▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼(YAOI)
9.6
เขียนโดย AMINOKOONG
วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.25 น.
20 ตอนที่
10 วิจารณ์
34.92K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557 21.55 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) ▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼(YAOI) : ตอนที่18
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼
ตอนที่18 :แม่ผัวVSลูกสะใภ้
“คุณหมอครับเพื่อนผมเป็นยังไงบ้าง” แจ็ครีบวิ่งไปประชิดตัวแล้วถามทันทีที่เห็นคุณหมอเดินออกมาจากห้องไอซียู
“ใจเย็นๆนะครับ ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้ว จะมีก็แต่แผลฟกช้ำแล้วก็หัวแตกเท่านั้น แต่ยังไงหมอก็คงต้องพาคนไข้ไปแสกนสมองและเอ็กซ์เรย์กระดูกบริเวณช่วงปอดอีก ทีเพื่อความแน่ใจ เดี๋ยวอีกซักครู่หมอจะย้ายคนไข้ไปพักอยู่ที่ห้องปลอดเชื้อเพื่อรอดูอาการ ก่อนนะครับ ถ้ายังไงผมว่าพวกคุณกลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้ เพราะกว่าคนไข้จะฟื้นก็คงเป็นพรุ่งนี้ช่วงสายๆน่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ” หลังจากบอกอาการของกวินเสร็จคุณหมอก็เดินจากไป เหลือแต่ผมกับเพื่อนๆของมันที่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจที่เพื่อนไม่เป็นอะไร มาก จะมีก็แต่ผมนี่แหละนั่งนิ่งอยู่ ทั้งที่รถคว่ำขนาดนั้นแต่มันกลับไม่เป็นอะไรมากอย่างนั้นน่ะเหรอ นี่มันทำบุญในชาติก่อนไว้มากหรือว่าเพราะมันเลวเกินกว่าที่นรกจะต้อนรับมัน กันแน่
หลัง จากทราบอาการเพื่อนๆของมันก็ทยอยพากันกลับ ส่วนผมก็กลับไปนอนพักที่คอนโดพรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่ เพราะผมก็ไม่ได้ใจดำขนาดจะไม่มาดูแลมันเพราะอย่างน้อยๆตอนที่มันถีบผมตกลงจน ต้องนอนโรงพยาบาลมันก็ยังมานอนเฝ้าผม แค้นก็ส่วนแค้น แต่ส่วนที่มันทำดีกับผมๆก็จะตอบแทนมันด้วยเหมือนกันแม้ว่าใครจะมองว่าไม่จำ เป็นก็ตามเพราะสำหรับผม บุญคุณต้องทดแทนแต่ว่าแค้นก็ต้องชำระให้สาสมเช่นกัน จะได้ไม่ต้องมาติดค้างให้ต้องพบต้องเจอกันอีกในชาติหน้า
ผม กลับมาถึงคอนโดก็อาบน้ำชำระคราบเลือดเรียบร้อยก่อนจะเก็บข้าวของจำเป็นของ ใหม่ใส่กระเป๋าเตรียมไว้เผื่อวันพรุ่งนี้ ในขณะที่ผมกำลังเก็บเสื้อผ้าและเปิดลิ้นชักหยิบชุดชั้นในของมันอยู่นั้นผมก็ เจอกับกุญแจเล็กๆหนึ่งดอกและลองใช้มันมาเปิดลิ้นชักข้างเตียงดูก็สามารถเปิด ได้ผมยิ้มออกมานิดๆ เพราะตั้งแต่ที่ผมย้ายมาอยู่กับมันผมก็พยายามหากุญแจมาเปิดมันตั้งหลายครั้ง แต่ก็ไม่เจอซักทีไม่นึกว่ามันจะเอามาซ่อนไว้ที่นี่ และดูเหมือนว่าครั้งนี้โชคจะเข้าข้างให้ผมได้เจอมันโดยไม่ต้องออกแรงหาเลย ซักนิด พอเปิดออกมาผมก็เจอกับสิ่งที่ผมต้องการ กล้องวีดีโอที่มันใช้บันทึกความเลวระยำของมันในวันนั้น
ผม หยิบกล้องขึ้นมาแล้วก็เจอกับสมุดไดอารี่เล่มหนึ่งเลยถือวิสาสะเปิดอ่าน แม้จะแปลกใจว่าทำไมคนอย่างกวินมันถึงได้มานั่งเขียนไดอารี่แบบนี้ก็ตาม ผมนั่งอ่านไดอารี่ของมันไปเรื่อยๆยิ่งอ่านผมก็ยิ่งเห็นใจมันมากขึ้น นี่สินะถึงทำให้มันทำตัวเหลวแหลกแบบนี้แม่ที่คบชู้กับคนสวนคนขับรถแล้วยัง หยามพ่อของมันโดยพาคนพวกนั้นไปเริงรักเริงสวาทกันบทห้องของพ่อตอนที่ท่านไป ทำงานถ้าผมเป็นมันก็คงจะเจ็บปวดเหมือนกัน ผมกับมันต่างก็มีปัญหาครอบครัวเหมือนๆกันแต่เราต่างกันตรงที่มันเลือกที่จะ ทำลายทุกคนที่มันคิดว่าทำตัวเหมือนแม่ของมันแม้บางทีคนพวกนั้นจะไม่ได้ทำ อะไรมันเลยก็ตาม ส่วนผมกลับเลือกที่จะอยู่ให้ห่างพวกคนเจ้าชู้มักมากทั้งหลายเหล่านั้น เลือกที่จะไม่สนใจไม่เข้าไปเกี่ยวข้องแม้จะไม่ชอบใจกับพฤติกรรมแบบนั้นเท่า ไหร่แต่ผมก็จะไม่เอาชีวิตของไปข้องแวะกับคนพวกนั้นเว้นเสียแต่ว่าคนพวกนั้น เข้ามายุ่งกับชีวิตของผมก่อนเท่านั้น
หลัง จากผมอ่านไดอารี่ขอมันจบผมก็ได้รู้อะไรๆเกี่ยวกับมันมากยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องชีวิตวัยเด็ก รู้แม้กระทั่งว่าคนถึกๆอย่างมันแพ้แม้กระทั่งเกสรดอกไม้และยิ่งรู้จักมันมาก เท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้มันเห็นใจมันมากขึ้นเท่านั้น จนแว่บนึงผมคิดว่าควรจะหยุดเรื่องให้บทเรียนมันเพียงเท่านี้จะดีกว่ามั๊ย แต่แล้วความคิดเหล่านั้นก็หายไปเมื่อผมเปิดดูคลิปวิดีโอที่มันถ่ายในคืนนั้น ที่มันทำเลวระยำกับผม ข่มขืนย่ำยีศักดิ์ศรีของผม ทั้งที่ผมขอร้องอ้อนวอนแทบจะยกมือไหว้มันแต่มันก็ไม่แยแสเลยซักนิด มันคงไม่รู้ว่าการกระทำของมัน มันทำให้ผมเหมือนตายทั้งเป็น ต้องหวาดผวาทุกครั้งที่นึกถึง บางคืนก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะภาพพวกนั้นมันคอยตามหลอกหลอนผมแม้กระทั่ง ในฝัน ผมดูคลิปพวกนั้นทั้งน้ำตา ทั้งความโกรธ ความแค้น ความกลัวจนมันสับสนไปหมดไม่รู้ว่าอารมณ์เป็นอารมณ์ไหนกันแน่
แต่ แล้วเปลวเพลิงของความโกรธ เกลียด เครียดแค้นมันก็ยิ่งลุกโชนมากยิ่งขึ้นเมื่อผมเลื่อนดูคลิปอื่นๆในกล้องของ มัน ภาพของผู้ชายสามคน โอม แจ็ค และมัน กำลังรุมโทรมเด็กสาวคนหนึ่ง และผมยิ่งตกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเด็กสาวคนนั้นคือ เอย รุ่นน้องของผมที่คณะ
“ฮึก.....พะ...พวกพี่ปล่อยน้องเอยไปเถอะนะคะ...ฮึกอย่าทำอะไรหนูเลย หนูกลัวแล้ว..ฮือๆๆ”
“ก็ ไหนน้องเอยบอกว่าชอบพี่วินไม่ใช่เหรอคะ ก็พี่วินกำลังจะมอบความรักให้น้องเอยอยู่นี่ไง แต่พอดีวันนี้เพื่อนพี่มันว่าง พี่เลยชวนมันมามอบความรักให้น้องเอยด้วย หลายๆคนอบอุ่นดีนะคะ จริงมั๊ยว่ะพวกมึง ฮ่าๆๆๆ” กวินมันพูดกับน้องเอยที่นอนเปลือยเปล่าบนเตียงพลางปลลดเสื้อผ้าตัวเองออก ก่อนจะหันมาถามโอมกับแจ็คแล้วระเบิดเสียงหัวเราะอันน่าขยะแขยงนั่นออกมา
“มะ...ไม่นะ อย่าเข้ามา.....ฮึก...ไม่ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!”
ผม,องภาพเหล่านั้นแล้วยิ่งสะอื้นไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ ภาพเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ขอร้องอ้อนวอนให้พวกมันหยุด แต่นอกจากที่พวกมันไม่หยุดแล้วยิ่งมีการลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายเธออีก ภาพน้องเอยในอดีตที่ผมพอจะจำได้ น้องเป็นเด็กเรียบร้อย น่ารักและเป็นที่รักของเพื่อนๆและพี่ๆ เด็กโก๊ะๆ ใสๆที่เวลาเจอทีไรเธอก็จะมีรอยยิ้มสดใสที่พร้อมจะมอบให้กับทุกคน แต่เอยในคลิปที่ผมกำลังดูแววตาที่เคยสดใสกับบวมช้ำและแดงกล่ำไปด้วยน้ำตา ริมฝีปากเล็กๆที่คอยมอบรอยยิ้มให้กับทุกคนกลับมีร้อยช้ำที่มุมปาก ผมไล่ดูคลิปที่เหลือในกล้องก็เจอคลิปคล้ายๆกันอีกสี่ห้าคลิป มีทั้งที่สมยอมบ้าง ไม่ยอมบ้าง มีคลิปที่มันมีอะไรกับผู้หญิงคนเดียวบ้างและบางคลิปเป็นคลิปที่พวกมันทั้ง สามรุมโทรมพวกเธอ หากใครขัดขืนก็จะโดนพวกมันขู่ว่าจะเอาคลิปไปประจานให้อายบ้าง จะส่งคนไปทำร้ายพวกเธอและครอบครัวหรือเพื่อนสนิทของพวกเธอบ้างล่ะ หลังจากที่ผมดูคลิปพวกนั้นเสร็จความเห็นใจเกี่ยวกับปมชีวิตของมันก็พังทลาย หายไปหมดในพริบตาผมจะทำให้พวกเลวระยำได้รับบทเรียนที่สาสมที่สุด.....วันนี้ ผมแวะมาหามันตั้งแต่เช้าพร้อมของขวัญสุดพิเศษสำหรับมัน ช่อดอกไม้สวยๆที่ผมบรรจงถือไว้ในมือถูกจัดใส่แจกันข้างเตียงของมันอย่าง ระมัดระวัง และไม่นานของขวัญที่ผมมอบให้กับมันก็กำลังสำแดงฤทธิ์ชนิดที่เรียกได้ว่าดี เกินคาดสมใจผมเลยทีเดียว
“หื้อ.........ฮือ........ฮึก......ฮือ........อึก” เสียงลมหายใจของกวินที่หอบแบบติดๆขัดๆจนเห็นได้ชัด พร้อมทั้งอาการทุรนทุรายเหมือนจะขาดใจตายซะให้ได้ ทำให้ผมยิ้มออกมากับภาพความสวยงามเกินกว่าจะจินตนาการตรงหน้า พอสมควรแก่เวลาผมก็เดินออกไปเพื่อที่จะไปตามหมอ หลังจากผมออกมาจากห้องพิเศษของกวินแล้วประตูปิดลงผมเหลือบตามองห้องพิเศษของ มันช้าๆก็จะพูดออกมาเบาๆกับตัวเอง
“รอ อีกนิดนะครับที่รัก เดี๋ยวแฟนคนนี้จะไปตามหมอมาให้ อย่าเพิ่งรีบตายไปซะก่อนล่ะ” ผมดินไปเรียกหมออย่างช้าๆพร้อมกับชมบรรยากกาศรอบๆโรงพยาบาลราวกับว่ามันเป็น พิพิธภัณฑ์ที่สวยงามมากก็มิปราณ ก่อนจะเจอพยาบาลที่เดินผ่านมา ผมจึงแจ้งอาการของมันกับเธอ
“ถ้า งั้นอาการของคนไข้ก็น่าเป็นห่วงมากๆเลยน่ะสิคะ แล้วทำไมคุณไม่กดปุ่มข้างเตียงล่ะค่ะไม่ต้องเดินมาตามเองก็ได้” เธอถามด้วยอาการสงสัย ก่อนผมจะแสร้งทำทีเป็นตื่นตระหนกบอกเธอออกไป
“คือ ผะ..ผมตกใจกลัวจนทำอะไรไม่น่ะถูกน่ะครับ ผมว่าคุณไปตามหมอเร็วๆจะดีกว่าจะมายืนถามผมแบบนี้น่ะครับ ถ้าแฟนผมเค้าเป็นอะไรไปผมคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆเลย”
“เอ่อ...ค่ะๆ เดี๋ยวชั้นจะรีบไปตามคุณหมอให้เดี๋ยวนี้แหละค่ะ” พูดเสร็จเธอก็รีบเดินออกไป
.....“อาการ ของคนไข้ตอนนี้ไม่เป็นอะไรมากแล้วนะครับ คนไข้คงจะแพ้เกสรดอกไม้น่ะครับ ยังดีที่ตามหมอทันไม่งั้นอาการของคนไข้คงจะทรุดกว่านี้ ดีไม่ได้อาจถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็ได้นะครับ ถ้ายังไงญาติคนไข้ก็ช่วยบอกคนที่จะเข้ามาเยี่ยมว่าห้ามนำดอกไม้เข้ามาในห้อง นี้ด้วยก็แล้วกันนะครับ” หลังจากที่หมอตรวจอาการมันเสร็จก็เดินออกไปพร้อมๆกับพยาบาล จนช่วงสายๆในขณะที่ผมกำลังจะเคลิ้มหลับก็มีเสียงเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาจน ผมสะดุ้งตื่น
“กะ..กวินๆ ลูกแม่ ฮึก...ฮือๆ” เสียงวัยกลางคนยืนร้องไห้ข้างๆเตียงของมันตามด้วยหญิงสาววัยไร่เลี่ยกับผม ที่สวยสะดุดตา แต่เธอทั้งสองคงจะยังไม่ทันสังเกตถึงไม่เห็นผมที่นั่งอยู่โซฟาตรงมุมของห้อง
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเป็น....” ยังไม่ทันจะถามจบแม่ของกวินก็หันมามองผมตาเขียวก่อนจะเบิกตากว้างแล้วชี้มือมาที่ผม
“แก.... หึ...นี่น่ะเหรอแฟนของตาวิน แกใช่มั๊ยที่ทำให้ลูกของชั้นกลายมาเป็นพวกวิปริตผิดเพศแบบนี้” พูดจบเธอก็เดินเข้ามาประชิดตัวผมจนแทบตั้งตัวไม่ทัน หวังว่าผมคงไม่ต้องมาเจอศึกแม่ผัวลูกสะใภ้อย่างในละครหรอกนะ
“นี่คุณรู้?”
“มี อะไรที่เกี่ยวข้องกับลูกชายของชั้นแล้วชั้นจะไม่รู้เรื่องบ้างล่ะ คนอย่างพวกแกจะต้องการอะไรจากลูกชายของชั้น นอกจากชื่อเสียง เงินทอง เหมือนพวกผู้หญิงชั้นต่ำที่เที่ยวมาเกาะแกะลูกชายชั้นสินะ” เธอพ่นคำพูดเหล่านั้นออกมาก่อนจะปรายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตา เหยียดๆ
“ฮ่ะ...ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนเธอและผู้หญิงที่ตามมาด้วยมองผมด้วยสีหน้างงๆว่าผมหัวเราอะไร
“หัวเราะอะไรของแก วิปริตยังไม่พอ นี่แกเป็นบ้าไปด้วยเหรอไง”
“คนที่บ้านี่น่าจะเป็นคุณมากกว่านะครับ แหม! ผมก็เพิ่งจะรู้นะครับเนี่ยว่าพวกผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดินอย่างพวกคุณจะ ทักทายคนอื่นที่เพิ่งรู้จักกันด้วยคำพูดและกริยาต่ำๆแบบนี้ แล้วอีกอย่างที่ผมขำเพราะความคิดของคุณที่ว่าผมจะมาจับลูกชายคุณน่ะสิครับ ฮ่ะๆๆๆ ไม่รู้ว่าคิดได้ยังไง เหมือนไม่ค่อยได้ใช้สมองเลยเนอะ ฮ่าๆๆๆๆ”
“นี่แกกล้าด่าชั้นเหรอห๊า?” เธอตรงเข้ามาพร้อมง้างมือขึ้นทำท่าจะตบผมจนหญิงสาวที่มาด้วยกันรีบเข้ามาห้ามเอาไว้
“คุณแม่ค่ะ อย่าค่ะ เราอย่าเอาเพชรเม็ดงามเลอค่าไปครูดกับกระเบื้องห้องน้ำสาธารณะที่สกปรกโสโครกแบบนั้นเลยนะคะ” เธอพูดก่อนจะมองมาที่ผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“จริง สินะหนูเหมียว ขอบใจที่เตือนสติของแม่ ส่วนแกรู้เอาไว้ซะว่านี่คือหนูเหมียวว่าที่ลูกสะใภ้ของชั้นคนนี้และคนเดียว และชั้นจะไม่มีวันยอมรับใครทั้งนั้น” เธอพูดก่อนยิ้มเหยียดมาให้ ส่วนผมน่ะเหรอก็แค่ยิ้มให้พวกเธออย่างนึกสมเพช
“ดูสิค่ะคุณแม่เราว่ามันขนาดนี้มันยังไม่สำนึกอีก”
“โถ ลูก เราจะไปเอาอะไรกับพวกชั้นต่ำที่พ่อแม่ไม่อบรมสั่งสอนล่ะจ๊ะ”แม่ของกวินพูด ขึ้นมาซึ่งนั่นทำให้ความอดทนของผมมันพร้อมที่จะระเบิด ผมปรี่เข้าไปพร้อมทั้งกระชากแขนของเธอมา ก่อนจะมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนที่เธอทำกับผม
“ใช่ แม่ผมไม่ได้สั่งสอนเพราะว่าตอนนี้แม่ผมเธอไปอยู่บนสวรรค์แล้ว แต่ก็ยังดีกว่าคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่และยังมีชีวิตอยู่ แต่วันๆกับทำตัวน่ารังเกียจเที่ยวเอากับคนนั้นคนนี้ไปทั่วไม่เว้นแม้กระทั่ง คนใช้ในบ้านทั้งที่ตัวเองก็มีสามีอยู่แล้ว จนไม่มีเวลาอยู่ดูแลอบรมสั่งสอนลูกจนลูกมันเกลียดแม่ตัวเองเข้าไส้ แต่ก็ยังมีหน้ามาด่าว่าคนอื่นว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนอีกเนี่ย คุณคิดว่าผมควรจะบอกยังไงมันถึงจะได้ซึมซับเข้ากลีบสมองของคนประเภทนี้ดีครับ” เธอนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก คงจะคิดว่าผมไม่รู้เรื่องราวโสมมของเธอสินะถึงได้เที่ยวมาพูดจาดูถูกคนอื่นแบบนี้
“นี่ แกพูดอะไรของแกของน่ะ แล้วปล่อยแขนคุณแม่เดี๋ยวนี้เลยนะ”ผมหันขวับไปมองเหมียวอย่างเอาเรื่องจนเธอ สะดุ้งไม่กล้าเข้ามายุ่ง ก่อนจะปล่อยมือแม่ของกวินมันช้าๆ
“ฮึม.....เท่าไหร่?” หลังจากที่เธอปรับสีหน้าที่อึ้งตกใจกับสิ่งที่ผมพรั่งพรูออกแล้วเธอก็กระแอมเบาๆก่อนเปร่งเสียงถามออกมาเหมือนเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ
“อะไรของคุณ”
“ชั้นถามว่าแกต้องการเท่าไหร่ ถึงจะออกไปจากชีวิตของลูกชายชั้น”
“........” ผมยังเงียบไม่ตอบก่อนจะมองหน้าเธอนิ่งๆ
“นี่แกไม่ได้ยินที่ชั้นถามรึยังไง ต้องการเท่าไหร่ถึงจะ.......” เธอยังพูดไม่จบผมก็ส่งยิ้มไปให้พร้อมตอบออกมาเสียงดังฟังชัด
“ร้อยล้าน”
“ห๊า?/ว่าไงนะ” สองคนนั่นร้องออกมาด้วยความตกใจและไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ร้อยล้านบาทขาดตัว”
“อ้อ!! ผมขอเป็นเงินสดนะครับ ไม่รับเช็ค กลัวเด้ง”
- - - - - TBC - - - - -
เอามาเสิร์ฟแล้วนะครับ ร้อนๆแซ่บๆ ไม่รู้จะถูกใจกันบ้างรึป่าวเค้ารู้ตัวว่าเป็นนักเขียนที่ไม่ค่อยมีวินัยเท่าไหร่ แต่ก็พยายามหาเวลาว่างๆมานั่งแต่งและจะพยายามไม่หายไปนานๆ(ถ้าไม่จำเป็นนะครับ) พอดีเพิ่งเคลียร์งานเสร็จจริงๆแต่สัญญาว่าจะไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอนยังไงก็จะต้องแต่งให้จบแน่ๆครับไม่ต้องห่วง
ตอนที่18 :แม่ผัวVSลูกสะใภ้
“คุณหมอครับเพื่อนผมเป็นยังไงบ้าง” แจ็ครีบวิ่งไปประชิดตัวแล้วถามทันทีที่เห็นคุณหมอเดินออกมาจากห้องไอซียู
“ใจเย็นๆนะครับ ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้ว จะมีก็แต่แผลฟกช้ำแล้วก็หัวแตกเท่านั้น แต่ยังไงหมอก็คงต้องพาคนไข้ไปแสกนสมองและเอ็กซ์เรย์กระดูกบริเวณช่วงปอดอีก ทีเพื่อความแน่ใจ เดี๋ยวอีกซักครู่หมอจะย้ายคนไข้ไปพักอยู่ที่ห้องปลอดเชื้อเพื่อรอดูอาการ ก่อนนะครับ ถ้ายังไงผมว่าพวกคุณกลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้ เพราะกว่าคนไข้จะฟื้นก็คงเป็นพรุ่งนี้ช่วงสายๆน่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ” หลังจากบอกอาการของกวินเสร็จคุณหมอก็เดินจากไป เหลือแต่ผมกับเพื่อนๆของมันที่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจที่เพื่อนไม่เป็นอะไร มาก จะมีก็แต่ผมนี่แหละนั่งนิ่งอยู่ ทั้งที่รถคว่ำขนาดนั้นแต่มันกลับไม่เป็นอะไรมากอย่างนั้นน่ะเหรอ นี่มันทำบุญในชาติก่อนไว้มากหรือว่าเพราะมันเลวเกินกว่าที่นรกจะต้อนรับมัน กันแน่
หลัง จากทราบอาการเพื่อนๆของมันก็ทยอยพากันกลับ ส่วนผมก็กลับไปนอนพักที่คอนโดพรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่ เพราะผมก็ไม่ได้ใจดำขนาดจะไม่มาดูแลมันเพราะอย่างน้อยๆตอนที่มันถีบผมตกลงจน ต้องนอนโรงพยาบาลมันก็ยังมานอนเฝ้าผม แค้นก็ส่วนแค้น แต่ส่วนที่มันทำดีกับผมๆก็จะตอบแทนมันด้วยเหมือนกันแม้ว่าใครจะมองว่าไม่จำ เป็นก็ตามเพราะสำหรับผม บุญคุณต้องทดแทนแต่ว่าแค้นก็ต้องชำระให้สาสมเช่นกัน จะได้ไม่ต้องมาติดค้างให้ต้องพบต้องเจอกันอีกในชาติหน้า
ผม กลับมาถึงคอนโดก็อาบน้ำชำระคราบเลือดเรียบร้อยก่อนจะเก็บข้าวของจำเป็นของ ใหม่ใส่กระเป๋าเตรียมไว้เผื่อวันพรุ่งนี้ ในขณะที่ผมกำลังเก็บเสื้อผ้าและเปิดลิ้นชักหยิบชุดชั้นในของมันอยู่นั้นผมก็ เจอกับกุญแจเล็กๆหนึ่งดอกและลองใช้มันมาเปิดลิ้นชักข้างเตียงดูก็สามารถเปิด ได้ผมยิ้มออกมานิดๆ เพราะตั้งแต่ที่ผมย้ายมาอยู่กับมันผมก็พยายามหากุญแจมาเปิดมันตั้งหลายครั้ง แต่ก็ไม่เจอซักทีไม่นึกว่ามันจะเอามาซ่อนไว้ที่นี่ และดูเหมือนว่าครั้งนี้โชคจะเข้าข้างให้ผมได้เจอมันโดยไม่ต้องออกแรงหาเลย ซักนิด พอเปิดออกมาผมก็เจอกับสิ่งที่ผมต้องการ กล้องวีดีโอที่มันใช้บันทึกความเลวระยำของมันในวันนั้น
ผม หยิบกล้องขึ้นมาแล้วก็เจอกับสมุดไดอารี่เล่มหนึ่งเลยถือวิสาสะเปิดอ่าน แม้จะแปลกใจว่าทำไมคนอย่างกวินมันถึงได้มานั่งเขียนไดอารี่แบบนี้ก็ตาม ผมนั่งอ่านไดอารี่ของมันไปเรื่อยๆยิ่งอ่านผมก็ยิ่งเห็นใจมันมากขึ้น นี่สินะถึงทำให้มันทำตัวเหลวแหลกแบบนี้แม่ที่คบชู้กับคนสวนคนขับรถแล้วยัง หยามพ่อของมันโดยพาคนพวกนั้นไปเริงรักเริงสวาทกันบทห้องของพ่อตอนที่ท่านไป ทำงานถ้าผมเป็นมันก็คงจะเจ็บปวดเหมือนกัน ผมกับมันต่างก็มีปัญหาครอบครัวเหมือนๆกันแต่เราต่างกันตรงที่มันเลือกที่จะ ทำลายทุกคนที่มันคิดว่าทำตัวเหมือนแม่ของมันแม้บางทีคนพวกนั้นจะไม่ได้ทำ อะไรมันเลยก็ตาม ส่วนผมกลับเลือกที่จะอยู่ให้ห่างพวกคนเจ้าชู้มักมากทั้งหลายเหล่านั้น เลือกที่จะไม่สนใจไม่เข้าไปเกี่ยวข้องแม้จะไม่ชอบใจกับพฤติกรรมแบบนั้นเท่า ไหร่แต่ผมก็จะไม่เอาชีวิตของไปข้องแวะกับคนพวกนั้นเว้นเสียแต่ว่าคนพวกนั้น เข้ามายุ่งกับชีวิตของผมก่อนเท่านั้น
หลัง จากผมอ่านไดอารี่ขอมันจบผมก็ได้รู้อะไรๆเกี่ยวกับมันมากยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องชีวิตวัยเด็ก รู้แม้กระทั่งว่าคนถึกๆอย่างมันแพ้แม้กระทั่งเกสรดอกไม้และยิ่งรู้จักมันมาก เท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้มันเห็นใจมันมากขึ้นเท่านั้น จนแว่บนึงผมคิดว่าควรจะหยุดเรื่องให้บทเรียนมันเพียงเท่านี้จะดีกว่ามั๊ย แต่แล้วความคิดเหล่านั้นก็หายไปเมื่อผมเปิดดูคลิปวิดีโอที่มันถ่ายในคืนนั้น ที่มันทำเลวระยำกับผม ข่มขืนย่ำยีศักดิ์ศรีของผม ทั้งที่ผมขอร้องอ้อนวอนแทบจะยกมือไหว้มันแต่มันก็ไม่แยแสเลยซักนิด มันคงไม่รู้ว่าการกระทำของมัน มันทำให้ผมเหมือนตายทั้งเป็น ต้องหวาดผวาทุกครั้งที่นึกถึง บางคืนก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะภาพพวกนั้นมันคอยตามหลอกหลอนผมแม้กระทั่ง ในฝัน ผมดูคลิปพวกนั้นทั้งน้ำตา ทั้งความโกรธ ความแค้น ความกลัวจนมันสับสนไปหมดไม่รู้ว่าอารมณ์เป็นอารมณ์ไหนกันแน่
แต่ แล้วเปลวเพลิงของความโกรธ เกลียด เครียดแค้นมันก็ยิ่งลุกโชนมากยิ่งขึ้นเมื่อผมเลื่อนดูคลิปอื่นๆในกล้องของ มัน ภาพของผู้ชายสามคน โอม แจ็ค และมัน กำลังรุมโทรมเด็กสาวคนหนึ่ง และผมยิ่งตกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเด็กสาวคนนั้นคือ เอย รุ่นน้องของผมที่คณะ
“ฮึก.....พะ...พวกพี่ปล่อยน้องเอยไปเถอะนะคะ...ฮึกอย่าทำอะไรหนูเลย หนูกลัวแล้ว..ฮือๆๆ”
“ก็ ไหนน้องเอยบอกว่าชอบพี่วินไม่ใช่เหรอคะ ก็พี่วินกำลังจะมอบความรักให้น้องเอยอยู่นี่ไง แต่พอดีวันนี้เพื่อนพี่มันว่าง พี่เลยชวนมันมามอบความรักให้น้องเอยด้วย หลายๆคนอบอุ่นดีนะคะ จริงมั๊ยว่ะพวกมึง ฮ่าๆๆๆ” กวินมันพูดกับน้องเอยที่นอนเปลือยเปล่าบนเตียงพลางปลลดเสื้อผ้าตัวเองออก ก่อนจะหันมาถามโอมกับแจ็คแล้วระเบิดเสียงหัวเราะอันน่าขยะแขยงนั่นออกมา
“มะ...ไม่นะ อย่าเข้ามา.....ฮึก...ไม่ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!”
ผม,องภาพเหล่านั้นแล้วยิ่งสะอื้นไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ ภาพเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ขอร้องอ้อนวอนให้พวกมันหยุด แต่นอกจากที่พวกมันไม่หยุดแล้วยิ่งมีการลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายเธออีก ภาพน้องเอยในอดีตที่ผมพอจะจำได้ น้องเป็นเด็กเรียบร้อย น่ารักและเป็นที่รักของเพื่อนๆและพี่ๆ เด็กโก๊ะๆ ใสๆที่เวลาเจอทีไรเธอก็จะมีรอยยิ้มสดใสที่พร้อมจะมอบให้กับทุกคน แต่เอยในคลิปที่ผมกำลังดูแววตาที่เคยสดใสกับบวมช้ำและแดงกล่ำไปด้วยน้ำตา ริมฝีปากเล็กๆที่คอยมอบรอยยิ้มให้กับทุกคนกลับมีร้อยช้ำที่มุมปาก ผมไล่ดูคลิปที่เหลือในกล้องก็เจอคลิปคล้ายๆกันอีกสี่ห้าคลิป มีทั้งที่สมยอมบ้าง ไม่ยอมบ้าง มีคลิปที่มันมีอะไรกับผู้หญิงคนเดียวบ้างและบางคลิปเป็นคลิปที่พวกมันทั้ง สามรุมโทรมพวกเธอ หากใครขัดขืนก็จะโดนพวกมันขู่ว่าจะเอาคลิปไปประจานให้อายบ้าง จะส่งคนไปทำร้ายพวกเธอและครอบครัวหรือเพื่อนสนิทของพวกเธอบ้างล่ะ หลังจากที่ผมดูคลิปพวกนั้นเสร็จความเห็นใจเกี่ยวกับปมชีวิตของมันก็พังทลาย หายไปหมดในพริบตาผมจะทำให้พวกเลวระยำได้รับบทเรียนที่สาสมที่สุด.....วันนี้ ผมแวะมาหามันตั้งแต่เช้าพร้อมของขวัญสุดพิเศษสำหรับมัน ช่อดอกไม้สวยๆที่ผมบรรจงถือไว้ในมือถูกจัดใส่แจกันข้างเตียงของมันอย่าง ระมัดระวัง และไม่นานของขวัญที่ผมมอบให้กับมันก็กำลังสำแดงฤทธิ์ชนิดที่เรียกได้ว่าดี เกินคาดสมใจผมเลยทีเดียว
“หื้อ.........ฮือ........ฮึก......ฮือ........อึก” เสียงลมหายใจของกวินที่หอบแบบติดๆขัดๆจนเห็นได้ชัด พร้อมทั้งอาการทุรนทุรายเหมือนจะขาดใจตายซะให้ได้ ทำให้ผมยิ้มออกมากับภาพความสวยงามเกินกว่าจะจินตนาการตรงหน้า พอสมควรแก่เวลาผมก็เดินออกไปเพื่อที่จะไปตามหมอ หลังจากผมออกมาจากห้องพิเศษของกวินแล้วประตูปิดลงผมเหลือบตามองห้องพิเศษของ มันช้าๆก็จะพูดออกมาเบาๆกับตัวเอง
“รอ อีกนิดนะครับที่รัก เดี๋ยวแฟนคนนี้จะไปตามหมอมาให้ อย่าเพิ่งรีบตายไปซะก่อนล่ะ” ผมดินไปเรียกหมออย่างช้าๆพร้อมกับชมบรรยากกาศรอบๆโรงพยาบาลราวกับว่ามันเป็น พิพิธภัณฑ์ที่สวยงามมากก็มิปราณ ก่อนจะเจอพยาบาลที่เดินผ่านมา ผมจึงแจ้งอาการของมันกับเธอ
“ถ้า งั้นอาการของคนไข้ก็น่าเป็นห่วงมากๆเลยน่ะสิคะ แล้วทำไมคุณไม่กดปุ่มข้างเตียงล่ะค่ะไม่ต้องเดินมาตามเองก็ได้” เธอถามด้วยอาการสงสัย ก่อนผมจะแสร้งทำทีเป็นตื่นตระหนกบอกเธอออกไป
“คือ ผะ..ผมตกใจกลัวจนทำอะไรไม่น่ะถูกน่ะครับ ผมว่าคุณไปตามหมอเร็วๆจะดีกว่าจะมายืนถามผมแบบนี้น่ะครับ ถ้าแฟนผมเค้าเป็นอะไรไปผมคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆเลย”
“เอ่อ...ค่ะๆ เดี๋ยวชั้นจะรีบไปตามคุณหมอให้เดี๋ยวนี้แหละค่ะ” พูดเสร็จเธอก็รีบเดินออกไป
.....“อาการ ของคนไข้ตอนนี้ไม่เป็นอะไรมากแล้วนะครับ คนไข้คงจะแพ้เกสรดอกไม้น่ะครับ ยังดีที่ตามหมอทันไม่งั้นอาการของคนไข้คงจะทรุดกว่านี้ ดีไม่ได้อาจถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็ได้นะครับ ถ้ายังไงญาติคนไข้ก็ช่วยบอกคนที่จะเข้ามาเยี่ยมว่าห้ามนำดอกไม้เข้ามาในห้อง นี้ด้วยก็แล้วกันนะครับ” หลังจากที่หมอตรวจอาการมันเสร็จก็เดินออกไปพร้อมๆกับพยาบาล จนช่วงสายๆในขณะที่ผมกำลังจะเคลิ้มหลับก็มีเสียงเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาจน ผมสะดุ้งตื่น
“กะ..กวินๆ ลูกแม่ ฮึก...ฮือๆ” เสียงวัยกลางคนยืนร้องไห้ข้างๆเตียงของมันตามด้วยหญิงสาววัยไร่เลี่ยกับผม ที่สวยสะดุดตา แต่เธอทั้งสองคงจะยังไม่ทันสังเกตถึงไม่เห็นผมที่นั่งอยู่โซฟาตรงมุมของห้อง
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเป็น....” ยังไม่ทันจะถามจบแม่ของกวินก็หันมามองผมตาเขียวก่อนจะเบิกตากว้างแล้วชี้มือมาที่ผม
“แก.... หึ...นี่น่ะเหรอแฟนของตาวิน แกใช่มั๊ยที่ทำให้ลูกของชั้นกลายมาเป็นพวกวิปริตผิดเพศแบบนี้” พูดจบเธอก็เดินเข้ามาประชิดตัวผมจนแทบตั้งตัวไม่ทัน หวังว่าผมคงไม่ต้องมาเจอศึกแม่ผัวลูกสะใภ้อย่างในละครหรอกนะ
“นี่คุณรู้?”
“มี อะไรที่เกี่ยวข้องกับลูกชายของชั้นแล้วชั้นจะไม่รู้เรื่องบ้างล่ะ คนอย่างพวกแกจะต้องการอะไรจากลูกชายของชั้น นอกจากชื่อเสียง เงินทอง เหมือนพวกผู้หญิงชั้นต่ำที่เที่ยวมาเกาะแกะลูกชายชั้นสินะ” เธอพ่นคำพูดเหล่านั้นออกมาก่อนจะปรายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตา เหยียดๆ
“ฮ่ะ...ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนเธอและผู้หญิงที่ตามมาด้วยมองผมด้วยสีหน้างงๆว่าผมหัวเราอะไร
“หัวเราะอะไรของแก วิปริตยังไม่พอ นี่แกเป็นบ้าไปด้วยเหรอไง”
“คนที่บ้านี่น่าจะเป็นคุณมากกว่านะครับ แหม! ผมก็เพิ่งจะรู้นะครับเนี่ยว่าพวกผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดินอย่างพวกคุณจะ ทักทายคนอื่นที่เพิ่งรู้จักกันด้วยคำพูดและกริยาต่ำๆแบบนี้ แล้วอีกอย่างที่ผมขำเพราะความคิดของคุณที่ว่าผมจะมาจับลูกชายคุณน่ะสิครับ ฮ่ะๆๆๆ ไม่รู้ว่าคิดได้ยังไง เหมือนไม่ค่อยได้ใช้สมองเลยเนอะ ฮ่าๆๆๆๆ”
“นี่แกกล้าด่าชั้นเหรอห๊า?” เธอตรงเข้ามาพร้อมง้างมือขึ้นทำท่าจะตบผมจนหญิงสาวที่มาด้วยกันรีบเข้ามาห้ามเอาไว้
“คุณแม่ค่ะ อย่าค่ะ เราอย่าเอาเพชรเม็ดงามเลอค่าไปครูดกับกระเบื้องห้องน้ำสาธารณะที่สกปรกโสโครกแบบนั้นเลยนะคะ” เธอพูดก่อนจะมองมาที่ผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“จริง สินะหนูเหมียว ขอบใจที่เตือนสติของแม่ ส่วนแกรู้เอาไว้ซะว่านี่คือหนูเหมียวว่าที่ลูกสะใภ้ของชั้นคนนี้และคนเดียว และชั้นจะไม่มีวันยอมรับใครทั้งนั้น” เธอพูดก่อนยิ้มเหยียดมาให้ ส่วนผมน่ะเหรอก็แค่ยิ้มให้พวกเธออย่างนึกสมเพช
“ดูสิค่ะคุณแม่เราว่ามันขนาดนี้มันยังไม่สำนึกอีก”
“โถ ลูก เราจะไปเอาอะไรกับพวกชั้นต่ำที่พ่อแม่ไม่อบรมสั่งสอนล่ะจ๊ะ”แม่ของกวินพูด ขึ้นมาซึ่งนั่นทำให้ความอดทนของผมมันพร้อมที่จะระเบิด ผมปรี่เข้าไปพร้อมทั้งกระชากแขนของเธอมา ก่อนจะมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนที่เธอทำกับผม
“ใช่ แม่ผมไม่ได้สั่งสอนเพราะว่าตอนนี้แม่ผมเธอไปอยู่บนสวรรค์แล้ว แต่ก็ยังดีกว่าคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่และยังมีชีวิตอยู่ แต่วันๆกับทำตัวน่ารังเกียจเที่ยวเอากับคนนั้นคนนี้ไปทั่วไม่เว้นแม้กระทั่ง คนใช้ในบ้านทั้งที่ตัวเองก็มีสามีอยู่แล้ว จนไม่มีเวลาอยู่ดูแลอบรมสั่งสอนลูกจนลูกมันเกลียดแม่ตัวเองเข้าไส้ แต่ก็ยังมีหน้ามาด่าว่าคนอื่นว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนอีกเนี่ย คุณคิดว่าผมควรจะบอกยังไงมันถึงจะได้ซึมซับเข้ากลีบสมองของคนประเภทนี้ดีครับ” เธอนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก คงจะคิดว่าผมไม่รู้เรื่องราวโสมมของเธอสินะถึงได้เที่ยวมาพูดจาดูถูกคนอื่นแบบนี้
“นี่ แกพูดอะไรของแกของน่ะ แล้วปล่อยแขนคุณแม่เดี๋ยวนี้เลยนะ”ผมหันขวับไปมองเหมียวอย่างเอาเรื่องจนเธอ สะดุ้งไม่กล้าเข้ามายุ่ง ก่อนจะปล่อยมือแม่ของกวินมันช้าๆ
“ฮึม.....เท่าไหร่?” หลังจากที่เธอปรับสีหน้าที่อึ้งตกใจกับสิ่งที่ผมพรั่งพรูออกแล้วเธอก็กระแอมเบาๆก่อนเปร่งเสียงถามออกมาเหมือนเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ
“อะไรของคุณ”
“ชั้นถามว่าแกต้องการเท่าไหร่ ถึงจะออกไปจากชีวิตของลูกชายชั้น”
“........” ผมยังเงียบไม่ตอบก่อนจะมองหน้าเธอนิ่งๆ
“นี่แกไม่ได้ยินที่ชั้นถามรึยังไง ต้องการเท่าไหร่ถึงจะ.......” เธอยังพูดไม่จบผมก็ส่งยิ้มไปให้พร้อมตอบออกมาเสียงดังฟังชัด
“ร้อยล้าน”
“ห๊า?/ว่าไงนะ” สองคนนั่นร้องออกมาด้วยความตกใจและไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ร้อยล้านบาทขาดตัว”
“อ้อ!! ผมขอเป็นเงินสดนะครับ ไม่รับเช็ค กลัวเด้ง”
- - - - - TBC - - - - -
เอามาเสิร์ฟแล้วนะครับ ร้อนๆแซ่บๆ ไม่รู้จะถูกใจกันบ้างรึป่าวเค้ารู้ตัวว่าเป็นนักเขียนที่ไม่ค่อยมีวินัยเท่าไหร่ แต่ก็พยายามหาเวลาว่างๆมานั่งแต่งและจะพยายามไม่หายไปนานๆ(ถ้าไม่จำเป็นนะครับ) พอดีเพิ่งเคลียร์งานเสร็จจริงๆแต่สัญญาว่าจะไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอนยังไงก็จะต้องแต่งให้จบแน่ๆครับไม่ต้องห่วง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ