสักนิด แต่ทำไมเขาถึงปล่อยให้เธออยู่ห่างจากตัวเขาไม่ได้
‘รู้สึกผิด...งั้นหรือ’
เป็นการหาคำตอบที่มีแต่คำถามไม่จบสิ้น และยิ่งบั่นทอนจิตใจของเขาเอง
ดวงตาที่มีแต่ความสับสนและเจ็บปวดจ้องมองไปยังหญิงสาวที่กำลังกินอาหารที่เขาตักให้อย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ได้สนใจสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ยังมีของหวานอีกนะครับหนูข้าวตอก อย่าพึ่งรีบอิ่มซะล่ะ”
ลุงแหมบเข้ามากระซิบบอกเธออีกครั้งหลังจากหายเข้าครัวไปอีกรอบ เธอส่งยิ้มให้ลุงแหมบจนแก้มปริ เพราะในเวลานี้ก็มีเพียงลุงแหมบเท่านั้นที่ทำให้เธอยิ้มได้
“นี่นาย ไม่กินข้าวรึไง นั่งคิดถึงใครอยู่หรอ”
เขาหันกลับมาสนใจเธออีกครั้งหลังจากจมจ่อมอยู่กับคำถามที่หาคำตอบไม่ได้ จานข้าวที่เคยว่างเปล่าของเขาตอนนี้กลับมีหัวปลากระพง เปลือกมะนาว หางปลาซาบะ เครื่องสมุนไพรในต้มยำอยู่เต็มไปหมด เจ้าของจานได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“ส่วนที่ฉันตักให้ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งนั้นเลยนะ ตอบแทนที่นายใจดีตักให้ฉันไงล่ะ”
หญิงสาวกล่าวยิ้มๆด้วยคำพูดแสนดีที่มาพร้อมกับจุดประสงค์ทำลายล้างเป้าหมายให้สิ้นซาก แล้วตามด้วยการบรรยายคุณประโยชน์ของอาหารที่เธอจงใจตักให้เขาไม่หยุด
“ประโยชน์มากมายขนาดนั้นเลยหรอ”
“ใช่เลย ฉันถึงอยากให้นายกินเยอะๆไง ฉันเป็นห่วงนายนะรู้ไหม”
“ฉันคิดว่าของพวกนี้คนที่พึ่งจะหายป่วยควรจะกินมากกว่านะ”
พูดจบชายหนุ่มก็ถ่ายโอนกรรมสิทธิ์จานข้าวนั้นมาให้เธออย่างรวดเร็ว เธอรับจานนั้นมาอย่างงงๆ แต่เธอก็ยื่นมันกลับไปให้เขาดังเดิม
“ออ! ไม่เป็นไร บังเอิญว่าคนที่พึ่งหายป่วยเขาอิ่มมาก คงไม่ต้องให้นายเสียสละอะไรไปมากกว่านี้แล้วล่ะ”
เธอวางจานข้าวลงตรงหน้าเขาก่อนจะตักปลาซาบะเข้าปากอย่างรวดเร็ว
“เห็นไหมล่ะ ของคนป่วยก็ยังไม่หมดเลย ฉันคงไม่ใจร้ายแย่งนายได้ลงคอหรอก”
เธอพูดทั้งที่ปลาซาบะเต็มปาก เขายิ้มให้ด้วยความอ่อนใจกับการกระทำของเธอ
‘ถึงเธอจะป่วย แต่ดีกรีความแสบสันก็ไม่เคยลดหายไป’
…………………………….โปรดติดตามตอนต่อไป…………………………………
‘โอ้ยยยยข้าวตอกเอ้ยยย หน้าตาไม่ดีแล้วยังโง่อีกนะ ครบครันจริงๆผู้หญิงคนนี้’
แต่ถึงจะกระท่อนกระแท่นไปบ้างแต่ เธอก็เข้าใจทุกประโยคที่เขียนอยู่ในนั้น
เธออ่านมันอย่างตั้งใจจนรู้สึกปวดตาจึงล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มท่ามกลางถุงยาขนาดใหญ่สามถุง
“เฮ้อออ…”
เธอถอนหายใจให้กับชีวิตที่สุดแสนจะวุ่นวายของเธอ ตลอดเวลาที่เธออยู่ในโรงพยาบาล เธอไม่เคยมีเวลาส่วนตัวเลยสักนิด แม้แต่ในห้องน้ำเสียงของนายวาฟเฟิลก็ยังคอยตะโกนเข้ามาหลอกหลอนเธออยู่ประจำ แต่พอได้กลับมาอยู่กับตัวเองในห้องแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกเหงาขึ้นมาทันที
สมุดบันทึกเล่มเล็กๆถูกนำออกมาจากลิ้นชักหัวเตียง เธอจดทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอได้ประสบมาลงในสมุดอย่างตั้งใจ และนั่งอ่านแผนการหาข้อมูลของนายวาฟเฟิลวนไปวนมา เพื่อให้จดจำได้อย่างแม่นยำ
“มิซึกิ”
เธอเขียนชื่อผู้หญิงคนนี้ไว้ตัวใหญ่ๆเพราะเธอคือเป้าหมายที่หญิงสาวต้องหาข้อมูล และแหล่งข้อมูลขั้นดีสำหรับเธอก็คือลุงแหมบนั่นเอง
หญิงสาวลงมายังห้องอาหารตามเสียงเรียกของลุงแหมบ ชายหนุ่มนั่งรออยู่ตรงหัวโต๊ะก่อนแล้ว โดยมีลุงแหมบคอยตักข้าวอยู่ข้างๆ เขายังคงทำตัวเนิบนาบนั่งกอดอกจ้องเธอตาไม่กระพริบ หญิงสาวเดินลงมายืนอยู่ข้างๆลุงแหมบโดยที่ตาก็ยังคงมองความเนิบนาบของชายหนุ่มอย่างไม่วางสายตา
“เชิญนั่งเลยครับ วันนี้ผมทำแต่ของชอบหนูข้าวตอกทั้งนั้นเลยนะครับ”
ลุงแหมบพูดพลางเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างสุภาพ
“ลุงแหมบไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”
เธอรีบนั่งตามคำเชิญพร้อมกับบ่มเบาๆกับความเป็นสุภาพบุรุษของลุงแหมบ
“วันนี้ผมทำสุดฝีมือเลยนะครับ ทานให้เยอะๆล่ะ”
ลุงแหมบยิ้มอ่อนโยนก่อนจะตักข้าวให้เธอจนพูนจาน หญิงสาวมองไปยังโต๊ะอาหารที่เรียงรายไปด้วยกับข้าวนับสิบอย่าง เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นบนโต๊ะอาหารเป็นผักและปลา ส่วนอีกสิบเปอร์เซ็นเป็นยาบำรุง ซึ่งเธอคิดว่าไม่ใช่สามถุงใหญ่ๆที่กองอยู่ในห้องนอนของเธอแน่ๆ
“กับข้าวน่ากินจังเลยค่ะลุงแหมบ แบบนี้ไม่ต้องห่วงว่าจะเหลือนะคะ หนูจะกินให้เกลี้ยงเลยล่ะค่ะ เบื่ออาหารที่โรงพยาบาลจะแย่อยู่แล้ว ”
“งั้นกินเยอะๆเลยครับ ไม่พอผมทำให้อีกก็ได้นะ”
พูดจบลุงแหมบก็ตั้งท่าจะเดินเข้าครัวอีกรอบแต่หญิงสาวรีบห้ามไว้ซะก่อน
“ลุงแหมบจะทำอะไรช่วยเกรงใจพุงหนูนิดนึงนะคะ”
เสียงใสๆหัวเราะร่าเริงของเธอและลุงแหมบทำให้บรรยากาศในบ้านดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่ได้เห็นเธอยิ้มมีความสุขขนาดนี้ มันทำให้เขาสบายใจอย่างประหลาดไม่เว้นแม้แต่ชายวัยกลางคนที่กำลังยืนหัวเราะร่วมกับเธอในตอนนี้ เขาเองก็เป็นห่วงเธอไม่น้อยเมื่อได้ทราบข่าวของเธอจากนายหญิง เขาเลือกหันหลังให้บ้านเกิดที่ไม่ได้กลับมาแสนนานทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้นายหญิงออกปากสั่งแม้แต่คำเดียว สำหรับเขาแล้ว เธอเป็นเหมือนหลานสาวผู้น่ารักและผู้มีพระคุณของเขา และคงจะเป็นคนสำคัญของคุณหนูอีกด้วย เขาจึงไม่ปล่อยให้คุณหนูต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายนี้คนเดียวเป็นแน่
“กินข้าวกันได้แล้ว เลิกไร้สาระสักที”
ถึงแม้ชายหนุ่มจะรู้สึกดีกับบทสนทนาของทั้งคู่ แต่เขาก็อยากให้เธอกินยาตรงเวลาตามที่หมอสั่งเช่นกัน
“รู้แล้วจร้า ดุจริงนะพ่อคุณ”
เธอหันกลับมาสนใจผู้ชายที่นั่งตรงข้ามกับเธออีกครั้ง หวนนึกถึงภาพเหตุการณ์แสนกวนโอ้ยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
‘เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีกวนโอ้ยฉันอยู่แท้ๆ ไปเดินผ่านรังแตนมาตอนไหนนะถึงได้กลับมาดุร้ายเหมือนเดิม’
ปลากระพงนึ่งมะนาวถูกลำเลียงลงบนจานเธออย่างรวดเร็ว แล้วตามมาด้วยยำปลาแซลมอน ผัดผักนาๆชนิด
“เดี๋ยวก่อนๆ นี่นายจะตักมาถมบ้านฉันรึไง ฉันตักเองได้ นายกินของนายไปเถอะหิวไม่ใช่หรอ”
“ไม่ต้องพูดมาก รีบกินไปเถอะ”
“ทำไมช่วงนี้นายชอบบังคับให้ฉันทำอะไรที่ฉันไม่อยากทำด้วยนะ นายเป็นโรคอะไรกันแน่ ฮึ”
หญิงสาวถามอย่างเหลืออด เมื่อถูกเขาบงการชีวิตไปแล้วร้อยเปอร์เซ็น
‘ที่นายคอยเป็นห่วงฉัน ฉันเองก็รู้สึกดีอยู่หรอกนะ แต่ความหวังดีของนายมันมาในจังหวะที่ฉันต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้รู้สึกดีกับนายไปมากกว่านี้ ฉันจึงมองว่าเป็นการก้าวก่ายมากเกินไป ขอโทษนะที่ฉันทำตัวเอาแต่ใจ แต่ฉันจำเป็นต้องห้ามใจไว้เพราะในใจของนายยังมีใครบางคนอยู่ในนั้น ใครบางคนที่ฉันไม่สามารถเข้าถึง ใครบางคนที่ฉันไม่สามารถแตะต้องได้ใครบางคนที่ชื่อ มิซึกิ’
เธอมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อปนน้อยใจ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ไหวติงใดๆต่อสายตานั้น เขายังคงตักปลาซาบะชุ่มซอสใส่จานเธอไม่หยุดหย่อน
‘โรคอะไรงั้นหรือ...’
คำถามนั้นดังก้องอยู่ในหัวของชายหนุ่ม เขาถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าเขาเป็นโรคอะไรอยู่ ทำไมต้องคอยเป็นห่วงผู้หญิงคนนี้อยู่ตลอดเวลา ทำไมต้องคอยห้ามให้เธอทำในสิ่งที่เธออยากทำทั้งที่เขาก็อยากให้เธอมีความสุขที่สุด ทั้งๆที่เธอและเขาไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น เธอไม่แม้แต่จะเฉียดใกล้คำว่าคนพิเศษเลยสักนิด แต่ทำไมเขาถึงปล่อยให้เธออยู่ห่างจากตัวเขาไม่ได้
‘รู้สึกผิด...งั้นหรือ’
เป็นการหาคำตอบที่มีแต่คำถามไม่จบสิ้น และยิ่งบั่นทอนจิตใจของเขาเอง
ดวงตาที่มีแต่ความสับสนและเจ็บปวดจ้องมองไปยังหญิงสาวที่กำลังกินอาหารที่เขาตักให้อย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ได้สนใจสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ยังมีของหวานอีกนะครับหนูข้าวตอก อย่าพึ่งรีบอิ่มซะล่ะ”
ลุงแหมบเข้ามากระซิบบอกเธออีกครั้งหลังจากหายเข้าครัวไปอีกรอบ เธอส่งยิ้มให้ลุงแหมบจนแก้มปริ เพราะในเวลานี้ก็มีเพียงลุงแหมบเท่านั้นที่ทำให้เธอยิ้มได้
“นี่นาย ไม่กินข้าวรึไง นั่งคิดถึงใครอยู่หรอ”
เขาหันกลับมาสนใจเธออีกครั้งหลังจากจมจ่อมอยู่กับคำถามที่หาคำตอบไม่ได้ จานข้าวที่เคยว่างเปล่าของเขาตอนนี้กลับมีหัวปลากระพง เปลือกมะนาว หางปลาซาบะ เครื่องสมุนไพรในต้มยำอยู่เต็มไปหมด เจ้าของจานได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“ส่วนที่ฉันตักให้ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งนั้นเลยนะ ตอบแทนที่นายใจดีตักให้ฉันไงล่ะ”
หญิงสาวกล่าวยิ้มๆด้วยคำพูดแสนดีที่มาพร้อมกับจุดประสงค์ทำลายล้างเป้าหมายให้สิ้นซาก แล้วตามด้วยการบรรยายคุณประโยชน์ของอาหารที่เธอจงใจตักให้เขาไม่หยุด
“ประโยชน์มากมายขนาดนั้นเลยหรอ”
“ใช่เลย ฉันถึงอยากให้นายกินเยอะๆไง ฉันเป็นห่วงนายนะรู้ไหม”
“ฉันคิดว่าของพวกนี้คนที่พึ่งจะหายป่วยควรจะกินมากกว่านะ”
พูดจบชายหนุ่มก็ถ่ายโอนกรรมสิทธิ์จานข้าวนั้นมาให้เธออย่างรวดเร็ว เธอรับจานนั้นมาอย่างงงๆ แต่เธอก็ยื่นมันกลับไปให้เขาดังเดิม
“ออ! ไม่เป็นไร บังเอิญว่าคนที่พึ่งหายป่วยเขาอิ่มมาก คงไม่ต้องให้นายเสียสละอะไรไปมากกว่านี้แล้วล่ะ”
เธอวางจานข้าวลงตรงหน้าเขาก่อนจะตักปลาซาบะเข้าปากอย่างรวดเร็ว
“เห็นไหมล่ะ ของคนป่วยก็ยังไม่หมดเลย ฉันคงไม่ใจร้ายแย่งนายได้ลงคอหรอก”
เธอพูดทั้งที่ปลาซาบะเต็มปาก เขายิ้มให้ด้วยความอ่อนใจกับการกระทำของเธอ
‘ถึงเธอจะป่วย แต่ดีกรีความแสบสันก็ไม่เคยลดหายไป’
…………………………….โปรดติดตามตอนต่อไป…………………………………
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ