บังเอิญรัก

8.0

เขียนโดย Necha

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 13.21 น.

  17 ตอน
  3 วิจารณ์
  22.94K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557 13.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) บังเอิญ...ขอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ศมนมองเจ้านายที่สลัดคราบหนุ่มหล่อกลายเป็นชายหนุ่มวัยละอ่อนที่เพิ่งพานพบความรักตั้งแต่ได้จดหมายที่เธออุตส่าห์ยอมเป็นไปรษณีย์สื่อรักให้ หน้าที่บานราวกระด้งแนบไปกับจดหมายพร้อมทั้งกลิ้งไปกลิ้งมาบนโซฟาเหมือนคนบ้าจนวาสุหมั่นไส้หอบผ้าห่มผืนใหญ่มาคลุมพร้อมกระโดดทับ กวินตะเกียกตะกายออกมาก่อนจะเอาคืน ศมนได้แต่นั่งหัวเราะกับท่าทางหยอกล้อของสองพี่น้อง และต้องอมยิ้มเมื่อเจ้านายของเธอหนีเข้าห้องนอนแต่ยังไม่วายหันมาขอบคุณเธอด้วยเสียงแหบแห้ง
ตอนแรกพิชชาจะตามมาด้วยแต่เพราะโดนภูผาห้ามเพราะอาจจะติดไข้ เอาไว้รอให้กวินหายแน่นอนเมื่อไรค่อยมา พิชชาเลยต้องเขียนจดหมายมาแทนแต่กว่าศมนจะออกจากบ้านหลังนั้นได้ก็ถูกดึงตัวไว้จนถึงมื้อเย็น และไม่รู้ว่าสองพี่น้องนั้นใครเป็นคนวางแผนหรืออาจจะร่วมมือกันก็ได้ ระหว่างกำลังจะไปโต๊ะอาหารจู่ๆ พิชชาก็หน้ามืดและทำท่าพะอืดพะอม ก่อนจะบอก
‘คงจะไปทานด้วยไม่ได้แล้ว พี่ทานกันแค่สองคนก็แล้วกันนะ’
แล้วก็หนีขึ้นห้องไปหน้าตาเฉย ศมนไม่ทันตั้งตัวแต่พอจะขอตัวกลับก็โดนเจ้าบ้านจูงมือไปโต๊ะอาหารแบบเนียนๆ
‘คุณคงไม่ใจร้ายปล่อยให้ผมกินข้าวคนเดียวหรอกใช่ไหม’
‘แล้วถ้าฉันจะใจร้ายล่ะ’ ชายหนุ่มยักไหล่พร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ให้
‘คุณก็ต้องนั่งเป็นเพื่อนผมอยู่ดี...เชิญครับคุณผู้หญิง’ เธอกระแทกตัวนั่งลงอย่างไม่พอใจ เล่นพามาถึงโต๊ะแล้วยังบังคับให้นั่งจะให้ปฏิเสธยังไงล่ะ
ศมนจำใจนั่งทานไปเงียบๆ แม้รสชาติอาหารจะถูกปากแต่เธอรู้สึกอึดอัดกับสายตาของคนร่วมโต๊ะที่เอาแต่จ้อง พอทานไปได้ไม่กี่คำก็ต้องวางช้อน เงยหน้าสบตาคนตรงข้าม
‘คุณจะมองฉันไปถึงเมื่อไร’
‘จนกว่าผมจะเบื่อ’
‘…’
‘J’
‘ช่วยเลิกจ้องเหมือนฉันเป็นของตั้งโชว์จะได้ไหม ฉันอึดอัด’
‘เรื่องของผม’
โอเค...ให้ตายเถอะผู้ชายคนนี้
‘ถ้างั้นฉันขอตัวกลับ’
‘เดี๋ยวซิคุณ ผมยังไม่อิ่ม’
‘...’
‘อาหารเต็มโต๊ะคุณยังไม่ได้ลองทานเลย เดี๋ยวแม่ครัวผมเสียใจแย่เขาอุตส่าห์ทำ...หรือคุณกลัว’ น้ำเสียงท้าทายทั้งรอยยิ้มเหยาะเล่นเอาหญิงสาวโมโห
‘กลัวอะไร’
‘ก็กลัว...ติดใจไง’
‘งี่เง่า’ ว่าเข้าให้ก่อนจะตักข้าวใส่ปากเคี้ยวอย่างโมโห รู้ตัวอีกทีข้าวในจานพร่องเกือบหมดไปพร้อมกับกับข้าวที่ชายหนุ่มทยอยตักให้ คิดแล้วก็น่าโมโหตัวเองไม่น่าไปหลงกลมุกตื้นๆ แบบนั้น พอตอนกลับก็ยังไม่วายโดนกวนอารมณ์
‘อะไร’ เธอถามเมื่อเห็นชายหนุ่มแบมือมาตรงหน้า
‘นามบัตร’
‘ของใคร ?’
‘อย่าทำเป็นโง่น่าคุณ ผมกำลังขอนามบัตรของคุณอยู่...หรือให้ดีเอาเบอร์ส่วนตัวก็ได้ ถ้าคุณจะให้’
‘เรื่องอะไรฉันต้องให้’
ศมนก้าวถอยหลังจนติดรถเมื่อภูผาเดินเข้ามาประชิดพร้อมกับเอามือคร่อมเธอไม่ให้หนี หญิงสาวเกร็งตัวเมื่อใบหน้าของเขาห่างแค่คืบเดียว ดวงตาวาววับจนเธอสะท้านในอก
‘ต้องให้ผมบอกไหมว่าเพราะอะไรผมถึงขอเบอร์คุณ’
‘ม...ไม่ต้อง !’ หญิงสาวตะกุกตะกักตอบและกำลังคิดว่าเธอควรจะดิ้นหนีดีไหม ? อยู่แบบนี้ไม่ดีแน่...ให้ตายเถอะ จัดการปัญหาให้เจ้านายมาตั้งเยอะแต่สถานการณ์แบบนี้จะให้ทำยังไงเนี้ย
‘แต่ผมอยากบอก...’
เสียงทุ้มข้างหูทำให้หญิงสาวแทบอ่อนระทวย เผลอจ้องตอบดวงตามีเสน่ห์ที่ค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ สัมผัสเบาๆ ที่ริมฝีปาก...
‘อะแฮ่ม...เอ่อ ไม่ได้อยากจะมาขัดจังหวะนะชื่น แต่ขอเข้าบ้านได้ไหมวะ’
ภาสกรที่ยืนกระอักกระอวนอยู่ท้ายรถส่งยิ้มแห้งๆ เมื่อเห็นสายตาอาฆาตของน้องชายฝาแฝด ก่อนจะรีบเดินผ่านหนีเข้าบ้าน...รถเสียจนต้องเดินมาบ้าน แล้วยังซวยมาขัดจังหวะเจ้าชื่น โอ๊ย กรรมแท้ตู
ศมนหน้าแดงรู้สึกก่ำกึ่งระหว่างโกรธและอาย เธอผลักภูผาออกก่อนจะหันหลังรีบหากุญแจรถ พอเปิดประตูยังไม่ทันได้เข้า สัมผัสเบาๆ ที่ข้างแก้มพร้อมกับคำทิ้งท้ายที่ทำให้เธอมาดหลุด
‘มัดจำไว้ก่อน คราวหน้าค่อยเอาฟลูออฟชั่นแบบที่ไม่ต้องมีใครมาขัดได้’
‘ไอ้เด็กบ้า !’
“คุณ...ค...อาเจ๊โว้ย ฮาโหล !”
เสียงตะโกนข้างหูทำเอาศมนสะดุ้งหันไปมองอย่างไม่พอใจ แต่คนตะโกนอย่างวาสุกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้วางแก้วน้ำพร้อมขนมก่อนจะถอยไปนั่งที่โซฟาอีกด้านที่ห่างจากระยะฝ่ามือ
“ผมเรียกคุณตั้งหลายครั้งก็ไม่ได้ยินสักที เหม่ออะไรครับคุณ นี่เกิดผมหน้ามืดอุ้มเข้าห้องจะรู้สึกตัวไหมเนี่ย”
“กลับมาปากดีเหมือนเดิมแล้วเหรอ นึกว่าจะสงบเสงี่ยมนานกว่านี้หน่อย” พูดจิกกัดพร้อมดันแว่นให้เข้าที่ นึกหมั่นไส้อยากจะจับคนตรงหน้ากดน้ำวันละหลายๆ รอบ ด้วยความที่ทั้งศมนและวาสุเองก็รู้จักกันมานานชนิดที่ว่ารู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมทุกซอกทุกมุมของอีกฝ่ายนั้นแหละ
“พูดอะไรของเจ๊ อย่ามาใส่ร้ายกันน่า” วาสุแสร้งตีหน้าเซ่อ...เหอะ ! ยัยป้ามหาภัยนี่เล่นด้วยยากชะมัด รู้ทันตลอด
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันคงไม่ต้องทำอาหารมาส่งแล้วใช่ไหมคะ...ดีจัง ฉันจะได้มีเวลานอนตื่นสายๆ สักที”
วาสุตัวแข็งทื่อ พูดเรื่องกินนี่ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเลยนะ ไม่รู้พรุ่งนี้ไอ้ซานจะยอมทำอาหารหรือเปล่า เอาไงดีวะ
“ว่าไงคะคุณซิก...แซก” วาสุหน้าบึ้งยกมือกอดอกท่าทางไม่พอใจซึ้งเป็นท่าประจำที่เจ้าตัวชอบทำเวลามีคนขัดใจ สายตาขุ่นมัวที่มองมาทำให้หญิงสาวแอบยิ้มขำ
“อาเจ๊อ่ะ ชอบเอาเรื่องนี้มาข่มตลอด อย่าให้ถึงทีผมบ้างก็แล้วกัน”
“หึ...เด็กไม่ดีก็ต้องถูกทำโทษ แล้วคิดจะเอาคืนพี่แน่ใจแล้วเหรอ ฝันหวานอยู่หรือไงจ๊ะ พ่อหนุ่มน้อย”
“เจ๊ ! ผมไม่ใช่เด็กนะ เลิกเรียกแบบนั้นสักที เดี๋ยวลูกน้องมาได้ยินเสียการปกครองกันพอดี”
อ้อ...ยืนเต้นผางๆ แบบนั้นไม่เด็กเลย...ไม่เด็กสักนิ๊ด
“จ้ะๆ นายหัวจอมโหดน่ากลัวสุดๆ นั่งเถอะเด็กดีพี่กลัวเธอจะแย่” พูดไปขำไปจนนายหัวตัวโตกระฟัดกระเฟียดทิ้งตัวนั่งแรงๆ จนเกรงว่าโซฟาจะพัง วาสุนึกอยากจะค้อนแล้วค้อนอีก บอกว่า ‘กลัว’ แต่ยังเรียกเขาว่า ‘เด็กดี’ นี่มันอะไรฟะ !
ไม่ว่ากี่ปีๆ วาสุก็ไม่อาจเอาชนะผู้หญิงที่ชื่อ ศมน ได้เลยสักครั้งตั้งแต่คุณปู่พาศมนเข้ามาในบ้าน เธอก็คอยทำหน้าที่เป็นทั้งเพื่อนเล่นและพี่เลี้ยงให้กับวาสุและกวินอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะห่างกันช่วงที่ศมนตามคุณปู่ขึ้นเหนือ มาเจอกันอีกทีก็ตอนที่ศมนเป็นเลขาให้ศรันย์ก่อนจะย้ายมาทำงานกับกวิน อันที่จริงปู่จะให้เธอมาทำงานกับวาสุ แต่เขาแค่เจอมาดอาจารย์ป้าก็ขอโบกมือลาทันที เรื่องอะไรจะเอาตัวเองไปขึ้นเขียงรอคุณเธอเชือดกันล่ะ เขาอยากได้เลขามาจัดการงานให้มากกว่ามีแม่มาคอยคุมทำงานนะ ฮึ่ย...แค่คิดก็หนาว
“แล้วนี่เธอจะกลับเกาะวันไหน ทิ้งงานมาหลายวันแบบนี้พี่ว่าไม่ค่อยดีนะ” น้าน ว่าล่ะเจ๊ต้องท้วงเรื่องนี้
“หยวนๆ น่าเจ๊ ลูกน้องผมตั้งเยอะแยะมันดูแลกันเองได้หรอกน่า ไอ้ซานก็ยังไม่หายป่วย ให้ผมพักบ้างไรบ้างดิ”
“แต่เธอพักบ่อยเกินไปแล้วนะ อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ว่าเธอแอบเอางานมาให้เจ้านายพี่ทำแทนแล้วตัวเองก็ตะลอนเที่ยว สักวันเหอะ ‘ไอ้นั่น’ จะใช้งานไม่ได้ จะอดอยากปากแห้งแค่ไหนพี่ขอเถอะช่วยเพลาๆ ลงบ้าง พี่กลัวว่าเธอจะพลาดไปทำลูกสาวชาวบ้านเขาป่อง ดีไม่ดีไปติดโรคมาอีก รวยแค่ไหนก็ช่วยยื้อชีวิตเธอไม่ได้หรอกนะ”
“อาเจ๊ลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองเป็นผู้หญิง พูดเรื่องพรรค์นั้นไม่อายปากได้ไงวะ ผมฟังแล้วอายแทน เจ๊เป็นผู้หญิงก๋ากั๋นเกินไปแล้ว แบบนี้ไงเล่าถึงไม่มีใครเอา”
“เหรอ...แต่ได้ยินว่าภายในปีนี้ ถ้าหากคนบางคนยังทำตัวหลักลอยก็อาจจะต้องแต่งกับพี่แทนนะ”
โดนหมัดฮุคที่ทำให้เถียงไม่ออก เป็นเรื่องภายในที่ทุกคนรู้มานานว่านายใหญ่ของบ้านหรือคุณปู่ของเขาต้องการศมนเป็นหลานสะใภ้ จึงคิดจับคู่กับหลานชาย เริ่มจากฝาแฝดที่อายุไล่เลี่ยกันแต่ต้องหมดหวังเมื่อศรันย์มีคนรักไปแล้ว ส่วนศตายุก็ไม่มีวี่แววเพราะเจ้าตัวอยู่แต่ในป่าจนครอบครัวเกือบจะลืมไปแล้วว่าหลานชายคนที่สองยังมีชีวิต แจ๊กพอตเลยตกมาอยู่ที่วาสุและกวิน และไม่รู้ว่ากวินมันไปทำอีท่าไหน ปู่ถึงได้พุ่งเป้ามาที่เขาคนเดียวและทำให้สถานะระหว่างพวกเขาเป็น ‘ว่าที่คู่หมั้น’ หรือ ‘คู่หมาย’ นั้นเอง
แรกๆ ก็ไม่กังวลหรอกด้วยความที่ปู่เองก็รักและเอ็นดูศมนมากจึงตามใจเมื่อเธอขอใช้ชีวิตโสดจนกว่าจะพอใจและในระหว่างนั้นถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีคนรัก สัญญาก็ถือเป็นโมฆะ แต่ปู่ก็วางเงื่อนไขระยะเวลาถึงแค่ตอนที่เธออายุสามสิบเท่านั้น...และตอนนี้อาเจ๊ก็สามสิบไปแล้ว งามไส้ล่ะไอ้ซิก !  เขาลืมเรื่องนี้ไปเลยด้วยซ้ำ
“เจ๊ !”
วาสุกระโจนข้ามโต๊ะมาเกาะแขนหญิงสาวแล้วถามด้วยความร้อนรน
“เจ๊มีแฟนหรือยัง...ช่วงนี้มีใครมาจีบไหม ห หรือสนใจใครบ้างมะ ?” ศมนเห็นแล้วก็อยากจะแกล้ง จึงหรุบตาลงไม่ให้จับแววตาได้พร้อมดันแว่นให้เข้าที่
“เธอไม่อยากแต่งกับพี่มากขนาดนี้เลยเหรอ...หรือว่าเธอรังเกียจพี่...ใช่สินะพี่ลืมไปว่าอายุมากกว่าเธอ ใครจะอยากแต่งกับสาวแก่ทึนทึกแบบพี่กันล่ะ” ชายหนุ่มชะงัก มือไม้วางไม่ถูกยิ่งศมนขยับตัวหันหลังให้ก็ได้อ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะทำยังไงดี
“อ เอ่อ...เจ๊ คือว่า มะ ไม่ใช่แบบนั้น คือ...เอ่อ อ่า”
“...”
“...ผมไม่ได้รังเกียจเจ๊เลยนะ เจ๊ก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้น..ถึงจะชอบทำตัวล้ำกว่าอายุก็เถอะ อา...ถึง...ถึงงั้นเจ๊ก็สวยนะ ! แล้วถ้าเราแต่งงานทั้งๆ ที่ไม่ได้รักกัน ชีวิตคู่ของเราก็คงไปไม่รอด มีแต่ทรมานด้วยกันทั้งสองฝ่าย...ผมชอบเจ๊นะแต่ก็แบบพี่สาว แล้วผมก็คงทำแบบนั้นกับเจ๊ไม่ได้ แล้ว...”
ศมนยกมือเพื่อให้วาสุหยุดพูด ไหล่บางสั่นมือหนึ่งปิดหน้าส่วนอีกมือถอดแว่นตาออกมาถือไว้ วาสุถึงกับหน้าเสียแต่เพียงครู่เดียวเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาสบ แววตาเป็นประกายจนชายหนุ่มถึงกับสบถไม่เป็นภาษา ตามมาเสียงหัวเราะเยาะที่ดังไปทั่วห้อง วาสุถอยห่างมานั่งโซฟาอีกตัวพร้อมยกหมอนอิงมานั่งกัดด้วยความเสียอารมณ์ ศมนเช็ดน้ำตาที่ปริ่มออกมาเพราะหัวเราะมากเกินไป ก่อนจะปรับอารมณ์ให้เป็นปกติแต่รอยยิ้มก็ยังประดับบนใบหน้างาม หญิงสาวขยับนั่งไขว้ห้างอย่างมาดนางพญา ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้พ่อหนุ่มน้อยที่โดนเธอปั่นหัวจนหน้าบูดเป็นตูดเป็ด
“พี่ก็ไม่อยากจะแต่งกับเธอหรอก ไม่ต้องห่วง”
“ทำไม ? แต่งกับผมแล้วมันจะเป็นยังไง !?”
“ก็...แทนที่จะได้สามี พี่กลัวจะได้เด็กโค่งมาเลี้ยงแทนนะสิ”
“เจ๊ !”
“จ้าๆ ล้อเล่นน่า เอาเถอะช่วงนี้ก็พยายามเลี่ยงๆ คุณท่านก็แล้วกันถ้าเกิดท่านถามหา แต่ระหว่างนั้นช่วยหาน้องสะใภ้ให้พี่ได้แล้ว ปัญหาของเราจะได้จบ เอาล่ะเดี๋ยวพี่จะกลับแล้ว เธอเองก็งดเที่ยวสักวันแล้วพักผ่อนซะนะ” หญิงสาวหยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้นเตรียมจะกลับ แต่วาสุดึงข้อมือบางเอาไว้ก่อน
“ชงโค”
“หืม ?”
“ไม่เหงาเหรอ...ไม่ต้องการใครสักคนมาอยู่ข้างกายบ้างหรือ ?”
ศมนยิ้ม วาสุชอบเรียกเธอว่าชงโค เวลาที่เขาอยากอ้อน หญิงสาวก้มลงไปจูบเบาๆ บนหน้าผากกว้างเหมือนเมื่อก่อนเวลาที่เด็กน้อยอยากได้รางวัลหรือกำลังใจ
“พี่จะอยู่เป็นโสดยะ !”
 
 
“นี่มันอะไรวะชื่น !”
สองวันต่อมาหลังบังเอิญเข้าไปขัดตาทัพของฝาแฝด ภาสกรก็โผล่พรวดพราดเข้ามาในห้องประธานบริหารฝ่ายก่อสร้างด้วยท่าทางโมโห ภูผาเงยหน้ามองเป็นเชิงถาม
“มีอะไร ?”
“อะไรยังงั้นเรอะ ! ฉันสิที่ต้องถาม ทำไมจู่ๆ ถึงมีงานด่วนต้องการมัณฑนากรไปทำแกลอรี่ภาพถ่ายที่เชียงใหม่ ไอ้งานแบบนั้นมัณฑนากรแถวนั้นก็มีทำไมมันถ่อมาจ้างถึงกรุงเทพ แล้วใครเป็นคนรับงาน ที่สำคัญทำไมต้องส่งข้าวไปด้วยวะ ! ทำไมฉันไม่รู้เรื่องมาก่อน ฝีมือนายใช่ไหม !?”
ภาสกรโวยวายหลังจากที่รู้ว่าแฟนสาวอย่างขวัญข้าวที่ตั้งแต่มาทำงานด้วยกันก็แทบไม่เคยห่างไปไหนไกลต้องไปทำงานที่เชียงใหม่หนึ่งสัปดาห์ นี่เป็นครั้งแรกที่ขวัญข้าวได้รับงานให้ออกไปต่างจังหวัดโดยที่ไม่มีเขาไปด้วย งานนี้ไม่ต้องเดาก็พอรู้ว่าคนที่ยื่นจมูกหาเรื่องมีแค่คนเดียวที่มีอำนาจพอจะก้าวก่ายงานในแผนกของภาสกร ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากน้องชายของเขา !
ว่าแล้วไง ไอ้น้องชายบ้ายิ่งเป็นประเภทเจ้าคิดเจ้าแค้น เห็นนิ่งๆ นี่ไว้ใจไม่ได้เลย สงสัยมันจะเอาคืนเรื่องที่เขาไปขัดจังหวะตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มวันนั้นแน่ๆ ไอ้น้องเวร ! กับพี่กับเชื้อไม่มีเว้น ให้ตายเถอะ !
“ใช่ พอดีเจ้าของแกลอรี่เป็นคนรู้จักของฉัน เขากำลังหาคนไปตกแต่งแกลอรี่ให้ใหม่ ฉันก็เลยส่งคนไปให้ พอดีน้องขวัญแฟนนายว่าง แล้วน้องเขาก็ฝีมือดีคงไม่ทำให้ฉันขายหน้าก็เลยให้ไป โทษทีนะพอดีกะทันหันไปหน่อยเลยไม่ได้บอกนายก่อน” บอกอย่างไม่ทุกข์ร้อนแต่คนฟังกลับแทบเต้นเป็นเจ้าเข้า
“ไอ้...ไอ้ นายส่งแฟนฉันไปทำงานคนเดียวแบบนี้ได้ไงวะ ไปตั้งหลายวันแล้วยังไกลหูไกลตาฉันอีก ถ้าเกิดมีพวกเห็บเหามาเกาะฉันจะ...จะ”
“จะอะไร นายคิดจะทำอะไรฉันได้ อีกอย่างแฟนนายก็ดูแลตัวเองได้อยู่แล้วหรือนายไม่ไว้ใจ”
ภาสกรทิ้งตัวนั่งอย่างขัดเคือง นึกหาคำพูดจะเอาคืน แต่ว่า...ตั้งแต่ภูผาเป็นคนคุมมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ เขาเคยเอาชนะมันได้ด้วยหรือ ? จะว่าไปในชีวิตเขาก็ยังไม่เคยชนะฝาแฝดคนนี้ได้เลยนี่หว่า ตกลงระหว่างเขากับมัน...ใครเป็นพี่เป็นน้องกันแน่ฟะ !?
“ไว้ใจ แต่ฉันเป็นห่วง”
“ห่วงหรือหวง”
“ทั้งสองเว้ย ! คนไม่มีแฟนแบบนายไม่มีทางเข้าใจหรอก อ่อ ไม่สิ เดี๋ยวนายมีก็รู้เองนั้นแหละ ดูจากนิสัยนายดีไม่ดีอาการจะยิ่งกว่าฉันซะอีก”
“ไม่มีทาง”
ภาสกรเบ้หน้ากับอาการปากแข็ง...ตัวพ่อเลยล่ะ ไอ้คนขี้หวง
“ฉันจะไปเชียงใหม่” แฝดพี่บอกท่าทางขึงขัง ส่วนแฝดน้องแค่มองนิ่งเพียงครู่เดียวก็ก้มหน้าทำงานต่อแต่ปากก็ยังพูด
“อย่าคิดโยนงานมาให้ฉันนะบอกก่อน ฉันมีประชุมกับสมาคมและต้องออกไปดูไซต์งาน ไม่ว่างมาเก็บกวาดงานของนายหรอก”
“เลขาฉันก็มีเหอะ ทำไมต้องกวนนาย” พูดทั้งๆ ที่เมื่อก่อนชอบหนีงานแล้วโยนให้คนอื่นทำแทนตลอด
“เรื่องของนายถ้าไม่คิดว่าจะโดนขบหัวก็เชิญทำตามใจชอบ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงก็น่าจะคิดเองได้...แต่คิดอีกทีไม่น่าให้นายเป็นหัวหน้าแผนกเลยวะ หัวหน้าเป็นยังไงลูกน้องก็เป็นยังงั้น ดีแต่ก่อปัญหาบ้าๆ บอๆ จนแพร่เชื้อมาให้ลูกน้องฉันเป็นไปด้วย เห็นทีต้องจับแยกแผนกให้ชัดเจนดีกว่า ตามใจมามากจนเหลิง แย่จริงๆ”
ภาสกรรู้สึกคล้ายตัวเองกำลังถูกลูกศรที่มองไม่เห็นเสียบทะลุร่างจนแทบพรุน...มันไม่ใช่น้องเขาแล้วล่ะ นี่มันทำตัวยังกับพ่อเขาชัดๆ
“อ้อ แล้วอย่าคิดจะโยนงานไปให้พิชทำแทนด้วยล่ะถึงน้องจะเก่งแค่ไหนแต่ก็ยังเป็นแค่ผู้ช่วย ใบประกอบอาชีพก็ยังไม่ได้สอบ ลูกค้าคงจะไม่เชื่อถือ จริงๆ เลยไม่รู้จะเอาแต่ใจไปถึงไหนให้น้องมันทำงานเป็นวิศวกรก็สิ้นเรื่อง เสียดายฝีมือ”
บ่น บ่น...
“อะไรว่ะ นี่ก็ไม่ดี นั่นก็ไม่ได้ ตกลงมีทางเลือกเหลือให้ฉันบ้างไหมเนี่ยหะ !?”
ภาสกรยืนขึ้นโวยวายเพราะถ้าขืนนั่งอยู่นานอาจจะได้ฟังน้องชายเทศนา แค่นี้หัวใจดวงน้อยๆ ของไอ้ชิดก็บอบช้ำจะแย่ กระซิกๆ ภูผาวางปากกาก่อนจะเอนตัวนั่งไขว้ห้างด้วยท่าทางเหนือกว่า ดวงตาที่มองนิ่งดูน่าเกรงขามจนภาสกรรู้สึกเสียวสันหลัง สงสัยเชื้อปู่ที่เป็นเจ้าพ่อเก่าจะแรง...ท่าทางแบบนี้เจ้าพ่อชัดๆ มิน่าถึงมีแต่คนกลัว ชายหนุ่มนึกในใจอย่างขำๆ จนลืมไปว่าตัวเองก็มีหน้าตาเหมือนคนตรงข้ามแม้จะไว้ผมคนละทรง ภูผาชอบตัดผมสั้นรองทรง ส่วนภาสกรไว้ผมยาวและมัดรวบเป็นหางม้าตลอด ชายหนุ่มเป็นคนเฮฮา เข้ากับคนอื่นได้ดีเสียแต่ใจร้อน ขี้โวยวายแตกต่างจากแฝดน้องที่ใจเย็น เป็นผู้ใหญ่ แต่ภาสกรไม่เคยรู้หรอกเวลาที่เขาโกรธหรือรอยยิ้มหายไปจากหน้าของเขาก็ดูน่ากลัวไม่แพ้กับน้องชายเลย
“มันก็ไม่ต่างจากทุกทีที่นายโดดงาน ยังไงพี่ยะก็ทำงานแทนอยู่แล้ว นายจะเดือดร้อนทำไม”
เออ ก็จริงของมัน
ภาสกรยิ้มแหยๆ เมื่อนึกได้ว่างานเอกสารส่วนใหญ่พี่ยะหรือภาติยะ ญาติฝ่ายพ่อที่ไม่ยอมไปรับช่วงธุรกิจของครอบครัวแต่กลับผันตัวมาเป็นเลขาให้เขามักจะจัดการแทนอยู่แล้ว ทั้งยังคอยหาลูกค้าใหม่ๆ มาให้เสมอ จะว่าไปที่ฝ่ายออกแบบเติบโตได้ขนาดนี้ถือเป็นความดีความชอบของภาติยะก็ว่าได้ เสียอย่างเดียว...หน้านิ่งเกิ๊น ไม่รู้ว่าลูกค้าติดใจได้ยังไง พูดน้อยยิ่งกว่าไอ้ชื่นเสียอีก ดีหน่อยไม่ขี้บ่นเหมือนมัน
ก๊อกๆ
เจ้าของห้องยังไม่ทันอนุญาตประตูก็เปิดออกพร้อมร่างบางที่อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนยาวกางเกงยีนส์รัดรูปก็ก้าวเข้ามา มีโถคุกกี้ขนาดใหญ่ในอ้อมแขนที่พร่องไปเกือบครึ่ง ภาสกรขมวดคิ้วชี้ไปที่คนมาใหม่ทันที
“มาได้ไงว่ะ”
“ถามแปลกๆ เดินมาสิเฮีย” พิชชาตอบพร้อมยื่นคุกกี้ให้เป็นเชิงถามว่า ‘กินด้วยไหม’ ก่อนจะถอยหลบเมื่อฝ่ามือหนาจะฟาดหัว
“ล้อเล่นน่า ก็พิชเบื่อจะอยู่ในบ้านเลยตามพี่ชื่นมาทำงาน ทำไมเฮียมีปัญหาเหรอ”
“เปล่า ก็แค่...ช่างเถอะ”
“ได้ยินข้างนอกเม้าท์ว่าเฮียองค์ลง มีเรื่องอะไรเหรอ” ถามไปกินไปจนภูผากลัวขนมติดคอจึงเลื่อนแก้วน้ำให้ ก่อนจะยึดโถคุกกี้ไว้ พิชชาทำท่าจะประท้วงแต่ต้องยอมเมื่อโดนสายตาดุ
“ก็พี่ชายตัวดีของแกนั่นแหละส่งตัวแฟนเฮียไปทำงานที่เชียงใหม่คนเดียวโดยไม่บอกเฮีย”
“อ่อ เฮียก็ตามไปดิ หนุ่มๆ เชียงใหม่มีแต่คนหน้าตาดีเดี๋ยวน้องขวัญแอบเผลอใจนะเฮีย”
“ไม่ต้องบอกเฮียก็จะตามไปอยู่แล้ว แกไม่ต้องมาใส่ไฟ ฮึ่ย !”
“อือ ไปดีมาดีนะเฮีย”
พิชชาโบกมือบ๊ายบายให้คนตัวโตที่เดินกระฟัดกระเฟียดออกจากห้องไป ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ หันกลับมามองเจ้าของห้องที่ก้มหน้าก้มตาทำงานตาเดิม
“พี่ชื่น”
“หืม ? จะเอาอะไร”
“พิชอยากกลับคอนโด...นะ”
“คอนโดตัวเองหรือคอนโดเขา”
“ก็...”
“ไม่ต้องมากงมาก็ อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ว่าเราย้ายไปอยู่กับเขาเป็นเดือน”
พิชชาหน้าแดงก่อนจะทิ้งตัวเอาหน้าแนบไปกับโต๊ะหลบสายตาของภูผาที่มองมาอย่างรู้ทัน
“พี่ชื่น”
“หือ ?”
“พิชทำตัวง่ายใช่ไหม”
“แล้วเราทำตัวแบบนั้นหรือเปล่าล่ะ มุมมองแต่ละคนไม่เหมือนกันมันต้องขึ้นอยู่กับเราว่าคิดยังไง”
“ไม่รู้สิ...พิชแค่รู้สึกว่าเขาไม่เหมือนคนอื่นที่เข้ามา เขาทำให้พิชมีความสุข รู้สึกดีอยากอยู่ใกล้ อยากรู้จักให้มากกว่านี้ เวลาที่อยู่กับเขาพิชสบายใจที่สุด อีกอย่างพิชก็แค่คิดว่า...เขาพิเศษ พิชเจอแล้วทำไมต้องปล่อยเวลาให้สูญเปล่า พิชไม่อยากเสียใจทีหลังถ้าพลาดโอกาสแบบนี้ ไม่อยากมานึกย้อนหลังว่าทำไมตอนนั้นถึงไม่ทำแบบนี้แบบนั้น อะไรก็ไม่สำคัญเลยเพราะตอนนี้พิชคว้าเขาไว้ได้แล้วและเขาเป็นของพิช ถ้าการที่พิชยอมนอนกับเขาแล้วถูกมองว่าง่าย พิชยอมก็ได้ถ้าหากเขาจะรักพิชมากกว่าเดิม เพราะถึงยังไงเราก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาที่ยังมีกิเลสตัณหา ไม่ได้แอบลักกินของคนอื่น ก็ถือว่าพิชไม่ผิด...ใช่ไหมล่ะ”
ภูผาส่ายหน้าพร้อมทั้งโยกศีรษะบางเบาๆ
“ถึงเรื่องนี้จะทำให้พี่ไม่พอใจ แต่พี่ก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายชีวิตของเราหรอกนะเพราะถึงอย่างไรพี่ก็เป็นแค่คนอื่น แต่ที่ทำลงไปก็เพราะหวังดี อะไรๆ ก็ไม่แน่นอนโดยเฉพาะใจของคน”
“พิชรู้ ขอบคุณทุกอย่างที่พวกพี่ทำให้พิช เด็กกำพร้าคนหนึ่งได้รับความรักมากขนาดนี้ถือเป็นโชคดีที่สุดของพิชเลยล่ะ”
ทั้งสองยิ้มให้แก่กัน ก่อนที่พิชชาจะเปลี่ยนท่าทีโดยการยืดตัวมองตาใส
“แล้ว...ตกลงพิชไปได้ไหม”
“ยายตัวแสบเอ๊ย เรามันเอาแต่ใจพอๆ กับเจ้านายเรานั่นแหละ แต่ไหนแต่ไรมาพี่เคยห้ามเราได้หรือ...ฮึ ? จะไปไหนก็ไปเถอะ อุตส่าห์กำจัดตัววุ่นวายให้ขนาดนี้แล้วยังจะถาม”
หญิงสาวยิ้มร่าตั้งท่าจะพุ่งไปนอกห้องทันที
“เดี๋ยว !”
“?”
“จะทำอะไรก็ระมัดระวังด้วย ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะ แล้วก็...อย่าลืมที่ตกลงกันไว้”
พิชชาขมวดคิ้วนิดหนึ่งก่อนจะร้องอ้อในใจเมื่อนึกได้ว่าเรื่องอะไร พยักหน้ารับแม้จะแอบขำเมื่อเหลือบมองเห็นหูท่านประธานมีสีแดง
“เอาจริง ?”
“อือ”
“คนนี้ทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่ได้น้า”
“อือ”
“รักแรกพบ ?”
“อือ...เฮ้ย ! มะ...จะไปไหนก็ไปเถอะ พี่จะทำงานต่อ”
อะฮ้า ! ก้อนน้ำแข็งละลายนี่เอง ฮิๆ
พิชชายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกจากห้องท่าปรานอย่างอารมณ์ดีก่อนจะคว้ากระเป๋าไปหาพ่อหวานใจ ในขณะที่ในหัวก็เริ่มคิดวางแผน...ฮิๆ งานนี้เธอต้องได้พี่สะใภ้
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา