▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼(YAOI)

9.6

เขียนโดย AMINOKOONG

วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.25 น.

  20 ตอนที่
  10 วิจารณ์
  35.34K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557 21.55 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼(YAOI) : ตอนที่3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼





ตอนที่ 3 : ซวยซ้ำซวยซ้อน




“แล้วแกจะเอาไงต่อว่ะปอนด์” ผมหันไปถามปอนด์ที่เดินมาข้างๆหลังจากที่เราเดินนออกมาจากสมรภูมิรบที่แคนทีน


“ไม่ รู้ว่ะพี่ ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี ผมรักเค้ามาก ไม่เคยคิดนอกใจเค้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ทำไมเค้าถึง........โธ่เว้ย!” ปอนด์ดูจะหัวเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


จริงๆ แล้วผมเป็นคนส่งข้อ ความไปปอนด์กับโยตอนที่ยัยมิณทร์เริ่มมาหาเรื่องผมแล้วล่ะ อยากให้ทั้งสองคนได้มาเห็นธาตุแท้ของผู้หญิงคนนี้กับตาตัวเอง

“พี่ ขอ พูดในฐานะคนกลางนะ ผู้หญิงคนนี้ ร้ายกว่าที่ผู้ชายอย่างนายจะรับมือด้วย แล้วพี่ก็พอจะมั่นใจว่าถึงแกจะยอมคืนดีกับเค้า แต่ค้าก็คงจะไม่ได้หยุดที่แกเพียงคนเดียวแน่นอน” ผมพูดพลางตบบ่าของปอนด์เบาๆ


“ผมควรจะตัดใจใช่มั๊ยพี่” ปอนด์เงยหน้ามาถามน้ำตาคลอ

“มัน ก็ขึ้นอยู่กับว่า แกจะอภัยให้เค้าได้รึเปล่า และที่สำคัญ แกจะทนเจ็บแบบนี้อีกได้มั๊ยที่จะอยู่กับผู้หญิงที่ไม่รู้จักพออย่างยัยมิ ณทร์นั่น อ้อ!พี่ลืมบอกไปนะ เท่าที่พี่สืบมามันไม่ได้คั่วแค่โยคนเดียวหรอกนะ” ผมตัดสินใจบอกมันไป เพราะไม่อยากให้มันโดนยัยมิณทร์สวมเขาอีกรอบ

“แก ฟังพี่นะปอนด์ แกก็หน้าตาดี เท่าที่พี่รู้เราก็เป็นคนดีใช้ได้คนนึง แล้วแกจะมามัวจมปรักกับผู้หญิงร่านสวาทอย่างยัยมิณทร์ไปทำไมกัน ทำไมแกไมลองเปิดใจดูคนอื่นบ้างว่ะ พี่เข้าใจนะ ว่าความรักมันบังคับกันไม่ได้ แต่แกต้องหัดยอมรับความจริง และต้องรักให้เป็น รักตัวเองให้มากๆเข้าไว้ อย่ายอมให้ความรักมันย้อนมาทำร้ายตัวแกเองแบบนี้” พอผมพูดจบมันก็โผเข้ามากอดผมทันที

“ขอบ คุณมากครับพี่ ขอบคุณจริงๆที่เตือนสติผมทำให้ผมรู้ว่าต้องทำยังไง ผมตัดสินใจแล้วว่าจะตัดใจจริงๆ ผมจะไปบอกพ่อว่าจะถอดหมั้นกับผู้หญิงคนนี้” มันผละทั้งพูดและสบตากับผมบ่งบอกว่ามันพูดจริง

“แต่พี่มีเรื่องจะถาม....เอ่อ.....แกมีอะไรกับมิณทร์มันรึยัง”

“ยัง ครับ ผมไม่เคยเคยล่วงเกินเธอเลย อย่างมากก็จับมือ กับหอมแก้ม เธอบอกว่าไม่อยากชิงสุกก่อนห่าม หึ ใครจะไปรู้ว่าที่แท้เธอจะเป็นผู้หญิงกร้านโลกขนาดนี้” ปอนด์พลางยิ้มเยาะให้กับตัวเอง

“ดี งั้นแกก็ไม่จำเป็นต้องเสียของหมั้นพวกนั้นให้กับมันแม้แต่สตางค์แดงเดียว”

“เอางั้นเลยพี่ ผมว่า...........” ปอนด์ยังพูดไม่จบ แต่ผมก็รีบแทรกขึ้นมาก่อน ไม่อยากให้น้องมันต้องมาใจอ่อนกับคนพันธ์นั้น

“แก อย่าลืมนะว่าคนที่ทำเรื่องอัปปรีย์คือมันไม่ใช่แก และที่สำคัญแกมั่นใจได้ว่ามันต้องยอมคืนให้แกแน่นอน ส่วนเรื่องลุงโชคกับป้าอรเดี๋ยวพี่ช่วยพูดให้พวกท่านเข้าใจอีกที ทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้นเชื่อพี่สิ”  ผมหันไปยิ้มให้ปอนด์อีกที

“เฮ้อ! เอางั้นก็ได้ครับ”

“ป่ะ เรารีบไปหาเพื่อนพี่กันเถอะ ป่านนี้พวกมันคงไปนั่งรอที่หน้าคณะแล้วคงจะงงเป็นไก่ตาแตกไปแล้วมั๊ง ฮ่าๆๆๆๆ” ผมเดินกอดคอปอนด์ไปที่หน้าคณะ ก็เห็นบรรดาเพื่อนเลิฟทั้งหลายนั่งหน้าเครียดกันอยู่






++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


“เป้ อธิบายมาเลย พวกกูงงกันหมดแล้วเนี่ย แกกับปอนด์ไปคบกันตอนไหน ทำไมพวกกูไม่รู้เรื่อง แล้วพวกแกสองคนไปถึงขั้นไหนกันแล้ว”พอผมนั่งที่โต๊ะหินอ่อนหน้าคณะ ที่สิงสถิตประจำของพวกเราไอ้เอกมันก็รัวคำถามจนผมจับต้นชนปลายไม่ถูก

“เฮ้ย! เมิงจะรีบไปไหนว่ะ เล่นยิงคำถามมาเยอะแบบนี้กูจะตอบอันไหนก่อนดีล่ะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูจะเปิดแถลงข่าวตอนนี้เลย มา ใครจะถามก่อนดี เอาทีล่ะคำถามนะ”  ผมตอบกลับไปดูท่าถ้าผมมาช้ากว่านี้อีกเดี๋ยวเดียวคงมีซักคนในกลุ่มได้อกแตก ตายเป็นแน่

“เมิงกับน้องปอนด์ไปคบกันตอนไหนว่ะ ทำไมพวกกูไม่รู้” นาวมันยิงคำถามเป็นคนแรก

“คือ งี้นะ กูกับปอนด์น่ะเรารู้จักกันมาตั้งแต่กูอยู่ประถมแล้ว ตอนนั้นกูยังอยู่พัทยากับตาและยาย ก็อย่างที่พวกเมิงเห็น กูตัวเล็กผอมบางกว่าเพื่อน เลยชอบโดนรังแกประจำ ตาเลยส่งกูไปเรียนมวยที่ค่ายของลุงโชค พ่อของปอนด์น่ะ หลังจากนั้น ช่วงม.ต้นกูย้ายมาอยู่กับพ่อและแม่ที่กรุงเทพ เลยไม่ได้ติดต่อกันอีก แต่กูก็เพิ่งมารู้ความจริงเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง พอดีปอนด์โทรมาชวนไปคุยเรื่องโยกับยัยมิณทร์ ตอนแรกๆก็จำไม่ได้ คุยไปคุยมาก็เลยรู้ ส่วนเรื่องคบกันน่ะ ก็แค่แผนสั่งสอนสองคนนั่นเฉยๆ เก็ทนะ” ผมร่ายยาวโดยไม่เปิดโอกาสให้พวกมันถามแทรกได้

“จริง หรอค่ะ น้องปอนด์” อิเจ๊โผล่งถามขึ้นพร้อมส่งตาประกายวิบวับให้น้องมันที่นั่งข้างๆ  คือโต๊ะหินอ่อนเป็นวงกลมเราก็นั่งเรียงจากผม เปอร์ เอก นาว จอย อิเจ๊ และปอนด์

“เอ่อ...ครับ แหะๆ” ยิ้มแหยๆให้ ก่อนจะเขยิบห่างออกมาจากอิเจ๊

“แล้วแกจะเอาไงต่อล่ะทีนี้” จอยถามขึ้นหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว

“ก็ ไม่แล้วไง พอกันทีผู้ชายมักมาก เมิงก็รู้ว่ากูเกลียดคนเจ้าชู้เข้ากระดูกดำ คงไม่คิดว่ากูจะให้อภัยแล้วยอมไปคืนดีกับมันหรอกนะ” ผมตอบกลับไปด้วยท่าทีจริงจัง เพื่อนๆผมเลยเงียบไม่กล้าค้าน

“เฮ้อ! แต่ก็น่าเสียดายนะ คบกันมาเป็นปี”นาวมันพูดขึ้นก่อนจะหุบบปากทันทีเมื่อเห็นสายตาเอาเรื่องของผม

“ก็ ดีแล้วที่คิดได้ เพราะกูก็เคยเห็นมันแอบไปไหนมาไหนกับน้องมิณทร์มาซักพักแล้ว แต่กูก็แค่อยากให้เมิงเจอกับตัวเองมากกว่าเดี๋ยวจะหาว่ากูไปยุให้เลิกกัน” เปอร์มันตบบ่าผมเบาๆ

“แล้วทำไมไม่รีบบอกกูว่ะ เห็นกูไม่มีเหตุผลขนาดนั้นเลย?” ผมถามเปอร์กลับทีเล่นทีจริง

“ก็ กูกลัวเมิงโกรธนี่หว่า อีกอย่างกูก็ไม่แน่ใจ บางทีเค้าอาจจะไปทำธุระกัน หรือบังเอิญเจอกันก็ได้นี่นา กูก็แค่ไม่อยากให้เมิงไม่สบายใจ”

“เออๆ ช่างเถอะ มันจบไปแล้ว ไงที่เมิงทำไปก็เพราะเป็นห่วงกูนี่ จริงม่ะ”


หลัง จากที่พวกเราคุยกันซักพัก ปอนด์ก็ขอตัวกลับคณะเพราะมีเรียนตอนบ่ายสอง พวกนั้นก็เดินขึ้นอาคารเรียนกัน แต่ผมขอตัวไปห้องน้ำ หลังจากเสร็จกิจ ในระหว่างที่ผมกำลังเดินออกจากห้องน้ำก็บังเอิญไปชนกับใครบางคนเข้า





ผลั่ก!!!



“เฮ้ย เดินยังไงว่ะ” เสียงทุ้มๆ ดังขึ้นหลังจากที่ผมชนเค้า

“เอ่อ...ขอโทษครับ” ผมกล่าวขอโทษก่อนจะเงยหน้าไปมองคู่กรณี

เอ่อ..จะ ว่าไงดี นี่มันคนหรือเปตรว่ะเนี่ยถึงได้สูงแบบนี้ ส่วนจมูกก็โด่งจนจะทิ่มตาผมบอดได้เลย คิ้วดกเข้ม มีรสนิยมซะด้วย พอใส่เสื้อช็อปแล้วดูเถื่อนเข้มขึ้นมา มีเสน่ห์อีกแบบ กลิ่นน้ำหอมอาร์มานี่อ่อนๆโชยมาเตะจมูก ดูสะอาดสะอ้านไม่ซกมกเหมือนพวกวิดวะที่เคยเจอบ่อยๆ เอาเป็นว่าโดยรวมแมร่งหล่อว่ะ มัวแต่คิดเพลินๆ ดูท่าทางตอนนี้มันคงอยากจะเอาเรื่องผมอยู่ เลยรีบเผ่นดีกว่า แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมือของไอ้หล่อนั่นมันดันมาคว้าแขนผมไว้ซะนี่

“เดี๋ยว คิดจะชนแล้วหนีเหรอว่ะ”

“อ้าว! หรือนายจะเรียกประกันมั๊ย แค่เดินชนนะ ไม่ได้ถอยรถเสยตูดซะหน่อย อีกอย่างผมก็ขอโทษแล้วจะเอาอะไรอีก” แมร่งคนยิ่งกำลังรีบๆ อยู่ด้วย

“ปาก ดีนักนะ ไม่ใช่ที่ชนนี่เพราะคิดจะอ่อยกูหรอกเหรอ ถ้าอยากมากก็ได้เดี๋ยวกูจัดให้” พูดจบมันก็ลากผมเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะล็อกประตูแล้วผลักจนผมกระเด็นไปชนฝา ผนังอีกด้านหนึ่ง




 

ผลั๊วะ!!


“โอ๊ย! ไอ้บ้า แกคิดจะทำอะไรของแกเนี่ย ห๊า!” ผมตะคอกใส่มันสุดเสียง ชักจะของขึ้นล่ะ มันจะอะไรกันนักหนาว่ะ ก็ขอโทษไปแล้วนี่ แมร่งงงงงงง

“ก็ แค่อยากสั่งสอนคนปากเสียแถวนี้หน่อย ดูสิว่าปากมันจะหวานเหมือนหน้าตารึเปล่า หึๆ”ไม่พูดเปล่ามันเดินหน้าเข้ามาผมพร้อมใบหน้าหื่นๆของมัน

“แหม.... บอกกันดีๆตั้งแต่แรกก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องรุนแรงแบบนี้เลย เดี๋ยวก็เป็นรอยช้ำพอดี” ผมพูดพลางเดินเข้าไปหาพร้อมเอาแขนทั้งสองข้างขึ้นคล้องคอของมัน ก่อนจะส่งสายตายั่วยวนไปให้ มันนิ่งอึ้งไปซักพักก่อนจะยิ้มออกมา

“พูดง่ายๆแบบนี้ก็ดีจะได้ไม่ต้องเปลืองแรง” พูดจบมันก็ก้มหน้ามาคลอเคลียแถวซอกคอของผม

ไม่รอช้าใช้จังหวะที่มันกำลังเคลิ้มยกเข่ากระทุ้งเข้าไปที่เป้าของมันก่อนจะผลักมันออกและบิดข้อมือของมันไขว้หลังเอาไว้

“จำ เอาไว้นะ อย่าคิดเหมาว่าคนอื่นจะมักง่ายเอาไม่เลือกเหมือนที่แกเคยมั่วมา”  มันพยยามดิ้นขัดขืนในขณะที่ผมกำลังจะปลดเน็กไทด์ของมันเพื่อเอามามัดมันไว้ ไอ้หล่อมันก็ดิ้นจนหลุดก่อนผมจะเสียท่าให้มันรวบแขนของผมไว้ได้

“ฤทธิ์ เยอะนักนะ” พูดจบมันก็โน้มหน้าลงมาก่อนจะเอามืออีกข้างจับไว้ที่ท้ายทอยของผมเมื่อเห็น ว่าผมพยายามยามเบือนหน้าหนี แล้วจะ..จะ...จูบ ใช่ครับ ไอ้หล่อมันจูบผม มันพยายามใช้ลิ้นดันให้ผมเปิดปากแต่ผมไม่ยอม มันเลยปล่อยมือที่จับแขนผมไว้มากดคางผมพอผมเผลออ้าปากเพื่อหายใจมันก็สอด ลิ้นเข้ามาในปากของผม

พวก คุณคงจะคิดว่าผมคงจะเคลิ้มไปกับรสจูบ ตามสไตล์นางเอกละครไทยล่ะสิครับ ป่าวเลย ผมกลับรู้สึกขยะแขยง อยากจะกัดลิ้นมันให้ขาดไปซะ แต่นี้มันคือโลกแห่งความจริง ถ้าเกิดผมกัดจนมันเลือดออก แล้วเผื่อมันเป็นโรคล่ะ ผมไม่ซวยไปตลอดชีวิตเลยหรอ ดูท่ามันคงจะเป็นพวกสำส่อน เอาไม่เลือกอยู่ด้วย ผมเลยใช้มือที่ว่างจากการปลดปล่อยของมันไปควานหาอาวุธในกระเป๋าและอาศัยช่วง ที่มันกำลังลิ้มรสการจูบจากผมนั้นผลักมันออก ก่อนจะชูมีดพกที่ผมมีติดตัวไว้ใช้ยามฉุกเฉินขึ้นมาขู่มัน

“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน” ผมขู่มันเสียงดัง แต่ดูมันไม่ได้เกรงกลัวผมเลยซักนิด กลับยิ้มเยาะผมด้วยซ้ำ

“คิด ว่ากูจะกลัวหรอ ถ้ากล้า ก็เอาซิ แทงกูเลย หรือว่า......ติดใจรสจูบของกูล่ะสิท่า” มันยังทำหน้ายียวนกวนประสาทผมอีก ดูแล้วคงจะไม่สำนึก เห็นทีผมคงต้องจัดให้มันซักดอกแล้วล่ะ

“ได้........ แกท้าเองนะ” พูดจบพร้อมกับส่งยิ้มเพชฌฆาตไปให้ มันชะงักไปเล็กน้อย แต่ผมไม่อยากเสียเวลาไปมากว่านี้ เพราะเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน เลยจัดจระเข้ฟาดหางไปให้ ทีเดียวจอด.......สลบคาที่ แต่แค่นี้ยังไม่สะใจ ผมเลยจัดการถอดเสื้อผ้าของมันออกมาเหลือไว้เพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวกันอุจาด ตาคนพบเห็น แล้วใช้สีเมจิกชนิดกันน้ำติดทนนาน เขียนไว้ที่หน้าอกของมันว่า




“ช่วยผมที ผมเงี่ยนครับ”

 

 

 

 

ยังไม่พอ ผมยังเขียนบนหน้าผากของมันอีกว่า


 

 

 

 


“ผมมันสำส่อน”

 

 

 

 


เขียน ไปขำไป ดูนาฬิกาอีกที ตายล่ะหว่า อีกห้านาทีจะได้เวลาเรียนแล้ว วิชานี้อาจารย์แกยิ่งโหดอยู่ ผมเลยรีบบึ่งไปเข้าคลาส โชคดีที่ทันแบบหวุดหวิด เฮ้อ! นี่วันโลกาวินาศรึไงว่ะ ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


นี่ ก็ผ่านมาสามวันแล้วหลังจากเหตุการณ์ที่แคนทีนนั่น ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็มักจะได้ยินเสียงนินทา บางคนก็เข้ามาให้กำลังใจ หรือไม่ก็สะใจกับสิ่งที่ผมทำ บ้างก็สมน้ำหน้าผม แต่ก็เอาเถอะ ถ้าเราไม่แคร์ซะอย่าง ใครมันจะทำอะไรเราได้ ถ้าไม่มายุ่งวุ่นวายกับผมก่อนนะ


“นี่ พวกแกได้ข่าวที่โยเลิกกับเป้ม่ะ กูว่าแล้วมันต้องไปกันไม่รอด สมน้ำหน้าจริงๆ ฮ่าๆๆๆ” หนึ่งในสามนั้นพูดขึ้นถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่านางจะชื่อมินมั้ง เป็นเพื่อนในคณะนี่แหละ

“เออ กูก็หมั่นไส้มันมานานล่ะ เห็นหยิ่งๆเชิดๆ  สุดท้ายผู้ชายมันก็ต้องคู่กับผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ สะใจกูจริงๆ” ยัยออมรองดาวคณะนิเทศ ตอนเข้ามาปีหนึ่งใหม่ๆ เห็นนางพยายามอ่อยโยมันอยู่เป็นเดือน แต่โยมันไม่เล่นด้วย แล้วดันมาคบกับผม ช่วงนั้นผมทั้งโดนแกล้ง โดนถากถางจากพวกนี้สารพัด แต่ผมก็พยายามไม่สนใจ ไม่อยากเอาขี้ปากชาวบ้านมาคิดให้รกสมอง

“ตายยากจริงๆ นู่นพวกแก มันเดินมานู่นแล้ว” ยัยแจงทักขึ้นทำให้อีกสองคนที่กำลังเม้าท์มันกันอยู่มองมาที่ผม

“อ้าว เป้ เป็นไงบ้างจ๊ะ ได้ข่าวว่าถูกสวมเขา เอ๊ย! อกหักมานี่ เฮ้อ…ผู้ชายน่ะต่อให้หลงผิดไปขนาดไหนสุดท้ายเค้าก็ต้องกลับมาสนใจผู้หญิง อยู่ดี ว่ามั๊ยจ๊ะ?” ออมทักผมขึ้น ผมพยายามเดินเลี่ยงมาแล้วยังตาดีมาเห็นอีกนะ

“นั่น สินะ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่เธออยู่ดีใช่มั๊ยออม อ้อ! แล้วอีกอย่างถึงชั้นจะโดนสวมเขา แต่ก็ไม่ได้สวมนอเป็นแอ็คเซสเซอรี่ เหมือนพวกเธอ ขนาดเธอทั้งอ่อย ทั้งให้ท่าเค้าแล้วเค้าก็ยังไม่เอา สมควรพิจารณาตัวเองได้แล้วนะจ๊ะ ” ผมตอบพลางยิ้มเยาะไปให้ จนออมมันเม้มปากกำมือแน่นก่อนจะแสร้งยิ้มมาให้

“หึ ทำเป็นพูดดีเข้าไปเถอะ แล้วอย่าไปแอบนอนร้องไห้คนเดียวซะล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” มินพูดจบพวกมันทั้งสามตัว เอ๊ย! ทั้งสามคน ก็หัวเราะเยาะใส่ผม ส่วนผมก็ได้แต่ส่ายหน้าให้พวกปัญญานิ่มตรงหน้า

“สงสัย พวกเธอคงจะไม่ ได้กรองข่าวซะล่ะมั๊ง ถึงไม่รู้ว่าคนที่บอกเลิกและตัดสัมพันธ์น่ะคือเป้ไม่ใช่โย ถึงขนาดที่โยมันคุกเข่าอ้อนวอนขอคืนดีกลางแคนทีนไม่อายสายตาประชาชีด้วยนะ” นาวพูดแทรกการสนทาขึ้นมาจากด้านหลัง ก่อนผมจะหันไปมองเห็นเพื่อนๆที่เหลือเดินเข้ามาสมทบ

“แล้วไง สุดท้ายก็เลิกกันอยู่” ออมมันยังไม่ยอมแพ้ ยิ้มเยาะมาให้ผมอีก

“ช่าง เถอะนาว เราอย่าไปสนใจเสียงหมามันเห่าเลย รีบไปกันเถอะ กูหิวแล้ว” ผมเดินไปห้ามนาวที่ตอนนี้กำลังจะเดินเข้าไปเอาเรื่องสามสาวนอแรดพวกนั้น

“นึก ว่าจะแน่” ยัยมินยังคงถากถางไม่เลิก ผมเลยหยุดแล้วหันหลังกลับเดินเข้าไปหาพวกนั้นก่อนจะหยิบแอลกอฮอล์ชนิดพกพาใน กระเป๋าขึ้นมาสาดใส่หน้าพวกนั้น

“กรี๊ดดดดดดดดด! แกๆ กล้าดียังไงมาทำกับพวกชั้นแบบนี้” สามสาวนอแรดกรี๊ดพร้อมกันก่อนที่ออมจะพูดขึ้นมาอย่างเอาเรื่อง

“เอา แอลกอฮอล์ไปล้างปากฆ่าเชื่อซะหน่อย เผื่อคราวหน้าจะได้มีแต่คำพูดดีๆหลุดออกมาจากปากบ้าง ไม่ใช่พล่ามแต่เรื่องโสโครกแบบนี้ อ้อ! ถ้าคราวหน้ายังไม่หยุดหาเรื่องกันล่ะก็ไม่ได้เจอแค่แอลกอฮอล์แน่ ชั้นจะเอาน้ำกรดกรอกปากพวกเธอทั้งสามคนจะได้ไม่ไปเห่าให้หนวกหูคนอื่นเค้า อีก” พูดจบผมหันหลังกลับแล้วเดินออกมาพร้อมยกมือทั้งสองข้างอุดหูเตรียมไว้


“แอ๊ยยยยยยยยยยยยย! แก อีบ้า ซักวันชั้นจะเอาคืนกับพวกแกให้สาสมเลยคอยดู” เดินมาได้ซักพักก็ได้ยินเสียงเปตรโหยหวนขอส่วนบุญตามมา


หลัง จากกินข้าวเสร็จก็ขึ้นไปเรียนตามปกติจนคาบสุดท้ายในขณะที่ผมกำลังเก็บของ เพื่อกลับคอนโดอยู่นั้นก็มีโทรศัพท์เข้ามา พอเห็นชื่อที่โทรมาก็ทำให้ผมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่พอกดรับแล้วเสียงปลายสายที่ดังเข้ามาก็ทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน










 

 

 

 

(ตัว......ช่วยเค้าด้วย)








- - - - - TBC - - - - -

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา