เธอแสบผมซ่า โอ้ย!จะบ้าตาย

-

เขียนโดย kobukmark

วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.41 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,715 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557 00.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

             คุยกันก่อนเน้อออ เรื่องนี้โคบักแต่งเป็นเรื่องแรก คือประมาณว่าไม่มีอะไรทำนั่นเอง อ้อ!ไม่มีNCน่ะลูกโคบักเขียนไม่เป็น  ดีไม่ดียังไงก็ติชมได้น้าาาาา                                  

 

                                          ตอนที่1

ฉันชื่อโจ โจที่ไม่ได้มีความหมายอะไร แค่มันเป็นความชอบส่วนบุคคลของพ่อฉัน พ่อฉันชอบชื่อโจเลยตั้งให้ ก็นะไม่มีใครกล้าขัดหรอกใครๆก็รู้พ่อฉันนะขาโหดจะตาย เลยส่งผลมาที่ฉันนิดๆ ฉันแค่เป็นคนสู้คนแต่หลายๆคนชอบเอาฉันไปนินทาว่าฉันหน่ะโหด เลยไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าหาฉันแบบจริงๆเลยสักครั้ง เพราะกลัวโดนฉันอัด แต่ฉันไม่เคยรังแกใครถ้าใครไม่มาทำฉันก่อน ก็นั่นแหละน้าก็ฉันเป็นลูกเจ้าสาวเจ้าของค่ายมวยหนิ จะให้ต่อยตีไม่เป็นกะไรอยู่

 

“ทำไมงานถึงหายากจัง”

นี่ฉันไปมาหลายหลายที่แล้วนะ ไม่มีที่ไหนรับเลย แล้วไอ้ป้ายข้างหน้าว่ารับสมัครหน่ะติดไว้ทำมายยยยยยยยยยยยกันTT..TT

บ่นไปก็เท่านั้นไปต่อดีกว่า ฉันขับรถต่อไปเรื่อยๆ หางตาฉันก็ดันไปสะดุดกับอะไรซักอย่างที่อยู่ข้างทาง

“อะไรดำๆวะนั่น”   ฉันหยุดรถและลงไปดู

“เฮ้ย! คนนี่” ผู้ชายน่าจะรุ่นๆเดียวกับพ่อฉันนอนคว่ำอยู่ในพงหญ้า เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด น่าจะหัวแตกไม่ก็โดนแทงแน่ๆ ตายรึยังก็ไม่รู้

“ลุงๆๆๆลุงคะๆได้ยินไหมคะ” ฉันลองเขย่าและเรียกดูแต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ฉันเลยลองเอามือไปจ่อใกล้ๆจมูกผู้ชายคนนั้นดู

“มือนี่ก็สั่นจัง” ฉันเอามืออีกข้างตีมือตัวเองให้หยุดสั่น แล้วยื่นมือไปอีกครั้ง

“เฮ้ย!ยังหายใจอยู่นิ”

“แต่เหมือนจะไม่ได้สติแหะ”

“เอาไงดีเนี่ย คิดดิวะ คิดๆ” จะช่วยหรือไม่ช่วยดี แต่มันไม่ใช่เรื่องของเรานี่หว่ากลับบ้านดีกว่า เอาแบบนี้แหละดีที่สุด อย่าเข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นจะดีที่สุด! ฉันเตรียมจะเดินออกไปที่รถ แต่อะไรดนใจไม่รู้ให้ฉันหันกลับไปมองผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง

“เฮ้อ! ทำไม่ได้ กลับไม่ได้“ ถ้าไม่ช่วยเขาก็ตายนะเว้ย ชีวิตคนทั้งคน เอาไงดีเนี่ยTT ลองโทรไปหาพ่อดีกว่า พ่อน่าจะหาทางออกให้ฉันได้ดีที่สุด ฉันตัดสินใจโทรหาพ่อของฉันทันที

ตู๊ดดดดดดดด…  ตู๊ดดดดดดดด … ตู๊ดดดดดดดด….

(ฮัลโหล ว่าไงตัวแสบ ลมอะไรหอบให้ลูกข้าโทรมาหาข้าละเนี่ย หรือเองหางานได้แล้วหรอถึงโทรมาหาข้า)

“ป๋าเรื่องนั้นเอาไว้ก่อน พอดีหนูมีเรื่องนิดหน่อย”

(เรื่องอะไร? ใครมันทำอะไรเอง บอกข้ามา! ข้าจะส่งคนไปจัดการมันให้)

“ไม่ใช่อย่างนั้นนนน ใจเย็นดิป๋า ไม่ต้องส่งใครมาทั้งนั้น หนูดูแลตัวเองได้น่า”

(แล้วมันเรื่องอะไรหล่ะ?)

“คืออย่างงี้ป๋า ถ้าสมมุติป๋าไปเจอคนที่บาดเจ็บ ป๋าจะทำยังไง?”

(นี่เองยังต้องถามข้าอีกหรอ ก็ช่วยดิวะ ง่ายๆ)

“แต่มันไม่ใช่เรื่องของเรานะป๋า เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวมันจะดีหรอ”

(แต่มันเกี่ยวถึงชีวิตคนนะไอ้โจ เองจะดูเฉยๆได้ไง ระหว่างเองพูดกับข้าเขาตายไปแล้วมั้ง เองรีบๆพาไปส่งโรงพยาบาลซะ เดี๋ยวเขาก็ตายกันพอดี)

“เห้ย! ป๋ารู้ได้ไงว่า...”  ไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ พ่อของฉันก็พูดสวนกลับมาทันที

(เองเล่ามาขนาดนี้ เป็นเด็กอนุบาลมันยังรู้เลย รีบๆช่วยเขาไปเหอะน่า แค่นี้นะ ข้าต้องพาแม่เองไปทำธุระข้างนอก โจ…ข้าเชื่อว่าเองจะจัดการได้ดีเพราะเองเป็นลูกข้า บายลูกรัก)

ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด….

“ป๋าๆๆๆ เดี๋ยวดิป๋า!!!” ย่าห์! จริงๆเลย ให้มันได้อย่างนี้สิ เอาวะช่วยก็ช่วย!

.

.

.

.

.

.

 

(โรงพยาบาล)

หลังจากที่ฉันพาผู้ชายคนนั้นมาที่โรงพยาบาล ผู้ชายคนนั้นก็ถูกพาเข้าไปห้องฉุกเฉินทันที ฉันนั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินตลอดเวลาไม่ได้ลุกไปไหน เพราะไหนๆก็ช่วยแล้วก็รอให้ดูให้แน่ใจก่อนดีกว่าว่าปลอดภัย ไม่งั้นคงนอนไม่หลับแน่ๆ ตัวฉันเต็มไปด้วยเลือด คงจะเปลื้อนตอนพาผู้ชายคนนั้นมาส่งโรงพยาบาลละมั่ง

“กี่โมงแล้วเนี่ย” ฉันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา นี่ก็ปาไปเกือบบ่ายสามโมงแล้ว ฉันนั่งรอสักพักหมอก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ฉันจึงเดินเข้าไปหาหมอ เพื่อถามอาการ

“ลุงคนนั้นเป็นไงบ้างค่ะหมอ?”

“ตอนนี้คนไข้เสียเลือดมาก คุณพอจะติดต่อญาติคนไข้ได้บ้างไหม? ถ้าปล่อยไว้แบบนี้คนไข้อาจจะเสียชีวิตได้นะครับ”

“คือฉันไม่รู้จักกับลุงเขาเลยค่ะ ก็เลยไม่รู้จะติดต่อญาติให้ยังไง”

“อ่า งั้นเดี๋ยวหมอลองให้พยาบาลติดต่อกับโรงพยาบาลอื่นดู เผื่อโรงพยาบาลอื่นจะมีเลือดที่พอจะช่วยทางเราได้ งั้นเดี๋ยวหมอขอตัวก่อนนะครับ”

“ค่ะ”  ฉันตอบหมอสั้นๆ พรางนึกในใจว่าควรเอาไงดี เอาวะไหนๆก็ช่วยแล้วก็ช่วยไปให้ถึงที่สุดเลยแล้วกัน

“เดี๋ยวค่ะหมอ ลุงคนเขาเลือดกรุ๊ปอะไรค่ะ?”

“ เอบีครับ ทำไมหรอครับ? “ หมอหยุดเดินและหันมาตอบฉัน

“ ฉันก็เลือดกรุ๊ปเอบีค่ะ ฉันพอจะช่วยลุงเขาได้บ้างไหมคะ? “ ฉันถามพร้อมกับเดินเข้าไปหาหมอ

“ ได้สิครับ นั่งรอตรงนี้สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมให้พยาบาลพาไป” หมอตอบแล้วยิ้มให้กับฉัน

ฉันนั่งรออยู่สักพักก็มีพยาบาลมาตามฉันไปให้เลือด

“อ๊า! จริงๆเลย” ฉันพึมพำพร้อมกับเขกหัวตัวเองหลังจากให้เลือดเสร็จ ฉันหลับตาเพื่อพักสายตาสักพักพยาบาลคนเดียวกับที่เจาะเลือดฉันก็เข้ามา

“เอ่อ…ลุงเขาเป็นไงบ้างค่ะ?”

“ปลอดภัยแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ทางเราจะดูแลเป็นอย่างดี ^^” พยาบาลยิ้มให้ฉัน

“ ขอบคุณมากนะคะ^^ ”

“ถ้างั้นก็พักผ่อนอีกหน่อยนะคะแล้วค่อยกลับ”

“ค่ะ^^” ฉันตอบพยาบาลสั้นๆก่อนที่พยาบาลจะเปิดประตูแล้วเดินออกไป

ฉันล้มตัวนอนอย่างอ่อนล้าบนเตียงคนไข้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันฉันมีลางสังหรณ์ว่าจากนี้ไปจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นกับชีวิตฉันแน่ๆ

.

.

.

.

.

ผ่านมา7วันแล้วหลังจากที่ชายวัยกลางคนนอนไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาล เขาค่อยๆลืมตาเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงที่ส่องเข้ามาที่ตา

“อ่า... ปวดหัวจัง” ชายวัยกลางคนบ่นพึมพำกับตัวเอง

“ที่ไหนกันหล่ะเนี่ย” ชายวัยกลางคนมองไปรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

“โรงพยาบาลสินะ”เขาพึมพำกับตัวเองพรางคิดกับตัวเองว่าตัวเองรอดมาได้อย่างไร ทั้งๆที่คิดว่ายังไงก็คงต้องตาย เพราะคนที่ทำร้ายตนคงไม่ปล่อยให้ตนเองรอดไปได้แน่ๆ คิดได้สักพักพยาบาลก็เดินเข้ามาเพื่อดูคนไข้

“ฟื้นแล้วหรอค่ะ คุณลุงมีอาการยังไงบ้างค่ะ? ปวดหัวรึป่าว?”

“ก็นิดหน่อยครับคุณพยาบาล ผมสลบไปกี่วันแล้วครับ?”

“7วันแล้วค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะไม่ฟื้นซะอีก บาดแผลที่หัวของคุณหนักมากเลยน่ะค่ะ คุณลุงโชคดีมากเลยนะค่ะ” พยาบาลพูดอย่างยิ้มแย้ม

“โชคดียังไงครับ?” ชายวัยกลางคนถามด้วยความสงสัย

“ก็คนที่พาคุณลุงมาส่งที่โรงพยาบาลนะสิค่ะ เธอช่วยคุณลุงทุกอย่างเลย ทั้งให้เลือดแล้วก็ค่ารักษาพยาบาลด้วย คุณลุงไม่ต้องห่วงเรื่องอะไรเลยนะค่ะ พักผ่อนให้มากๆนะค่ะ^^”

“พอจะทราบชื่อคนที่ช่วยผมไว้ไหมครับ?”

“ดิฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่ที่ประวัติคุณลุงน่าจะมีชื่ออยู่นะค่ะ เพราะเธอลงกรอกประวัติเป็นญาติคนไข้ไว้หน่ะคะ^^”

“อ่า...ขอบคุณครับ”

.

.

.

.

.

.

 

“งองานนั้นหายากต้องรำบากจากแดนไกล วู้วววววววววว!”

โป๊ก!

“โอ๊ย! อะไรของแกเนี้ย”ฉันลูบหัวตัวเองหลังจากโดนบีเขกมะเหงกลงมา บีเป็นเพื่อนผู้ชายที่ฉันสนิทด้วยมากที่สุด เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็กๆเพราะเรียนที่เดียวกันมาตลอด จนขึ้นม.5พ่อของบีต้องไปประจำงานที่อเมริกา ครอบครัวของบีจึงต้องย้ายไปด้วย บีจึงย้ายไปเรียนที่อเมริกาตั้งแต่ตอนนั้น แต่เราก็ยังติดต่อกันตลอดจนบีเรียนจบแล้วกลับมาอยู่ไทย ตอนนี้เรากำลังนั่งเมาส์มอยเรื่องของมันตอนอยู่อเมริกา ในห้างM

“เพ้อเจ้อ” บีพูดพร้อมทำท่าจะเขกลงมาอีกครั้ง ฉันหลับตาปี๋พร้อมกับยกมือตั้งการ์ด

“สู้นะเว้ย” ฉันบอกพรางต่อยไปที่อกบีหนึ่งที

“มือหนักฉิบ ผู้ชายที่ไหนจะกล้าเข้าใกล้เนี่ย” บีพูดพรางเอามือลูบหน้าอกตัวเองไปด้วย

“แกไง ฮ่าๆๆ” ฉันพูดแซวบีเล่นๆ

“มันไม่เหมือนกันเว้ย เหมือนเวลาแกเลี้ยงหมาใช่ป่ะ หมาก็จะไม่กัดเจ้าของไง” บีพูดพร้อมลูบหัวฉัน

“อ๋อ… อย่างนี้นี่เอง!” ฉันพูดพร้อมกับตีที่ขาตัวเอง ก็ว่าละทำไมฉันไม่กัดบี เฮ้ย!!เดี๋ยวก่อนนะ

“ไอ้บี แกว่าฉันเป็นเป็นหมาเหรอ!!”ฉันพูดพร้อมกับลุกขึ้นเตรียมเตะเพื่อนตัวดี

“ฮ่าๆๆเฮ้ยเปล่าๆแค่ยกตัวอย่าง หางานได้ยัง?”

“แหม๋!เปลี่ยนเรื่องทันทีทันใด เฮ้อออ!ยังเลยหว่ะ เครียดอยู่เนี่ย” ฉันตอบพร้อมกับทำหน้าเครียด พูดแล้วก็เครียดขึ้นมาทันที

“คนที่เก่งอะไรไปซะทุกอย่างแบบแกเนี้ยนะหางานไม่ได้ เเอางี้ไหม เดี๋ยวเราถามงานจากเอให้” เอคือพี่ชายฝาแฝดของบี สองคนนี้เหมือนกันมากแทบจะแยกไม่ออก หน้าตาเหมือนกันแถมยังหล่อเหมือนกันอีก แต่บีมีจุดเล็กๆที่ขอบตาถ้าไม่สังเกตก็จะไม่เห็น บีเป็นผู้ชายผิวขาว ตากลม ปากแดง สูงประมาณ180 หุ่นบางๆแต่แอบมีกล้ามนิดๆ บีไม่ได้เป็นผู้ชายหล่อ แต่ออกแนวน่ารักซะมากกว่า ตอนสมัยเรียนมักจะมีสาวๆมาแวะเวียนว่าจีบบีตลอดไม่ได้ขาดสาย เรียกได้ว่าหัวบันไดไม่แห้งกันเลยทีเดียว

 บีกับเอกลับมาเปิดกิจการรีสอร์ตที่ไทย กิจการกำลังไปได้สวย ด้วยหน้าตาของทั้งสองคนทำให้ รีสอร์ตของทั้งคู่เป็นที่รู้จักในหมู่สาวๆ 

“จริงหรอ! ฮึยยยขอบใจมากนะบีสุดที่รัก” ฉันพูดพรางเอาหัวไปถูกับแขนบีไปมา

“มะ ไม่เป็นไร เอาหัวออกไปได้แล้ว คนอื่นมองกันใหญ่แล้ว” บีพูดพร้อมกับผลักหัวฉันออกจากตัวบี ฉันหันไปมองรอบๆก็เห็นว่ามีคนมองมาจริงๆด้วย

“อ๊า!จริงๆเลย เรทติ้งไม่เคยตกเลยซินะเพื่อนเรา” ฉันพึมพำเบาๆ พอที่บีจะได้ยิน บียิ้มขำๆพรางเอามือมาขยี้หัวฉันแรงๆ

“วู้ว ผมเสียทรงหมด” ฉันยู้หน้าใส่บีพรางจับผมไปมาให้เข้าที่

หมัดเขามีไว้เตะ เขามีไว้ต่อย …

เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นระหว่างที่คุยกับบีอยู่ ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เบอร์แปลกแหะ

“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ” ฉันกดรับสาย

(สวัสดีครับ ใช่เบอร์ของคุณจริณยา...) เสียงผู้ชายน่าจะวัยกลางคนตอบกลับมา แหม๋! รู้จักชื่อซะด้วย อย่าบอกนะจะมาขายประกัน ที่ชอบหลอกให้ฟังยาวๆพอฟังแล้วก็จบที่ให้แก้วมณีรับใช้นะค่ะ

“ไม่ทำค่ะ” ฉันตอบกลับไปแทบจะทันที โดยไม่ต้องรอให้พูดจบ

“ทำอะไรครับ?” ปลายสายตอบมางงๆ ชิชะ! มาทำงง ยังไงก็ไม่ทำหรอก

“ไม่ทำประกันไงคะ ยังต้องให้พูดอีกหรอ โทรไปเบอร์อื่นเถอะค่ะ ไม่ว่างแค่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ” ฉันตอบพร้อมกำลังจะกดวางสาย

(ดะ เดี๋ยวก่อนหนู!!!อย่าพึ่งวาง ใจเย็นๆฟังลุงก่อน)

“ถึงโปรโมชั่นดีหนูก็ไม่ทำหรอกนะคะลุง ลุงโทรไปเบอร์อื่นเถอะค่ะ” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย บีสะกิดฉันแล้วพูดเบาๆถามว่าใคร ฉันจึงเอามือปิดโทรศัพท์แล้วตอบเบาๆว่า พวกขายประกันหน่ะ บีพยักหน้านิดๆ

(ลุงไม่ได้จะมาขายประกัน)

“อ่าว แล้วลุงเป็นใคร โทรมาทำไมคะเนี่ย?” ฉันถามกลับไปด้วยความสงสัย ถ้าไม่ได้มาขายประกันแล้วโทรมาทำไมกัน

(ลุงจะโทรมาขอบใจหนูจริณยา ที่ช่วยลุงไว้)

“อ๋ออออ! ลุงนั่นเองฟื้นแล้วหรอคะ” ฉันตอบกลับไปแทบจะทันทีที่นึกออกว่าใคร

(ลุงฟื้นนานแล้ว กลับมาพักที่บ้านแล้วด้วย ลุงอยากจะตอบแทนหนู พรุ่งนี้หนูช่วยมาที่ร้านมีมาเรียค๊อฟฟี่ได้ไหม?)

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะลุง เรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องตอบแทนหรอกค่ะ”

(บุญคุณต้องตอบแทน มาเถอะนะให้ลุงได้เลี้ยงกาแฟหนูสักแก้วก็ยังดี)

“แต่ว่า...”

(มาเถอะนะลุงขอร้อง)

ไปนั่งกินกาแฟสักแก้วให้ลุงแกสบายใจก็คงพอมั้ง

“อ่า งั้นก็ได้ค่ะ” ฉันคิดอยู่นานก่อนจะตอบตกลง

(งั้นเจอกันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงนะหนู)

“ค่ะๆ” ฉันตอบกลับไปก่อนจะกดวางสาย

“ตกลงใครหน่ะ” บีถามขึ้นหลังจากฉันวางสาย

“ซีวอน superjunior โทรมาขอแต่งงาน” ฉันพูดขำๆพรางหัวเราะไปด้วย

“เดี๋ยวก็มะเหงกอีกสักทีหรอก” บีพูดพร้อมยกมือขึ้นทำท่าจะเขกลงมา

“เพื่อนใครไม่รู้น่ารักจริงๆเลย” ฉันยิ้มพรางเอื้อมมือไปจับหัวบีโยกไปมา ก่อนที่บีจะเขกมะเหงกลงมา บียิ้มออกมา

“เธอนี่มันจริงๆเลยนะ”

“ไม่มีอะไรก็แค่คนที่ฉันเคยช่วยไว้เฉยๆ” ฉันตอบบี บีพยักหน้ารับนิดๆ

“แล้วตกลงให้ฉันไปไปส่งบ้านไหม? จะได้ไปไหว้พ่อแม่โจด้วย ตั้งแต่กลับยังไม่ได้บ้านโจเลย”

“ไม่เป็นไรฉันเอารถมา อีกอย่างฉันไม่ได้อยู่บ้านแล้ว แยกออกมาอยู่คอนโดคนเดียว ขี้เกียจไปๆมาๆบ้านกับมหาลัย ไว้ว่างๆเดี๋ยวค่อยพาแกไปแล้วกัน” ฉันตอบกลับไป

“แล้วโจจะกลับคอนโดเลยป่ะเนี้ย หรือจะไปกินข้าวกับเราก่อน”

“คงจะกลับเลยอ่ะ โทษทีนะ เราเพลียๆอ่ะ”

“ว้า อย่างงี้ก็ไม่มีคนกินข้าวเป็นเพื่อนเราดิ” บีพูดพรางทำหน้างอนๆ

“ฉันโทรหาเบลลี่ให้มากินข้าวเป็นเพื่อนเอาไหม ฮ่าๆๆ” ฉันพูดพรางหัวเราะร่วน

“ไม่เอาอ่ะ ขืนเบลลี่มาไม่ได้กินข้าวกันพอดี” บีตอบพรางทำหน้าแหย๋ๆพร้อมกับยกมือโบกเป็นสัญญาณว่าไม่เอา

“ฮ่าๆๆ โอเคงั้นเราไปก่อนนะ” ฉันบอกพรางโบกมือให้บี

“กลับดีหล่ะ ถ้าถึงแล้วโทรหาฉันด้วย”

“จ้าพ่อ ไปแล้วน่ะ บ้ายย^^)/” ฉันโบกมือแล้วเดินแยกออกมาจากบี

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา